"ข้าคือหยวนกัง ได้รับพระราชโองการจากองค์จักรพรรดิ ให้เป็นทูตมายังแคว้นเจา""ใต้เท้าหยวนเป็นแม่ทัพบู๊หรือ?" เซียวหลันยวนามออกมาตรงๆ"ฮ่าๆๆ" หยวนกังหัวเราะร่าออกมา "ข้ารู้อยู่แล้วว่าพวกเจ้าพอเห็นข้า จะต้องประหลาดใจ ถูกต้อง ข้าคือขุนพลบู๊ เพราะจากแคว้นหมิ่นมายังเมืองหลวงแคว้นเจาค่อนข้างไกล ต้องเดินทางนาน ลมพายุหิมะอะไรอีก เกรงว่าร่างกายข้าราชการพลเรือนจะไม่ได้แข็งแกร่งขนาดนั้น จึงทำได้แค่ส่งแม่ทัพบู๊เข้ามา"แบบนี้เองหรือ?"แต่ว่า ข้าเองก็ได้ทั้งบู๊บุ๋นนะ ไม่ใช่แค่หยาบกระด้างอย่างเดียว"ชิงอีมองหยวนกังอย่างอยากรู้อยากเห็น ใต้เท้าทูตคนนี้ความมั่นใจในตนเองแข็งแกร่งมาก ยังกล้าชมตนเองแบบนี้ด้วย"ท่านพ่อ"ชายหนุ่มข้างกายหยวนกังคนนั้นส่งเสียงขึ้นพวกเขามองข้ามเขาไปเลยหยวนกังจึงเอ่ยขึ้น "จริงด้วย รู้จักกันหน่อย นี่คือลูกชายข้า หยวนอี้! เขามาเพราะท่านเลยนะ!""มาเพราะข้าหรือ?"เซียวหลันยวนตอนนี้จึงมองไปทางหยวนอี้เขารูปร่างสูงแต่ไม่เท่าคนพ่อ รูปร่างเล็กกว่าพอควร แต่คิ้วตาคมคาย หล่อเหลาเอาการ"ใช่แล้ว ข้าได้ยินชื่อเสียงของอ๋องเจวี้ยนมานาน จึงอยากมาเห็นกับตาสักครั้ง อ้อนวอนท่านพ่ออยู่นา
เขาไม่หยุด เดินขึ้นรถม้าไปชิงอีคารวะให้กับพ่อลูกหยวนกัง ทำสัญญาณมือ "เชิญ" "ใต้เท้าทูต คุณชายหยวน เชิญ"ทางนั้น เยว่เจียกุ้ยเดิมทียังรอให้เซียวหลันยวนผิดใจกับทูต ให้สองฝ่ายปะทะกันขึ้นมาเมื่อครู่เขามองออกไป แม้จะไม่ได้ยินว่าพวกเขาพูดอะไรกัน แต่ชัดเจนมาก ท่าทีของอ๋องเจวี้ยนไม่ได้มีไมตรีเลยออกจากเมืองมาต้อนรับ พูดแค่คำสองคำก็หมุนตัวขึ้นรถม้าเนี่ยนะ?แต่คิดไม่ถึงว่าทางกลุ่มทูตจะไม่มีความเห็นอะไร กลับขึ้นรถม้าไปใหม่จริงๆ ขบวนก็ติดตามรถม้าอ๋องเจวี้ยนไปยังเมืองหลวง"เร็ว พวกเราก็ตามไปด้วย"ชาและของว่างจากในวังที่เขานำมา แล้วก็สาวงามที่เขาเลือกมาอย่างดี ล้วนไม่ได้ส่งออกไปเลยนี่คงต้องหาโอกาสใหม่สินะ?ทูตแคว้นหมิ่นพอออกเดินทาง ก็เข้าเมืองหลวงอย่างยิ่งใหญ่นี่ยังมีอ๋องเจวี้ยนออกไปต้อนรับด้วยเหล่าประชาชนล้วนรู้สึกอยากรู้อยากเห็นต่อแคว้นหมิ่น ดังนั้นสองฟากถนนจึงแน่นด้วยผู้คน ล้วนอยากมาเห็นว่าคนของแคว้นหมิ่นหน้าตาเป็นอย่างไรก่อนหน้านี้เพราะโรคนั้นของชินอ๋องเซียว ทุกคนล้วนกลัวติดโรคระบาด บรรยากาศเมืองหลวงถูกกดลงไปช่วยหนึ่ง และเพราะได้ยินเรื่องผู้ประสบภัยเมืองเจ้อ พวกเขาเองก็กังวลว่า
คณะทูตเข้ามาในตำหนักใหญ่"หยวนกังทูตจากแคว้นหมิ่น คารวะองค์จักรพรรดิแคว้นเจา!"หยวนกังพาลูกชายเข้ามา พ่อลูกทั้งสองคนล้วนประสานมือคารวะกับองค์จักรพรรดิ ไม่ได้ลงขุกเข่าโขกศีรษะพระชายาเยว่มององค์จักรพรรดิ เอ่ยขึ้นเสียงแผ่ว "ฝ่าบาท ทูตไม่คุกเข่าหรือ?"ที่ไม่คุกเข่าด้วยยังมีอ๋องเจวี้ยนอีกอ๋องเจวี้ยนพเข้ามาก็เอาแต่ยืนอยู่ข้างๆ ไม่พูดอะไรเลยสักคำเดียว นี่คือเมินองค์จักรพรรดิอย่างสมบูรณ์พระชายาเยว่เองก็ขัดตามาก แต่นางก็ไม่กล้าพูดอะไร"ไม่คุกเข่าก็ไม่คุกเข่าสิ"องค์จักรพรรดิแม้จะรู้สึกไม่ค่อยชอบใจ แต่เขาก็ไม่คิดจะทำให้ทูตแคว้นหมิ่นดูแย่ตั้งแต่พบเขาหัวเราะร่า พิจารณาพ่อลูกหยวนกัง "ทูตหยวน แล้วคนนี้คือ?""กระหม่อมหยวนอี้""เป็นชายหนุ่มที่หล่อเหลาจริงๆ" องค์จักรพรรดิรีบชมขึ้นมา"ขอบพระทัยฝ่าบาท" หยวนอี้ขานรับมาทันที"ทั้งสองท่านเหน็ดเหนื่อยเสียแล้ว ข้าได้ยินว่าพวกท่านจะมา จึงค่อนข้างเบิกบาน สั่งให้คนไปเตรียมอาหารและสุราเลิศรสไว้แล้ว รอพวกท่านไปพักผ่อนกันก่อน ค่ำๆ พวกเราค่อยมาชมระบำร่ำสุรา แล้วค่อยคุยกัน!"องค์จักรพรรดิพูด มองออกไปด้านนอกตำหนักได้ยินว่ามีรถม้าหลายคันนี่นา เอาอะไ
องค์จักรพรรดิพอรับหมอหญิงสองคนนี้ ก็ให้คนพาพวกนางไปที่วังหลังทันทีพระชายาเยว่แทบจะทำเล็บตัวเองหักแล้วนางสูดหายใจลึก ดวงตาเต็มไปด้วยความชิงชัง แต่ก็ข่มระงับเอาไว้อย่าคิดว่าประโยคเมื่อกี้นางไม่ได้ยินนะ นางอยู่ใกล้องค์จักรพรรดิมากที่สุด ต่อให้เป็นหมอหญิงอะไรนั่น? ก็ไม่ควรมาวุ่นวายในวังไหม?แต่ว่าสายตานางกวาดไปยังเหล่าขุนนาง กลับพบว่าบนหน้าพวกเขาล้วนมีสีหน้าชื่นชอบกันทั้งนั้นผู้ชายเฮงซวยพวกนี้ ล้วนรู้สึกว่าหมอหญิงจากแคว้นหมิ่นนี้ส่งมาได้ดีมาก!พระชายาเยว่มองไปทางอ๋องเจวี้ยน แต่หน้ากากบนหน้าเขานั้นก็เกะกะเสียจริง มองไม่เห็นหน้าตาของเขาเลย และไม่รู้ว่าเขาเป็นเหมือนพวกผู้ชายคนอื่นไหม ที่จะน้ำลายไหลต่อหมอหญิงเอวบางสองคนนั่น"องค์จักรพรรดิแคว้นหมิ่นก็เกรงใจจริงๆ ดูท่าแคว้นเจาพวกเราคงต้องเรียนรู้จากแคว้นหมิ่นบ้างแล้ว ผลักดันเรื่องหมอหญิง" องค์จักรพรรดิพูดมาคำหนึ่งเหล่าขุนนางทยอยกันขานรับ"มีหมอหญิงไว้ก็ไม่เลวจริงๆ""พวกเจ้าหลังจากกลับไปก็ลองดูลูสาวว่าสนใจเรียนแพทย์ไหม" องค์จักรพรรดิมองเซียวหลันยวน "ถึงตอนนั้นก็ให้พระชายาอ๋องเจวี้ยนรับศิษย์เสีย ร่ำเรียนวิชาแพทย์กับพระชายาอ๋องเจวี้ย
"เชิงเทียนชิ้นนี้ องค์จักรพรรดิสามารถสังคนให้ลองจุดเทียนดูได้"มีคนวังเข้ามา จุดเทียนขึ้นแสงเทียนถูกหยกน้ำงามที่ใสบริสุทธิ์ส่องกระทบ จนเปล่งวงแสงเล็กๆ ออกมานับไม่ถ้วน ตัวหยกน้ำงามก็ถูกยอมไปดวงแสงระยับจับตา มองแล้วงดงามอย่างมาก"สวย สวยงามมากจริงๆ!""นี่คือกล่องแต่งหน้า ด้านบนสลักดอกนกกระเรียนที่เป็นตัวแทนความมั่งคั่งและอายุยืนของแคว้นหมิ่นเราไว้ เห็นหรือยัง? แกนกลางดอกไม้นี้เป็นสีม่วง และหยกน้ำงามชิ้นนี้ก็มีหลายจุดที่เปล่งแสงม่วงด้วย สอดคล้องกับดอกนกกระเรียนได้อย่างสมบูรณ์ กล่องแต่งหน้าทั้งใบจึงเปล่งแสงสีม่วงออกมา งดงามจับตามาก"หยวนอี้อธิบายให้กับพวกเขาอยู่ข้างๆ พูดขึ้นอย่างภูมิใจพระชายาเยว่พอได้ยินก็นั่งไม่อยู่แล้ว อย่างอื่นนางฟังอย่างใจเย็นได้ แต่พอได้ยินสิ่งที่เป็นตัวแทนของความมั่งคั่งอายุยืน แล้วยังเป็นกล่องแต่งหน้าหยกน้ำงามสีม่วง นางก็ลุกขึ้นเดินเข้ามาทันทีไม่ได้ นางต้องรีบดูเสียหน่อยพอมองไป กล่องแต่งหน้าหยกน้ำงามสีม่วงนี้ดูซับซ้อนและหรูหรามาก จุดกึ่งโปรงใสนั่น แสงม่วงวิบวับ งดงามจนส่องประกายในตานางสวยมากเลย!นี่เป็นของชิ้นเดียวในแคว้นเจาแน่นอน!ของที่งดงามขนาดนี
ผลอายุวัฒนะ!"ผลชนิดนี้ ไม่ใช่ปรากฏแค่ในหนังสือที่เล่าเรื่องในตำนานหรอกหรือ?" มีขุนนางใหญ่สงสัยขึ้นมา"ใต้เท้าคำนี้กล่าวผิดไปแล้ว คนที่บันทึกหนังสือไม่มีทางเขียนอะไรมั่วซั่วแน่นอน ในเมื่อหนังสือยังมีการพูดถึงผลอายุวัฒนะ เช่นนั้นก็ต้องมีผลไม้ชนิดนี้อยู่จริงๆ"หยวนกังส่ายหัว สายตาเหลือบมองไปยังขุนนางใหญ่ที่สงสัยคนนั้น สายตานั่นเหมือนกำลังบอกว่า: เจ้านี่มันความรู้ตื้นเขินเสียจริง"เพียงแต่ยาอายุวัฒนะนี้ก็ไม่ได้มหัศจรรย์สุดยอดดั่งที่หนังสือกับตำนานพรรณนาไว้ แน่นอนว่าไม่ใช่กินแค่ผลเดียวก็เพิ่มพลังภายในถึงหกสิบปี หรือกินแล้วผมขาวจะเปลี่ยนเป็นผมดำทันที ทำให้คนหนุ่มขึ้นสิบปี แล้วก็ไม่สามารถทำให้เลือดกระดูกงอกใหม่ออกมาได้ด้วย""แล้วก็เป็นแค่ชื่อหรือ?"ถ้าหากไม่ได้ยอดเยี่ยมขนาดนั้น แล้วทำไมถึงเรียกว่าผลอายุวัฒนะ"ไม่ๆๆ แน่นอนว่ามันมีสรรพคุณอยู่ สิ่งนี้ฝ่าบาทของพวกเราเคยประสบมากับตัว มีอยู่ครั้งหนึ่ง ฝ่าบาทของเราจู่ๆ ก็ปวดแน่นหน้าอก หน้าขาวซีดไปในพริบตา หน้ามืด หายใจไม่ทัน นิ้วมือเองก็เริ่มชักกระตุก...""รุนแรงขนาดนั้นเชียว" องค์จักรพรรดิร้องตกใจ"พะย่ะค่ะ ตอนนั้นฝ่าบาอทของเราล้มลงไปแล้ว
หลังจากแคว้นหมิ่นส่งต้นไม้นี้แล้ว ก็ยังส่งเมล็ดพันธุ์อาหารมาให้อีกหลายชนิด สิ่งเหล่านี้ล้ำค่ามาก เพราะเป็นพืชที่ไม่มีในแคว้นเจา!ได้ยินว่าผลผลิตต่อไร่ก็ยังสูงมาก ถ้าพวกเขาสามารถปลูกได้ เช่นนั้นเรื่องเสบียงหลังจากนี้ก็จะไม่ขาดแล้ว!สิ่งนี้สำหรับคลังหลวงแล้ว ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่เลยทีเดียวเพราะสิ่งเหล่านี้ล้วนต้องถ่ายทอดประสบการณ์ แคว้นหมิ่นเองก็พาขุนนางเกษตรหลายคนเข้ามา คงต้องอยู่ในแคว้นเจาระยะหนึ่งองค์จักรพรรดิตอนนี้จึงคาดหวังว่าพวกเขาจะอยู่กันนานหน่อย จะได้เรียนรู้สิ่งเหล่านี้มานอกเหนือจากนี้ พวกเขาเองก็ต้องหาข่าวเรื่องแคว้นหมิ่นจากคนเหล่านี้ด้วยของขวัญพวกนี้ ทำให้จักรพรรดิหน้าบาน ดังนั้นจึงรับรองพวกเขาไว้ในวังราชนิเวศน์"องค์จักรพรรดิ อ๋องฉยงยังพักฟื้นอยู่ในวังราชนิเวศน์..." ขันทีรีบเตือนองค์จักรพรรดิขึ้นมาคำหนึ่ง"ข้าลืมที่ไหนเล่า? ให้อ๋องฉยงย้ายไป..." องค์จักรพรรดิคิดๆ "ข้าไม่ใช้มอบบ้านให้ท่านหญิงปิงอวี้ไปหลังหนึ่งหรือ? ให้อ๋องฉยงย้ายไปที่นั่นก่อน ให้พ่อลูกได้อยู่ด้วยกันด้วย มีลูกสาวกับภรรยาผู้น้อยดูแล ก็ไม่ได้แย่กว่าสาวใช้หรอกนี่?""องค์จักรพรรดิปราดเปรื่องนัก"ดังนั้
"อ๋องเจวี้ยน?"คนวังที่คอยเฝ้าของเหล่านี้พอเห็นเซียวหลันยวนเข้ามาก็รีบทำความเคารพขณะเดียวกันพวกเขาก็รู้สึกแปลกหน่อยๆ อ๋องเจวี้ยนเข้ามาทำอะไร?"อืม"เซียวหลันยวนขานรับคำหนึ่ง มองไปยังเครื่องปั้นหยกน้ำงามเหล่านั้น"เปิดฝาให้ข้าดูหน่อย""ขอรับ" คนวังแม้จะรู้สึกแปลกๆ แต่ก็ไม่กล้าปฏิเสธหลังจากเปิดฝาทั้งหกออก เซียวหลันยวนก็เหลือบไปทางกล่องแต่งหน้าหยกม่วงใบนั้น แล้วจึงปิดฝาลงมา แล้วอุ้มขึ้นตั้งท่าจะเดิน"อ๋องเจวี้ยน!"คนวังตกตะลึง รีบเข้ามาขวาง"อื๋อ?""อ๋องเจวี้ยน นี่ นี่ องค์จักรพรรดิให้ท่านนำไปที่ตำหนักใหญ่หรือ?" คนวังไม่กล้าเงยหน้ามองเขา ทำได้แค่ถามเขาตะกุกตะกัก"เปล่า""เช่นนั้นท่านอ๋องจะทำสิ่งนี้ไปไหนหรือ?" คนวังแทบจะร้องไห้แล้ว"กลับจวนอ๋อง""อ๋า?" คนวังยิ่งลนลานเข้าไปใหญ่ "ท่านอ๋อง นี่ นี่มันเป็นของที่ทูตแคว้นหมิ่นส่งเข้าวังมานะ...""คิดว่าข้าไม่รู้เรอะ? คณะทูตข้าก็เป็นคนไปรับกลับเมืองหลวง ดังนั้นข้าเลือกของไปสักชิ้นเป็นค่าจ้างก็ไม่ได้เกินเลยนี่ ถ้าจักรพรรดิถามมา เจ้าก็บอกกับเขาแบบนี้เลย บอกว่าข้าชอบสิ่งนี้ เลยเอามันไป"เซียวหลันยวนพูดจบ ก็เดินผ่านคนคนนั้นออกไปอย่า
ส่วนฟู่จาวหนิงเองก็มองมาทางเขา เพราะเซียวหลันยวนไม่ได้ยื่นมือมาประคองนางในตอนแรก แต่กลับมองนางอย่างงงงันหน่อยๆฟู่จาวหนิงยังไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไร ใจก็ดำดิ่งหน่อยๆยังดีที่ตอนนางมองไปอีกครั้ง เซียวหลันยวนก็ยื่นมือมาดึงนางลุกขึ้นแล้ว จากนั้นไข่มุกหมึกในมือนางก็ส่งคืนไปยังเจ้าอาราม"คืนให้ท่าน"พริบตาที่เจ้าอารามยื่นมารับ เสียงเปรี๊ยะก็ดังขึ้น ไข่มุกหมึกลูกนั้นแตกละเอียดกะทันหันคนทั้งหมดล้วนตกตะลึง มองไปทางเศษหินที่รวงลงมานั่นพวกเขาล้วนถือไข่มุกหมึกกันมาแล้ว เดิมทีก็ยังดีดีอยู่ ไม่มีรอยร้าวอะไรเลย ยิ่งไปกว่านั้นตัวลูกปัดหยกก็ตันและแข็งแกร่ง หล่นลงพื้นก็ไม่แน่ว่าจะแตกด้วยซ้ำแต่ตอนนี้จู่ๆ มันก็เป็นแบบนี้ไปแล้วเจ้าอารามโค้งตัวลงเก็บชิ้นส่วนหยกขึ้นมา หยิบขึ้นมามองๆ"ไข่มุกหมึกทำนายดารา ข้าเองก็เหลืออยู่แค่เม็ดเดียวด้วย"อยู่กับเขามาหลายสิบปี ใช้มาก็ตั้งหลายครั้ง ตอนนี้จู่ๆ ก็แตกเสียแล้วเซียวหลันยวนยื่นมือตัวเองออกมา "ข้าไม่ได้ออกแรงนะ""แล้วก็ไม่เหมือนบีบจนแตกด้วย"เจ้าอารามพูดพลางมองไปทางฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงหรุบตาลง เศษหินบนพื้นเหล่านั้น "หรือพวกท่านสงสัยว่าข้าทำ
เจ้าอารามสูดลมหายใจลึก"ผลลัพธ์นี้ไม่ค่อยดีนัก สิ่งที่มันชี้นำไป ทำให้อายวนเดินไปยังทางเลือกที่จะพาสู่ความพินาศ"พอได้ยินคำพูดเขา ฟู่จาวหนิงก็หน้าเปลี่ยนสีแต่นางกลับโมโหขึ้นมา"เฮอะ"ก่อนหน้านี้นางยังรู้สึกว่าจะอย่างไรก็ได้แต่ว่าตัวนางจะเป็นอย่างไร นางก็ยังไม่สนใจได้ เพราะนางไม่ใส่ใจ และไม่เชื่อว่าสิ่งเหล่านี้จะส่งผลกระทบกับตัวนางแต่เรื่องดันไปอยู่บนตัวเซียวหลันยวน นางก็ไม่ชอบใจขึ้นมาแล้วยิ่งไปกว่านั้น นางไม่รู้ว่าเซียวหลันยวนจะได้รัรบผลกระทบไหม ตัวนางเป็นคนที่ผ่านการข้ามภพมา แต่เขาไม่ใช่"อายวน" นางยื่นมือไปประคองเซียวหลันยวนเขาจับมือนางลุกขึ้นยืน มองดุนาง ยื่นมือลูบใบหน้านาง สีหน้าดูซับซ้อน"เจ้าลองดู"ฟู่จาวหนิงใจดำดิ่งหน่อยๆเพราะเขารู้สึกแปลกไปอย่างเห็นได้ชัด ปฏิกิริยานี้คือถูกส่งผลกระทบเข้าแล้วเมื่อครู่เขายังบอกนางอยู่เลยว่าถ้าไม่อยากคะเนทำนายก็ไม่ต้องทำ ตอนนี้เขากลับบอกว่าให้ลองดูเสียแล้วจิตใจต่อต้านกับความอยากเอาชนะของฟุ่จาวหนิงถูกกระตุ้นขึ้นมาแล้ว"ได้"นางขานรับ และไม่ลังเลอีก นั่งลงตรงหน้ามิติดาราทั้งสามผืนนั้น"ไข่มุกหมึก"เซียวหลันยวนส่งไข่มุกหมึก
เขาไม่อยากให้นางต้องฝืนตัวทำอะไรเพื่อตัวเขา"ข้ายินยอมทดสอบดู ไม่เป็นไร" ฟู่จาวหนิงบอกเขาเซียวหลันยวนชะงักไป "เช่นนั้นข้าก่อนแล้วกัน เจ้าลองดูผลลัพธ์ของข้าก่อนว่าเป็นอย่างไร แล้วค่อยตัดสินใจ"ตอนนี้เขาเองก็ยอมที่จะคะเนทำนายด้วย เพราะคำพูดประโยคนั้นที่เจ้าอารามพูดเมื่อครู่สามปีก่อนตอนที่เขาจะกลับเมืองหลวง ก็มีการวัดคะเนดาราไว้จริงๆ ทำให้เขารู้สึกได้อย่างชัดเจน ว่าเขาควรจะออกจากยอดเขาโยวชิงเวลานั้น และไปถึงเมืองหลวงในวันนั้นเขาเจอกับจาวหนิงถอนหมั้นกลางถนนในวันนั้น แต่งงานกับนางในวันนั้น ตอนนี้พอมาคิดก็ดูจะเป็นคู่รักวาสนาที่ฟ้าประทานมาจริงๆเพื่อความแม่นยำครั้งนี้ เขาเองก็ไม่กังขากับการวัดคะเนดาราเซียวหลันยวนนั่งขัดสมาธิลงตรงหน้ามิติดาราทั้งสามชิ้น ยื่นมือไปทางเจ้าอาราม "ไข่มุกหมึก""เจ้าจำไว้ด้วยว่าต้องขจัดสิ่งรบกวนออก อย่าต่อต้านการชี้นำ" เจ้าอารามส่งไข่มุกหมึกให้เขา จากนั้นจึงจุดธูปขึ้นเซียวหลันยวนหลับตา สองมือกุมไข่มุกหมึกตอนที่เขาเข้าสู่สภาวะลืมตนอย่างสมบูรณ์ ฟู่จาวหนิงก็แหงนหน้ามองท้องฟ้าด้วยสัญชาตญาณ เหมือนจะพบว่าแสงดาวเต็มท้องฟ้าจะสว่างเจิดจ้ากว่าเดิมเซียวหลันยวน
เจ้าอารามถอนใจอย่างจนใจอีกครั้ง ร้องเรียกพวกเขาไว้"กลับมาก่อน ทำไมพูดไม่ถูกหูหน่อยเดียวก็จะไปแล้วล่ะ? เดี๋ยวนี้อารมณ์ขึ้นง่ายขนาดนี้เชียว? ข้าก็แค่พูดเฉยๆ ไม่ใช่ว่ามองเสี่ยวฟู่แบบนี้เสียหน่อย"ฟู่จาวหนิงเองก็ยืนนิ่ง นางดึงเซียวหลันยวนไว้ตอนนี้นางเองก็น่าจะมองการวัดคะเนดาราของเจ้าอารามเป็นเหมือนเกมลึกลับเกมนึง เมื่อครู่ที่เห็นการเปลี่ยนแปลงขององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น นางรู้สึกอยากรู้อยากเห็นมากยิ่งไปกว่านั้น ฟู่จาวหนิงรู้สึกว่าเจ้าอารามทำให้นางจับทางไม่ถูกเหมือนกัน คนผู้นี้ต้องมีตัวตนที่ไม่ธรรมดาสำหรับเซียวหลันยวนแน่นอนสำหรับฮูหยินเฉิง เซียวหลันยวนบทจะไม่ยอมรับก็ไม่ยอมรับได้ จะหมดความผูกพันนั่นก็หมดไป แต่สำหรับเจ้าอารามนั้นไม่ได้เด็ดขาดไม่เช่นนั้นคงไม่พานางเดินทางนับพันลี้มายอดเขาโยวชิงแค่เพราะคำๆ เดียวของเจ้าอารามหรอกนางเองก็อยากรู้มาก สาเหตุอะไรที่ต้องให้พวกเขามาทำนายชะตาอะไรนี่ เจ้าอารามคิดจะทำอะไรกันแน่นอกเหนือจากนี้ ตัวนางเองก็ยังอยากรู้ ว่าการที่นางมายังแคว้นเจานี่ เป็นเพราะมีพลังลึกลับอะไรหรือเปล่าถ้าไม่ทำให้ชัดเจน หลังจากนี้นางคงจะตั้งรับไม่ไหวองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นถึ
เขามองไปทางเจ้าอารามอีกครั้ง น้ำเสียงเข้มงวดขึ้นมา"ท่านน้าเฉิงถ้าพูดแบบนี้จริง เช่นนั้นสายตานางก็ตื้นเขินไม่รู้จักกาลเทศะ นางเองก็ไม่เข้าใจจาวหนิง และยิ่งไม่เข้าใจว่าจาวหนิงผ่านอะไรมาบ้าง แล้วมีสิทธิ์อะไรถึงใช้ความคิดของตัวเองมาสรุป ดูท่าหลายปีนี้คงถูกเอาอกเอาใจในเมืองจื่อซวีจนเสียคนแล้วจริงๆ"เดิมทีเขาได้ยินว่าฮูหยินเฉิงตาแดงก่ำลงจากเขาไป ยังเคยคิดว่าว่าเพราะช่วยนี้เย็นชากับนางมากเกินไปหรือเปล่า เอาไว้ตอนที่จะกลับ พอผ่านอุทยานเขาเฉิงอวิ๋น ยังคิดจะเข้าไปบอกลานางเสียหน่อยแต่ตอนนี้เขารู้สึกแล้วจริงๆ ว่าใจคนมันพังไปแล้ว เช่นนั้นก็ยากที่จะได้รับการเคารพจากคนอื่นจริงๆ"ข้าจดจำได้ว่าตอนที่ข้ายังเล็กท่านน้าเฉิงเคยมาดูแลอยู่หลายครั้ง แต่อันที่จริงพวกเราก็ไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น หลังจากข้าโตมา พวกเราก็เจอกันน้อยครั้งมาก เจอกันก็เพียงแค่ทักทาย ข้าเรียกนางว่าท่านน้า ก็เพราะเคยชินมาจากตอนเด็กเท่านั้น"เซียวหลันยวนตอนพูดถึงจุดนี้น้ำเสียงก็เย็นลงมา"ตอนยังเล็กนางดูแลข้ามาหลายครั้ง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะอาเจ้าอุทยานกำชับไว้ ข้าจึงเคารพนาง แต่นางก็ควรวางตัวให้ถูก ไม่ใช่จะขึ้นมาเป็นผู้อาวุโสของข้าจริ
สายตาที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองเซียวหลันยวนดูซับซ้อนมาก ดูลังเล กำลังตัดสินใจและดูเจ็บปวดทรมานมากแต่หลังจากนี้นางกลับละทิ้งเรื่องที่จะกลับเมืองหลวงหาคนอื่นหรือกระทั่งเรื่องไปแคว้นหมิ่น แล้วิคดจะอยู่ข้างกายเจ้าอารามแทนหรือ?นี่มัน...ฟู่จาวหนิงพูดไม่ออกไปชั่วขณะ ไม่รู้ว่าการเปลี่ยนความคิดกะทันหันของนางมันเกิดขึ้นมาได้อย่างไรตอนนี้นางกลับรู้สึกอยากรู้อยากเห็นต่อวัดคะเนดารานี้เสียแล้ว องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นสัมผัสได้ถึงอะไรกันนะ?"องค์หญิงใหญ่พักอยู่ที่นี่สองสามวันก่อนก็ได้ เอาไว้ค่อยว่ากัน"เจ้าอารามเหลือบมองกระจกทรงมุมที่แสงดับไปแล้วผาดหนึ่ง จากนั้นก็มองใบหน้าองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น แอบถอนหายใจในใจเขาเองก็ทำไม่สำเร็จ บิดชะตาฝูอวิ้นกลับมาไม่ได้ชั่วคราวผิดพลาดตรงไหนกันแน่นะ?เจ้าอารามมองต่อไปทางฟู่จาวหนิง จากการทำนายส่วนตัวของเขา ทำนายไปทำนายมา ต้นกำเนิดตัวแปรทั้งหมดก็คือฟู่จาวหนิงดังนั้น เรื่องที่เกี่ยวกับฟู่จาวหนิง เขาต้องมาขบคิดให้ดีจริงจัง""เจ้าอารามรับข้าไว้เถอะ แม้ข้าจะทำอะไรไม่เป็นเลย แต่ก็ยังเรียนรู้ได้ ข้าเรียนรู้ทำกับข้าว จริงด้วย ข้าเป็นแแม่สื่อได้ด้วยนะ หลังจากนี้ชายเส
บนพื้นมีสามจุดเปล่งแสงขึ้นรางๆ ปรากฏรูปร่างสามแบบคือ แปดเหลี่ยม ทรงกลม ทรงมุมฟู่จาวหนิงเดินเข้าไปสองก้าว จึงพบว่านั่นเป็นกระจกหลากสีเรียบลื่นสามชิ้นสลักฝังอยู่บนพื้น ใต้กระจกน่าจะเป็นหินหยกผิวเรียบ และระหว่างหยกกับกระจกมีของเหลวสีแดงเจือสีเงินไหลเอื่อยๆ อยู่ยิ่งไปกว่านั้น เพียงไม่นาน ด้านบนยังมีแสงระยิบเหมือนดวงดาว ราวกับจำลองท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยแสงดาวออกมาเจ้าอารามเดินเข้าไปใกล้ กวักมือให้กับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น"มานี่"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็ค่อนข้างว่าง่าย เดินเข้าไปทันทีเจ้าอารามส่งลูกปัดหยกสีดำเม็ดหนึ่งให้นาง"นั่งขัดสมาธิ กำลูกปัดเม็ดนี้ไว้ สัมผัสดูว่ามันนำเจ้าไปยังมิติดาราไหน แล้วจงชี้ออกมา"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไม่ค่อยเข้าใจ แต่ก็ทำตามที่เขาบอกนั่งลงขัดสมาธิบนพื้น สองมือกุมลูกปัดนั้น ตั้งสมาธิสัมผัสผ่านไปครู่หนึ่ง นางจึงหันหลังอย่างลังเลไปทางทรงมุมนั้น"ทางนี้"ฟู่จาวหนิงยืนมองอยู่ข้างๆจากที่นางเห็น เจ้าอารามเหมือนคนที่กำลังเล่นละครหลอกคนอย่างไรอย่างนั้น เรื่องแบบนี้จะทำนายดวงชะตาออกมาได้อย่างไร?กำลูกปัดลูกหนึ่งไว้ ก็สามารถชักนำให้ตนเองเลือกกระจกหลากสีแผ่นไหนแบ
ดาวสองดวงนั้นประกายจ้ามาก แล้วยังอยู่ใกล้มากด้วย ส่องประกายให้กันและกัน เหมือนขานรับกันและกันไม่รู้เพราะอะไร พอเห็นดาวสองดวงนี้ ฟู่จาวหนิงรู้สึกมีความสุขขึ้นมานางมองไปทางเซียวหลันยวน ถามขึ้นเสียงแผ่วเบา "ท่านเห็นดาวดวงไหนหรือ?"เซียวหลันยวนไม่ตอบ แต่กุมมือนางมัน จับนิ้วนางชี้ออกไป"เอ๋?"ที่เซียวหลันยวนชี้ก็คือดาวสองดวงนั้น!หรือพวกเขาจะมองเห็นแบบเดียวกัน?แน่นอนว่าอาจจะเพราะดาวสองดวงนั้นสว่างไสวมากที่สุด คนอื่นเองก็อาจจะมองเห็นพวกมันด้วยฟู่จาวหนิงคิดเช่นนี้ เลยมองไปทางองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น แต่กลับเห็นนางมองไปทางอื่นนางมองไล่ตามสายตาองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไป ตรงนั้นมีดาวดวงหนึ่ง สว่างอยู่เหมือนกัน แต่ดาวที่อยู่รอบๆ เล็กเอามากๆ จึงส่องระยับอยู่เพียงดวงเดียวที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองอยู่น่าจะเป็นดวงนั้นกระมัง?ตอนที่นางจะเก็บสายตาก็กวาดไปเห็นซางจื่อพอดี และเห็นซางจื่อก็กำลังมองท้องฟ้า แต่สายตาของเขาดูสับสน สีหน้าเองก็ตกตะลึงไปฟู่จาวหนิงคิดๆ ถอยหลังสองก้าวไปอยู่ข้างๆ ซางจื่อซางจื่อเก็บสายตากลับ มองไปทางนาง ไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆ นางก็มาอยู่ข้างๆ"ซางจื่อ เจ้าชอบดาวดวงไหน?"ซา
"แต่ก่อนท่านเคยเห็นเขาระบำมาก่อนไหม?""ไม่มีเคยเลย"ตอนที่พวกเขาหยุดเท้ายืนมอง องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็มาถึงข้างกายพวกเขานางเองก็มองการร่ายรำบนแท่นชมดาว สายตาดูเคลิบเคลิ้มหน่อยๆ"ข้าได้ยินว่า แต่ก่อนตงฉิงก็มีระบำทำนายดวงดาวอยู่ประเภทหนึ่ง คิดค้นขึ้นมาโดยตระกูลราชครูตงฉิง นี่เป็นระบำที่ลึกลับมาก จังหวะก้าวเท้าทุกก้าวล้วนพิถีพิถัน นำมาซึ่งพลังแห่งดวงดาว ทำให้ผู้ทำนายดวงดาวมีพลังที่ลึกลับมากขึ้น ผลลัพธ์การทำนายเองก็แม่นยำขึ้น"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเองก็ลืมสิ่งที่เซียวหลันยวนพูดไว้เมื่อครู่ เรื่องที่ไม่ให้นางเข้ามาใกล้นัก แต่มายืนอยู่ข้างกายพวกเขา พูดเรื่องที่ตนเองรู้มาก่อนหน้านี้ออกมาอย่างอดไม่อยู่"ตระกูลราชครูของตงฉิง?" ฟู่จาวหนิงเหลือบมองนางผาดหนึ่ง"ใช่ นี่เป็นสิ่งที่ข้าได้ยินองค์จักรพรรดิของข้าบอกมา" องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นพอเห็นว่านางยอมพูดกับตนเอง ก็รู้สึกเหมือนได้รับเกียรติจนประหลาดใจขึ้นมา "ยิ่งไปกว่านั้นข้าก็ได้ยินว่าองค์จักรพรรดิข้าค้นหาตระกูลราชครูตงฉิงอยู่ตลอด ว่ากันว่า ตระกูลราชครูนั้นรู้ความลับมากมายของตงฉิง สามารถช่วยให้อาณาจักรมั่นคงได้ด้วย"เซียวหลันยวนร้องเฮอะขึ้นมาต้