แชร์

บทที่ 1710

ผู้เขียน: จุ้ยหลิงซู
คณะทูตเข้ามาในตำหนักใหญ่

"หยวนกังทูตจากแคว้นหมิ่น คารวะองค์จักรพรรดิแคว้นเจา!"

หยวนกังพาลูกชายเข้ามา พ่อลูกทั้งสองคนล้วนประสานมือคารวะกับองค์จักรพรรดิ ไม่ได้ลงขุกเข่าโขกศีรษะ

พระชายาเยว่มององค์จักรพรรดิ เอ่ยขึ้นเสียงแผ่ว "ฝ่าบาท ทูตไม่คุกเข่าหรือ?"

ที่ไม่คุกเข่าด้วยยังมีอ๋องเจวี้ยนอีก

อ๋องเจวี้ยนพเข้ามาก็เอาแต่ยืนอยู่ข้างๆ ไม่พูดอะไรเลยสักคำเดียว นี่คือเมินองค์จักรพรรดิอย่างสมบูรณ์

พระชายาเยว่เองก็ขัดตามาก แต่นางก็ไม่กล้าพูดอะไร

"ไม่คุกเข่าก็ไม่คุกเข่าสิ"

องค์จักรพรรดิแม้จะรู้สึกไม่ค่อยชอบใจ แต่เขาก็ไม่คิดจะทำให้ทูตแคว้นหมิ่นดูแย่ตั้งแต่พบ

เขาหัวเราะร่า พิจารณาพ่อลูกหยวนกัง "ทูตหยวน แล้วคนนี้คือ?"

"กระหม่อมหยวนอี้"

"เป็นชายหนุ่มที่หล่อเหลาจริงๆ" องค์จักรพรรดิรีบชมขึ้นมา

"ขอบพระทัยฝ่าบาท" หยวนอี้ขานรับมาทันที

"ทั้งสองท่านเหน็ดเหนื่อยเสียแล้ว ข้าได้ยินว่าพวกท่านจะมา จึงค่อนข้างเบิกบาน สั่งให้คนไปเตรียมอาหารและสุราเลิศรสไว้แล้ว รอพวกท่านไปพักผ่อนกันก่อน ค่ำๆ พวกเราค่อยมาชมระบำร่ำสุรา แล้วค่อยคุยกัน!"

องค์จักรพรรดิพูด มองออกไปด้านนอกตำหนัก

ได้ยินว่ามีรถม้าหลายคันนี่นา เอาอะไ
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • อ๋องพิการผู้โปรดปรานชายาแพทย์หยิ่งยโส   บทที่ 1711

    องค์จักรพรรดิพอรับหมอหญิงสองคนนี้ ก็ให้คนพาพวกนางไปที่วังหลังทันทีพระชายาเยว่แทบจะทำเล็บตัวเองหักแล้วนางสูดหายใจลึก ดวงตาเต็มไปด้วยความชิงชัง แต่ก็ข่มระงับเอาไว้อย่าคิดว่าประโยคเมื่อกี้นางไม่ได้ยินนะ นางอยู่ใกล้องค์จักรพรรดิมากที่สุด ต่อให้เป็นหมอหญิงอะไรนั่น? ก็ไม่ควรมาวุ่นวายในวังไหม?แต่ว่าสายตานางกวาดไปยังเหล่าขุนนาง กลับพบว่าบนหน้าพวกเขาล้วนมีสีหน้าชื่นชอบกันทั้งนั้นผู้ชายเฮงซวยพวกนี้ ล้วนรู้สึกว่าหมอหญิงจากแคว้นหมิ่นนี้ส่งมาได้ดีมาก!พระชายาเยว่มองไปทางอ๋องเจวี้ยน แต่หน้ากากบนหน้าเขานั้นก็เกะกะเสียจริง มองไม่เห็นหน้าตาของเขาเลย และไม่รู้ว่าเขาเป็นเหมือนพวกผู้ชายคนอื่นไหม ที่จะน้ำลายไหลต่อหมอหญิงเอวบางสองคนนั่น"องค์จักรพรรดิแคว้นหมิ่นก็เกรงใจจริงๆ ดูท่าแคว้นเจาพวกเราคงต้องเรียนรู้จากแคว้นหมิ่นบ้างแล้ว ผลักดันเรื่องหมอหญิง" องค์จักรพรรดิพูดมาคำหนึ่งเหล่าขุนนางทยอยกันขานรับ"มีหมอหญิงไว้ก็ไม่เลวจริงๆ""พวกเจ้าหลังจากกลับไปก็ลองดูลูสาวว่าสนใจเรียนแพทย์ไหม" องค์จักรพรรดิมองเซียวหลันยวน "ถึงตอนนั้นก็ให้พระชายาอ๋องเจวี้ยนรับศิษย์เสีย ร่ำเรียนวิชาแพทย์กับพระชายาอ๋องเจวี้ย

  • อ๋องพิการผู้โปรดปรานชายาแพทย์หยิ่งยโส   บทที่ 1712

    "เชิงเทียนชิ้นนี้ องค์จักรพรรดิสามารถสังคนให้ลองจุดเทียนดูได้"มีคนวังเข้ามา จุดเทียนขึ้นแสงเทียนถูกหยกน้ำงามที่ใสบริสุทธิ์ส่องกระทบ จนเปล่งวงแสงเล็กๆ ออกมานับไม่ถ้วน ตัวหยกน้ำงามก็ถูกยอมไปดวงแสงระยับจับตา มองแล้วงดงามอย่างมาก"สวย สวยงามมากจริงๆ!""นี่คือกล่องแต่งหน้า ด้านบนสลักดอกนกกระเรียนที่เป็นตัวแทนความมั่งคั่งและอายุยืนของแคว้นหมิ่นเราไว้ เห็นหรือยัง? แกนกลางดอกไม้นี้เป็นสีม่วง และหยกน้ำงามชิ้นนี้ก็มีหลายจุดที่เปล่งแสงม่วงด้วย สอดคล้องกับดอกนกกระเรียนได้อย่างสมบูรณ์ กล่องแต่งหน้าทั้งใบจึงเปล่งแสงสีม่วงออกมา งดงามจับตามาก"หยวนอี้อธิบายให้กับพวกเขาอยู่ข้างๆ พูดขึ้นอย่างภูมิใจพระชายาเยว่พอได้ยินก็นั่งไม่อยู่แล้ว อย่างอื่นนางฟังอย่างใจเย็นได้ แต่พอได้ยินสิ่งที่เป็นตัวแทนของความมั่งคั่งอายุยืน แล้วยังเป็นกล่องแต่งหน้าหยกน้ำงามสีม่วง นางก็ลุกขึ้นเดินเข้ามาทันทีไม่ได้ นางต้องรีบดูเสียหน่อยพอมองไป กล่องแต่งหน้าหยกน้ำงามสีม่วงนี้ดูซับซ้อนและหรูหรามาก จุดกึ่งโปรงใสนั่น แสงม่วงวิบวับ งดงามจนส่องประกายในตานางสวยมากเลย!นี่เป็นของชิ้นเดียวในแคว้นเจาแน่นอน!ของที่งดงามขนาดนี

  • อ๋องพิการผู้โปรดปรานชายาแพทย์หยิ่งยโส   บทที่ 1

    ณ เมืองหลวง แคว้นเจาบนถนนที่คึกคักหญิงสาวที่สวมชุดงดงามนางหนึ่งกำลังนำทหารหลายคนของนางไปดักขบวนแห่เจ้าสาวขบวนหนึ่งอย่างดุดัน“หลีกไป นี่คือคุณหนูใหญ่จากตระกูลของหมอเทวดาหลี่ หากว่าพวกเจ้าทำให้คุณหนูไม่พอใจระวังจะเดือดร้อน!” ผู้คนที่กำลังเดินอยู่บนถนนต่างพากันรีบหลีกทางให้ในทันที ด้วยกลัวว่าจะถูกลูกหลง เหล่าชาวเมืองมองไปที่ขบวนแห่เจ้าสาวที่ถูกตกแต่งด้วยความรู้สึกเห็นใจ “นี่เจ้าสาวจากตระกูลไหนกันเนี่ย? ไปทำอะไรให้คุณหนูใหญ่ตระกูลหลี่ขัดใจกัน?”“เจ้าไม่รู้หรือ? วันนี้เป็นวันแต่งงานของรัชทายาทเซียวกับคุณหนูตระกูลฟู่ คนที่นั่งอยู่ในเกี้ยวเจ้าสาวนั่นก็ต้องเป็นคุณหนูฟู่นั่นแหละ”โครม เกี้ยวเจ้าสาวถูกทหารของตระกูลหลี่ใช้กำลังบังคับให้หยุดลง หลังจากที่เกี้ยวเจ้าสาวเกิดการสั่นไหวอย่างรุนแรง ก็ได้ยินเสียงตุ๊บดังออกมา คล้ายจะเป็นเสียงของศีรษะที่กระแทกอะไรสักอย่าง“ไปเอาตัวฟู่จาวหนิงมา! แล้วก็ไปถอดชุดเจ้าสาวของนางทิ้งซะ!”คุณหนูใหญ่ตระกูลหลี่ชี้นิ้วไปยังเกี้ยวเจ้าสาวก่อนจะสั่งออกมาอย่างวางอำนาจ ทันใดนั้นทหารรับใช้ก็วิ่งไปแล้วยื่นมือไปเปิดม่านบังเกี้ยวเจ้าสาวทันทียายเฒ่าผู้ดูแลพิธีที่ยืนอยู่ด้านข้

  • อ๋องพิการผู้โปรดปรานชายาแพทย์หยิ่งยโส   บทที่ 2

    สมองจาวหนิงผุดภาพร่างกายที่อ่อนแอของผู้เฒ่าฟู่ขึ้นมาฟู่จาวหนิงกับรัชทายาทเซียวเดิมทีมีการหมั้นหมายอยู่ สุขภาพผู้เฒ่าฟู่เองก็ย่ำแย่ลงทุกวัน ความปรารถนาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขาคือสามารถเห็นหลานสาวแต่งเข้าจวนตระกูลเซียวได้อย่างราบรื่น ได้มีที่พึ่งพิงในภายภาคหน้า แต่ตระกูลเซียวก็ไม่ยอมเอ่ยเรื่องงานมงคลเสียทีช่วงนี้อาการป่วยของผุ้เฒ่าฟู่ก็ทรุดลงอย่างรวดเร็ว เขาเป็นลมหมดสติอยู่บ่อยครั้ง พอตื่นขึ้นมาก็จะคว้ามือของนางและกังวลเรื่องงานแต่ง ฟู่จาวหนิงก็ร้อนรน ดังนั้นแต่ละวันจึงเอาแต่เซ้าซี้รัชทายาทเซียว หลังถูกปฏิเสธมาหลายครั้ง นางจึงหยิบยกเอาคุณงามความดีที่บิดามารดาของนางเคยช่วยชีวิตองค์รัชทายาทไว้ออกมาให้องค์จักรพรรดิประทานจัดงานแต่งงานให้รัชทายาทเซียวก็ถูกบีบจนต้องจำใจยอมรับการแต่งงานกับฟู่จาวหนิงเซียวเหยียนจิ่งเองก็เป็นบุรุษรูปงามอันดับต้นๆ ในเมืองหลวงจริงๆ คิ้วกระบี่ดวงตาดอกท้อ จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากเชิด รูปหน้ายอดเยี่ยม ร่างสูงโปร่ง เสื้อคลุมสักหลาดพอดีตัวดูสูงส่ง ขับเน้นร่างของเขาออกมาจนตัวดูเป็นคนแต่นิสัยเป็นสุนัขเสียอย่างนั้นไม่แปลกที่หลี่จื่อเหยาหลงใหลเขามาตลอดพอคิดถึงสถาน

  • อ๋องพิการผู้โปรดปรานชายาแพทย์หยิ่งยโส   บทที่ 3

    เสียงโครมดังขึ้น เซียวเหยียนจิ่งรู้สึกว่าเลือดถูกต้มจนเดือดปุดขึ้นมาถึงกระหม่อม"ฟู่!จาว!หนิง!"เขากัดฟันเอ่ยชื่อฟู่จาวหนิงออกมาทีละคำๆนางกล้าดีอย่างไร จึงกล้ามาหยามหมิ่นเขาเช่นนี้?ชาวบ้านรอบๆ ก็ล้วนตาโตพูดไม่ออกกันหมด จากนั้นจึงมองพวกเขาทั้งสองและพยักหน้าเห็นด้วยแบบไม่รู้ตัว พวกเขารู้สึกว่าสิ่งที่คุณหนูฟู่พูดออกมานั้นถูกต้องเซียวเหยียนจิ่งจ้องนางอย่างเกลียดชัง "ฟู่จาวหนิง เจ้าอย่ามาเสียใจภายหลังแล้วกัน! ข้าตอนนี้จะคอยดู ว่าเจ้าจะไสหัวกลับไปอย่างไร! เจ้าอย่าลืมว่าปู่ของเจ้า ตอนนี้เขาก็เหมือนจะเหลือแค่ลมหายใจเฮือกสุดท้ายแล้วสินะ เจ้าเชื่อไหมว่าพอเจ้าเหยียบเข้าประตูจวนไปและเขารู้ว่าเจ้าถูกถอนหมั้น เขาคงขาดใจตายทันทีแน่?"ฟู่จาวหนิงจ้องเขาตาลุกโชนเซียวเหยียนจิ่งเจ้าผู้ชายขยะ ป่านนี้แล้วยังจะมาคุกคามนางอีก!แต่ฟู่จาวหนิงก็รู้ว่าสิ่งที่เขาพูดนั้นไม่ผิดเลย ผู้เฒ่าฟู่เวลานี้คงทนรับเรื่องแรงๆ ไม่ไหวเซียวเหยียนจิ่งพอเห็นนางไม่โต้กลับ ก็หัวเราะเสียงเย็นขึ้นมา "แล้วก็ที่เจ้าหยามหมิ่นรัชทายาทอย่างข้าวันนี้ ข้าจดจำไว้หมดแล้ว เจ้าอย่าได้หวังว่าจะหาสามีได้อีก"เขาจะคอยดูว่าตระกูลไหนจะก

  • อ๋องพิการผู้โปรดปรานชายาแพทย์หยิ่งยโส   บทที่ 4

    "จวนอ๋องเซียว?"ชายหนุ่มในรถม้าพอลิ้มรสสามคำนี้ น้ำเสียงก็เปลี่ยนทันควัน "ไสหัวไปไกลๆ"เซียวเหยียนจิ่งตะลึงงันด้วยโทสะ รู้ถึงตัวตนฐานะเขาแล้ว แต่กลับยังไล่ให้เขาไสหัวไป?"ไม่ได้ยินที่ท่านอ๋องพูดหรือ?" ทหารตบลงที่หัวม้า ม้างามก็ยกเท้าหน้าขึ้นทันที ถีบพัดเซียวเหยียนจิ่งออกไปอย่างแรง"อ๊า!"เซียวเหยียนจิ่งถูกม้าถีบจนปลิว ตกกระแทกลงไปที่หน้าหลี่จื่อเหยาพอดี นางรีบร้อนเข้าไปประคองตัวเขา "พี่เซียว!"นางกระโจนตัวขึ้น ถลึงตาไปทางรถม้าด้วยความโกรธ "อ๋องเจวี้ยนอะไรกัน! คุณหนูอย่างข้าไม่เห็นจะเคยได้ยิน ขนาดพี่ชายองค์รัชทายาทก็ยังรักข้ายอมให้ข้ามาตลอด แล้วเจ้าสูงส่งกว่าท่านพี่องค์รัชทายาทหรือ? ข้าจะบอกเจ้านะ บิดาข้าคือหมอเทวดาหลี่!"ทหารที่เดิมทีชักกระบี่ออกมาแล้วพอได้ยินคำว่าหมอเทวดาหลี่ ท่าทางก็หยุดลงทันที เขาหันหน้าไปมองฟู่จาวหนิง ลังเลขึ้นมา"อ๋องเจวี้ยนจะเสียเวลาอีกไม่ได้ โทษของเจ้าคนโง่ที่ไม่เคารพต่อท่านอ๋อง ข้าจะสั่งสอนนางแทนท่านอ๋องเอง"ฟู่จาวหนิงเอ่ยขึ้นเสียงขรึม กระชากกระบี่ของทหารออกมา สาวเท้าขึ้นหน้าไปทางหลี่จื่อเหยา ชูกระบี่ แสงเย็นวาบ เสียงแควกดังขึ้น หลี่จื่อเหยารู้สึกหน้าอ

  • อ๋องพิการผู้โปรดปรานชายาแพทย์หยิ่งยโส   บทที่ 5

    แม่เฒ่าประคองมือของนาง ตื่นเต้นจนเสียงสั่นพร่าไปหมด"พระชายา ท่านเดินดีดีหน่อยสิ ไอ๊หยาท่านดูสิ พรมแดงก็ปูมาอยู่หน้าเกี้ยวเจ้าสาวแล้ว ที่ประตูยังมีขบวนสาวรับใช้อยู่อีก แต่งกันด้วยเสื้อผ้าใหม่เอี่ยม นั่นสิเรียกว่าความสุข!""แต่คิดไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าเวลาเพียงแค่นี้ จวนอ๋องเจวี้ยนก็จัดการไว้หมดแล้ว"ฟู่จาวหนิงถูกประคองเข้าประตู และได้ยินเสียงตื่นเต้นของแม่เฒ่าพูดกับนางมาตลอดทาง ในใจก็ประหลาดใจอย่างมากเช่นกันหลังจากที่อ๋องเจวี้ยนรับปากจะแต่งงานบนถนน ระหว่างทางพวกเขาคงจะสั่งคนให้รีบกลับไปถ่ายทอดคำสั่งที่จวนอ๋องอย่างแน่นอน จากนั้นจึงจัดการตระเตรียมขึ้นมาให้ตายเถอะ นางประเมินอ๋องเจวี้ยนคนนี้ต่ำไปใช่ไหมนะกอดความสงสัยนี้ ฟู่จาวหนิงถูกประคองมาถึงโถงรับแขกกลางสวนดอกไม้แห่งหนึ่ง จากนั้นมีสาวใช้สองคนเดินเข้ามารับช่วงต่อจากยายเฒ่าผู้ดูแลพิธีการ"ข้าน้อยเฝิ่นซิงคารวะพระชายา""ข้าน้อยหงจั๋วคารวะพระชายา"เสียงหญิงสาวทั้งสองใสกังวาน หลังจากคารวะต่อฟู่จาวหนิงแล้วจึงอธิบายสถานการณ์กับนาง"พระชายา เวลานี้โถงพิธีการกับห้องหอกำลังจัดเตรียม ท่านอ๋องต้องไปเปลี่ยนชุดมงคล ข่าวการแต่งงานต้องเข้าวังเพื

  • อ๋องพิการผู้โปรดปรานชายาแพทย์หยิ่งยโส   บทที่ 6

    "ท่านอ๋อง ท่านเป็นอะไรไหม?"ชิงอีหันไปมองอ๋องเจวี้ยนอย่างตึงเครียด"ลากออกไป" อ๋องเจวี้ยนสีหน้าไร้อารมณ์"ขอรับ!"แม่นมทั้งสองคนยังคิดจะตะโกน แต่ก็ถูกกดจุดขมับแล้วลากออกไปชิงอีจึงหมุนตัว มองไปยังใบหน้าของอ๋องเจวี้ยนผาดหนึ่งอย่างรวดเร็ว และก็มองเห็นด้านหลังอ๋องเจวี้ยนมีฟู่จาวหนิงยื่นหัวออกมา รู้สึกสงสัยอย่างหนักหญิงสาวที่ชิงกระบี่จากมือเขาได้อย่างรวดเร็ว แต่พอเจอกับแม่นมสองคนกลับปอดแหกขึ้นมาหรือ?แต่ว่าพอเขาคิดอีกทีก็ไม่แปลก ถึงอย่างไรนั่นก็เป็นคนของฮองเฮา ฟู่จาวหนิงจะกล้าลงมือกับคนของฮองเฮาได้อย่างไร"ท่านอ๋อง จะกราบไหว้ฟ้าดินไหม" เขาถามขึ้นฟู่จาวหนิงพอได้ยินเขาถามเช่นนี้ก็เดินออกมาจากด้านหลังอ๋องเจวี้ยน "ดังนั้น พวกเจ้าที่แท้ไม่คิดจะกราบไหว้ฟ้าดินหรอกหรือ?"ชิงอีนิ่งงัน แต่สายตาที่มองนางกลับตกตะลึงขึ้นมาเขาคิดว่าฟู่จาวหนิงที่ไม่กรีดร้องเมื่อครู่ เพราะว่านางยังไม่เห็นใบหน้าของท่านอ๋อง แต่ตอนนี้นางกลับมองท่านอ๋องด้วยสีหน้าปกติ เห็นได้ชัดว่ามองเห็นแล้วนางไม่กลัวแผลเป็นของท่านอ๋องหรือ?"กราบไหว้ฟ้าดิน พิธีแต่งงานใหญ่" อ๋องเจวี้ยนมองฟู่จาวหนิงอย่างลึกซึ้ง "เจ้าแน่ใจว่าจะไ

บทล่าสุด

  • อ๋องพิการผู้โปรดปรานชายาแพทย์หยิ่งยโส   บทที่ 1712

    "เชิงเทียนชิ้นนี้ องค์จักรพรรดิสามารถสังคนให้ลองจุดเทียนดูได้"มีคนวังเข้ามา จุดเทียนขึ้นแสงเทียนถูกหยกน้ำงามที่ใสบริสุทธิ์ส่องกระทบ จนเปล่งวงแสงเล็กๆ ออกมานับไม่ถ้วน ตัวหยกน้ำงามก็ถูกยอมไปดวงแสงระยับจับตา มองแล้วงดงามอย่างมาก"สวย สวยงามมากจริงๆ!""นี่คือกล่องแต่งหน้า ด้านบนสลักดอกนกกระเรียนที่เป็นตัวแทนความมั่งคั่งและอายุยืนของแคว้นหมิ่นเราไว้ เห็นหรือยัง? แกนกลางดอกไม้นี้เป็นสีม่วง และหยกน้ำงามชิ้นนี้ก็มีหลายจุดที่เปล่งแสงม่วงด้วย สอดคล้องกับดอกนกกระเรียนได้อย่างสมบูรณ์ กล่องแต่งหน้าทั้งใบจึงเปล่งแสงสีม่วงออกมา งดงามจับตามาก"หยวนอี้อธิบายให้กับพวกเขาอยู่ข้างๆ พูดขึ้นอย่างภูมิใจพระชายาเยว่พอได้ยินก็นั่งไม่อยู่แล้ว อย่างอื่นนางฟังอย่างใจเย็นได้ แต่พอได้ยินสิ่งที่เป็นตัวแทนของความมั่งคั่งอายุยืน แล้วยังเป็นกล่องแต่งหน้าหยกน้ำงามสีม่วง นางก็ลุกขึ้นเดินเข้ามาทันทีไม่ได้ นางต้องรีบดูเสียหน่อยพอมองไป กล่องแต่งหน้าหยกน้ำงามสีม่วงนี้ดูซับซ้อนและหรูหรามาก จุดกึ่งโปรงใสนั่น แสงม่วงวิบวับ งดงามจนส่องประกายในตานางสวยมากเลย!นี่เป็นของชิ้นเดียวในแคว้นเจาแน่นอน!ของที่งดงามขนาดนี

  • อ๋องพิการผู้โปรดปรานชายาแพทย์หยิ่งยโส   บทที่ 1711

    องค์จักรพรรดิพอรับหมอหญิงสองคนนี้ ก็ให้คนพาพวกนางไปที่วังหลังทันทีพระชายาเยว่แทบจะทำเล็บตัวเองหักแล้วนางสูดหายใจลึก ดวงตาเต็มไปด้วยความชิงชัง แต่ก็ข่มระงับเอาไว้อย่าคิดว่าประโยคเมื่อกี้นางไม่ได้ยินนะ นางอยู่ใกล้องค์จักรพรรดิมากที่สุด ต่อให้เป็นหมอหญิงอะไรนั่น? ก็ไม่ควรมาวุ่นวายในวังไหม?แต่ว่าสายตานางกวาดไปยังเหล่าขุนนาง กลับพบว่าบนหน้าพวกเขาล้วนมีสีหน้าชื่นชอบกันทั้งนั้นผู้ชายเฮงซวยพวกนี้ ล้วนรู้สึกว่าหมอหญิงจากแคว้นหมิ่นนี้ส่งมาได้ดีมาก!พระชายาเยว่มองไปทางอ๋องเจวี้ยน แต่หน้ากากบนหน้าเขานั้นก็เกะกะเสียจริง มองไม่เห็นหน้าตาของเขาเลย และไม่รู้ว่าเขาเป็นเหมือนพวกผู้ชายคนอื่นไหม ที่จะน้ำลายไหลต่อหมอหญิงเอวบางสองคนนั่น"องค์จักรพรรดิแคว้นหมิ่นก็เกรงใจจริงๆ ดูท่าแคว้นเจาพวกเราคงต้องเรียนรู้จากแคว้นหมิ่นบ้างแล้ว ผลักดันเรื่องหมอหญิง" องค์จักรพรรดิพูดมาคำหนึ่งเหล่าขุนนางทยอยกันขานรับ"มีหมอหญิงไว้ก็ไม่เลวจริงๆ""พวกเจ้าหลังจากกลับไปก็ลองดูลูสาวว่าสนใจเรียนแพทย์ไหม" องค์จักรพรรดิมองเซียวหลันยวน "ถึงตอนนั้นก็ให้พระชายาอ๋องเจวี้ยนรับศิษย์เสีย ร่ำเรียนวิชาแพทย์กับพระชายาอ๋องเจวี้ย

  • อ๋องพิการผู้โปรดปรานชายาแพทย์หยิ่งยโส   บทที่ 1710

    คณะทูตเข้ามาในตำหนักใหญ่"หยวนกังทูตจากแคว้นหมิ่น คารวะองค์จักรพรรดิแคว้นเจา!"หยวนกังพาลูกชายเข้ามา พ่อลูกทั้งสองคนล้วนประสานมือคารวะกับองค์จักรพรรดิ ไม่ได้ลงขุกเข่าโขกศีรษะพระชายาเยว่มององค์จักรพรรดิ เอ่ยขึ้นเสียงแผ่ว "ฝ่าบาท ทูตไม่คุกเข่าหรือ?"ที่ไม่คุกเข่าด้วยยังมีอ๋องเจวี้ยนอีกอ๋องเจวี้ยนพเข้ามาก็เอาแต่ยืนอยู่ข้างๆ ไม่พูดอะไรเลยสักคำเดียว นี่คือเมินองค์จักรพรรดิอย่างสมบูรณ์พระชายาเยว่เองก็ขัดตามาก แต่นางก็ไม่กล้าพูดอะไร"ไม่คุกเข่าก็ไม่คุกเข่าสิ"องค์จักรพรรดิแม้จะรู้สึกไม่ค่อยชอบใจ แต่เขาก็ไม่คิดจะทำให้ทูตแคว้นหมิ่นดูแย่ตั้งแต่พบเขาหัวเราะร่า พิจารณาพ่อลูกหยวนกัง "ทูตหยวน แล้วคนนี้คือ?""กระหม่อมหยวนอี้""เป็นชายหนุ่มที่หล่อเหลาจริงๆ" องค์จักรพรรดิรีบชมขึ้นมา"ขอบพระทัยฝ่าบาท" หยวนอี้ขานรับมาทันที"ทั้งสองท่านเหน็ดเหนื่อยเสียแล้ว ข้าได้ยินว่าพวกท่านจะมา จึงค่อนข้างเบิกบาน สั่งให้คนไปเตรียมอาหารและสุราเลิศรสไว้แล้ว รอพวกท่านไปพักผ่อนกันก่อน ค่ำๆ พวกเราค่อยมาชมระบำร่ำสุรา แล้วค่อยคุยกัน!"องค์จักรพรรดิพูด มองออกไปด้านนอกตำหนักได้ยินว่ามีรถม้าหลายคันนี่นา เอาอะไ

  • อ๋องพิการผู้โปรดปรานชายาแพทย์หยิ่งยโส   บทที่ 1709

    เขาไม่หยุด เดินขึ้นรถม้าไปชิงอีคารวะให้กับพ่อลูกหยวนกัง ทำสัญญาณมือ "เชิญ" "ใต้เท้าทูต คุณชายหยวน เชิญ"ทางนั้น เยว่เจียกุ้ยเดิมทียังรอให้เซียวหลันยวนผิดใจกับทูต ให้สองฝ่ายปะทะกันขึ้นมาเมื่อครู่เขามองออกไป แม้จะไม่ได้ยินว่าพวกเขาพูดอะไรกัน แต่ชัดเจนมาก ท่าทีของอ๋องเจวี้ยนไม่ได้มีไมตรีเลยออกจากเมืองมาต้อนรับ พูดแค่คำสองคำก็หมุนตัวขึ้นรถม้าเนี่ยนะ?แต่คิดไม่ถึงว่าทางกลุ่มทูตจะไม่มีความเห็นอะไร กลับขึ้นรถม้าไปใหม่จริงๆ ขบวนก็ติดตามรถม้าอ๋องเจวี้ยนไปยังเมืองหลวง"เร็ว พวกเราก็ตามไปด้วย"ชาและของว่างจากในวังที่เขานำมา แล้วก็สาวงามที่เขาเลือกมาอย่างดี ล้วนไม่ได้ส่งออกไปเลยนี่คงต้องหาโอกาสใหม่สินะ?ทูตแคว้นหมิ่นพอออกเดินทาง ก็เข้าเมืองหลวงอย่างยิ่งใหญ่นี่ยังมีอ๋องเจวี้ยนออกไปต้อนรับด้วยเหล่าประชาชนล้วนรู้สึกอยากรู้อยากเห็นต่อแคว้นหมิ่น ดังนั้นสองฟากถนนจึงแน่นด้วยผู้คน ล้วนอยากมาเห็นว่าคนของแคว้นหมิ่นหน้าตาเป็นอย่างไรก่อนหน้านี้เพราะโรคนั้นของชินอ๋องเซียว ทุกคนล้วนกลัวติดโรคระบาด บรรยากาศเมืองหลวงถูกกดลงไปช่วยหนึ่ง และเพราะได้ยินเรื่องผู้ประสบภัยเมืองเจ้อ พวกเขาเองก็กังวลว่า

  • อ๋องพิการผู้โปรดปรานชายาแพทย์หยิ่งยโส   บทที่ 1708

    "ข้าคือหยวนกัง ได้รับพระราชโองการจากองค์จักรพรรดิ ให้เป็นทูตมายังแคว้นเจา""ใต้เท้าหยวนเป็นแม่ทัพบู๊หรือ?" เซียวหลันยวนามออกมาตรงๆ"ฮ่าๆๆ" หยวนกังหัวเราะร่าออกมา "ข้ารู้อยู่แล้วว่าพวกเจ้าพอเห็นข้า จะต้องประหลาดใจ ถูกต้อง ข้าคือขุนพลบู๊ เพราะจากแคว้นหมิ่นมายังเมืองหลวงแคว้นเจาค่อนข้างไกล ต้องเดินทางนาน ลมพายุหิมะอะไรอีก เกรงว่าร่างกายข้าราชการพลเรือนจะไม่ได้แข็งแกร่งขนาดนั้น จึงทำได้แค่ส่งแม่ทัพบู๊เข้ามา"แบบนี้เองหรือ?"แต่ว่า ข้าเองก็ได้ทั้งบู๊บุ๋นนะ ไม่ใช่แค่หยาบกระด้างอย่างเดียว"ชิงอีมองหยวนกังอย่างอยากรู้อยากเห็น ใต้เท้าทูตคนนี้ความมั่นใจในตนเองแข็งแกร่งมาก ยังกล้าชมตนเองแบบนี้ด้วย"ท่านพ่อ"ชายหนุ่มข้างกายหยวนกังคนนั้นส่งเสียงขึ้นพวกเขามองข้ามเขาไปเลยหยวนกังจึงเอ่ยขึ้น "จริงด้วย รู้จักกันหน่อย นี่คือลูกชายข้า หยวนอี้! เขามาเพราะท่านเลยนะ!""มาเพราะข้าหรือ?"เซียวหลันยวนตอนนี้จึงมองไปทางหยวนอี้เขารูปร่างสูงแต่ไม่เท่าคนพ่อ รูปร่างเล็กกว่าพอควร แต่คิ้วตาคมคาย หล่อเหลาเอาการ"ใช่แล้ว ข้าได้ยินชื่อเสียงของอ๋องเจวี้ยนมานาน จึงอยากมาเห็นกับตาสักครั้ง อ้อนวอนท่านพ่ออยู่นา

  • อ๋องพิการผู้โปรดปรานชายาแพทย์หยิ่งยโส   บทที่ 1707

    เซียวหลันยวนรออยู่พักหนึ่ง ในที่สุดก็ได้ยินการเคลื่อนไหวจากที่ไกลๆมาแล้วขบวนยาวเหยียนเห็นแต่ไกล เขากระโดดลงจากรถม้า เดินไปนั่งในศาลาขบวนจากแคว้นหมิ่นมาถึงศาลาผาสิบลี้ จึงหยุดรถลงพวกเขาเห็นรถม้าของอ๋องเจวี้ยนและองครักษ์เงามังกรที่ยืนอย่างสงบนี้แน่นอนมีคนใช้ไปรายงานที่ข้างรถม้า เพียงไม่นาน ประตูรถม้าก็ผลักเปิด มีคนถูกประคองลงมาพวกชิงอีเห็นรถม้าของแคว้นหมิ่น รถม้าขบวนยาวเหยียดเหล่านี้สร้างมาได้ทั้งใหญ่และแข็งแรง ประตูรถม้าล้วนเป็นประตูไม้ที่มั่นคง สลักดอกไม้ใบหญ้าสิงสาราสัตว์ไว้อย่างหรูหราม้าที่ลากรถดูแล้วก็แตกต่างกับแคว้นเจาของพวกเขา สูงใหญ่น่าเกรงขามกว่า ขาดูแข็งแรงรถม้าทั้งหมดสิบหกคัน องครักษ์อีกนับสิบชุดของพวกเขามีสีน้ำเงินเข้มเป็นหลัก น้ำเงินเข้มประดับด้วยสีเงินอ่อน ดูทรงสง่ามีระดับมององครักษ์เหล่านั้น รูปร่างเองก็สูงใหญ่แข็งแรง รูปหน้าคมสัน แตกต่างกับชายหนุ่มแคว้นเจาที่ดูอ่อนโยน ดูแข็งแกร่งเป็นชายชาตรีมากขบวนทูตเช่นนี้ สร้างความรู้สึกกดดันทางบารมีได้ง่ายทางนั้น พวกของเยว่เจียกุ้ยพอเห็นฉากนี้ ก็ถึงกับกลั้นหายใจด้วยสัญชาตญาณพริบตานี้ พวกเขาสัมผัสได้แล้วว่าอะไ

  • อ๋องพิการผู้โปรดปรานชายาแพทย์หยิ่งยโส   บทที่ 1706

    ตำแหน่งนี้คือศาลาผาสิบลี้ มาถึงที่นี่ คณะทูตก็น่าจะเร่งเดินทางจนเหนื่อยแล้ว ถึงอย่างไรด้านหน้าก็ยังมีอีกช่วงหนึ่งเลยที่จะไม่ได้พักช่วงนี้อย่างน้อยต้องเร่งเดินทางกันหนึ่งวันจะเข้าเมืองหลวงทั้งที ก็ต้องจัดการให้เรียบร้อยหน่อย แต่งตัวให้เรียบร้อยแล้วค่อยเข้าเมืองอย่างสง่าราศี ถึงอย่างไรก็จะดึงดูดประชาชนในเมืองหลวงมาล้อมดูอยู่แล้ว ใครบ้างไม่อยากดูดี?ดังนั้นประโยชน์ของศาลาผาสิบลี้จึงอยู่ที่นี่เยว่เจียกุ้ยเป็นขุนนางเล็กๆ คนหนึ่งในกรมพิธีการ พอแย่งหน้าที่การต้อนรับมาไม่ได้ จึงรู้สึกกลัดกลุ้มหน่อยๆดังนั้นจึงเข้าวังเพื่อพบพระชายาเยว่ พระชายาเยว่ให้ความคิดกับเขา คือส่งน้ำชาของว่างมาที่ศาลาผาสิบลี้นี้ก่อนนี่เท่ากับเป็นการรับรองล่วงหน้าแล้วถึงอย่างไรถ้าทูตแคว้นหมิ่นจดจำเขาได้ แล้วหลังจากนี้ให้เขารับผิดชอบการต้อนรับ เขาก็จะเชิดหน้าในกรมพิธีการได้เยว่เจียกุ้ยเองก็ใช้ความคิดอยู่ ชาที่เขาเอามาคือชาดีที่ใช้ในวัง ของว่างเองก็มาจากในวัง แล้วยังนำของขวัญเล็กๆ น้อยๆ มาให้ทูตอีก จะต้องทำให้พวกเขาประทับใจตนเองได้แน่นอนแต่ตอนนี้อ๋องเจวี้ยนดันให้เขารีบออกไป?มีสิทธิ์อะไรกัน?"ก่อนเข้าเมือง

  • อ๋องพิการผู้โปรดปรานชายาแพทย์หยิ่งยโส   บทที่ 1705

    เดิมที อดีตของเก๋อมู่กวงกับฮูหยินถังก็เป็นข่าวที่ฟู่จิ้นเชินมอบมาให้ เดิมทีก็เป็นสืออู่ที่ลงมือ ล่อให้พวกเขามาพบกันแต่การคบชู้นี่เป็นเรื่องที่พวกเขาทำกันเองช่วงนี้สืออีูก็แค่สะกดรอยเก๋อมู่กวงเท่านั้น ไม่ได้ลงมือทำอะไร ไม่คิดว่าจะเจอกับเรื่องนี้เข้า"ถ้าแบบนี้ เก๋อมู่กวงก็ไม่ใช่ผู้ชายแล้วสิ?" ชิงอีถามคำนี้ขึ้นมา แล้วก็รู้สึกว่าบางจุดเย็นวาบขึ้นมา"ยังใช่อยู่นั่นล่ะ" สืออู่พยักหน้า"พรวด รองแม่ทัพเก๋อผู้น่าเวทนา" ชิงอีส่ายหัวไม่รู้จริงๆ ว่าตอนนี้รองแม่ทัพเก๋อสภาพจิตใจเป็นอย่างไร"คนตระกูลถังก็กล้าเสียจริง" เซียวหลันยวนเลิกคิ้ววิจารณ์ออกมา"คนตระกูลถังไม่ได้รับมือยาก เก๋อมู่กวงเองก็ไม่มีทางแค่แอบคบชู้กับฮูหยินถังเท่านั้นหรอก"นี่ก็จริง"ถึงอย่างไรตอนนี้เก๋อมู่กวงก็ถือว่าไม่มีความคิดไปจดจ้องโป๋จีในคุกแล้ว" สืออู่เอ่ยขึ้น"เอ๋? ท่านอ๋อง เช่นนั้นคุณชายเสี่ยวเฟยก็ไม่ใช่ปลอดภัยแล้วหรือ?""อืม คนอื่นเองก็มองอะไรไม่ออกด้วย ไปบอกกับท่านผู้เฒ่ากับเสี่ยวเฟยเสียหน่อยเถอะ" เซียวหลันยวนโบกไม้โบกมือฟู่จาวเฟยพอรู้ว่าตัวเองปลอดภัยแล้ว ก็ตื่นเต้นจนแสดงวิชาหมัดชุดหนึ่งออกมาในเรือนเสิ่นเช

  • อ๋องพิการผู้โปรดปรานชายาแพทย์หยิ่งยโส   บทที่ 1704

    อ๋องเจวี้ยนจะร่วมมือกับราชาเฮ่อเหลียนหรือ?จะว่าไป เมืองหูเดิมทีก็อยู่ชายแดน แถบนั้นเดิมทีก็อยู่ใกล้กับขอบเขตที่เผ่าเฮ่อเหลียนก่อเรื่องอยู่ส่วนเมืองเจ้อห่างจากเมืองหลวงไม่ไกลนัก พูดได้วส่า ทรัพยากรต่างๆล้วนต้องส่งออกไปางนั้น อ๋องเจวี้ยนคนเดียวจะยึดเมืองทั้งเมืองไปทำไม?อ๋องเจวี้ยนเองก็ไม่มีทหารเสียหน่ยอเดิมทีเป็นแค่เรื่องที่คิดก็รู้สึกไร้สาระแล้ว แต่องค์จักรพรรดิต่อต้านอ๋องเจวี้ยน ความคิดจะรับมืออ๋องเจวี้ยนกลายเป็นความดื้อรั้นและความเคยชินไปแล้วเขาคิดไปจริงๆ"ก็ไม่ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้ ถึงอย่างไรในเมืองหลวง ใต้หนังตาข้าเขาก็ไม่มีอิสระ ไม่สะดวก! ดังนั้นการคิดจะเลือกสถานที่ของตนเองแล้วกลายเป็นอ๋อง ก็อาจจะเป็นความคิดที่เขาคิดไว้ก็ได้"พระชายาเยว่แอบเบ้ปากนางรู้ ว่าเรื่องเกี่ยวกับอ๋องเจวี้ยน แค่พูดส่งเดชออกมาองค์จักรพรรดิก็จะเชื่อถึงอย่างไรองค์จักรพรรดิก็ไม่สนอะไรอยู่แล้ว ขอแค่รับมือกับอ๋องเจวี้ยนได้ ขอแค่ไม่ให้อ๋องเจวี้ยนได้สมปรารถนา เขาก็จะเบิกบานตอนนี้เห็นได้ชัดว่าอ๋องเจวี้ยนคิดจะขนเสบียงไปเมืองเจ้อด้วยตนเอง ไม่ว่าเป้าหมายเขาคืออะไร แค่ห้ามไว้ก็พอแล้วอ๋องเจวี้ยนไม่เบิกบาน

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status