เสิ่นเชี่ยวมองมาทางเสิ่นเสวียนสายตาของนางดูสับสน"ท่านเสิ่น มีแต่คนบอกกันว่าท่านเป็นคนที่ยอดเยี่ยมมาก แต่ว่าท่านอยู่ต้าชื่อ แล้วมีความสัมพันธ์อะไรกับอ๋องเจวี้ยนหรือ?""ความสัมพันธ์ของข้ากับอ๋องเจวี้ยนทำให้พวกท่านกังวลหรือ?" เสิ่นเสวียนถาม"ไม่ใช่เช่นนั้น"เรื่องนี้อันที่จริงไม่ได้เกี่ยวอะไรกับพวกเขาเท่าไรเสิ่นเชี่ยวรู้สึกว่าเวลาตนเองมองเสิ่นเสวียน มีความรู้สึกชิดเชื้ออย่างประหลาด แต่อ๋องเจวี้ยนกับนางนั้นเป็นศัตรูกัน เพราะตัวนางเองก็ไม่รู้ว่าในวังเมื่อตอนนั้นนางได้วางยาพิษใส่อ๋องเจวี้ยนหรือเปล่าถ้าหากนางวางยาจริง เช่นนั้นอ๋องเจวี้ยนก็น่าจะมองนางเป็นศัตรูไหมแต่ว่านางเองก็ไม่อยากกลายเป็นศัตรูกับเสิ่นเสวียน"ตอนนี้ท่านรู้สึกอย่างไรบ้าง?""ยังมึนหัวนิดหน่อย""ก่อนหน้านี้ทำไมจึงปวดหัวหรือ?"เสิ่นเชี่ยวเดิมทีไม่อยากตอบ นางกับสามีมักจะปวดหัวอย่างประหลาดอยู่เสมอ และไม่รู้ว่าเพราะอะไร การกระตุ้นอย่างประหลาดทำให้พวกเขาปวดหัวฉับพลันเสมอ"เมื่อครู่มีคนคุยเล่นกันด้านนอก" เสิ่นเชี่ยวขมวดคิ้ว คิดถึงเรื่องที่นางได้ยินก่อนหน้านี้ "น่าจะเป็นคนใช้สองคน พวกนางบอกว่าหมอเทวดาอะไรสักอย่างมาจา
ทั้งๆ ที่ไม่ได้รู้จักคุ้นเคยกับเสิ่นเสวียนแท้ๆ นางพูดเช่นนี้กลับดูเหมือนเป็นห่วงเขามากอย่างไรอย่างนั้นนี่จะทำให้เสิ่นเสวียนเข้าใจผิดไหมนะ?สามีของนางยังนอนอยู่ แล้วนางทำเช่นนี้...แต่นางก็ไม่ได้มีความรู้สึกเสน่หาอะไรกับเสิ่นเสวียนนะ นางก็แค่ ก็แค่...เสิ่นเชี่ยวในสมองก็ตื้อขึ้นมา ไม่เข้าใจเลยจริงๆ ว่าตนเองมีความคิดอะไรเสิ่นเสวียนพอได้ยินว่านางเป็นห่วง ในใจก็อบอุ่นขึ้นมาสมแล้วที่เป็นน้องสาว ตอนนี้ยังไม่รู้ความสัมพันธ์ของพวกเขา แต่เสิ่นเชี่ยวกลับยังเป็นห่วงเขา"ไม่ต้องรีบ ความลำบากอะไรนั่นผ่านไปแล้ว หลังจากนี้จะดีขึ้นมาเอง ท่านเองก็ด้วย"เขาเห็นคิ้วของฟู่จิ้นเชินกระตุกขึ้นมาบ้างแล้วและตามคาด ฟู่จิ้นเชินเองก็ตื่นขึ้นแล้ว"ฮูหยิน!"พอเขาตื่นก็ลุกขึ้นนั่งทันที มองหาฮูหยิน"คุณ ข้าอยู่นี่"เสิ่นเชี่ยวรีบโถมไปอยู่ข้างตัวเขา กุมมือของเขาไว้ฟู่จิ้นเชินถอนใจโล่ง"ตื่นขึ้นมาก็ดีแล้ว รีบไปกินข้าวเถอะ"เสิ่นเสวียนพอเห็นพวกเขาตื่นมาแล้วเหมือนยังไม่เป็นไรชั่วคราว ก็ผ่อนใจโล่งออกมาฟู่จาวหนิงเคยบอกแล้ว พวกเขาตอนนี้ต้องกินข้าวดื่มน้ำแกงให้ดีดี บำรุงร่างกายขึ้นมาหน่อย พยายามดึงกำล
ตอนบ่าย ฟู่จาวหนิงไปยังจวนผิงเหอกงครั้งนี้องค์หญิงใหญ่ไม่ปรากฏตัวเลยผิงเหอกงพาคุณหนูรองเหอออกมาต้อนรับนาง"เสี่ยวอันเมื่อวานหลังจากตื่นมาก็เอาแต่ถามพวกข้า ว่าขาของเขายังมีแมลงอยู่ไหม หรือว่ามีไข่แมลงอีกไหม พวกเราเองก็บอกไม่ได้"คุณหนูรองเหอดูจะเหนื่อยหมดแรง รู้สึกห่อเหี่ยวจนไม่อยากทำอะไร สีหน้าเองก็ไม่ค่อยดีนัก"เมื่อวานตอนเย็ฯข้ากินข้าวไม่ลง พอเห็นอาหารก็คิดถึงเจ้าพวกนั้นที่มุดออกจากขาของเสี่ยวอัน...โอ๊ก!"คุณหนูรองเหอคิดว่าวันนี้จะไม่เป็นไรแล้ว แต่พอพูดถึงเรื่องนี้กับฟู่จาวหนิง นางก็อดสำรอกแห้งออกมาไม่ได้"เอาล่ะเอาล่ะ วันนี้เจ้าก็อยู่ห่างๆ หน่อย ไม่ต้องดูแล้ว" ผิงเหอกงรู้สึกพูดไม่ออกแต่ว่าฟู่จาวหนิงเห็นสีหน้าของเขาก็ไม่ค่อยดีเท่าไรนัก"ข้า ข้าเองก็กินไม่ลงเหมือนกัน" ผิงเหอกงสารภาพออกมาท่ามกลางสายตาของฟู่จาวหนิง"อันที่จริงก็เข้าใจได้"ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่คิดว่าอาการเช่นนี้ของพวกเขาดูอ่อนไหวเกินเหตถหรืออ่อนแอเกินไปถึงอย่างไรภาพแบบนั้นมันก็น่าขยะแขยงมากผิงเหอกงมองนางอย่างนับถือ"หมอเทวดาฟู่ช่างกล้าหาญเกินใครจริงๆ"แม่นางที่หน้าตาสะสวยเช่นนี้อย่างฟู่จาวหนิง ตอนจัดการเ
"ในนาเองก็มีปลิงอยู่ คนที่ทำในตลอดทั้งปีหลายคนไม่ได้เคยโดนปลิงดูเลือดแค่ครั้งเดียวเสียหน่ยอ""ปลิง? ข้าเองก็เคยเจอมาเหมือนกัน""อืม แล้วก็ คนที่ลงน้ำไปหาหอยเอ่ยจับปลาเอย คนทีว่ายน้ำ เคยเจอมาแล้วทั้งนั้น พวกแมลงที่คอยกัดติดอยู่กับตัวคนไม่ปล่อยน่ะ ดึงออกยากมาก""เรื่องนี้ข้าเคยได้ยิน"พอพูดถึงปลิงที่เจอได้บ่อยๆ พูดถึงแมลงที่เคยได้ยินบ่อยๆ อารมณ์ของเหอเซี่ยนอันก็เหมือนจะสงบลงมากแล้วพวกนี้มันปกติมากตอนเขายังเด็กขึ้นเขาลงเล่นน้ำ ก็เคยถูกปลิงกัดมาแล้ว กัดอยู่บนขาตั้งหลายตัว ดูดเลือดของเขาตัวตัวอ้วนพี แล้วยังจะมุดเข้าไปด้านในอีก"พวกนี้เจ้าที่เป็นชายชาตรีก็กลัวแล้วหรือ?"ของพวกนี้เขาไม่กลัวหรอกฟู่จาวหนิงระหว่างทางก็คิดๆ เมื่อวานนางรู้สึกว่าเรื่องนี้พูดถ้าพูดออกมาจะกลายเป็นเงาในใจเหอเซี่ยนอันไป เช่นนั้นก็เล่าออกมาให้ดูธรรมดาหน่อยแล้วกัน อาจจะขจัดความกลัวไปได้ส่วนหนึ่งแล้วก็ตามคาด พอได้ยินนางพูดถึงสัตว์ปกติอย่างปลิง เหอเซี่ยนอันก็สงบลงมามากพอควร"เจ้านี่ข้าไม่กลัว! ตบทิ้งไปก็พอแล้ว อย่างมากก็เสียเลือดไปหน่อยหนึ่ง""ใช่ไหมล่ะ" ฟู่จาวหนิงพยักหน้า "ดังนั้นขาของเจ้าเองก็เหมือนกัน ก็
"ความลับอะไรหรือ? ฟังแล้วจะมีภัยหรือเปล่า?"ฟู่จาวหนิงอันที่จริงก็ไม่ค่อยสนใจนัก แต่พอเห็นสีหน้า "ความลับนี้มันสุดยอดมากเลยนะ" ของเหอเซี่ยนอัน นางก็เลยถามตามน้ำขึ้นมา"ไม่หรอก!""เช่นนั้นก็บอกมาให้ฟังหน่อย"ถึงอย่างไรนางก็ต้องรอให้เวลายาประคบร้อนได้ที่ก่อนจึงจะเอายาออกแล้วพันแผล"พวกเราตอนนั้นไปในภูเขานั่น เพราะได้ยินว่าในนั้นมีแท่นบูชาแปลกประหลาดอยู่แห่งหนึ่ง" เหอเซี่ยนอันกดเสียงต่อจวนผิงเหอกงมีแขกมา ผิงเหอกงจึงไปต้อนรับที่โถงด้านหน้าคุณหนูรองเหอเมื่อวานนี้นอนไม่หลับ จึงรู้สึกทนต่อไม่ไหว เอนหลังพิงเก้าอี้ข้างหน้าสัปหงกไปแล้ว"แท่นบูชา?""ใช่ ท่านเคยได้ยินลัทธิเทพทำลายล้างหรือเปล่า?" เหอเซี่ยนอันยิ่งทำให้ดูลึกลับขึ้นไปอีกฟู่จาวหนิงใจเย็นวาบ"ลัทธิเทพทำลายล้าง?"นางคิดไม่ถึงเลยว่าจะได้ยินชื่อลัทธิเทพทำลายล้างจากปากเด็กอย่างเหอเซี่ยนอันแล้วยังบอกว่าความลับนี้จะไม่มีภัยถึงตัวอีก? นี่พูดถึงลัทธิเทพทำลายล้างออกมาแล้วนะ!"ลัทธิเทพทำลายล้างนั่นล่ะ ถ้าท่านไม่เคยได้ยินมาก่อน เช่นนั้นก็ความรู้ตื้นเขินมาก แต่ว่าเห็นแก่ที่ท่านรักษาขาให้ข้า ข้าจะบอกท่านก็แล้วกัน...""ไม่ต้อง ข้าเ
"พวกเขาคือสาวกลัทธิเทพทำลายล้างหรือ?""พวกเขาไม่ใช่ พวกเราแค่ไปที่นั่นจับจิ้งหรีด บอกว่าจิ้งหรีดที่จับจากที่นั่นล้วนดุร้ายเป็นพิเศษ! ตอนที่พวกเขาไปจับจิ้งหรีดไปเจอกับพวกสาวกเทพทำลายล้างเปิดแท่นบูชาพอดี ได้ยินพวกเขาบอกว่าคนพวกนั้นคือลัทธิเทพทำลายล้าง พวกเขาตกอกตกใจ รีบวิ่งฉี่เล็ดหนีออกมา บอกว่าจะไม่ไปจับจิ้งหรีดที่นั่นอีกแล้ว"ฟู่จาวหนิงสีหน้าเคร่งขรึมขึ้นมานางเห็นว่าเหอเซี่ยนอันไม่เหมือนโกหกเลยแม้แต่น้อย"แล้วพวกเจ้าก็เลยไปกันจริงๆ หรือ?""คิดจะไปน่ะ แต่หาสถานที่ยังไม่ทันเจอ ข้าก็ล้มลงมานี่อย่างไร? จากนั้นพวกเขาจู่ๆ ก็หวาดกลัว ถอยหนีไปกันหมด"เหอเซี่ยนอันพูดถึงจุดนี้ก็ถอนหายใจ "หลังจากกลับมาข้าก็ป่วย หลังจากป่วยขาก็เดินไม่ได้แล้ว งานใหญ่ของพวกเราจึงเป็นหมันไป ช่วงนี้พวกพี่น้องของข้าก็ไม่มาหาข้าเลย ก่อนหน้านี้พวกเขายังบอกว่า รอให้ขาข้าหายไม่ไหวแล้ว พวกเขาไปกันเองก่อน นี่มันไม่ยุติธรรมเลย นี่ก็ไม่รู้ว่าพวกเขาไปกันแล้วหรือยัง...""อันเอ๋อร์!"ผิงเหอกงจู่ๆ ก็วิ่งเข้ามาฟู่จาวหนิงเห็นสีหน้าเขา ก็รู้สึกว่าน่าจะเกิดเรื่องขึ้นแล้ว"ตกใจหมด!" เหอเซี่ยนอันถลึงตาใส่บิดา"เจ้า เจ้ารีบพ
เหอเซี่ยนอันถ้าไม่ใช่เพราะขาเจ็บ เขาคงเดินบนเส้นทางพวกเด็กเจ้าสำราญในเมืองหลวงจักรพรรดิไปไกลแล้วก่อนหน้านี้เขาไม่เคยกลัวพ่อของเขา ด่าหนึ่งคำเถียงสิบคำอะไรแบบนั้นเลยไม่กลัวฟ้าไม่กลัวดินมาแต่ไหนแต่ไรแต่ว่าตอนนี้พอถูกพ่อตวาดเสียงดังเช่นนี้ เขาก็สั่นเทิ้มขึ้นมาทั้งตัว"ข้าไม่รู้ ข้าบอกกับพวกเขาว่าอย่าเพิ่งไปกันเลย..."วันนั้นพวกเขาแอบดอดเข้ามาหาเขา เพื่อมาบอกเขาว่า พวกเขาจะเข้าไปดูในภูเขานั่นอีกครั้งเหอเซี่ยนอันตอนนั้นก็โพล่งออกมาคำหนึ่ง ว่าอย่าเพิ่งไป รอให้ขาดีขึ้นก่อนแล้วพวกเราค่อยไปด้วยกัน"พวกเขาบอกว่ารอข้าไม่ไหว บอกว่าขาของข้าจะไม่มีทางดีขึ้นมา ได้ยินพ่อแม่ของพวกเขาคุยกัน บอกว่าขาของข้าไม่มีหมอคนไหนรักษาได้ ชาตินี้กลายเป็นคนพิการไปแล้ว ให้พวกเขาไม่ต้องมาเล่นกับข้าอีก"เหอเซี่ยนอันพูดไปด้วยร้องไห้ไปด้วย "หลังจากข้าได้ยินข้าก็โกรธมาก และเสียใจมาก ข้าไล่พวกเขาออกไป ข้าให้พวกเขาไสหัวไปให้หมด บอกว่าข้าไม่สนใจหรอกที่พวกเขามาหาข้า ไม่สนใจว่าพี่น้องอย่างพวกเขา โฮ! ข้าผิดไปแล้ว ข้าไม่ควรสาปแช่งพวกเขา จนทำให้พวกเขาตายกันหมด?""เจ้าลูกชั่ว!"ผิงเหอกงทนไม่ไหวขึ้นมา โบกมือจะตีไปทางเข
ผิงเหอกงเองก็รีบตะโกนขึ้นมา "เตรียมม้า! เร็ว!"เพียงครู่เดียว ม้าเร็วก็พุ่งทะยาน พุ่งตรงไปยังบ้านตระกูลหลิวเสนาบดีสรรพากรผิงเหอกงชี้ทาง แต่เขาก็ตามความเร็วฟู่จาวหนิงไม่ทัน ทำได้แค่ตามติดอยู่ด้านหลังก่อนออกมาเขาให้คุณหนูรองเหอเรียกคนไปอีกบ้านหนึ่ง แจ้งไปยังบ้านของรองผู้บัญชาการหลินนายท่านหลิวเสนาบดีสรรพากรถือเป็นขุนนางใหม่ที่เพิ่งเลื่อนขั้นขึ้นมาปีนี้ ก่อนหน้าเขา เสนาบดีสรรพากรคนก่อนถูกเขาปลดออกไปเดิมทีตระกูลหลิวกำลังรุ่งเรืองอยู่ คิดไม่ถึงว่าคุณชายน้อยหลิวจะมาเกิดเรื่องขึ้น ตอนนี้ทั้งจวนหลิวล้วนปกคลุมด้วยความโศกเศร้าเหล่าคนใช้เริ่มตระเตรียมโคมไฟผ้าขาวกันเงียบๆ ภายใต้การจัดวางของผู้ดูแลแล้วฮูหยินอาวุโสหลิวไม่ชอบความอึกทึก ช่วงเทศกาลอวยพรสารทฤดูนี้จึงเลี่ยงออกจากเมืองหลวง ไปพักผ่อนที่บ้านสวนภายนอกนางรักเอ็นดูหลานคนนี้มากที่สุด ดังนั้นตอนนี้บ้านตระกูลหลิวจึงคิดจะรอฮูหยินอาวุโสหลิวรีบกลับมาจากด้านนอก เพื่อมาดูหน้าหลานเป็นครั้งสุดท้ายคุณชายน้อยหลิวเกาไหลตอนนี้นอนอยู่บนเตียง หน้าขาวซีดเหมือนกระดาษอันที่จริง คนทั้งหมดล้วนคิดมองว่าเขาตายไปแล้ว แม้ว่าหมอจะส่ายหัวถอนหายใจ บอกว