ฟู่จาวหนิงล้วนรู้สึกแปลกประหลาดเพราะอะไร? นี่ไม่ใช่เรื่องที่เขาร้อนรนที่สุดหรือ?เขารอมาหลายปีแล้ว อยากจะถามสถานการณ์ในครั้งนั้นให้ชัดเจน"เจ้าเหนื่อยแล้ว แถมหิวอีก ไปกินข้าวแล้วพักผ่อนสักหน่อยเถอะ" เซียวหลันยวนมองฟู่จาวหนิง "ตอนนี้ถ้ายังไม่ดึงออกพวกเขาจะตายไหม?""ไม่หรอก เมื่อครู่ช่วยเอาไว้แล้ว...""ถ้าอย่างนั้นก็ฟังข้าเถอะ"เซียวหลันยวนยื่นมามาดึงนาง "พรุ่งนี้ตื่นมาแล้วค่อยดึงออกก็ได้ ไม่เช่นนั้น คืนนี้เจ้าคงไม่ได้พักแน่"เมื่อคืนนางก็อยู่จนดึกดื่นเพื่อเตรียมตัวรักษาเหอเซี่ยนอัน ตอนนี้อดนอนต่อไม่ได้แล้วใจของเสิ่นเสวียนเองก็ปล่อยวางลงมาตามคำพูดเซียวหลันยวนเช่นกันเขาพยักหน้า "อายวนพูดถูกต้อง เจ้าจะเหนื่อยจนเป็นลมไม่ได้ ไหนๆ ตอนนี้ก็ช่วยพวกเขากลับมาได้แล้วก็ให้พวกเขาพักผ่อนก่อนเถอะ เจ้าเองก็ต้องกินข้าวนอนพักผ่อนด้วย"ผู้อาวุโสจี้เองก็มองเซียวหลันยวนอย่างเห็นด้วยอ๋องเจวี้ยนทำให้เขารู้สึกเกินคาดจริงๆ ต่อหน้าศัตรูเช่นนี้ แต่กลับวางเรื่องการค้นหาความจริงหลายปีนั้นไว้ก่อน แล้วหันไปห่วงสุขภาพของจาวหนิงแทนเขาหวั่นไหวต่อจาวหนิงแล้วกระมัง?แต่ก็หวังว่าเรื่องในครั้งนั้นจะไม่เกี่
เสิ่นเชี่ยวมองมาทางเสิ่นเสวียนสายตาของนางดูสับสน"ท่านเสิ่น มีแต่คนบอกกันว่าท่านเป็นคนที่ยอดเยี่ยมมาก แต่ว่าท่านอยู่ต้าชื่อ แล้วมีความสัมพันธ์อะไรกับอ๋องเจวี้ยนหรือ?""ความสัมพันธ์ของข้ากับอ๋องเจวี้ยนทำให้พวกท่านกังวลหรือ?" เสิ่นเสวียนถาม"ไม่ใช่เช่นนั้น"เรื่องนี้อันที่จริงไม่ได้เกี่ยวอะไรกับพวกเขาเท่าไรเสิ่นเชี่ยวรู้สึกว่าเวลาตนเองมองเสิ่นเสวียน มีความรู้สึกชิดเชื้ออย่างประหลาด แต่อ๋องเจวี้ยนกับนางนั้นเป็นศัตรูกัน เพราะตัวนางเองก็ไม่รู้ว่าในวังเมื่อตอนนั้นนางได้วางยาพิษใส่อ๋องเจวี้ยนหรือเปล่าถ้าหากนางวางยาจริง เช่นนั้นอ๋องเจวี้ยนก็น่าจะมองนางเป็นศัตรูไหมแต่ว่านางเองก็ไม่อยากกลายเป็นศัตรูกับเสิ่นเสวียน"ตอนนี้ท่านรู้สึกอย่างไรบ้าง?""ยังมึนหัวนิดหน่อย""ก่อนหน้านี้ทำไมจึงปวดหัวหรือ?"เสิ่นเชี่ยวเดิมทีไม่อยากตอบ นางกับสามีมักจะปวดหัวอย่างประหลาดอยู่เสมอ และไม่รู้ว่าเพราะอะไร การกระตุ้นอย่างประหลาดทำให้พวกเขาปวดหัวฉับพลันเสมอ"เมื่อครู่มีคนคุยเล่นกันด้านนอก" เสิ่นเชี่ยวขมวดคิ้ว คิดถึงเรื่องที่นางได้ยินก่อนหน้านี้ "น่าจะเป็นคนใช้สองคน พวกนางบอกว่าหมอเทวดาอะไรสักอย่างมาจา
ทั้งๆ ที่ไม่ได้รู้จักคุ้นเคยกับเสิ่นเสวียนแท้ๆ นางพูดเช่นนี้กลับดูเหมือนเป็นห่วงเขามากอย่างไรอย่างนั้นนี่จะทำให้เสิ่นเสวียนเข้าใจผิดไหมนะ?สามีของนางยังนอนอยู่ แล้วนางทำเช่นนี้...แต่นางก็ไม่ได้มีความรู้สึกเสน่หาอะไรกับเสิ่นเสวียนนะ นางก็แค่ ก็แค่...เสิ่นเชี่ยวในสมองก็ตื้อขึ้นมา ไม่เข้าใจเลยจริงๆ ว่าตนเองมีความคิดอะไรเสิ่นเสวียนพอได้ยินว่านางเป็นห่วง ในใจก็อบอุ่นขึ้นมาสมแล้วที่เป็นน้องสาว ตอนนี้ยังไม่รู้ความสัมพันธ์ของพวกเขา แต่เสิ่นเชี่ยวกลับยังเป็นห่วงเขา"ไม่ต้องรีบ ความลำบากอะไรนั่นผ่านไปแล้ว หลังจากนี้จะดีขึ้นมาเอง ท่านเองก็ด้วย"เขาเห็นคิ้วของฟู่จิ้นเชินกระตุกขึ้นมาบ้างแล้วและตามคาด ฟู่จิ้นเชินเองก็ตื่นขึ้นแล้ว"ฮูหยิน!"พอเขาตื่นก็ลุกขึ้นนั่งทันที มองหาฮูหยิน"คุณ ข้าอยู่นี่"เสิ่นเชี่ยวรีบโถมไปอยู่ข้างตัวเขา กุมมือของเขาไว้ฟู่จิ้นเชินถอนใจโล่ง"ตื่นขึ้นมาก็ดีแล้ว รีบไปกินข้าวเถอะ"เสิ่นเสวียนพอเห็นพวกเขาตื่นมาแล้วเหมือนยังไม่เป็นไรชั่วคราว ก็ผ่อนใจโล่งออกมาฟู่จาวหนิงเคยบอกแล้ว พวกเขาตอนนี้ต้องกินข้าวดื่มน้ำแกงให้ดีดี บำรุงร่างกายขึ้นมาหน่อย พยายามดึงกำล
ตอนบ่าย ฟู่จาวหนิงไปยังจวนผิงเหอกงครั้งนี้องค์หญิงใหญ่ไม่ปรากฏตัวเลยผิงเหอกงพาคุณหนูรองเหอออกมาต้อนรับนาง"เสี่ยวอันเมื่อวานหลังจากตื่นมาก็เอาแต่ถามพวกข้า ว่าขาของเขายังมีแมลงอยู่ไหม หรือว่ามีไข่แมลงอีกไหม พวกเราเองก็บอกไม่ได้"คุณหนูรองเหอดูจะเหนื่อยหมดแรง รู้สึกห่อเหี่ยวจนไม่อยากทำอะไร สีหน้าเองก็ไม่ค่อยดีนัก"เมื่อวานตอนเย็ฯข้ากินข้าวไม่ลง พอเห็นอาหารก็คิดถึงเจ้าพวกนั้นที่มุดออกจากขาของเสี่ยวอัน...โอ๊ก!"คุณหนูรองเหอคิดว่าวันนี้จะไม่เป็นไรแล้ว แต่พอพูดถึงเรื่องนี้กับฟู่จาวหนิง นางก็อดสำรอกแห้งออกมาไม่ได้"เอาล่ะเอาล่ะ วันนี้เจ้าก็อยู่ห่างๆ หน่อย ไม่ต้องดูแล้ว" ผิงเหอกงรู้สึกพูดไม่ออกแต่ว่าฟู่จาวหนิงเห็นสีหน้าของเขาก็ไม่ค่อยดีเท่าไรนัก"ข้า ข้าเองก็กินไม่ลงเหมือนกัน" ผิงเหอกงสารภาพออกมาท่ามกลางสายตาของฟู่จาวหนิง"อันที่จริงก็เข้าใจได้"ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่คิดว่าอาการเช่นนี้ของพวกเขาดูอ่อนไหวเกินเหตถหรืออ่อนแอเกินไปถึงอย่างไรภาพแบบนั้นมันก็น่าขยะแขยงมากผิงเหอกงมองนางอย่างนับถือ"หมอเทวดาฟู่ช่างกล้าหาญเกินใครจริงๆ"แม่นางที่หน้าตาสะสวยเช่นนี้อย่างฟู่จาวหนิง ตอนจัดการเ
"ในนาเองก็มีปลิงอยู่ คนที่ทำในตลอดทั้งปีหลายคนไม่ได้เคยโดนปลิงดูเลือดแค่ครั้งเดียวเสียหน่ยอ""ปลิง? ข้าเองก็เคยเจอมาเหมือนกัน""อืม แล้วก็ คนที่ลงน้ำไปหาหอยเอ่ยจับปลาเอย คนทีว่ายน้ำ เคยเจอมาแล้วทั้งนั้น พวกแมลงที่คอยกัดติดอยู่กับตัวคนไม่ปล่อยน่ะ ดึงออกยากมาก""เรื่องนี้ข้าเคยได้ยิน"พอพูดถึงปลิงที่เจอได้บ่อยๆ พูดถึงแมลงที่เคยได้ยินบ่อยๆ อารมณ์ของเหอเซี่ยนอันก็เหมือนจะสงบลงมากแล้วพวกนี้มันปกติมากตอนเขายังเด็กขึ้นเขาลงเล่นน้ำ ก็เคยถูกปลิงกัดมาแล้ว กัดอยู่บนขาตั้งหลายตัว ดูดเลือดของเขาตัวตัวอ้วนพี แล้วยังจะมุดเข้าไปด้านในอีก"พวกนี้เจ้าที่เป็นชายชาตรีก็กลัวแล้วหรือ?"ของพวกนี้เขาไม่กลัวหรอกฟู่จาวหนิงระหว่างทางก็คิดๆ เมื่อวานนางรู้สึกว่าเรื่องนี้พูดถ้าพูดออกมาจะกลายเป็นเงาในใจเหอเซี่ยนอันไป เช่นนั้นก็เล่าออกมาให้ดูธรรมดาหน่อยแล้วกัน อาจจะขจัดความกลัวไปได้ส่วนหนึ่งแล้วก็ตามคาด พอได้ยินนางพูดถึงสัตว์ปกติอย่างปลิง เหอเซี่ยนอันก็สงบลงมามากพอควร"เจ้านี่ข้าไม่กลัว! ตบทิ้งไปก็พอแล้ว อย่างมากก็เสียเลือดไปหน่อยหนึ่ง""ใช่ไหมล่ะ" ฟู่จาวหนิงพยักหน้า "ดังนั้นขาของเจ้าเองก็เหมือนกัน ก็
"ความลับอะไรหรือ? ฟังแล้วจะมีภัยหรือเปล่า?"ฟู่จาวหนิงอันที่จริงก็ไม่ค่อยสนใจนัก แต่พอเห็นสีหน้า "ความลับนี้มันสุดยอดมากเลยนะ" ของเหอเซี่ยนอัน นางก็เลยถามตามน้ำขึ้นมา"ไม่หรอก!""เช่นนั้นก็บอกมาให้ฟังหน่อย"ถึงอย่างไรนางก็ต้องรอให้เวลายาประคบร้อนได้ที่ก่อนจึงจะเอายาออกแล้วพันแผล"พวกเราตอนนั้นไปในภูเขานั่น เพราะได้ยินว่าในนั้นมีแท่นบูชาแปลกประหลาดอยู่แห่งหนึ่ง" เหอเซี่ยนอันกดเสียงต่อจวนผิงเหอกงมีแขกมา ผิงเหอกงจึงไปต้อนรับที่โถงด้านหน้าคุณหนูรองเหอเมื่อวานนี้นอนไม่หลับ จึงรู้สึกทนต่อไม่ไหว เอนหลังพิงเก้าอี้ข้างหน้าสัปหงกไปแล้ว"แท่นบูชา?""ใช่ ท่านเคยได้ยินลัทธิเทพทำลายล้างหรือเปล่า?" เหอเซี่ยนอันยิ่งทำให้ดูลึกลับขึ้นไปอีกฟู่จาวหนิงใจเย็นวาบ"ลัทธิเทพทำลายล้าง?"นางคิดไม่ถึงเลยว่าจะได้ยินชื่อลัทธิเทพทำลายล้างจากปากเด็กอย่างเหอเซี่ยนอันแล้วยังบอกว่าความลับนี้จะไม่มีภัยถึงตัวอีก? นี่พูดถึงลัทธิเทพทำลายล้างออกมาแล้วนะ!"ลัทธิเทพทำลายล้างนั่นล่ะ ถ้าท่านไม่เคยได้ยินมาก่อน เช่นนั้นก็ความรู้ตื้นเขินมาก แต่ว่าเห็นแก่ที่ท่านรักษาขาให้ข้า ข้าจะบอกท่านก็แล้วกัน...""ไม่ต้อง ข้าเ
"พวกเขาคือสาวกลัทธิเทพทำลายล้างหรือ?""พวกเขาไม่ใช่ พวกเราแค่ไปที่นั่นจับจิ้งหรีด บอกว่าจิ้งหรีดที่จับจากที่นั่นล้วนดุร้ายเป็นพิเศษ! ตอนที่พวกเขาไปจับจิ้งหรีดไปเจอกับพวกสาวกเทพทำลายล้างเปิดแท่นบูชาพอดี ได้ยินพวกเขาบอกว่าคนพวกนั้นคือลัทธิเทพทำลายล้าง พวกเขาตกอกตกใจ รีบวิ่งฉี่เล็ดหนีออกมา บอกว่าจะไม่ไปจับจิ้งหรีดที่นั่นอีกแล้ว"ฟู่จาวหนิงสีหน้าเคร่งขรึมขึ้นมานางเห็นว่าเหอเซี่ยนอันไม่เหมือนโกหกเลยแม้แต่น้อย"แล้วพวกเจ้าก็เลยไปกันจริงๆ หรือ?""คิดจะไปน่ะ แต่หาสถานที่ยังไม่ทันเจอ ข้าก็ล้มลงมานี่อย่างไร? จากนั้นพวกเขาจู่ๆ ก็หวาดกลัว ถอยหนีไปกันหมด"เหอเซี่ยนอันพูดถึงจุดนี้ก็ถอนหายใจ "หลังจากกลับมาข้าก็ป่วย หลังจากป่วยขาก็เดินไม่ได้แล้ว งานใหญ่ของพวกเราจึงเป็นหมันไป ช่วงนี้พวกพี่น้องของข้าก็ไม่มาหาข้าเลย ก่อนหน้านี้พวกเขายังบอกว่า รอให้ขาข้าหายไม่ไหวแล้ว พวกเขาไปกันเองก่อน นี่มันไม่ยุติธรรมเลย นี่ก็ไม่รู้ว่าพวกเขาไปกันแล้วหรือยัง...""อันเอ๋อร์!"ผิงเหอกงจู่ๆ ก็วิ่งเข้ามาฟู่จาวหนิงเห็นสีหน้าเขา ก็รู้สึกว่าน่าจะเกิดเรื่องขึ้นแล้ว"ตกใจหมด!" เหอเซี่ยนอันถลึงตาใส่บิดา"เจ้า เจ้ารีบพ
เหอเซี่ยนอันถ้าไม่ใช่เพราะขาเจ็บ เขาคงเดินบนเส้นทางพวกเด็กเจ้าสำราญในเมืองหลวงจักรพรรดิไปไกลแล้วก่อนหน้านี้เขาไม่เคยกลัวพ่อของเขา ด่าหนึ่งคำเถียงสิบคำอะไรแบบนั้นเลยไม่กลัวฟ้าไม่กลัวดินมาแต่ไหนแต่ไรแต่ว่าตอนนี้พอถูกพ่อตวาดเสียงดังเช่นนี้ เขาก็สั่นเทิ้มขึ้นมาทั้งตัว"ข้าไม่รู้ ข้าบอกกับพวกเขาว่าอย่าเพิ่งไปกันเลย..."วันนั้นพวกเขาแอบดอดเข้ามาหาเขา เพื่อมาบอกเขาว่า พวกเขาจะเข้าไปดูในภูเขานั่นอีกครั้งเหอเซี่ยนอันตอนนั้นก็โพล่งออกมาคำหนึ่ง ว่าอย่าเพิ่งไป รอให้ขาดีขึ้นก่อนแล้วพวกเราค่อยไปด้วยกัน"พวกเขาบอกว่ารอข้าไม่ไหว บอกว่าขาของข้าจะไม่มีทางดีขึ้นมา ได้ยินพ่อแม่ของพวกเขาคุยกัน บอกว่าขาของข้าไม่มีหมอคนไหนรักษาได้ ชาตินี้กลายเป็นคนพิการไปแล้ว ให้พวกเขาไม่ต้องมาเล่นกับข้าอีก"เหอเซี่ยนอันพูดไปด้วยร้องไห้ไปด้วย "หลังจากข้าได้ยินข้าก็โกรธมาก และเสียใจมาก ข้าไล่พวกเขาออกไป ข้าให้พวกเขาไสหัวไปให้หมด บอกว่าข้าไม่สนใจหรอกที่พวกเขามาหาข้า ไม่สนใจว่าพี่น้องอย่างพวกเขา โฮ! ข้าผิดไปแล้ว ข้าไม่ควรสาปแช่งพวกเขา จนทำให้พวกเขาตายกันหมด?""เจ้าลูกชั่ว!"ผิงเหอกงทนไม่ไหวขึ้นมา โบกมือจะตีไปทางเข
ส่วนฟู่จาวหนิงเองก็มองมาทางเขา เพราะเซียวหลันยวนไม่ได้ยื่นมือมาประคองนางในตอนแรก แต่กลับมองนางอย่างงงงันหน่อยๆฟู่จาวหนิงยังไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไร ใจก็ดำดิ่งหน่อยๆยังดีที่ตอนนางมองไปอีกครั้ง เซียวหลันยวนก็ยื่นมือมาดึงนางลุกขึ้นแล้ว จากนั้นไข่มุกหมึกในมือนางก็ส่งคืนไปยังเจ้าอาราม"คืนให้ท่าน"พริบตาที่เจ้าอารามยื่นมารับ เสียงเปรี๊ยะก็ดังขึ้น ไข่มุกหมึกลูกนั้นแตกละเอียดกะทันหันคนทั้งหมดล้วนตกตะลึง มองไปทางเศษหินที่รวงลงมานั่นพวกเขาล้วนถือไข่มุกหมึกกันมาแล้ว เดิมทีก็ยังดีดีอยู่ ไม่มีรอยร้าวอะไรเลย ยิ่งไปกว่านั้นตัวลูกปัดหยกก็ตันและแข็งแกร่ง หล่นลงพื้นก็ไม่แน่ว่าจะแตกด้วยซ้ำแต่ตอนนี้จู่ๆ มันก็เป็นแบบนี้ไปแล้วเจ้าอารามโค้งตัวลงเก็บชิ้นส่วนหยกขึ้นมา หยิบขึ้นมามองๆ"ไข่มุกหมึกทำนายดารา ข้าเองก็เหลืออยู่แค่เม็ดเดียวด้วย"อยู่กับเขามาหลายสิบปี ใช้มาก็ตั้งหลายครั้ง ตอนนี้จู่ๆ ก็แตกเสียแล้วเซียวหลันยวนยื่นมือตัวเองออกมา "ข้าไม่ได้ออกแรงนะ""แล้วก็ไม่เหมือนบีบจนแตกด้วย"เจ้าอารามพูดพลางมองไปทางฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงหรุบตาลง เศษหินบนพื้นเหล่านั้น "หรือพวกท่านสงสัยว่าข้าทำ
เจ้าอารามสูดลมหายใจลึก"ผลลัพธ์นี้ไม่ค่อยดีนัก สิ่งที่มันชี้นำไป ทำให้อายวนเดินไปยังทางเลือกที่จะพาสู่ความพินาศ"พอได้ยินคำพูดเขา ฟู่จาวหนิงก็หน้าเปลี่ยนสีแต่นางกลับโมโหขึ้นมา"เฮอะ"ก่อนหน้านี้นางยังรู้สึกว่าจะอย่างไรก็ได้แต่ว่าตัวนางจะเป็นอย่างไร นางก็ยังไม่สนใจได้ เพราะนางไม่ใส่ใจ และไม่เชื่อว่าสิ่งเหล่านี้จะส่งผลกระทบกับตัวนางแต่เรื่องดันไปอยู่บนตัวเซียวหลันยวน นางก็ไม่ชอบใจขึ้นมาแล้วยิ่งไปกว่านั้น นางไม่รู้ว่าเซียวหลันยวนจะได้รัรบผลกระทบไหม ตัวนางเป็นคนที่ผ่านการข้ามภพมา แต่เขาไม่ใช่"อายวน" นางยื่นมือไปประคองเซียวหลันยวนเขาจับมือนางลุกขึ้นยืน มองดุนาง ยื่นมือลูบใบหน้านาง สีหน้าดูซับซ้อน"เจ้าลองดู"ฟู่จาวหนิงใจดำดิ่งหน่อยๆเพราะเขารู้สึกแปลกไปอย่างเห็นได้ชัด ปฏิกิริยานี้คือถูกส่งผลกระทบเข้าแล้วเมื่อครู่เขายังบอกนางอยู่เลยว่าถ้าไม่อยากคะเนทำนายก็ไม่ต้องทำ ตอนนี้เขากลับบอกว่าให้ลองดูเสียแล้วจิตใจต่อต้านกับความอยากเอาชนะของฟุ่จาวหนิงถูกกระตุ้นขึ้นมาแล้ว"ได้"นางขานรับ และไม่ลังเลอีก นั่งลงตรงหน้ามิติดาราทั้งสามผืนนั้น"ไข่มุกหมึก"เซียวหลันยวนส่งไข่มุกหมึก
เขาไม่อยากให้นางต้องฝืนตัวทำอะไรเพื่อตัวเขา"ข้ายินยอมทดสอบดู ไม่เป็นไร" ฟู่จาวหนิงบอกเขาเซียวหลันยวนชะงักไป "เช่นนั้นข้าก่อนแล้วกัน เจ้าลองดูผลลัพธ์ของข้าก่อนว่าเป็นอย่างไร แล้วค่อยตัดสินใจ"ตอนนี้เขาเองก็ยอมที่จะคะเนทำนายด้วย เพราะคำพูดประโยคนั้นที่เจ้าอารามพูดเมื่อครู่สามปีก่อนตอนที่เขาจะกลับเมืองหลวง ก็มีการวัดคะเนดาราไว้จริงๆ ทำให้เขารู้สึกได้อย่างชัดเจน ว่าเขาควรจะออกจากยอดเขาโยวชิงเวลานั้น และไปถึงเมืองหลวงในวันนั้นเขาเจอกับจาวหนิงถอนหมั้นกลางถนนในวันนั้น แต่งงานกับนางในวันนั้น ตอนนี้พอมาคิดก็ดูจะเป็นคู่รักวาสนาที่ฟ้าประทานมาจริงๆเพื่อความแม่นยำครั้งนี้ เขาเองก็ไม่กังขากับการวัดคะเนดาราเซียวหลันยวนนั่งขัดสมาธิลงตรงหน้ามิติดาราทั้งสามชิ้น ยื่นมือไปทางเจ้าอาราม "ไข่มุกหมึก""เจ้าจำไว้ด้วยว่าต้องขจัดสิ่งรบกวนออก อย่าต่อต้านการชี้นำ" เจ้าอารามส่งไข่มุกหมึกให้เขา จากนั้นจึงจุดธูปขึ้นเซียวหลันยวนหลับตา สองมือกุมไข่มุกหมึกตอนที่เขาเข้าสู่สภาวะลืมตนอย่างสมบูรณ์ ฟู่จาวหนิงก็แหงนหน้ามองท้องฟ้าด้วยสัญชาตญาณ เหมือนจะพบว่าแสงดาวเต็มท้องฟ้าจะสว่างเจิดจ้ากว่าเดิมเซียวหลันยวน
เจ้าอารามถอนใจอย่างจนใจอีกครั้ง ร้องเรียกพวกเขาไว้"กลับมาก่อน ทำไมพูดไม่ถูกหูหน่อยเดียวก็จะไปแล้วล่ะ? เดี๋ยวนี้อารมณ์ขึ้นง่ายขนาดนี้เชียว? ข้าก็แค่พูดเฉยๆ ไม่ใช่ว่ามองเสี่ยวฟู่แบบนี้เสียหน่อย"ฟู่จาวหนิงเองก็ยืนนิ่ง นางดึงเซียวหลันยวนไว้ตอนนี้นางเองก็น่าจะมองการวัดคะเนดาราของเจ้าอารามเป็นเหมือนเกมลึกลับเกมนึง เมื่อครู่ที่เห็นการเปลี่ยนแปลงขององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น นางรู้สึกอยากรู้อยากเห็นมากยิ่งไปกว่านั้น ฟู่จาวหนิงรู้สึกว่าเจ้าอารามทำให้นางจับทางไม่ถูกเหมือนกัน คนผู้นี้ต้องมีตัวตนที่ไม่ธรรมดาสำหรับเซียวหลันยวนแน่นอนสำหรับฮูหยินเฉิง เซียวหลันยวนบทจะไม่ยอมรับก็ไม่ยอมรับได้ จะหมดความผูกพันนั่นก็หมดไป แต่สำหรับเจ้าอารามนั้นไม่ได้เด็ดขาดไม่เช่นนั้นคงไม่พานางเดินทางนับพันลี้มายอดเขาโยวชิงแค่เพราะคำๆ เดียวของเจ้าอารามหรอกนางเองก็อยากรู้มาก สาเหตุอะไรที่ต้องให้พวกเขามาทำนายชะตาอะไรนี่ เจ้าอารามคิดจะทำอะไรกันแน่นอกเหนือจากนี้ ตัวนางเองก็ยังอยากรู้ ว่าการที่นางมายังแคว้นเจานี่ เป็นเพราะมีพลังลึกลับอะไรหรือเปล่าถ้าไม่ทำให้ชัดเจน หลังจากนี้นางคงจะตั้งรับไม่ไหวองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นถึ
เขามองไปทางเจ้าอารามอีกครั้ง น้ำเสียงเข้มงวดขึ้นมา"ท่านน้าเฉิงถ้าพูดแบบนี้จริง เช่นนั้นสายตานางก็ตื้นเขินไม่รู้จักกาลเทศะ นางเองก็ไม่เข้าใจจาวหนิง และยิ่งไม่เข้าใจว่าจาวหนิงผ่านอะไรมาบ้าง แล้วมีสิทธิ์อะไรถึงใช้ความคิดของตัวเองมาสรุป ดูท่าหลายปีนี้คงถูกเอาอกเอาใจในเมืองจื่อซวีจนเสียคนแล้วจริงๆ"เดิมทีเขาได้ยินว่าฮูหยินเฉิงตาแดงก่ำลงจากเขาไป ยังเคยคิดว่าว่าเพราะช่วยนี้เย็นชากับนางมากเกินไปหรือเปล่า เอาไว้ตอนที่จะกลับ พอผ่านอุทยานเขาเฉิงอวิ๋น ยังคิดจะเข้าไปบอกลานางเสียหน่อยแต่ตอนนี้เขารู้สึกแล้วจริงๆ ว่าใจคนมันพังไปแล้ว เช่นนั้นก็ยากที่จะได้รับการเคารพจากคนอื่นจริงๆ"ข้าจดจำได้ว่าตอนที่ข้ายังเล็กท่านน้าเฉิงเคยมาดูแลอยู่หลายครั้ง แต่อันที่จริงพวกเราก็ไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น หลังจากข้าโตมา พวกเราก็เจอกันน้อยครั้งมาก เจอกันก็เพียงแค่ทักทาย ข้าเรียกนางว่าท่านน้า ก็เพราะเคยชินมาจากตอนเด็กเท่านั้น"เซียวหลันยวนตอนพูดถึงจุดนี้น้ำเสียงก็เย็นลงมา"ตอนยังเล็กนางดูแลข้ามาหลายครั้ง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะอาเจ้าอุทยานกำชับไว้ ข้าจึงเคารพนาง แต่นางก็ควรวางตัวให้ถูก ไม่ใช่จะขึ้นมาเป็นผู้อาวุโสของข้าจริ
สายตาที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองเซียวหลันยวนดูซับซ้อนมาก ดูลังเล กำลังตัดสินใจและดูเจ็บปวดทรมานมากแต่หลังจากนี้นางกลับละทิ้งเรื่องที่จะกลับเมืองหลวงหาคนอื่นหรือกระทั่งเรื่องไปแคว้นหมิ่น แล้วิคดจะอยู่ข้างกายเจ้าอารามแทนหรือ?นี่มัน...ฟู่จาวหนิงพูดไม่ออกไปชั่วขณะ ไม่รู้ว่าการเปลี่ยนความคิดกะทันหันของนางมันเกิดขึ้นมาได้อย่างไรตอนนี้นางกลับรู้สึกอยากรู้อยากเห็นต่อวัดคะเนดารานี้เสียแล้ว องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นสัมผัสได้ถึงอะไรกันนะ?"องค์หญิงใหญ่พักอยู่ที่นี่สองสามวันก่อนก็ได้ เอาไว้ค่อยว่ากัน"เจ้าอารามเหลือบมองกระจกทรงมุมที่แสงดับไปแล้วผาดหนึ่ง จากนั้นก็มองใบหน้าองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น แอบถอนหายใจในใจเขาเองก็ทำไม่สำเร็จ บิดชะตาฝูอวิ้นกลับมาไม่ได้ชั่วคราวผิดพลาดตรงไหนกันแน่นะ?เจ้าอารามมองต่อไปทางฟู่จาวหนิง จากการทำนายส่วนตัวของเขา ทำนายไปทำนายมา ต้นกำเนิดตัวแปรทั้งหมดก็คือฟู่จาวหนิงดังนั้น เรื่องที่เกี่ยวกับฟู่จาวหนิง เขาต้องมาขบคิดให้ดีจริงจัง""เจ้าอารามรับข้าไว้เถอะ แม้ข้าจะทำอะไรไม่เป็นเลย แต่ก็ยังเรียนรู้ได้ ข้าเรียนรู้ทำกับข้าว จริงด้วย ข้าเป็นแแม่สื่อได้ด้วยนะ หลังจากนี้ชายเส
บนพื้นมีสามจุดเปล่งแสงขึ้นรางๆ ปรากฏรูปร่างสามแบบคือ แปดเหลี่ยม ทรงกลม ทรงมุมฟู่จาวหนิงเดินเข้าไปสองก้าว จึงพบว่านั่นเป็นกระจกหลากสีเรียบลื่นสามชิ้นสลักฝังอยู่บนพื้น ใต้กระจกน่าจะเป็นหินหยกผิวเรียบ และระหว่างหยกกับกระจกมีของเหลวสีแดงเจือสีเงินไหลเอื่อยๆ อยู่ยิ่งไปกว่านั้น เพียงไม่นาน ด้านบนยังมีแสงระยิบเหมือนดวงดาว ราวกับจำลองท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยแสงดาวออกมาเจ้าอารามเดินเข้าไปใกล้ กวักมือให้กับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น"มานี่"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็ค่อนข้างว่าง่าย เดินเข้าไปทันทีเจ้าอารามส่งลูกปัดหยกสีดำเม็ดหนึ่งให้นาง"นั่งขัดสมาธิ กำลูกปัดเม็ดนี้ไว้ สัมผัสดูว่ามันนำเจ้าไปยังมิติดาราไหน แล้วจงชี้ออกมา"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไม่ค่อยเข้าใจ แต่ก็ทำตามที่เขาบอกนั่งลงขัดสมาธิบนพื้น สองมือกุมลูกปัดนั้น ตั้งสมาธิสัมผัสผ่านไปครู่หนึ่ง นางจึงหันหลังอย่างลังเลไปทางทรงมุมนั้น"ทางนี้"ฟู่จาวหนิงยืนมองอยู่ข้างๆจากที่นางเห็น เจ้าอารามเหมือนคนที่กำลังเล่นละครหลอกคนอย่างไรอย่างนั้น เรื่องแบบนี้จะทำนายดวงชะตาออกมาได้อย่างไร?กำลูกปัดลูกหนึ่งไว้ ก็สามารถชักนำให้ตนเองเลือกกระจกหลากสีแผ่นไหนแบ
ดาวสองดวงนั้นประกายจ้ามาก แล้วยังอยู่ใกล้มากด้วย ส่องประกายให้กันและกัน เหมือนขานรับกันและกันไม่รู้เพราะอะไร พอเห็นดาวสองดวงนี้ ฟู่จาวหนิงรู้สึกมีความสุขขึ้นมานางมองไปทางเซียวหลันยวน ถามขึ้นเสียงแผ่วเบา "ท่านเห็นดาวดวงไหนหรือ?"เซียวหลันยวนไม่ตอบ แต่กุมมือนางมัน จับนิ้วนางชี้ออกไป"เอ๋?"ที่เซียวหลันยวนชี้ก็คือดาวสองดวงนั้น!หรือพวกเขาจะมองเห็นแบบเดียวกัน?แน่นอนว่าอาจจะเพราะดาวสองดวงนั้นสว่างไสวมากที่สุด คนอื่นเองก็อาจจะมองเห็นพวกมันด้วยฟู่จาวหนิงคิดเช่นนี้ เลยมองไปทางองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น แต่กลับเห็นนางมองไปทางอื่นนางมองไล่ตามสายตาองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไป ตรงนั้นมีดาวดวงหนึ่ง สว่างอยู่เหมือนกัน แต่ดาวที่อยู่รอบๆ เล็กเอามากๆ จึงส่องระยับอยู่เพียงดวงเดียวที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองอยู่น่าจะเป็นดวงนั้นกระมัง?ตอนที่นางจะเก็บสายตาก็กวาดไปเห็นซางจื่อพอดี และเห็นซางจื่อก็กำลังมองท้องฟ้า แต่สายตาของเขาดูสับสน สีหน้าเองก็ตกตะลึงไปฟู่จาวหนิงคิดๆ ถอยหลังสองก้าวไปอยู่ข้างๆ ซางจื่อซางจื่อเก็บสายตากลับ มองไปทางนาง ไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆ นางก็มาอยู่ข้างๆ"ซางจื่อ เจ้าชอบดาวดวงไหน?"ซา
"แต่ก่อนท่านเคยเห็นเขาระบำมาก่อนไหม?""ไม่มีเคยเลย"ตอนที่พวกเขาหยุดเท้ายืนมอง องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็มาถึงข้างกายพวกเขานางเองก็มองการร่ายรำบนแท่นชมดาว สายตาดูเคลิบเคลิ้มหน่อยๆ"ข้าได้ยินว่า แต่ก่อนตงฉิงก็มีระบำทำนายดวงดาวอยู่ประเภทหนึ่ง คิดค้นขึ้นมาโดยตระกูลราชครูตงฉิง นี่เป็นระบำที่ลึกลับมาก จังหวะก้าวเท้าทุกก้าวล้วนพิถีพิถัน นำมาซึ่งพลังแห่งดวงดาว ทำให้ผู้ทำนายดวงดาวมีพลังที่ลึกลับมากขึ้น ผลลัพธ์การทำนายเองก็แม่นยำขึ้น"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเองก็ลืมสิ่งที่เซียวหลันยวนพูดไว้เมื่อครู่ เรื่องที่ไม่ให้นางเข้ามาใกล้นัก แต่มายืนอยู่ข้างกายพวกเขา พูดเรื่องที่ตนเองรู้มาก่อนหน้านี้ออกมาอย่างอดไม่อยู่"ตระกูลราชครูของตงฉิง?" ฟู่จาวหนิงเหลือบมองนางผาดหนึ่ง"ใช่ นี่เป็นสิ่งที่ข้าได้ยินองค์จักรพรรดิของข้าบอกมา" องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นพอเห็นว่านางยอมพูดกับตนเอง ก็รู้สึกเหมือนได้รับเกียรติจนประหลาดใจขึ้นมา "ยิ่งไปกว่านั้นข้าก็ได้ยินว่าองค์จักรพรรดิข้าค้นหาตระกูลราชครูตงฉิงอยู่ตลอด ว่ากันว่า ตระกูลราชครูนั้นรู้ความลับมากมายของตงฉิง สามารถช่วยให้อาณาจักรมั่นคงได้ด้วย"เซียวหลันยวนร้องเฮอะขึ้นมาต้