ฟู่จาวหนิงรู้สึกเหมือนตนเองกำลังถูกเล่นตลก"ไม่ใช่หรือไร? เจ้าเองก็เป็นหญิงสาวคนหนึ่ง เห็นบอกว่าแต่งงานแล้วด้วย แต่เจ้าก็มาพักอยู่บ้านคนอื่นตัวเดียวนานขนาดนี้ เจ้าคิดว่าใครจะเชื่อเจ้าลงกัน? ดังนั้นเจ้าก็ต้องช่วงชิงตัวตนฐานะออกมา หลังจากนี้หากต้องแต่งงานจริง เจ้าก็ยังสามารถเลือกสามีที่ดีได้ กระทั่งว่ายังมีความสามารถที่จะสนับสนุนตนเอง จนไม่ต้องถูกบ้านสามีกดขี่หัวเอาไว้ด้วย"คนบางคนจากบ้านสามี: เขาไปกดขี่หัวหนิงหนิงตั้งแต่เมื่อไรกัน?"ข้าต้องขอบคุณท่านจริงๆ ที่พิจารณาเพื่อข้าอย่างละเอียดขนาดนี้" ฟู่จาวหนิงอยากจะหัวเราะออกมาเสียจริงให้ตายเถอะ ถ้าไม่บอกนางก็ไม่รู้เลย ว่าท่านอารองจะคิดแทนนางเสียขนาดนี้ นี่คิดไปถึงวันข้างหน้าแล้วด้วย"เจ้าตอนนี้อยู่กับอาเสวียน ก็ถือว่าพึ่งพาอาเสวียนอยู่ เช่นนั้นก็ถือว่าเป็นคนบ้านเดียวกัน ข้าตอนนี้ในฐานะผู้อาวุโสของตระกูลเสิ่น จะไม่คิดแทนพวกเจ้าได้อย่างไรกัน? คุณชายน้อยขอผิงเหอกงคนนี้ ถ้าพูดเรื่องตัวตนฐานะก็ถือว่าสูงส่งอยู่ ตอนนี้หมอใหญ่ตั้งมากมายก็ยังรักษาเขาไม่ได้ นี่เป็นโอกาสของเจ้าแล้ว""ถ้าเจ้าตอนนี้รักษาองค์ชายได้สำเร็จ ไม่ใช่แค่สามารถได้ทั้งชื่อเ
ท่านอารองเสิ่นสีหน้าเปลี่ยนไปในพริบตาหลานชายสองคนของเขานั้นมีพรสวรรค์อยู่ แต่เพราะการเรียนแพทย์ไม่ใช่เรื่องง่าย เขาให้หมอฉงคอยสอนพวกเขา แล้วยังเตรียมจะหาหมอมีชื่อคนอื่นให้พวกเขาอีกด้วยก็นั่นล่ะ งานประชุมหมอใหญ่ครั้งนี้ เขาเองก็คิดจะพาหลานสองคนนี้ไปเข้าร่วมอยู่ ถ้าถึงเวลาแล้วสามารถถูกหมอมีชื่อในงานประชุมหมอใหญ่รับเป็นศิษย์ได้ด้วย นั่นก็จะแตกต่างไปทันทีหลังจากนั้นค่อยไปหาพวกหนังสือสะสมบางส่วนของบ้านตระกูลเสิ่น จะต้องมีอยู่หลายเล่มที่เป็นคัมภีร์ยาที่ไม่เคยปรากฏในโลกมาก่อนเเป็นแน่ จากนั้นก็ให้พวกเขาค้นคว้าสักสองปี บานของเขาก็จะมีหมอเลื่องชื่อปรากฎขึ้นสองคนแล้ว!หมอเลื่องชื่อที่อายุยังน้อย อนาคตจะสดใสเสียขนาดไหนกัน!แต่ว่าตอนนี้ฟู่จาวหนิงจู่ๆ ก็เอ่ยถึงหลานชายสองคนนี้ขึ้นมา แล้วจะให้พวกเขาไปยุ่งกับการรักษาโรคประหลาดของลูกชายผิงเหอกงกับองค์หญิงใหญ่อีก แล้วถ้าหากรักษาไม่ได้ขึ้นมา อาจจะถูกองค์หญิงใหญ่สังหารทิ้งก็ได้นี่!"ฟู่จาวหนิง เรื่องนี้เอามาพูดตลกกันได้ด้วยหรือ? เจ้าเป็นหมอ พวกเขายังไม่ใช่เสียหน่อย..."ท่านอารองยังไม่ทันพูดจบ ฟู่จาวหนิงก็ตัดบทเขาขึ้นมา "ยังไม่ใช่หมอแต่แค่เรียนมาก
"เจ้าๆๆ! เสิ่นเสวียน! เจ้าพาใครมากันนี่ นางๆๆ กล้าสาปแช่งข้า!" ท่านอารองเสิ่นโมโหจนหน้ากลายเป็นสีตับหมูไปแล้ว ชี้มาทางฟู่จาวหนิง กระทั่งมือยังสั่นเทา"ท่านอารอง ท่านพูดอะไรกัน? จาวหนิงไม่ใช่คนแบบนั้นเสียหน่อย นางเป็นคนที่ว่าง่ายรู้เรื่องมาโดยตลอด"เสิ่นเสวียนเอ่ยขึ้น"เจ้าไม่ได้ยินหรือ?""ไม่นี่ ข้าได้ยินแต่นางบอกว่าจะแบ่งโอกาสครึ่งหนึ่งให้กับลูกพี่ลูกน้องสองคน ไม่เป็นไร พรุ่งนี้ถ้าจาวหนิงไปที่จวนผิงเหอกง ข้าจะพาลูกพี่ลูกน้องสองคนนั่นส่งไปด้วย ควรจะให้โอกาสพวกเขาเสียหน่อย จะไม่ให้ไม่ได้"เสิ่นเสวียนพูดจบก็บอกพวกของหลิวหั่ว "ส่งแขก เรือนนี้เล็กเกินไป คนมาอยู่เยอะไม่ได้"เขาพาฟู่จาวหนิงหันกลับเข้าประตูไป ไม่สนใจท่านอารองเสิ่นอีก"เสิ่นเสวียน! เจ้าถูกนางล่อลวงสติสตังไปแล้วใช่ไหม? เจ้าทำไมถึงเป็นแบบนี้กับนาง? เจ้าทำไมถึงกล้าไล่ข้าเพื่อนางกัน? เสิ่นเสวียน ในใจเจ้ามีความกตัญญูอยู่บ้างไหม?""ซ่า!"น้ำเย็นถังหนึ่งสาดเข้ามา สาดลงไปบนตัวเขา จนลูกตาเลอะไปหมดแล้วในวันฤดูใบไม้ร่วงแก่ๆ ใกล้เข้าฤดูหนาวแบบนี้ น้ำถังหนึ่งพอสาดเข้ามาก็เย็นวาบไปถึงหัวใจเลยท่านอารองเสิ่นสั่นสะท้านขึ้นมาทันที"
"อ๊า! เจ็บๆๆ เจ็บจะตายอยู่แล้ว!"ท่านอารองเสิ่นคิดจะกอดเข่า แต่มือพอแตะโดนก็ยิ่งเจ็บ เขาเจ็บจนร้องออกมาอย่างเวทนาคนขับรถไม่รู้ว่าเขาเป็นอะไรไป จึงรีบพาเขาตรงไปที่พัก ที่นั่นมีคนจากบ้านสองของตระกูลเสิ่นอยู่หลายคนพวกเขาล้วนรอข่าวดีที่ท่านอารองจะนำกลับมาแต่คิดไม่ถึงว่าที่รออยู่กลับเป็นคนที่สลบไสลไปแล้ว"เกิดอะไรขึ้น?""คุณท่านสลบไปแล้ว! เหงื่อแตกไปทั้งตัว เสื้อผ้าเปียกปอนไปหมดเลย!"พอเห็นสภาพท่านอารองเสิ่นที่ถูกบีบคั้น คนของบ้านสองก็หน้าถอดสีกันหมด"เร็ว รีบไปเชิญหมอมา!"แต่หมอใหญ่ที่วิชาแพทย์ดีที่สุดในสมองพวกเขาคือฟู่จาวหนิงท่านผู้เฒ่าบ้านสองรีบกระชากเสื้อคนขับรถ "เกิดอะไรขึ้น? เล่ามาให้ละเอียด!"รอจนคนขับรถเล่าเรื่องราวออกมาตะกุกตะกักจนหมด สีหน้าของคนบ้านสองก็ดำเหมือนหมึกขึ้นมา"มีหลักการแบบนี้ด้วยหรือ! ฟู่จาวหนิงช่างกล้านัก!""เสิ่นเสวียนยังปกป้องนางอีกด้วย ยอมให้ผู้ติดตามของนางลงมือทำร้ายผู้อาวุโสของตระกูลเสิ่นขนาดนี้?""ดูท่า เสิ่นเสวียนจะสงสัยพวกเราเข้าแล้ว ไม่ได้มีจิตใจเช่นเดียวกับพวกเรา"สีหน้าคนบ้านสองซับซ้อนขึ้นมา มองหน้ากันไปมา"ฟู่จาวหนิงดูท่าจะโหดเหี้ยมเอา
หลังจากนี้เขาจะรู้สึกได้ถึงสุขภาพแข็งแรงของคนทั่วไปเป็นครั้งแรกแล้วว่าเป็นแบบไหนพอคิดถึงจุดนี้นางก็รู้สึกสงสารเขาขึ้นมาหน่อยๆหลายปีมานี้ใช้ชีวิตมาไม่ง่ายเลยจริงๆ"หนิงหนิง ขอบคุณเจ้ามาก"น้ำเสียงเซียวหลันยวนติดสะอื้นหน่อยๆฟู่จาวหนิงยิ้มๆ "หลังจากนี้ก็ดีกับข้าหน่อยล่ะ""แน่นอน""ยินดีด้วยอ๋องเจวี้ยน" เสิ่นเสวียนเอ่ยขึ้นมาแล้ว เลิกกอดกันเสียทีได้ไหม?เซียวหลันยวนตอนนี้จึงปล่อยตัวฟู่จาวหนิง เขาหมุนตัวไปทางเสิ่นเสวียน เอ่ยขึ้นอย่างตั้งใจ "ท่านลุงอย่าได้ห่างเหินนักเลย เรียกข้าว่าอายวนก็พอแล้ว"ก่อนหน้านี้ทำไมไม่เคยได้ยินเขาพูดแบบนี้เลย?แต่เสิ่นเสวียนก็ไม่เกรงใจเช่นกัน "เช่นนั้นหลังจากนี้ข้าจะเรียกเจ้าว่าอายวน""ขอรับ ท่านลุง""มาพูดเรื่องของผิงเหอกงหน่อย" เสิ่นเสวียนนวนคิ้ว "ตอนนี้ที่ลำบากสุดก็คือการที่ฝ่าบาทจะรับมือกับตระกูลเสิ่น ฟุ่จาวหนิงอยู่ในบ้านตระกูลเสิ่นมาตลอด ผิงเหอกงกับองค์หญิงใหญ่ทั้งสองคนถึงเวลาเกรงว่าจะทำไม่ดีกับนาง"เซียวหลันยวนกุมมือฟู่จาวหนิง เอ่ยขึ้นอย่างสงบ"ดังนั้น หนิงหนิงจึงไม่ต้องไปด้วยตัวตนฐานะของบ้านตระกูลเสิ่น""อื๋อ?"เสิ่นเสวียนกับฟู่จาวหนิงมอง
ฟู่จาวหนิงพิจารณาอยู่ครู่หนึ่ง ยังตัดสินใจว่าจะไปอยู่หนึ่งคือนางเองก็รู้สึกอยากรู้อยากเห็นอาการป่วยของลูกชายผิงเหอกงจริงๆ สองคือ ถ้าหากอีกฝ่ายบุกเข้ามาเชิญจริงๆ ตอนนี้เซียวหลันยวนเองก็อยู่ที่นี่ด้วย ซ้ำยังกำลังเป็นช่วงสำคัญที่สุดในการรักษาใบหน้าด้วย นางไม่อยากให้เรื่องมาบานปลายใหญ่โต ถึงตอนนั้นจะดึงเขาลำบากไปด้วย"แล้วก็ เพื่อเสิ่นเสวียนด้วย"ตระกูลเสิ่นตอนนี้กำลังลำบาก เสิ่นเสวียนเองก็ยิ่งลำบากองค์จักรพรรดิต้าชื่อคอยรับมือกับตระกูลเสิ่นอยู่เช่นนี้ หลังจากนี้เกรงว่าคงจะไม่เหลือเส้นทางไว้ให้ครอบครัวของเสิ่นเสวียนอีกแล้วนอกจากตัวเสิ่นเสวียนเองที่พยายามต่อต้าน จุดที่นางช่วยได้ก็ต้องทำให้เต็มที่แล้วก็พฤติกรรมสังหารหมอที่รักษาลูกชายไม่ได้ขององค์หญิงใหญ่ ครอบครัวนั้นก็คงไม่ใช่คนดีอะไร แต่ ถ้าหากนางรักษาคุณชายน้อยได้ล่ะ อย่างน้อยก็คือว่าบีบผิงเหอกงกับองค์หญิงใหญ่ไว้ได้แล้ว หลังจากนี้อย่างน้อยก็ไม่ใช่ศัตรูกันยิ่งไปกว่านั้นที่สำคัญที่สุดคือ นางสามารถยืมจุดนี้สร้างชื่อได้ ถึงตอนนั้นก็เป็นไปได้มากว่าจะสามารถใช้เส้นสายที่นางชิงมาได้ในต้าชื่อเข้าสนับสนุนเสิ่นเสวียนในเมื่อคิดจะไปยังจวน
เซียวหลันยวนขมวดคิ้ว "เวลาขนาดนี้แล้ว พวกเขาคืนนี้คงไม่ปล่อยเจ้าไปแน่""ข้าพาสืออีสือซานกับไป๋หู่สามคนไปด้วย""พาเสี่ยวชิ่นไปด้วย" เสิ่นเสวียนเอ่ยขึ้น "ถ้าหากต้องค้างคืนที่นั่นจริง ข้างกายเจ้าไม่มีสาวใช้สักคนคงไม่ค่อยสะดวกนัก"เสี่ยวชิ่นวิ่งเข้ามา กอดห่อผ้าห่อใหญ่มาด้วย "นายท่าน คุณหนูจาวหนิง ข้าเก็บของที่ควรเอาไปด้วยมาหมดแล้ว""อืม เจ้าติดตามคุณหนูไปก็ต้องตื่นตัวหน่อยนะ" เสิ่นเสวียนกำชับมา"ข้าน้อยทราบแล้ว"เสี่ยวชิ่นยังดีอกดีใวจที่ฟู่จาวหนิงใช้งานนาง ไม่เช่นนั้นเวลาเช่นนี้ฟู่จาวหนิงก็เอาแต่พาพวกสืออีไป เห็นได้ชัดว่านางไร้ประโยชน์ในเรือน คนจากจวนผิงเหอกงยังคงเร่งมาอยู่"ยังไม่เจอคนอีกหรือ? หมอเทวดาฟู่นี่ก็หน้าใหญ่เหมือนกันสินะ?"ฟู่จาวหนิงพาเสี่ยวชิ่นเดินออกมาพอคุณหนูรองเหอเห็ฯนาง ดวงตาก็ถลึงตาโตขึ้นทันที นางก็โพล่งออกมาทัน "ให้ตายเถอะ! ทำไมถึงงามกว่าที่ได้ยินมาเสียอีก!"สาวใช้นางถลึงตาอ้าปากค้าง พยักหน้าด้วยสัญชาตญาณ "งดงามมากจริงๆ"ฟู่จาวหนิงในชุดกระโปรงสีฟ้าน้ำทะเลสาบ และยังมีเสื้อนอกสีน้ำเงินปักดอกไม้ลายเงินอีกตัวหนึ่ง ดูแล้วทรงสง่าและดูสบายดีด้วยปอยผมที่ขมับกดไว้เ
พอเห็นว่าใกล้จะถึงจวนผิงเหอกงแล้ว คุณหนูรองเหอยังไม่เก็บสายตากลับมาจากหน้าฟู่จาวหนิงตลอดทางนางเอาแต่มองฟู่จาวหนิงยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกว่าใบหน้านี้มันงามเสียเหลือเกิน ยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกแปลกประหลาดตลอดทางฟู่จาวหนิงถามนางเกี่ยวกับเรื่องคุณชายน้อยไปพอสมควร หลักๆ ล้วนวนอยู่ที่อาการป่วยเขาไม่ได้พูดเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับอาการป่วยของเขาเลยคุณหนูรองเหอรู้สึกแปลกประหลาดสุดๆ"คุณหนูรอง ถึงแล้วขอรับ" คนขับรถหยุดรถม้าฟู่จาวหนิงเตรียมลงจากรถม้า คุณหนูรองเหอไม่รู้ว่าตนเองคิดอะไรอยู่ ดึงมือของนางเอาไว้"แม่นางฟู่ ข้าไม่ได้ขู่ท่านนะ แม่ของข้าไม่มีทางดีกับท่านเพราะท่านหน้าตาดีแน่ ถ้าหากท่านรักษาน้องข้าไม่ได้จริงๆ ยิ่งไปกว่านั้นยังบอกถึงสาเหตุอะไรไม่ได้ แม่ของข้าจะเอาชีวิตของท่านไปจริงๆ"ฟู่จาวหนิงรู้สึกว่าคุณหนูรองเหอคนนี้น่ารักเสียจริง"เช่นนั้นท่านจะให้ข้าหนีไปตอนนี้หรือ?""ไม่ใช่ ข้าอยากให้ท่านคิดให้ดี ถ้าหากรักษาไม่ได้ล่ะก็ ท่านต้องพูดอะไรออกมาหน่อย ต่อให้จะแต่งคำน่าฟังอะไรออกมาหน่อยก็ยังดี ข้าขอบอกกับท่านไว้ ถึงอย่างไรให้พูดอะไรก็ได้ที่ทำให้แม่ของข้ารู้สึกว่ามีหวัง เช่นนี้นางจะไม่สัง