แชร์

4

วันต่อมา...ประเทศไทย

หลังเครื่องบินส่วนตัวลงแตะที่รันเวย์ของสนามบิน เจคอปก็ขับรถตรงไปยังร้านอาหารเอื้องลานนา ที่อยู่ข้างๆ กับโรงแรมมะลิฉัตร แกรนด์ ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยของเหล่าบอดี้การ์ดที่เดินทางมาเฝ้าติดตามดูอยู่ห่างๆ     

ทันทีที่เข้าไปข้างในร้านอาหาร เจคอปก็ฉีกยิ้มกว้างอย่างดีใจเมื่อเห็นใบหน้าจิ้มลิ้มของพนักงานเสิร์ฟสาวแสนสวย ที่ไม่ว่าเขาจะเดินทางไป            กี่ประเทศ พบเจอกับดารา-นางแบบเป็นร้อยเป็นพัน แต่ก็ไม่เคยมีใครทำให้เขาเก็บเอาไปนอนฝันได้นอกจากสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้า

 มารีอา อนันพิศสุทธิ์ อายุ 22 ปี สูง 161 เซนติเมตร สาวน้อยวัยสดใสดุจดอกไม้แรกแย้มที่กำลังเบ่งบาน เธอทำงานพาร์ทไทม์ในร้านอาหารเอื้องลานนานมาเกือบสี่ปี ตั้งแต่เข้าเรียนปีหนึ่งจนกระทั่งจะจบการศึกษาปริญญาตรี ซึ่งกำลังรอสอบเข้าทำงานที่โรงแรมใหญ่ระดับห้าดาวแห่งหนึ่งอยู่

“สวัสดีค่ะ” มารีอายกรีบมือไหว้ เมื่อเห็นลูกค้าหนุ่มลูกครึ่งสุดหล่อ นัยน์ตาสีน้ำตาลอมเทา เข้ามานั่งยังโต๊ะซึ่งเป็นโซนที่เธอดูแลอยู่

“พระเจ้า! หน้าอกใหญ่เป็นบ้า” เจคอปจ้องมองหน้าอกขนาดเกินตัวกับเอวที่เล็กคอดนั้นด้วยหัวใจสั่นๆ ก่อนจะกลืนน้ำลายลงคออย่างรู้สึกกระหาย 

“คะ...คุณว่าอะไรนะ?” มารีอารู้สึกหวาดกลัวชายหนุ่มตรงหน้าอย่างบอกไม่ถูก พลัน! ภาพข่าวสยองขวัญ คดีฆ่าหั่นศพที่กำลังดังครึกโครมก็ผุดขึ้นมาในหัว พยานหลายปากที่พบเห็น ต่างให้การเป็นเสียงเดียวกันว่า...ผู้ต้องสงสัยเป็นชายชาวต่างชาติ หน้าตาดี อายุราวๆ 35-40 ปี ซึ่งมันก็ตรงกับคนที่นั่งส่งสายตาแวววาวมาให้เธอในตอนนี้ซะเหลือเกิน

“เอ่อ...ผมพูดว่าคุณน่ารักเป็นบ้าน่ะครับ” เจคอปอึกอักรีบออกตัว เพราะดันเผลอพูดสิ่งที่คิดเอาไว้ในใจออกมา

“แต่เมื่อกี้ฉันได้ยินคุณพูดว่า หน้าอกใหญ่เป็นบ้า”  มารีอาเอ่ยท้วงเสียงแข็ง

“โอ้พระเจ้า! ผมพูดแบบนั้นออกไปจริงๆ เหรอครับ?” ชายหนุ่ม      ฉีกยิ้มกลบเกลื่อน หลังสาวเจ้าทวนประโยคที่น่าอับอายให้ฟังอีกครั้ง

“ใช่! ฉันก็ได้ยินแบบนั้นนะ” ชายวัยหกสิบที่นั่งอยู่โต๊ะใกล้ๆ ช่วยยืนยันอีกเสียง

“ว้าว!” เจคอปหันไปยิ้มให้กับพยาน ก่อนจะหันไปเอ่ยกับสาวเจ้าอย่างจำนน “ผมขอโทษครับ ไม่ได้ตั้งใจที่จะพูดอะไรแบบนั้นออกมาจริงๆ”

“โอเคค่ะ! คุณจะสั่งอาหารหรือยังคะ?” มารีอาถามพร้อมกับจ้องมองใบหน้าของชายหนุ่มราวกับกำลังเก็บรายละเอียดของคนร้าย

“คุณพอจะช่วยแนะนำให้ผมหน่อยได้ไหมครับ” เจคอปส่งยิ้มให้สาวตรงหน้าอย่างรู้สึกความเก้อเขิน

มารีอาฝืนยิ้มตอบบางๆ เตรียมจะเอ่ย “เมนูแนะนำของร้านก็มี...” 

“คุณอายุเท่าไหร่?”

“22 ค่ะ คุณมีอะไรหรือเปล่าคะ?” มารีอาบอกก่อนจะทำหน้าตกใจ! เมื่อนึกขึ้นได้ว่าผู้หญิงที่เป็นเหยื่อทั้งสามคนก็ล้วนแต่อายุ 22 เท่าๆ กับเธอ

“เปล่าครับ แค่ถามดูเฉยๆ” เจคอปฉีกยิ้มกว้างราวกับหุ่นของบริษัททะยานขึ้นสามสิบจุดในระยะเวลาไม่กี่นาที

“ให้ตายสิ! ฉันนึกว่าหนูอายุ 17 นะเนี่ย?” ชายวัยหกสิบยกมือขึ้นทาบอก ก่อนจะมองสำรวจใบหน้าจิ้มลิ้มที่อ่อนเยาว์อย่างไม่อยากจะเชื่อ

“ขอบคุณพระเจ้าที่มีคนคิดเหมือนผม” เจคอปบอกพลางหัวเราะอย่างอารมณ์ดี

“เอ่อ...” มารีอาปาดเหงื่อที่ไหลลู่ตรงขมับทิ้งด้วยมือไม้สั่นๆ ขณะที่ฉากฆาตกรรมต่างๆ ผุดขึ้นมาในจินตนาการของเธออย่างต่อเนื่อง

“คุณช่วยสั่งอะไรก็ได้ให้ผมทานสักสองสามอย่างสิครับ!” เจคอปรีบบอกเพราะกลัวว่าสาวเจ้าจะโกรธ แล้วให้พนักงานคนอื่นมาดูแลโต๊ะที่ตนนั่งแทน

“ดะ...ได้ค่ะ ขอตัวก่อนนะคะ”  หญิงสาวตอบก่อนจะรีบเดินตรงไปยังเคาท์เตอร์ด้วยสีหน้าตื่นๆ

เจอคอปมองตามเรืองร่างบอบอบางที่เต็มไปด้วยส่วนเว้าส่วนโค้งที่น่าทะนุถนอม ด้วยหัวใจสั่นๆ กับทุกก้าวที่สาวเจ้าเดิน มันทำให้เขาอยากจะวิ่งเข้าไปอุ้มเธอ แล้วพาไปกระทำชำเราที่ไหนสักแห่งให้หนำใจ สาสมกับที่เธอทำให้เขาต้องนั่งเครื่องบินไปบินไปมาเหมือนคนบ้าอยู่แบบนี้ เพราะสามปีที่ผ่านมาเขาเอาแต่เฝ้ามองดูเธออยู่ห่างๆ ให้คนตามดูแลอยู่เงียบๆ จนกระทั่งเธอใกล้จะเรียนจบ เขาก็เริ่มอยู่ไม่สุข ไม่อยากทำตัวเหมือนออร์แลนโด้ที่พอเจอหน้าปุ๊บ!

ก็ลากไปทำเมีย มันดิบเถื่อนเกินไป มันต้องแบบแพททริกสันกับ     พิมพลอยถึงจะโรแมนติกและประทับใจ ยกเว้นเรื่องที่โดนยิงจนเกือบจะกลายเป็นเจ้าชายนิทรา ซึ่ง! เขาจะไม่ขอเจอะเจอสถานการณ์นั้น

คนที่คิดเองเออเองโดยลืมไปว่าแพททริกสันกับพิมพลอยนั้น ต่างฝ่ายก็ต่างมีใจให้กัน แต่กับตนนั้น! สาวเจ้าแทบจะไม่ได้รับรู้หรือว่ารู้สึกใดๆ นอกเหนือไปจากฆาตกรโรคจิตที่กำลังเป็นข่าวโด่งดังอยู่ในขณะนี้

สายสุณีรีบสะกิดเพื่อนสาว หลังเห็นลูกค้าหนุ่มหล่อเอาแต่มองตามราวกับว่าทั้งร้านมีแค่มารีอาอยู่คนเดียว

“รีอา! ฝรั่งคนนั้นต้องชอบแกแน่ๆ เลย”

“บ้า! อีตานั่นน่ากลัวจะตาย” มารีอาบอกพลางเบ้ปากใส่เพื่อนนิดๆ

“น่ากลัวบ้าบออะไรฮะแก หล่อจนเปล่งประกายลำแสงฆ่าผู้ชายในร้านตายไปหลายคนซะขนาดนั้น เป็นฉันจะรีบตะคลุบเลย” สายสุณียิ้มน้อยยิ้มใหญ่กับความหล่อบาดตาบาดใจของหนุ่มลูกครึ่งที่พูดไทยได้ชัดถ้อยชัดคำ จนทำให้คนที่ไม่เก่งภาษาอย่างเธอสื่อสารได้อย่างไม่ต้องเขินอาย

“งั้นแกก็รีบไปตะคลุบซะสิ” มารีอาส่ายอย่างหน้าเพลียๆ กับท่าทีของเพื่อนสาว

“จ้า! ถ้าฉันปลีกตัวไปได้นะ แกแหกตาดูลูกค้าที่โซนฉันซะก่อน”  สายสุณีบอกพลางยักไหล่ทั้งสองข้างขึ้นอย่างสุดเซ็ง เพราะคนหล่อบาดจิตไม่ยอมมานั่งตรงโซนที่เธอให้บริการ

มารีอาหัวเราะเบาๆ กับสีหน้าของเพื่อนสาว ก่อนจะตกใจกับเสียงกริ่งเตือนอาหารออกที่ดังขึ้นติดๆ กัน

ติ้งๆ ติ้งๆ

“เขาให้มาเสิร์ฟ ไม่ใช่มาหาผัว!” สาทรชะโงกหน้าออกมาจากบานประตูขนาด 30X30 ซม. ที่กั้นระหว่างภายในร้านอาหารกับในครัว ก่อนจะส่งเมนูที่เพิ่งจะทำเสร็จให้กับน้องสาวที่ชอบพูดจาราวกับสาวร่านสวาทก็ไม่ปาน

“โห...ปากแบบนี้ ไม่น่าเกิดมาเป็นพี่เป็นน้องกันเลย” สายสุณีถลึงตาใส่พี่ชายจอมปากเสีย

“น้องแรดๆ อย่างแก ฉันก็ไม่อยากนับญาติเหมือนกัน” สาทรตอบอย่างไม่สนใจ

“ฝากเอาไว้ก่อน! เดี๋ยวเลิกงานเมื่อไหร่จะเข้าไปกระทืบถึงในครัวเลยคอยดู” สายสุณีคาดโทษพี่ชายก่อนจะยกอาหารใส่ถาดไปเสิร์ฟ

“เออ! อยากตายก็เข้ามา” สาทรบอกตามหลังด้วยน้ำเสียงท้าทาย

สายสุณีที่เดินไปได้หลายก้าว หันกลับมาส่งสายตาพิฆาตรให้ ก่อนจะปรับสีหน้าแล้วฉีกยิ้มให้กับลูกค้าตามโต๊ะที่เดินผ่าน

“คิกๆๆ” มารีอาหัวเราะเบาๆ กับการสนทนาระหว่างพี่น้องที่ค่อนข้างจะฮาร์ทคอร์ไปสักนิด แต่มันคือเรื่องปกติที่เธอเจอมาตลอดหลายปี จึงไม่ได้ตกใจกับน้ำเสียงและคำพูดที่ทั้งสองสาดใส่กัน

“เอ่อ...น้องรีอาอย่าไปทำตามที่อีส้มมันพูดนะจ๊ะ” สาทรเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงพร้อมกับส่งยิ้มเจื่อนๆ ไปให้สาวในฝัน

“ค่ะพี่ทร” มารีอายิ้มบางๆ ให้เชฟใหญ่ของร้านอย่างอายๆ

“เดี๋ยวเลิกงานพี่ไปส่งกลับห้องนะ” สาทรพยายามจะสานสัมพันธ์ให้พัฒนาไปไกลกว่าพี่ชายของเพื่อน

“เลิกงานแล้วรีอาว่าจะไปหาอะไรกินกับส้มน่ะค่ะ” มารีอารีบบอก เพราะตั้งใจว่าจะไปสังสรรค์เบาๆ กับเพื่อนสาว หลังจากที่นัดกันมาแล้วหลายวัน แต่ก็ยังไม่มีโอกาสได้ไปสักที

“พี่ไปด้วยคนสิ!” สาทรยิ้มกว้างขึ้นมาทันใด เมื่อมองเห็นโอกาสงามๆ ‘หึ! อย่างแรกเราต้องมอมเหล้าอีส้มก่อน จากนั้นค่อยจีบน้องรีอา’

“ได้ค่ะ รีอาขอตัวไปทำงานก่อนนะคะ” มารีอาส่งยิ้มให้อีกฝ่ายก่อนจะเดินไปยกเบียร์สดที่บาร์เทรนเดอร์ส่งให้ นำไปเสิร์ฟลูกค้า

เจคอปหน้าตึงขึ้นมานิดๆ เมื่อเห็นเชฟหนุ่มคุยกับสาวที่ตนหมายตา

“รีอา! ผมขอ Stella เพิ่มแก้วหนึ่งครับ” คนที่เริ่มตาขวางแต่กลับเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล ทั้งที่ภายในใจนั้นรุ่มร้อนจนอยากจะลุกไปเตะเชฟของร้านให้รู้แล้วรู้รอด

“ได้ค่ะ รอสักครู่นะคะ” มารีอาพยักหน้ายิ้มๆ ก่อนจะเดินกลับไปที่บาร์เครื่องดื่ม แล้วบอกบาร์เทรนเดอร์ให้กดเบียร์สดให้

บทที่เกี่ยวข้อง

บทล่าสุด

DMCA.com Protection Status