“น้องพิมพร้อมจะคุยกับพี่แพทหรือยังคะ” แพททริกสันเอ่ยหลังจากที่เดินมาถึงลานน้ำพุ
“พี่แพทจะคุยเรื่องอะไรเหรอคะ?” พิมพลอยถามกลับด้วยหัวใจสั่นๆ
“ก็คุยเรื่องที่พี่บอกไว้เมื่อสองปีก่อนไงคะ ยังจำได้ไหม?”
“เอ่อ พี่แพทคะ น้องพิมคิดว่าเรา...เอ่อ...เราต่าง...”
“ทำไมคะ? หรือน้องพิมคิดว่าพี่แก่เกินไป!” แพททริกสันถามอย่างหงุดหงิด ‘ถ้าลองตอบเขาว่า เราต่างกันเรื่องอายุละก็ หึ! พ่อจะลากขึ้นห้องไปฟัดให้ฟ้าเหลืองเลยคอยดู!’
“น้องพิมหมายความว่า เราต่างก็แทบจะไม่เคยรู้จักกันเลย และอาจจะเร็วเกินไปที่เราเอ่อ...จะคบกันน่ะค่ะ” หญิงสาวรีบตอบเพราะอีกฝ่ายกำลังตีความหมายไปไกล ‘บ้าจริง! นี่เขาไม่รู้ตัวเหรอ ว่าตัวเองหล่อและดูดีขนาดไหน’
“งั้นลองถามพี่แพทมาสักข้อสิคะ เกี่ยวกับเรื่องของน้องพิม”ชายหนุ่มบอกพร้อมกับจ้องมองใบหน้างามอย่างหลงใหล
“สีโปรดของน้องพิมคือสีอะไรคะ?” พิมพลอยชั่งใจอยู่ครู่ก่อนจะเอ่ยถาม
“น้องพิมชอบสีฟ้า ชอบดอกกุหลาบสีขาว ชอบทานอาหารทะเลกับน้ำจิ้มซีฟู้ดรสจัด ชอบเพลง A thousand years ของ Christina Perri ใช่ไหมคะ?” แพททริกสันบอกยิ้มๆ ‘ง่ายๆ แบบนี้เขาตอบแบบไม่ต้องคิดเลยให้ตายสิ! เขารู้แม้กระทั่งประจำเดือนของเธอจะมาวันไหนด้วยซ้ำ’
“พี่แพทรู้ได้ยังไงคะ?” พิมพลอยถามอย่างมึนงง
“พี่รู้เยอะกว่านี้อีกค่ะ จะทดสอบอีกสักข้อไหมคะ!” เขาบอกพร้อมกับฉีกยิ้มหวานส่งให้
“มะ..ไม่แล้วละค่ะ” เธอตอบอย่างอายๆ
“แล้วน้องพิมรู้ไหมคะ ว่าพี่แพทชอบอะไรบ้าง?”
“นะ..น้องพิมไม่รู้ค่ะ...” พิมพลอยตอบเสียงเบาหวิว แถมรู้สึกชาที่หน้านิดๆ ‘ให้ตายสิ! เธอไม่รู้ว่าเขาชอบอะไร หรือไม่ชอบอะไรมาก่อนเลย’
“พี่แพทชอบสีขาวกับสีเทา ชอบดอกมะลิ ชอบทานสเต๊กฟิเลมิยอง มีเดียมแรร์ ชอบสลัดแซลมอนกับน้ำสลัดแบบบาซามิก (Balsamic น้ำสลัดที่ทำจากน้ำส้มสายชูองุ่น) แล้วก็ชอบฟังเพลง All of me ของ John Legend อ้อ! แล้วก็มีอีกอย่างที่พี่ชอบมากที่สุด...”
“อะไรคะ...ที่พี่แพทชอบมากที่สุด” พิมพลอยรอฟังอย่างตั้งใจ
“ก็น้องพิมไงคะ หึๆ!” แพททริกสันตอบพร้อมกับหัวเราะในลำคอเบาๆ อย่างชอบใจที่เห็นสาวเจ้าหน้าแดงขึ้นกว่าเดิม
“เอ่อ...พี่แพทไม่คิดว่ามันเร็วเกินไปเหรอคะที่เราจะคบกัน”
“พี่ให้เวลาน้องพิมมาสองปีแล้วจำได้ไหม?” แพททริกสันกลอกตาอย่างเซ็งๆ ‘พระเจ้า! นี่เขารอมานานจนจะตกมันอยู่แล้วนะ ใจคอเธอจะให้เขารอไปจนอายุห้าสิบก่อนหรือไงวะ!’
“แต่ตอนนั้นพี่แพทเมานี่คะ แถมสองปีที่ผ่านมานี้ก็ทำเหมือนหลบหน้า หลบตาอยู่ตลอด น้องพิมก็เลยคิดว่าพี่แพทอาจจะรู้สึกผิดกับเรื่องที่เกิดขึ้นวันนั้น” พิมพลอยพยายามแย้งกับการกระทำของเขาที่ผ่านมา
“พี่ไม่ได้เมา แต่พี่โมโหที่น้องพิมเอาแต่ยิ้มให้ใครต่อใครไปทั่ว พี่ไม่ชอบเลยที่น้องพิมทำแบบนั้น อ้อ! อีกอย่างพี่ก็ไม่ได้หายไปไหน ก็แค่โดน คุณแม่ท่านสั่งห้ามไม่ให้เข้าใกล้จนกว่าน้องพิมจะเรียนจบ น้องพิมไม่รู้หรอกว่ามันทรมานขนาดไหน กับการที่ไม่ได้เจอคนที่เราอยากจะเจอน่ะ”
“ทำไมคุณแม่ถึงต้องสั่งห้ามพี่แพทล่ะคะ?” พิมพลอยถามอย่างสงสัย
“คงกลัวว่าพี่จะทำให้น้องพิมเรียนไม่จบ เพราะท่านดันมาได้ยินเรื่องในห้องคืนนั้นเข้า ท่านเลยให้พี่พิสูจน์ตัวเองน่ะค่ะ” แพททริกสันอธิบาย
“น้องพิมคิดว่าพี่แพทกำลังคบหาดูใจกับคุณลูเซียน่าซะอีกค่ะ”
พิมพลอยเอ่ยเสียงเบา เพราะตอนที่ทราบข่าวว่าลูเซียน่าให้สัมภาษณ์กับสื่อแห่งหนึ่ง ว่ากำลังคบหาอยู่กับแพททริกสัน เธอทั้งช็อกและเสียใจ คิดว่านี่คือสาเหตุที่เขาหลบหน้าเธอมาตลอดสองปี
เขาทำเหมือนเธอไม่มีตัวตน ไม่มีความหมายอย่างที่เคยแสดงออกเหมือนในคืนนั้น เขาทำให้เธอเคยคิดจะขอคุณมะลิฉัตรกลับไปอยู่ไทย เพราะอยากจะลืมทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นระหว่างเธอกับเขา
“ไม่ใช่ซะหน่อยน้องพิม พี่จะคบหากับซีน่าได้ไง? พี่คิดกับซีน่าแค่น้องสาวเท่านั้น!” ชายหนุ่มรีบปฏิเสธ
“แต่เธอให้ข่าวแบบนั้นนี่คะ” พิมพลอยแย้ง เพราะลูเซียน่าให้สัมภาษณ์แบบนั้นจริงๆ จนคนเขารู้กันไปทั่วแล้วว่าทั้งสองเป็นคนรักกัน
“เรื่องนี้พี่แพทเคลียร์ได้ค่ะ น้องพิมไม่ต้องห่วง!” แพททริกสันยืนยัน
“แต่...”
“ตกลงน้องพิมคิดยังไงกับพี่คะ สองปีที่ผ่านมานี้คิดถึงกันบ้างไหมหรือว่ามีใครในใจแล้วหรือเปล่า?” ชายหนุ่มรีบเปลี่ยนเรื่องคุย
“แล้วพี่แพทล่ะคะ คิดยังไงกับน้องพิม” พิมพลอยถามกลับอย่างอายๆ
‘ให้ตายสิ! นี่เขายังไม่ชัดเจนตรงไหนวะ!’ คนที่ถูกย้อนศรถึงกับกลอกตา! แพททริกสันเดินเข้าไปใกล้จนรับรู้ถึงอาการสั่นของสาวเจ้า ได้อย่างชัดเจน เขายกยิ้มที่มุมปากนิดหนึ่ง ก่อนจะก้มลงจูบริมฝีปากบาง แทนคำตอบที่บอกว่าตัวเขารู้สึกยังไง
หญิงสาวตัวสั่นขึ้นมาทันใด ไม่อาจปฏิเสธจูบที่อ่อนหวานนี้ได้ จนกระทั่งคนเจ้าเล่ห์ค่อยๆ ถอนจูบที่เนิ่นนานออก!
“พี่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันคืออะไรกับความรู้สึกที่น่าหงุดหงิดนี้ พอไม่เจอก็เฝ้ารอคอย...ที่จะได้เจอ และพี่หงุดหงิดทุกครั้งที่เห็นน้องพิมยิ้มให้คนอื่น ทั้งๆ พี่อยู่ตรงหน้า พี่ไม่สามารถสลัดภาพและเสียงของน้องพิมออกจากหัวได้เลยสักครั้ง ไม่ว่าจะยามหลับหรือยามตื่น รอยยิ้มและเสียงหัวเราะของน้องพิมทำให้พี่มีความสุขยิ่งกว่าอะไร แต่พอเห็นน้องพิมร้องไห้ ซึ่งพี่สาบานว่าจะไม่ทำให้น้องพิมร้องไห้อีก เพราะมันเหมือนมีอะไรมากรีดที่หัวใจของพี่ สองปีมานี้...พี่ไม่ได้ห่างน้องพิมไปไหนเลย พี่ให้คนคอยตามดูอยู่ตลอดครับ” แพททริกสันหยุดมองคนที่นิ่งเงียบมานาน หลังจากที่เขาถอนจูบ! ก่อนจะดันตัวของเธอให้ออกห่าง เพื่อที่จะได้มองใบหน้าจิ้มลิ้มได้ถนัดๆ
“โอ้พระเจ้า! น้องพิม พี่แพทเพิ่งสาบานว่าจะไม่ทำให้น้องพิมร้องไห้ แล้วดูสิ! น้องพิมร้องไห้อีกแล้ว” ชายหนุ่มตกใจ รีบล้วงผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดน้ำตาให้สาวเจ้าทันใด
“น้องพิมรักพี่แพทค่ะ” พิมพลอยเอ่ยทั้งน้ำตาอย่างดีใจที่รู้ว่าอีกฝ่ายก็รักเธอเช่นกัน!
ชายหนุ่มยืนนิ่ง! กับคำว่ารักที่ได้ยินจากปากของสาวตรงหน้า ก่อนจะเอ่ยถามอีกครั้งอย่างไม่เชื่อหู “มะ...เมื่อกี้น้องพิมว่าอะไรนะคะ? พี่แพทขอฟังชัดๆ อีกครั้งได้ไหม!”
“น้องพิมรักพี่แพทมานานแล้วค่ะ” เธอย้ำ! พร้อมกับเขย่งปลายเท้าขึ้นหอมที่แก้มอีกฝ่ายเบาๆ
“พี่แพทก็รักน้องพิมมานานแล้วเหมือนกันค่ะ” แพททริกสันยิ้มแก้มแทบปริ ‘เขามีความสุขเหลือเกินกับทุกอย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้ สองปีที่ผ่านมามันคุ้มค่ากับการรอคอยจริงๆ’
“พี่แพทคะ น้องพิมว่าเรากลับเข้าไปในงานดีกว่าค่ะ” หญิงสาวเอ่ยชวนอย่างอายๆ เพราะเริ่มจะทำตัวไม่ถูก เมื่ออีกฝ่ายเอาแต่จ้องมองเธอไม่วางตา
“ทำไมคะ น้องพิมไม่อยากอยู่กับพี่แล้วเหรอ?”
“ไม่ใช่ค่ะ คือเราออกมานานแล้ว น้องพิมกลัวว่าคุณแม่จะเป็นห่วงค่ะ นะคะพี่แพทสุดหล่อ” พิมพลอยให้เหตุผลก่อนจะออดอ้อนอีกฝ่าย
คำว่า ‘นะคะพี่แพทสุดหล่อ’ ทำให้คนถูกชมยิ้มกว้างขึ้นมาทันทีทันใด ‘ให้ตายสิ! ทีเมื่อก่อนมีสาวๆ มาออดอ้อนทีไร เขาจะหงุดหงิดและรำคาญ บางทีก็ตะคอกใส่จนพวกเธอรีบวิ่งหนีกลับกันแทบไม่ทัน แต่พอเป็นสาวตรงหน้า อะไรๆ ก็กลายเป็นตรงกันข้ามไปหมด
“พี่หล่อจริงๆ เหรอคะน้องพิม” ชายหนุ่มถามย้ำ
“ค่ะ ถึงจะอายุมากกว่าน้องพิมตั้งสิบสองปี แต่ก็ยัง...ดูดีสุดๆ ค่ะ”
“พี่แก่เกินไปหรือคะ?” แพททริกสันเริ่มจะหน้าตึงขึ้นมานิดๆ จากตอนแรกที่ยิ้มจนแก้มแทบปริ แต่ตอนนี้กลับหุบยิ้มแทบไม่ทัน ‘ตกลงชมหรือว่าหลอกด่ากันแน่วะ’
“ไม่แก่หรอกค่ะ ก็แค่...ห่างกันหนึ่งรอบเท่านั้นเองค่ะ” พิมพลอยแกล้งแหย่ต่ออย่างนึกสนุกที่ได้เห็นสีหน้าเป็นกังวลของอีกฝ่าย
“พิมพลอย! นี่หลอกด่าพี่ใช่ไหมเนี่ย!” แพททริกสันถามด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด
“คิกๆๆ” พิมพลอยหัวเราะชอบใจที่เห็นชายหนุ่มขุ่นเคือง‘ให้ตายสิ! นี่เขาไม่รู้หรือว่าตัวเองหล่อขนาดไหนน่ะ!’
“แกล้งพี่เหรอ? แบบนี้ต้องโดนลงโทษ!” แพททริกสันเอ่ยเสร็จก็ย่อตัวลง แล้วยกหญิงสาวขึ้นพาดบ่า พร้อมกับตีลงที่บั้นท้ายงอนสวยของเธอถึงสองครั้งติดๆ กัน อย่างรู้สึกคันไม้คันมือ
“กรี๊ด!! พี่แพท น้องพิมเจ็บนะ น้องพิมแค่แหย่เล่นเฉยๆ เองค่ะ พี่แพทไม่ได้แก่สักหน่อย!” พิมพลอยร้องเสียงหลงทันทีที่ถูกฝ่ามือของอีกฝ่ายฟาดลงที่บั้นท้ายของเธอ
“น้องพิมก็รู้ว่าพี่คิดมาก คราวหน้าห้ามพูดแบบนี้อีกนะ! ไม่งั้นพี่จะพาไปพิสูจน์ความหนุ่มความแน่นสักสามวันสามคืนเลยคอยดู” คนที่อดอยากปากแห้งมานานขู่ด้วยสายตาขุ่นเคือง
“โอ๊ย! น้องพิมไม่กล้าแล้วละค่ะ” พิมพลอยรีบบอกหลังจากที่อีกฝ่ายยอมปล่อยให้เธอเป็นอิสระ
แพททริกสันยังคงเงียบ เหมือนจะบอกเป็นนัยๆ ว่ายังไม่หายโกรธ
“น้องพิมขอโทษนะคะพี่แพท เรากลับเข้างานกันดีกว่า น้องพิมหิวแล้วค่ะ ตั้งแต่เที่ยงยังไม่ได้ทานอะไรเลย นะคะ!” เธอเอ่ยพลางดึงมือของชายหนุ่มให้เดินตามเข้างาน
“โอเคจ้ะ ไม่ต้องรีบเดินขนาดนั้นก็ได้” แพททริกสันยอมออกเดินตามอย่างว่าง่าย จริงๆ เขาเองก็มัวแต่ยุ่งกับงานตั้งแต่เที่ยงแล้ว ยังไม่ได้ทานเหมือนกัน แต่ที่แปลกคือนี่ก็จะสามทุ่มแล้วเขายังไม่รู้สึกหิวเลย
ทั้งสองเดินจับมือกันกลับเข้างาน ท่ามกลางสายตาที่จับจ้องมาอย่างสนใจใคร่รู้ แต่แล้วอยู่ๆ ก็ได้ยินเสียงเรียกจากข้างหลังดังมาแต่ไกล“พี่แพททริกคะ!”ชายหนุ่มกลอกตาอย่างเซ็งๆ ก่อนจะหันกลับไปมองคนที่เดินแกมวิ่งเข้ามาหา ‘พระเจ้า! ให้มันได้อย่างนี้สิพับผ่า ลูเซียน่าชอบเข้ามายุ่มย่ามกับเขาบ่อยๆ ทำตัววุ่นวายอย่างกับเป็นคนรัก ล่าสุดมือขวาคนสนิทเพิ่งรายงานว่าหล่อนไปให้สัมภาษณ์ ว่ากำลังคบหาดูใจอยู่กับเขา จนมารดาของเขาทราบข่าวเข้า ถึงกับต่อสายตรงมาเคลียร์ขณะที่เขากำลังประชุมอยู่ เขาหัวเสียและหงุดหงิดกับคำขู่สารพัดของมารดา จนสั่งยกเลิกประชุมทั้งวัน พอจะจัดการกับตัวปัญหา ลูเซียน่าก็บินหนีไปเที่ยวต่างประเทศซะอย่างงั้น! เขาเลยไม่ได้เคลียร์กับเธอสักที หึ! วันนี้แหละฤกษ์ดีเลยละ เขาไม่อยากให้พิมพลอยลังเลหรือกังวลอะไรอีก แค่เรื่องอายุก็มากพอละ คงถึงเวลาที่จะต้องชัดเจนในทุกๆ อย่างซะที!’“พี่แพททริกคะ ซีน่ามองหาพี่อยู่ตั้งนาน...แล้วนี่ใครคะ?” ลูเซียน่าเอ่ยถามเพราะจำสาวตรงหน้าไม่ได้ แต่ก็รู้สึกคุ้นๆ หน้าอีกฝ่ายอยู่ไม่น้อย
สิ้นคำกล่าวสั้นๆ ของมาดามแจสมิน ก็มีเสียงปรบมือดังขึ้นท่ามกลางความยินดีของแขกที่มาร่วมงาน ในขณะที่ลูเซียน่ากำลังจะแหกปากส่งเสียงกรี๊ด แต่ก็ถูกฮาร์ดี้ มือขวาคนสนิทของลูเซียสเอามือปิดปาก แล้วถูกอุ้มออกจากงานไปที่รถ ที่มีลูเซียสนั่งรออยู่ก่อน ท่ามกลางสายตาหลายๆ คู่ที่หันไปมองกันอย่างสนใจแพททริกสันยิ้มแก้มแทบปริกับคำประกาศของมารดา ในที่สุดสิ่งที่เขาเฝ้ารอคอยก็มาถึงซะที ต้องขอบคุณมารดาของเขา สำหรับทุกสิ่งทุกอย่างในวันนี้ มันคุ้มค่ากับการรอคอยจริงๆ แม้เขาจะแอบท้วงในใจว่าสามเดือนมันนานเกินไปก็ตามพิมพลอยยืนตัวแข็งทื่อ อึ้งแล้วอึ้งอีกกับหลายๆ สิ่งหลายๆ อย่างจนเธอตั้งรับแทบไม่ทัน ‘พระเจ้า! วันนี้มีแต่เรื่องเซอร์ไพรส์ทั้งวัน แถมเป็นเซอร์ไพรส์ต่อๆ กัน จนเธอแทบไม่มีเวลาจะหายใจเลย’เจคอปกับออร์แลนโด้ผิวปากแซว พร้อมกับยกนิ้วให้มารดาที่ชัดเจนและเด็ดขาด มิน่า! บิดาของพวกเขาถึงได้ไม่กล้าหือ! มะลิฉัตรส่งไมค์ต่อให้แพททริกสัน ที่ยืนยิ้มจนเหงือกแทบแห้งก็ยังไม่ยอมหุบยิ้มสักที เธอสะกิดเตือนบุตรสาวบุญธรรมที่เหมือนวิญญาณ จะออกจากร่างไปชั่วขณะ โถๆ
พนักงานสาวแผนกต้อนรับแอบซุบซิบกันหลังเคาน์เตอร์ หลังจากคนที่เป็นหัวข้อของการสนทนาเพิ่งจะขับรถออกไปได้ไม่นาน“ตอนแรกนะ ฉันคิดว่าคุณแพททริกจะได้กับยัยลูเซียน่าซะอีก ขานั้นชอบวีนชอบเหวี่ยง แถมเวลามาที่นี่ก็ชอบวางตัวราวกับเจ้าของน่ะแกฉันละเกลียดแม่นี่จริงๆ” นีน่าพนักงานต้อนรับเอ่ยขึ้น“เมื่อคืนฉันได้ไปช่วยบริการแขกในงานที่คฤหาสน์มา ฉันเห็นนางหน้าแตกกลางงาน แล้วส่งเสียงกรี๊ดจนคุณเจคอปสุดหล่อของฉันทนไม่ไหวต้องยกมือขึ้นปิดหูเลยแก!” เจนนี่ที่ได้ไปช่วยดูแลแขกที่คฤหาสน์โรคาซานเดอร์เมื่อคืน คุยอวดสองสาวที่ไม่ได้ไป“แหม น้อยๆ หน่อยเถอะหล่อน คุณเจคอปของฉัน ฮ่าๆๆๆ อย่างแกน่ะเดินผ่านสักสิบรอบ คุณเจคอปยังไม่มองเลยย่ะ!” มินนี่ตอกกลับเพื่อนสาวอย่างรู้สึกหมั่นไส้“โถๆ ทำอย่างกะแกไม่เคยฝันอย่างนั้นแหละมินนี่! ฉันเห็นนะเวลาที่คุณออร์แลนโด้พาสาวๆ มาฟาดที่นี่ แกก็ได้แค่มองเขาเดินผ่านแกไปอย่างไร้ตัวตนทุกครั้ง ฮ่าๆๆ ผู้ชายอะไร! เย็นชาชะมัดเลยอะ!” เจนนี่เอาคืน เพื่อนสาว“เย็นชาแบบนี้แหละ มินนี่ชอบบบบบ” มินนี่
สามชั่วโมงต่อมา...“น้องพิมคะ! น้องพิม! หนังจบแล้วค่ะ” แพททริกสันเรียกคนที่หลับสนิทไปตั้งแต่สามสิบนาทีแรก จนกระทั่งหนังจบแล้วสาวเจ้าก็ไม่มีท่าทีว่าจะตื่น เขานอนมองใบหน้าจิ้มลิ้มที่หลับตาพริ้มในอ้อมแขน มันทำให้ความรู้สึกบางอย่างก่อตัวขึ้นตั้งแต่ที่ขาเรียวสวยยกขึ้นมาพาดบนขาของเขาจนกระทั่งตอนนี้บางอย่างของเขาก็ยังไม่ยอมสงบ! ไม่ว่าหนังที่ดูจะบู๊ดุเดือดแค่ไหน ก็ไม่สามารถดึงสายตาของเขาไปจากใบหน้าเธอได้เลย เขาจำต้องรีบปลุกเธอก่อนที่เขาจะระงับอารมณ์พลุ่งพล่านของตัวเองไม่ไหว!“น้องพิมขอโทษค่ะ” คนที่เพิ่งตื่นอายจนหน้าแดง“ไม่เป็นไรค่ะน้องพิมจะนอนต่อไหมคะ พี่แพทจะได้นอนเป็นเพื่อนค่ะ” แพททริกสันบอกพลางส่งยิ้มเจ้าเล่ห์ให้หญิงสาว“เอ่อ...ไม่แล้วค่ะ น้องพิมขอไปห้องน้ำก่อน พี่แพทรอน้องพิมที่หน้าโรงหนังนะคะ” เธอรีบลุกเดินออกไปยังห้องน้ำข้างนอก เพื่อเช็กความเรียบร้อยของตัวเองอย่างอายๆ“ได้ครับ เจ้าหญิงของพี่” แพททริกสัขำเมื่อเห็นสีหน้าตกใจของสาวเจ้า
ครึ่งชั่วโมงต่อมา... แพททริกสันก็ออกมานั่งรอที่โต๊ะอาหารด้านนอก หยิบหนังสือพิมพ์มาเปิดอ่านและจิบกาแฟไปพลางๆ อย่างอารมณ์ดีหลังจากที่อาบน้ำเสร็จ พิมพลอยก็สวมใส่เสื้อผ้าที่อีกฝ่ายเตรียมไว้ให้ รวมทั้งชุดชั้นในที่เธอใส่มันได้พอดีจนแอบสงสัยว่าเขารู้ไซส์ของเธอ ได้ยังไงหญิงสาวเดินออกไปที่ห้องอาหาร เห็นอีกฝ่ายนั่งอ่านหนังสือพิมพ์ไปอมยิ้มไปก็อดสงสัยไม่ได้“พี่แพทอ่านข่าวอะไรอยู่หรือคะ” พิมพลอยเอ่ยถามขณะนั่งลงที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับชายนหนุ่ม“อ้าว! น้องพิมมาแล้วเหรอคะ! พี่แพทกำลังอ่านข่าวคู่รักคู่หนึ่งอยู่ค่ะ ข่าวบอกว่าผู้หญิงคนนี้โชคดีมากๆ ที่ได้หัวใจของผู้ชายที่หล่อเหลาและแสนจะเพอร์เฟกต์ไปครอง ข่าวยังบอกว่า...ผู้ชายคนนี้หลงรักหญิงสาวหัวปักหัวปำมาตั้งแต่ตอนที่เธอยังอายุได้ 17 ปีน่ะค่ะ ลองดูรูปไหมคะ พี่แพทว่าน้องพิมอาจจะรู้จักเธอ!” แพททริกสันบอกเสียงจริงจัง พร้อมกับส่งหนังสือพิมพ์ไปให้หญิงสาวดู“จริงหรือคะว้าว!! ชักอยากจะรู้แล้วว่าเธอคนนั้นคือใคร”พิมพลอยยื่นมือไปรับหนังสือพิมพ์มาเปิดดู ก่อนจะ
“น้องพิมนั่งรอพี่ที่ห้องทำงานนะคะ พี่คุยงานที่ห้องประชุมใหญ่สักครู่ เดี๋ยวตามไปค่ะ” ชายหนุ่มกระซิบบอก“พี่แพทไม่ต้องรีบนะคะ น้องพิมรอได้ค่ะ” พิมพลอยบอกก่อนจะเดินตามนีรยาไป หลังจากที่อีกฝ่ายพยักหน้าชวนแพททริกสันมองตามแผ่นหลังบางที่เดินเข้าไปในห้องทำงานของตนจนกระทั่งประตูห้องทำงานปิดลง จึงเดินตามจิมมี่เจมส์กับจอแดนไปยังห้องประชุมใหญ่ เพื่อวางแผนงานให้รัดกุมขึ้นกว่าเดิมห้องทำงานของท่านประธาน...“ว้าว! ห้องทำงานของพี่แพทสวยและดูหรูหราจังเลยนะคะ คุณนีรยา” หญิงสาวเอ่ยด้วยท่าทางตื่นเต้น“คุณแพททริกเป็นคนที่มีสไตล์น่ะค่ะ มีห้องนอนและห้องน้ำด้วยนะคะ ตรงประตูด้านโน้น แต่ต้องใส่รหัสเข้าไปค่ะ คุณพิมจะเข้าไปดูก็ได้นะคะสวยมากเลยค่ะ รหัสคือ Pimploy ค่ะ รหัสนี้ทราบกันไม่กี่คน เอ่อ...ยังไงนีขอตัวก่อนค่ะ ต้องเตรียมเอกสารให้ที่ประชุม เดี๋ยวให้ผู้ช่วยของณีจะยกเครื่องดื่มกับของว่างมาให้ เชิญคุณพิมตามสบายเลยนะคะ ถ้าต้องการอะไรเพิ่มเติมก็กดหนึ่ง ที่โทรศัพท์บนโต๊ะทำงานของบอส เรียกใช้ผู้ช่วยขอ
ทันทีที่เข้ามาในห้อง มิเชลก็ต้องตกใจที่เห็นสีหน้าบึ้งตึงของบอสใหญ่ที่เธอแอบหลงรักมานาน หันมามองเธอราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ “เธอเป็นคนยกน้ำส้มมาให้คนรักของฉันใช่ไหม!” แพททริกสัน เอ่ยถาม“เอ่อ...ชะ...ใช่ค่ะ” มิเชลตอบเสียงสั่นๆ เพราะปกติเคยเจอชายหนุ่มแต่ในโหมดเย็นชาและเงียบขรึมซะมากกว่าจะเห็นในมุมที่อารมณ์ร้อนแบบนี้ “เธอใส่อะไรลงไปในน้ำส้ม?” แพททริกสันถามเข้าเรื่องอย่างไม่รีรอ“เอ่อ...เอ่อมิเชลไม่ได้ใส่อะไรลงไปเลยค่ะคุณแพท” มิเชลรู้สึกกลัว ลนลานจนเผลอเรียกประธานใหญ่ว่า คุณแพท ออกไปอย่างไม่ทันได้คิด ชายหนุ่มหลับตาลงช้าๆ เพื่อข่มอารมณ์เดือดดาล แต่ก็ไม่ได้ผลอยู่ดี! เพราะตอนนี้เขารู้สึกเดือดจนแทบจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว!“ใครใช้ให้เธอเรียกฉันว่าแพท! ผู้หญิงที่เรียกฉันว่าแพทได้มีอยู่สองคนเท่านั้นคือ แม่กับเมีย ซึ่งเธอไม่ใช่ทั้งสองอย่าง!!
แพททริกสันสั่ง Blue Lable พร้อมมิกเซอร์ ส่วนพิมพลอยสั่งเหล้าบ๊วยญี่ปุ่นที่เทเหล้าใส่น้ำแข็งก็พร้อมดื่มได้เลย (เหล้าบ๊วยมีรสชาติหอมหวาน ไม่เหมือนดื่มเหล้า เหมือนดื่มน้ำรสบ๊วยมากกว่า แต่มีทีเด็ดคือถ้ากินลูกบ๊วยที่อยู่ในเหล้าเมื่อไหร่ จะเมาสุดๆ ถึงขั้นเซนิดๆ และอาจเสียการทรงตัว)ยี่สิบนาทีต่อมา...นีรยา จอแดนและจิมมี่เจมส์ก็มาถึง สองหนุ่มดื่ม Blue Lable ตามแพททริกสัน ส่วนนีรยาดื่มเหล้าบ๊วยกับพิมพลอยตามสไตล์ผู้หญิงที่ชอบเครื่องดื่มที่ดื่มง่ายพนักงานต่างทยอยเสิร์ฟของที่สั่งไปอย่างไม่ขาดสาย ขณะที่ทุกคนดื่มกิน และพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน แพททริกสันก็เสนอให้เล่าเรื่องตลกๆ ที่แต่ละคนไปเจอมา พร้อมกับวางเดิมพันกันไว้ว่าถ้าเรื่องของใครเด็ดสุดจะได้เงินเดิมพัน!แล้วเรื่องเด็ดสุดที่ทุกคนต่างลงคะแนนให้ก็คือเรื่องของนีรยา ที่เจ้าตัวเล่าว่า...สมัยตอนเป็นเด็กฟันหน้าเธอหลอสามซี่ เป็นเวลาสองปีกว่าฟันใหม่ก็ยังไม่ยอมขึ้น เวลาพูดหรือยิ้มก็จะมีแต่คนหัวเราะเพราะเธอมีแต่ฟันล่างไม่มีฟันบน ตอนงานลอยกระทงนีรยาได้เป็นนางนพมาศ ผู้ใหญ่บ้านสั่งกำชับไม่ให้เธอพูดหรือยิ้มแบบเห็