หน้าหลัก / วาย / อู๋เสี่ยวหวาบรรณาการแค้วนซี / บทที่ 5 ใต้ผืนฟ้าคือแผ่นดินของกษัตริย์ และข้าคือโอรสกษัตริย์แคว้นเหยา

แชร์

บทที่ 5 ใต้ผืนฟ้าคือแผ่นดินของกษัตริย์ และข้าคือโอรสกษัตริย์แคว้นเหยา

last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-02-14 03:15:20

ภายในกระโจมสีแดง อู๋เสี่ยวหวาสังเกตเห็นสีหน้าองค์รัชทายาทที่นิ่งขรึมกว่าปกติหนึ่งเท่าตัวแล้วไม่สบายใจเอามาก ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลานี้ยังถูกอีกฝ่ายกอดกระชับในวงแขน ไร้ที่หลบซ่อนได้ นี่คือผลของการเป็นของบรรณาการสินะ อย่างไรก็ตาม เขาเป็นถึงองค์ชายสิบแคว้นซี ออกจากวังโดยพลการเพียงเพราะอยากหลบเลี่ยงการเป็นของบรรณาการขององค์รัชทายาท ไม่แคล้วฟ้าสวรรค์บันดาล สุดท้ายก็ต้องตกเป็นขององค์รัชทายาทอยู่ดี

“ท่านนี่ว่านอนสอนง่ายอยู่นะองค์ชายสิบ”

หวังซีเอ่อที่อยากรังแกบุรุษหนุ่มที่เป็นของบรรณาการมาให้ตกแต่งเป็นภรรยาของเขาในอนาคตกล่าวต่อคนที่อยู่ในวงแขน ซึ่งจู่ ๆ ก็ไม่ขัดขืนอีกแล้ว

“ข้าจะขัดขืนไปไย สุดท้ายก็หนีความจริงไม่พ้น”

ย้อนกลับไม่ได้อีกแล้ว มาถึงแล้วยังไงล่ะ ทั้งสองถึงแม้อายุห่างกันห้าปี เติบโตกันคนละแคว้นและต่างนิสัยกัน อู๋เสี่ยวหวาคือคนที่ไม่รักษามารยาท ไม่มีเปลือกนอก ซื่อตรง ไม่ประจบสอพลอ เคารพความยุติธรรม รักษากฏ แบบที่ขุนนางใหญ่กับเหล่านางกํานัลยกย่องชมเชย ส่วนหวังซีเอ่อคือ นิ่งสงบเยือกเย็น เฉยชา เคารพผู้อื่น แตกฉานในการปกครองบ้านเมือง รักประชาราษฎร์เหมือนบุตรตนเองและบิดามารดา

องค์รัชทายาทหวังซีเอ่อเพียงยกริมฝีปากโค้งดั่งคันธนูนั้นขึ้นให้กับการเหน็บแนม เป็นรอยยิ้มที่ดูดีมาก แต่รอยยิ้มนี้ทำเอาอู๋เสี่ยวหวาขนหัวลุก เหงื่อซึมไปทั่วตัว ไม่อยากอยู่ในวงแขนของเขาอีก

“ท่านวางข้าลงก่อนเถิด หาเรื่องเหนื่อยหรือไง อุ้มผู้ชายตัวโตอย่างข้าทั้งคน!”

“ไม่เหนื่อย นอนด้วยกันเลยแล้วกันองค์ชายสิบ”

หวังซีเอ่อเดินถึงข้างเตียง จึงวางอู๋เสี่ยวหวาลง “เดี๋ยวข้าช่วยท่านเปลี่ยนฉลองพระองค์ดีหรือไม่”

“หา! ขะ...ข้าทำเอง ไม่ต้องรบกวนท่านหรอกองค์รัชทายาท..”

อู๋เสี่ยวหวาเขยิบเข้าด้านในของเตียงใหญ่ ปฏิเสธเสียงหลง แต่หวังซีเอ่อดูท่าจะยิ่งขยับเข้าใกล้

“ไม่รบกวนหรอก ข้าถือเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ช่วยท่าน องค์ชายสิบ” กล่าวจบหวังซีเอ่อก็ลงมือรวดเร็ว คว้าข้อมือเล็กบางแล้วกดตัวอู๋เสี่ยวหวาไว้ใต้ร่าง

“ท่าน! กล้าทำเช่นนี้ ข่มเหงข้าเช่นนี้เลยหรือ!”

อู๋เสี่ยวหวาอยากผลักเขาออก แต่ไม่ว่าจะออกแรงอย่างไรก็ไม่อาจหลบหนีการตรึงของคนที่แข็งแรงไหล่กว้างตัวโตกว่านั้นได้ รูปร่างของผู้ที่อยู่ด้านบนดั่งภูผาใหญ่เช่นนี้ ทําให้รู้สึกว่าตนเองเป็นกระต่ายน้อย อ่อนแอไร้ประโยชน์ให้หมาป่าคาบเล่น จึงข่มกลั้นความอึดอัดไว้จนหน้าแดงก่ำ

“ฮ่า ๆ ข่มเหงท่านงั้นรึ” ลมหายใจของหวังซีเอ่อรดต่ำลงบนผิวหน้าที่งดงามแดงซ่านนั้น หยอกเย้าให้สติแตกพล่าน

“ฮ่องเต้แคว้นซีทรงส่งจดหมายมาบอกแล้วว่าจะสวามิภักดิ์ต่อแคว้นเหยา โดยส่งองค์ชายสิบมาเป็นของบรรณาการรับใช้ปรนนิบัติองค์รัชทายาท แต่พอวันส่งมอบของบรรณาการกลับหายหัว ทิ้งไว้แค่ถุงหอมของแทนใจงั้นรึน่าขบขันยิ่ง”

“ก็นั่นมัน...”

“เถียงไม่ออกล่ะสิ อู๋เสี่ยวหวา”

ไม่ยกเรื่องนี้ขึ้นข่มขู่เขายังดีกว่าตบหน้าตรง ๆ อู๋เสี่ยวหวายิ่งท้องร้อนเป็นไฟ เอ่ยปากต่อว่า

“เหอะ! เสด็จพ่อของข้านี่ก็นะ บีบบังคับข้าให้มาเป็นของบรรณาการท่าน ให้ตกแต่งรับข้าเป็นชายบำเรอ ปรนนิบัติรับใช้ท่าน ฝันไปเถอะว่าข้าจะยอมรับท่านเป็นสามี”

“เจ้าคิดไปเองหรือไม่อู๋เสี่ยวหวา ข้านี่นะจะรับเจ้าเป็นภรรยา?”

หวังซีเอ่อย่นหัวคิ้วกล่าว ดูฉงนใจอย่างเห็นได้ชัด

“ท่านบื้อหรือไร จึงดูไม่ออกว่าเสด็จพ่อข้าส่งข้าให้เป็นของบรรณาการของท่านเพื่ออะไร!" อู๋เสี่ยวหวากล่าวอย่างเดือดปุด ๆ

“อื้ม...เป็นเช่นนี้เองงั้นหรือ”

หวังซีเอ่อยอมรับว่าตนเองความคิดสะเพร่า ขาดการมองที่เฉียบแหลม เข้าใจผิดงั้นเหรอ เขาเองก็ไม่ได้คิดอยากมีพระชายาเป็นบุรุษหรอกนะ แต่อู๋เสี่ยวหวากลับแตกต่างออกไป ทำให้เขานั้นเหมือนถูกสะกดในเล่ห์เสน่หา

“ท่านโง่เกินไปแล้วหรือเปล่า! ยังเข้าใจผิดคิดไม่ได้ว่าข้านั้นจะได้แต่งเป็นชายาให้ท่าน?!”

อู๋เสี่ยวหวามองเหตุผลอื่นไม่ออก อยากลุกไปเขกหัวอีกฝ่ายมาก แต่ทำไม่ได้ด้วยมือทั้งคู่ถูกกดไว้แน่นหนา จึงได้แค่เพียงมองเขาตาปริบ ๆ

“ข้าผิดเองหวาเอ๋อร์ ยังไงก็ขอบใจที่บอกจุดประสงค์ของแคว้นเจ้า ข้าจะได้ตัดสินใจได้โดยง่าย”

“เดี๋ยวก่อน...ตัดสินใจอะไร?”

“ว่าแต่เจ้ารู้ได้ยังไงว่าข้าเดินทางลงใต้...”

อู๋เสี่ยวหวาจ้องใบหน้าหล่อคมขององค์รัชทายาทหวังซีเอ่อ คิดว่าตนไม่ชอบใจตรงไหนในทั้งหมดนี้บ้างนะ

“องค์ชายสิบ ความรู้บุตรไม่สู้บิดานะพ่ะย่ะค่ะ”

“นี่ท่าน!”

คิ้วของอู๋เสี่ยวหวาขมวดตึงขึ้นมา เขาไม่ได้เด็กถึงขนาดจะเป็นลูกขององค์รัชทายาทเสียหน่อย

“นับแต่ทรงหัดเดิน แคว้นซีก็ยังอ่อนด้อย แคว้นเหยาที่ข้าอาศัยอยู่ อีกไม่นานข้าก็จะได้เป็นผู้ปกครอง ต่อไปย่อมต้องสัมผัสวิธีคิดของแคว้นเล็ก ๆ จนเข้าใจ”

หวังซีเอ่อกลับตอบจริงใจตรงไปตรงมา “ทุกแคว้นล้วนเป็นหูเป็นตาให้แคว้นเหยา เพียงแค่นี้ทำไมข้าจะไม่รับรู้ว่าเจ้าไปทางไหน อู๋เสี่ยวหวา”

“เอ่อ...”

อู๋เสี่ยวหวาเหวอไปทันที เพื่อทำให้ผู้ที่ออกติดตามเสียเวลา เขาเจตนาทิ้งถุงหอมโดยแสดงชัดเจนว่าตนเองต้องการไปทางเหนือ ผลกลับกลายเป็นยกก้อนหินทุบเท้าตัวเอง ทําให้หวังซีเอ่อเดาความคิดแท้จริงออก คิดเช่นนี้แล้วคนที่โง่มิใช่องค์รัชทายาท แต่เป็นตนเองที่คิดว่าต้องเป็นเช่นนี้มากเกินไปต่างหาก! อู๋เสี่ยวหวาเบะปากอย่างช่วยไม่ได้ ทำเสียงจิ๊จ๊ะ แล้วเบือนหน้าหนี

“การเก็บหมากยามใกล้ปิดกระดาน ท่านหลบหนีการส่งมอบเป็นของบรรณาการให้แคว้นเหยา แต่ความจริงคือไม่อยากแต่งงานกับข้า รับรองว่าเสด็จพ่อเจ้าย่อมคิดเช่นนี้ หลีกเลี่ยงไม่เกิดความเห็นต่างระหว่างความมั่นคงของแคว้นที่จะดึงดูดข้อพิพาทโดยไม่จําเป็นมิได้ หลังจากข้าได้รับจดหมายจากเสด็จพ่อเจ้ารวมถึงเห็นถุงหอมนี้ ก็สั่งเลื่อนงานต้อนรับองค์ชายบรรณาการแคว้นซีไปก่อน ปิดข่าวเพื่อรอนำตัวเจ้ากลับมา”

“ถ้าเป็นเช่นนั้นตอนนี้ทุกคนก็เข้าใจว่าข้าคิดหนีสินะ...” อู๋เสี่ยวหวากล่าวแทรก “พวกเขาล้วนเข้าใจว่าแคว้นซีของข้าจะแปรพักตร์แล้วหรือไม่...”

“สมองน้อย ๆ ของท่านคิดไปไกลถึงไหนแล้ว ขอเพียงทรงยอมรับแล้วกลับไปแต่โดยดี จะมิใช่ปัญหา"

“ทรงวางพระทัยเถิด เรื่องของท่านข้าจะไม่เอาโทษรวมถึงแคว้นซีด้วย”

องค์รัชทายาทพูดอย่างมีแผนในใจไว้แล้ว ทว่าอู๋เสี่ยวหวาได้ฟังแล้วสีหน้าแย่ลงบ่นพึมพำ

“อ้อมอยู่ได้ตั้งนาน สรุปคือท่านก็อยากรับของบรรณาการอย่างข้า”

“ทรงหลบหนีไปยังไงก็ไม่อาจหลุดพ้น สมเหตุสมผลดี” หวังซีเอ่อโยนประโยคเช่นนี้ออกไป บอกเป็นนัยว่าองค์ชายสิบนั่นแหละที่ทรงเริ่มหนีก่อนมิใช่หรือ?

“หวังซีเอ่อ ท่านบังอาจมาก!”

อู๋เสี่ยวหวาย่อมฟังความนัยที่แฝงอยู่นี้ออก เพลิงโทสะจึงถูกดึงขึ้นมาอีกครั้ง “ข้าก็รู้มาบ้างนะ องค์รัชทายาทท่านรู้ไหมว่าประโยคต่อของ “ความรู้ลูกไม่รู้พ่อคืออะไร”

“องค์ชายสิบรู้ด้วยงั้นหรือ?”

“ความรู้กษัตริย์ย่อมรู้เท่ากษัตริย์”

หวังซีเอ่อเผยยิ้มตอบ

“ก็ถูกของท่านองค์ชายสิบ”

“ท่านอย่ามาอวดเบ่งนักเลย ข้าก็ย่อมรู้ดีไม่ต่างกับท่านหรอก!” อู๋เสี่ยวหวากล่าวด้วยความขุ่นเคือง อีกทั้งเรียกร้องความเป็นธรรมให้แก่ตนเอง มาดูแคลนเขางั้นหรือ

มือใหญ่กว้างหนาหยาบกร้านจากการฝึกยุทธ์มานานปีคู่นั้นเลื่อนผ่านฝ่ามือเล็กทั้งสองของอู๋เสี่ยวหวาอย่างคล่องแคล่ว รวบขึงขึ้นไว้เหนือหัว แล้วมือที่ว่างก็เลื่อนมาลูบไล้พวงแก้ม

“องค์รัชทายาท ท่านหยุดนะ!”

อุณหภูมิถูกส่งผ่านมือทั้งคู่ที่กำลังทำหน้าที่ของมันให้กับคนใต้ร่างแบบไม่ขาดสาย ทำให้อู๋เสี่ยวหวาใจเต้นเร็วขึ้น หายใจไม่เป็นจังหวะ แม้ตนเองจะไม่รู้จักหวังซีเอ่อดี ตั้งแต่เส้นลายมือทุกเส้นบนฝ่ามือเขาจนรอยกร้านด้านที่เกิดจากฝึกกระบี่มาหลายปี ทว่ากลับมีสิ่งหนึ่งที่เขาพอรับรู้ได้คือ ความรู้สึกว่าตนจะรู้จักองค์รัชทายาท สิ่งที่ไม่เปลี่ยนไปคือเมื่อครั้งวัยเยาว์ ฝ่ามือนี้ สัมผัสนี้เขาคุ้นเคยดี

เด็กคนนั้นที่ข้าแบ่งหมั่นโถวให้ คือท่านเองงั้นหรือ หวังซีเอ่อ..

“ยังไงองค์ชายสิบก็เป็นของบรรณาการของข้าแล้ว ไม่ช้าก็เร็วต้องปรนนิบัติข้าอยู่ดี อู๋เสี่ยวหวา”

หลังจากหวังซีเอ่อกล่าวเช่นนี้ อู๋เสี่ยวหวายังไม่ทันได้พูดอะไร ผ้าพันเอวแพรแดงของชุดเจ้าสาวที่พันช่วงเอวไว้แน่นหนาก็ถูกดึงออกมา

“ทะ...ท่านอย่าคิดทำแบบนั้นเชียวนะ...”

แม้ในลูกตาดําสนิทคมกริบคู่นั้นจะแสดงเจตนาชัดเจนแล้ว อู๋เสี่ยวหวายังเอ่ยอย่างไม่เลิกล้มความตั้งใจ

“ข้าจะช่วยท่านเปลี่ยนชุด สวมชุดแดงทั้งตัวกลับวังไปกับข้าคงมิงามเท่าใดนะองค์ชายสิบ”

หวังซีเอ่อตอบเปิดเผยตรงไปตรงมา แต่การเคลื่อนไหวของนิ้วกลับอาจหาญพอสมควร ไม่เพียงเสื้อคลุมชั้นนอกถูกถลกเปลื้องออก กางเกงตัวในก็ถูกถอดไปด้วย

“อย่าทำเช่นนี้ องค์รัชทายาท...”

“ใต้ผืนฟ้าคือแผ่นดินของกษัตริย์ และข้าคือโอรสกษัตริย์แคว้นเหยานี้ ท่านไม่จำเป็นต้องสนใจจุดนี้”

หวังซีเอ่อยึดมือทั้งคู่ที่พยายามดิ้นขัดขืนกดไว้เหนือศีรษะของเจ้าตัวได้อย่างสบาย ๆ ให้แน่นมากขึ้น

“ข้าคงมิอาจขัดขืนท่านได้สินะ...”

อีกฝ่ายคอยเตือนเสมอมาว่าเขาเป็นโอรสของฮ่องเต้แคว้นเหยา เป็นองค์รัชทายาท ตั้งแต่เกิดก็มีอํานาจ สูงสุดในการครอบครองแคว้นแผ่นดินทั้งหมด ลึก ๆ ในใจแล้วอู๋เสี่ยวหวาไม่ชอบนัก แต่กลับไม่อาจหักล้าง เพราะเขาผู้นี้คือบุรุษในอดีตตอนวัยเยาว์ที่ตนชื่นชอบ

“เจ้าน่ะงดงามเสมอในสายตาข้า เสี่ยวหวา”

หวังซีเอ่อกระซิบระยะประชิด ทำให้อู๋เสี่ยวหวากัดริมฝีปาก ยิ่งไร้คําพูดตอบโต้ พูดจบหวังซีเอ่อก็โน้มตัวลงประทับริมฝีปากที่อู๋เสี่ยวหวากัดไว้จนเกือบเลือดออก จูบรุ่มร้อนเผด็จการแต่เจือความอ่อนโยนด้วยนั้น ทำให้อู๋เสี่ยวหวาคลายฟันออกอย่างช่วยไม่ได้ ยอมรับองค์รัชทายาทแต่โดยดี ทันใดนั้นลิ้นเปียกร้อนก็แทรกเข้าในโพรงปาก ก่อกวนเรียวลิ้นอีกอันที่อยู่ภายใน ดูดดุนเกาะกุมอย่างดุเดือด เวลาเดียวกันมือใหญ่กร้านหยาบก็เลื่อนไหลเข้าตรงหว่างขา จากจุดที่ชุดมงคลแดงจัดแหวกอ้าออก

“อึ้ก! อ๊ะ ๆ อ๊า..องค์รัชทายาท..”

อู๋เสี่ยวหวาตัวสั่นเล็กน้อยเมื่อนิ้วมือใหญ่กร้านกอบกุมแก่นหยกน้อยของตนเอง ขยับเคลื่อนไหวอย่างชํานาญภายใต้เสื้อคลุม บางครั้งปลายนิ้วก็แฉลบโดนส่วนปลายที่เริ่มเปียกชื้น สิ่งที่อยู่เต็มสมองล้วนเป็นหวังซีเอ่อ ใบหน้าเริ่มแดงขึ้นเรื่อย ๆ ในหัวเองก็ร้อนระอุ อู๋เสี่ยวหวาอยากปฏิเสธไม่ยอมรับรสสัมผัสนี้ขององค์รัชทายาทผู้แสนเอาแต่ใจ อยากจะผลักไสไล่ส่งไม่ยอมรับ แต่ริมฝีปากก็อ้าออกกล่าวไม่ได้สักคำ มีแต่ปลดปล่อยเสียงอื้ออ๊าฟังแล้วระแคะระคายหูออกมาแทน

“ข้าชอบท่านนะ องค์ชายสิบอู๋เสี่ยวหวา”

ภายใต้การโอ้โลมอันเร่าร้อนของหวังซีเอ่อ อู๋เสี่ยวหวาหายใจหอบ ร่างสั่นเทิ้ม พลันยกแขนขึ้นโอบบ่าหนานั้นโดยไม่คํานึงถึงสิ่งใดทั้งสิ้น แล้วภาพก็ดับวูบลง เป็นอู๋เสี่ยวหวาที่ผล็อยหลับไปด้วยความเหน็ดเหนื่อย หากแต่ในใจยังเจ็บปวด ยิ่งรู้สึกว่าระยะระหว่างแคว้นซีและแคว้นเหยานั้นช่างไกลห่างยิ่งนัก อนาคตจะเป็นเช่นไรคงต้องพิสูจน์ต่อสู้กันต่อไป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • อู๋เสี่ยวหวาบรรณาการแค้วนซี   บทที่ 6 สนมชายตำแหน่งเฟิ่งอี๋

    หลังค่ำคืนนั้นผ่านพ้นไป องค์รัชทายาทหวังซีเอ่อก็ส่งข่าวให้ฮ่องเต้แคว้นซีทรงทราบว่าพบตัวองค์ชายสิบอู๋เสี่ยวหวาแล้ว และทางนั้นก็ได้ส่งสารตอบรับกลับมาว่าโปรดดูแลองค์ชายสิบของบรรณาการให้ดีแทนน้ำใจชาวแคว้นซีด้วยพิธีต้อนรับจัดขึ้นอย่างง่าย องค์ชายสิบได้ถูกแต่งตั้งให้เป็นเฟิ่งอี๋ ขั้นเก้า ชั้นเอก สนมลำดับต่ำต้อยที่สุดในตำหนัก รับใช้ปรนนิบัติองค์รัชทายาทเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์แล้วที่อู๋เสี่ยวหวาได้เข้ามาอยู่ในวังหลวงหยานชุนในฐานะ เฟิ่งอี๋ แล้วไหนจะต้องคอยรับฟังผู้คนนินทาว่าเป็นชาวซีเป่ยไร้เกียรติ แคว้นซีเล็กต่ำต้อย แต่อู๋เสี่ยวหวาก็มิได้เก็บมาใส่ใจนักวังหลวงแคว้นเหยาหยานชุน ณ ตำหนักซิงอี๋เหล่ยหลังจากเขียนอักษรเต็มพรืดเสร็จไปอีกหนึ่งแผ่น อู๋เสี่ยวหวาวางพู่กันลง หมุนคอซึ่งปวดเมื่อยแข็งล้า บิดเอว ถามอันเต๋อจื่ออีกครั้ง“องค์รัชทายาทกลับมาหรือยัง”“ยังพ่ะย่ะค่ะ พี่โจวจือหยวนตําหนักหน้าบอกว่า ถ้าองค์รัชทายาทหวังซีเอ่อเสด็จกลับมา จะทูลให้มาที่ห้องหนังสือทันที”อันเต๋อจื่อส่งชาแดงใส่ผลเป๊ะก๊วยผสมน้ำตาลกรวดชงใหม่ ๆ หนึ่งถ้วยให้องค์ชายสิบ“องค์ชายสิบทรงกระหายหรือไม่ ทรงพักสักหน่อยเถิด ค่อยเขียนต่อดีก

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-16
  • อู๋เสี่ยวหวาบรรณาการแค้วนซี   บทที่ 7.1 ดอกไม้ไม่หอมต้นไม้ไม่เขียว

    หลังฝนตกหนักห้าวันติดต่อกัน ท้องฟ้าโปร่งใสเป็นพิเศษ นกกระจิบบินเข้าอุทยานตำหนักชิงอี๋เหล่ย ส่งเสียงร้องวุ่นวายไม่หยุด บ่าวรับใช้สาดน้ำที่หน้าระเบียง กวาดถูขั้นบันได วันยุ่ง ๆ เริ่มจากเวลานี้อู๋เสี่ยวหวาตื่นขึ้นมาท่ามกลางเสียงคึกคักนี้ หลังจากหาวหวอดใหญ่หนึ่งที ก็ลูบขอบเตียงด้านนอกด้วยความเคยชิน ผิวผ้าด้านข้างเย็นเฉียบว่างเปล่า ไม่มีคนอยู่“ซีเอ่อ?”เขาเลิกผ้าห่มปักดิ้นลุกขึ้นนั่งหัวฟู อันเต๋อจือรีบเดินมา รวบม่านคลุมเตียงไหมปักชิ้นงามขึ้น นางกำนัลวัยขบเผาะสี่นางเดินเข้ามารับใช้เฟิ่งอี๋ ล้างหน้า หวีผม“เฟิ่งอี๋ เมื่อคืนทรงบรรทมสนิทดีหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”อันเต๋อจื่อยิ้มตาหยี ขันทีอายุอานามเดียวกันกับอู๋เสี่ยวหวาที่ติดตามมารับใช้จากแคว้นซี ในคราแรกเขาไม่ได้ถูกส่งมาเฝ้ารับใช้องค์ชายสิบ จึงต้องกลับแคว้นซี แต่เขาคุกเข่าขอร้องอยู่หลายครั้ง ขอฝ่าบาททรงอนุญาตให้เขาอยู่ที่นี่ คอยรับใช้องค์ชายสิบอู๋เสี่ยวหวา ฮองเฮาแคว้นเหยาจางหรงผิงเห็นแก่เขาที่เป็นคนซื่อสัตย์ต่อหน้าที่ไม่เคยทอดทิ้งเจ้านายจึงอนุญาตให้อยู่รับใช้ข้างกายอู๋เสี่ยวหวาต่อ ทั้งสองตัวติดกันใช้ชีวิตเป็นบ่าวกับนายมาถึงสิบปีแล้ว ปัจจุบันเขาย

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-16
  • อู๋เสี่ยวหวาบรรณาการแค้วนซี   บทที่ 7.2 ดอกไม้ไม่หอมต้นไม้ไม่เขียว

    “ใช่ เห็นว่าช่วงนี้องค์รัชทายาทสนิทสนมกับเฟิ่งอี๋มากเกินไป ไม่เหมาะไม่ควร เหลียงตี้ที่เพียบพร้อมกว่า แสนสง่างามกว่า อยู่มานานกว่ากลับได้รับการปฏิบัติที่ห่างเหิน จึงได้มีรับสั่งห้ามไปหาเฟิ่งอี๋แต่เพียงผู้เดียว ให้แวะเวียนไปเยือนพระสนมนางอื่นบ้าง เฮ้อ แต่ว่าก็ว่านะ ตำหนักชิงอี๋เหล่ยเนี่ยหากขาดองค์รัชทายาทมาเยือน ดอกไม้ไม่หอมต้นไม้ไม่เขียวเลยจริง ๆ"“บังอาจนัก พวกกำเริบเสิบสานนินทานาย!”ประโยคตําหนิของอู๋เสี่ยวหวาทําให้นางกํานัลทั้งสองตกใจมาก พวกนางรีบคุกเข่าลง ก้มศีรษะคํานับขออภัย “ฟะ..เฟิ่งอี๋! โปรดให้อภัยด้วย! บ่าวไม่รู้ว่าพระองค์อยู่ตรงนี้..”“ฐานะเป็นนางกํานัลกลับปากพล่อย ดอกไม้ไม่หอม ต้นไม้ไม่เขียวอะไร หาที่ตายใช่หรือไม่!”“พวกบ่าวมิกล้าอีกแล้ว! ขอเฟิ่งอี๋โปรดไว้ชีวิตด้วยเพคะ!” นางกํานัลทั้งสองตกใจจนหน้าซีดเผือด กล่าวทั้งตัวสั่นงันงก“ไม่ได้! ปล่อยพวกเจ้าไว้ไม่ได้! ข้าจะกราบทูลฮองเฮาให้อบรมพวกเจ้า!” อู๋เสี่ยวหวาตําหนิหนัก สั่งขันทีไล่สองคนนี้ออกไป“เฟิ่งอี๋โปรดอย่าทรงกริ้วพ่ะย่ะค่ะ วางพระทัยให้นิ่ง ๆ ”อันเต๋อจื่อพูดปลอบอู๋เสี่ยวหวา ต่อมาอู๋เสี่ยวหวาที่คล้ายกับเพิ่งได้สติคืนมามองอั

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-16
  • อู๋เสี่ยวหวาบรรณาการแค้วนซี   บทที่ 8 ฮ่องเต้ที่สมบูรณ์แบบ

    เลยยามไฮ่มาแล้ว ภายในห้องบรรทมของตําหนักชางชุน ขันทีถือโคมไล่ดับตะเกียงตามโต๊ะ โคมบนผนัง เหลือโคมใหญ่เพียงสองสามอันนที่ยังคงให้แสงเหลืองนวลแม้เทียนจะสั้นลงแล้ว แต่ด้วยเพราะเป็นคืนฤดูร้อน อากาศจึงยังคงอบอ้าวเกินทน ประตูหน้าต่างของห้องบรรทมล้วนเปิดไว้หมด อันเต่อจื่อย้ายเก้าอี้มานั่งข้างเตียงอู๋เสี่ยวหวาในมือถือพัดขนเป็ด คอยพัดให้องค์ชายสิบของเขาที่นอนตะแคงอยู่ช่วงกลางดึก ผู้คนพักผ่อนบรรยากาศเงียบสงบ ไม่นานนักเขาก็ง่วง ศีรษะเอนเอียง ไหล่พิงเสาเตียง ผล็อยหลับไป จึงเปิดโอกาสให้หวังซีเอ่อในชุดดำทั้งกายกระโดดเข้ามาจากทางหน้าต่างโดยปราศจากเสียง เขาเคลื่อนตัวผ่านโต๊ะ เก้าอี้ ฉากกั้นมาแบบคุ้นที่คุ้นทาง ไปหยุดยืนข้างเตียงนอนซึ่งแขวนม่านโปร่งสีฟ้านั้น หลังจากมองอันเต๋อจื่อซึ่งไร้ปฏิกิริยาแม้แต่นิดจนแน่ใจแล้วจึงเอาผ้าปิดปากออกบนตัวอู๋เสี่ยวหวาคลุมด้วยผ้าห่มสีเหลืองอ่อนปักลายดอกเก๊กฮวยทั้งผืน ใบหน้าหันออกไปด้านนอก แขนกอดหมอน ขดตัวเหมือนกับลูกแมว ด้วยความที่เตียงนั้นมีขนาดใหญ่ ทําให้ตัวเขาดูเล็กน่ารักเป็นพิเศษ อู๋เสี่ยวหวาชอบนอนริมเตียงตั้งแต่อยู่แคว้นซีแล้ว สมัยก่อนอันเต๋อจื่อจึงต้องคอยเฝ้าข้างเต

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-17
  • อู๋เสี่ยวหวาบรรณาการแค้วนซี   บทที่ 9.1 สุราบุปผา พูดคุยยอดพธู

    หน้าต่างฉลุลายบานนั้นมีน้ำเสียงใสแจ๋ว ท่วงทำนองเสนาะหูลอยอ้อยอิ่งมาเป็นช่วง ๆ ใครได้ฟังเป็นต้องเคลิบเคลิ้ม จิตใจล่องลอยราวกับเหินขึ้นท้องฟ้าไปอยู่ในวังจันทราเรือสำราญลำหนึ่งชื่อ ‘อิงซื่อ’ มีชื่อเสียงที่สุด มันใหญ่เป็นสามเท่าของนาวาบุปผาลำอื่น อีกทั้งยังสูงถึงสามชั้น ม่านโปร่งบางห้อยเรี่ยพื้นเล่นแสงโคมงามพร่างพราว มีคนลากเรือเปลือยท่อนบนสามสิบกว่าคนที่ริมฝั่งแม่น้ำ ลาก ‘อิงซื่อ’ ด้วยท่วงท่าเหนือชั้น ทุกครั้งที่ถึงท่าเรือจะมีแขกสวมอาภรณ์หรูหราท่าทางร่ำรวย เอาแต่ใจ ขึ้นเรือสำราญไปซื้อความสุข วางเดิมพันครั้งละพันตำลึง ใช้เงินเป็นเบี้ยหมาก แน่นอนว่าเหล่านายท่านล้วนกลับไปด้วยความพึงพอใจ ที่แห่งนี้ไม่เพียงคัดเลือกหญิงสาวมาให้อยู่เป็นเพื่อน ยังมีหนุ่มน้อยหน้าตาดี หลายแบบให้เลือกด้วย ล้วนแล้วแต่ผ่านการฝึกอบรมครบถ้วนทุกด้าน เหล่าหนุ่มสาวรู้จักว่าควรเอาอกเอาใจแขกอย่างไรให้ถุงเงินของคนรวยฟีบแบน จนแม้สักอีแปะเดียวก็ไม่เหลือหนุ่มสาวพวกนี้มีชีวิตสุขสำราญมาก ในจำนวนนั้นมี ‘ฟางเย่เซียน’ อายุสิบเจ็ดปี ซึ่งงามเลิศที่สุด ยังสามารถเลือกแขกได้เอง พวกเศรษฐีใหม่คหบดีบ้านนอกอ้วนพุงโลนั้นไม่เข้าตานางแม้แต่น

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-17
  • อู๋เสี่ยวหวาบรรณาการแค้วนซี   บทที่ 9.2 สุราบุปผา พูดคุยยอดพธู

    ตอนที่กําลังคิดเรื่องเหล่านี้ เสียงน้ำซู่ซ่าพลันดังเข้าหู หวังเผยจูเงยหน้าขึ้นมอง เหล่าอิงจื่อรีบออกไปแบบรู้กาลเทศะ เด็กสาวรูปร่างผอมเพรียวหน้าตางดงาม โฉมสคราญแฉล้มนั่งในถังอาบน้ำไม้ทรงสี่เหลี่ยม กําลังตีน้ำเล่น ทั้งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เหมือนนางกําลังเล่นสนุกร่ายระบำในน้ำ หยดน้ำร่วงจากแขนขาวเนียนไร้ตําหนิ งามดั่งบุปผาเซียนที่ก่อกำเนิดในโลกมนุษย์ ขนตายาวหนาที่มีหยดน้ำเกาะเป็นประกายสดใสชวนมอง ครั้นยื่นมือออกมาจะเห็นเล็บสีแดงตัดแต่งโค้งมน ดูไม่เหมือนของคนกลับเหมือนหุ่นที่ช่างฝีมือชั้นยอดแกะสลักเสลาอย่างประณีตเสียมากกว่านางกระดิกนิ้วเรียกแขกผู้มาเยือน พร้อมทั้งส่งยิ้มหวานโปรยเสน่ห์ หวังเผยจูเดินไปทางถังอาบน้ำ น้ำใสแจ๋วโปรยกลีบดอกกุ้ยเหม่ยสีแดงจำนวนไม่มาก ดังนั้นจึงเห็นร่างเปลือยของหญิงสาวที่อยู่ในน้ำได้อย่างชัดแจ้งในปราดเดียว สองเต้าอวบอั๋นใหญ่โตล้นทะลัก ฟางเย่เซียนหรี่ตาเล็กน้อย นัยน์ตาฉ่ำวาวมองชายชุดขาวลวดลายนกกระเรียนทองที่ยืนข้างถังอาบน้ำด้วยความรู้สึกพึงพอใจ รูปร่างสูงสง่า ผึ่งผายองอาจแฝงแรงกดดันเช่นนี้ ถ้าสามารถใช้เวลาราตรีวสันต์ร่วมกับนางได้ เกรงว่าต้องใช้โชคดีที่สั่งสมมาร้อยพันชาติ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-17
  • อู๋เสี่ยวหวาบรรณาการแค้วนซี   บทที่ 10.1 เกลียดชังดั่งมีเพลิงสุมใจ

    เช้าวันนี้ช่วงยามซื่อ (9:00-10:59) ตำหนักวสันต์ครามทุกเจ็ดวันจะรวมประชุมฝึกขัดเกลา คัดอักษร พูดคุยการปกครองวังหลัง พระสนม และข้าหลวงทุกพระนางต้องมารวมตัวกัน และทำความเคารพฮองเฮาจางหรงผิงภายในตำหนักไม่อึกทึกครึกครื้นนัก เงียบสงบอย่างยิ่ง ประชุมรอบนี้ไทฮองไทเฮาเองก็เข้าร่วมด้วย อู๋เสี่ยวหวากําลังคัดอักษร เพราะวันนี้เขาเหม่อลอยไม่ได้ฟังใจความในที่ประชุม จึงโดนฮองเฮาลงโทษคัดลอกอีก อันเต๋อจื่อจัดเก็บกระดาษเฟิ่งอี๋เขียนเสีย ม้วนแล้วผูกเรียบร้อย เดิมจะทิ้งไป แต่กลับถูกเหลียงตี้แย่งไปแล้วทำหน้าขบขัน เอาให้พระสนมนางอื่นดูแล้วพากันหัวเราะเยาะเย้ย“หนวกหู! หุบปากได้หรือไม่!”อู๋เสี่ยวหวายกมือกุมใบหูมองพวกพระสนมนางอื่นที่กำลังส่งเสียงระหว่างโต๊ะเก้าอี้นินทาน่ารำคาญ แต่แทนที่จะพูดว่าไม่ชอบเสียงดัง กลับเหมือนใช้สายตามองพวกนางด้วยความอิจฉามากกว่า ที่ตนนั้นต้องถูกลงโทษก็เพราะช่วงพักหลังมานี้รัชทายาทหวังซีเอ่อต้องสำเร็จราชการแทนฮองเต้ที่ทรงประชวรหนัก และหยุดพักรักษาตัว ยังมีข่าวโคมลอยแว่วมาอีกว่าภายในเจ็ดวันนี้ จะมีการแต่งตั้งฮองเต้องค์ใหม่ในอีกไม่ช้า หวังซีเอ่อจะได้ขึ้นครองตำแหน่งฮองเต้แคว้นเหยาอย่

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-17
  • อู๋เสี่ยวหวาบรรณาการแค้วนซี   บทที่ 12.2 ไม่มอบความจงรักภักดีแก่ใครอื่น

    เป็นเช่นนี้เอง...” หัวสมองอู๋เสี่ยวหวายังคงเชื่องช้า ปากกล่าวอย่างนกขุนทองเรียนพูด “ที่แท้ฝ่าบาทไปที่ร้านเครื่องประทินโฉมสตรีเพื่อตรวจสอบคดีความเช่นนั้นหรือ อื้ม...”“ใช่ เจ้าคิดว่าข้าแอบไปหาความสุขหรือ ข้าขออภัยเจ้าด้วย ข้าควรอาบน้ํา เปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนค่อยมาพบเจ้า” แม้พูดเช่นนี้ แต่บนหน้าของหวังซีเอ่อกลับแย้มยิ้มตลอดเวลา บัดซบจริง ๆ“กระหม่อมเองต่างหากที่ผิด โปรดทรงให้อภัย”อู๋เสี่ยวหวาก้มหน้ากล่าว เห็น ๆ อยู่ว่าใส่ใจกลิ่นหอมที่ไม่คุ้นเคยอันนั้นมากมาตลอด แต่พออีกฝ่ายอธิบาย ความรู้สึกไม่สบายใจรวมถึงความหนักอึ้งที่มีในใจนั้นก็พลันสลายสิ้น“ขอฝ่าบาทประทานอภัยด้วย กระหม่อมก็ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร... ฝ่าบาทไม่ต้องขอโทษกระหม่อม กระหม่อมไม่คาดคิดว่าตนเองจะใส่ใจกลิ่นหอมนั่นเสียขนาดนั้น เป็นสิ่งที่ยากจะหาคํามาอธิบายจริง ๆ”“ฮองเฮา..เวลาล่วงเลยมาไม่น้อยแล้ว ให้ข้าส่งเจ้ากลับห้องไปพักผ่อนเถิด” หวังซีเอ่อพูด“ยังก่อน กระหม่อมอยากอยู่คนเดียวสักครู่พ่ะย่ะค่ะ” ชั่วขณะนั้นอู๋เสี่ยวหวาไม่มีความกล้าที่จะเงยหน้า พูดแบบเคอะเขินมาก “ฝ่าบาทเสด็จกลับไปก่อนเถิดพ่ะย่ะค่ะ น้อมส่งเสด็จ”“เช่นนั้นขอได้โปรดมอ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-17

บทล่าสุด

  • อู๋เสี่ยวหวาบรรณาการแค้วนซี   บทส่งท้าย

    พิธีสถาปนาราชวงศ์ใหม่ถูกจัดเตรียมอย่างยิ่งใหญ่ตระการตา เหล่าขุนนางทุกฝ่ายแต่งกายจัดเต็มพิธีการ ประชาราษฎร์ทุกคนต่างมายืนล้อมนอกวังหลวงเพื่อชมการแต่งตั้งฮ่องเต้และฮองเฮาองค์ใหม่ โดยมีจวิ้นอ๋องเฒ่าไห่หมิงหรา และ พระชายาไป๋ฟานเหนียนเป็นผู้ใหญ่นำพิธีการเวลาฤกษ์มงคลถูกจัดขึ้นในเวลาเที่ยงวัน พระอาทิตย์เลยดูจะร้อนแรงเป็นพิเศษ พิธีดูเหมือนจะไปได้ดี แต่หารู้ไม่ว่ากำลังจะเกิดการปฏิวัติขึ้น หวังซีเอ่อและอู๋เสี่ยวหวานั้นมาถึงแคว้นเหยาชุนแล้ว โดยมีชินอ๋องจูไปรับที่ท่าเรือเมืองควานเหลียง และได้รับกองกำลังสนับสนุนจากใต้เท้าเฉินมาช่วยเสริมทัพพร้อมกับทหารแคว้นซีเป่ยจำนวนหนึ่ง เพื่อหวนคืนสู่บัลลังก์อันชอบธรรมเมื่อกำลังจะถึงเวลาที่จงถานไถหมิงและเจียวหวงกำลังจะก้าวขึ้นสู่บัลลังก์มังกรในฐานะฮ่องเต้และฮองเฮาก็ต้องหยุดชะงัก เป็นเสียงของขันทีผู้หนึ่ง เป็นเสี่ยวสี่จื่อที่หายตัวไปตั้งแต่เช้ามืดและจงถานไถหมิงตามหาไม่พบ บัดนี้ได้เห็นเขาล้มลุกคลุกคลานกลิ้งมาหลุน ๆ จนหยุดตรงหน้าราชพิธี“เป็นบ่าวทำไม่ถูก! บ่าวสมควรตาย!” เสี่ยวสี่จื่อคุกเข่ากับพื้น เป็นแส้หนังที่หวดขึ้นเหนือหัวของอู๋เสี่ยวหวาที่กระทำอุกอาจลงแส้เฆี

  • อู๋เสี่ยวหวาบรรณาการแค้วนซี   บทที่ 27 ช่วงเวลาที่เขามีความสุขก็เพียงลมพัดดับเทียนไข

    โคมไฟสว่างไสวแขวนห้อยสูง แสงเทียนเหลืองแกมส้มให้แสงสว่างครอบคลุมลานสวนของตำหนักสนมเสียนเฟยประหนึ่งม่านโปร่งสีเหลืองคฤหาสน์แห่งนี้ห่างจากวังหลวงจะว่าใกล้ก็ไม่ใกล้ จะว่าไกลก็ไม่ไกล สวนและสิ่งก่อสร้างลอกเลียนรูปแบบซูรวมมียี่สิบห้องพัก หลังคาเชิงชายกิเลนทองสัมฤทธิ์กระดกเชิดสูงเป็นสัญลักษณ์แทนความรุ่งโรจน์รุ่งเรือง เมื่อสายลมยามค่ำโชยแผ่วยังสามารถได้ยินเสียงกระดิ่งลมด้านล่างชายคาดังเสนาะเพราะพริ้งชวนให้สดชื่นรื่นใจจะมีต้นไม้เยอะมากกว่าตำหนักอื่นเป็นพิเศษโดยเฉพาะต้นกุ้ยเหม่ยขวับ!เสียงคมกระบี่แหวกลมเด็ดขาดว่องไว เกิดประกายแสงทองจุดเล็กพร่างตาประหนึ่งดาราทองจํานวนนับไม่ถ้วนกะพริบวิบวับกลางท้องนภายามราตรี พร้อมกันนั้นร่างผู้ถือกระบี่เหินแฉลบวนเวียนในสวนเบาดุจนกนางแอ่น“เจียวหวง เจ้าอยู่นี่เอง”เสียงเรียกอันคุ้นเคยจู่ ๆ ก็ดังขึ้นมา ทําให้การร่ายกระบี่สะดุดหยุดชั่วขณะ เจียวหวงพลิกตัวลงจากบนหลังคามาอยู่ข้างหน้าคนผู้นั้นอย่างแผ่วเบา“ฝ่าบาท?! ทรงมาได้อย่างไรเพคะ” นี่เป็นครั้งที่สองอีกฝ่ายมาเยือนตำหนักเหม่ยกุ้ยของนาง เจียวหวงแปลกใจพอสมควรคุกเข่าลงเสียงดังตุบ“สนมเสียนเฟยน้อมรับเสด็จ ขอทรงพระเจร

  • อู๋เสี่ยวหวาบรรณาการแค้วนซี   บทที่ 26.2 ท่านต้องปลอดภัย

    ตลอดจนถึงนาทีนี้จงจวิ้นอ๋องเฒ่ายังคิดว่าทำแบบนี้จะบีบบังคับให้หวังเผยจูสิโรราบแก่เขาได้ จะต้องคุกเข่าวิงวอนขอให้อภัย อย่างไรเสียชินอ๋องหวังเผยจูก็ไม่กล้าเหยียบออกจากจวนอ๋องสักก้าวแน่ หากไร้ที่พึ่งพิงอย่างเสด็จพี่ใหญ่ของเขา ผ่านมาหกเดือนแล้วที่ฟางเย่เซียนเข้ามาสวมบทบาทเป็นพระชายาเอกปรนนิบัติดูแลชินอ๋องจูเป็นอย่างดี จนเกิดความรักใคร่กันขึ้นมาจริง ๆ แต่ยังไม่สุกงอมดี หวังเผยจูยังไม่เคยร่วมเตียงเคียงหมอนกับนาง นับแต่พลาดพลั้งครั้งแรกไปเขาก็ไม่แตะต้องตัวนางอีก ให้เกียรติฟางเย่เซียนเป็นอย่างมาก เรียกนางว่าพระชายาหาใช้คำพูดว่านังโสเภณีหรือนางคณิกาหอนางโลมอีกเลยเมื่อตอนยังไม่เกิดเรื่อง ฟางเย่เซียนก็ใช้ชีวิตอยู่ในจวนอ๋องนี้สุขสบาย แต่นางไม่ใช่คนอยู่นิ่งเฉย ก็คอยหาอะไรทำตามที่พ่อบ้านเหอชิงอบรมสั่งสอนเพิ่มเติม ทุกคนในตำหนักก็ต่างพากันชื่นชอบพระชายาฟางเย่เซียน แล้วพอหลังจากที่ฮ่องเต้หวังซีเอ่อถูกถอดถอนจากราชบัลลังก์ ฝ่ายพระชายาไป๋ฟานเหนียนก็ควบคุมภรรยาหวังชินอ๋องจูอย่างเข้มงวดในฐานะอาสะใภ้ พระชายาฟางเย่เซียนตะลึงงันจากนางขับร้องที่เพียงเหลือบตาคลี่ยิ้มก็บังเกิดเสน่ห์ล้นเหลือคนหนึ่ง กลายเป็นนางอ

  • อู๋เสี่ยวหวาบรรณาการแค้วนซี   บทที่ 26.1 ท่านต้องปลอดภัย

    อีกสองวันจะถึงพิธีสถาปนาฮ่องเต้และฮองเฮาองค์ใหม่ขึ้นครองบัลลังก์ แสงอาทิตย์ระอุอบอ้าวทำคนแทบจะละลายได้ แต่ในจวนหวังชินอ๋องจู มีทหารยืนกันชนิดเต็มทางเดิน แน่นขนัดไปถึงสวนดอกไม้รอบตำหนัก ระยะสองก้าวต่อหนึ่งคน พวกเขากําลังเฝ้าจวนหวังชินอ๋องจูไว้ตามคำสั่งจวิ้นอ๋องเฒ่าจงไห่หมิงหรา บนใบหน้าทหารทุกนายต่างมีเหงื่อกาฬผุดพราย มือทั้งคู่เหยียดยื่นส่งต่อของมีค่า สิ่งเหล่านี้เป็นของที่นําออกมาจากคลังสมบัติของตำหนักชินอ๋องจู มีเครื่องเคลือบงานฝีมือชั้นยอด ดาบล้ำค่าประดับมุกตะวันออก กระทั่งไม้แกะสลักหรือหินประหลาดขนาดเกินฝ่ามือล้วนไม่ปล่อยผ่านของเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นลาภผลซึ่งตำหนักชินอ๋องจูรับจากภายนอกโดยใช้ประโยชน์จากชื่อเสียงของหวังซีเอ่อ นับแต่ก่อนเขาจะมาเป็นชินอ๋อง เป็นเพียงแค่องค์ชายรอง ถึงแม้พระประสงค์องค์ฮ่องเต้องค์ใหม่คือให้ชินอ๋องจูส่งมอบทรัพย์สินเอง แต่หลังสิ้นอำนาจราชวงศ์หวัง ใต้เท้าที่ไม่ชอบหน้าชินอ๋องได้ทีจึงแสร้งตรวจสอบเปิดโปงโกงกินรับสินบนก็อยู่ในความรับผิดชอบของตนด้วย ทว่ามิได้ล่วงรู้ก็ละเลยหน้าที่เสียแล้ว กระนั้นวัวหายล้อมคอกก็ยังดี ด้วยเหตุนี้จึงนําทหารชั้นดีจํานวนหนึ่งมาอย่าง

  • อู๋เสี่ยวหวาบรรณาการแค้วนซี   บทที่ 25.2 ฮ่องเต้องค์ใหม่แคว้นเหยาชุนรุ่นที่สิบเอ็ด

    “ไม่เป็นไร ข้าไม่กินก็ได้...” จงถานไถหมิงพูดอุบอิบเสียงเบาวางตะเกียบลง“ฝ่าบาท เสวยเพคะ” เฉิงกุ้ยเฟยปล่อยชิ้นนั้น หันไปเลือกชิ้นอื่น ขยับมือคีบส่งถึงปากของฮ่องเต้อย่างว่องไว“ฝ่าบาท เสวยของหม่อมฉันเถิดเพคะ” เจียวหวงไม่ยอมตกอยู่ข้างหลัง ขยับตะเกียบคีบข้าวแปดสมบัติชิ้นนั้นส่งไปจ่อตรงหน้าจงถานไถหมิงอย่างเร็ว จงถานไถหมิงมองซ้ายมองขวายิ้มบางรับมาทั้งหมด หัวหน้าราชองครักษ์เองก็ยื่นตะเกียบออกไปคีบข้าวแปดสมบัติชิ้นเล็กวางใส่ในจานของตัวเองอย่างเงียบ ๆ“เอาเถอะอย่ามัวแต่ดูแลเรา พวกเจ้าก็กินด้วยสิ”จงถานไถหมิงเอ่ย จากนั้นก็พยายามจัดการของที่อยู่ในจานตัวเอง พอเจียวหวงคีบขนมชิ้นหนึ่งให้จงถานไถหมิง ลี่เฉี่ยวก็เช่นกัน ท้ายสุดเจียวหวงยื่นตะเกียบไปทางลี่เฉี่ยวที่กําลังเอาโต้วเหลียงเกาชิ้นเล็กวางลงในจานของจงถานไถหมิง แล้วหนีบหยุดตะเกียบลี่เฉี่ยวไว้เสียงดังเพียะเข้าหูอย่างต่อเนื่อง ตะเกียบทองแกะสลักลายเมฆาสองคู่ตะลุมบอนกันเร็วเสียจนตามองแทบไม่ทัน จงถานไถหมิงเองก็ตะลึงมองกับการกระทำของสตรี“คีบให้ฝ่าบาทมากขนาดนั้น เสด็จพี่หญิงไม่กลัวฝ่าบาททรงเสาะท้องเช่นนั้นหรือ” เจียวหวงพูดแล้วเลือกเอาเฉพาะขนมที่ลี่เฉี่

  • อู๋เสี่ยวหวาบรรณาการแค้วนซี   บทที่ 25.1 ฮ่องเต้องค์ใหม่แคว้นเหยาชุนรุ่นที่สิบเอ็ด

    ใกล้ถึงวันราชาภิเษกฮ่องเต้องค์ใหม่แคว้นเหยาชุนรุ่นที่สิบเอ็ด สองวันหลังการจากไปของฮ่องเต้หวังซีเอ่อที่ละเลยทิ้งหน้าที่บริหารบ้านเมือง จิตใจอกตัญญูสั่งขังไท่ซ่างหวงและฮองไทเฮา หายสาบสูญไปสามเดือนแล้ว จึงมีประกาศจากอัครเสนาบดีทั้งสองฝ่ายให้ถอดถอนฮ่องเต้หวังซีเอ่อออกแล้วผลักดัน ‘ท่านแม่ทัพใหญ่ จงถานไถหมิง ขึ้นครองราชย์ เป็น ฮ่องเต้ราชวงศ์จงรุ่นที่หนึ่ง’ดังนั้นหวังซีเอ่อและอู๋เสี่ยวหวาจึงเร่งเดินทางกลับไปยังแคว้นเหยาชุนให้เร็วที่สุด และหลังผ่านเหตุการณ์ร้ายลอบสังหารในเมืองอันเว่ยที่อยู่ติดชายแดนใกล้แคว้นหลิ่ง มีแม่น้ำขวางต้องเดินเรือสำเภาข้ามไปยังแคว้นเหยาชุน มาพร้อมรับเด็กทารกที่มารดาเสียชีวิตกลับมาเลี้ยงดู โดยให้อันเต๋อจื่อดูแลไว้ก่อนในแคว้นซีเป่ยแสงตะวันแผดจ้าสาดส่องลอดช่องว่างของแมกไม้ซึ่งส่งเสียงเสียดสีกันไม่หยุดหย่อนตรงลงมายังพื้นดินผืนใหญ่ ผู้ที่นั่งอยู่ในศาลาอู๋เหม่ยของอุทยานตะวันตกทอดตามองด้านนอกดอกไม้ใบหญ้าเฉกเช่นกับผืนทุ่งนากสิกรรม เห็นเพียงสีเขียวเข้มขจี ท้องฟ้าวันนี้สว่างสดใสมาก หลังจากม่านไผ่รอบศาลาถูกปล่อยลงโดยนางกํานัลภายใต้การสั่งการจากหัวหน้าขันที ภายในศาลาโบราณก็พลั

  • อู๋เสี่ยวหวาบรรณาการแค้วนซี   บทที่ 24.2 เด็กน้อยผู้น่าสงสารที่กำพร้ามารดา

    “หลีกไป! อันเต่อจื่อ เจ้า..เจ้านี่! หาญกล้าขวางเราเรอะ!” เสียงโหวกเหวกโกรธเกรี้ยวดังขึ้นตรงประตูตำหนัก องค์ชายหกอู๋ซั่วสีเห็นว่าหวังซีเอ่อเอาอกเอาใจน้องสิบเขาเหลือเกินจนน่าหมั่นไส้“อ้า ใช่ ๆ ยังมีคนนี้อีกคนที่โอ๋องค์ชายสิบมากพ่ะย่ะค่ะ” หลิวเฉิงเอินเคยได้ยินประวัติองค์ชายหกมาก่อน“เจ้าเอะอะมากไปแล้วหรือเปล่า คิดรบกวนเสี่ยวหวาพักผ่อนรึ?” หวังซีเอ่อสาวเท้าก้าวใหญ่เข้าไปตําหนิองค์ชายหกอู๋ซั่วสีแบบไม่เกรงใจ“เหอะ! น้องสิบพักผ่อนแล้วจริงนะ” อู๋ซั่วสีเห็นหวังซีเอ่อออกมา เพลิงโกรธดูเหมือนจะใหญ่ขึ้น นัยน์ตาหงส์ถลึงวาวโรจน์“ทำไมกัน น้องสิบของข้าต้องโชคร้ายมาแต่งเป็นฮองเฮาของเจ้านะซีเอ่อจอมทรราชย์!”“หา..!! ข้าจะโกหกเจ้าทําไม เสี่ยวหวาบรรทมแล้วจริง และเรื่องที่ว่าข้าเป็นทรราชย์ ทรงตรัสใหม่ด้วย เหลวไหลสิ้นดี!” หวังซีเอ่อเดือดกลับ จ้องอู๋ซั่วสีอย่างเย็นชา ถึงแม้เขาจะเป็นพี่หกคนสนิทของอู๋เสี่ยวหวา โครงเค้าหน้ามีความคล้ายกันหลายส่วน แต่สําหรับหวังซีเอ่อมิได้มีความรู้สึกเอ็นดูให้แม้แต่น้อย กลับเป็นเตรียมป้องกันเสียมากกว่า เพราะเจ้าหมอนี่ถ้าแค่ ‘ห่วงใย’ แบบบริสุทธิ์ใจก็ไม่เป็นไร กลัวแต่จะนําความยุ่ง

  • อู๋เสี่ยวหวาบรรณาการแค้วนซี   บทที่ 24.1 เด็กน้อยผู้น่าสงสารที่กำพร้ามารดา

    อาจเพราะการต่อสู้กับหวังซีเอ่อก่อนหน้านี้หอมหวานเกินไป เดิมอู๋เสี่ยวหวาง่วงจนไม่ไหวแล้ว ขณะนี้กลับไร้ซึ่งความง่วง เขาเอนตัวลงบนเตียงบรรทมหันหน้าแดงซ่านไปด้านในด้วยความโกรธปุด ๆ ไร้คําพูดไปชั่วคราวเวลานี้เองด้านนอกแจ้งเข้ามาว่าหลิวเฉิงเอินเยวียนสื่อสำนักหมอหลวงขอเข้าเฝ้า เดี๋ยวอีกสองชั่วยามเขาก็ต้องเดินทางกลับแคว้นเหยาชุนพร้อมหวังซีเอ่อแล้ว เวลาแสนสุขที่ได้อยู่ด้วยกันช่างแสนสั้นยิ่งนัก“หมองั้นหรือ?” อู๋เสี่ยวหวาจำได้ว่าตนเองมิได้เรียกหมอหลวงนี่นา ครั้นจะหันไปมองหวังซีเอ่อด้วยความสงสัย คอกลับแข็งทื่อเสียอย่างนั้น หวังซีเอ่อกลับแก้ความคิดของอู๋เสี่ยวหวากล่าวโดยไม่ปรึกษาใคร“ฮองเฮา เป็นข้าที่เรียกหมอหลวงในวังเจ้ามาเอง” จากนั้นหวังซีเอ่อก็ให้คนเรียกหมอหลวงเข้ามา“ข้าอยากให้เขามาตรวจร่างกายเจ้าเตรียมความพร้อมออกเดินทาง” หวังซีเอ่อพูด นั่งลงที่ข้างเตียง ยื่นมือลูบหน้าผากของอู๋เสี่ยวหวา“ดูเหมือนจะร้อนนิดหน่อย”“ไม่มีสักหน่อย! ข้าสบายดีมาก ต่อให้เดินทางไกลหลายร้อยลี้ด้วย ข้าแข็งแรงจะตาย!” อู๋เสี่ยวหวางอนเหมือนเด็ก หันหลังให้“ข้ารู้แล้ว” หวังซีเอ่อตอบรับแต่หมอหลวงหลิวก็เข้ามาอยู่ดี“ข้าผู้น

  • อู๋เสี่ยวหวาบรรณาการแค้วนซี   บทที่ 23.2 พลอดรักกันหวานซึ้ง

    อาจจะรู้สึกผิดที่ต้องให้ฮองเฮามานอนในที่ทุรกันดาร ในถ้ำที่อับชื้นเพียงมีกองไฟที่ให้ความอบอุ่น พอประทังไม่ให้อู๋เสี่ยวหวาล้มป่วยได้ หลังการขอคืนดี ทั้งสองคนกลับมาปรองดองรักกันดั่งเดิม หวังซีเอ่อก็ได้วางแผนจะกลับแคว้นเหยาเพื่อทวงคืนบัลลังก์ของเขาคืนจากไห่หมิงหราจวิ้นอ๋อง มารเฒ่าที่กล้ายึดครองอำนาจ และพิธีแต่งตั้งขึ้นเป็นฮ่องเต้อย่างเป็นทางการจะเริ่มขึ้นอีกในห้าวันต่อจากนี้ หวังซีเอ่อต้องรีบกระตือรือร้นทำอะไรสักอย่างรุ่งเช้าขึ้นเขาจะพาฮองเฮาไปส่งวังหลวงตามที่อู๋เสี่ยวหวาบอกให้นำตัวเขาไปต่อรองกับพวกราชองครักษ์ทหารที่ฮ่องเต้อู๋ซั่วกู๋ส่งให้มาตามล่าหวังซีเอ่อ เปิดทางให้หวังซีเอ่อเข้าไปพูดคุยเจรจาและขอโทษอย่างจริงใจต่อชาวซีเป่ยที่ชาวหยานชุนเคยกดขี่ไว้ฝนหยุดตกแล้ว ภายนอกถ้ำบรรยากาศสดชื่นพร้อมต่อสู้กับวันใหม่ หวังซีเอ่อและอู๋เสี่ยวหวาเดินทางกลับเข้าวัง ถูกหัวหน้าองครักษ์รักษาการณ์วังหลวง ‘ซือมัวหลง’ ขวางไว้ที่นอกประตูวังหลวง แต่แล้วทั้งสองก็เข้ามาได้เพราะองค์ชายสามอู๋ติ้งเกาและอันเต๋อร์จื่อที่รอร่วมแผนการณ์กู้บัลลังก์ให้ฮ่องเต้หวังซีเอ่ออยู่แล้วเมื่ออู๋เสี่ยวหวามาถึงก็ได้แจ้งหัวหน้าขันทีให้

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status