Home / วาย / อู๋เสี่ยวหวาบรรณาการแค้วนซี / บทที่ 6 สนมชายตำแหน่งเฟิ่งอี๋

Share

บทที่ 6 สนมชายตำแหน่งเฟิ่งอี๋

last update Last Updated: 2025-02-16 11:20:54

หลังค่ำคืนนั้นผ่านพ้นไป องค์รัชทายาทหวังซีเอ่อก็ส่งข่าวให้ฮ่องเต้แคว้นซีทรงทราบว่าพบตัวองค์ชายสิบอู๋เสี่ยวหวาแล้ว และทางนั้นก็ได้ส่งสารตอบรับกลับมาว่าโปรดดูแลองค์ชายสิบของบรรณาการให้ดีแทนน้ำใจชาวแคว้นซีด้วย

พิธีต้อนรับจัดขึ้นอย่างง่าย องค์ชายสิบได้ถูกแต่งตั้งให้เป็นเฟิ่งอี๋ ขั้นเก้า ชั้นเอก สนมลำดับต่ำต้อยที่สุดในตำหนัก รับใช้ปรนนิบัติองค์รัชทายาท

เป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์แล้วที่อู๋เสี่ยวหวาได้เข้ามาอยู่ในวังหลวงหยานชุนในฐานะ เฟิ่งอี๋ แล้วไหนจะต้องคอยรับฟังผู้คนนินทาว่าเป็นชาวซีเป่ยไร้เกียรติ แคว้นซีเล็กต่ำต้อย แต่อู๋เสี่ยวหวาก็มิได้เก็บมาใส่ใจนัก

วังหลวงแคว้นเหยาหยานชุน ณ ตำหนักซิงอี๋เหล่ย

หลังจากเขียนอักษรเต็มพรืดเสร็จไปอีกหนึ่งแผ่น อู๋เสี่ยวหวาวางพู่กันลง หมุนคอซึ่งปวดเมื่อยแข็งล้า บิดเอว ถามอันเต๋อจื่ออีกครั้ง

“องค์รัชทายาทกลับมาหรือยัง”

“ยังพ่ะย่ะค่ะ พี่โจวจือหยวนตําหนักหน้าบอกว่า ถ้าองค์รัชทายาทหวังซีเอ่อเสด็จกลับมา จะทูลให้มาที่ห้องหนังสือทันที”

อันเต๋อจื่อส่งชาแดงใส่ผลเป๊ะก๊วยผสมน้ำตาลกรวดชงใหม่ ๆ หนึ่งถ้วยให้องค์ชายสิบ

“องค์ชายสิบทรงกระหายหรือไม่ ทรงพักสักหน่อยเถิด ค่อยเขียนต่อดีกว่านะพ่ะย่ะค่ะ”

“ได้ ว่าแต่เขาไปไหนกันนะ”

อู๋เสี่ยวหวายกถ้วยชาขึ้นกำลังจะจิบ ก็ได้ยินเสียงกังวานแจ้งให้ทราบดังมาจากข้างนอก

“เรียนอู๋เฟิ่งอี๋ องค์รัชทายาทมาถึงแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

อู๋เสี่ยวหวายกยิ้ม รีบร้อนเดินมาถึงประตูด้วยความดีใจ ร่างสูงใหญ่นั้นกําลังก้าวขาข้ามประตูมา ภายใต้แสงจันทร์สุกสกาว เขาไม่พูดพร่ำทําเพลงก็กระโจนเข้าไปหาคนผู้นั้น

“ท่านซีเอ่อ!”

หวังซีเอ่อสูงมากจริง ๆ และเรี่ยวแรงต่างกันมากลิบลับ สามารถอุ้มอู๋เสี่ยวหวาแล้วยกขึ้นมาได้สบาย ๆ ศีรษะที่สวมกวานหยกเรียบง่าย ก้มหน้ามองใบหน้าน่ารักผิวเนียนละเอียดของสนมชายซึ่งเปื้อนน้ำหมึกนั้นแล้วจึงกล่าว

"เสี่ยวหวา ขออภัยที่ข้ามาช้า เจ้าช่วยข้าเขียนฎีกาไปถึงไหนแล้ว”

สาเหตุที่หวังซีเอ่อกลับช้า เพราะไปช่วยฮ่องเต้หลินอินที่ห้องทรงอักษรทั้งวันตั้งแต่เช้าตรู่จนมืดค่ำ อู๋เสี่ยวหวาไม่เคยปริปากบ่นว่า ได้แต่ตั้งตารอเขากลับมา กระทั่งเฉิงเหลียงตี้ สนมที่มีตำแหน่งสูงสุดในตำหนักยังเคยเปรียบเปรยว่าช่างเหมือนลูกสุนัขรอเจ้านาย

“เขียนได้พอสมควรแล้ว”

แม้จะตอบเช่นนั้น แต่เอาตามจริงคือยังไปไม่ถึงไหนเลยต่างหาก อู๋เสี่ยวหวายิ้มแห้ง ๆ นับจากเรื่องวันนั้นผ่านมา หวังซีเอ่อก็อยู่เคียงข้างเขาเป็นเงาตามตัว การมีอยู่ของเขาเหมือนแสงแดด อากาศ ต้นไม้ ที่โอบล้อมรอบตัวโดยสมเหตุสมผล แค่เพียงไม่เห็นเขาจิตใจก็ไม่เป็นสุข บางครั้งเขาไม่อยู่นานก็เศร้าซึม ถึงขนาดน้ำตาไหลร่วง ในแคว้นซีเขาเป็นโอรสองค์เล็กสุดที่เสด็จพ่อค่อนข้างตามใจหากแต่ตอนนี้ไม่อาจร้องไห้งอแงแค่เพียงไม่เห็นเขาเหมือนตอนเด็กได้อีก

เพราะหากเขาร้องไห้ เสด็จพ่อจะส่งเขาไปชายแดน คำขู่นี้หยุดน้ำตาได้ผลชะงัด! และเมื่อโตแล้วย่อมต้องมีความอดทนในคำสอนว่าไปต่างแคว้นห้ามทำตัวอ่อนแอ อู๋เสี่ยวหวาจึงอดทน ทนจนกว่าจะเห็นหน้าหวังซีเอ่อมาหาเขาเอง ไม่ใช่มีแค่เพียงเขาที่ได้อยู่เคียงข้างหวังซีเอ่อ ยังมีเหล่าองค์หญิงบรรณาการจากแคว้นอื่นแต่ได้ตำแหน่งที่สูงกว่าอู๋เสี่ยวหวา องค์หญิงสี่แคว้นเฉิง ‘เฉิงลี่เฉี่ยว’ ตำแหน่งเหลียงตี้ องค์หญิงห้าแคว้นเหลียน ‘เหลียนเสี่ยนหรู’ ตำแหน่งเหลียงเยวี่ยน องค์หญิงรองแคว้นหวู่ หวู่หนิงเหอ ตำแหน่งเฉิงฮุย และองค์หญิงสิบสองแคว้นหลิ่ง หลิ่งเจียวหวง ตำแหน่งเจาซวิ่น เหลือแค่เพียงตำแหน่งชายาเอก หวงไท่จื่อเฟย ที่ยังคงเว้นว่างไว้

“ท่านก็รู้ตัวนี่ว่ากลับมาช้า”

ถึงแม้ในใจจะกังวลถึงความปลอดภัยของหวังซีเอ่อตลอดเวลา แต่ขณะนี้อู๋เสี่ยวหวากลับทำหน้าบึ้งตึง

“ในใจท่านมีแต่เสด็จพ่อของท่านสินะ ไม่เห็นมีข้าเลย”

“เป็นไปได้อย่างไร เจ้าต่างหากเป็นที่หนึ่งในใจข้าตลอด”

“เหอะ ขอเพียงฝ่าบาททรงตรัสประโยคเดียว ท่านก็ออกจากวังไปราวกับบิน กลัวว่าฝ่าบาทจะหายไป..”

อู๋เสี่ยวหวากล่าวแย้ง พลันนึกถึงเรื่องของตนเองในอดีตตอนที่ยังอยู่แคว้นซี เขาได้รับความรักจากเสด็จพ่อท่วมท้นนับแต่เล็ก ยิ่งเป็นบุตรของฮองเฮาคนเล็กยิ่งเอ็นดู เนื่องจากมีฮ่องเต้สนับสนุนตลอดมาเขาจึงทำตัวไม่สนผู้ใดอยู่ในวังหลวง ชนิดไม่เกรงฟ้าไม่กลัวดิน แต่ยิ่งนานวันเขายิ่งเข้าใจว่า ‘พลังอํานาจ’ นั้นเป็นเช่นไร เพราะแค่เพียงเสด็จพ่อตวัดสายตา เหล่าผู้คนก็ต้องเกรงกลัว สถานการณ์ตอนนี้จึงไม่ต่างกัน หวังซีเอ่อก็เป็นเช่นนั้นด้วย ยิ่งกว่านั้นก็ไม่เคยบอกกันด้วยว่า ไปทำอะไร ที่ไหน ทำให้เขาเป็นห่วงมาก

“แต่ข้ามีของอร่อยมาไถ่โทษนะเสี่ยวหวา”

เมื่อได้ยินว่ามีของอร่อย อู๋เสี่ยวหวาก็ร่าเริงขึ้นมาทันที อากัปกิริยากระตือรือร้นนั้นเหมือนจะเห็นว่าก้นเขามีหางส่ายไปมาอยู่จริง ๆ หวังซีเอ่อห้ามใจไม่อยู่จึงหยิกแก้มน่ารักนั้นเบาๆ แล้วจึงยื่นสิ่งที่เรียกว่าของอร่อยให้อู๋เสี่ยวหวา ในมือที่หวังซีเอ่อซ่อนไว้ด้านหลังคือถังหูลู่หนึ่งไม้

“ว้าว! ถังหูลู่!” อู๋เสี่ยวหวารับไปแล้วส่งเข้าปากทันทีอย่างเอร็ดอร่อย องค์รัชทายาทยิ้มแย้มอย่างมีความสุข แล้วพาคนตัวเล็กมานั่งลงข้าง ๆ ที่โต๊ะทำงาน แล้วเปิดดูฎีกาที่อู๋เสี่ยวหวาช่วยเขาเขียน เปิดออกก็พบว่ายังเขียนไปไม่ถึงไหนเลยถึงกับคิ้วกระตุก

“นี่ยังเขียนไม่เสร็จงั้นหรือ..”

“ชะ..ใช่ มันยากกว่าที่ข้าคิดเสียอีกนะ คัดพระคัมภีร์เจอจิ๋วยังง่ายกว่าอีกนะซีเอ่อ”

อู๋เสี่ยวหวายิ้มแป้นกินถังหูลู่จนปากมันวาว มือซ้ายถือถังหูลู่ มือขวาก็จับปากกาขนหมาป่าด้ามงาช้าง จุ่มน้ำหมึกแล้วเล็งจะเขียนคัดลอกฎีกาให้ต่อ

“เช่นนี้เองอืม"

อู๋เสี่ยวหวากินจนหมดแล้วยื่นไม้ให้อันเต๋อ หันหน้าไปมององค์รัชทายาท ถามด้วยความเป็นห่วง

“ท่านเหนื่อยหรือไม่”

“ข้าไม่เป็นไร ยังไงก็ขอบใจเสี่ยวหวามากนักที่ช่วยแบ่งเบาข้า”

แต่แล้วเสียงท้องร้องของหวังซีเอ่อก็ดังออกมา เพราะเขาไม่ได้กินอะไรมาตั้งแต่เช้า ดื่มแค่น้ำแกงไปชามเดียว อู๋เสี่ยวหวาเหลือบตามองหวังซีเอ่อแล้วกลั้นขำ

“อันเต๋อ ไปให้ห้องครัวจัดสำรับอาหารหรือพวกของว่างมา องค์รัชทายาทไปหอทรงอักษร จึงกลับมาเสียมืดค่ำ ยังไม่ได้เสวยอะไรเลยนะ”

“พ่ะย่ะค่ะอู๋เฟิ่งอี๋!”

อันเต๋อจื่อรับคําสั่ง แล้ววิ่งเหยาะ ๆ ไปทันที

นับจากบ่ายถึงตอนนี้ อู๋เสี่ยวหวาคัดลอกฎีกาได้เพียงสี่ฉบับเท่านั้น

"องค์รัชทายาท ข้าจะดีกับท่านเยอะ ๆ จะคอยช่วยเหลืองานของท่านทุกอย่างเลย”

อู๋เสี่ยวหวากล่าวแบบสาบาน แต่หวังซีเอ่อกลับยังคงขมวดคิ้ว “เฟิ่งอี๋ทำเช่นนี้เพื่อชดเชยความเสียใจที่เจ้าไม่สามารถกลับไปเยี่ยมบ้านได้งั้นหรือ”

“แล้วแต่ท่านจะคิดเถิด”

“เอาล่ะ ข้ารู้แล้วว่าเจ้าช่างมีน้ำใจประเสริฐยิ่งนัก”

หวังซีเอ่อยกมือลูบบนใบหน้าอ่อนเยาว์ที่เต็มไปด้วยความไร้เดียงสาแต่กลับวางท่ายิ่งใหญ่

“ข้าเสียอีกที่เป็นห่วงเจ้า....”

“อะไรหรือ”

นัยน์ตาดําขลับใสกระจ่างเปล่งประกายราวดวงดาราบนนภา

“เปล่า ไม่มีอะไรหรอก” หวังซีเอ่อแย้มยิ้ม กอดเฟิ่งอี๋ของตนไว้ในวงแขน ก้มหน้าพูดที่ข้างหู

“ขอเพียงเจ้าเป็นเช่นนี้ ก็ไม่ต้องมีเรื่องอื่นให้กังวล”

"อื้ม” อู๋เสี่ยวหวาพยักหน้าหงึกหงัก ไม่ว่าเป็นเรื่องใด หากหวังซีเอ่อว่าไม่มีอะไร ก็ไม่มีปัญหา

“เจ้าคงเหนื่อยแล้วกระมัง?” หวังซีเอ่อถามอีก “นั่งคัดลอกนานเท่าใดแล้ว"

“เริ่มตั้งแต่ยามเว่ย (13:00-14:59) น่าจะ..." อู๋เสี่ยวหวาหยุดคิดชั่วครู่ “ร่วมสามชั่วยามได้กระมัง”

“เช่นนั้นควรพักสักครู่ได้แล้ว มิฉะนั้นพรุ่งนี้ คงไม่พ้นปวดเอวปวดหลัง”

“แต่ซีเอ่อ ข้ายังต้องช่วยท่านคัดอีกหกฉบับนะ” อู๋เสี่ยวหวานิ่วหน้า คาดคะเนว่าต้องมือเป็นระวิงจนถึงยามไฮ่ (21.00-22.59) ล่ะกระมัง

“อย่าร้อนใจไป ขอข้ากอดเจ้าสักหน่อย” หวังซีเอ่อพูดอย่างอ่อนโยน ดึงอู๋เสี่ยวหวามานั่งที่ตักตนเองอย่างสบาย ๆ ก้มหน้ามองสบสายตากัน ตำแหน่งนั้นดึงสองสายตาประสานกันพอดี

“ที่เหลือข้าจะคัดลอกเองเจ้าพักเถอะ”

“ซีเอ่อ”

อู๋เสี่ยวหวาหน้าแดงระเรื่อ เอื้อมมือไปดึงแขนเสื้อเบา ๆ

“ขอโทษนะ ข้าทําให้ท่านลำบากอีกแล้ว ทั้ง ๆ ที่ตั้งใจแล้วว่าจะช่วย"

“หามิได้ เจ้าอยากทำอะไรก็ทำได้เลย ขอเพียงเจ้ามีความสุขข้าก็พอใจแล้ว"

หวังซีเอ่อบีบปลายจมูกขององค์ชายสิบเบา ๆ

“เพียงแต่ครั้งหน้า เจ้าต้องประมาณตัวเองให้ดีพอ ทำเท่าที่ไหวนะ”

“รู้น่า ไม่มีครั้งหน้าแน่”

อู๋เสี่ยวหวาทำแก้มพองแล้วเท้าคางนั่งบนโต๊ะ มองหวังซีเอ่อตวัดปลายพู่กันเขียนอักษรเร็วมาก ลงน้ำหนักเหมือนกันไม่ผิดเพี้ยนจริง ๆ ยิ่งนานยิ่งดึก อันเต๋อจื่อจุดเทียนไปหลายแท่งมาก อยู่ดีๆ อู๋เสี่ยวหวาเกิดง่วงนอนขึ้นมา หาวไม่หยุด หัวเล็ก ๆ โยกเยกอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนพิงไหล่ซ้ายของหวังซีเอ่อหลับไปโดยไม่รู้ตัว

หวังซีเอ่อหยุดพู่กัน ไม่พูดอะไร แต่เปลี่ยนมาถือพู่กันด้วยมือขวา ส่วนแขนซ้ายไปโอบเอวขององค์ชายสิบ ให้อีกฝ่ายนอนพิงหัวไหล่ของตนดี ๆ เขาใช้เวลาสองชั่วยามกว่าด้วยท่าที่ไม่เป็นธรรมชาตินี้ คัดลอกฎีกาจนเสร็จแล้วจึงอุ้มเฟิ่งอี๋ที่หลับปุ๋ย พากลับไปตำหนักบรรทม

หลังจากตรวจทานอย่างระมัดระวังแล้วก็นำฎีกาไปถวายรายงานแก่ฮ่องเต้ที่ตําหนักชุนชาง แต่เสด็จพ่อตรวจตราจนเสร็จสิ้นแล้วพบว่าองค์รัชทายาทไม่ได้เขียนเองกับมือ

แสงจากตะเกียงแก้วบนโต๊ะไหวเล็กน้อย ชั่วขณะนั้นมีแค่เสียงหวังหลิ่นอินพลิกกระดาษม้วนฎีกาอ่านทีละหน้า เนื้อผ้าเสียดสีผิวกระดาษดังสวบสาบ เห็นชัดว่าเสียงเบาขนาดนั้นกลับสะเทือนถึงเส้นประสาทของคนฟัง หวังซีเอ่อรอฟังเสียงจากฮ่องเต้กลับได้ยินเสียงถอนหายใจแบบจนปัญญา เขาจึงรีบคุกเข่าลงทันที

“เจ้าคิดว่าทำเช่นนี้ถูกต้องแล้วหรือ ให้ผู้อื่นเข้ามายุ่งกับหน้าที่ของเจ้า รัชทายาท”

“ขออภัยเสด็จพ่อ อย่าทรงกริ้ว ลูกจะลงโทษตนเองพ่ะย่ะค่ะ”

น้ําเสียงของหวังหลิ่นอินโมโหชัดเจน แต่ยังควบคุมอารมณ์ไว้ได้ เขายกมือขึ้นให้คนอื่นออกไป นัยน์ตาที่ลึกล้ำดำสนิทคู่นั้นแทบไม่เคยแสดงความตื่นตระหนก ดูไม่ออกด้วยซ้ำว่ากำลังคิดอะไรอยู่ หวังซีเอ่อลุกขึ้นอย่างรู้ตนเองดี เดินออกไปหน้าตำหนัก ไม่นำพาต่อสายฝนที่เทกระหน่ำ คุกเข่าลงตรงด้านล่างบันไดโดยไม่มียืดเยื้อ นี่คือบทลงโทษที่เขาให้ผู้อื่นเข้ามาเกี่ยวข้องกับงานในหน้าที่ของรัชทายาท

อู๋เสี่ยวหวาดื่มน้ำแกงร้อนๆ ยกมือทุบหลังคอที่ปวดเมื่อย แล้วลุกขึ้นเดินไปที่หน้าต่าง ฝนด้านนอกยิ่งตกยิ่งหนัก คลุมฟ้าครอบดิน เสียงซูซ่าดังกลบหู ฟ้าแลบแปลบปลาบเป็นช่วง ๆ ส่องแสงให้แก่ผู้ที่คุกเข่าอยู่ในสายฝน หลังยืดตรง คุกเข่าท่าเคร่งครัด ปล่อยให้น้ำฝนเย็นเฉียบราดรดร่างของตน

อู๋เสี่ยวหวาเฝ้ามองหาหวังซีเอ่อว่าจะกลับมาเมื่อใด เขาเพียงหลับไปครู่เดียวหวังซีเอ่อก็ไม่อยู่แล้ว แต่พอเหลือบมองไปยังโต๊ะทรงอักษรก็ไม่เห็นฎีกาทั้งหมด สงสัยว่าคงไปส่งฎีกาให้ฮ่องเต้ตรวจกระมัง

Related chapters

  • อู๋เสี่ยวหวาบรรณาการแค้วนซี   บทที่ 7.1 ดอกไม้ไม่หอมต้นไม้ไม่เขียว

    หลังฝนตกหนักห้าวันติดต่อกัน ท้องฟ้าโปร่งใสเป็นพิเศษ นกกระจิบบินเข้าอุทยานตำหนักชิงอี๋เหล่ย ส่งเสียงร้องวุ่นวายไม่หยุด บ่าวรับใช้สาดน้ำที่หน้าระเบียง กวาดถูขั้นบันได วันยุ่ง ๆ เริ่มจากเวลานี้อู๋เสี่ยวหวาตื่นขึ้นมาท่ามกลางเสียงคึกคักนี้ หลังจากหาวหวอดใหญ่หนึ่งที ก็ลูบขอบเตียงด้านนอกด้วยความเคยชิน ผิวผ้าด้านข้างเย็นเฉียบว่างเปล่า ไม่มีคนอยู่“ซีเอ่อ?”เขาเลิกผ้าห่มปักดิ้นลุกขึ้นนั่งหัวฟู อันเต๋อจือรีบเดินมา รวบม่านคลุมเตียงไหมปักชิ้นงามขึ้น นางกำนัลวัยขบเผาะสี่นางเดินเข้ามารับใช้เฟิ่งอี๋ ล้างหน้า หวีผม“เฟิ่งอี๋ เมื่อคืนทรงบรรทมสนิทดีหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”อันเต๋อจื่อยิ้มตาหยี ขันทีอายุอานามเดียวกันกับอู๋เสี่ยวหวาที่ติดตามมารับใช้จากแคว้นซี ในคราแรกเขาไม่ได้ถูกส่งมาเฝ้ารับใช้องค์ชายสิบ จึงต้องกลับแคว้นซี แต่เขาคุกเข่าขอร้องอยู่หลายครั้ง ขอฝ่าบาททรงอนุญาตให้เขาอยู่ที่นี่ คอยรับใช้องค์ชายสิบอู๋เสี่ยวหวา ฮองเฮาแคว้นเหยาจางหรงผิงเห็นแก่เขาที่เป็นคนซื่อสัตย์ต่อหน้าที่ไม่เคยทอดทิ้งเจ้านายจึงอนุญาตให้อยู่รับใช้ข้างกายอู๋เสี่ยวหวาต่อ ทั้งสองตัวติดกันใช้ชีวิตเป็นบ่าวกับนายมาถึงสิบปีแล้ว ปัจจุบันเขาย

    Last Updated : 2025-02-16
  • อู๋เสี่ยวหวาบรรณาการแค้วนซี   บทที่ 7.2 ดอกไม้ไม่หอมต้นไม้ไม่เขียว

    “ใช่ เห็นว่าช่วงนี้องค์รัชทายาทสนิทสนมกับเฟิ่งอี๋มากเกินไป ไม่เหมาะไม่ควร เหลียงตี้ที่เพียบพร้อมกว่า แสนสง่างามกว่า อยู่มานานกว่ากลับได้รับการปฏิบัติที่ห่างเหิน จึงได้มีรับสั่งห้ามไปหาเฟิ่งอี๋แต่เพียงผู้เดียว ให้แวะเวียนไปเยือนพระสนมนางอื่นบ้าง เฮ้อ แต่ว่าก็ว่านะ ตำหนักชิงอี๋เหล่ยเนี่ยหากขาดองค์รัชทายาทมาเยือน ดอกไม้ไม่หอมต้นไม้ไม่เขียวเลยจริง ๆ"“บังอาจนัก พวกกำเริบเสิบสานนินทานาย!”ประโยคตําหนิของอู๋เสี่ยวหวาทําให้นางกํานัลทั้งสองตกใจมาก พวกนางรีบคุกเข่าลง ก้มศีรษะคํานับขออภัย “ฟะ..เฟิ่งอี๋! โปรดให้อภัยด้วย! บ่าวไม่รู้ว่าพระองค์อยู่ตรงนี้..”“ฐานะเป็นนางกํานัลกลับปากพล่อย ดอกไม้ไม่หอม ต้นไม้ไม่เขียวอะไร หาที่ตายใช่หรือไม่!”“พวกบ่าวมิกล้าอีกแล้ว! ขอเฟิ่งอี๋โปรดไว้ชีวิตด้วยเพคะ!” นางกํานัลทั้งสองตกใจจนหน้าซีดเผือด กล่าวทั้งตัวสั่นงันงก“ไม่ได้! ปล่อยพวกเจ้าไว้ไม่ได้! ข้าจะกราบทูลฮองเฮาให้อบรมพวกเจ้า!” อู๋เสี่ยวหวาตําหนิหนัก สั่งขันทีไล่สองคนนี้ออกไป“เฟิ่งอี๋โปรดอย่าทรงกริ้วพ่ะย่ะค่ะ วางพระทัยให้นิ่ง ๆ ”อันเต๋อจื่อพูดปลอบอู๋เสี่ยวหวา ต่อมาอู๋เสี่ยวหวาที่คล้ายกับเพิ่งได้สติคืนมามองอั

    Last Updated : 2025-02-16
  • อู๋เสี่ยวหวาบรรณาการแค้วนซี   บทที่ 8 ฮ่องเต้ที่สมบูรณ์แบบ

    เลยยามไฮ่มาแล้ว ภายในห้องบรรทมของตําหนักชางชุน ขันทีถือโคมไล่ดับตะเกียงตามโต๊ะ โคมบนผนัง เหลือโคมใหญ่เพียงสองสามอันนที่ยังคงให้แสงเหลืองนวลแม้เทียนจะสั้นลงแล้ว แต่ด้วยเพราะเป็นคืนฤดูร้อน อากาศจึงยังคงอบอ้าวเกินทน ประตูหน้าต่างของห้องบรรทมล้วนเปิดไว้หมด อันเต่อจื่อย้ายเก้าอี้มานั่งข้างเตียงอู๋เสี่ยวหวาในมือถือพัดขนเป็ด คอยพัดให้องค์ชายสิบของเขาที่นอนตะแคงอยู่ช่วงกลางดึก ผู้คนพักผ่อนบรรยากาศเงียบสงบ ไม่นานนักเขาก็ง่วง ศีรษะเอนเอียง ไหล่พิงเสาเตียง ผล็อยหลับไป จึงเปิดโอกาสให้หวังซีเอ่อในชุดดำทั้งกายกระโดดเข้ามาจากทางหน้าต่างโดยปราศจากเสียง เขาเคลื่อนตัวผ่านโต๊ะ เก้าอี้ ฉากกั้นมาแบบคุ้นที่คุ้นทาง ไปหยุดยืนข้างเตียงนอนซึ่งแขวนม่านโปร่งสีฟ้านั้น หลังจากมองอันเต๋อจื่อซึ่งไร้ปฏิกิริยาแม้แต่นิดจนแน่ใจแล้วจึงเอาผ้าปิดปากออกบนตัวอู๋เสี่ยวหวาคลุมด้วยผ้าห่มสีเหลืองอ่อนปักลายดอกเก๊กฮวยทั้งผืน ใบหน้าหันออกไปด้านนอก แขนกอดหมอน ขดตัวเหมือนกับลูกแมว ด้วยความที่เตียงนั้นมีขนาดใหญ่ ทําให้ตัวเขาดูเล็กน่ารักเป็นพิเศษ อู๋เสี่ยวหวาชอบนอนริมเตียงตั้งแต่อยู่แคว้นซีแล้ว สมัยก่อนอันเต๋อจื่อจึงต้องคอยเฝ้าข้างเต

    Last Updated : 2025-02-17
  • อู๋เสี่ยวหวาบรรณาการแค้วนซี   บทที่ 9.1 สุราบุปผา พูดคุยยอดพธู

    หน้าต่างฉลุลายบานนั้นมีน้ำเสียงใสแจ๋ว ท่วงทำนองเสนาะหูลอยอ้อยอิ่งมาเป็นช่วง ๆ ใครได้ฟังเป็นต้องเคลิบเคลิ้ม จิตใจล่องลอยราวกับเหินขึ้นท้องฟ้าไปอยู่ในวังจันทราเรือสำราญลำหนึ่งชื่อ ‘อิงซื่อ’ มีชื่อเสียงที่สุด มันใหญ่เป็นสามเท่าของนาวาบุปผาลำอื่น อีกทั้งยังสูงถึงสามชั้น ม่านโปร่งบางห้อยเรี่ยพื้นเล่นแสงโคมงามพร่างพราว มีคนลากเรือเปลือยท่อนบนสามสิบกว่าคนที่ริมฝั่งแม่น้ำ ลาก ‘อิงซื่อ’ ด้วยท่วงท่าเหนือชั้น ทุกครั้งที่ถึงท่าเรือจะมีแขกสวมอาภรณ์หรูหราท่าทางร่ำรวย เอาแต่ใจ ขึ้นเรือสำราญไปซื้อความสุข วางเดิมพันครั้งละพันตำลึง ใช้เงินเป็นเบี้ยหมาก แน่นอนว่าเหล่านายท่านล้วนกลับไปด้วยความพึงพอใจ ที่แห่งนี้ไม่เพียงคัดเลือกหญิงสาวมาให้อยู่เป็นเพื่อน ยังมีหนุ่มน้อยหน้าตาดี หลายแบบให้เลือกด้วย ล้วนแล้วแต่ผ่านการฝึกอบรมครบถ้วนทุกด้าน เหล่าหนุ่มสาวรู้จักว่าควรเอาอกเอาใจแขกอย่างไรให้ถุงเงินของคนรวยฟีบแบน จนแม้สักอีแปะเดียวก็ไม่เหลือหนุ่มสาวพวกนี้มีชีวิตสุขสำราญมาก ในจำนวนนั้นมี ‘ฟางเย่เซียน’ อายุสิบเจ็ดปี ซึ่งงามเลิศที่สุด ยังสามารถเลือกแขกได้เอง พวกเศรษฐีใหม่คหบดีบ้านนอกอ้วนพุงโลนั้นไม่เข้าตานางแม้แต่น

    Last Updated : 2025-02-17
  • อู๋เสี่ยวหวาบรรณาการแค้วนซี   บทที่ 9.2 สุราบุปผา พูดคุยยอดพธู

    ตอนที่กําลังคิดเรื่องเหล่านี้ เสียงน้ำซู่ซ่าพลันดังเข้าหู หวังเผยจูเงยหน้าขึ้นมอง เหล่าอิงจื่อรีบออกไปแบบรู้กาลเทศะ เด็กสาวรูปร่างผอมเพรียวหน้าตางดงาม โฉมสคราญแฉล้มนั่งในถังอาบน้ำไม้ทรงสี่เหลี่ยม กําลังตีน้ำเล่น ทั้งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เหมือนนางกําลังเล่นสนุกร่ายระบำในน้ำ หยดน้ำร่วงจากแขนขาวเนียนไร้ตําหนิ งามดั่งบุปผาเซียนที่ก่อกำเนิดในโลกมนุษย์ ขนตายาวหนาที่มีหยดน้ำเกาะเป็นประกายสดใสชวนมอง ครั้นยื่นมือออกมาจะเห็นเล็บสีแดงตัดแต่งโค้งมน ดูไม่เหมือนของคนกลับเหมือนหุ่นที่ช่างฝีมือชั้นยอดแกะสลักเสลาอย่างประณีตเสียมากกว่านางกระดิกนิ้วเรียกแขกผู้มาเยือน พร้อมทั้งส่งยิ้มหวานโปรยเสน่ห์ หวังเผยจูเดินไปทางถังอาบน้ำ น้ำใสแจ๋วโปรยกลีบดอกกุ้ยเหม่ยสีแดงจำนวนไม่มาก ดังนั้นจึงเห็นร่างเปลือยของหญิงสาวที่อยู่ในน้ำได้อย่างชัดแจ้งในปราดเดียว สองเต้าอวบอั๋นใหญ่โตล้นทะลัก ฟางเย่เซียนหรี่ตาเล็กน้อย นัยน์ตาฉ่ำวาวมองชายชุดขาวลวดลายนกกระเรียนทองที่ยืนข้างถังอาบน้ำด้วยความรู้สึกพึงพอใจ รูปร่างสูงสง่า ผึ่งผายองอาจแฝงแรงกดดันเช่นนี้ ถ้าสามารถใช้เวลาราตรีวสันต์ร่วมกับนางได้ เกรงว่าต้องใช้โชคดีที่สั่งสมมาร้อยพันชาติ

    Last Updated : 2025-02-17
  • อู๋เสี่ยวหวาบรรณาการแค้วนซี   บทที่ 10.1 เกลียดชังดั่งมีเพลิงสุมใจ

    เช้าวันนี้ช่วงยามซื่อ (9:00-10:59) ตำหนักวสันต์ครามทุกเจ็ดวันจะรวมประชุมฝึกขัดเกลา คัดอักษร พูดคุยการปกครองวังหลัง พระสนม และข้าหลวงทุกพระนางต้องมารวมตัวกัน และทำความเคารพฮองเฮาจางหรงผิงภายในตำหนักไม่อึกทึกครึกครื้นนัก เงียบสงบอย่างยิ่ง ประชุมรอบนี้ไทฮองไทเฮาเองก็เข้าร่วมด้วย อู๋เสี่ยวหวากําลังคัดอักษร เพราะวันนี้เขาเหม่อลอยไม่ได้ฟังใจความในที่ประชุม จึงโดนฮองเฮาลงโทษคัดลอกอีก อันเต๋อจื่อจัดเก็บกระดาษเฟิ่งอี๋เขียนเสีย ม้วนแล้วผูกเรียบร้อย เดิมจะทิ้งไป แต่กลับถูกเหลียงตี้แย่งไปแล้วทำหน้าขบขัน เอาให้พระสนมนางอื่นดูแล้วพากันหัวเราะเยาะเย้ย“หนวกหู! หุบปากได้หรือไม่!”อู๋เสี่ยวหวายกมือกุมใบหูมองพวกพระสนมนางอื่นที่กำลังส่งเสียงระหว่างโต๊ะเก้าอี้นินทาน่ารำคาญ แต่แทนที่จะพูดว่าไม่ชอบเสียงดัง กลับเหมือนใช้สายตามองพวกนางด้วยความอิจฉามากกว่า ที่ตนนั้นต้องถูกลงโทษก็เพราะช่วงพักหลังมานี้รัชทายาทหวังซีเอ่อต้องสำเร็จราชการแทนฮองเต้ที่ทรงประชวรหนัก และหยุดพักรักษาตัว ยังมีข่าวโคมลอยแว่วมาอีกว่าภายในเจ็ดวันนี้ จะมีการแต่งตั้งฮองเต้องค์ใหม่ในอีกไม่ช้า หวังซีเอ่อจะได้ขึ้นครองตำแหน่งฮองเต้แคว้นเหยาอย่

    Last Updated : 2025-02-17
  • อู๋เสี่ยวหวาบรรณาการแค้วนซี   บทที่ 12.2 ไม่มอบความจงรักภักดีแก่ใครอื่น

    เป็นเช่นนี้เอง...” หัวสมองอู๋เสี่ยวหวายังคงเชื่องช้า ปากกล่าวอย่างนกขุนทองเรียนพูด “ที่แท้ฝ่าบาทไปที่ร้านเครื่องประทินโฉมสตรีเพื่อตรวจสอบคดีความเช่นนั้นหรือ อื้ม...”“ใช่ เจ้าคิดว่าข้าแอบไปหาความสุขหรือ ข้าขออภัยเจ้าด้วย ข้าควรอาบน้ํา เปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนค่อยมาพบเจ้า” แม้พูดเช่นนี้ แต่บนหน้าของหวังซีเอ่อกลับแย้มยิ้มตลอดเวลา บัดซบจริง ๆ“กระหม่อมเองต่างหากที่ผิด โปรดทรงให้อภัย”อู๋เสี่ยวหวาก้มหน้ากล่าว เห็น ๆ อยู่ว่าใส่ใจกลิ่นหอมที่ไม่คุ้นเคยอันนั้นมากมาตลอด แต่พออีกฝ่ายอธิบาย ความรู้สึกไม่สบายใจรวมถึงความหนักอึ้งที่มีในใจนั้นก็พลันสลายสิ้น“ขอฝ่าบาทประทานอภัยด้วย กระหม่อมก็ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร... ฝ่าบาทไม่ต้องขอโทษกระหม่อม กระหม่อมไม่คาดคิดว่าตนเองจะใส่ใจกลิ่นหอมนั่นเสียขนาดนั้น เป็นสิ่งที่ยากจะหาคํามาอธิบายจริง ๆ”“ฮองเฮา..เวลาล่วงเลยมาไม่น้อยแล้ว ให้ข้าส่งเจ้ากลับห้องไปพักผ่อนเถิด” หวังซีเอ่อพูด“ยังก่อน กระหม่อมอยากอยู่คนเดียวสักครู่พ่ะย่ะค่ะ” ชั่วขณะนั้นอู๋เสี่ยวหวาไม่มีความกล้าที่จะเงยหน้า พูดแบบเคอะเขินมาก “ฝ่าบาทเสด็จกลับไปก่อนเถิดพ่ะย่ะค่ะ น้อมส่งเสด็จ”“เช่นนั้นขอได้โปรดมอ

    Last Updated : 2025-02-17
  • อู๋เสี่ยวหวาบรรณาการแค้วนซี   บทที่ 10.2 เกลียดชังดั่งมีเพลิงสุมใจ

    “เอาล่ะ พวกเจ้าก็คัดลอกต่อได้แล้ว อย่ามัวแต่โอ้เอ้ชักช้า” ฮองเฮาออกคำสั่งเสียงดัง พระสนมทุกพระนางขานตอบรับรวมถึงอู๋เสี่ยวหวาด้วย“ท่านกับเสด็จพี่ทะเลาะกันใช่หรือไม่” หวังซานเยว่มองอยู่นาน นึกแปลกใจเป็นอย่างมาก เข้าประชิดข้างตัวอู๋เสี่ยวหวากล่าวกระซิบกระซาบ“แปลกประหลาดเสียจริงท่านทั้งสองเนี่ย”“เปล่านี่ พวกเราดีกันจะตาย องค์ชายน้อยทรงกังวลมากไปแล้ว” อู๋เสี่ยวหวาไม่เงยหน้า หยิบพู่กันขนแพะด้ามไผ่เชียงเฟยขึ้นคัดลอกอักษรต่อ“ไม่ถูกสิ เสด็จพี่ใหญ่ ตะวันขึ้นทางตะวันตกชัดๆ เหลือเชื่อเลยว่าท่านจะไล่พี่ใหญ่ซีเอ่อไปได้”หวังซานเยว่เคยถูกหวังซีเอ่อพี่ชายใหญ่ช่วยไว้ครั้งหนึ่ง วันนั้นเขาปีนต้นไม้ขึ้นไปศึกษารังนกด้วยผุดความคิดพิสดาร คิดไม่ถึงว่าจะเจอลมแรงวูบหนึ่งจนเกือบพลัดตกลงมา หวังซีเอ่อซึ่งผ่านมาพอดีจึงลอยตัวขึ้นไปหิ้วเขาที่จะร่วงมิร่วงแหล่ลงมา เรื่องนี้ไม่รบกวนถึงเสด็จพ่อเสด็จแม่และเสด็จย่า เพื่อหลีกเลี่ยงการโดนทำโทษ เช่นนั้นหวังซานเยว่จึงเกรงใจเสด็จพี่ใหญ่มากที่ปกป้องเขา หรือพูดว่านับถืออย่างยิ่งก

    Last Updated : 2025-02-18

Latest chapter

  • อู๋เสี่ยวหวาบรรณาการแค้วนซี   บทที่ 12.1 ไม่มอบความจงรักภักดีแก่ใครอื่น

    “ค่ำคืนเดียวดาย ราตรีมืดมิด หิ่งห้อยน้อยโบยบิน ความคำนึงหามากล้น ดั่งแสงเทียนส่องสว่างเพียงลำพัง เผาไหม้ตนเองจนสิ้น...”เขาท่องบทกวีที่เกี่ยวข้องกับ ‘ความงามแห่งสารทฤดู’ ไม่ออก แต่ชั่วขณะที่เกิดอารมณ์อ้างว้างซึมเศร้า กลับมีกวีโบราณจำนวนไม่น้อยที่ยกขึ้นมาเอ่ยได้ อู๋เสี่ยวหวาไม่ปฏิเสธ เป็นเพราะเขาคิดถึงหวังซีเอ่อ ตนเองจึงนอนไม่หลับ ที่สำคัญ ยิ่งนอนไม่หลับก็ยิ่งคิดถึงเขา“ซีเอ่อ...ตอนนี้ท่านอยู่ที่ไหนนะ..”ยืนที่หน้าต่างนานพอควรจึงรู้สึกถึงไอเย็น อู๋เสี่ยวหวาลูบจมูก เป็นอย่างที่คิด เขาไม่ควรเลียนแบบคนสมัยก่อน ท่องกวีแต่งกลอนหน้าดอกไม้ใต้จันทราอะไรนั่น มันไม่สามารถกลบความกลัดกลุ้มในใจได้เลย กลับเย็นจนเกินทนเสียด้วยซ้ำ อู๋เสี่ยวหวาตกลงใจละทิ้งความคิดที่จะทำตามคำแนะนำของฮองไทเฮาจางหรงผิงรูปลักษณ์สวยหรูไม่เหมาะกับเขาจริง ๆ พรุ่งนี้ถ้าฮองไทเฮาทดสอบอีก ก็แกล้งทำเป็นคิดไม่ออกแล้วกัน ใบไม้ร่วงอะไรนั่นให้มันปลิวไปตามลม ตอนนี้เขามีเรื่องอื่นที่ปวดหัวมากกว่าอู๋เสี่ยวหวาหมุนตัวก็เห็นอันเต๋อจื่อยืนหดคอกอดผ้าคลุมหนังจิ้งจ

  • อู๋เสี่ยวหวาบรรณาการแค้วนซี   บทที่ 11.2 ความงามแห่งสารทฤดู

    อีกทั้งไม่เข้าใจเช่นกันว่าทำกับผู้ชายมีอะไรเสียหาย นางชื่นชอบในการค้าขายเรือนร่างแลกกับเงินทอง รวมทั้งความรู้สึกที่ถูกผู้อื่นแสวงหา เชิดชูนางเหนือผู้อื่น ประคองไว้ในฝ่ามือ กระทั่งพูดบ่อย ๆ ว่าขนาดพ่อแม่ของตัวเองยังไม่ดีต่อกันขนาดนี้ แม้ ‘ดี’ เหล่านั้นล้วนมีเป้าหมายก็ตามที“หากเจ้าอยากไปจากที่นี่ ข้าไถ่ตัวเจ้าได้นะ”หวังเผยจูเคยพูดเอาไว้ แต่ฟางเย่เซียนไม่ยินยอม ทั้งยังพูดว่า “ข้าชอบทุกสิ่งของที่นี่ การใช้ร่างกายแลกเปลี่ยนทรัพย์สมบัติเงินทองก็มิได้เลวร้ายอะไร นอกเสียจากว่าท่านอยากได้ข้า ข้าจึงจะไปกับท่าน หากท่านจะไถ่ตัวข้า แล้วให้ข้าออกไปอยู่ลำพังภายนอกนั่น ข้าไม่ไปหรอกนะนายท่าน” ที่แห่งนี้นางชินชาและรู้สึกปลอดภัยมากแล้ว หวังเผยจูจึงไม่รบเร้านางอีกความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองไม่เหมือนแขกกับนางคณิกา คล้ายพี่ชายคนโตกับน้องสาวมากกว่า เพียงแต่ในใจน้องสาวผู้นี้มีความรู้สึกเคารพรักมาก มักคิดหาวิธีที่จะได้อยู่กับพี่ชายนาน ๆ เสมอ“ท่านอยู่ต่ออีกสักครู่เถิด ข้าสัญญาว่าจะไม่พูดเรื่องของนายท่านกับขุนนางเหล่านั้นอีก” ฟางเย

  • อู๋เสี่ยวหวาบรรณาการแค้วนซี   บทที่ 11.1 ความงามแห่งสารทฤดู

    ผ่านไปครบหนึ่งสัปดาห์แล้ว เหตุการณ์เป็นจริงตามที่หวังซานเยว่ องค์ชายสามผู้นี้บอก หวังซีเอ่อจากองครัชทายาทเลื่อนขั้นขึ้นสู่บัลลังก์มังกร เป็นฮ่องเต้แคว้นเหยาองค์ที่สิบ หวังหลินอิ่นสละราชบัลลังก์เพราะต้องพักรักษาตัว พระพลานามัยไม่แข็งแรงแล้วเป็นโรคชราไปตามกาลเวลา และจางฮองเฮาเองก็ดำรงค์ตำแหน่งใหม่ เป็น ฮองไทเฮา ฮองเฮาคนต่อไปที่หวังซีเอ่อมีใจให้ทั้งดวงคือเฟิ่งอี๋อู๋เสี่ยวหวา“อู๋เฟิ่งอี๋โปรดรับราชโองการจากฮ่องเต้ อู๋เฟิ่งอี๋คุณธรรมดีมีเมตตาจิต โอบอ้อมอารี ช่วยเหลือราชวงศ์ ดูแลงานราชการได้ดีไม่บกพร่อง จึงได้เลื่อนขั้นรับตำแหน่งฮองเฮาพระมารดาของแผ่นดินองค์ต่อไป มอบของกำนัลฉลองตำแหน่ง กำไลทองคำ ปิ่นปักผมหงส์ทอง หยกแก้วเหมันต์ โปรดน้อมรับราชโองการ”หัวหน้าขันทีโจวจือหยวนกงกงประกาศเป็นทางการ และยินดีกับอู๋เสี่ยวหวาด้วยที่ได้เลื่อนขั้นจากนายสนมขั้นห้า ชั้นเอก ขึ้นเป็นฮองเฮา อู๋เสี่ยวหวาไม่คาดคิด อ้ำอึ้งทำตัวไม่ถูกเหล่าพระสนมในอดีตองค์รัชทายาทต่างก็ได้รับการแต่งตั้งตำแหน่งใหม่เช่นเดียวกัน เฉิงลี่เฉี่ยว จาก เหลียงตี้ ได้เป็นกุ้ยเฟย เหลียนเสี่ยนหรู จากตำแหน่ง เ

  • อู๋เสี่ยวหวาบรรณาการแค้วนซี   บทที่ 10.2 เกลียดชังดั่งมีเพลิงสุมใจ

    “เอาล่ะ พวกเจ้าก็คัดลอกต่อได้แล้ว อย่ามัวแต่โอ้เอ้ชักช้า” ฮองเฮาออกคำสั่งเสียงดัง พระสนมทุกพระนางขานตอบรับรวมถึงอู๋เสี่ยวหวาด้วย“ท่านกับเสด็จพี่ทะเลาะกันใช่หรือไม่” หวังซานเยว่มองอยู่นาน นึกแปลกใจเป็นอย่างมาก เข้าประชิดข้างตัวอู๋เสี่ยวหวากล่าวกระซิบกระซาบ“แปลกประหลาดเสียจริงท่านทั้งสองเนี่ย”“เปล่านี่ พวกเราดีกันจะตาย องค์ชายน้อยทรงกังวลมากไปแล้ว” อู๋เสี่ยวหวาไม่เงยหน้า หยิบพู่กันขนแพะด้ามไผ่เชียงเฟยขึ้นคัดลอกอักษรต่อ“ไม่ถูกสิ เสด็จพี่ใหญ่ ตะวันขึ้นทางตะวันตกชัดๆ เหลือเชื่อเลยว่าท่านจะไล่พี่ใหญ่ซีเอ่อไปได้”หวังซานเยว่เคยถูกหวังซีเอ่อพี่ชายใหญ่ช่วยไว้ครั้งหนึ่ง วันนั้นเขาปีนต้นไม้ขึ้นไปศึกษารังนกด้วยผุดความคิดพิสดาร คิดไม่ถึงว่าจะเจอลมแรงวูบหนึ่งจนเกือบพลัดตกลงมา หวังซีเอ่อซึ่งผ่านมาพอดีจึงลอยตัวขึ้นไปหิ้วเขาที่จะร่วงมิร่วงแหล่ลงมา เรื่องนี้ไม่รบกวนถึงเสด็จพ่อเสด็จแม่และเสด็จย่า เพื่อหลีกเลี่ยงการโดนทำโทษ เช่นนั้นหวังซานเยว่จึงเกรงใจเสด็จพี่ใหญ่มากที่ปกป้องเขา หรือพูดว่านับถืออย่างยิ่งก

  • อู๋เสี่ยวหวาบรรณาการแค้วนซี   บทที่ 12.2 ไม่มอบความจงรักภักดีแก่ใครอื่น

    เป็นเช่นนี้เอง...” หัวสมองอู๋เสี่ยวหวายังคงเชื่องช้า ปากกล่าวอย่างนกขุนทองเรียนพูด “ที่แท้ฝ่าบาทไปที่ร้านเครื่องประทินโฉมสตรีเพื่อตรวจสอบคดีความเช่นนั้นหรือ อื้ม...”“ใช่ เจ้าคิดว่าข้าแอบไปหาความสุขหรือ ข้าขออภัยเจ้าด้วย ข้าควรอาบน้ํา เปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนค่อยมาพบเจ้า” แม้พูดเช่นนี้ แต่บนหน้าของหวังซีเอ่อกลับแย้มยิ้มตลอดเวลา บัดซบจริง ๆ“กระหม่อมเองต่างหากที่ผิด โปรดทรงให้อภัย”อู๋เสี่ยวหวาก้มหน้ากล่าว เห็น ๆ อยู่ว่าใส่ใจกลิ่นหอมที่ไม่คุ้นเคยอันนั้นมากมาตลอด แต่พออีกฝ่ายอธิบาย ความรู้สึกไม่สบายใจรวมถึงความหนักอึ้งที่มีในใจนั้นก็พลันสลายสิ้น“ขอฝ่าบาทประทานอภัยด้วย กระหม่อมก็ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร... ฝ่าบาทไม่ต้องขอโทษกระหม่อม กระหม่อมไม่คาดคิดว่าตนเองจะใส่ใจกลิ่นหอมนั่นเสียขนาดนั้น เป็นสิ่งที่ยากจะหาคํามาอธิบายจริง ๆ”“ฮองเฮา..เวลาล่วงเลยมาไม่น้อยแล้ว ให้ข้าส่งเจ้ากลับห้องไปพักผ่อนเถิด” หวังซีเอ่อพูด“ยังก่อน กระหม่อมอยากอยู่คนเดียวสักครู่พ่ะย่ะค่ะ” ชั่วขณะนั้นอู๋เสี่ยวหวาไม่มีความกล้าที่จะเงยหน้า พูดแบบเคอะเขินมาก “ฝ่าบาทเสด็จกลับไปก่อนเถิดพ่ะย่ะค่ะ น้อมส่งเสด็จ”“เช่นนั้นขอได้โปรดมอ

  • อู๋เสี่ยวหวาบรรณาการแค้วนซี   บทที่ 10.1 เกลียดชังดั่งมีเพลิงสุมใจ

    เช้าวันนี้ช่วงยามซื่อ (9:00-10:59) ตำหนักวสันต์ครามทุกเจ็ดวันจะรวมประชุมฝึกขัดเกลา คัดอักษร พูดคุยการปกครองวังหลัง พระสนม และข้าหลวงทุกพระนางต้องมารวมตัวกัน และทำความเคารพฮองเฮาจางหรงผิงภายในตำหนักไม่อึกทึกครึกครื้นนัก เงียบสงบอย่างยิ่ง ประชุมรอบนี้ไทฮองไทเฮาเองก็เข้าร่วมด้วย อู๋เสี่ยวหวากําลังคัดอักษร เพราะวันนี้เขาเหม่อลอยไม่ได้ฟังใจความในที่ประชุม จึงโดนฮองเฮาลงโทษคัดลอกอีก อันเต๋อจื่อจัดเก็บกระดาษเฟิ่งอี๋เขียนเสีย ม้วนแล้วผูกเรียบร้อย เดิมจะทิ้งไป แต่กลับถูกเหลียงตี้แย่งไปแล้วทำหน้าขบขัน เอาให้พระสนมนางอื่นดูแล้วพากันหัวเราะเยาะเย้ย“หนวกหู! หุบปากได้หรือไม่!”อู๋เสี่ยวหวายกมือกุมใบหูมองพวกพระสนมนางอื่นที่กำลังส่งเสียงระหว่างโต๊ะเก้าอี้นินทาน่ารำคาญ แต่แทนที่จะพูดว่าไม่ชอบเสียงดัง กลับเหมือนใช้สายตามองพวกนางด้วยความอิจฉามากกว่า ที่ตนนั้นต้องถูกลงโทษก็เพราะช่วงพักหลังมานี้รัชทายาทหวังซีเอ่อต้องสำเร็จราชการแทนฮองเต้ที่ทรงประชวรหนัก และหยุดพักรักษาตัว ยังมีข่าวโคมลอยแว่วมาอีกว่าภายในเจ็ดวันนี้ จะมีการแต่งตั้งฮองเต้องค์ใหม่ในอีกไม่ช้า หวังซีเอ่อจะได้ขึ้นครองตำแหน่งฮองเต้แคว้นเหยาอย่

  • อู๋เสี่ยวหวาบรรณาการแค้วนซี   บทที่ 9.2 สุราบุปผา พูดคุยยอดพธู

    ตอนที่กําลังคิดเรื่องเหล่านี้ เสียงน้ำซู่ซ่าพลันดังเข้าหู หวังเผยจูเงยหน้าขึ้นมอง เหล่าอิงจื่อรีบออกไปแบบรู้กาลเทศะ เด็กสาวรูปร่างผอมเพรียวหน้าตางดงาม โฉมสคราญแฉล้มนั่งในถังอาบน้ำไม้ทรงสี่เหลี่ยม กําลังตีน้ำเล่น ทั้งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เหมือนนางกําลังเล่นสนุกร่ายระบำในน้ำ หยดน้ำร่วงจากแขนขาวเนียนไร้ตําหนิ งามดั่งบุปผาเซียนที่ก่อกำเนิดในโลกมนุษย์ ขนตายาวหนาที่มีหยดน้ำเกาะเป็นประกายสดใสชวนมอง ครั้นยื่นมือออกมาจะเห็นเล็บสีแดงตัดแต่งโค้งมน ดูไม่เหมือนของคนกลับเหมือนหุ่นที่ช่างฝีมือชั้นยอดแกะสลักเสลาอย่างประณีตเสียมากกว่านางกระดิกนิ้วเรียกแขกผู้มาเยือน พร้อมทั้งส่งยิ้มหวานโปรยเสน่ห์ หวังเผยจูเดินไปทางถังอาบน้ำ น้ำใสแจ๋วโปรยกลีบดอกกุ้ยเหม่ยสีแดงจำนวนไม่มาก ดังนั้นจึงเห็นร่างเปลือยของหญิงสาวที่อยู่ในน้ำได้อย่างชัดแจ้งในปราดเดียว สองเต้าอวบอั๋นใหญ่โตล้นทะลัก ฟางเย่เซียนหรี่ตาเล็กน้อย นัยน์ตาฉ่ำวาวมองชายชุดขาวลวดลายนกกระเรียนทองที่ยืนข้างถังอาบน้ำด้วยความรู้สึกพึงพอใจ รูปร่างสูงสง่า ผึ่งผายองอาจแฝงแรงกดดันเช่นนี้ ถ้าสามารถใช้เวลาราตรีวสันต์ร่วมกับนางได้ เกรงว่าต้องใช้โชคดีที่สั่งสมมาร้อยพันชาติ

  • อู๋เสี่ยวหวาบรรณาการแค้วนซี   บทที่ 9.1 สุราบุปผา พูดคุยยอดพธู

    หน้าต่างฉลุลายบานนั้นมีน้ำเสียงใสแจ๋ว ท่วงทำนองเสนาะหูลอยอ้อยอิ่งมาเป็นช่วง ๆ ใครได้ฟังเป็นต้องเคลิบเคลิ้ม จิตใจล่องลอยราวกับเหินขึ้นท้องฟ้าไปอยู่ในวังจันทราเรือสำราญลำหนึ่งชื่อ ‘อิงซื่อ’ มีชื่อเสียงที่สุด มันใหญ่เป็นสามเท่าของนาวาบุปผาลำอื่น อีกทั้งยังสูงถึงสามชั้น ม่านโปร่งบางห้อยเรี่ยพื้นเล่นแสงโคมงามพร่างพราว มีคนลากเรือเปลือยท่อนบนสามสิบกว่าคนที่ริมฝั่งแม่น้ำ ลาก ‘อิงซื่อ’ ด้วยท่วงท่าเหนือชั้น ทุกครั้งที่ถึงท่าเรือจะมีแขกสวมอาภรณ์หรูหราท่าทางร่ำรวย เอาแต่ใจ ขึ้นเรือสำราญไปซื้อความสุข วางเดิมพันครั้งละพันตำลึง ใช้เงินเป็นเบี้ยหมาก แน่นอนว่าเหล่านายท่านล้วนกลับไปด้วยความพึงพอใจ ที่แห่งนี้ไม่เพียงคัดเลือกหญิงสาวมาให้อยู่เป็นเพื่อน ยังมีหนุ่มน้อยหน้าตาดี หลายแบบให้เลือกด้วย ล้วนแล้วแต่ผ่านการฝึกอบรมครบถ้วนทุกด้าน เหล่าหนุ่มสาวรู้จักว่าควรเอาอกเอาใจแขกอย่างไรให้ถุงเงินของคนรวยฟีบแบน จนแม้สักอีแปะเดียวก็ไม่เหลือหนุ่มสาวพวกนี้มีชีวิตสุขสำราญมาก ในจำนวนนั้นมี ‘ฟางเย่เซียน’ อายุสิบเจ็ดปี ซึ่งงามเลิศที่สุด ยังสามารถเลือกแขกได้เอง พวกเศรษฐีใหม่คหบดีบ้านนอกอ้วนพุงโลนั้นไม่เข้าตานางแม้แต่น

  • อู๋เสี่ยวหวาบรรณาการแค้วนซี   บทที่ 8 ฮ่องเต้ที่สมบูรณ์แบบ

    เลยยามไฮ่มาแล้ว ภายในห้องบรรทมของตําหนักชางชุน ขันทีถือโคมไล่ดับตะเกียงตามโต๊ะ โคมบนผนัง เหลือโคมใหญ่เพียงสองสามอันนที่ยังคงให้แสงเหลืองนวลแม้เทียนจะสั้นลงแล้ว แต่ด้วยเพราะเป็นคืนฤดูร้อน อากาศจึงยังคงอบอ้าวเกินทน ประตูหน้าต่างของห้องบรรทมล้วนเปิดไว้หมด อันเต่อจื่อย้ายเก้าอี้มานั่งข้างเตียงอู๋เสี่ยวหวาในมือถือพัดขนเป็ด คอยพัดให้องค์ชายสิบของเขาที่นอนตะแคงอยู่ช่วงกลางดึก ผู้คนพักผ่อนบรรยากาศเงียบสงบ ไม่นานนักเขาก็ง่วง ศีรษะเอนเอียง ไหล่พิงเสาเตียง ผล็อยหลับไป จึงเปิดโอกาสให้หวังซีเอ่อในชุดดำทั้งกายกระโดดเข้ามาจากทางหน้าต่างโดยปราศจากเสียง เขาเคลื่อนตัวผ่านโต๊ะ เก้าอี้ ฉากกั้นมาแบบคุ้นที่คุ้นทาง ไปหยุดยืนข้างเตียงนอนซึ่งแขวนม่านโปร่งสีฟ้านั้น หลังจากมองอันเต๋อจื่อซึ่งไร้ปฏิกิริยาแม้แต่นิดจนแน่ใจแล้วจึงเอาผ้าปิดปากออกบนตัวอู๋เสี่ยวหวาคลุมด้วยผ้าห่มสีเหลืองอ่อนปักลายดอกเก๊กฮวยทั้งผืน ใบหน้าหันออกไปด้านนอก แขนกอดหมอน ขดตัวเหมือนกับลูกแมว ด้วยความที่เตียงนั้นมีขนาดใหญ่ ทําให้ตัวเขาดูเล็กน่ารักเป็นพิเศษ อู๋เสี่ยวหวาชอบนอนริมเตียงตั้งแต่อยู่แคว้นซีแล้ว สมัยก่อนอันเต๋อจื่อจึงต้องคอยเฝ้าข้างเต

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status