ตอนแรกก็กะว่าจะแวะหาอะไรข้างทางไปกินที่ห้องอยู่หรอกนะ แต่ว่าอีธานดันไม่ยอมจอดให้เขาได้ซื้ออะไรไปกินเลยอ่า ทำไมเหยียบคันเร่งรัวๆ แบบนั้นเล่าท่าน ให้ข้าได้หาอะไรยัดใส่ท้องก่อนมิได้หรือยอย่างไร น่าน...หิวจนเพี้ยน
“ผมหิวนะ” เห็นว่ามันผ่านร้านอาหารมาเยอะมากแล้ว และภูริก็จะไม่ทน! นี่ไม่ใช่สีทนได้นะครับ
“เดี๋ยวสั่งมากินที่ห้องเอา ผมไม่อยากกินข้าวข้างทาง”
“สั่งมากิน? ผมเคยเห็นเพื่อนในแผนกสั่งมานะ...น้อยและแพงมาก คุณไม่กินก็ปล่อยผมลงไปซื้ออะไรมากินคนเดียว” จำได้แม่นเลย ไอ้อาหารคลีนอะไรนั่นน่ะ ข้าวจึ๋งหนึ่ง แต่กล่องสามร้อยกว่าบาท โอ้โห...ขอไปซัดข้าวขาหมูจานละห้าสิบบาทดีกว่า ได้ไข่หนึ่งฟองด้วยนะเว้ย
“ก็กินด้วยกันนี่แหละ เดี๋ยวผมจ่ายเอง...โอเคไหม” อีธานหันมามองหน้า และเขาก็ปะทะเข้ากับรอยยิ้มกระลิ้มกระเหลี่ยของภูริเข้าเต็มเปา
“ดีคร้าบเจ้านาย” หึ...ปากหวานขึ้นมาทันที
“เห็นแก่กินเหมือนกันนะคุณเนี่ย”
“เรียกว่าแก่ของฟรีดีกว่า” ภูริส่วเสียงหัวเราะออกมาเบาๆ ขำตัวเองนี่แหละเขาไม่ได้หัวเราะเยาะใครหรอก
แต่ไอ้การพูดเอง ขำเองมันค่อนข้างจะแปลกประหลาดสำ
ตาโหล...จะเอากี่โหลครับว่ามา เฮอะ ใช่เวลาเล่นมุกสลึงค์สองสลึงค์ไหมล่ะ แล้วไอ้ที่ตาโหลแบบนี้ก้เพราะคำว่าตรวจครรภ์ของอีธานเมื่อคืนนี้นี่แหละ เล่นเอาภูริกินเบียร์ ต่อไม่ออกเลย ติดที่สเต็กมันแพงนะ แล้วเขาก็เสียดายของก็เลยกินแบบฝืนๆ จนกระทั่งแยกย้ายกันไปนอนนอกจากจะกินอะไรแล้วฝืดคอ ระหว่างอีธานกับภูริก็ไม่มีการพูดคุยอะไรกันเลย ภูริเองก็ไม่มีอารมณ์ขันด้วยอะนะ เหมือนเจอรถสิบล้อวิ่งเข้าชนดังโครม! รองจากการกลายเป็นโอเมก้าก็เรื่องที่จะท้องเนี่ยแหละ เฮ้อ...ชีวิตหนอชีวิต รันทดอนาดนี้ควรเป็นพระเอกนิยายไหม ไม่ดิ บทเมียเนี่ยเขาไม่เรียกพระเอกเนอะ =_=และด้วยความต้องไปตรวจครรภ์เนี่ยแหละ ก็เลยทำให้ภูริและอีธานตื่นเช้าเป็นพิเศษ วันนี้ไม่มีการสู้รบกันก่อนจะแยกย้ายแต่อย่างใด แม้ว่ากลิ่นฟีโรโมนของภูริจะฟุ้งกระจายและความอยากกระหายจะมากมายแค่ไหน แต่ไม่มีอะไรมาพ่ายแพ้ให้ความเครียดในใจของเขาได้เลยอีธานก็คงเครียดแหละ อย่าว่าอยากมีลูกเลย แค่จะต้องคู่กับโอเมก้าอย่างเขาอีธานยังไม่อยากมีเลย นับประสาอะไรกับลูกล่ะ ภูริเองก็ภาระเยอะอยู่แล้ว เขาไม่พร้อมที่จะต้องรับผิดชอบชีวิตเด็กอีกหนี่งชีวิตหรอ
พิชัยนั่งหน้าหงิก ไม่พอใจในการกระทำของภูริวันนี้เป็นอย่างมาก นับตั้งแต่มันหายออกไปจาห้องคาราโอเกะคราวนั้นเขาก็ยิ่งชังน้ำหน้าภูริเข้าไปใหญ่ มองดูมันยิ้ม มันหังเราะกะบคนอื่นแล้วจะเข้าไปตบหน้ามันสักทีเหตุที่พิชันรู้สึกเกลียดภูริก็เพราะมันทำให้เขาถูกมองในด้านลบ ตอนมันเข้ามาใหม่น่ะไม่เท่าไหร่หรอก แต่ยิ่งมันทำผลงานออกมาได้ดีมากเท่าไหร่ยิ่งมีข้อครหามากขึ้นว่า พิชัยและลูกน้องคนสนิทของพิชัยซึ่งเป็นอัลฟ่าทั้งหมดนั้น ทำงานได้ไม่ดีเท่ากับเบต้าอย่างภูริ ยอดขายของพิชัยและลูกน้องมีแต่คงที่ ในขณะที่ภูริมียอดสูงขึ้นทุกครั้งที่ได้ออกไปขายของเขาเป็นอัลฟ่านะเว้ย เขาจะมาพ่ายแพ้ให้กับชนชั้นธรรมดาอย่างภูริได้อย่างไร ความเสียหน้าสร้างความไม่พอใจให้กับพิชัยมาก และสิ่งที่ทำให้พิชัยสติขาดผึ่งก็ตอนที่เขาได้นอนกับหญิงสาวในออฟฟิตตัวเอง ช่วงเวลาหลังเสร็จกิจ เธอบอกกับเขาว่า...เขามันลีลาดีไม่ถึงครึ่งของภูริคิดดูเถอะ แม้กระทั่งผู้หญิงในที่ทำงานยังหลงเสน่ห์ภูริ เห็นไอ้ภูริเป็นผู้ชายที่ดีที่เหมาะจะขึ้นเตียงกับพวกเธอมากกว่าอัลฟ่าอย่างเขา คำพูดของหญิงสาวในวันนั้นมันทำลายความเป็นอัลฟ่าของพิชัยอย่า
ภูริสาวเท้าออกมาจากตรงนั้น มุ่งหน้าไปยังห้องพักผู้ป่วยหญิงรวมแล้วนั่งลงข้างเตียงของน้องสาว ระหว่างทางภูริมองแค่เส้นทาง ไม่สบตาใคร ไม่ดูด้วยว่าข้างจะมีใครตามมาไหมเขาก็คิดแหละว่าอีธานอาจจะเดินมาเอาเรื่องเขาก็ได้ เพราะนั้นดันไปปากดีใส่คนที่ถือตัวเองสูงส่วคนนั้น ช่างมัน ท่องคำนี้เข้าไว้ อะไรที่ทำลงไปแล้วเกลับไปแก้ไขอะไรมันไม่ได้ แม้ว่าจะเพราะห้ามตัวเองไม่ได้ก็ตามที“พี่ทะเลาะกับเขาเหรอ” ภูฟ้าเอ่ยถามพี่ชายเธอ สีหน้าอีกฝ่ายมันบอกแบบนั้น…เธอกลัวพี่ขายจะมีปัญหา“นิดหน่อย พวกอัลฟ่าหลงตัวเอง”“ทุกคนก็มีความหลงตัวเอง พี่บอกแบบนั้นกับหนู” ภูฟ้ายิ้มน้อยๆ เธอเอาคำที่ภูริพูดไว้ในอดีตมาย้อนใส่“อะนะ ไม่เถียงละกันครับ แล้วนี่เป็นไงบ้าง…รู้สึกขึ้นไหม” เขาบูบหัวน้องสาวเบาๆ“ดีขึ้นเยอะ ออกซิเจนทำให้หนูหายใจออกบ้าง” ภูริพยักหน้า เขารู้สึกไม่โอเคกับสภาพของน้องจริงๆแม่เขาเองก็เป็นอีกคนที่น่าเป็นห่วง ตอนนี้อาจไม่มีอะไรเพราะแม่ทำงานซักรีดอยู่ที่บ้านมอยู่ในพื้นที่ส่วนตัวและมันค่อนข้างสะอาด คนเป็นโรคภูมิแพ้ก็อย่าวนี้ มีฝุ่นนิดหน่อยก็อาการไม่ดีแล
กฎของห้องพักรวมในโรงพยาบาลทุกโรงพยาบาลคือห้ามญาติอยู่เฝ้า ยกเว้ยว่าคนไข้คนนั้นจะมีอาการที่ย่ำแย่มากจนไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้และปล่อยให้อยู่คนเดียวจะเกิดอันตราย น้องสาวของภูริไม่ได้เป็นหนักถึงขั้นที่จะได้รับการยกเว้น ดังนั้นเขาก็จำเป็นต้องกลับบ้านเมื่อหมดเวลาเยี่ยมไข้ภูริไม่ไปไหน ภูฟ้าก็ไม่อยากให้ภูริไป แต่ก็เท่านั้นแหละ สุดท้ายแล้วสองพี่น้องก็ต้องร่ำรากัน ภูริจะมาหาพรุ่งนี้ถ้าเขาว่าง หรือเลิกงานไม่ดึก ใบหน้าที่ประดับรอยยิ้มนิดๆ ของภูริทำให้น้องสาวสบายใจ แม้ว่าข้างในของเขาจะไม่มั่นใจเลยว่าพรุ่งนี้จะไม่โดนอะไรอีธานเดินนำออกมาก่อน ช่วงเวลาของสองพี่น้องเขาก็ไม่อยาจะเข้าไปยุ่งเท่าไหร่ รอบกายเขาไม่มีใครเพราะทุกคนกลัวที่จะเฉียกเข้ามาใกล้ อีธานเห็นญาติที่มาเฝ้าไข้ต่างรีบกันขึ้นลิฟต์ อัดเข้าไปแน่นๆ แล้วหายไปจากสาตาของเขา หน้าลิฟต์ของโรงพยาบาลจึงมีแค่อีธานคนเดียวในตอนนี้“ขอโทษที่ให้รอครับ” ภูริสีหน้าไม่ดีเลย อีธานพยักหน้ารับแล้วเดินไปกดเรียกลิฟต์“ทำไมไม่ให้น้องพักห้องพิเศษล่ะ” อีธานถาม ลิฟต์ที่เรียกก็มาถึงตรงหน้าพวกเขาพอดี“ห้องพักรวมแบบนั้นน่ะมันมีเ
เป็นค่ำคืนที่มืดหม่นจริงๆ กลับมาจากทานอาหหาร ภูริขอตัวอาบน้ำอาบท่าแล้วกลับมาล้มตัวลงบนที่นอนบนพื้นห้อง เขามีอาการร้อนๆ หนาวๆ ความอยากกระหายเพิ่มพูนขึ้นเมื่อมีแอลกอฮอล์เข้ามาอยู่ในเส้นเลือด รู้เลยว่าตัวเองกำลังจะฮีตแต่...เขาไม่มีกะจิตกะใจจริงๆฟีโรโมนที่แผ่กระจายมาจากร่างของภูริค่อยๆ ฟุ้งไปทั่วทั้งห้อง อีธานพยายามเมินเฉยมันในตอนแรกที่ได้กกลิ่น แต่ได้ไม่นาน ส่วนนั้นของเขาเริ่มตื่นตัวเมื่อมองไปที่ร่างโปร่งบนพื้น ภูรินอนคว่ำหน้า ผ้าก็ไม่ห่ม เสื้อผ้าที่ภูริใส่นอนนั้นเป็นเพียงเสื้อยืดธรรมดากับกางเกงบอล มันลู่ไปตามร่างกายจนเห็นสัดส่วนได้ชัดเจน เห็นแม้กรั่งว่าอีกฝ่ายไม่ได้ใส่ชั้นในนอนใจจริงอยากจะกระโจนเข้าไปจับร่างภูริพลิกนอนหงายแล้วเสียบซะให้รู้แล้วรู้รอด เป็นถึงอัลฟ่าระดับสูง จำเป็นต้องมาทนกับฮอโมนที่พลุ่งพล่านเหล่านี้ไหม อีกอย่าง ที่เขาอยากมากขนาดนี้ก็เพราะภูรินั่นแหละที่มีกลิ่นตัวยั่วเยวนเขาเหลือเกินแต่อีธานกระทำการลามกกับภูริแค่ในความคิด เขาสลัดหัวสองสามทีเมื่อยิ่งจินตนาการก็ยิ่งอยากทำจริงๆ มากขึ้นเป็นทวี เขาตัดสินไปอาบน้ำอาบท่า กะว่าอาบอย่างเดียวแต่ไม่พ้นสำเร็จโ
ภูริให้แม่ค้าเจาะกาแฟถุงตัวเองมาเลย ในขณะที่อีกถุงนั้นสอดหลอดเอาไว้ให้อีธานได้เจาะเอาเอง ภูริแอบติดกาแฟ...เขาชอบรสชาติหวานปนขมของมันมาก เคยมีคนบอกว่ากาแฟถูกๆ มันไม่หอม มันไม่อร่อยเท่ากับกาแฟพันธุ์ดี แต่ภูริก็ว่ากาแฟที่เขากินมันหอมนะ...เข้มถึงใจ ตาค้างไปยันเย็นเลยล่ะ แค่อึกเดียวความมืดหม่นที่พอจะหลงเหลืออยู่ของเขาก็หายไปเป็นไง...ยาวิเศษชัดๆกลับเข้ามาในรถอีกครั้ง เขาก็กะว่าจะแซวที่ประธานเคยด่ากาแฟถุงว่ารสชาติมันห่วยแตก น่าจะเอาไปทิ้งแทนที่จะเอาไปกิน แต่ไหงชอบแย่งเขาทุกวัน วันนี้ยังให้ซื้อเผื่ออีก แต่ก็เก็บคำเอาไว้เพราะอีธานกำลังคุยโทรศัพท์กับใครบางคนอยู่“ครับ ยังไงผมก็ต้องขอโทษคุณวิด้วย...”เสียงหวานมาก ยิ่งเสียงที่ลอดออกมาเป็นเสียงผู้หญิงภูริก็เข้าใจได้ในทันทีอย่างว่า ผู้ชายหล่อรวยขนาดนี้จะไม่มีหญิงเข้ามาหามันเป็นไปไม่ได้เว้ย เหมือนเขาไง...เขาหล่อขาดแค่รวย แต่ไม่รยสาวก็ตรึมนะครับ เขาว่ากันว่า คารมเป็นต่อรูปหล่อเป็นรอง ยิ่งลีลาดีด้วยแล้ว...หึหึ สาวไหนก็ติด ท่านประธานยังติดเลยคิดเอาเถอะอีธานยังคงคุยกับคนในสายแม้ว่าภูริจะลงรถที่หน้าบริษัท วันนี้ไม
การมองทุกอย่างผ่านกล้องวงจรปิดมันก็ดีที่ได้เห็นว่าทุกคนคนทำตัวอย่างไร ปฏิบัติต่อกันแบบไหน แล้วการทำงานของแต่ละคนมันเป็นยังไง แต่นั่นมันยังลงลึกไม่มากพอ มันมีแค่ภาพ และภาพก็สามารถลวงตาคนเราได้เสมอ แค่เปลี่ยนมุม...ก็อาจกลายเป็นอีกความหมายในความเป้นจริงได้ดังนั้น...อีธานจึงส่งคนเข้าไปปะปนอยู่ในแผนกของภูริเขาเพิ่งเริ่มส่งคนไปวันนี้ บวกกับภาพจากล้องวงจรปิด เขาได้รู้อะไรเยอะขึ้น ไม่ใช่แค่ภาพที่อลันเอามารายงานเขาเพียงอย่างเดียว แต่ที่เมื่อเที่ยงเขาโทรไปหาภูรินั้นก็เพราะว่าดันไปเจอช๊อตนั้นเข้าพอดีน่ะสิ เขายอมไม่ได้ที่จะให้ภูริใช้ร่างกายที่เขากอดอยู่ทุกวันนี้กับคนอื่น เขาก็เลยเข้าไปป่วนแม่งซะเลย เกี่ยวกับตัวเองไหมไม่รู้ รู้แต่ภูริเป็นคู่ของเขาและเขาไม่ต้องการจะให้ภูริไปมีสัมพันธ์กับใครทั้งนั้น“ท่านไม่จำเป็นต้องทำขนาดนี้เพื่อจะตามติดชีวิตโอเมก้าเพียงคนเดียว” อลันเอ่ยขณะที่ส่งเอกสารให้อีธานเซ็น งานเขาเยอะ...และเขาก็เบื่อชะมัด“โอเมก้าคนนั้นเป็นคู่ของผม”“เป็นคู่ที่ไม่ได้ตั้งใจนี่ครับ เดี๋ยวห้องวิจัยของเราก็สร้างยาแก้ได้ เมื่อถึงเวลานั้นท่านก็จะไม่ต้องไปยุ่
อีธานสั่งให้ลูกน้องของเขาเฝ้าจับตาดูต่อไป เก็บเกี่ยวคำพูดและการกระทำของเหล่าพนักงานเอาไว้ให้มากที่สุดแล้วทำรายงานอย่างละเอียดเพื่อส่งให้เขา ทุกคนขานรับเป็นอย่างดี ถ้าจะบอกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมันกระทบอะไรบริษัทตรงไหน...แน่นอน มันเยอะทีเดียว ทั้งภาพลักษณ์บริษัท คุณภาพคนและที่สำคัญ...มันผิดกฎอีธานจะไม่มานั่งนึกว่าตัวเองผิดกฎที่ทำอะไรรุ่มร่ามในบริษัทตัวเอง จะว่ายังไงก็ช่าง เรื่องของเขาเป็นเรื่องยกเว้น คนอื่นไม่มีสิทธิ์ได้รับอภิสิทธิ์เทียบเท่ากับผู้บริหารอย่างเขาเด็ดขาด อีกอย่าง...ดูยังไงคนที่โดนกระทำก็ไม่ได้เต็มใจ!จัดการงานตัวเองเรียบร้อยเขาก็ไม่รีรอที่จะลงไปหาภูริ วันนี้เขามีนัดทานอาหารค่ำกับลูกค้าแต่เขาได้ขอยกเลิกไปตั้งแต่เช้าโดยอ้างว่าติดธุระสำคัญ ซึ่งอันที่จริงก็ไม่ได้สำคัญถึงขนาดนั้นหรอก เขาแค่จะพาภูริไปรับน้องสาวกลับบ้านเท่านั้นเองแผนกของภูริยังมีคนทำงานอยู่หลายคน อีธานมองเห็นร่างโปร่งของภูริตั้งแต่ประตูลิฟต์เปิดออก อีกฝ่ายกำลังก้มหน้าก้มตาอ่านเอกสารพร้อมกับพิมพ์บางอย่างลงคอมพ์ด้วยความไว อีกฝากหนึ่งมีคนกำลังเดินผ่านโต๊ะของภูริ อีธานไม่ได้ให้ความสนใจเพราะเขากำ
บริษัทยายักษ์ใหญ่ขึ้นข่าวหน้าหนึ่งในหนังสือพิมพ์เรื่องการบริหารจัดการกับเหล่าผู้คนที่แตกต่างด้านเพศสภาพ อีธานถูกยกย่องให้เป็นผู้บริหารหน้าใหม่ไฟแรงที่มีทัศนะคติดี มองการไกลและให้ความเท่าเทียมกับอัลฟ่า เบต้า หรือแม้กระทั่งชนชั้นที่ต่ำสุดอย่างโอเมก้า ชื่อของบริษัทถุกยกย่องให้เป็นบริษัทต้นแบบในการบริหารผู้คนที่แตกต่าง และจัดการกับการเหลื่อมล้ำที่มีอยู่ในสังคมในหน้าสัมภาษณ์ อีธานกล่าวว่า...ทุกชนชั้นล้วนเป็นมนุษย์เหมือนกัน แต่ละคนมีความสามารถที่อาจจะด้อยกว่ากันบ้างในบางเรื่อง แต่มีเรื่องด้อยก็ต้องมีเรื่องเด่น เพราะงั้นจะแค่มุมด้อยของเขามาตัดสินมันทั้งชนชั้นไม่ได้ คุณต้องมองมันให้เป็นรายบุคคลและเข้าใจถึงธรรชาติของชนชั้นนั้นๆด้วยความเป็นอัลฟ่าระดับสูง รูปร่าง หน้าตาและฐานะ อีธานกลายเป็นที่จับตามองของสาวน้อยสาวใหญ่ ความสุขุมและเบดกายของเขากลบคำที่ว่าผู้บริหารบริษัทยามันต้องเนิร์ด สวมแว่นและดูแก่หงำเหงือกไปอย่างสิ้นเชิงหญิงสาวหรือแม้แต่ชายหนุ่มที่อ่านข่าวนล้วนจับตามองถึงเรื่องคู่ครอง อีธานกล่าวว่าตัวเขานั้นยังไม่มีใคร ยังไม่เจอคู่แท้ และยังไม่เจอคนที่ถูกใจจริงๆ ตอนนี้
เรื่องราวระหว่างคนสองคนที่เกิดขึ้นด้วยความไม่ได้ตั้งใจเดินทางมาถึงจุดสุดท้าย...แรกเริ่มเดิมทีอีธานก็ไม่ได้ต้องการมีคู่แห่งโชคชะตาอยู่แล้ว การตัดสินใจมันเริ่มตั้งแต่ครั้งแรกที่เขาสั่งให้ทีมวิจัยค้นคว้าตัวยาเพื่อแก้คู่แท้ วันที่รู้ว่าตัวเองจะมีคู่ครอง...เขาไม่โอเคกับมันจริงๆ ที่ผ่านมาภูริแสดงให้เห็นแล้วว่าตัวเองไม่ได้แย่ถึงขนาดเป็นคู่ครองของใครไม่ได้ แต่อีธานก็ไม่คิดจะล้มเลิกความตั้งใจของตัวเองอยู่ดีอุดมการณ์เขามั่นคงพอๆ กับการซื่อสัตย์ต่อตัวเอง อีธานไม่ได้รักภูริ เราอยู่ด้วยกันเหมือนเพื่อนร่วมเตียง มีเซ็กซ์กัน ไปทำงานด้วยกัน กินข้าวเช้า กลางวันเย็นด้วยกัน กลับบ้านด้วยกัน การดูแลเล็กๆ น้อยๆ ระหว่างเรามันเป็นเพียงไมตรีจากคนหนึ่งสู่คนหนึ่งเมื่อหนังผีเรื่องนั้นจบลง อีธานและภูริก้เดินออกมาด้วยสีหน้าที่แตกต่างกันไป ภูริน่ะตื่นเต้นกับหนัง ดูก็รู้ว่าเขาแฮปปี้กับช่วงเวลาชั่วโมงครึ่งที่ผ่านมามากแค่ไหน เขาไม่ค่อยได้มาดูหนังนี่นะ พอเจอหนังดีโดนใจก็เลยปลื้มปริ่ม แต่คนที่คิดว่าจะพามาตกใจเล่นกลับเอาแต่นั่งกอดเขานิ่ง ไม่สะดุ้งกับหนังเลยแม้แต่นิดเดียว...อีธานมองหน้าภูร
“วันนี้เงินเดือนออกหนิ” อีธานเอ่ยขึ้นขณะต่างคนต่างลงจากรถหลังการปรับเปลี่ยนกฎและโยกย้ายตำแหน่งพนักงานได้ไม่กี่วัน ภูริก็กลับมาทำงานทั้งที่ยังไม่หายดี เขามีรอยช้ำอยู่ตามตัวแต่มันก็ไม่ได้เจ็บปวดอะไร การนอนอยู่ห้องอีธานเฉยๆ คอยทำความสะอาด จัดนู้นจัดนี่แล้วก็ดูทีวีไปวันๆ มันก็ดี แต่เขาก็กลัวว่าเงินเดือนจะไม่พอใช้เลยรีบกลับมาทำงานอีธานไม่พอใจใหญ่เลย ไม่พอใจที่เขาดื้อไม่ฟัง อีธานบอกให้เขารักษาตัวเองให้หายดีก่อน เขาไม่หายดีตรงไหน? ขึ้นโยกได้นี่ก็ถือว่าร่างกายแข็งแรงสุดๆ แล้ว เพราะงั้นคำบ่นอีธานจึงตกไปเมื่อภูริมีเป้าหมายที่ชัดเจนพอกลับมาทำงาน ด้วยไม่มีใครมาขัดขวางเหมือนเมื่อก่อน ภูริจึงออกงานนอกเยอะขึ้น เขาสามารถทำยอดได้เกินเป้าในทุกๆ การขาย ด้วยรอยยิ้ม ด้วยไมตรี เมื่อก่อนภูริขายของเก่งอยู่แล้ว ตอนนี้ได้โชว์ศักยภาพของตัวเองเต็มที่ขึ้นไปอีก ไม่แปลกเลยที่ผลการทำงานในเดือนนี้ของเขาจะดีเกิดคาดไปไกลอีธานยังแปลกใจเลยคิดดูเถอะ ไอ้กระจอกคนนี้ไม่กระจอกนะเว้ย เพื่อปากท้องทั้งสาม ของตัวเอง แม่และน้อง ทำให้ภูริเป็นคนขยัน อืม...เขาขยันเป็นเรื่องปกตินะ เมื่อก่อนก็ขยัน ตอนน
ภูริอุ่นอาหาร เทมันใส่จานแล้วก็เอามาเสิร์ฟ ตามด้วยน้ำเปล่าเย็นๆ เป็นการปิดท้ายก่อนเดินมานั่งข้างๆ แล้วเริ่มทานมื้อเที่ยง ภูริไม่ได้ถาม ไม่ได้ชวนคุยอะไร ต่างคนต่างกินไปเรื่อยๆ จนกระทั่งมันหมดบอกความจริงให้หนึ่งอย่าง...ภูริไม่ได้มารยาทดีแต่โคตรหิว!คือเมื่อเช้ามันตื่นไมไหวก็เลยนอนลากยาวมานี่แหละเที่ยงวัน น้ำท่าก็ไม่อาบ แค่ล้างหน้าแปรงฟันให้เรียบร้อย กินยาก่อนอาหาร ยาระงับฟีโรโมนแล้วถึงมาอุ่นข้าว ท้องเขาแม่งถือป้ายร้องประท้วงกันเย้วๆ ตอนที่กลิ่นอาหารแม่งลอยออกมาจากตู้อบ อารมณ์แบบ...กินเลยไม่รอร้อนได้ไหมวะ แต่จะให้กินอาหารเย็นๆ มันก็ไม่อร่อย ดังนั้นเพื่อรสชาติที่ดีเขาต้องรออีกนิสสสสแล้วพอกำลังจะอิ่มหนำสำราญใจกับอาหารเที่ยงควบมื้อเช้าอีธานก็ดันโพล่มา ด้วยการเป็นคนดีโลกจดจำ ภูริก็เลยต้องบริการอุ่นและเสิร์ฟอาหารให้เจ้าของห้อง เคยได้ยินไหม อยู่บ้านท่านอย่างนิ่งดูดาย ปั้นวัว ปั้นควายให้ลูกท่านเล่นน่ะ แค่อีธานไม่มีลูก ภูริเลยไม่ได้โชว์สกิวปั้นดินที่แสนจะห่วยแตกสมัยเรียนอาจารย์วิชาศิลปะนี่กุมขมับเลยนะ เพราะให้ทำอะไรก็เละเทะไม่มีชิ้นดี
เช้าวันนี้อีธานตื่นเร็วกว่าปกติ เขามีการประชุมใหญ่รออยู่ในช่วงเช้าเพราะหัวหน้าของหลายแผนกถูกจับ โดยเฉพาะหัวหน้าแผนกที่มีความสำคัญมากอย่างเซลล์ ซีอีโอบางคนก็หลุดออกจากตำแหน่งไปเตรียมตัวขึ้นศาลข้อหาฉ้อโกงเรียบร้อย เรียกว่าวันนี้งานอีธานค่อนข้างจะเยอะเลยทีเดียว เพราะงั้นจึงสายไม่ได้ร่างสูงค่อยๆ ลุกจากที่นอนเพื่อไม่ให้ภูริตื่น ที่จริงแล้วภูรินอนพื้นนั่นแหละ แต่อีธานอุ้มขึ้นมานอนด้วยกันตอนอีกฝ่ายหลับสนิทไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ภูริบาดเจ็บอยู่ เขาอยากให้ภูรินอนอย่างสบายบ้างก็เท่านั้นเอง ไม่มีอะไรมากกว่านั้นแน่ๆไม่ได้ชอบการนอนกอดภูริเลยแม้แต่นิดเดียว!ก็นะ...นั่นเป็นข้ออ้างที่เขาพยายามยัดมันใส่หัวตัวเอง เพื่อปฏิเสธความรู้สึกที่แท้จริง ภูริทำให้อีธานได้เรียนรู้อะไรหลายๆ อย่างมันก็ใช่ แต่ความตั้งใจเดิมของอีธานไม่ได้เปลี่ยนไป เขายังไม่อยากมีคู่เป็นโอเมก้าอยู่ดีนี่มันอยู่คนละส่วนกับการดูถูกชนชั้นอื่น เป็นแค่ความต้องการส่วนตัวที่ฝังรากลึกมานานเป็นสิบปี ระยะเวลาเหล่านั้นมันพังครืนลงไม่ได้ง่ายนัก ต่อให้อีกฝ่ายจะไม่ให้โอเมก้าแต่กำเนิดก็ตามที“เหวย...วันนี้ตื่นก
ปลายกระบอกมือสีเงินแวววาวจรดลงที่ขมับของอัลฟ่าผู้คร่อมทับร่างภูริ อีธานโพล่มาถึงตรงนี้ได้โดยที่คนอื่นไม่รับรู้เลยแม้แต่น้อย เขาปล่อยให้พวกนี้รู้ว่าเขาเข้ามาใกล้ก็ตอนที่เอาปืนจ่อหัวพวกเรียบร้อยพลังควบคุมคนตามธรรมที่อีธานมีนั้นเขาสามารถควบคุมมันได้ จะใช้มากใช้น้อยหรือไม่ใช้เลยเขาก็ทำได้ อย่างตอนเดินเข้ามาก็ไม่ใช้...ค่อยๆ ย่องประชิดเพื่อไม่ให้ใครไหวตัวทัน และตอนนี้เขาก็เริ่มที่จะใช้ความสามารพิเศษทางสายเลือดของตัวเองกดดันพวกปลายแถวเหล่านี้ราวกับมีมือที่มองไม่เห็นมาบีบคอเอาไว้ อัลฟ่าชั้นล่างทั้งสี่ต่างไม่กล้าขยับเขยื้อนแม้ว่าจะยังไม่เห็นปืนกระบอกงามในมือของอีธานด้วยซ้ำ ความหวาดกลัวที่เอ่อท้นขึ้นมานี่คงไม่ต่างอะไรกับการยืนเผชิญหน้าจ่าฝูงผู้แข่งแกร่งเท่าไหร่นัก“ลุกออกมา” อีธานเอาปลายกระบอกปืนดันหัวคนที่คร่อมภูริอยู่ มันค่อยๆ ขยับแล้วออกมาคุกเข่าอยู่ข้างๆ ร่างโปร่งพอเห็นว่าคนที่เข้ามาเป็นอีธาน ภูริก้รีบลุกขึ้นยืนอย่างโซซัดโซเซ เข้งขาไม่มีเรี่ยวไม่มีแรง ทั้งยังขวัญหนีดีฟ่อจากการที่โดนจู่โจม นัยน์สีดำคู่นั้นเคลือบไปด้วยหยาดน้ำ...ภูริดึงผ้าที่อุดปากตัวเองออกแล้ว
จนแล้วจนรอดอีธานก็ไม่ได้ให้นาฬิกากับภูริ ในเมื่ออีกฝ่ายทำเหมือนไม่คิดอะไรเขาก็จะทำบ้าง พาไปเลี้ยงข้าว กลับบ้านอาบน้ำอาบท่าแล้วก็แยกย้ายกันนอน ซึ่งก่อนนอนก็มักมีกิจกรรมที่เสื้อผ้าไม่เกี่ยวเกิดขึ้นมันเป็นแบบนั้นเสมอ...แล้วก็แยกย้ายกันไปนอนที่ใครที่มันจากแผนที่อีธานขอให้วิชุตาช่วยเหลือ ในที่สุดก็มาถึงได้เสียที หลัจากปล่อยให้เหตุการณ์อันย่ำแย่ในออฟฟิตของเขาดำเนินต่อมาอีกหลายวัน เมื่อวานนี้เงินภูริออก อีธานได้ขอก๊อปปี้สลิปเงินเดือนมาจากอลันภูริมีโอทีแค่ห้าชั่วโมงทั้งที่ทำโอแม่งเกือบทุกวัน ค่าคอมพ์มีแต่น้อยกว่าที่คาด ก็คงไม่มีอะไรให้เถียงสำหรับค่าคอมพ์ ภูริเพิ่งออกงานนอกตอนเลยกลางเดือนมาแล้วและแค่ไม่กี่เจ้าเท่านั้น โดยรวมภูริก็ได้เงินไม่มากอยู่ดีหลังเลิกงานอีธานมีนัดกับวิชุตาเพื่อดูของที่เธอได้รับจากการสั่งซื้อด่วนเมื่อไม่กี่วันก่อน เขาให้ภูริไปรอที่ห้างสรรสินค้าใกล้ๆ เสร็จธุระแล้วถึงจะไปรับ ภูริเป็ฯคนง่าย...อะไรก็ได้จึงยอมไปไม่ใช่อะไร...มีหนี้ต้องเคลียร์ใบออเดอร์และของอยู่ตรงหน้าเขา ข้างซ้ายมีวิชุตาและข้างขวาเป็นอลัน พวกเขากำลังตรวจสอบนัมเบ
ออกมาจากบริษัทตอนเก้าโมงกว่า เจอลูกค้าตอนสิบโมงครึ่งจนตอนนี้เที่ยงสิบห้างานเพิ่งเสร็จ ภูริปิดการขายได้อย่างสวยงามและยอดขายรอบนร้ก็เป็นที่น่าภูมิใจสุดๆ นึกถึงคำพูดอีธานตอนแรกๆ ที่เจอกันขึ้นมาเลยแฮะ ที่หาว่าเขาเป็นคนไร้มารยาท ทำตัวแบบนี้เป็นเซลล์ไดยังไง หึหึ อยากให้มาเห็นผลงานเขาหน่อยจะได้ถอนคำพูดพวกนั้นทิ้งไป เขามีความเป็นนักขายนะเว้ย แต่แค่...เลือกปฏิบัติต่อคนอะนะในห้างสรรพสินค้าที่ลูกค้านัดมานั้นมาของกินเยอะแยะมากมาย เหมือนมีการจัดบูธขายอาหารไทยมากมาย เรียงกันเป็นตับ เห็นแล้วท้องร้องหนักมาก ร้องว่าจะกินจะกินจะกิน ติดอย่าง...ติดเงินภูริได้ค่าน้ำมันมาห้าร้อย เขาเติมทั้งห้าร้อยเลยเพราะว่าใบเสร็จนี่ต้องส่งกลับให้บริษัท เคยได้ยินมาว่ามันโกงค่าน้ำมันได้ อย่างเติมสามร้อยแล้วให้เขาออกใบเสร็จเป็นห้าร้อยแลกกับทิปเล็กๆ น้อยๆ แต่ภูริไม่เคยทำ แค่ได้ยินเขาเล่าๆ กัน ส่วนใบเซอร์นี่ก็โกงได้...แค่อันตรายหน่อยหากโดนจับได้ล่ะนะเรื่องโกงกินอะไรพวกนี้ตัดออกไปจากหัวภูริได้เลย สมองเขาคิดแค่จะหมุนเงินยังไงให้มันชนเดือนโดยไม่ต้องไปหยิบยืมใครเขา การเป็นหนี้มันเป็นลาภอันประเสริฐนะ ถ้า
คำว่าน้อยใจของภูริมีผลต่ออีธานมากกว่าที่ภูรินึกเอาไว้...พอกลับมาที่ห้องแล้วอีธานก็สั่งให้ภูริไปเปลี่ยนเสื้อผ้าใส่สบายๆ สักตัว เป็นชุดนอนปกติของตัวเองก็ได้แล้วมานอนที่เตียง หมอเพิ่งให้กินยาก็ต้องนอนพักผ่อน ซึ่งการที่อีธานให้นอนเตียงเนี่ยทำเอาภูริยืนจ้องหน้าอีกฝ่ายไปเป็นนาที“ผีเข้าปะ?” คิดออกแค่นั้นอีธานทำเหมือนคำพูดของภูริมันไร้สาระเกินกว่าจะตอบ เดินหนีไปอาบน้ำอาบท่าปล่อยให้ภูริเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วขึ้นไปนอน ออกมาก็เจอภูรินอนซุกตัวใต้ผ้าห่ม หลับตาพริ้มดูมีความสุข น่าแปลก...เห็นภูริมีความสุขแล้วอีธกานก็พลอยมีความสุขไปด้วยอีธานขึ้นนอนข้างๆ ภูริ ต่างคนต่างนอนหลับไปทั้งที่มันเพิ่งจะเป็ฯเวลาเที่ยงวัน นอไปนอนมาภูริก็คว้าเอวอีธานมากอด ซุกแขนล่ำๆ นั้นแล้วหลับน้ำลายยืด คนรู้สึกตัวไวแอบลืมตามก่อนจะหลับไปโดยไม่ว่าหรือไล่ให้เอาหน้าออกไปจากแขนตนบ่ายอีธานทำอาหารให้ภูริกิน แต่ภูริอยากจะเอาอาหารเมื่อวานนี้ไปอุ่น ไม่มีคำอธิบายหรอก แล้วก็รู้ว่าอีธานไม่ยอมทำก็เลยเอาเข้าไมโครเวฟเอง เผอิญว่าเตาอบของอีธานนั้นเป็นเตาอบเครื่องใหญ่ ไม่ใช่ไ