กฎของห้องพักรวมในโรงพยาบาลทุกโรงพยาบาลคือห้ามญาติอยู่เฝ้า ยกเว้ยว่าคนไข้คนนั้นจะมีอาการที่ย่ำแย่มากจนไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้และปล่อยให้อยู่คนเดียวจะเกิดอันตราย น้องสาวของภูริไม่ได้เป็นหนักถึงขั้นที่จะได้รับการยกเว้น ดังนั้นเขาก็จำเป็นต้องกลับบ้านเมื่อหมดเวลาเยี่ยมไข้
ภูริไม่ไปไหน ภูฟ้าก็ไม่อยากให้ภูริไป แต่ก็เท่านั้นแหละ สุดท้ายแล้วสองพี่น้องก็ต้องร่ำรากัน ภูริจะมาหาพรุ่งนี้ถ้าเขาว่าง หรือเลิกงานไม่ดึก ใบหน้าที่ประดับรอยยิ้มนิดๆ ของภูริทำให้น้องสาวสบายใจ แม้ว่าข้างในของเขาจะไม่มั่นใจเลยว่าพรุ่งนี้จะไม่โดนอะไร
อีธานเดินนำออกมาก่อน ช่วงเวลาของสองพี่น้องเขาก็ไม่อยาจะเข้าไปยุ่งเท่าไหร่ รอบกายเขาไม่มีใครเพราะทุกคนกลัวที่จะเฉียกเข้ามาใกล้ อีธานเห็นญาติที่มาเฝ้าไข้ต่างรีบกันขึ้นลิฟต์ อัดเข้าไปแน่นๆ แล้วหายไปจากสาตาของเขา หน้าลิฟต์ของโรงพยาบาลจึงมีแค่อีธานคนเดียวในตอนนี้
“ขอโทษที่ให้รอครับ” ภูริสีหน้าไม่ดีเลย อีธานพยักหน้ารับแล้วเดินไปกดเรียกลิฟต์
“ทำไมไม่ให้น้องพักห้องพิเศษล่ะ” อีธานถาม ลิฟต์ที่เรียกก็มาถึงตรงหน้าพวกเขาพอดี
“ห้องพักรวมแบบนั้นน่ะมันมีเ
เป็นค่ำคืนที่มืดหม่นจริงๆ กลับมาจากทานอาหหาร ภูริขอตัวอาบน้ำอาบท่าแล้วกลับมาล้มตัวลงบนที่นอนบนพื้นห้อง เขามีอาการร้อนๆ หนาวๆ ความอยากกระหายเพิ่มพูนขึ้นเมื่อมีแอลกอฮอล์เข้ามาอยู่ในเส้นเลือด รู้เลยว่าตัวเองกำลังจะฮีตแต่...เขาไม่มีกะจิตกะใจจริงๆฟีโรโมนที่แผ่กระจายมาจากร่างของภูริค่อยๆ ฟุ้งไปทั่วทั้งห้อง อีธานพยายามเมินเฉยมันในตอนแรกที่ได้กกลิ่น แต่ได้ไม่นาน ส่วนนั้นของเขาเริ่มตื่นตัวเมื่อมองไปที่ร่างโปร่งบนพื้น ภูรินอนคว่ำหน้า ผ้าก็ไม่ห่ม เสื้อผ้าที่ภูริใส่นอนนั้นเป็นเพียงเสื้อยืดธรรมดากับกางเกงบอล มันลู่ไปตามร่างกายจนเห็นสัดส่วนได้ชัดเจน เห็นแม้กรั่งว่าอีกฝ่ายไม่ได้ใส่ชั้นในนอนใจจริงอยากจะกระโจนเข้าไปจับร่างภูริพลิกนอนหงายแล้วเสียบซะให้รู้แล้วรู้รอด เป็นถึงอัลฟ่าระดับสูง จำเป็นต้องมาทนกับฮอโมนที่พลุ่งพล่านเหล่านี้ไหม อีกอย่าง ที่เขาอยากมากขนาดนี้ก็เพราะภูรินั่นแหละที่มีกลิ่นตัวยั่วเยวนเขาเหลือเกินแต่อีธานกระทำการลามกกับภูริแค่ในความคิด เขาสลัดหัวสองสามทีเมื่อยิ่งจินตนาการก็ยิ่งอยากทำจริงๆ มากขึ้นเป็นทวี เขาตัดสินไปอาบน้ำอาบท่า กะว่าอาบอย่างเดียวแต่ไม่พ้นสำเร็จโ
ภูริให้แม่ค้าเจาะกาแฟถุงตัวเองมาเลย ในขณะที่อีกถุงนั้นสอดหลอดเอาไว้ให้อีธานได้เจาะเอาเอง ภูริแอบติดกาแฟ...เขาชอบรสชาติหวานปนขมของมันมาก เคยมีคนบอกว่ากาแฟถูกๆ มันไม่หอม มันไม่อร่อยเท่ากับกาแฟพันธุ์ดี แต่ภูริก็ว่ากาแฟที่เขากินมันหอมนะ...เข้มถึงใจ ตาค้างไปยันเย็นเลยล่ะ แค่อึกเดียวความมืดหม่นที่พอจะหลงเหลืออยู่ของเขาก็หายไปเป็นไง...ยาวิเศษชัดๆกลับเข้ามาในรถอีกครั้ง เขาก็กะว่าจะแซวที่ประธานเคยด่ากาแฟถุงว่ารสชาติมันห่วยแตก น่าจะเอาไปทิ้งแทนที่จะเอาไปกิน แต่ไหงชอบแย่งเขาทุกวัน วันนี้ยังให้ซื้อเผื่ออีก แต่ก็เก็บคำเอาไว้เพราะอีธานกำลังคุยโทรศัพท์กับใครบางคนอยู่“ครับ ยังไงผมก็ต้องขอโทษคุณวิด้วย...”เสียงหวานมาก ยิ่งเสียงที่ลอดออกมาเป็นเสียงผู้หญิงภูริก็เข้าใจได้ในทันทีอย่างว่า ผู้ชายหล่อรวยขนาดนี้จะไม่มีหญิงเข้ามาหามันเป็นไปไม่ได้เว้ย เหมือนเขาไง...เขาหล่อขาดแค่รวย แต่ไม่รยสาวก็ตรึมนะครับ เขาว่ากันว่า คารมเป็นต่อรูปหล่อเป็นรอง ยิ่งลีลาดีด้วยแล้ว...หึหึ สาวไหนก็ติด ท่านประธานยังติดเลยคิดเอาเถอะอีธานยังคงคุยกับคนในสายแม้ว่าภูริจะลงรถที่หน้าบริษัท วันนี้ไม
การมองทุกอย่างผ่านกล้องวงจรปิดมันก็ดีที่ได้เห็นว่าทุกคนคนทำตัวอย่างไร ปฏิบัติต่อกันแบบไหน แล้วการทำงานของแต่ละคนมันเป็นยังไง แต่นั่นมันยังลงลึกไม่มากพอ มันมีแค่ภาพ และภาพก็สามารถลวงตาคนเราได้เสมอ แค่เปลี่ยนมุม...ก็อาจกลายเป็นอีกความหมายในความเป้นจริงได้ดังนั้น...อีธานจึงส่งคนเข้าไปปะปนอยู่ในแผนกของภูริเขาเพิ่งเริ่มส่งคนไปวันนี้ บวกกับภาพจากล้องวงจรปิด เขาได้รู้อะไรเยอะขึ้น ไม่ใช่แค่ภาพที่อลันเอามารายงานเขาเพียงอย่างเดียว แต่ที่เมื่อเที่ยงเขาโทรไปหาภูรินั้นก็เพราะว่าดันไปเจอช๊อตนั้นเข้าพอดีน่ะสิ เขายอมไม่ได้ที่จะให้ภูริใช้ร่างกายที่เขากอดอยู่ทุกวันนี้กับคนอื่น เขาก็เลยเข้าไปป่วนแม่งซะเลย เกี่ยวกับตัวเองไหมไม่รู้ รู้แต่ภูริเป็นคู่ของเขาและเขาไม่ต้องการจะให้ภูริไปมีสัมพันธ์กับใครทั้งนั้น“ท่านไม่จำเป็นต้องทำขนาดนี้เพื่อจะตามติดชีวิตโอเมก้าเพียงคนเดียว” อลันเอ่ยขณะที่ส่งเอกสารให้อีธานเซ็น งานเขาเยอะ...และเขาก็เบื่อชะมัด“โอเมก้าคนนั้นเป็นคู่ของผม”“เป็นคู่ที่ไม่ได้ตั้งใจนี่ครับ เดี๋ยวห้องวิจัยของเราก็สร้างยาแก้ได้ เมื่อถึงเวลานั้นท่านก็จะไม่ต้องไปยุ่
อีธานสั่งให้ลูกน้องของเขาเฝ้าจับตาดูต่อไป เก็บเกี่ยวคำพูดและการกระทำของเหล่าพนักงานเอาไว้ให้มากที่สุดแล้วทำรายงานอย่างละเอียดเพื่อส่งให้เขา ทุกคนขานรับเป็นอย่างดี ถ้าจะบอกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมันกระทบอะไรบริษัทตรงไหน...แน่นอน มันเยอะทีเดียว ทั้งภาพลักษณ์บริษัท คุณภาพคนและที่สำคัญ...มันผิดกฎอีธานจะไม่มานั่งนึกว่าตัวเองผิดกฎที่ทำอะไรรุ่มร่ามในบริษัทตัวเอง จะว่ายังไงก็ช่าง เรื่องของเขาเป็นเรื่องยกเว้น คนอื่นไม่มีสิทธิ์ได้รับอภิสิทธิ์เทียบเท่ากับผู้บริหารอย่างเขาเด็ดขาด อีกอย่าง...ดูยังไงคนที่โดนกระทำก็ไม่ได้เต็มใจ!จัดการงานตัวเองเรียบร้อยเขาก็ไม่รีรอที่จะลงไปหาภูริ วันนี้เขามีนัดทานอาหารค่ำกับลูกค้าแต่เขาได้ขอยกเลิกไปตั้งแต่เช้าโดยอ้างว่าติดธุระสำคัญ ซึ่งอันที่จริงก็ไม่ได้สำคัญถึงขนาดนั้นหรอก เขาแค่จะพาภูริไปรับน้องสาวกลับบ้านเท่านั้นเองแผนกของภูริยังมีคนทำงานอยู่หลายคน อีธานมองเห็นร่างโปร่งของภูริตั้งแต่ประตูลิฟต์เปิดออก อีกฝ่ายกำลังก้มหน้าก้มตาอ่านเอกสารพร้อมกับพิมพ์บางอย่างลงคอมพ์ด้วยความไว อีกฝากหนึ่งมีคนกำลังเดินผ่านโต๊ะของภูริ อีธานไม่ได้ให้ความสนใจเพราะเขากำ
มุกไร้สาระพรรนั้นไม่สามารถทำให้อีธานขำได้ ก็เลยมีแค่ภูริที่นั่งหัวเราะเหมือนคนบ้าอยู่เพียงลำพัง ถ้าเขาหันมาเห็นสีหน้าของอีธาน เขาอาจจะขำจนท้องแข็งตายก็ได้ เพราะหน้าอีธานตอนนี้คือมองตัวประหลาดอยู่ชัดๆ“ผมว่าผมต้องไปเช็กสมองมั้งล่ะ ฮ่าๆ” ยัง...ยังหัวเราะไม่เลิก เคยขำค้างไหม อารมณืภูริตอนนี้มันเป็นแบบนั้นแหละ เล่นเอง ตบเอง หัวเราะเองเสร็จสรรพ ตั้งคณะตกทีนี้ไม่ต้องจ้างใครเพิ่มเลยนะ ภูริคนเดียวจะรับทำทุกหน้าทีเอง เจ๋งปะล่ะ...รับเองคนเดียวด้วยเอ...หรือเขาควรทำอาชีพเสริมเป็นตลกคาเฟ่นะ? ไม่ดี เขาว่ามุกที่เขาเล่นมันขำอยู่แค่คนเดียวเท่านั้นแหละ คนที่ขำคือเขาไง ถ้าไปรับจ้างเล่นตลกคงมีคนตะเพิดไล่ออกจากร้านแน่นอน เพราะถ้าอยู่ต่อร้านอาจจะเจ๊งได้“ผมก็คิดอย่างนั้น” อีธานส่ายหัวหน่ายๆ คุยกันทีไรก็เบี่ยงไปเรื่องอื่น ไม่พอ...ชอบหัวเราะโพล่งขึ้นมาอีก สมองของหมอนี่มันมีอะไรอยู่ข้างในกันนะ“คุณชอบดูตลกไหม” คำถามอะไรอีกล่ะ? อีธานแปลกใจแต่เขาก็ส่ายหน้า แล้วไอ้การส่ายหน้าเนี่ยมันทำให้ภูริที่พิมพ์งานอยู่เห็นเยอะ!“อ่าว...เงียบเลย”“ตอบแล้ว”“ตอนไหน?” คุยกับ
ปฏิบัติการเอาตัวรอดจากเงินสองร้อยกว่าบาทได้เริ่มขึ้นในเช้าวันต่อมา ภูริขออีธานลงซื้อของที่ร้านสะดวกซื้อซึ่งมันเปิดยี่สิบสี่ชั่วโมง ไม่บอกชื่อร้านนะ ไม่ได้ค่าโฆษณา เขาเข้าไปซื้อกาแฟที่เป็นถุงละสิบซองกับมาม่าอีกแพ็กหนึ่ง กลับเข้ามาในรถได้นี่อีธานมีสีหน้างงงวยขึ้นมาทันที ทำไมล่ะ...ไม่เข้าใจวิถีคนจนอะดิ อยากเข้าใจไหม อยากเข้าใจลองมาเป็นเขาดู“นั่นมาม่าหนิ...ซื้อมาทำไมตั้งเยอะ” ท่านสนใจกินมาม่ากับผมสักซองไหม“ประทังชิวิตไง”“กินข้าวสิ ไอ้พวกนี้มีแต่โซเดียม ไม่ดีต่อสุขภาพเลยนะ กินมากๆ เข้าก็จะเป็นโรคไตแล้วก็ขาดสารอาหารด้วย” จ้า...พ่อนักวิชาการ พ่อเรียนด้านนี้มาโดยเฉพาะ แหม่ ทำอย่างกับเขาไม่รู้งั้นแหละว่าของพวกนี้มันไม่ดีน่ะ“แต่มันเป็นมิตรกับเงินในกระเป๋าผม ไปเถอะครับ...ไม่ต้องแวะซื้อกาแฟนะ เอ๊ะ หรือคุณจะกิน” ภูริหันไปมองหน้าอีธาน เงินเขาหมดแล้ว กาฟงกาแฟโบราญไรตัดแม่มออกไปจากชีวิตเข้าช่วงคราวก่อน“คุณไม่กินเหรอ?” ไม่ต้องทำหน้างงแบบนั้นสิ คนเงินหมดจะไปกินได้ไง“เงินผมหมดแล้ว”“ฮะ! เงินหมด...เงินหมดเนี่ยนะ คุณ นี่เพิ่งจะเล
ภูริถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดทันที อาการแบบนี้ถึงมือหมอไวเท่าไหร่ภูริก็จะพ้นอันตรายได้มากขึ้น ตอนขับรถมาเมื่อกี้นี่รถโคตรติด อีธานหงุดหงิดจนแทบจะสบถด่าคันหน้าๆ ทั้งที่มันก็ปกติอยู่แล้วที่รถจะติดในตอนนี้อะ ทำไงได้...คนข้างกายเขาตอนนี้อาการไม่ดีเลยความจริงเมื่อเย็นนี้ลูกน้องอีธานได้รายงานกับเขาแล้วว่าภูริมีอาการฮีตบ่อยขึ้นมาในตอนกลางวัน เจ้าตัวกินยาเยอะ บางทีโยนใส่ปากเหมือนขนมแต่ก็ไม่ค่อยช่วยอะไรเท่าไหร่ จนก่อนจะจบรายงานของภูริลูกน้องได้บอกว่าภูริไปขอยาเพื่อนร่วมงานกินและต้องอยู่ทำโอที อีธานก็คิวด่ามันไม่น่ามีอะไร ที่ไหนได้...เสือกแพ้ยา!ยาระงับฟีโรโมนแต่ละตัวจะมีส่วนผสมที่แตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับชนิดของยา ตัวที่อีธานได้มอบให้กับภูรินั้นมันเป็นตัวใหม่ที่ทางบริษัทคิดค้นขึ้นมาก็มีส่วนประกอบที่ตัดสารเคมีบางตัวออก แต่มาให้นึกตอนนี้ก็นึกไม่ออกหรอกว่าตัวที่ภูริกินเข้าไปเมื่อบ่ายกับตัวที่กินประจำนั้นมันมีสารตัวไหนต่างกันบ้างร่างสูงเดินวนไปวนมาอยู่หน้าห้องฉุกเฉิน ภูริอยู่ในมือหมอแล้วน่าจะไม่มีปัญหาอะไรแต่ในใจเขายังกลัวและกังวล คงเพราะเขาเห็นภูริแข็งมาตลอด
“ผีที่ไหน ผีมันไม่อยู่จริงหรอก มันก็เป็นแค่เรื่องที่คนเขาแต่งขึ้นมา เป้นแค่จินตนาการเพ้อเจ้อ” อีธานมองหน้าภูริ ดูหน้าตื่นๆ ของเจ้านี่สิ...กลัวอะไรไม่เข้าเรื่องเลยให้ตาย“มีดิ นักวิทยาศาสตร์บอกว่าวิญญาณมีจริงนะ พอตายแล้งชั่งน้ำหนักทันทีอะ น้ำหนักหายไปตั้งเจ็ดถึงแปดกรัม” ตาก็บวม มองหน้าอีธานก็ไม่ชัด กูว่างานนี้มันหลอนตรงตัวเองมองอะไรไม่ชัดเนี่ยแหละก็...จะหลับแล้วแหละ เผอิญไปนึกถึงเรื่องผีๆ ขึ้นมา หนังผีงี้ ที่ผีมาในมาดนางพยาบาล แบบตายแล้วไม่รู้ว่าตัวเองตายอะก็เลยเข้ามาดูแลผู้ป่วย แต่พอมองหน้าพยาบาลเท่านั้นแหละ โหยยยยย ตายๆ กูตาย! ใต้ตงใต้เตียงอีก ไม่รู้จะมีตัวอะไรซ่อนเอาไว้บ้าง หลับๆ อยู่แล้วมีเสียงเคาะใต้เตียงขึ้นมาทำไงล่ะถ้าโดนหลอกนะ นอกจากจะแพ้ยาแล้วภูริจะหัวใจวายตายไปด้วย ทีนี้เขาก็จะกลายเป้ฯตัวตายตัวแทนของวิญญาณที่อาศัยอยู่ในที่แห่งนี้.... ได้โปรดลากเสียงยาวๆ เหมือนรายการผีบ้านเรา ไอ้ช่วงล่าผีไรนั่นแหละ จะได้อารมณ์ที่ภูริกำลังเผชิญอยู่มากๆแต่ดูเหมือนคนที่อยู่ร่วมห้องของเขาจะไม่เก็ตสิ่งที่เขาหลัวนักเท่าไหร่นะ ทำหน้าเหมือนแบบ..
บริษัทยายักษ์ใหญ่ขึ้นข่าวหน้าหนึ่งในหนังสือพิมพ์เรื่องการบริหารจัดการกับเหล่าผู้คนที่แตกต่างด้านเพศสภาพ อีธานถูกยกย่องให้เป็นผู้บริหารหน้าใหม่ไฟแรงที่มีทัศนะคติดี มองการไกลและให้ความเท่าเทียมกับอัลฟ่า เบต้า หรือแม้กระทั่งชนชั้นที่ต่ำสุดอย่างโอเมก้า ชื่อของบริษัทถุกยกย่องให้เป็นบริษัทต้นแบบในการบริหารผู้คนที่แตกต่าง และจัดการกับการเหลื่อมล้ำที่มีอยู่ในสังคมในหน้าสัมภาษณ์ อีธานกล่าวว่า...ทุกชนชั้นล้วนเป็นมนุษย์เหมือนกัน แต่ละคนมีความสามารถที่อาจจะด้อยกว่ากันบ้างในบางเรื่อง แต่มีเรื่องด้อยก็ต้องมีเรื่องเด่น เพราะงั้นจะแค่มุมด้อยของเขามาตัดสินมันทั้งชนชั้นไม่ได้ คุณต้องมองมันให้เป็นรายบุคคลและเข้าใจถึงธรรชาติของชนชั้นนั้นๆด้วยความเป็นอัลฟ่าระดับสูง รูปร่าง หน้าตาและฐานะ อีธานกลายเป็นที่จับตามองของสาวน้อยสาวใหญ่ ความสุขุมและเบดกายของเขากลบคำที่ว่าผู้บริหารบริษัทยามันต้องเนิร์ด สวมแว่นและดูแก่หงำเหงือกไปอย่างสิ้นเชิงหญิงสาวหรือแม้แต่ชายหนุ่มที่อ่านข่าวนล้วนจับตามองถึงเรื่องคู่ครอง อีธานกล่าวว่าตัวเขานั้นยังไม่มีใคร ยังไม่เจอคู่แท้ และยังไม่เจอคนที่ถูกใจจริงๆ ตอนนี้
เรื่องราวระหว่างคนสองคนที่เกิดขึ้นด้วยความไม่ได้ตั้งใจเดินทางมาถึงจุดสุดท้าย...แรกเริ่มเดิมทีอีธานก็ไม่ได้ต้องการมีคู่แห่งโชคชะตาอยู่แล้ว การตัดสินใจมันเริ่มตั้งแต่ครั้งแรกที่เขาสั่งให้ทีมวิจัยค้นคว้าตัวยาเพื่อแก้คู่แท้ วันที่รู้ว่าตัวเองจะมีคู่ครอง...เขาไม่โอเคกับมันจริงๆ ที่ผ่านมาภูริแสดงให้เห็นแล้วว่าตัวเองไม่ได้แย่ถึงขนาดเป็นคู่ครองของใครไม่ได้ แต่อีธานก็ไม่คิดจะล้มเลิกความตั้งใจของตัวเองอยู่ดีอุดมการณ์เขามั่นคงพอๆ กับการซื่อสัตย์ต่อตัวเอง อีธานไม่ได้รักภูริ เราอยู่ด้วยกันเหมือนเพื่อนร่วมเตียง มีเซ็กซ์กัน ไปทำงานด้วยกัน กินข้าวเช้า กลางวันเย็นด้วยกัน กลับบ้านด้วยกัน การดูแลเล็กๆ น้อยๆ ระหว่างเรามันเป็นเพียงไมตรีจากคนหนึ่งสู่คนหนึ่งเมื่อหนังผีเรื่องนั้นจบลง อีธานและภูริก้เดินออกมาด้วยสีหน้าที่แตกต่างกันไป ภูริน่ะตื่นเต้นกับหนัง ดูก็รู้ว่าเขาแฮปปี้กับช่วงเวลาชั่วโมงครึ่งที่ผ่านมามากแค่ไหน เขาไม่ค่อยได้มาดูหนังนี่นะ พอเจอหนังดีโดนใจก็เลยปลื้มปริ่ม แต่คนที่คิดว่าจะพามาตกใจเล่นกลับเอาแต่นั่งกอดเขานิ่ง ไม่สะดุ้งกับหนังเลยแม้แต่นิดเดียว...อีธานมองหน้าภูร
“วันนี้เงินเดือนออกหนิ” อีธานเอ่ยขึ้นขณะต่างคนต่างลงจากรถหลังการปรับเปลี่ยนกฎและโยกย้ายตำแหน่งพนักงานได้ไม่กี่วัน ภูริก็กลับมาทำงานทั้งที่ยังไม่หายดี เขามีรอยช้ำอยู่ตามตัวแต่มันก็ไม่ได้เจ็บปวดอะไร การนอนอยู่ห้องอีธานเฉยๆ คอยทำความสะอาด จัดนู้นจัดนี่แล้วก็ดูทีวีไปวันๆ มันก็ดี แต่เขาก็กลัวว่าเงินเดือนจะไม่พอใช้เลยรีบกลับมาทำงานอีธานไม่พอใจใหญ่เลย ไม่พอใจที่เขาดื้อไม่ฟัง อีธานบอกให้เขารักษาตัวเองให้หายดีก่อน เขาไม่หายดีตรงไหน? ขึ้นโยกได้นี่ก็ถือว่าร่างกายแข็งแรงสุดๆ แล้ว เพราะงั้นคำบ่นอีธานจึงตกไปเมื่อภูริมีเป้าหมายที่ชัดเจนพอกลับมาทำงาน ด้วยไม่มีใครมาขัดขวางเหมือนเมื่อก่อน ภูริจึงออกงานนอกเยอะขึ้น เขาสามารถทำยอดได้เกินเป้าในทุกๆ การขาย ด้วยรอยยิ้ม ด้วยไมตรี เมื่อก่อนภูริขายของเก่งอยู่แล้ว ตอนนี้ได้โชว์ศักยภาพของตัวเองเต็มที่ขึ้นไปอีก ไม่แปลกเลยที่ผลการทำงานในเดือนนี้ของเขาจะดีเกิดคาดไปไกลอีธานยังแปลกใจเลยคิดดูเถอะ ไอ้กระจอกคนนี้ไม่กระจอกนะเว้ย เพื่อปากท้องทั้งสาม ของตัวเอง แม่และน้อง ทำให้ภูริเป็นคนขยัน อืม...เขาขยันเป็นเรื่องปกตินะ เมื่อก่อนก็ขยัน ตอนน
ภูริอุ่นอาหาร เทมันใส่จานแล้วก็เอามาเสิร์ฟ ตามด้วยน้ำเปล่าเย็นๆ เป็นการปิดท้ายก่อนเดินมานั่งข้างๆ แล้วเริ่มทานมื้อเที่ยง ภูริไม่ได้ถาม ไม่ได้ชวนคุยอะไร ต่างคนต่างกินไปเรื่อยๆ จนกระทั่งมันหมดบอกความจริงให้หนึ่งอย่าง...ภูริไม่ได้มารยาทดีแต่โคตรหิว!คือเมื่อเช้ามันตื่นไมไหวก็เลยนอนลากยาวมานี่แหละเที่ยงวัน น้ำท่าก็ไม่อาบ แค่ล้างหน้าแปรงฟันให้เรียบร้อย กินยาก่อนอาหาร ยาระงับฟีโรโมนแล้วถึงมาอุ่นข้าว ท้องเขาแม่งถือป้ายร้องประท้วงกันเย้วๆ ตอนที่กลิ่นอาหารแม่งลอยออกมาจากตู้อบ อารมณ์แบบ...กินเลยไม่รอร้อนได้ไหมวะ แต่จะให้กินอาหารเย็นๆ มันก็ไม่อร่อย ดังนั้นเพื่อรสชาติที่ดีเขาต้องรออีกนิสสสสแล้วพอกำลังจะอิ่มหนำสำราญใจกับอาหารเที่ยงควบมื้อเช้าอีธานก็ดันโพล่มา ด้วยการเป็นคนดีโลกจดจำ ภูริก็เลยต้องบริการอุ่นและเสิร์ฟอาหารให้เจ้าของห้อง เคยได้ยินไหม อยู่บ้านท่านอย่างนิ่งดูดาย ปั้นวัว ปั้นควายให้ลูกท่านเล่นน่ะ แค่อีธานไม่มีลูก ภูริเลยไม่ได้โชว์สกิวปั้นดินที่แสนจะห่วยแตกสมัยเรียนอาจารย์วิชาศิลปะนี่กุมขมับเลยนะ เพราะให้ทำอะไรก็เละเทะไม่มีชิ้นดี
เช้าวันนี้อีธานตื่นเร็วกว่าปกติ เขามีการประชุมใหญ่รออยู่ในช่วงเช้าเพราะหัวหน้าของหลายแผนกถูกจับ โดยเฉพาะหัวหน้าแผนกที่มีความสำคัญมากอย่างเซลล์ ซีอีโอบางคนก็หลุดออกจากตำแหน่งไปเตรียมตัวขึ้นศาลข้อหาฉ้อโกงเรียบร้อย เรียกว่าวันนี้งานอีธานค่อนข้างจะเยอะเลยทีเดียว เพราะงั้นจึงสายไม่ได้ร่างสูงค่อยๆ ลุกจากที่นอนเพื่อไม่ให้ภูริตื่น ที่จริงแล้วภูรินอนพื้นนั่นแหละ แต่อีธานอุ้มขึ้นมานอนด้วยกันตอนอีกฝ่ายหลับสนิทไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ภูริบาดเจ็บอยู่ เขาอยากให้ภูรินอนอย่างสบายบ้างก็เท่านั้นเอง ไม่มีอะไรมากกว่านั้นแน่ๆไม่ได้ชอบการนอนกอดภูริเลยแม้แต่นิดเดียว!ก็นะ...นั่นเป็นข้ออ้างที่เขาพยายามยัดมันใส่หัวตัวเอง เพื่อปฏิเสธความรู้สึกที่แท้จริง ภูริทำให้อีธานได้เรียนรู้อะไรหลายๆ อย่างมันก็ใช่ แต่ความตั้งใจเดิมของอีธานไม่ได้เปลี่ยนไป เขายังไม่อยากมีคู่เป็นโอเมก้าอยู่ดีนี่มันอยู่คนละส่วนกับการดูถูกชนชั้นอื่น เป็นแค่ความต้องการส่วนตัวที่ฝังรากลึกมานานเป็นสิบปี ระยะเวลาเหล่านั้นมันพังครืนลงไม่ได้ง่ายนัก ต่อให้อีกฝ่ายจะไม่ให้โอเมก้าแต่กำเนิดก็ตามที“เหวย...วันนี้ตื่นก
ปลายกระบอกมือสีเงินแวววาวจรดลงที่ขมับของอัลฟ่าผู้คร่อมทับร่างภูริ อีธานโพล่มาถึงตรงนี้ได้โดยที่คนอื่นไม่รับรู้เลยแม้แต่น้อย เขาปล่อยให้พวกนี้รู้ว่าเขาเข้ามาใกล้ก็ตอนที่เอาปืนจ่อหัวพวกเรียบร้อยพลังควบคุมคนตามธรรมที่อีธานมีนั้นเขาสามารถควบคุมมันได้ จะใช้มากใช้น้อยหรือไม่ใช้เลยเขาก็ทำได้ อย่างตอนเดินเข้ามาก็ไม่ใช้...ค่อยๆ ย่องประชิดเพื่อไม่ให้ใครไหวตัวทัน และตอนนี้เขาก็เริ่มที่จะใช้ความสามารพิเศษทางสายเลือดของตัวเองกดดันพวกปลายแถวเหล่านี้ราวกับมีมือที่มองไม่เห็นมาบีบคอเอาไว้ อัลฟ่าชั้นล่างทั้งสี่ต่างไม่กล้าขยับเขยื้อนแม้ว่าจะยังไม่เห็นปืนกระบอกงามในมือของอีธานด้วยซ้ำ ความหวาดกลัวที่เอ่อท้นขึ้นมานี่คงไม่ต่างอะไรกับการยืนเผชิญหน้าจ่าฝูงผู้แข่งแกร่งเท่าไหร่นัก“ลุกออกมา” อีธานเอาปลายกระบอกปืนดันหัวคนที่คร่อมภูริอยู่ มันค่อยๆ ขยับแล้วออกมาคุกเข่าอยู่ข้างๆ ร่างโปร่งพอเห็นว่าคนที่เข้ามาเป็นอีธาน ภูริก้รีบลุกขึ้นยืนอย่างโซซัดโซเซ เข้งขาไม่มีเรี่ยวไม่มีแรง ทั้งยังขวัญหนีดีฟ่อจากการที่โดนจู่โจม นัยน์สีดำคู่นั้นเคลือบไปด้วยหยาดน้ำ...ภูริดึงผ้าที่อุดปากตัวเองออกแล้ว
จนแล้วจนรอดอีธานก็ไม่ได้ให้นาฬิกากับภูริ ในเมื่ออีกฝ่ายทำเหมือนไม่คิดอะไรเขาก็จะทำบ้าง พาไปเลี้ยงข้าว กลับบ้านอาบน้ำอาบท่าแล้วก็แยกย้ายกันนอน ซึ่งก่อนนอนก็มักมีกิจกรรมที่เสื้อผ้าไม่เกี่ยวเกิดขึ้นมันเป็นแบบนั้นเสมอ...แล้วก็แยกย้ายกันไปนอนที่ใครที่มันจากแผนที่อีธานขอให้วิชุตาช่วยเหลือ ในที่สุดก็มาถึงได้เสียที หลัจากปล่อยให้เหตุการณ์อันย่ำแย่ในออฟฟิตของเขาดำเนินต่อมาอีกหลายวัน เมื่อวานนี้เงินภูริออก อีธานได้ขอก๊อปปี้สลิปเงินเดือนมาจากอลันภูริมีโอทีแค่ห้าชั่วโมงทั้งที่ทำโอแม่งเกือบทุกวัน ค่าคอมพ์มีแต่น้อยกว่าที่คาด ก็คงไม่มีอะไรให้เถียงสำหรับค่าคอมพ์ ภูริเพิ่งออกงานนอกตอนเลยกลางเดือนมาแล้วและแค่ไม่กี่เจ้าเท่านั้น โดยรวมภูริก็ได้เงินไม่มากอยู่ดีหลังเลิกงานอีธานมีนัดกับวิชุตาเพื่อดูของที่เธอได้รับจากการสั่งซื้อด่วนเมื่อไม่กี่วันก่อน เขาให้ภูริไปรอที่ห้างสรรสินค้าใกล้ๆ เสร็จธุระแล้วถึงจะไปรับ ภูริเป็ฯคนง่าย...อะไรก็ได้จึงยอมไปไม่ใช่อะไร...มีหนี้ต้องเคลียร์ใบออเดอร์และของอยู่ตรงหน้าเขา ข้างซ้ายมีวิชุตาและข้างขวาเป็นอลัน พวกเขากำลังตรวจสอบนัมเบ
ออกมาจากบริษัทตอนเก้าโมงกว่า เจอลูกค้าตอนสิบโมงครึ่งจนตอนนี้เที่ยงสิบห้างานเพิ่งเสร็จ ภูริปิดการขายได้อย่างสวยงามและยอดขายรอบนร้ก็เป็นที่น่าภูมิใจสุดๆ นึกถึงคำพูดอีธานตอนแรกๆ ที่เจอกันขึ้นมาเลยแฮะ ที่หาว่าเขาเป็นคนไร้มารยาท ทำตัวแบบนี้เป็นเซลล์ไดยังไง หึหึ อยากให้มาเห็นผลงานเขาหน่อยจะได้ถอนคำพูดพวกนั้นทิ้งไป เขามีความเป็นนักขายนะเว้ย แต่แค่...เลือกปฏิบัติต่อคนอะนะในห้างสรรพสินค้าที่ลูกค้านัดมานั้นมาของกินเยอะแยะมากมาย เหมือนมีการจัดบูธขายอาหารไทยมากมาย เรียงกันเป็นตับ เห็นแล้วท้องร้องหนักมาก ร้องว่าจะกินจะกินจะกิน ติดอย่าง...ติดเงินภูริได้ค่าน้ำมันมาห้าร้อย เขาเติมทั้งห้าร้อยเลยเพราะว่าใบเสร็จนี่ต้องส่งกลับให้บริษัท เคยได้ยินมาว่ามันโกงค่าน้ำมันได้ อย่างเติมสามร้อยแล้วให้เขาออกใบเสร็จเป็นห้าร้อยแลกกับทิปเล็กๆ น้อยๆ แต่ภูริไม่เคยทำ แค่ได้ยินเขาเล่าๆ กัน ส่วนใบเซอร์นี่ก็โกงได้...แค่อันตรายหน่อยหากโดนจับได้ล่ะนะเรื่องโกงกินอะไรพวกนี้ตัดออกไปจากหัวภูริได้เลย สมองเขาคิดแค่จะหมุนเงินยังไงให้มันชนเดือนโดยไม่ต้องไปหยิบยืมใครเขา การเป็นหนี้มันเป็นลาภอันประเสริฐนะ ถ้า
คำว่าน้อยใจของภูริมีผลต่ออีธานมากกว่าที่ภูรินึกเอาไว้...พอกลับมาที่ห้องแล้วอีธานก็สั่งให้ภูริไปเปลี่ยนเสื้อผ้าใส่สบายๆ สักตัว เป็นชุดนอนปกติของตัวเองก็ได้แล้วมานอนที่เตียง หมอเพิ่งให้กินยาก็ต้องนอนพักผ่อน ซึ่งการที่อีธานให้นอนเตียงเนี่ยทำเอาภูริยืนจ้องหน้าอีกฝ่ายไปเป็นนาที“ผีเข้าปะ?” คิดออกแค่นั้นอีธานทำเหมือนคำพูดของภูริมันไร้สาระเกินกว่าจะตอบ เดินหนีไปอาบน้ำอาบท่าปล่อยให้ภูริเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วขึ้นไปนอน ออกมาก็เจอภูรินอนซุกตัวใต้ผ้าห่ม หลับตาพริ้มดูมีความสุข น่าแปลก...เห็นภูริมีความสุขแล้วอีธกานก็พลอยมีความสุขไปด้วยอีธานขึ้นนอนข้างๆ ภูริ ต่างคนต่างนอนหลับไปทั้งที่มันเพิ่งจะเป็ฯเวลาเที่ยงวัน นอไปนอนมาภูริก็คว้าเอวอีธานมากอด ซุกแขนล่ำๆ นั้นแล้วหลับน้ำลายยืด คนรู้สึกตัวไวแอบลืมตามก่อนจะหลับไปโดยไม่ว่าหรือไล่ให้เอาหน้าออกไปจากแขนตนบ่ายอีธานทำอาหารให้ภูริกิน แต่ภูริอยากจะเอาอาหารเมื่อวานนี้ไปอุ่น ไม่มีคำอธิบายหรอก แล้วก็รู้ว่าอีธานไม่ยอมทำก็เลยเอาเข้าไมโครเวฟเอง เผอิญว่าเตาอบของอีธานนั้นเป็นเตาอบเครื่องใหญ่ ไม่ใช่ไ