Home / แฟนตาซี / อาศิรวิษ / 2-แค่เพียงบังเอิญ 4/4

Share

2-แค่เพียงบังเอิญ 4/4

last update Last Updated: 2025-04-27 08:14:18

“เจ้านางน้อยแสดงกิริยาเช่นนั้นไม่งามเจ้าค่ะ เสด็จกลับเถิดเพคะ” กาลัดยังคงพูดกรอกหูของฉัน พร้อมกับลากแขนไปพลาง

“น่าโมโหชะมัด เขาด่าฉันชอบเสือกนะ...คิดว่ากลัวหรือไง!” ฉันหยุดเดินแล้วมือเท้าสะเอวพูดกับสองสาว ตามด้วยประโยคหลังตะโกนกลับหลังหวังให้เขาได้ยิน

“ชู่...เบาเสียงเพคะเจ้านางน้อย” กลีบบัวปรามฉัน

“ก็ดูสิเขาปากเสียขนาดนั้นนะ ไอ้คนบ้า!” แต่อารมณ์ของฉันมันเดือดมาก

“เบา ๆ เพคะเจ้านางน้อย เดี๋ยวท่านอาศิรวิษก็ได้ยินนะเพคะ” กาลัดปรามอีกเสียง แถมยังเอามือปิดปากของฉันไว้อีก

“ได้ยินก็ได้ไปสิใครกลัวเขากัน” อารมณ์ร้อนปะทุจนห้ามไม่ไหว ฉันหันหลังกลับแล้วแหกปากพูดเสียงดังอีกครั้ง แต่...

“ไม่กลัวกระหม่อมอย่างนั้นหรือพ่ะย่ะค่ะ”

“ม ม ไม่กลัว ทำไมต้องกลัวด้วย”

การมาที่ไร้เสียงทำให้ฉันตกใจจนพูดออกไปตะกุกตะกัก มองหน้าที่แสนจะเย็นชาด้วยความหวาดหวั่น สายตาของเขานั้นฉันเดาไม่ออกเลยว่ากำลังรู้สึกหรือนึกคิดอะไร มันดูว่างเปล่าซะเหลือเกิน

“เจ้านางน้อยเพคะ” กลีบบัวกระตุกแขนฉัน แล้วพูดเสียงอ่อนย้ำเตือนอยู่ข้าง ๆ

“ทรงลืมแล้วหรืออย่างไรว่าแม้จะเป็นองครักษ์ประจำกายของพระองค์ แต่ท่านอาศิรวิษก็ได้รับการแต่งตั้งเป็นบุตรบุญธรรมของเจ้าหลวงนะเพคะ...นับเป็นพระเชษฐาของเจ้านางน้อยเช่นกัน” กาลัดกระซิบข้างหูฉัน

(“พระเชษฐา!? พี่ชาย!”) สิ่งที่กาลัดบอกทำให้ฉันเบิกตากว้างทันที ลูกบุญธรรมอย่างนั้นเหรอ ทำไมเขาถึงได้ดูเจียมตัวจนฉันมองไม่ออกเลยล่ะ

“จริงปะเนี่ย?” ฉันด้วยท่าทางตกตะลึง

“จริงแท้เพคะ” กลีบบัวจึงยืนยันย้ำชัดอีกครั้ง ทำให้ฉันต้องกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก

“โอเค ใจเย็น ๆ” ฉันยืนหลับตาแล้วสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อสงบสติอารมณ์

“เสวนากันเสร็จเรียบร้อยหรือยัง” ผู้ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นพี่ชายเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เย็นยะเยือก แค่ฟังก็ทำเอาขนแขนของฉันลุกชัน

“ทำไมต้องดุด้วย” ฉันมองหน้าเขาและพึมพำเบา ๆ ชักสีหน้าไม่พอใจ แต่คนที่ยืนตรงข้ามกับนิ่งขรึมเย็นชา

“พวกเจ้าสองคนกลับไปเตรียมเครื่องนอนให้เจ้านางน้อยเถิด ข้าขอเสวนากับเจ้านางน้อยสักประเดี๋ยวจะเป็นคนไปส่งที่ตำหนักเอง”

(“เจ้าค่ะ”)

“ไม่นะ...กลีบบัว! กาลัด! รอด้วย...ว้าย!”

เพียงแค่อาศิรวิษออกคำสั่งทั้งสองคนก็เชื่อฟังอย่างว่าง่าย ค่อมตัวทำความเคารพแล้วเดินจากไป ทิ้งฉันเอาไว้ข้างหลังเผชิญกับคนเย็นชาเพียงลำพัง ตอนนี้สายตาเฉี่ยวที่มองมา ฉันไม่อาจคาดเดาได้เลยว่าเขากำลังคิดหรือจะทำอะไรหลังจากนี้ ก้าวขาจะวิ่งหนีตามกลีบบัวกับกาลัดไป ทว่ากับถูกมัดด้วยอิทธิฤทธิ์อะไรบางอย่างจนฉันนิ่งกับที่

“ปล่อยเดี๋ยวนี้นะ!” ฉันจ้องตาเขม็งอย่างเอาเรื่องเมื่อเขาเดินมาหยุดเคียงข้าง

“เอาล่ะตอนนี้ไม่มีบริวารการที่เราสองคนจะเสวนากันย่อมเป็นกันเอง เฉกเช่นที่เราเคยพูดคุยเสวนากัน อาการป่วยเป็นเยี่ยงไรบ้าง”

“ไม่บอก!”

“ทำไมถึงได้ไม่เหมือนเช่นเดิมเล่า อย่างกับคนละคน”

(“ก็มันคนละคนกันนี่หว่า”)

คำพูดคำจาของฉันคงต่างกันลิบลับกับผณินทรจนทำให้อาศิรวิษจับสังเกตได้ ฉันก็ได้แต่บอกเขาในใจว่าสิ่งที่เขารู้สึกนั้นถูกต้องแล้ว แต่ฉันไม่สามารถอธิบายได้มากกว่านี้ แล้วถ้าบอกว่าฉันไม่ใช่เจ้าของร่างจะมีใครเชื่อฉันไหมล่ะ

“พี่เพียงอยากถามไถ่อาการของน้องแต่ช่างยุ่งเรื่องงานราชงานหลวงนัก ตอนนี้มีโอกาสแล้ว จึงอยากถามเพราะเป็นห่วง” น้ำเสียงของเขาที่พูดออกมาช่างแตกต่างกับก่อนหน้าเสียเหลือเกิน น้ำเสียงฟังแล้วอบอุ่น ละมุนหู ทำให้ฉันต้องเก็บความดื้อรั้นลง

“หายแล้วไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ...เจ้าค่ะ” ฉันตอบเขาด้วยความเคยชินกับภาษาที่ใช้ในโลกของฉัน แต่พึงนึกได้จึงรีบเปลี่ยนคำลงท้ายตามสถานการณ์ และฉันคงต้องพยายามพูดภาษาถิ่นให้คุ้นชินไว ๆ

“แต่น้องช่างเปลี่ยนไปมากนัก คงเพราะอาการเลอะเลือนยังคงอยู่ตามที่หมอหลวงกล่าวไว้”

“ฉันไม่ได้บ้าบอวิปลาสนะ”

“พี่ก็ไม่ได้บอกเช่นนั้น เอาล่ะไม่เถียงกับน้องแล้ว รีบเข้านอนเถิด”

“จะให้เดินยังไงล่ะ ถูกมัดแน่นแบบนี้” ฉันก้มมองไปยังส่วนที่ถูกมัด พร้อมกับบอกให้เขารับรู้ สักพักความแน่นก็คลายเป็นอิสระ เขาเดินนำหน้าฉันแต่ไม่ทิ้งห่าง มองจากด้านหลังทำให้ฉันคิดถึงพี่น้ำมาก

“แล้วปกติฉันเรียกนายว่ายังไงเหรอ”

“การพูดจาก็แปลกประหลาดนัก”

“เอาใหม่...ก่อนหน้าหนู เอ๊ย น้องเรียกท่านว่าอะไร”

“แล้วแต่อารมณ์ของน้อง บางคราก็เรียกขานว่าเจ้าพี่ หรือบางทีก็เรียกขานเพียงชื่อเท่านั้น”

“เธออารมณ์แปรปรวนขนาดนั้นเลยเหรอผณินทร”

“เอาเป็นว่าน้องจะเรียกให้ชินปากว่าเจ้าพี่นับจากตอนนี้แล้วกันนะคะ เจ้าพี่อาศิรวิษ”

ฉันพูดกับเขาด้วยความรู้สึกที่แปลกไปจากก่อนหน้า อาศิรวิษไม่ได้พูดตอบอะไรทำเพียงมองหน้าของฉันพร้อมกับรอยยิ้มบางเบาเท่านั้น และฉันให้การยืนยันในการเรียกขานระหว่างกัน ตอนนี้ฉันรู้สึกได้ถึงความเย็นชาของผู้ชายคนนี้ ที่เก็บซ่อนความอบอุ่นและอ่อนโยนไว้ไม่น้อย เขาคงจะมีให้เพียงผณินทรคนเดียวนั่นแหละ ถ้าหากวันหนึ่งวันใดเขารู้ว่าฉันไม่ใช่เธอ ทุกอย่างก็คงจะเปลี่ยนไป...

“น้องรีบเข้าตำหนักเถิด แล้วอย่าได้ซุกซนอย่างเช่นวันนี้อีก เพราะบางครั้งพี่ไม่อาจจะปกป้องน้องได้ตลอดเวลา...อย่าพาตัวเองไปเจออันตรายเข้าใจหรือไม่”

“เจ้าค่ะ”

“กลีบบัวกับกาลัดรออยู่ รีบไปเถิด พี่จะมองดูน้องจนกว่าจะลับสายตา และรู้ว่าปลอดภัยดี”

“โอเค กู๊ดไนซ์ค่ะเจ้าพี่อาศิรวิษ”

พูดจบฉันก็รีบวิ่งเข้าไปหากลีบบัวกับกาลัดที่ยืนรออยู่ตรงทางเข้า โดยไม่หันกลับหลังไปมองอาการคนที่ยืนอยู่ด้านหลัง ฉันเผลอพูดภาษาของฉันออกไปเขาคงยืนงงและคงอยากรู้ความหมายแน่ ๆ ฉันนึกสีหน้าของเขาออกในมโนภาพ ได้แต่หัวเราะกับสิ่งที่วาดในหัวช่างตลกสิ้นดี

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Related chapters

  • อาศิรวิษ   3-เงื่อนงำและการชิงอำนาจ1/4

    ค่ำคืนที่แสนสงบเหมือนใกล้จะจบลง เริ่มเข้าสู่วันใหม่การนอนหลับใหลในดินแดนห่างไกลทำให้ฉันฝันถึงคนที่บ้าน ป่านนี้ไม่รู้ว่าพวกเขาจะเป็นยังไงกันบ้าง ความง่วงที่มีมากไม่สามารถเปิดเปลือกตาขึ้นได้ รู้สึกตัวกึ่งหลับกึ่งตื่นเหมือนมีอะไรก่อกวนการนอนของฉันจนเริ่มรู้สึกรำคาญ“อื้อ” ฉันแค่นเสียงข่มและพลิกตัวหันไปอีกทาง“อย่ากวนได้ไหม...ขอนอนต่ออีกหน่อย” การสะกิดแขนสร้างความรำคาญ จนฉันต้องดึงผ้าห่มมาคลุมโปง“อื้อ กลีบบัว กาลัด...” ฉันเหมือนถูกถึงแขนให้นั่ง แต่เปลือกตาเจ้ากรรมก็ดันลืมไม่ขึ้น ส่งเสียงอื้ออึงอ้อนวอนแต่เหมือนว่าไม่เป็นผล ฉันคงต้องพยายามตื่นนอนแล้วจริง ๆ “อ๊ะ!”(“เจ้านางน้อยเพคะ”)ฉันยกแขนสองข้างขึ้นสูงเพื่อยืดเส้นยืนสาย แต่บิดไปบิดมากลับพลัดตกเตียงนอนเสียได้ จนก้นกระแทกกับพื้นแข็งร้องโอดโอย ความเจ็บทำเอาฉันตื่นตัวทันที มีเสียงของกาลัดและกลีบบัวร้องเรียกด้วยความตกใจ รีบประคองฉันลุกอย่างเร็วไวพาไปนั่งบนเตียง“เป็นเช่นไรบ้างเพคะ” กาลัดถามฉัน“เจ็บสิ อ้า!...แล้วทำไมต้องปลุกกันแต่เช้าด้วยล่ะ ฉันง่วง” ฉันพูดพร้อมกับเอามือลูบก้นไปด้วย“เช้าเยี่ยงไรเจ้าคะ สายจนดวงตะวันแยงตาแล้ว รีบไปล้างพระพักต

    Last Updated : 2025-04-27
  • อาศิรวิษ   3-เงื่อนงำและการชิงอำนาจ2/4

    “เออนี่ พอไปถึงตำหนักช่วยเล่าให้ฟังหน่อยสิว่าแต่ก่อนฉันเป็นยังไง หรือแบบว่าฉันไม่ชอบใคร หรือมีใครเกลียดฉันไหม”“?” กาลัดกับกลีบบัวทำสีหน้างง“เอ่อ คือพอจมน้ำแล้วเลอะเลือนจำไม่ได้น่ะ” คำถามของฉันสร้างความงุนงงให้กับคนสนิท จึงรีบแก้ต่างทันที“เข้าใจแล้วเพคะ...”จากนั้นพวกฉันสามคนก็เดินกลับตามเส้นทาง มุ่งหน้าสู่ตำหนักประจำ ระหว่างทางฉันก็ถามไถ่พูดคุยกับกาลัดและกลีบบัวในสิ่งที่ฉันอยากจะรู้ เพราะการอยู่ในร่างของผณินทรทำให้ฉันเหมือนแบกภาระอันหนักอึ้ง ฉันต้องเริ่มศึกษาเก็บข้อมูลในอดีตของเธอในการสวมรอย ซึ่งไม่รู้ว่าฉันต้องอยู่ในร่างนี้นานแค่ไหน“ชู่” ฉันส่งสัญญาณและหยุดเดิน เมื่อเห็นชายสไบเล็ดลอดออกมาจากพุ่มไม้ด้านหน้า เหมือนกับว่าตรงนั้นมีคนหลบซ่อนอยู่“มีกระไรรึเพคะเจ้านางน้อย” กลีบบัวถามด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ฉันไม่ได้ให้คำตอบแก่เธอ แต่ชี้นิ้วไปยังพุ่มไม้ตรงหน้า“ต้องใช่เจ้านางอัปสราเป็นแน่เพคะ” กาลัดกระซิบ(“เธอไม่ชอบผณินทรสินะ”) ฉันคิดในใจเมื่อได้ยินกาลัดบอก“กาลัด กลีบบัว ไปเอาน้ำล้างเท้าตรงอ่างหน้าทางเข้าท้องพระโรงมา”(“เพคะ”)“เดี๋ยวฉันจะอ้อมไปรอทางนั้น” ฉันวนนิ้วเป็นสัญญาณเมื่อคิดแผนโต้

    Last Updated : 2025-04-27
  • อาศิรวิษ   3-เงื่อนงำและการชิงอำนาจ3/4

    “เฮ้อ เกือบโดนจับได้ซะละ” ฉันถอนหายใจ แล้วยกมือลูบอกอย่างโล่งใจเมื่อเดินเข้ามาในตำหนักส่วนตัว มีกลีบบัวยืนเคียงข้างอยู่ในท่าทางไม่ต่างกับฉัน“กาลัดตามหมอหลวงถึงที่ใดกัน ยังไม่เห็นโผล่มา...คัน แสบร้อน หรือไม่เพคะเจ้านางน้อย” กลีบบัวพ่น แล้วจึงเอ่ยถามฉันด้วยความห่วงใย“ไม่ได้เป็นอะไรซะหน่อย” ฉันพูดบอกเธอแล้วเดินไปนั่งบนเตียงอย่างคนอารมณ์ดี“แต่...”“ฉันทำตัวเองน่ะ”กลีบบัวกำลังจะอ้าปากถาม ฉันเลยรีบบอกเธอให้เข้าใจ แต่เหมือนว่าจะยังไม่คลายความสงสัย เพราะกลีบบัวขมวดคิ้วอย่างกับมีคำคาใจ“เรียกร้องความสงสารไง ยัยเจ้านางน้อยอัปสรานั่นจะได้บทเรียนซะบ้าง ท่าทางกร่างเหลือเกิน”“ถ้าหากว่าโดนจับได้ขึ้นมาล่ะเพคะ” กลีบบัวดูกังวล“ไม่หรอกน่า เจ้าหลวงก็ทรงตัดสินโทษแล้วไม่ใช่หรือไง ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรคงไม่มีใครมารื้อฟื้นหรอก เพียงสตรีวิวาทหยอกล้อ ยิ่งใหญ่แค่เพียงปลายช้อนตักข้าว”“หม่อมฉันฟังประโยคสุดท้ายของเจ้านางน้อยเข้าใจเพคะ”“เป็นแบบนั้นแหละ...สบายใจได้ไม่มีใครรื้อฟื้นเรื่องวันนี้หรอก”“แต่วาจานี้หม่อมฉันไม่เข้าใจเพคะ”“เดี๋ยวก็ชิน ไปอาบน้ำกันเถอะเริ่มจะคันแล้ว”“เพคะ”จากนั้นกลีบบัวก็พาฉันไปอาบ

    Last Updated : 2025-04-27
  • อาศิรวิษ   3-เงื่อนงำและการชิงอำนาจ4/4

    “ถ้าเยี่ยงนั้นคงจักต้องรักษาด้วยการขอดเกล็ดที่เสียหายทิ้ง”“ห๊ะ!!!”อาศิรวิษพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เย็นยะเยือก ก่อนจะหันหน้ามามองฉัน และคำพูดของเขาทำเอาฉันตกใจจนร้องเสียงหลง อะไรคือการขอดเกล็ดมันไม่ใช่อย่างที่ฉันคิดใช่ไหม?“ท่านอาศิรวิษเจ้าคะ เกรงว่า...” กลีบบัวพูดเสริมขึ้น แต่ยังพูดไม่ทันจบประโยคดี ก็มีเสียงเข้มขรึมแทรกขึ้นก่อน“ก็ผิวกายเสียหาย หากปล่อยทิ้งไว้คงจะลามเป็นแผลใหญ่กว่าเดิม เจ้าไม่ห่วงนายของตัวเองหรือไร” อาศิรวิษร่ายยาว“แค่เกาตัวเองแล้วเป็นรอย ลามบ้าบออะไรกัน” ฉันก้มหน้าบ่นยุบยิบ“ห่วงเจ้าค่ะ” กลีบบัวตอบเสียงเบา“เดี๋ยวนะ!? ขอดเกล็ดที่ว่านี่แบบขอดเกล็ดปลาไหม แบบดึงเกล็ดออกจากผิวอีกชั้นแบบนี้เหรอ” ฉันถามวิธีการเพื่อให้แน่ใจ“อย่างที่เจ้านางน้อยเข้าใจ ถูกต้องแล้วพ่ะย่ะค่ะ” อาศิรวิษตอบหน้าตาย“นายจะบ้าเหรอกะอีแค่...เอ่อ...แค่” ฉันตอบเขาออกไปอย่างเผลอลืมตัว นึกได้จึงรีบหยุดปากไว้ เกิดอาการตะกุกตะกักพูดไม่ออก บอกเลยตอนนี้สายตาของอาศิรวิษจ้องมองมาทางฉันไม่กะพริบ เขาคงจับพิรุธฉันได้แล้วแน่ แต่ฉันจะไม่ยอมจำนนหรอก เขามันงูยักษ์เจ้าเล่ห์หลอกฉันให้จนมุม“แค่กระไรรึพ่ะย่ะค่ะเจ้านางน้

    Last Updated : 2025-04-27
  • อาศิรวิษ   4-สัญลักษณ์ของการสืบทอด1/4

    หลังจากที่เรื่องราวแสนวุ่นวายในยามเช้าจบลง สิ่งที่อาศิรวิษพูดทิ้งท้ายก่อนจากไป ทำเอายังครุ่นคิดไม่ตกปลงไม่ลงเสียที ได้แต่นอนมือก่ายหน้าผากคิดวนเวียนอยู่บนเตียงอย่างกับคนไม่มีงานการจะทำ แน่ล่ะ ก็ฉันไม่รู้ว่าการเป็นเจ้านางน้อยต้องทำอะไรบ้าง กาลัดกับกลีบบัวก็ไม่ได้บอกกล่าวเล่าเรื่องอะไร พวกหล่อนทำเพียงเอนตามผู้เป็นนายเท่านั้นไม่อาจจะสั่งการให้ทำอะไรได้ สิ่งไม่รู้เป็นฉันต้องเริ่มเอ่ยปากก่อนอยู่ร่ำไป และรวมถึงเรื่องนี้เช่นกัน“ขอถามอะไรหน่อยสิ” ความไม่กระจ่างทำให้ฉันต้องตามหาคำตอบเอง“ถามกระไรหรือเพคะเจ้านางน้อย” กาลัดว่าขึ้นในขณะที่มือยังคงทำหน้าที่โบกพัดไปมา“คนของตำหนักประจิมมีใครบ้างเหรอ” ฉันผุดลุกนั่งกับเตียงแล้วถามด้วยความอยากรู้“พระสนมผศิกาเพคะ” กลีบบัวให้คำตอบ“กาลัดกับกลีบบัวพอจะเล่าเรื่องราวในวังนี้ให้ฉันฟังได้ไหม ฉันอยากจะรื้อฟื้นความทรงจำที่หายไป ขอแบบละเอียดเลยนะ” ฉันอ้างเหตุผลจากการเจ็บป่วย เพราะสีหน้าของกาลัดและกลีบบัวล้วนเต็มไปด้วยความงวยงง“ได้เพคะ พระสนมผศิกานั้นเดิมแล้วเป็นพระสหายตั้งแต่พระเยาว์ของเจ้าหลวง เติบโตมาด้วยกันเพคะ จนวันที่เจ้าหลวงต้องครองบัลลังก์เหตุจำเป็นทำ

    Last Updated : 2025-04-27
  • อาศิรวิษ   4-สัญลักษณ์ของการสืบทอด2/4

    “เจ้านางน้อย”“เพคะ”เจ้าหลวงที่ก่อนหน้ายืนมือไขว้หลัง เรียกฉันแล้วหันมาประจันหน้า สายตานิ่งมองมายังฉัน จนทำให้รู้สึกขนลุกไปทั้งแขน“กาลเบื้องหน้าพ่อไม่รู้ว่าจักเกิดสิ่งใดขึ้นบ้าง ทุกอย่างล้วนเป็นไปตามฟ้าลิขิต เจ้าเป็นบุตรเพียงคนเดียวของพระมเหสี และจำต้องแบกรับภาระหน้าที่บ้านเมืองดูแลปกป้องเหล่าประชาต่อจากพ่อ” เจ้าหลวงพูดขึ้นทำให้ฉันรู้สึกตกใจ มันเป็นคำพูดปริศนาที่คุณยายคนนั้นเคยบอกฉัน“แต่ว่าหนูเป็นผู้หญิงนะคะ คงไม่สามารถ...”“มีเพียงเจ้าเท่านั้นที่จะรับหน้าที่นี้ได้”ฉันยังพูดไม่ทันจบประโยค เจ้าหลวงก็พูดแทรกขึ้นด้วยสีหน้าและน้ำเสียงจริงจัง แววตาเปล่งประกายรัศมีที่ยากจะคาดเดา ฉันไม่สามารถสัมผัสได้เลยว่าเจ้าหลวงกำลังวางแผนอะไรอยู่ในหัว แต่เรื่องราวที่ฉันเคยเจอมา คำพูดปริศนาและเหตุการณ์มากมาย ทำให้ฉันเริ่มเป็นกังวล เพราะคนธรรมดาอย่างฉันมันจะปกป้องดูแลใครได้ เวทย์คาถาอะไรก็ไม่มี แค่จะป้องกันตัวจากคนรอบข้างก็แสนจะยากเย็น“แล้วทำไมถึงต้องเป็นหนูละคะ...หนูไม่เข้าใจเลย” ฉันย้อนถาม“เพราะเจ้านางน้อยถูกลิขิตไว้แล้ว และหน้าที่นี้ไม่มีผู้ใดกระทำแทนได้”“หนูก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี เพราะเสด็จพ่อก็มี

    Last Updated : 2025-04-27
  • อาศิรวิษ   4-สัญลักษณ์ของการสืบทอด3/4

    ฉันรู้สึกถึงความเย็นเริ่มวิ่งวนอยู่ในร่างกาย แต่เปลือกตาไม่อาจจะเบิกมองได้ มันหนักอึ้งไปหมด เสียงของผู้คนพูดคุยกันแว่วผ่านเข้ามาในหู ฉันได้ยินเพียงบางเบาไม่สามารถจับใจความได้เลยว่าผู้คนเหล่านั้นพูดคุยอะไรกัน บางคนกำลังจับแขนของฉันเขย่าเบา ๆ ทำให้ฉันเริ่มรู้สึกตัวและพยายามจะลืมตามอง ภาพเลือนรางตรงหน้าทำให้ฉันมองเห็นใครบางคน ฉันพยายามปรับสายตาเพ่งมอง จนเห็นภาพตรงหน้าชัดเจน ใบหน้ายุ่งคิ้วขมวดอยู่ในระยะใกล้ อาศิรวิษ“เจ้าพี่” ฉันเรียกขานด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้ง ไม่รู้ว่าเขาจะได้ยินมันหรือไม่“เจ้านางน้อย” อาศิรวิษเรียกฉันพร้อมกับกุมมือฉันแน่น เรี่ยวแรงที่เคยมีตอนนี้มันปวกเปียกไม่มีแรงพอแม้จะยกแขน“ยังรู้สึกเจ็บปวดหรือไม่ลูก” เป็นเจ้าหลวงที่เข้ามาถามด้วยน้ำเสียงฟังแล้วเหมือนห่วงใย“ที่นี่ที่ไหน” เจ้าถามเมื่อมองโดยรอบแล้วเป็นสถานที่ไม่คุ้นตา และมีเพียงอาศิรวิษกับเจ้าหลวงเท่านั้นที่อยู่ตรงนี้“สระนพเก้า” อาศิรวิษตอบฉัน“อะไรคือสระนพเก้า” ฉันย้อนถามเพราะไม่คุ้นเคยมาก่อน“สระนพเก้าเป็นสระน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่สามารถรักษาทุกการบาดเจ็บได้ ที่แห่งนี้ไม่มีผู้ใดรู้นอกจากพ่อและอาศิรวิษ” เจ้าหลวงพูดขึ้น“ท

    Last Updated : 2025-04-27
  • อาศิรวิษ   4-สัญลักษณ์ของการสืบทอด4/4

    “หึ”“หึอะไรจะหัวเราะก็หัวเราะเลยสิ”เสียงแค่นขบขันจากลำคอ ทำให้ฉันเงยหน้ามองค้อนคนที่กำลังเดินเขามาใกล้ แต่เขาก็เหมือนจะยิ่งตลกไปใหญ่มีทีท่าขำขันไม่หยุด ฉันเหมือนเป็นตัวตลกในสายตาของเขาอย่างนั้นแหละ“กิริยาประหนึ่งเด็กน้อย”“ชิ”“เอาล่ะ เอาล่ะ เจ้านางน้อยอย่าได้บูดบึ้งเช่นนี้เลย ตอนนี้รู้สึกเป็นเยี่ยงไรบ้าง ปราณภายในดีขึ้นหรือยัง” เขาถามด้วยสายตาอบอุ่น น้ำเสียงละมุนฟังแล้วเสนาะหู ถามในสิ่งที่ฉันไม่อาจจะรู้สึกได้ อะไรคือปราณ แล้วมันต้องรู้สึกแบบไหนฉันจะตอบเขาได้ยังไงกัน“อะ อืม” ตอบแบบขอทีไปทีเพราะไม่รู้จะตอบยังไง“อืม? ดีขึ้นหรือไม่ดี” อาศิรวิษย้อน“ดีขึ้น” ฉันยืนยันคำตอบ“แล้วไยถึงไม่ตอบให้ชัดเจน ช่างแปลกประหลาดนักตั้งแต่ที่เจ้านางน้อยฟื้นขึ้นมา”“แล้วจะเซ้าซี้ทำไมนักหนาเล่า” ฉันพูดขึ้นเสียงดังเมื่อเขาเอาแต่ยอกย้อนยียวน “ก็ไม่ใช่ผณินทรจะเหมือนเดิมได้ยังไงล่ะ” ประโยคนี้ฉันมองหน้าเขาแล้วพูดในใจ“ปราณภายในคงดีขึ้นจริง ๆ เพราะเสียงดังฟังชัดเพียงนี้” เขาพูดแหย่ด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง“นี่เจ้าพี่ขอถามอะไรหน่อยสิ”“จะถามกระไรอย่างนั้นหรือ”“ที่เสด็จพ่อทำวันนี้เรียกว่าอะไร ทำไมมันถึงได้เจ็บปวดเ

    Last Updated : 2025-04-27

Latest chapter

  • อาศิรวิษ   5-ภุชคะวิษธรนาคราช 4/4

    การฝึกฝนแสนหนักหน่วงสะสมมานานนับหลายเดือนทำให้ฉันเหนื่อยล้าและเปลืองแรงมหาศาลแทบทุกวัน วันนี้ก็เช่นกันฉันฝึกวิชามาจนลึกล้ำถึงขั้นเปลี่ยนร่าง เหาะเหินเดินอากาศ และการใช้เวทย์ต่าง ๆ ตามที่ท่านอาจารย์สอนให้ ฉันรู้สึกประหลาดใจอย่างไม่คิดเชื่อเลยว่า คนธรรมดาแบบฉันสามารถฝึกวิชาโบราณได้มากถึงเพียงนี้ เป็นสิ่งที่ฉันคาดไม่ถึงเลย แม้กระทั่งความรู้สึกที่เริ่มเปลี่ยนไปกับใครบางคน“ทำได้ดีมากทีเดียวเจ้านางน้อย” ท่านอาจารย์เอ่ยเมื่อสิ้นสุดการฝึกในวันนี้“ไม่คิดว่าจะทำได้เหมือนกันเจ้าค่ะ”“สิ่งที่ติดตัวมา ต่อให้ลืมเลือนก็ย่อมรื้อฟื้นได้ไม่ยาก”“แต่หนูไม่เคยรู้วิชาพวกนี้ก่อนนะเจ้าคะ”“.....”“ท่านอาจารย์มองหน้าแบบนั้น รู้สึกแปลก ๆ เจ้าค่ะ มีอะไรเหรือเปล่าเจ้าคะ?”ระหว่างการพูดคุยกับท่านอาจารย์อยู่ในถ้ำ คำพูดบางประโยคทำให้ฉันแปลกใจ แถมสายตาที่ท่านอาจารย์มองมาที่ฉันยิ่งทำให้มีความรู้สึกแปลกประหลาด เหมือนกับว่าท่านอาจารย์รับรู้อะไรบางอย่างในตัวของฉัน หรือว่าฉันจะคิดมากไปเอง“ไม่มีกระไรหรอก วันนี้สิ้นสุดเพียงเท่านี้ เสด็จกลับตำหนักเถิดเจ้านางน้อย พรุ่งนี้ค่อยมาฝึกวิชาขั้นสูงสุด”“เจ้าค่ะ ศิษย์ของลา”แม้ท

  • อาศิรวิษ   5-ภุชคะวิษธรนาคราช 2-3/4

    “เจอกันจริง ๆ เสียทีนะ”“คะ?”คำพูดของท่านอาจารย์ทำให้ฉันเกิดความสงสัยขึ้นมาอีกครั้ง อะไรคือคำว่าเจอกันจริง ๆ เสียที“ศิษย์ขอฝากบุตรสาวคนนี้เป็นศิษย์ของท่านด้วยเถิด นางเป็นหน่อเนื้อเชื้อไขที่ศิษย์ไว้ใจให้ปกครองมคธนครในภายภาคหน้า และเชื่อว่านางจะทำหน้าที่นี้ได้เป็นอย่างดี”เสด็จพ่อพูดขึ้น ตอนนี้ทุกอย่างประเดประดังเข้ามาในหัวของฉันไม่หยุดหย่อน นี่ฉันต้องรับภาระหน้าที่อันหนักอึ้งจริงหรือ ปกครองชีวิตนับแสนนับล้านฉันเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาจะทำมันได้อย่างไร“อย่าได้กังวลใจไป แม้จะไม่ใช่ตัวตนแต่จิตวิญญาณแท้จริงนั้นแสนลึกล้ำยิ่งนัก”“แต่ว่า...”“ปล่อยให้ทุกอย่างเดินตามเส้นทางที่ลิขิตเถิด การฝืนยิ่งจะทำให้เจ็บไม่รู้จบ”“เจ้าค่ะ”ท่านอาจารย์กล่าวออกมาอย่างกับอ่านความคิดของฉันได้ คำพูดของท่านทำให้ฉันปรายสายตามอง ในหัวตอนนี้มีเครื่องหมายคำถามเต็มไปหมด แต่ก็ไม่อาจจะเปล่งออกมาเป็นวาจาถามไถ่ ก็ได้แต่เก็บความสงสัยเอาไว้ในก้นบึ้งหัวใจ และก้มหัวยอมรับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นนับจากนี้ฉันตั้งใจร่ำเรียนวิชาตามที่ท่านอาจารย์สอน มันช่างยากเย็นแสนเข็ญสำหรับฉันที่เป็นเพียงจิตวิญญาณธรรมดา วิชาเวทย์ที่ยากจะเข้าใจ

  • อาศิรวิษ   5-ภุชคะวิษธรนาคราช 1/4

    ตลอดเวลาสามวันที่ฉันรักษาตัวแช่อยู่ในสระนพเก้า มีอาศิรวิษคอยเฝ้าดูแลอย่างชิดใกล้ ได้รับการเอาใจใส่เป็นอย่างดี ร่างกายของฉันมีแรงขึ้นมากและเหมือนว่าจะมีพลังบางอย่างเวียนวนอยู่ภายในร่างกายของฉัน ระยะเวลาที่ผ่านฉันพยายามหลอกถามอาศิรวิษจนสามารถทำเบื้องต้นในสิ่งที่ผณินทรเคยทำ การเปลี่ยนร่างเหาะเหินล้วนได้รับการฝึกสอนมาจากอาศิรวิษทั้งนั้น แม้จะยังไม่ชำนาญมากแต่ก็สามารถทำได้มากกว่าแต่ก่อน เขาพาฉันกลับมายังตำหนักในเวลาพลบค่ำที่ไร้ผู้คนสัญจร ตามคำสั่งการของเจ้าหลวงว่าเรื่องที่เกิดขึ้นต้องเป็นความลับ“เจ้านางน้อยพักผ่อนเสียเถิด พรุ่งนี้จักต้องเข้าเฝ้าเจ้าหลวงแต่เช้า”“อืม”อาศิรวิษส่งฉันยังหน้าทางเข้าตำหนักพักผ่อน ย้ำเตือนในหน้าที่ต้องกระทำในวันพรุ่งนี้ ฉันรับฟังด้วยความยินดี จากนั้นก็เดินแยกจากเข้าไปยังตำหนักด้านใน เดินห่างออกไปจึงได้หันหลังกลับมามอง ยังคงเห็นเขายืนส่งไม่ไปไหน ฉันจึงส่งยิ้มอ่อนให้แล้วรีบเดินเข้าด้านในด้วยรอยยิ้มเปรมปรีดิ์เวลาผ่านไปนานจนฉันแทบไม่รู้วันเวลากับการที่มาอยู่ที่นี่ สถานที่แปลกตาผู้คนที่ฉันไม่รู้จัก แต่ด้วยสถานการณ์ที่ฉันยากจะปฏิเสธทุกอย่างจำต้องเดินตามเส้นทางที่ถูก

  • อาศิรวิษ   4-สัญลักษณ์ของการสืบทอด4/4

    “หึ”“หึอะไรจะหัวเราะก็หัวเราะเลยสิ”เสียงแค่นขบขันจากลำคอ ทำให้ฉันเงยหน้ามองค้อนคนที่กำลังเดินเขามาใกล้ แต่เขาก็เหมือนจะยิ่งตลกไปใหญ่มีทีท่าขำขันไม่หยุด ฉันเหมือนเป็นตัวตลกในสายตาของเขาอย่างนั้นแหละ“กิริยาประหนึ่งเด็กน้อย”“ชิ”“เอาล่ะ เอาล่ะ เจ้านางน้อยอย่าได้บูดบึ้งเช่นนี้เลย ตอนนี้รู้สึกเป็นเยี่ยงไรบ้าง ปราณภายในดีขึ้นหรือยัง” เขาถามด้วยสายตาอบอุ่น น้ำเสียงละมุนฟังแล้วเสนาะหู ถามในสิ่งที่ฉันไม่อาจจะรู้สึกได้ อะไรคือปราณ แล้วมันต้องรู้สึกแบบไหนฉันจะตอบเขาได้ยังไงกัน“อะ อืม” ตอบแบบขอทีไปทีเพราะไม่รู้จะตอบยังไง“อืม? ดีขึ้นหรือไม่ดี” อาศิรวิษย้อน“ดีขึ้น” ฉันยืนยันคำตอบ“แล้วไยถึงไม่ตอบให้ชัดเจน ช่างแปลกประหลาดนักตั้งแต่ที่เจ้านางน้อยฟื้นขึ้นมา”“แล้วจะเซ้าซี้ทำไมนักหนาเล่า” ฉันพูดขึ้นเสียงดังเมื่อเขาเอาแต่ยอกย้อนยียวน “ก็ไม่ใช่ผณินทรจะเหมือนเดิมได้ยังไงล่ะ” ประโยคนี้ฉันมองหน้าเขาแล้วพูดในใจ“ปราณภายในคงดีขึ้นจริง ๆ เพราะเสียงดังฟังชัดเพียงนี้” เขาพูดแหย่ด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง“นี่เจ้าพี่ขอถามอะไรหน่อยสิ”“จะถามกระไรอย่างนั้นหรือ”“ที่เสด็จพ่อทำวันนี้เรียกว่าอะไร ทำไมมันถึงได้เจ็บปวดเ

  • อาศิรวิษ   4-สัญลักษณ์ของการสืบทอด3/4

    ฉันรู้สึกถึงความเย็นเริ่มวิ่งวนอยู่ในร่างกาย แต่เปลือกตาไม่อาจจะเบิกมองได้ มันหนักอึ้งไปหมด เสียงของผู้คนพูดคุยกันแว่วผ่านเข้ามาในหู ฉันได้ยินเพียงบางเบาไม่สามารถจับใจความได้เลยว่าผู้คนเหล่านั้นพูดคุยอะไรกัน บางคนกำลังจับแขนของฉันเขย่าเบา ๆ ทำให้ฉันเริ่มรู้สึกตัวและพยายามจะลืมตามอง ภาพเลือนรางตรงหน้าทำให้ฉันมองเห็นใครบางคน ฉันพยายามปรับสายตาเพ่งมอง จนเห็นภาพตรงหน้าชัดเจน ใบหน้ายุ่งคิ้วขมวดอยู่ในระยะใกล้ อาศิรวิษ“เจ้าพี่” ฉันเรียกขานด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้ง ไม่รู้ว่าเขาจะได้ยินมันหรือไม่“เจ้านางน้อย” อาศิรวิษเรียกฉันพร้อมกับกุมมือฉันแน่น เรี่ยวแรงที่เคยมีตอนนี้มันปวกเปียกไม่มีแรงพอแม้จะยกแขน“ยังรู้สึกเจ็บปวดหรือไม่ลูก” เป็นเจ้าหลวงที่เข้ามาถามด้วยน้ำเสียงฟังแล้วเหมือนห่วงใย“ที่นี่ที่ไหน” เจ้าถามเมื่อมองโดยรอบแล้วเป็นสถานที่ไม่คุ้นตา และมีเพียงอาศิรวิษกับเจ้าหลวงเท่านั้นที่อยู่ตรงนี้“สระนพเก้า” อาศิรวิษตอบฉัน“อะไรคือสระนพเก้า” ฉันย้อนถามเพราะไม่คุ้นเคยมาก่อน“สระนพเก้าเป็นสระน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่สามารถรักษาทุกการบาดเจ็บได้ ที่แห่งนี้ไม่มีผู้ใดรู้นอกจากพ่อและอาศิรวิษ” เจ้าหลวงพูดขึ้น“ท

  • อาศิรวิษ   4-สัญลักษณ์ของการสืบทอด2/4

    “เจ้านางน้อย”“เพคะ”เจ้าหลวงที่ก่อนหน้ายืนมือไขว้หลัง เรียกฉันแล้วหันมาประจันหน้า สายตานิ่งมองมายังฉัน จนทำให้รู้สึกขนลุกไปทั้งแขน“กาลเบื้องหน้าพ่อไม่รู้ว่าจักเกิดสิ่งใดขึ้นบ้าง ทุกอย่างล้วนเป็นไปตามฟ้าลิขิต เจ้าเป็นบุตรเพียงคนเดียวของพระมเหสี และจำต้องแบกรับภาระหน้าที่บ้านเมืองดูแลปกป้องเหล่าประชาต่อจากพ่อ” เจ้าหลวงพูดขึ้นทำให้ฉันรู้สึกตกใจ มันเป็นคำพูดปริศนาที่คุณยายคนนั้นเคยบอกฉัน“แต่ว่าหนูเป็นผู้หญิงนะคะ คงไม่สามารถ...”“มีเพียงเจ้าเท่านั้นที่จะรับหน้าที่นี้ได้”ฉันยังพูดไม่ทันจบประโยค เจ้าหลวงก็พูดแทรกขึ้นด้วยสีหน้าและน้ำเสียงจริงจัง แววตาเปล่งประกายรัศมีที่ยากจะคาดเดา ฉันไม่สามารถสัมผัสได้เลยว่าเจ้าหลวงกำลังวางแผนอะไรอยู่ในหัว แต่เรื่องราวที่ฉันเคยเจอมา คำพูดปริศนาและเหตุการณ์มากมาย ทำให้ฉันเริ่มเป็นกังวล เพราะคนธรรมดาอย่างฉันมันจะปกป้องดูแลใครได้ เวทย์คาถาอะไรก็ไม่มี แค่จะป้องกันตัวจากคนรอบข้างก็แสนจะยากเย็น“แล้วทำไมถึงต้องเป็นหนูละคะ...หนูไม่เข้าใจเลย” ฉันย้อนถาม“เพราะเจ้านางน้อยถูกลิขิตไว้แล้ว และหน้าที่นี้ไม่มีผู้ใดกระทำแทนได้”“หนูก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี เพราะเสด็จพ่อก็มี

  • อาศิรวิษ   4-สัญลักษณ์ของการสืบทอด1/4

    หลังจากที่เรื่องราวแสนวุ่นวายในยามเช้าจบลง สิ่งที่อาศิรวิษพูดทิ้งท้ายก่อนจากไป ทำเอายังครุ่นคิดไม่ตกปลงไม่ลงเสียที ได้แต่นอนมือก่ายหน้าผากคิดวนเวียนอยู่บนเตียงอย่างกับคนไม่มีงานการจะทำ แน่ล่ะ ก็ฉันไม่รู้ว่าการเป็นเจ้านางน้อยต้องทำอะไรบ้าง กาลัดกับกลีบบัวก็ไม่ได้บอกกล่าวเล่าเรื่องอะไร พวกหล่อนทำเพียงเอนตามผู้เป็นนายเท่านั้นไม่อาจจะสั่งการให้ทำอะไรได้ สิ่งไม่รู้เป็นฉันต้องเริ่มเอ่ยปากก่อนอยู่ร่ำไป และรวมถึงเรื่องนี้เช่นกัน“ขอถามอะไรหน่อยสิ” ความไม่กระจ่างทำให้ฉันต้องตามหาคำตอบเอง“ถามกระไรหรือเพคะเจ้านางน้อย” กาลัดว่าขึ้นในขณะที่มือยังคงทำหน้าที่โบกพัดไปมา“คนของตำหนักประจิมมีใครบ้างเหรอ” ฉันผุดลุกนั่งกับเตียงแล้วถามด้วยความอยากรู้“พระสนมผศิกาเพคะ” กลีบบัวให้คำตอบ“กาลัดกับกลีบบัวพอจะเล่าเรื่องราวในวังนี้ให้ฉันฟังได้ไหม ฉันอยากจะรื้อฟื้นความทรงจำที่หายไป ขอแบบละเอียดเลยนะ” ฉันอ้างเหตุผลจากการเจ็บป่วย เพราะสีหน้าของกาลัดและกลีบบัวล้วนเต็มไปด้วยความงวยงง“ได้เพคะ พระสนมผศิกานั้นเดิมแล้วเป็นพระสหายตั้งแต่พระเยาว์ของเจ้าหลวง เติบโตมาด้วยกันเพคะ จนวันที่เจ้าหลวงต้องครองบัลลังก์เหตุจำเป็นทำ

  • อาศิรวิษ   3-เงื่อนงำและการชิงอำนาจ4/4

    “ถ้าเยี่ยงนั้นคงจักต้องรักษาด้วยการขอดเกล็ดที่เสียหายทิ้ง”“ห๊ะ!!!”อาศิรวิษพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เย็นยะเยือก ก่อนจะหันหน้ามามองฉัน และคำพูดของเขาทำเอาฉันตกใจจนร้องเสียงหลง อะไรคือการขอดเกล็ดมันไม่ใช่อย่างที่ฉันคิดใช่ไหม?“ท่านอาศิรวิษเจ้าคะ เกรงว่า...” กลีบบัวพูดเสริมขึ้น แต่ยังพูดไม่ทันจบประโยคดี ก็มีเสียงเข้มขรึมแทรกขึ้นก่อน“ก็ผิวกายเสียหาย หากปล่อยทิ้งไว้คงจะลามเป็นแผลใหญ่กว่าเดิม เจ้าไม่ห่วงนายของตัวเองหรือไร” อาศิรวิษร่ายยาว“แค่เกาตัวเองแล้วเป็นรอย ลามบ้าบออะไรกัน” ฉันก้มหน้าบ่นยุบยิบ“ห่วงเจ้าค่ะ” กลีบบัวตอบเสียงเบา“เดี๋ยวนะ!? ขอดเกล็ดที่ว่านี่แบบขอดเกล็ดปลาไหม แบบดึงเกล็ดออกจากผิวอีกชั้นแบบนี้เหรอ” ฉันถามวิธีการเพื่อให้แน่ใจ“อย่างที่เจ้านางน้อยเข้าใจ ถูกต้องแล้วพ่ะย่ะค่ะ” อาศิรวิษตอบหน้าตาย“นายจะบ้าเหรอกะอีแค่...เอ่อ...แค่” ฉันตอบเขาออกไปอย่างเผลอลืมตัว นึกได้จึงรีบหยุดปากไว้ เกิดอาการตะกุกตะกักพูดไม่ออก บอกเลยตอนนี้สายตาของอาศิรวิษจ้องมองมาทางฉันไม่กะพริบ เขาคงจับพิรุธฉันได้แล้วแน่ แต่ฉันจะไม่ยอมจำนนหรอก เขามันงูยักษ์เจ้าเล่ห์หลอกฉันให้จนมุม“แค่กระไรรึพ่ะย่ะค่ะเจ้านางน้

  • อาศิรวิษ   3-เงื่อนงำและการชิงอำนาจ3/4

    “เฮ้อ เกือบโดนจับได้ซะละ” ฉันถอนหายใจ แล้วยกมือลูบอกอย่างโล่งใจเมื่อเดินเข้ามาในตำหนักส่วนตัว มีกลีบบัวยืนเคียงข้างอยู่ในท่าทางไม่ต่างกับฉัน“กาลัดตามหมอหลวงถึงที่ใดกัน ยังไม่เห็นโผล่มา...คัน แสบร้อน หรือไม่เพคะเจ้านางน้อย” กลีบบัวพ่น แล้วจึงเอ่ยถามฉันด้วยความห่วงใย“ไม่ได้เป็นอะไรซะหน่อย” ฉันพูดบอกเธอแล้วเดินไปนั่งบนเตียงอย่างคนอารมณ์ดี“แต่...”“ฉันทำตัวเองน่ะ”กลีบบัวกำลังจะอ้าปากถาม ฉันเลยรีบบอกเธอให้เข้าใจ แต่เหมือนว่าจะยังไม่คลายความสงสัย เพราะกลีบบัวขมวดคิ้วอย่างกับมีคำคาใจ“เรียกร้องความสงสารไง ยัยเจ้านางน้อยอัปสรานั่นจะได้บทเรียนซะบ้าง ท่าทางกร่างเหลือเกิน”“ถ้าหากว่าโดนจับได้ขึ้นมาล่ะเพคะ” กลีบบัวดูกังวล“ไม่หรอกน่า เจ้าหลวงก็ทรงตัดสินโทษแล้วไม่ใช่หรือไง ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรคงไม่มีใครมารื้อฟื้นหรอก เพียงสตรีวิวาทหยอกล้อ ยิ่งใหญ่แค่เพียงปลายช้อนตักข้าว”“หม่อมฉันฟังประโยคสุดท้ายของเจ้านางน้อยเข้าใจเพคะ”“เป็นแบบนั้นแหละ...สบายใจได้ไม่มีใครรื้อฟื้นเรื่องวันนี้หรอก”“แต่วาจานี้หม่อมฉันไม่เข้าใจเพคะ”“เดี๋ยวก็ชิน ไปอาบน้ำกันเถอะเริ่มจะคันแล้ว”“เพคะ”จากนั้นกลีบบัวก็พาฉันไปอาบ

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status