2
เพื่อนเก่าที่จากไป เพื่อนใหม่ที่กลับมา มอลลี่นั่งจิบกาแฟร้อน ๆ แล้วเช็คข่าวบนโซเชียลในโทรศัพท์มือถือ มอลลี่ใช้นิ้วไถหน้าจอไปเรื่อยๆ จนเลื่อนมาเจอรูปจากโซเชียลของทิวากร เขาได้โพสต์รูปมือข้างซ้ายที่สวมแหวนนิ้วนางของพิชชาวางบนช่อดอกไม้ ใต้ภาพเขียนบรรยายไว้ว่า “ขอบคุณที่ยอมเป็นเจ้าสาวของผมนะครับ” มอลลี่กลับมาดูที่รูปก็รู้สึกดีใจกับพิชชาด้วย แล้วตะโกนเรียกเอบีกับใบเฟิร์นที่อยู่ในห้องครัวออกมาดูรูป “นังมอลลี่! นี่หล่อนเป็นอะไรยะ...ถึงได้ตะโกนเรียกฉันกับเจ๊เฟิร์นเนี่ย” “ใช่ เดี๋ยวน้องพิ้งค์มา...จะโดนว่าเอานะ” “น้องพิ้งค์ไม่ว่าหรอก…นี่มาดูสิ” เอบีกับใบเฟิร์นนั่งลงที่เก้าอี้ข้างๆ มอลลี่ แล้วเกย์หน้าหล่อก็ยื่นโทรศัพท์มือถือให้เอบีและแบ่งให้ใบเฟิร์นดูด้วย สักพักเสียงโมบายกระดิ่งก็ดังกระทบกรุ๊งกริ๊ง ทั้งสามคนหันหน้าไปทางประตู คนที่เดินเข้ามาคือดีไซน์เนอร์สาว เจ้านายของพวกเธอทั้งสามคนนั่นเอง พิชชาเดินเข้ามาทักทายด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส พวกรุ่นพี่สามคนลุกขึ้นมาเอ่ยพูดกันอย่างพร้อมเพรียงด้วยความดีอกดีใจ “พวกพี่ขอแสดงความยินดีด้วยนะคะ...” “พวกพี่รู้กันแล้วเหรอคะ” ดีไซน์เนอร์สาวหน้าแดงด้วยความกระดากอาย “รู้แล้วค่ะ ได้ฤกษ์งานแต่งหรือยังคะ” เกย์หน้าหล่อถามด้วยความตื่นเต้น “ใจเย็นก่อนค่ะ เมื่อวานทิมเพิ่งจะขอพิ้งค์แต่งเองนะคะ” “ก็พี่ตื่นเต้นแทนนี่คะ” จังหวะที่มอลลี่กำลังบิดตัวหมุนไปมาด้วยความเขิน เอบีเท้าเอวและใบเฟิร์นกอดอก มองหน้ากันด้วยความรู้สึกหมั่นไส้นังเกย์หน้าหล่อนี่เสียจริง และในขณะนั้นเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นจากกระเป๋าของพิชชา ดีไซน์เนอร์สาวเปิดกระเป๋าแล้วหยิบโทรศัพท์ออกมาดูพร้อมกับเอ่ยพูดขอตัว รุ่นพี่ทั้งสามคนพยักหน้าและยิ้ม ดีไซน์เนอร์สาวกดรับสายพลางเดินขึ้นไปบนห้องทำงานส่วนตัว “ฮัลโหล!” ดีไซน์เนอร์สาวเข้ามาในห้องและเดินไปยังโต๊ะทำงาน [ฮัลโหลพิ้งค์ แกจะแต่งงานกับทิมจริง ๆ เหรอ นี่แกไม่เชื่อฉันบ้างเลยรึไง] “ฉันเข้าใจนะว่าแกหวังดีกับฉัน แต่ตราบใดที่ฉันยังไม่ได้เห็นกับตาตัวเอง ฉันก็ไม่เชื่อ มิน!..แกต้องเข้าใจฉันนะ” [เฮ้อ… ฉันเข้าใจแกและเป็นห่วงแกเสมอ] “ขอบคุณนะ ที่คอยอยู่ข้างฉัน เป็นห่วงฉันมาตลอด” ดีไซน์เนอร์สาววางสายจากเพื่อนสนิท และวางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะทำงาน ดีไซน์เนอร์สาวยกมือขวามาลูบแหวนที่นิ้วนางข้างซ้ายพร้อมกับนั่งยิ้มอย่างมีความสุขอยู่พักใหญ่ จนมีเสียงเคาะประตูดังมาจากด้านนอก ~ก๊อก ก๊อก ก๊อก~ “เข้ามาได้ค่ะ” คนด้านนอกผลักประตูและเดินถือแฟ้มเอกสารเข้ามายืนตัวตรงข้างโต๊ะทำงานของพิชชา ยื่นแฟ้มเอกสารมาให้เซ็น แล้วรายงานเรื่องโรงงานผ้า “เดือนหน้าโรงงานจะมีผ้าล็อตใหม่เข้ามา ผู้จัดการโรงงานเลยอยากให้น้องพิ้งค์เข้าไปตรวจดูค่ะ” “ได้ค่ะ…ยังไงพี่เฟิร์นเตือนพิ้งค์ด้วยนะคะ” พิชชาลงลายเซ็นบนกระดาษเสร็จเรียบร้อย ปิดแฟ้มเอกสารและส่งคืนให้กับใบเฟิร์น แต่ในขณะนั้นก็มีเสียงเคาะประตูและพรวดพราดเข้ามา เหมือนจะมีเรื่องเร่งด่วน “พี่เอบี…มีอะไรหรือเปล่าค่ะ” “มีผู้หญิงคนหนึ่งมาขอพบคุณน้องนะคะ” ‘เอ๊ะ! ใครนะ’ ดีไซน์เนอร์สาวคิดในใจพลางควงปากกาในมือเล่น “ถ้างั้นลงไปดูกันเลยดีกว่าค่ะ” พิชชาเลื่อนเก้าอี้ทำงานออกจากโต๊ะทำงานเล็กน้อยและคว้าโทรศัพท์มือถือ ลุกขึ้นเดินอ้อมโต๊ะทำงานไปังประตูทางออก เอบีกับใบเฟิร์นเดินตามมาติด ๆ พิชชาก้าวเดินลงบันไดอย่างกระฉับกระเฉง มองลงมาเเห็นสาวผมลอนด์ยาว ตัวสูงโปร่งบางในชุดจั๊มสูท ส้นสูงปลายแหลมยืนหันหลังมองไปรอบ ๆ ร้านด้วยความรู้สึกทึ่ง มอลลี่เห็นว่าพิชชามาแล้วจึงบอกหญิงสาวคนนั้น พอหญิงสาวได้ยินก็หมุนตัวมาทางพิชชาที่กำลังเดินลงมา “เซอร์ไพรส์” “ซาบีน่า!” พิชชาดีใจมากที่ได้เจอซาบีน่า ดีไซน์เนอร์สาวรีบเดินเข้าไปกอดซาบีน่าด้วยความคิดถึง หลังจากที่เรียนจบ ซาบีน่าก็ได้ไปทำตามความฝันของตัวเองในการเป็นนางแบบ เธอจึงเซ็นสัญญากับโมเดลลิ่งของต่างประเทศ แล้วจากนั้นมาก็ไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย พิชชาพาซาบีน่าเข้าไปนั่งลงที่โซฟาในห้องรับแขก พิชชาสั่งให้มอลลี่เอาชากุหลาบและเค้กฟองน้ำมาเสิร์ฟให้แขก ก่อนที่จะมานั่งคุยกับซาบีน่า “เธอกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่” “ฉันกลับมาได้สองวันแล้วล่ะ” “แล้วเธอจะกลับไปอีกไหม?” “ไม่กลับไปแล้วล่ะ… เพราะฉันหมดสัญญากับทางนู้นแล้ว” มอลลี่ยกชากุหลาบและเค้กฟองน้ำเข้ามาเสิร์ฟ หลังจากนั้นทั้งสองคนก็นั่งจิบชากุหลาบร้อน ๆ และกินเค้กฟองน้ำอุ่น ๆ แล้วนั่งคุยกันเพลิน ๆ จนซาบีน่าเกือบลืมไปว่ามีงานถ่ายแบบนิตยสารเลยต้องขอตัวก่อน พิชชาเดินออกไปส่งเพื่อนสาวที่หน้าร้าน “ฉันไปก่อนนะ...ไว้คราวหน้าชวนมินตรามาทานข้าวกันนะ” “ได้เลย” แล้วซาบีน่าก็เดินออกไปจากห้องเสื้อ พิชชายืนโบกมือบ๊ายบายและมองนางแบบสาวค่อย ๆ เดินจากไปจนลับสายตา ดีไซน์เนอร์สาวจึงหมุนตัวเดินขึ้นบันไดกลับห้องทำงานส่วนตัว … วันนี้พิชชาขอกลับก่อนเวลา เพื่อแวะไปหามินตราและรีบกลับบ้านมาคุยเรื่องสำคัญกับครอบครัว ดีไซน์เนอร์สาวขับรถเก๋งสีขาวคันหรูเข้ามาจอดในโรงรถ แล้วเธอดับเครื่องยนต์และปลดเข็มขัดนิรภัย หยิบกระเป๋าสะพายแบรนด์เนมที่วางไว้บนเบาะข้าง ๆ เปิดประตูรถก้าวลงมา จิ๋ว (สาวรับใช้) รีบเดินออกมาช่วยขนเอกสารไปเก็บที่ห้องทำงานของดีไซน์เนอร์สาว พิชชาเปิดประตูหลังรถแล้วหยิบเค้กส้มที่แวะไปหามินตราก็เลยซื้อมา ส่งให้จิ๋วช่วยถือเข้าไปไว้ในครัว เสร็จเรียบร้อยเธอจึงเดินเข้าไปในบ้าน พอดีไซน์เนอร์สาวก้าวเข้ามาในบ้านก็เจอภูมิรพีกับภูริชญา น้องชายและน้องสาวต่างมารดาของเธอ ทั้งสองคนเห็นพิชชาก็เข้ามาสวมกอดอย่างดีใจ เนื่องจากไม่ได้อยู่ด้วยกัน ตั้งแต่แม่ของพิชชาเสีย ภูผาหรือคุณพ่อของเธอก็ได้แต่งงานใหม่และย้ายไปอยู่ที่ไร่เชาวกรกุล ก็เลยไม่ค่อยได้เจอกันบ่อย “หนูคิดถึงพี่พิ้งค์มากเลยนะคะ” “ผมก็คิดถึงพี่พิ้งค์เหมือนกันครับ” “ค่ะ…พี่ก็คิดถึงพวกเราทั้งสองคน” พิชชายิ้มให้น้องทั้งสองคนของเธอ เมื่อได้ยินเสียงของพิชชา ภูผากับวารุณี (แม่เลี้ยง) ก็เดินออกมาจากห้องนั่งเล่น พอพิชชาเหลือบไปมองก็บอกน้องทั้งสองคนและเดินเข้าไปทำความเคารพภูผากับวารุณี “สวัสดีค่ะคุณพ่อ… สวัสดีค่ะคุณน้า…” พิชชายกมือไหว้ทั้งสองคน ในเวลาเดียวกันสมพร (สาวรับใช้เก่าแก่) เดินมาบอกว่าตั้งโต๊ะเสร็จแล้ว เชิญไปที่โต๊ะอาหารเพื่อรับประทานอาหารได้ ทุกคนก็เดินไปยังโต๊ะอาหาร ภูผาเดินมานั่งลงบนเก้าอี้หัวโต๊ะ วารุณีกับภูมิรพีนั่งลงบนเก้าอี้ข้างขวา ส่วนพิชชากับภูริชญานั่งลงบนเก้าอี้ข้างซ้าย ทุกคนนั่งลงกันเป็นที่เรียบร้อย สมพรเดินมาตักข้าวและจิ๋วเดินมารินน้ำใส่แก้วให้ทุกคน แล้วรับประทานมื้อเย็นกันเลย หลังจากนั้นจิ๋วเข้ามาในห้องครัว เปิดตู้เย็นและหยิบเค้กส้มมาจัดใส่จานแล้วนำมาเสิร์ฟ พอดีทุกคนทานกันอิ่มแล้วก็เอาเค้กส้มมาวางบนโต๊ะอาหาร “พิ้งค์ซื้อมาจากร้านมินค่ะ ลองชิมกันดูนะคะ...เป็นเมนูใหม่ที่มินทำค่ะ” ดีไซน์เนอร์สาวลุกขึ้นมาตักให้ทุกคน “ถ้างั้นหนูทานเลยนะคะ” “เชิญจ้ะ” พิชชายิ้มและลูบหัวน้องสาวอย่างอ่อนโยน สักพักเธอก็หันหน้ามาเปิดประเด็นคุยกับภูผาที่กำลังนั่งจิบชาร้อนๆ อยู่ “คุณพ่อค่ะ....พิ้งค์มีอะไรจะบอกค่ะ” ภูผาเงยหน้าขึ้นมาแล้วตั้งใจฟังที่พิชชากำลังจะพูด “ทิม…เขาขอพิ้งค์แต่งงานค่ะ” “แล้วพิ้งค์ตอบเขาไปว่าอย่างไรล่ะ” “พิ้งค์ตกลงค่ะ” พิชชาส่งยิ้มให้ภูผาและทุกคน “น้ายินดีด้วยนะคะ...หนูพิ้งค์” “ขอบคุณค่ะ....คุณน้า” คนในครอบครัวต่างก็ยินดีกับพิชชาเป็นอย่างมาก … หลังจากที่ไปนั่งดูหนังกับน้องๆ ที่ห้องนั่งเล่นมาก็ปาเข้าไปสองทุ่มแล้ว เธอเลยขึ้นห้องไปพักผ่อนดีกว่า พิชชากำลังจะเดินเข้าไปอาบน้ำ เสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังมาจากบนโต๊ะหัวเตียง เธอเดินไปหยิบขึ้นมาดูว่าเป็นใครที่โทรเข้ามา หน้าจอโทรศัพท์โชว์เบอร์ทิวากร เธอจึงรีบกดรับทันที “ฮัลโหลค่ะทิม” [ฮัลโหลครับ! ผมโทรมารบกวนพิ้งค์หรือเปล่า] “ไม่เลยค่ะ ทิมมีธุระอะไรรึเปล่า” [ก็ไม่มีอะไรมากหรอกครับ ผมแค่อยากขอให้คุณตัดสูทให้ผมใส่ในงานแต่งของเราครับ] “คุณแน่ใจนะคะ” [ครับ...ผมแน่ใจ ว่าที่ภรรยาของผมเก่งอยู่แล้ว] “คุณพูดเกินไปแล้ว ไม่เอา...ไม่พูดเรื่องนี้แล้ว” [ก็ได้ครับ…ผมรักคุณนะ บ๊ายบาย!] พิชชากดวางสาย แล้วเดินเข้าห้องน้ำอย่างสบายอารมณ์ อีกห้านาทีพิชชาก็เดินออกมาจากห้องน้ำ แล้วใส่ชุดนอนสายเดี่ยวลูกไม้และมีเสื้อคลุมสีขาว เดินมาขึ้นเตียง พิชชาขึ้นมานั่งอยู่บนเตียงใต้ผ้าห่ม จากนั้นก็ปิดโคมไฟบนหัวเตียงแล้วก็นอน พิชชานอนลูบแหวนที่นิ้วนางข้างซ้ายตลอดทั้งคืน3เล่นชู้เช้าวันรุ่งขึ้น...แสงแดดส่องผ่านหน้าต่างเข้ามาในห้องนอนของดีไซน์เนอร์สาว แสงแดดอ่อนๆ ส่องกระทบเปลือกตาเธอที่กำลังนอนอยู่บนเตียงอย่างสบายกาย เธอขยี้ตาและลุกขึ้นมานั่งบิดตัวไปมา เธอค่อย ๆ ยกเท้าลงจากเตียงพลางยกมือสองข้างขึ้นเกล้าผมสูงก่อนที่จะเดินเข้าห้องน้ำไป…ครึ่งชั่วโมงผ่านไป…เสร็จจากการอาบน้ำก็ออกมาประทินโฉม โบ๊ะหน้าอ่อน ๆ สางผมให้เรียบร้อย ก่อนเลือกหาเสื้อตัวสวยกับกางเกงขายาวมาสวมใส่เธอเดินมาที่กระจกบานใหญ่และสำรวจดูความเรียบร้อย แล้วจึงหยิบกระเป๋าเหวี่ยงพาดบ่า และก็เดินจ้วง ๆ ออกไปจากห้องนอนพิชชาเดินลงบันไดมาก็เจอสมพรกับจิ๋วกำลังทำความสะอาดอยู่ จึงเดินเข้ามาถามสมพร“ป้าพรค่ะ…คุณพ่ออยู่ไหนเหรอคะ”“คุณท่านมีงานด่วนเลยต้องรีบกลับไร่ค่ะ...คุณผู้หญิงกับคุณหนู ๆ ก็กลับไปพร้อมกันค่ะ”“อืม! ถ้างั้นพิ้งค์ไปทำงานก่อนนะคะ”สมพรพยักหน้าและยิ้มให้พิชชา ดีไซน์เนอร์สาวก็เดินมุ่งหน้าไปที่โรงรถเพื่อขับไปที่ห้องเสื้อของเธอ…พิชชาจอดรถตรงข้างร้าน ดับเครื่องยนต์และปลดเข็มขัดนิรภัยออก เอื้อมมือหยิบกระเป๋าสะพาย แล้วเปิดประตูก้าวลงจากรถ ผลักปิดพลางกดรีโมตล็อครถดีไซน์เนอร์เดินฉับ ๆ บนส
4ยินดีที่ได้รู้จักวันที่สามสิบกันยายน…ช่วงสายที่ห้องเสื้อพิชชา ดีไซน์เนอร์สาวกับพวกรุ่นพี่ทั้งสามคนกำลังง่วนอยู่กับชุดฟินาเล่ที่ใกล้เสร็จสมบูรณ์แล้ว วันนี้พิชชาก็ต้องเอาชุดไปให้นางแบบลองสวมใส่เดินบนเวที“วันนี้เป็นวันซ้อมใหญ่ ต้องเอาชุดไปให้นางแบบลองนะคะ”“งั้นเดี๋ยวพี่ไปสวมถุงคลุมชุดให้นะคะ” เอบีและมอลลี่ช่วยกันถอดชุดออกจากหุ่นเพื่อเอาไปใส่ในถุงคลุม“พี่เอาชุดใส่ไว้ในถุงคลุมแล้ว…เดี๋ยวพี่เอาไปไว้ในรถตู้ให้นะคะ”“ขอบคุณค่ะ”พิชชาหยิบกระเป๋ามาคล้องแขน แล้วเดินออกไปขึ้นรถตู้ ใบเฟิร์น เอบีและมอลลี่เดินตามมาขึ้นรถ วันนี้ห้องเสื้อพิชชี่ปิดให้บริการสองวันเนื่องจากไปทำงานนอกสถานที่…พิชชากับใบเฟิร์นเดินนำเข้าไปถามพนักงานต้อนรับที่นั่งอยู่หลังเคาน์เตอร์ เอบีกับมอลลี่ขนชุดราตรีและหยิบกระเป๋าอุปกรณ์ตัดเย็บเสื้อผ้า เดินตามพิชชาเข้าไปในโรงแรมSky-high“สวัสดีค่ะ...ไม่ทราบว่าจะติดต่อเรื่องอะไรค่ะ” เสียงพนักงานสาวถามพิชชาด้วยน้ำเสียงที่สุภาพนอบน้อม“ไม่ทราบว่างานแฟชั่นโชว์เครื่องประดับเพชรของคุณหญิงดวงมณีกับคุณหญิงโสภิษนภาอยู่ชั้นไหนเหรอคะ ฉันเป็นทีมงานที่ออกแบบชุดสำหรับงานนี้ค่ะ”“ถ้างั้นเชิญทา
5งานโชว์เครื่องเพชรดีไซน์เนอร์สาวกำลังแต่งหน้า แต่งตัวเพื่อไปร่วมงานที่โรงแรมหรู เธอเลือกสวมชุดราตรียาวสายเดี่ยวโทนสีครีม กระโปรงผ่าข้างสูงอวดเรียวขาสวย ๆ ดูเซ็กซี่ ใส่กับรองเท้าส้นสูงเปลือยเท้าทรงผมบันต่ำแสกกลาง ใส่ต่างหูยาว พอแต่งตัวเสร็จ ดีไซน์เนอร์สาวเดินมาส่องกระจกบานใหญ่ หมุนตัวไปมาเพื่อสำรวจความเรียบร้อยและก็หยิบกระเป๋าถือใบเล็กสีครีม เดินออกมาจากห้องนอน ลงไปข้างล่างมุ่งตรงไปขึ้นรถตู้ที่มีคนขับรถยืนรออยู่ จุดหมายคือโรงแรมSky-high…ใช้เวลาไปเกือบชั่วโมง กว่าจะมาถึงจุดมุ่งหมาย คนขับรถเลื่อนประตูรถตู้ ดีไซน์เนอร์สาวก้าวลงมาจากรถและเดินเข้าไปในโรงแรมติ๊ง!เสียงเตือนลิฟต์ดัง ประตูลิฟต์เปิดออกเธอก็เดินเข้ามาในลิฟต์พร้อมกดปุ่มไปที่ชั้นยี่สิบและกดปุ่มปิดลิฟต์…ติ๊ง!เสียงเตือนลิฟต์ดังอีกครั้งประตูลิฟต์ก็เปิดออก พิชชาเดินออกมาจากลิฟต์และเดินเข้าไปในห้องบอลรูมใหญ่หนุ่มหล่อเจ้าของโรงแรมหรูยืนคุยอยู่กับแขกในงาน แต่พอเห็นพิชชาเดินเข้ามาในงานถึงกับมองเธอตาไม่กระพริบดีไซน์เนอร์สาวเห็นเมธาวินมองมาที่เธอ จึงเดินเข้าไปทักทาย “สวัสดีค่ะคุณวิน”“สวัสดีครับคุณพิชชา วันนี้คุณสวยมากเลยนะครับ
6ดวงตาเป็นประกายสองวันต่อมา...ทิวากรไปร่วมงานวันเกิดเพื่อนที่ผับย่านหนึ่ง เขาเดินเข้าไปข้างใน แสงไฟหลากสีสันและเสียงเพลงดังอึกทึกครึกโครมเป็นจังหวะมันส์ ๆ ภายในผับ“อ้าว! ไอ้ทิม...ทางนี้”เพื่อนของทิวากรโบกมือตะโกนเรียกเขาที่กำลังมองหาโต๊ะของเพื่อน พอเจอก็รีบเดินเข้าไปที่โต๊ะ“เห้ย! ยินดีด้วยนะเพื่อนทิม” ฌอห์นกล่าวทักทายทิวากรนั่งลงบนโซฟาโซนวีไอพี ก่อนจะเอ่ยตอบพร้อมยิ้มน้อย ๆ “ขอบใจมาก”เด็กเสิร์ฟสาวที่ยืนอยู่ก็กำลังชงเหล้า แล้วยกมาเสิร์ฟให้ทิวากร ธามยื่นแก้วเหล้าไปตรงกลางวง“เฮ้! พวกเรามาดื่มฉลองให้กับว่าที่เจ้าบ่าวกันหน่อย”ทิวากร ฌอห์นและเจน...แฟนสาวของธาม ยกแก้วเหล้าขึ้นมาชนและดื่มจนหมด...ท่ามกลางแสงไฟหลากสีสันและเสียงนักร้องสาวสวยกำลังยืนร้องเพลงอยู่บนเวทีอย่างไพเราะ แต่ทันใดนั้นมีเสียงหญิงสาวดังมาจากด้านหลังของโต๊ะโซนวีไอพี“ไฮ! เจน...”พอเจนได้ยินเสียงนี้ก็คุ้นๆ จึงหันหลังไปมอง...ก็พบว่าเป็นซาบีน่ากำลังยืนยิ้มให้กับเจนที่นั่งอยู่“ไฮ! ซาบีน่า”ชายหนุ่มทั้งสามคนเงยหน้าขึ้นมามองตาไม่กะพริบ ตั้งแต่ซาบีน่าเดินเข้ามาหาเจนที่โต๊ะโซนวีไอพีฌอห์นกระเถิบเข้ามานั่งชิดและกระซิบถามธา
7แฟนเก่ารถค่อย ๆ เคลื่อนมาจอดตรงหน้าห้องเสื้อพิชชา ดีไซน์เนอร์สาวปลดเข็มขัดออกและหันหน้าไปพูดกับเมธาวิน แต่เขาเอ่ยปากขึ้นมาเสียก่อน“ผมขอเข้าไปดื่มน้ำสักหน่อยได้ไหมครับ”“ได้สิค่ะ”หนุ่มหล่อเจ้าของโรงแรมและดีไซน์เนอร์สาวก้าวลงจากรถ เดินตรงเข้าไปข้างในห้องเสื้อพร้อมกัน“คุณวินเชิญนั่งก่อนนะคะ เดี๋ยวฉันไปเอาน้ำมาให้”“ครับ”พิชชาเดินเข้าไปในห้องครัว เมธาวินก็นั่งลงบนเก้าอี้โต๊ะกลม หนุ่มหล่อมองไปทั่ว ๆ จนเห็นสูทผู้ชายที่สวมหุ่นตั้งไว้ในห้องตัดเย็บระหว่างนั้นดีไซน์เนอร์สาวก็เดินออกมาพร้อมแก้วน้ำที่เธอถืออยู่ ยกมาวางไว้บนโต๊ะกลม แล้วนั่งลงที่เก้าอี้ตรงกันข้ามกับเขา“น้ำค่ะ”“ขอบคุณครับ”เมธาวินยกแก้วน้ำดื่มพอสดชื่น และวางแก้วน้ำลงที่โต๊ะกลมเบา ๆ พร้อมกับเอ่ยถามอย่างสงสัย“ผมเห็นสูทผู้ชายตั้งอยู่ในห้อง คุณตัดเสื้อผ้าของผู้ชายด้วยเหรอครับ”“ใช่ค่ะ...แต่ฉันไม่ค่อยได้ทำ เพราะลูกค้าที่มาใช้บริการจะเป็นผู้หญิงซะมากกว่า ที่คุณเห็นอยู่ในห้อง...ฉันตัดให้ว่าที่เจ้าบ่าวของฉันนะคะ”เมธาวินได้ยินที่พิชชาบอก...หัวใจของเขาแทบจะหลอมละลายด้วยคำพูดเพียงประโยคเดียวของเธอ “แล้วเจ้าบ่าวของคุณเป็นชื่ออะไรเหร
8สัญญาณอันตราย…หลายวันต่อมาที่ห้องเสื้อพิชชาในเวลาแปดโมงเช้า ทุกคนก็มานั่งทำงานอยู่ในห้องตัดเสื้อดีไซน์เนอร์สาวนั่งเย็บผ้าอยู่ แต่สายตาเหม่อลอยไม่อยู่กับเนื้อกับตัว จนถูกเข็มทิ่มนิ้วชี้ของเธอ โอ๊ย! พวกรุ่นพี่สามคนรีบเดินมาดูเธอด้วยความเป็นห่วง“ตายแล้ว! เจ็บมากไหมค่ะ” ใบเฟิร์นเอื้อมมือไปหยิบทิชชู่มาซับเลือดให้ของพิชชา“พิ้งค์ไม่เป็นไรหรอกค่ะ”มอลลี่เอ่ยถามอย่างใส่ใจ “มีอะไรหรือเปล่าค่ะ พี่เห็นนั่งเหม่อลอยมาตั้งนานแล้ว”“ขอบคุณนะคะ...ที่เป็นห่วง”พิชชาคิดหนักว่า...เธอจะเล่าเรื่องนี้ให้พวกรุ่นพี่ฟังดีไหม ทว่ามันเป็นเรื่องที่คาใจเธออยู่ ถ้าไม่พูด...วันนี้เธอคงจะทำงานไม่ได้“วันก่อน...ทิมไปรับพิ้งค์ที่บ้าน แล้วพิ้งค์เจอลิปสติกมันตกอยู่ข้างล่างเบาะนั่งค่ะ” เธอหยิบลิปสติกแท่งนั้นออกมาจากกระเป๋าเอบีหยิบลิปแท่งนั้นมาเปิดและหมุนดู “พี่เหมือนจะเคยเห็นลิปแท่งนี้จาก... อ๋อ! พี่นึกออกแล้ว ของคุณซาบีน่าที่มาหาน้องพิ้งค์คราวก่อนค่ะ”“ซาบีน่าเหรอคะ....พี่เอบีจำผิดหรือเปล่าค่ะ”“พี่จำไม่ผิดหรอกค่ะ...เธอบอกกับพี่ว่าซื้อมาจากต่างประเทศ ก่อนที่จะกลับมา เพราะที่ไทยยังไม่มียี่ห้อนี้ค่ะ”พิชชาฟังที่เอบี
9 เสพสุข วันถัดมา… เช้าวันนี้พิชชาไปทำงานอย่างร่าเริงและมีความสุข เนื่องจากวันนี้เป็นวันเกิดของแฟนหนุ่ม เธอจึงแต่งตัวสวยเป็นพิเศษ ‘สวมเสื้อแขนยาวลายทางกับเดรสสายเดี่ยวสีขาว และรองเท้าบูทส้นสูงหุ้มข้อสีขาว ทำผมลอน มัดครึ่งหัว’ พิชชาเดินตรงไปที่โรงรถ สมพรเดินกลับมาจากตลาดพอดีเห็นเธอก็ทักทาย “คุณพิ้งค์...จะทำงานแล้วเหรอคะ แหม! วันนี้แต่งตัวซะสวยเชียว” “วันนี้เป็นวันเกิดของทิมน่ะค่ะ พิ้งค์ก็เลยกะว่าจะไปเซอร์ไพรส์เขา” “อ๋อค่ะ…งั้นป้าก็ขอให้ทำสำเร็จนะคะ” ดีไซน์เนอร์สาวยิ้มหวานให้สมพร ก่อนจะก้าวขึ้นรถและขับรถออกไปอย่างช้า ๆ… ทิวากรกำลังนั่งดูแฟ้มบัญชีของเดือนเก่า ๆ พอได้เห็นแล้ว...เขาก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ และวางแฟ้มเอกสารลงบนโต๊ะทำงานอย่างแรง เขานั่งกลัดกลุ้มใจอยู่บนโต๊ะทำงาน เพราะบริษัทเฟอร์นิเจอร์ของเขากำลังขาดทุนย่อยยับ ~ก๊อก ก๊อก ก๊อก~ เสียงเคาะประตูดังมาจากหน้าห้องทำงาน ทิวากรอนุญาตให้เข้ามา คนหน้าห้องก็เปิดประตูและเดินเข้ามานั่งลงที่เก้าอี้ตรงกันข้ามกับเขา ทิวากรเงยหน้าขึ้นมามองคนตรงหน้า “แม่มาทำอะไรที่นี่” “ฉันก็จะมาถามว่าแกจัดงานไปถึงไหนแล้ว ตอนนี้เสี่ยชัชโทรมาทวงเงินแทบ
10 ดื่มเพื่อลืม เมธาวินนั่งอยู่ในห้องทำงานที่บ้าน และกำลังอ่านเอกสารในแฟ้มอย่างเคร่งเครียดอยู่ จนรู้สึกปวดตาเลยวางแฟ้มเอกสารลงบนโต๊ะและเอนหลังพักสายตาสักครู่หนึ่ง แล้วเมธาวินก็นึกอะไรออกจึงลืมตาขึ้นมาและนั่งตัวตรง เอื้อมมือมาเปิดลิ้นชักหยิบรูปถ่ายใบหนึ่งขึ้นมาดู มันคือรูปถ่ายรวมกลุ่มตอนที่ไปค่ายอาสา เมื่อสมัยมัธยมปลาย เมธาวินนั่งมองและยิ้มให้กับรูปถ่ายใบนั้น เขาเอานิ้วมือมาลูบตรงที่มีพิชชายืนอยู่ในรูปแล้วยิ้มอย่างอ่อนโยน… พิชชานั่งดื่มเหล้าอยู่หน้าเคาน์เตอร์บาร์ นัยน์ตาของเธอเต็มไปด้วยความชอกช้ำและความรู้สึกผิดหวังผลันโถมใส่กลางใจจนน้ำตารินไหล เพราะความเจ็บปวดในใจ ยิ่งเธอเสียใจมากเท่าไรก็ยิ่งต้องดื่มเพื่อลืมเรื่องราวในวันนี้ให้หมด มินตราเดินเข้ามาในร้านเห็นเพื่อนสาวนั่งอยู่ที่หน้าเคาน์เตอร์บาร์คนเดียว...ก็ปรี่เข้าไปหาอย่างเร็ว มินตราเดินมานั่งลงข้าง ๆ เพื่อนสาวเธอและหันไปมองหน้าเพื่อนสาวเห็นว่ากำลังร้องไห้อยู่ก็เอ่ยถามอย่างตกตะลึง “พิ้งค์! นี่แกเป็นอะไร” “มิน...เพื่อนรัก แกมาแล้วเหรอ” พิชชาหันหน้ามาโอบกอดเพื่อนสนิทที่เข้าใจเธอมากที่สุดและเอ่ยปากบอกมินตราด้วยน้ำเสียงสะอื้นบวกก
40 วันวิวาห์ ห้องนอนพิชชา… วันเวลาล่วงเลยผ่านไปเดือนกว่าๆ หลังจากที่ดีไซน์เนอร์สาวออกจากโรงพยาบาลมา หนุ่มหล่อเจ้าของโรงแรมก็ตามมาดูแลเธอถึงที่บ้านอย่างดี สม่ำเสมอทุกๆ วัน เพราะเขาไม่อยากปล่อยเธอให้คาดสายตาอีกแล้ว ทั้งคู่มีความสัมพันธ์ที่ดี ทั้งทางใจและทางกาย แล้วอีกไม่นานเธอกับเขาก็จะได้เห็นหน้าพยานรักตัวน้อยๆ จากนั้นก็จะเป็นครอบครัวที่แสนอบอุ่น จนทำให้ใครหลายๆ คนต้องอิจฉา “มอนิ่งคิสค่ะ” เมธาวินจูบเบาๆ ที่ริมฝีปากของเธอในอ้อมแขนของเขา “มอนิ่งค่ะ” คนที่ถูกรบกวนการนอนก็ลืมตาขึ้นมาเอ่ยปากตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาแฝงรอยยิ้มอ่อนหวาน แต่พิชชารู้สึกเหม็นอะไรบางอย่าง อาการคลื่นไส้เริ่มตีขึ้นมาทันที เธอจึงดันหน้าอกเมธาวินออกห่าง “…..” เมธาวินงุนงงกับท่าทางของแฟนสาว “อุ…อุ” พิชชายกมือปิดปากเอาไว้และรีบวิ่งเข้าห้องน้ำไปโก่งคออาเจียน “พิ้งค์! เป็นยังไงบ้างคะ” เมื่อเห็นแฟนสาวของตนอาเจียนออกมา เขาจึงรีบวิ่งตามเข้าไปลูบหลังให้เธอด้วยความเป็นห่วง “อ้วกกก” พิชชาอาเจียนออกมาจนหมด เธอรู้สึกเวียนหัวอย่างมาก “ดีขึ้นรึยังคะ” เมธาวินประคองแฟนสาวกลับออกมานั่งลงบนเตียง “งั้นเดี๋ยวพี่ลงไปทำอะไรให
39 ทุ่มเททุกอย่าง ผ่านไปสี่ชั่วโมงแล้ว และในระหว่างนั้นมินตราก็ให้คนขับรถพาครอบครัวของพิชชากลับไปพักผ่อนก่อน มินตรากับพวกผู้ชายอยากจะอยู่ต่อเพื่อรอฟังผลจากปากคุณหมอ เมธาวินกระสับกระส่าย เดินไปเดินมาอยู่หน้าห้องผ่าตัด สายตาจับจ้องไปที่ประตู จิตใจจดจ่ออยู่กับคนรักที่อยู่ภายในห้องผ่าตัด ตอนนี้เขากระวนกระวายใจ คิดไปต่างๆ นาๆ จนนั่งไม่ติด โดยสายตาของธีร์ก็ยืนมองเจ้านายอย่างเป็นห่วง เพราะหลายชั่วโมงแล้วที่เดินไปเดินมาอยู่หน้าห้องผ่าตัดโดยไม่ได้ทานอะไรเลย หลังจากที่รอมาเป็นระยะเวลานาน สักพักใหญ่หมอที่รักษาพิชชาก็เดินออกมาจากห้องผ่าตัด เมธาวินเงยหน้าขึ้นมาเห็นคุณหมอก็ลุกขึ้นพรวดไปหาคุณหมอเพื่อสอบถามอาการของพิชชา “คุณหมอครับ...แฟนผมเป็นอย่างไรบ้างครับ” เมธาวินจับไม้จับมืออีกฝ่ายเร่งเร้าเอาคำตอบ “ตอนนี้...ปลอดภัยทั้งแม่และลูกครับ” หมอเผยยิ้มให้กับทุกคนที่ยืนฟังอยู่ “อะไรนะคะ! คือ…หมอจะบอกว่าเพื่อนของฉันกำลังมีน้องเหรอคะ” มินตราทวนถามคุณหมอด้วยความดีใจ “ใช่แล้วครับ ตอนนี้อย่าเพิ่งให้คนไข้ทำงานหรือเครียดเป็นอันขาดนะครับ ถ้าไม่มีอะไรแล้ว...หมอขอตัวก่อนครับ” “เฮ้ย! แกจะได้เป็นพ่อคนแล้วนะเ
38 มุมอ่อนแอ ชานเมือง… เมธาวินกับดิวมาถึงบ้านกลางป่าที่บลูจับตัวพิชชามาที่นี่ เมธาวินกับดิวก้าวลงจากรถ แล้วทั้งสองเดินลัดเลาะมาจากด้านหลังบ้าน ดิวชะโงกหน้าไปมองที่หน้าประตูเห็นมีคนเฝ้าอยู่คนสองคน เมธาวินหาอาวุธมาป้องกันตัว แล้วก็เจอท่อนไม้พอเหมาะมือ หยิบมาถือไว้และเดินย่องเข้าไปใกล้ๆ ชายฉกรรจ์ร่างบึกบึนด้านหลังพร้อมด้วยใช้ไม้ที่ถือมาล็อกคออีกฝ่ายไว้แน่นจนหายใจแทบไม่ออก แล้วดิวที่เดินตามหลังเมธาวินมาก็วิ่งมากระโดดต่อยชายฉกรรจ์ร่างสูงอีกคนนึงจนล้มตกบันได ดิวคว้ากุญแจบ้านที่เหน็บเอวชายฉกรรจ์ร่างบึกบึนเอาไว้และรีบเปิดประตู เมธาวินออกแรงล็อกคอจนชายฉกรรจ์ร่างบึกบึนหมดสติไป จากนั้นดิวกับเมธาวินเดินปรี่เข้าไปหาพิชชาที่นอนแน่นิ่งอยู่ ดิวนั่งคุกเข่าแก้เชือกที่มัดมือให้ เมธาวินเรียกเธอให้ได้สติ “พิ้งค์! พิ้งค์คะ! พี่มาช่วยแล้ว” พิชชาได้สติขึ้นมาแล้ว เธอยกมือขึ้นมาจับที่ศีรษะแต่จับไปโดนแผลที่กระแทกกับพื้น “ซี้ด! โอ๊ยยย!” แต่ทันใดนั้นชายฉกรรจ์ร่างสูงได้สติก็ขึ้นมาปลุกชายฉกรรจ์ร่างบึกบึนที่สลบอยู่หน้าบ้านให้ตื่นและหยิบท่อนไม้ที่วางอยู่บนพื้นเดินเข้าไปในห้อง พอเข้ามาเห็นดิวกับเมธาวินกำลังพาพิ
37 ถูกลักพาตัว สองวันผ่านไป… มินตราหายจากอาการไม่สบายก็มาหาพิชชากะว่าจะชวนออกไปทานข้าว เพราะเวลานี้ใกล้จะเที่ยงแล้ว และที่สำคัญมินตรามีเรื่องจะบอก มินตราเปิดประตูร้านเข้ามาเจอณิชากำลังยืนจัดชุดที่ราวเสื้อและณิชาหันไปเห็นเธอพอดี ณิชาจึงเดินเข้ามาทักทายมินตราอย่างนอบน้อม “สวัสดีค่ะพี่มิน เห็นพี่พิ้งค์บอกว่าพี่มินไม่สบาย….เป็นอย่างไรบ้างคะ” “ดีขึ้นแล้วจ้ะ เอ่อ...และพิ้งค์อยู่ไหนเหรอจ๊ะ” “อยู่ในห้องตัดเสื้อค่ะ” “ขอบใจจ้ะ” มินตราเดินตรงเข้าไปในห้องตัดเสื้อแล้วเห็นพิชชา เอบีและมอลลี่กำลังง่วนอยู่กับการตัดเสื้อ มินตรายืนอยู่หน้าห้องแล้วเคาะประตูเบาๆ เป็นมารยาท ทุกคนเงยหน้ามามองที่ประตู “อ้าว! มิน…แกหายดีแล้วหรอ” “ฉันหายดีแล้ว…และนี่แกกำลังทำอะไรอยู่ล่ะ” มินตราเอ่ยถามพลางเดินเข้าไปยืนข้างๆ พิชชา พิชชาก้มหน้าลงไปตัดชิ้นผ้าที่คาไว้ต่อพร้อมเอ่ยถามมินตราว่ามีธุระอะไรกับเธอ “มาหาฉันมีธุระอะไรหรือเปล่า” “ฉันจะชวนแกออกไปทานข้าวน่ะ คือ…คิมให้มาชวนแก เพราะว่าเขามีอะไรจะบอก...คุณวินก็มานะ” พิชชาตัดชิ้นผ้าเสร็จเรียบร้อยแล้วเงยหน้าขึ้นไปมองมินตราด้วยความสงสัยว่าที่เธอได้ยินมันจริงหรือแค่หูฝา
36 ในฐานะอะไร บ้านมินตรา… มินตรารู้สึกไม่สบายจึงโทรไปบอกพนักงานที่ร้านตั้งแต่เช้าว่าวันนี้เธอไม่เข้าร้าน แล้วตอนนี้ก็ปาเข้าไปสิบเอ็ดโมงแล้ว เธอก็เลยลุกขึ้นเดินไปเข้าห้องน้ำอย่างเชื่องช้า เข้ามาล้างหน้าแปรงฟันเพื่อลงไปหาอะไรกิน เพราะตอนนี้เธอหิวมาก มินตราเดินออกมาจากห้องน้ำ หยิบกางเกงขายาวหนาๆ มาสวมและคว้าเสื้อฮู้ดแขนยาวมาใส่ จากนั้นเธอก็เดินออกจากห้องนอนลงไปข้างล่าง เธอเดินเข้าไปในครัวและเปิดตู้เย็น แต่ภายในตู้เย็นไม่มีวัตถุดิบที่สามารถทำอาหารได้ เธอจึงเดินออกมาทิ้งตัวลงบนโซฟาอย่างหมดแรงและล้วงโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋าเสื้อฮู้ดแล้วก็จะกดสั่งอาหาร กริ๊ง! เสียงเตือนกริ่งหน้าบ้านดังขึ้น มินตราได้ยินถึงกับแปลกใจว่าเธอยังไม่ได้กดสั่งอาหารไปเลยแล้วเสียงใครมากดกริ่ง เธอวางโทรศัพท์ไว้บนโต๊ะเตี้ยหน้าโซฟาและรวบรวมแรงที่มีลุกขึ้นเดินไปดูว่าเป็นใคร มินตราเดินมาชะเง้อคอมองนอกรั้วบ้าน เห็นคิมหันต์ยืนผลิรอยยิ้มหล่อเหลาอยู่หน้าบ้าน ในมือเขาถือถุงผ้ามาสองใบ เธอเดินไปเปิดประตูให้เขาเข้ามาและปิดประตูหน้าบ้านให้เรียบร้อย เธอกับเขาก็เดินเข้ามาในบ้านพร้อมกัน “คุณคิมรู้ได้ยังไงคะ...ว่าฉันอยู่บ้
35 ขอแต่งงาน ดีเอ็นดี คลับ… ชั้นสองโซน VIP เมธาวิน คิมหันต์ ปกรณ์และชลธรนั่งดื่มกันมาสักพัก แล้วเมธาวินพูดปรึกษาเพื่อนๆ เรื่องที่เกี่ยวกับพิชชา “เพื่อนๆ...ฉันอยากแต่งงานกับพิ้งค์วะ” สีหน้าท่าทางของหนุ่มหล่อเจ้าของโรงแรมที่พูดนั่นมันมาจากก้นบึ้งของหัวใจ “เอาเลย...ฉันช่วยเต็มที่” คิมหันต์พูดพร้อมยกมือตบบ่าเพื่อสนับสนุนเมธาวิน แต่ชลธรก็พูดแทรกในเวลาแห่งความสุขของเมธาวินสักนิดนึง เพราะชลธรไม่เข้าใจว่าทำไมเพื่อนถึงรักผู้หญิงคนนี้ทั้งที่อยู่เป็นโสดมานาน ชลธรแนะนำผู้หญิงคนไหนให้ก็ไม่เคยสนใจ “แกเพิ่งคบกับคุณพิ้งค์ได้กี่เดือนเอง…คิดจะแต่งงานกับคุณพิ้งค์แล้วเหรอวะ” “สำหรับฉันกับพิ้งค์...เรารู้จักกันมานานมากแล้ว” คิมหันต์เอ่ยพูดเรียบๆ ผ่านรอยยิ้มละไม “แกไม่ต้องไปสนใจไอ้ธรหรอ แล้วแกคิดจะขอพิ้งค์แต่งงานเมื่อไหร่” “เร็วๆ นี้แหละ” เมธาวินออกอาการอิ่มอกอิ่มใจมีรอยยิ้มประดับเต็มใบหน้า ชลธรยกแก้วเหล้าขึ้นมาและเอ่ยพูดให้ทุกคนยกแก้วเหล้าขึ้นมา แล้วฉลองให้กับเมธาวินล่วงหน้า “เอ้า! ชน!” ทุกคนสังสรรค์กันอย่างสนุก … ห้องนอนพิชชา… พิชชากำลังนั่งคิดถึงเหตุการณ์เมื่อตอนเย็นอยู่บนเตียงนอนนุ่มๆ และใน
34 เริ่มจีบ ปัง! นางแบบสาวเดินเข้าห้องพักและปิดประตูแรงๆ เธอเดินกระทืบเท้าตรงไปที่เตียง หยิบหมอนปาลงพื้น ปัดผ้าห่มและกรีดร้องอย่างสุดเสียงด้วยความโมโห เดินกลับไปกลับมาอยู่ในห้องนอนอย่างใช้ความคิด ซาบีน่าถอนหายใจและเอ่ยพูดกับตัวเอง “นี่ฉันแพ้แล้วจริงๆ เหรอ?” อารมณ์ที่เหมือนเคลิ้มฝันสูญสลายไปจนสิ้น … ทุกคนกลับมาจากทะเลได้หลายวัน… ตอนนี้เป็นเวลาเที่ยง คิมหันต์ชวนเมธาวินออกมาทานข้าวด้วยกัน แต่เมธาวินนั่งสังเกตหน้าของคิมหันต์มานานแล้วตั้งแต่ที่กลับมาจากทะเล หน้าตาของเพื่อนสนิทดูสดใสเหมือนคนกำลังมีความรัก เมธาวินวางช้อนส้อมลงบนจานข้าวอย่างเรียบร้อยและยกแก้วน้ำมากระดกก่อนเอ่ยถามขึ้นอย่างสงสัย “คิม! แกเป็นอะไรวะ? ฉันเห็นแกนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ให้กับโทรศัพท์…หรือว่าแกมีแฟนแล้วไม่บอกเพื่อน” คิมหันต์ได้ยินก็เก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋าข้างในเสื้อสูทและเงยหน้าขึ้นมาตอบพร้อมยิ้มน้อยๆ “ไม่มีอะไร ฉันแค่เลื่อนไปเจอคลิปตลกน่ะ” ที่จริงแล้วคิมหันต์กำลังส่งแชทคุยกับมินตรา แต่เขาเลี่ยงที่จะไม่พูดความจริงให้เมธาวินรู้ เพราะในตอนนี้เขากำลังเริ่มจีบมินตราอย่างเป็นทางการ แต่ขอไม่เปิดเผยให้ใครรู้ต้องรอให้ฝ
33 ความลับของนางแบบสาว เมื่อเมธาวินขับรถพาพิชชามาถึงจุดชมวิว เธอและเขาก้าวลงจากรถมายืนดูพระอาทิตย์กำลังจะลาลับขอบฟ้า หมู่นกนางนวลต่างก็โบยบินกลับรัง สายลมรำเพยจากทะเลที่กว้างใหญ่ พัดพาคลื่นซัดเข้าฝั่งเสียงดัง ~ซ่าส์ ซ่าส์~ พิชชาจ้องมองแสงสีส้มกับหมู่นกนางนวลที่โบยบินอยู่บนท้องฟ้า เมธาวินมองด้วยสายตาชื่นชมหลงใหลในขณะที่เธอยืนรับลมทะเลเย็นๆ บริเวณหน้ารถ เขามองเธออย่างเคลิบเคลิ้ม พิชชาเหลือบไปเห็นเมธาวินกำลังจ้องมองเธออย่างไม่ละสายตา เธอก็เรียกเขาด้วยความสงสัย “พี่วินคะ…มีอะไรหรือเปล่า?” ฟังเสียงหวานที่เอ่ยกับเขาทีละคำทีละประโยคอย่างนุ่มนวล ทำให้เมธาวินยิ้มและตอบอย่างอารมณ์ดี “พี่แค่ดีใจ…ที่เราสองคนผ่านอุปสรรคมาได้” ดวงตาสองคู่ประสานกันหวานซึ้ง เมธาวินขยับเข้ามาชิดและโอบกอดเอวเธอจากด้านหลัง ทั้งสองคนยืนดูพระอาทิตย์ตกดินอย่างมีความสุข … มินตรายืนมองหาซาบีน่าที่ชายหาด แต่ซาบีน่าเห็นมินตรายืนอยู่เลยแกล้งเดินทะเล่อทะล่ามาชนเธออย่างแรง จนมินตราล้มลงไปกองอยู่บนทราย มินตราหันขวับไปมองคนที่ทำให้เธอล้ม “นี่แกแกล้งฉันเหรอ?” “ใช่! แล้วจะทำไม?” มินตราลุกขึ้นจากพื้นทรายแล้วยกมือปัดก้นและมื
32 ยอมแพ้ วันที่สาม... แสงแดดสาดส่องผ่านรูหน้าต่างทะลุผ้าม่านเข้ามาภายในห้องสี่เหลี่ยม ตกกระทบร่างกายเปลือยเปล่าสองร่างที่นอนกอดกันใต้ผ้าห่มผืนหนาบนเตียงขนาดใหญ่ หลังจากที่เมื่อวานนี้เมธาวินกับพิชชาได้อยู่ในห้องนอนด้วยกันสองต่อสอง จนถึงเช้าของวันนี้ เมธาวินตื่นขึ้นมาพร้อมก้มหน้ามองร่างบางอยู่ในอ้อมแขนทรงพลังของเขา เมธาวินมองใบหน้าสวยที่กำลังหลับไหลอยู่ในห้วงนิทรามันช่างน่าหลงใหล เขายกนิ้วชี้ลูบไล้บนใบหน้าของเธอ จนทำให้พิชชารู้สึกตัวตื่นขึ้นมา หญิงสาวลืมตามามองเมธาวินและเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานนุ่มนวล “ตื่นนานแล้วเหรอคะ” “ได้สักพักแล้วค่ะ” ชายหนุ่มตอบคำถามพร้อมลูบไล้แก้มเนียนๆ ของเธอ “พิ้งค์ว่าเราลุกขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวได้แล้วค่ะ...ป่านนี้ทุกคนรอทานข้าวกันหมดแล้ว” “แต่พี่ไม่อยากลุกออกจากเตียงเลย อยากนอนอยู่ข้างๆ พิ้งค์แบบนี้ไปเรื่อยๆ” พิชชามองเขาด้วยรอยยิ้มขัดเขิน แล้วเมธาวินจูบเบาๆ ที่หน้าผากของเธอ ก่อนจะลุกขึ้นก้าวลงจากเตียงเดินไปเข้าห้องน้ำ … ทุกคนกำลังนั่งทานข้าวอยู่ เมธาวินนั่งจ้องมองพิชชาที่นั่งอยู่เก้าอี้ตรงข้ามกับเขา พิชชาใช้มีดทาเนยแตะเนยแล้วละเลงบนขนมปังปิ้งร้อนๆ