6
ดวงตาเป็นประกาย สองวันต่อมา... ทิวากรไปร่วมงานวันเกิดเพื่อนที่ผับย่านหนึ่ง เขาเดินเข้าไปข้างใน แสงไฟหลากสีสันและเสียงเพลงดังอึกทึกครึกโครมเป็นจังหวะมันส์ ๆ ภายในผับ “อ้าว! ไอ้ทิม...ทางนี้” เพื่อนของทิวากรโบกมือตะโกนเรียกเขาที่กำลังมองหาโต๊ะของเพื่อน พอเจอก็รีบเดินเข้าไปที่โต๊ะ “เห้ย! ยินดีด้วยนะเพื่อนทิม” ฌอห์นกล่าวทักทาย ทิวากรนั่งลงบนโซฟาโซนวีไอพี ก่อนจะเอ่ยตอบพร้อมยิ้มน้อย ๆ “ขอบใจมาก” เด็กเสิร์ฟสาวที่ยืนอยู่ก็กำลังชงเหล้า แล้วยกมาเสิร์ฟให้ทิวากร ธามยื่นแก้วเหล้าไปตรงกลางวง “เฮ้! พวกเรามาดื่มฉลองให้กับว่าที่เจ้าบ่าวกันหน่อย” ทิวากร ฌอห์นและเจน...แฟนสาวของธาม ยกแก้วเหล้าขึ้นมาชนและดื่มจนหมด ... ท่ามกลางแสงไฟหลากสีสันและเสียงนักร้องสาวสวยกำลังยืนร้องเพลงอยู่บนเวทีอย่างไพเราะ แต่ทันใดนั้นมีเสียงหญิงสาวดังมาจากด้านหลังของโต๊ะโซนวีไอพี “ไฮ! เจน...” พอเจนได้ยินเสียงนี้ก็คุ้นๆ จึงหันหลังไปมอง...ก็พบว่าเป็นซาบีน่ากำลังยืนยิ้มให้กับเจนที่นั่งอยู่ “ไฮ! ซาบีน่า” ชายหนุ่มทั้งสามคนเงยหน้าขึ้นมามองตาไม่กะพริบ ตั้งแต่ซาบีน่าเดินเข้ามาหาเจนที่โต๊ะโซนวีไอพี ฌอห์นกระเถิบเข้ามานั่งชิดและกระซิบถามธามด้วยความอยากรู้ “ใครวะไอ้ธาม” “ไม่รู้ว่ะ...เพิ่งเคยเจอเหมือนกัน” เจนก็เชิญซาบีน่ามานั่งลงและแนะนำให้ทุกคนได้รู้จักกัน เจนผายมือมาทางซาบีน่า “ทุกคน นี่ซาบีน่า…เป็นนางแบบ เธอเพิ่งกลับมาจากเมืองนอก” เจนมากอดแขนแฟนหนุ่มของเธอและแนะนำให้นางแบบสาว “ส่วนคนนี้ ธาม...แฟนของฉันเอง นี่ฌอห์นและทิม” “ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ” นางแบบสาวหันหน้าไปมองทิวากรที่กำลังนั่งมองหน้าเธออยู่เช่นกัน “ไม่ได้เจอกันนานเลยนะทิม” “...บีน่าก็เช่นกันนะ” ทิวากรกล่าวทักทายนางแบบสาวตามมารยาท “นี่คุณบีน่ารู้จักกับไอ้ทิมด้วยเหรอครับ” ฌอห์นถามไปแบบงงๆ “รู้จักสิค่ะ” นางแบบสาวตอบกลับไปอย่างนุ่มนวลและหันมาสบตากับทิวากรอย่างยิ้มกริ่ม ... หลังจากที่ผับใกล้จะปิด ทิวากรขอตัวกลับก่อน...เขาเดินออกไปที่ลานจอดรถพลางล้วงกุญแจรถ และในขณะเดียวกันนางแบบสาวนั่นก็ได้เดินออกมารอเขาอยู่นานแล้ว “คุณมายืนรอผมเหรอ” ทิวากรยืนกอดอกพิงประตูรถ “ใช่ค่ะ คุณพอมีเวลา...มานั่งดื่มกับฉันสักแก้วสองแก้วมั้ยคะ” ทิวากรยื่นหน้าเข้าไปใกล้ ๆ นางแบบสาวแล้วเอ่ยพูดเสียงอ่อนเสียงหวาน “ได้สิครับ” ทิวากรจ้องมองหน้าของนางแบบสาว พร้อมแสดงสายตาเจ้าชู้ออกมาและยิ้มมุมปากเล็กน้อย ก่อนที่จะขึ้นรถไปด้วยกัน … พิชชานั่งอยู่ในห้องรับแขกกำลังนั่งดูรูปชุดสูทที่เพิ่งตัดเสร็จในไอแพด จู่ ๆ ก็มีคนเดินเข้ามาจากด้านหลังของเธอ “อ้าวพิ้งค์! วันนี้ไม่เข้าร้านเหรอลูก” ผู้เป็นพ่อเดินมานั่งลงบนโซฟาตัวยาวและมองหน้าลูกสาวคนสวยของเขา “เผอิญว่าพิ้งค์มีนัดกับลูกค้านะคะ...ก็เลยจะเข้าร้านช่วงบ่าย แล้วคุณพ่อล่ะคะ” “พ่อเพิ่งไปคุยงานมา...เลยแวะเข้ามาเอาของนิดหน่อยแล้วจะกลับ งั้นพ่อไปก่อนนะลูก” “ค่ะ...เดินทางปลอดภัยนะคะ” พิชชายิ้มอ่ออน ๆ แล้วมองตามหลังภูผาออกไปจนลับสายตา … หนุ่มหล่อเจ้าของโรงแรมกำลังนั่งเคลียร์เอกสารที่กองอยู่บนโต๊ะมากมาย และในระหว่างนั้นก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นหน้าห้องทำงาน ~ก๊อก ก๊อก ก๊อก~ เมธาวินเงยหน้าขึ้นมองดูก็เห็นคุณย่าคนสวยกำลังเดินยิ้มเข้ามาหาเขา “คุณย่านี่เอง...มีอะไรเหรอครับถึงได้เข้ามาที่โรงแรม” “ย่าจะไปทานข้าวกับคุณหญิงดวงมณีน่ะ แล้วย่านัดคุณพิชชามาด้วยนะ” หนุ่มหล่อเจ้าของโรงแรมได้ยินว่าดีไซน์เนอร์สาวนั่นก็ไปด้วย ดวงตาของเขาฉายแววประกายวิบวับขึ้นมา เมธาวินยกนาฬิกาข้อมือมาดูเวลา “นี่ก็ใกล้จะเที่ยงแล้ว...ผมขอไปด้วยนะครับ” “ย่าก็กะจะมาชวนหลานไปอยู่แล้วจ้ะ” เมธาวินรีบปิดแฟ้มเอกสารและวางปากกาลง จากนั้นก็ลุกขึ้นเดินมาทางคุณย่าและเดินออกไปพร้อมกัน … คุณหญิงดวงมณีได้นัดไว้ที่ร้านอาหารไทย ร้านประจำของเธอ พอทุกคนมากันครบแล้ว...ก็กำลังนั่งทานข้าวอย่างเอร็ดอร่อย แต่ในขณะนั้นแววตาของเมธาวินฉายประกายแน่วแน่ยามลอบมองพิชชาอยู่ตลอด จนทำให้โสภิษนภาเกิดความสงสัยในตัวหลานชายของเขา เมื่อคราวก่อนในงานแฟชั่นโชว์เครื่องประดับเพชรก็ลอบมองพิชชา...และในวันนี้อีก ที่หลานชายเอ่ยปากขอมาด้วยอย่างเต็มใจ ทั้ง ๆ ที่เธอชวนมาหลายต่อหลายครั้ง เขาก็ไม่เคยคิดที่จะไปเลย โสภิษนภาคิดว่าหลานชายของเธอน่าจะชอบพิชชาเข้าแล้ว ดวงมณีหยิบผ้าบนตักขึ้นมาเช็ดปาก ก่อนที่เธอจะเอ่ยพูด “ต้องขอบใจหลานวินมากเลยนะจ้ะ” “ไม่เป็นไรครับ...เรื่องแค่นี้เอง” เมธาวินพูดจบก็หันหน้ามองทางพิชชาที่นั่งตรงข้ามกับเขา แล้วส่งยิ้มให้กับเธออย่างอ่อนโยน “ฉันขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อนนะคะ” ทุกคนพยักหน้าให้พิชชาก่อนที่เธอจะลุกขึ้นยืนแล้วเดินไป ดีไซน์เนอร์สาวเดินตรงไปเกือบจะถึงห้องน้ำแล้ว แต่เหลือบไปเห็นเพื่อนของเธอนั่งอยู่ด้านในสุดของร้าน เธอจึงเดินเข้าไปทักทายสักหน่อย “บีน่า...” นางแบบสาวเงยหน้าขึ้นไปมองตามเสียงเรียก แล้วพบว่าพิชชากำลังเดินเข้ามาหา เธอทำสีหน้าท่าทางตกใจเมื่อได้เห็นพิชชา “อ้าว! พิ้งค์...เธอมาทานข้าวที่นี่ด้วยเหรอ” พิชชานั่งลงข้าง ๆ นางแบบสาว “ใช่ แล้วเธอล่ะ...มากับใคร” “เอ่อ… ฉันมากับผู้จัดการน่ะ” และทันใดนั้นคนที่นางแบบสาวนัดไว้...คือทิวากร ทิวากรกำลังจะเดินเข้าไปในร้าน แต่พอมองเข้าไปเห็นพิชชานั่งอยู่กับซาบีน่า เขาถึงกับชะงัก แล้วหันหลังเดินกลับมาขึ้นรถและหยิบโทรศัพท์โทรไปหาซาบีน่าทันที ... โทรศัพท์ของนางแบบสาวดังขึ้น เธอหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋าถือแบรนด์เนมของเธอแล้วดู “พิ้งค์...เดี๋ยวฉันไปรับสายก่อนนะ” “ไม่ต้องหรอก... เดี๋ยวฉันจะไปเข้าห้องน้ำแค่เดินมาทักเธอเฉย ๆ ” ดีไซน์เนอร์สาวลุกขึ้นยืน “งั้นฉันไปก่อนนะ” ซาบีน่ายิ้มบาง ๆ ให้พิชชาก่อนที่เธอจะเดินจากไป แล้วซาบีน่าก็กดรับสายทิวากรอย่างเร็ว [ฮัลโหล บีน่า...เธอรีบออกมาเดี๋ยวนี้] “โอเค...ฉันกำลังจะไปแค่นี้แหละ” เธอกดวางสายและคว้ากระเป๋าถือแบรนด์เนมใบเล็ก เดินออกจากร้านอาหาร ... ดีไซน์เนอร์สาวเดินออกมาจากห้องน้ำ แล้วตรงไปที่โต๊ะของเธอ “ทำไมคุณพิชชาไปนานนักล่ะค่ะ ฉันกะจะไปตามแล้วเชียว” โสภิษนภาถามด้วยความเป็นห่วง “อ๋อ...เผอิญฉันเจอบีน่า คนที่เดินแฟชั่นโชว์ชุดฟินาเล่น่ะค่ะ” โสภิษนภาพยักหน้าแล้วหันกลับไปคุยกับคุณหญิงดวงมณีเรื่องจิปาถะ ... คุณหญิงดวงมณีและคุณหญิงโสภิษนภาเดินออกมาที่ลานจอดรถของร้านอาหาร เมธาวินกับพิชชาเดินตามออกมาส่ง “วิน...เดี๋ยวย่าจะไปธุระกับคุณหญิงดวงมณี วินกลับไปเลยนะ” “ครับคุณย่า” คุณหญิงโสภิษนภาหันมาพูดกับพิชชา ก่อนจะขึ้นรถตู้ของคุณหญิงดวงมณี “ฉันไปก่อนนะ...คราวหน้าพวกเรานัดมาทานข้าวกันอีก” โสภิษนภายิ้มอย่างสดใส “ยินดีค่ะ” ดีไซน์เนอร์สาวยิ้มอย่างอ่อนโยน คุณหญิงโสภิษนภาก้าวขึ้นไปนั่งบนรถตู้คันหรูสีขาว แล้วประตูรถก็ปิดอัตโนมัติ จากนั้นรถเคลื่อนออกไปอย่างช้า ๆ พิชชาจะกลับไปที่ห้องเสื้อ เธอก็เดินไปเรียกแท็กซี่เพราะรถของเธอเอาไปเข้าศูนย์...กว่าจะเสร็จก็สองสามวันถึงจะได้ หนุ่มหล่อเจ้าของโรงแรมถามเธอขึ้นมาอย่างกะทันหัน “คุณพิชชาครับ...แล้วคุณไม่ได้ขับรถมาเหรอครับ” “พอดีรถของฉันพังนะคะ” “งั้น…ถ้าไม่รังเกียจให้ผมไปส่งนะครับ” สีหน้าและแววตาของเขาดูลุ้นกับคำตอบของเธอมาก “งั้น...ฉันขอรบกวนด้วยนะคะ” พิชชากับเมธาวินก้าวขึ้นรถยนต์คันหรูสองประตูสีดำ หลังจากนั้นรถก็เคลื่อนออกไปอย่างช้า ๆ7แฟนเก่ารถค่อย ๆ เคลื่อนมาจอดตรงหน้าห้องเสื้อพิชชา ดีไซน์เนอร์สาวปลดเข็มขัดออกและหันหน้าไปพูดกับเมธาวิน แต่เขาเอ่ยปากขึ้นมาเสียก่อน“ผมขอเข้าไปดื่มน้ำสักหน่อยได้ไหมครับ”“ได้สิค่ะ”หนุ่มหล่อเจ้าของโรงแรมและดีไซน์เนอร์สาวก้าวลงจากรถ เดินตรงเข้าไปข้างในห้องเสื้อพร้อมกัน“คุณวินเชิญนั่งก่อนนะคะ เดี๋ยวฉันไปเอาน้ำมาให้”“ครับ”พิชชาเดินเข้าไปในห้องครัว เมธาวินก็นั่งลงบนเก้าอี้โต๊ะกลม หนุ่มหล่อมองไปทั่ว ๆ จนเห็นสูทผู้ชายที่สวมหุ่นตั้งไว้ในห้องตัดเย็บระหว่างนั้นดีไซน์เนอร์สาวก็เดินออกมาพร้อมแก้วน้ำที่เธอถืออยู่ ยกมาวางไว้บนโต๊ะกลม แล้วนั่งลงที่เก้าอี้ตรงกันข้ามกับเขา“น้ำค่ะ”“ขอบคุณครับ”เมธาวินยกแก้วน้ำดื่มพอสดชื่น และวางแก้วน้ำลงที่โต๊ะกลมเบา ๆ พร้อมกับเอ่ยถามอย่างสงสัย“ผมเห็นสูทผู้ชายตั้งอยู่ในห้อง คุณตัดเสื้อผ้าของผู้ชายด้วยเหรอครับ”“ใช่ค่ะ...แต่ฉันไม่ค่อยได้ทำ เพราะลูกค้าที่มาใช้บริการจะเป็นผู้หญิงซะมากกว่า ที่คุณเห็นอยู่ในห้อง...ฉันตัดให้ว่าที่เจ้าบ่าวของฉันนะคะ”เมธาวินได้ยินที่พิชชาบอก...หัวใจของเขาแทบจะหลอมละลายด้วยคำพูดเพียงประโยคเดียวของเธอ “แล้วเจ้าบ่าวของคุณเป็นชื่ออะไรเหร
8สัญญาณอันตราย…หลายวันต่อมาที่ห้องเสื้อพิชชาในเวลาแปดโมงเช้า ทุกคนก็มานั่งทำงานอยู่ในห้องตัดเสื้อดีไซน์เนอร์สาวนั่งเย็บผ้าอยู่ แต่สายตาเหม่อลอยไม่อยู่กับเนื้อกับตัว จนถูกเข็มทิ่มนิ้วชี้ของเธอ โอ๊ย! พวกรุ่นพี่สามคนรีบเดินมาดูเธอด้วยความเป็นห่วง“ตายแล้ว! เจ็บมากไหมค่ะ” ใบเฟิร์นเอื้อมมือไปหยิบทิชชู่มาซับเลือดให้ของพิชชา“พิ้งค์ไม่เป็นไรหรอกค่ะ”มอลลี่เอ่ยถามอย่างใส่ใจ “มีอะไรหรือเปล่าค่ะ พี่เห็นนั่งเหม่อลอยมาตั้งนานแล้ว”“ขอบคุณนะคะ...ที่เป็นห่วง”พิชชาคิดหนักว่า...เธอจะเล่าเรื่องนี้ให้พวกรุ่นพี่ฟังดีไหม ทว่ามันเป็นเรื่องที่คาใจเธออยู่ ถ้าไม่พูด...วันนี้เธอคงจะทำงานไม่ได้“วันก่อน...ทิมไปรับพิ้งค์ที่บ้าน แล้วพิ้งค์เจอลิปสติกมันตกอยู่ข้างล่างเบาะนั่งค่ะ” เธอหยิบลิปสติกแท่งนั้นออกมาจากกระเป๋าเอบีหยิบลิปแท่งนั้นมาเปิดและหมุนดู “พี่เหมือนจะเคยเห็นลิปแท่งนี้จาก... อ๋อ! พี่นึกออกแล้ว ของคุณซาบีน่าที่มาหาน้องพิ้งค์คราวก่อนค่ะ”“ซาบีน่าเหรอคะ....พี่เอบีจำผิดหรือเปล่าค่ะ”“พี่จำไม่ผิดหรอกค่ะ...เธอบอกกับพี่ว่าซื้อมาจากต่างประเทศ ก่อนที่จะกลับมา เพราะที่ไทยยังไม่มียี่ห้อนี้ค่ะ”พิชชาฟังที่เอบี
9 เสพสุข วันถัดมา… เช้าวันนี้พิชชาไปทำงานอย่างร่าเริงและมีความสุข เนื่องจากวันนี้เป็นวันเกิดของแฟนหนุ่ม เธอจึงแต่งตัวสวยเป็นพิเศษ ‘สวมเสื้อแขนยาวลายทางกับเดรสสายเดี่ยวสีขาว และรองเท้าบูทส้นสูงหุ้มข้อสีขาว ทำผมลอน มัดครึ่งหัว’ พิชชาเดินตรงไปที่โรงรถ สมพรเดินกลับมาจากตลาดพอดีเห็นเธอก็ทักทาย “คุณพิ้งค์...จะทำงานแล้วเหรอคะ แหม! วันนี้แต่งตัวซะสวยเชียว” “วันนี้เป็นวันเกิดของทิมน่ะค่ะ พิ้งค์ก็เลยกะว่าจะไปเซอร์ไพรส์เขา” “อ๋อค่ะ…งั้นป้าก็ขอให้ทำสำเร็จนะคะ” ดีไซน์เนอร์สาวยิ้มหวานให้สมพร ก่อนจะก้าวขึ้นรถและขับรถออกไปอย่างช้า ๆ… ทิวากรกำลังนั่งดูแฟ้มบัญชีของเดือนเก่า ๆ พอได้เห็นแล้ว...เขาก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ และวางแฟ้มเอกสารลงบนโต๊ะทำงานอย่างแรง เขานั่งกลัดกลุ้มใจอยู่บนโต๊ะทำงาน เพราะบริษัทเฟอร์นิเจอร์ของเขากำลังขาดทุนย่อยยับ ~ก๊อก ก๊อก ก๊อก~ เสียงเคาะประตูดังมาจากหน้าห้องทำงาน ทิวากรอนุญาตให้เข้ามา คนหน้าห้องก็เปิดประตูและเดินเข้ามานั่งลงที่เก้าอี้ตรงกันข้ามกับเขา ทิวากรเงยหน้าขึ้นมามองคนตรงหน้า “แม่มาทำอะไรที่นี่” “ฉันก็จะมาถามว่าแกจัดงานไปถึงไหนแล้ว ตอนนี้เสี่ยชัชโทรมาทวงเงินแทบ
10 ดื่มเพื่อลืม เมธาวินนั่งอยู่ในห้องทำงานที่บ้าน และกำลังอ่านเอกสารในแฟ้มอย่างเคร่งเครียดอยู่ จนรู้สึกปวดตาเลยวางแฟ้มเอกสารลงบนโต๊ะและเอนหลังพักสายตาสักครู่หนึ่ง แล้วเมธาวินก็นึกอะไรออกจึงลืมตาขึ้นมาและนั่งตัวตรง เอื้อมมือมาเปิดลิ้นชักหยิบรูปถ่ายใบหนึ่งขึ้นมาดู มันคือรูปถ่ายรวมกลุ่มตอนที่ไปค่ายอาสา เมื่อสมัยมัธยมปลาย เมธาวินนั่งมองและยิ้มให้กับรูปถ่ายใบนั้น เขาเอานิ้วมือมาลูบตรงที่มีพิชชายืนอยู่ในรูปแล้วยิ้มอย่างอ่อนโยน… พิชชานั่งดื่มเหล้าอยู่หน้าเคาน์เตอร์บาร์ นัยน์ตาของเธอเต็มไปด้วยความชอกช้ำและความรู้สึกผิดหวังผลันโถมใส่กลางใจจนน้ำตารินไหล เพราะความเจ็บปวดในใจ ยิ่งเธอเสียใจมากเท่าไรก็ยิ่งต้องดื่มเพื่อลืมเรื่องราวในวันนี้ให้หมด มินตราเดินเข้ามาในร้านเห็นเพื่อนสาวนั่งอยู่ที่หน้าเคาน์เตอร์บาร์คนเดียว...ก็ปรี่เข้าไปหาอย่างเร็ว มินตราเดินมานั่งลงข้าง ๆ เพื่อนสาวเธอและหันไปมองหน้าเพื่อนสาวเห็นว่ากำลังร้องไห้อยู่ก็เอ่ยถามอย่างตกตะลึง “พิ้งค์! นี่แกเป็นอะไร” “มิน...เพื่อนรัก แกมาแล้วเหรอ” พิชชาหันหน้ามาโอบกอดเพื่อนสนิทที่เข้าใจเธอมากที่สุดและเอ่ยปากบอกมินตราด้วยน้ำเสียงสะอื้นบวกก
11 ปากคอเราะร้าย ช่วงเย็น... ดีไซน์เนอร์สาวหอบเอกสารและภาพสเก็ตแฟชั่นเดินเข้ามาในบ้าน จิ๋วเห็นก็รีบเดินออกไปช่วยเธอถือและก็เอ่ยปากบอกก่อนจะเอาเอกสารไปเก็บที่ห้องทำงาน “ป้าพรทำอาหารเย็นไว้แล้ว คุณพิ้งค์จะทานเลยมั้ยคะ” “ยังค่ะ” จิ๋วพยักหน้าและเดินหันหลังตรงไปที่ห้องทำงาน ดีไซน์เนอร์สาวเดินตามสาวใช้มายังห้องทำงาน จิ๋ววางเอกสารไว้บนโต๊ะทำงานแล้วเดินออกไป พิชชาวางกระเป๋าถือบนโต๊ะและนั่งลงบนเก้าอี้ทำงาน เธอหยิบเอกสารขึ้นมาดู แต่เธอปรายตามองไปเห็นภาพสเก็ตชุดสูทที่เธอออกแบบให้กับทิวากร ดีไซน์เนอร์สาวเอื้อมมือไปหยิบกระดาษภาพสเก็ตแล้วก็จ้องมองพร้อมกับพูดออกมาด้วยน้ำเสียงโมโหเล็กน้อย “ทำไมคุณถึงทำกับฉันแบบนี้ ตลอดเจ็ดปีที่คบกันมา มันไม่มีค่าอะไรกับคุณเลยใช่ไหม” ทิวากรเป็นเพียงผู้ชายคนเดียวที่เธอรัก รักจนไม่เผื่อใจในตอนที่หัวใจของเธอเต็มไปด้วยบาดแผล เธอก็ยังลืมเขาไม่ได้ แต่อีกใจหนึ่งก็โกรธเขาที่ทำกับเธอแบบนี้ แล้วยิ่งมองที่ภาพสเก็ตแผ่นนั้นทีไร เธอก็ยิ่งรู้สึกเสียใจและโกรธ เธอจึงขยำภาพสเก็ตแผ่นนั้นปาทิ้งลงพื้นไปซะ ดีไซน์เนอร์สาวกลั้นน้ำตาแห่งความเจ็บปวดเอาไว้ไม่ไหวเลยระบายออกมา แต่แล้วมีค
12 ข่าวดี พิชชากำลังนั่งคิดแบบชุดราตรี แล้วเธอก็ลุกขึ้นเดินไปเดินมาอยู่นาน จนเดินไปเห็นหุ่นลองเสื้อที่สวมชุดสูทเจ้าบ่าว พิชชาเดินมาดูใกล้ๆ เธอยกมือมาลูบเนื้อผ้าที่ปกเสื้อสูทก็คิดถึงใบหน้าของทิวากรที่เคยบอกว่ารักและเข้าใจเธอเป็นอย่างดี แต่มันเป็นแค่เรื่องโกหกทั้งนั้น เธอรู้สึกโกรธที่เขาโกหกเธอมาตลอด พิชชากำมือแน่นทุบลงที่อกหุ่นลองเสื้อสุดกำลัง...แล้วหยาดน้ำตาก็รินอาบแก้มของเธอ เอบีและมอลลี่เดินเข้ามาในห้องตัดเสื้ออย่างเงียบๆ แล้วก็ต้องหยุดชะงัก เมื่อเห็นพิชชากำลังยืนร้องไห้อยู่ในห้อง หัวใจของพวกเธอเจ็บแปลบ เมื่อได้เห็นรุ่นน้องอย่างพิชชาร้องไห้สะอื้นจนหัวไหล่สั่น เอบีและมอลลี่ได้แต่ยืนมองเธอร้องไห้จนพวกเธอจะร้องตาม พิชชาเหมือนได้ยินเสียงคนซุบซิบกัน เธอจึงใช้หลังมือปาดน้ำตา แล้วหันหน้ามายิ้มให้กับเอบีและมอลลี่อย่างไม่มีอะไรเกิดขึ้น เธอกลับมานั่งที่เก้าอี้ เอบีกับมอลลี่เข้ามานั่งเก้าอี้ตรงข้ามกับเธอ เอบีเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง “คุณน้องค่ะ...เป็นอะไรหรือเปล่า” “พิ้งค์ไม่ได้เป็นอะไรค่ะ” ดีไซน์เนอร์สาวตอบส่งๆ ไปเพราะไม่อยากให้พวกเธอต้องเป็นห่วง “พี่มอลลี่ค่ะ...พิ้งค์รบกวนพี่อย่างหนึ่งไ
13 สูบเลือด สูบเนื้อ ...ที่ห้องเสื้อในช่วงสาย ทุกคนกำลังทำหน้าที่ของตัวเองอย่างจริงจัง ดีไซน์เนอร์สาวยืนเย็บชุดราตรีที่สวมอยู่ในหุ้นลองเสื้อ เธอหยิบกรรไกรมาตัดเส้นด้าย แล้วปักเข็มไว้ที่หมอนใบเล็ก พอตัดเส้นด้านหมดก็วางกรรไกรและเดินมาดูข้างหน้าชุดว่าเรียบร้อยดีไหม พอตรวจดูเรียบร้อย เธอก็รีบไปดูอีกชุดหนึ่งที่เอบีเย็บอยู่...ว่าไปถึงไหนแล้ว “เรียบร้อยมั้ยคะ...ไหนดูสิ” ดีไซน์เนอร์สาวมาตรวจดูใกล้ ๆ แล้วเอ่ยปากชม “เยี่ยมไปเลยค่ะพี่เอบี” “ขอบคุณค่ะ...เดี๋ยวพี่เย็บเก็บตรงข้างหลังชายกระโปรงอีกนิดเดียว...ก็เสร็จแล้วค่ะ” ยิ้มอ่อน ๆ “พี่ใบเฟิร์นค่ะ ถ้าชุดเสร็จแล้ว รบกวนโทรไปบอกลูกค้าด้วยนะคะ” “รับทราบค่ะ” ใบเฟิร์นตอบกลับและยิ้มพราย แล้วพิชชาก็เดินออกไปจากห้องตัดเย็บและขึ้นมาที่ห้องทำงานส่วนตัว เธอเปิดประตูห้องแล้วเดินตรงเข้าไปนั่งลงบนเก้าอี้ทำงาน ดีไซน์เนอร์สาวได้วาดภาพสเก็ตชุดราตรีค้างไว้ เมื่อวานนี้...ก็กะจะมาวาดต่อให้เสร็จ แล้วจะได้เริ่มวาดภาพสเก็ตชุดราตรีอีกภาพหนึ่ง มันเป็นภาพสเก็ตชุดราตรีของคุณอันดาและคุณอัยดา ... เมธาวินเดินเข้ามาในห้องบอลรูมใหญ่พร้อมกับเลขาสาว เพื่อเข้ามาตรวจงานว่
14 มือที่สาม ...เมธาวินขับรถมาจอดที่สวนสาธารณะแห่งหนึ่ง พิชชาก้าวลงจากรถเดินเข้าไปในสวนสาธารณะอย่างคุ้นเคย เมธาวินลงมาจากรถและเดินตามพิชชาไปอย่างช้าๆ ดีไซน์เนอร์สาวเดินมานั่งที่ม้านั่ง แล้วเธอก็มองไปรอบ ๆ พลางถอนหายใจอย่างเต็มที่ เมธาวินยืนอยู่ด้านหลังของเธอและเอ่ยถามขึ้นมาอย่างเป็นห่วง “คุณยังไม่สบายใจอีกเหรอครับ” เมธาวินพูดจบก็เดินอ้อมจากด้านหลังมานั่งข้าง ๆ เธออย่างห่าง ๆ “อ๋อ...ฉันสบายใจขึ้นแล้วค่ะ ขอบคุณนะคะที่เป็นห่วงและก็...ขอบคุณทุก ๆ อย่างที่คุณทำเพื่อช่วยฉัน” “เรื่องไหนเหรอครับ ถ้าเป็นเรื่องที่ผมพูดว่า...ผมกำลังจีบคุณอยู่ ขอให้คุณสบายใจได้เลยนะครับ...ผมแค่พูดเพื่อจะไล่ผู้ชายคนนั้นไปไกล ๆ คุณเท่านั้นครับ” ดีไซน์เนอร์สาวได้ยินแล้วถึงกับยิ้มไม่ออก เพราะความจริงแล้วที่เขาพูดมาทั้งหมดก็แค่จะช่วยเธอเฉย ๆ ไม่ได้คิดอะไรกับเธอเลย “ดูเหมือนคุณจะคุ้นเคยกับที่นี่มากนะครับ” “ใช่ค่ะ...ฉันชอบมานั่งที่นี่ตอนที่ฉันเซ็งๆ หรือคิดงานไม่ออกค่ะ” พิชชานั่งมองดูไฟทางสวย ๆ และบรรยากาศดี ๆ จนเมธาวินก็ถามขึ้นมาอีกครั้ง “คือ...ผมขอเสียมารยาทถามเรื่องผู้ชายคนนั้น...ว่าเขามาทำร้ายคุณด้วยเรื่องอ
40 วันวิวาห์ ห้องนอนพิชชา… วันเวลาล่วงเลยผ่านไปเดือนกว่าๆ หลังจากที่ดีไซน์เนอร์สาวออกจากโรงพยาบาลมา หนุ่มหล่อเจ้าของโรงแรมก็ตามมาดูแลเธอถึงที่บ้านอย่างดี สม่ำเสมอทุกๆ วัน เพราะเขาไม่อยากปล่อยเธอให้คาดสายตาอีกแล้ว ทั้งคู่มีความสัมพันธ์ที่ดี ทั้งทางใจและทางกาย แล้วอีกไม่นานเธอกับเขาก็จะได้เห็นหน้าพยานรักตัวน้อยๆ จากนั้นก็จะเป็นครอบครัวที่แสนอบอุ่น จนทำให้ใครหลายๆ คนต้องอิจฉา “มอนิ่งคิสค่ะ” เมธาวินจูบเบาๆ ที่ริมฝีปากของเธอในอ้อมแขนของเขา “มอนิ่งค่ะ” คนที่ถูกรบกวนการนอนก็ลืมตาขึ้นมาเอ่ยปากตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาแฝงรอยยิ้มอ่อนหวาน แต่พิชชารู้สึกเหม็นอะไรบางอย่าง อาการคลื่นไส้เริ่มตีขึ้นมาทันที เธอจึงดันหน้าอกเมธาวินออกห่าง “…..” เมธาวินงุนงงกับท่าทางของแฟนสาว “อุ…อุ” พิชชายกมือปิดปากเอาไว้และรีบวิ่งเข้าห้องน้ำไปโก่งคออาเจียน “พิ้งค์! เป็นยังไงบ้างคะ” เมื่อเห็นแฟนสาวของตนอาเจียนออกมา เขาจึงรีบวิ่งตามเข้าไปลูบหลังให้เธอด้วยความเป็นห่วง “อ้วกกก” พิชชาอาเจียนออกมาจนหมด เธอรู้สึกเวียนหัวอย่างมาก “ดีขึ้นรึยังคะ” เมธาวินประคองแฟนสาวกลับออกมานั่งลงบนเตียง “งั้นเดี๋ยวพี่ลงไปทำอะไรให
39 ทุ่มเททุกอย่าง ผ่านไปสี่ชั่วโมงแล้ว และในระหว่างนั้นมินตราก็ให้คนขับรถพาครอบครัวของพิชชากลับไปพักผ่อนก่อน มินตรากับพวกผู้ชายอยากจะอยู่ต่อเพื่อรอฟังผลจากปากคุณหมอ เมธาวินกระสับกระส่าย เดินไปเดินมาอยู่หน้าห้องผ่าตัด สายตาจับจ้องไปที่ประตู จิตใจจดจ่ออยู่กับคนรักที่อยู่ภายในห้องผ่าตัด ตอนนี้เขากระวนกระวายใจ คิดไปต่างๆ นาๆ จนนั่งไม่ติด โดยสายตาของธีร์ก็ยืนมองเจ้านายอย่างเป็นห่วง เพราะหลายชั่วโมงแล้วที่เดินไปเดินมาอยู่หน้าห้องผ่าตัดโดยไม่ได้ทานอะไรเลย หลังจากที่รอมาเป็นระยะเวลานาน สักพักใหญ่หมอที่รักษาพิชชาก็เดินออกมาจากห้องผ่าตัด เมธาวินเงยหน้าขึ้นมาเห็นคุณหมอก็ลุกขึ้นพรวดไปหาคุณหมอเพื่อสอบถามอาการของพิชชา “คุณหมอครับ...แฟนผมเป็นอย่างไรบ้างครับ” เมธาวินจับไม้จับมืออีกฝ่ายเร่งเร้าเอาคำตอบ “ตอนนี้...ปลอดภัยทั้งแม่และลูกครับ” หมอเผยยิ้มให้กับทุกคนที่ยืนฟังอยู่ “อะไรนะคะ! คือ…หมอจะบอกว่าเพื่อนของฉันกำลังมีน้องเหรอคะ” มินตราทวนถามคุณหมอด้วยความดีใจ “ใช่แล้วครับ ตอนนี้อย่าเพิ่งให้คนไข้ทำงานหรือเครียดเป็นอันขาดนะครับ ถ้าไม่มีอะไรแล้ว...หมอขอตัวก่อนครับ” “เฮ้ย! แกจะได้เป็นพ่อคนแล้วนะเ
38 มุมอ่อนแอ ชานเมือง… เมธาวินกับดิวมาถึงบ้านกลางป่าที่บลูจับตัวพิชชามาที่นี่ เมธาวินกับดิวก้าวลงจากรถ แล้วทั้งสองเดินลัดเลาะมาจากด้านหลังบ้าน ดิวชะโงกหน้าไปมองที่หน้าประตูเห็นมีคนเฝ้าอยู่คนสองคน เมธาวินหาอาวุธมาป้องกันตัว แล้วก็เจอท่อนไม้พอเหมาะมือ หยิบมาถือไว้และเดินย่องเข้าไปใกล้ๆ ชายฉกรรจ์ร่างบึกบึนด้านหลังพร้อมด้วยใช้ไม้ที่ถือมาล็อกคออีกฝ่ายไว้แน่นจนหายใจแทบไม่ออก แล้วดิวที่เดินตามหลังเมธาวินมาก็วิ่งมากระโดดต่อยชายฉกรรจ์ร่างสูงอีกคนนึงจนล้มตกบันได ดิวคว้ากุญแจบ้านที่เหน็บเอวชายฉกรรจ์ร่างบึกบึนเอาไว้และรีบเปิดประตู เมธาวินออกแรงล็อกคอจนชายฉกรรจ์ร่างบึกบึนหมดสติไป จากนั้นดิวกับเมธาวินเดินปรี่เข้าไปหาพิชชาที่นอนแน่นิ่งอยู่ ดิวนั่งคุกเข่าแก้เชือกที่มัดมือให้ เมธาวินเรียกเธอให้ได้สติ “พิ้งค์! พิ้งค์คะ! พี่มาช่วยแล้ว” พิชชาได้สติขึ้นมาแล้ว เธอยกมือขึ้นมาจับที่ศีรษะแต่จับไปโดนแผลที่กระแทกกับพื้น “ซี้ด! โอ๊ยยย!” แต่ทันใดนั้นชายฉกรรจ์ร่างสูงได้สติก็ขึ้นมาปลุกชายฉกรรจ์ร่างบึกบึนที่สลบอยู่หน้าบ้านให้ตื่นและหยิบท่อนไม้ที่วางอยู่บนพื้นเดินเข้าไปในห้อง พอเข้ามาเห็นดิวกับเมธาวินกำลังพาพิ
37 ถูกลักพาตัว สองวันผ่านไป… มินตราหายจากอาการไม่สบายก็มาหาพิชชากะว่าจะชวนออกไปทานข้าว เพราะเวลานี้ใกล้จะเที่ยงแล้ว และที่สำคัญมินตรามีเรื่องจะบอก มินตราเปิดประตูร้านเข้ามาเจอณิชากำลังยืนจัดชุดที่ราวเสื้อและณิชาหันไปเห็นเธอพอดี ณิชาจึงเดินเข้ามาทักทายมินตราอย่างนอบน้อม “สวัสดีค่ะพี่มิน เห็นพี่พิ้งค์บอกว่าพี่มินไม่สบาย….เป็นอย่างไรบ้างคะ” “ดีขึ้นแล้วจ้ะ เอ่อ...และพิ้งค์อยู่ไหนเหรอจ๊ะ” “อยู่ในห้องตัดเสื้อค่ะ” “ขอบใจจ้ะ” มินตราเดินตรงเข้าไปในห้องตัดเสื้อแล้วเห็นพิชชา เอบีและมอลลี่กำลังง่วนอยู่กับการตัดเสื้อ มินตรายืนอยู่หน้าห้องแล้วเคาะประตูเบาๆ เป็นมารยาท ทุกคนเงยหน้ามามองที่ประตู “อ้าว! มิน…แกหายดีแล้วหรอ” “ฉันหายดีแล้ว…และนี่แกกำลังทำอะไรอยู่ล่ะ” มินตราเอ่ยถามพลางเดินเข้าไปยืนข้างๆ พิชชา พิชชาก้มหน้าลงไปตัดชิ้นผ้าที่คาไว้ต่อพร้อมเอ่ยถามมินตราว่ามีธุระอะไรกับเธอ “มาหาฉันมีธุระอะไรหรือเปล่า” “ฉันจะชวนแกออกไปทานข้าวน่ะ คือ…คิมให้มาชวนแก เพราะว่าเขามีอะไรจะบอก...คุณวินก็มานะ” พิชชาตัดชิ้นผ้าเสร็จเรียบร้อยแล้วเงยหน้าขึ้นไปมองมินตราด้วยความสงสัยว่าที่เธอได้ยินมันจริงหรือแค่หูฝา
36 ในฐานะอะไร บ้านมินตรา… มินตรารู้สึกไม่สบายจึงโทรไปบอกพนักงานที่ร้านตั้งแต่เช้าว่าวันนี้เธอไม่เข้าร้าน แล้วตอนนี้ก็ปาเข้าไปสิบเอ็ดโมงแล้ว เธอก็เลยลุกขึ้นเดินไปเข้าห้องน้ำอย่างเชื่องช้า เข้ามาล้างหน้าแปรงฟันเพื่อลงไปหาอะไรกิน เพราะตอนนี้เธอหิวมาก มินตราเดินออกมาจากห้องน้ำ หยิบกางเกงขายาวหนาๆ มาสวมและคว้าเสื้อฮู้ดแขนยาวมาใส่ จากนั้นเธอก็เดินออกจากห้องนอนลงไปข้างล่าง เธอเดินเข้าไปในครัวและเปิดตู้เย็น แต่ภายในตู้เย็นไม่มีวัตถุดิบที่สามารถทำอาหารได้ เธอจึงเดินออกมาทิ้งตัวลงบนโซฟาอย่างหมดแรงและล้วงโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋าเสื้อฮู้ดแล้วก็จะกดสั่งอาหาร กริ๊ง! เสียงเตือนกริ่งหน้าบ้านดังขึ้น มินตราได้ยินถึงกับแปลกใจว่าเธอยังไม่ได้กดสั่งอาหารไปเลยแล้วเสียงใครมากดกริ่ง เธอวางโทรศัพท์ไว้บนโต๊ะเตี้ยหน้าโซฟาและรวบรวมแรงที่มีลุกขึ้นเดินไปดูว่าเป็นใคร มินตราเดินมาชะเง้อคอมองนอกรั้วบ้าน เห็นคิมหันต์ยืนผลิรอยยิ้มหล่อเหลาอยู่หน้าบ้าน ในมือเขาถือถุงผ้ามาสองใบ เธอเดินไปเปิดประตูให้เขาเข้ามาและปิดประตูหน้าบ้านให้เรียบร้อย เธอกับเขาก็เดินเข้ามาในบ้านพร้อมกัน “คุณคิมรู้ได้ยังไงคะ...ว่าฉันอยู่บ้
35 ขอแต่งงาน ดีเอ็นดี คลับ… ชั้นสองโซน VIP เมธาวิน คิมหันต์ ปกรณ์และชลธรนั่งดื่มกันมาสักพัก แล้วเมธาวินพูดปรึกษาเพื่อนๆ เรื่องที่เกี่ยวกับพิชชา “เพื่อนๆ...ฉันอยากแต่งงานกับพิ้งค์วะ” สีหน้าท่าทางของหนุ่มหล่อเจ้าของโรงแรมที่พูดนั่นมันมาจากก้นบึ้งของหัวใจ “เอาเลย...ฉันช่วยเต็มที่” คิมหันต์พูดพร้อมยกมือตบบ่าเพื่อสนับสนุนเมธาวิน แต่ชลธรก็พูดแทรกในเวลาแห่งความสุขของเมธาวินสักนิดนึง เพราะชลธรไม่เข้าใจว่าทำไมเพื่อนถึงรักผู้หญิงคนนี้ทั้งที่อยู่เป็นโสดมานาน ชลธรแนะนำผู้หญิงคนไหนให้ก็ไม่เคยสนใจ “แกเพิ่งคบกับคุณพิ้งค์ได้กี่เดือนเอง…คิดจะแต่งงานกับคุณพิ้งค์แล้วเหรอวะ” “สำหรับฉันกับพิ้งค์...เรารู้จักกันมานานมากแล้ว” คิมหันต์เอ่ยพูดเรียบๆ ผ่านรอยยิ้มละไม “แกไม่ต้องไปสนใจไอ้ธรหรอ แล้วแกคิดจะขอพิ้งค์แต่งงานเมื่อไหร่” “เร็วๆ นี้แหละ” เมธาวินออกอาการอิ่มอกอิ่มใจมีรอยยิ้มประดับเต็มใบหน้า ชลธรยกแก้วเหล้าขึ้นมาและเอ่ยพูดให้ทุกคนยกแก้วเหล้าขึ้นมา แล้วฉลองให้กับเมธาวินล่วงหน้า “เอ้า! ชน!” ทุกคนสังสรรค์กันอย่างสนุก … ห้องนอนพิชชา… พิชชากำลังนั่งคิดถึงเหตุการณ์เมื่อตอนเย็นอยู่บนเตียงนอนนุ่มๆ และใน
34 เริ่มจีบ ปัง! นางแบบสาวเดินเข้าห้องพักและปิดประตูแรงๆ เธอเดินกระทืบเท้าตรงไปที่เตียง หยิบหมอนปาลงพื้น ปัดผ้าห่มและกรีดร้องอย่างสุดเสียงด้วยความโมโห เดินกลับไปกลับมาอยู่ในห้องนอนอย่างใช้ความคิด ซาบีน่าถอนหายใจและเอ่ยพูดกับตัวเอง “นี่ฉันแพ้แล้วจริงๆ เหรอ?” อารมณ์ที่เหมือนเคลิ้มฝันสูญสลายไปจนสิ้น … ทุกคนกลับมาจากทะเลได้หลายวัน… ตอนนี้เป็นเวลาเที่ยง คิมหันต์ชวนเมธาวินออกมาทานข้าวด้วยกัน แต่เมธาวินนั่งสังเกตหน้าของคิมหันต์มานานแล้วตั้งแต่ที่กลับมาจากทะเล หน้าตาของเพื่อนสนิทดูสดใสเหมือนคนกำลังมีความรัก เมธาวินวางช้อนส้อมลงบนจานข้าวอย่างเรียบร้อยและยกแก้วน้ำมากระดกก่อนเอ่ยถามขึ้นอย่างสงสัย “คิม! แกเป็นอะไรวะ? ฉันเห็นแกนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ให้กับโทรศัพท์…หรือว่าแกมีแฟนแล้วไม่บอกเพื่อน” คิมหันต์ได้ยินก็เก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋าข้างในเสื้อสูทและเงยหน้าขึ้นมาตอบพร้อมยิ้มน้อยๆ “ไม่มีอะไร ฉันแค่เลื่อนไปเจอคลิปตลกน่ะ” ที่จริงแล้วคิมหันต์กำลังส่งแชทคุยกับมินตรา แต่เขาเลี่ยงที่จะไม่พูดความจริงให้เมธาวินรู้ เพราะในตอนนี้เขากำลังเริ่มจีบมินตราอย่างเป็นทางการ แต่ขอไม่เปิดเผยให้ใครรู้ต้องรอให้ฝ
33 ความลับของนางแบบสาว เมื่อเมธาวินขับรถพาพิชชามาถึงจุดชมวิว เธอและเขาก้าวลงจากรถมายืนดูพระอาทิตย์กำลังจะลาลับขอบฟ้า หมู่นกนางนวลต่างก็โบยบินกลับรัง สายลมรำเพยจากทะเลที่กว้างใหญ่ พัดพาคลื่นซัดเข้าฝั่งเสียงดัง ~ซ่าส์ ซ่าส์~ พิชชาจ้องมองแสงสีส้มกับหมู่นกนางนวลที่โบยบินอยู่บนท้องฟ้า เมธาวินมองด้วยสายตาชื่นชมหลงใหลในขณะที่เธอยืนรับลมทะเลเย็นๆ บริเวณหน้ารถ เขามองเธออย่างเคลิบเคลิ้ม พิชชาเหลือบไปเห็นเมธาวินกำลังจ้องมองเธออย่างไม่ละสายตา เธอก็เรียกเขาด้วยความสงสัย “พี่วินคะ…มีอะไรหรือเปล่า?” ฟังเสียงหวานที่เอ่ยกับเขาทีละคำทีละประโยคอย่างนุ่มนวล ทำให้เมธาวินยิ้มและตอบอย่างอารมณ์ดี “พี่แค่ดีใจ…ที่เราสองคนผ่านอุปสรรคมาได้” ดวงตาสองคู่ประสานกันหวานซึ้ง เมธาวินขยับเข้ามาชิดและโอบกอดเอวเธอจากด้านหลัง ทั้งสองคนยืนดูพระอาทิตย์ตกดินอย่างมีความสุข … มินตรายืนมองหาซาบีน่าที่ชายหาด แต่ซาบีน่าเห็นมินตรายืนอยู่เลยแกล้งเดินทะเล่อทะล่ามาชนเธออย่างแรง จนมินตราล้มลงไปกองอยู่บนทราย มินตราหันขวับไปมองคนที่ทำให้เธอล้ม “นี่แกแกล้งฉันเหรอ?” “ใช่! แล้วจะทำไม?” มินตราลุกขึ้นจากพื้นทรายแล้วยกมือปัดก้นและมื
32 ยอมแพ้ วันที่สาม... แสงแดดสาดส่องผ่านรูหน้าต่างทะลุผ้าม่านเข้ามาภายในห้องสี่เหลี่ยม ตกกระทบร่างกายเปลือยเปล่าสองร่างที่นอนกอดกันใต้ผ้าห่มผืนหนาบนเตียงขนาดใหญ่ หลังจากที่เมื่อวานนี้เมธาวินกับพิชชาได้อยู่ในห้องนอนด้วยกันสองต่อสอง จนถึงเช้าของวันนี้ เมธาวินตื่นขึ้นมาพร้อมก้มหน้ามองร่างบางอยู่ในอ้อมแขนทรงพลังของเขา เมธาวินมองใบหน้าสวยที่กำลังหลับไหลอยู่ในห้วงนิทรามันช่างน่าหลงใหล เขายกนิ้วชี้ลูบไล้บนใบหน้าของเธอ จนทำให้พิชชารู้สึกตัวตื่นขึ้นมา หญิงสาวลืมตามามองเมธาวินและเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานนุ่มนวล “ตื่นนานแล้วเหรอคะ” “ได้สักพักแล้วค่ะ” ชายหนุ่มตอบคำถามพร้อมลูบไล้แก้มเนียนๆ ของเธอ “พิ้งค์ว่าเราลุกขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวได้แล้วค่ะ...ป่านนี้ทุกคนรอทานข้าวกันหมดแล้ว” “แต่พี่ไม่อยากลุกออกจากเตียงเลย อยากนอนอยู่ข้างๆ พิ้งค์แบบนี้ไปเรื่อยๆ” พิชชามองเขาด้วยรอยยิ้มขัดเขิน แล้วเมธาวินจูบเบาๆ ที่หน้าผากของเธอ ก่อนจะลุกขึ้นก้าวลงจากเตียงเดินไปเข้าห้องน้ำ … ทุกคนกำลังนั่งทานข้าวอยู่ เมธาวินนั่งจ้องมองพิชชาที่นั่งอยู่เก้าอี้ตรงข้ามกับเขา พิชชาใช้มีดทาเนยแตะเนยแล้วละเลงบนขนมปังปิ้งร้อนๆ