“พราว” คนตรงหน้าเอ่ยเรียกชื่อฉันทันทีที่หันมาด้วยความตกใจ ส่วนผู้หญิงข้างๆเขาก็ปลายตามามองฉันอย่างไม่สะทกสะท้านใดๆ “ที่บอกว่าลูกค้านี่คือพี่โกหกพราวเหรอ?” ฉันถามคนตรงหน้าออกไปเสียงนิ่ง เพราะสิ่งที่ฉันเห็นตั้งแต่ที่ร้านอาหาร ไปจนถึงซื้อของที่ห้าง ฉันก็ว่าไม่น่าจะใช่ลูกค้าอย่างที่พี่องศาบอก เลยตัดสินใจตามมาจนถึงที่นี่ ก่อนจะเห็นว่าสองคนนี้ยืนจูบกัน“เดี๋ยวพราว ฟังพี่อธิบายก่อน”“พราวไม่อยากฟัง” พูดจบฉันก็วิ่งออกมาจากตรงนั้นอย่างไว โดยที่ไม่สนใจเสียงร้องตะโกนของพี่องศาเลย ถ้าจะถามว่าเสียใจไหมก็เสียใจนะ แต่จะให้ฉันมาร้องห่มร้องไห้เหมือนนางเอกในละครหละก็บอกเลยไม่มีทาง “เป็นไงบ้างมึง เจอพี่องศาไหม?” “ออกรถก่อนเดี๋ยวค่อยเล่า” ทันทีที่ฉันวิ่งมาถึงรถของยัยแตงกวาที่จอดรออยู่ด้านหน้าคอนโดแห่งนี้ ฉันก็รีบขึ้นรถมันทันทีก่อนที่จะบอกให้มันรีบออกรถเนื่องจากว่าพี่องศากำลังวิ่งตามมา “จะเล่าได้ยัง” ยัยนัทตี้ชะโงกหน้ามาถามฉันที่นั่งตรงเบาะหน้าข้างคนขับ“กูเห็นพี่องศากับผู้หญิงคนนั้นยืนจูบกันในห้อง” “กูว่าแล้วเห็นไหม ลูกค้าเหี้ยไรนั่งใกล้จนแทบจะสิงกันอยู่แล้ว ไม่พอยังพากันไปเดินซื้อของบนห้างอีก พี่อ
ตู๊ด ตู๊ด ตู๊ด!!(ว่าไงยัยตัวดี โทรหาพี่ได้แล้วเหรอ?) ทันทีที่พี่เพทายรับสาย เขาก็พูดจากระแนะกระแหนฉันทันทีเลย“พราวมีเรื่องจะถามค่ะ”(เรื่องไอ้องศากับควีน?)“พี่รู้จักผู้หญิงคนนั้นเหรอ?”(อืม ยัยนั่นมันชอบไอ้องศา แต่ว่าผัวแกมันไม่เล่นด้วย ถ้ามันคิดจะเอายัยควีนจริงๆมันเอาไปนานแล้ว ไม่รอมาจนถึงป่านนี้หรอก แล้วเรื่องที่แกเห็นเมื่อคืน ไอ้องศาบอกว่ายัยนั่นเป็นคนดึงมันเข้าไปจูบเอง ซึ่งพี่ก็เชื่อมันนะ เพราะเท่าที่พี่รู้จักมันมา มันไม่เคยมีประวัติเรื่องผู้หญิงมาก่อนเลย เอาหัวพี่ชายคนนี้เป็นประกัน) แล้วหลังจากนั้นพี่เพทายก็เริ่มเล่าเรื่องของพี่องศากับยัยพี่ควีนอะไรนั่นให้ฉันฟัง ซึ่งฉันก็ตั้งใจเป็นผู้ฟังที่ดีนะ“พี่องศาเขาบอกเลิกพราว” (หืม ใช่เหรอพราว พี่ว่าไม่น่าจะใช่นะ) “เขาส่งข้อความมาบอกว่าถ้าพราวอยากเลิกกับเขา เขาก็จะเลิกให้ คือพราวยังไม่ได้พูดสักคำเลยนะ ว่าจะเลิกกับเขา” (แล้วพราวตอบมันไปยัง?)“ตอบแล้วค่ะ”(ตอบมันไปว่าไง?) พี่เพทายเอ่ยถามอย่างสงสัย“ตอบไปว่า เลิกก็เลิก” ไม่รู้ว่าเมื่อกี้เกิดผีบ้าอะไรขึ้นมา พอเห็นข้อความนั้นของพี่องศา ฉันก็พิมพ์ตอบเขาไป ซึ่งพอเขาอ่าน เขาก็ไม่ได้ตอบฉันกล
ครืด ครืด ครืด!!ในขณะที่ผมกำลังจะอ้าปากพูดบางประโยคออกไป จู่ๆโทรศัพท์ที่อยู่ในกางเกงก็สั่นขึ้นขัดจังหวะซะก่อน แล้วพอหยิบขึ้นมาดูก็พบว่าเป็นควีนที่โทรเข้ามา“ทำไมไม่รับสายหละคะ” พราวฟ้ากอดอกมองหน้าผมอย่างไม่ยอมละสายตาไปไหน“ควีนโทรมา” ผมชูโทรศัพท์ไปให้คนตรงหน้าดูด้วยความบริสุทธิ์ใจ“รับสายสิคะ พราวอยากรู้เหมือนกันว่าโทรมาทำไม” สิ้นเสียงพราวฟ้าผมก็รับสายควีนทันที ก่อนจะกดเปิดลำโพงให้คนที่นั่งอยู่ด้านข้างฟังด้วย(องศา อยู่ไหนคะ ควีนไลน์ไปไม่อ่านเลย)“ผมอยู่ต่างจังหวัด ควีนมีอะไร?” (ควีนอยากจะขอโทษเรื่องเมื่อคืนก่อน) เรื่องเมื่อคืนก่อนก็คือเรื่องที่เธอดึงผมไปจูบนั่นแหละ หลังจากคืนนั้นผมก็ไม่ได้คุยกับควีนอีกเลย จนกระทั่งวันนี้ที่เธอโทรมา แถมยังโทรมาได้เหมาะเจาะซะจริงๆ“อืม คราวหลังก็อย่าทำแบบนั้นอีก”(องศาไม่โกรธควีนใช่มั้ย?)“ครั้งนี้ผมจะไม่ว่าอะไร แต่อย่าให้มีครั้งต่อไปนะควีน คุณก็รู้ว่าผมมีแฟนแล้ว” (อืม ควีนจะไม่ให้มันเกิดขึ้นอีก ขอโทษด้วยนะ)“ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมวางนะ พอดีตอนนี้อยู่กับแฟนไม่ค่อยสะดวกคุย” ผมมองหน้าพราวฟ้าที่ตอนนี้เอาแต่นั่งจ้องหน้าผมอยู่ (อะ อืม งั้นควีนไม่กวนองศาแล้ว
สามสิบนาทีต่อมา….@ห้องพัก 20.00 น. “อีพราว นี่มันกี่โมงแล้วคะ…กว่าจะมา” ทันทีที่ฉันเปิดประตูห้องพักเข้ามา เสียงยัยแตงกวาก็ดังมาแต่ไกล“มึงก็อย่าว่ามัน คนเค้ากำลังปรับความใจกันอยู่” ยัยนัทตี้เอ่ยแซวอย่างรู้ทัน“นี่ก็ทำเวลาที่สุดแล้วนะ ขอเปลี่ยนชุดแป๊บ” ฉันว่าพลาง พร้อมกับเดินไปยังตู้เสื้อผ้า ก่อนจะหยิบชุดของตัวเองออกมาแล้วเดินเข้าไปในห้องน้ำอย่างรวดเร็ว“จะใส่ชุดนี้โชว์รอยคิสมาร์กตรงด้านหลังจริงเหรอ?” ยัยแตงกวาถามฉันหลังจากที่ฉันเข้าไปเปลี่ยนชุดมาเมื่อกี้“ด้านหลังก็มีเหรอแก?” ฉันไม่ทันได้สังเกตตัวเองในกระจกไง อีกอย่างไม่ให้โชว์หลังแล้วจะให้โชว์ตรงไหน เพราะด้านหน้าพี่องศาก็เล่นดูดเป็นรอยซะเยอะเลย“มีที่อื่นอีกเหรอ?” “เนินอกตรงนี้ เต็มหมดเลย” ฉันบอกยัยแตงกวาไปลังจากที่มันพูดจบ“มา เดี๋ยวกูเอาคอลซิลเลอร์ทาทับให้” ยัยนัทตี้เอ่ยขึ้น ก่อนจะหันไปหยิบกระเป๋าเครื่องสำอางมันขึ้นมา….“จัดกันไปกี่ยกวะเนี่ย แป๊บเดียวรอยเต็มตัวเลย” ฉันได้แต่ยิ้มแหยๆให้เพื่อนไป ถ้านับรวมกับในห้องน้ำเมื่อกี้ก็น่าจะห้ายกเห็นจะได้“แล้วนี่สรุปคืนดีกันแล้วใช่มั้ย?” ยัยนัทตี้เอ่ยถามหลังจากที่ยัยแตงกวาพูดจบ“ก็อืม พี่อ
“พี่องศา พราวจะนั่งตรงนี้ค่ะ” หลังจากที่ออกมาจากห้องน้ำ ฉันก็เดินตรงดิ่งมาที่โต๊ะของพี่องศาทันที แล้วที่ว่านั่งตรงนี้คือนั่งที่เก้าอี้ข้างๆพี่องศานี่แหละ “ไม่นั่งกับเพื่อนแล้วเหรอครับ?” “เดี๋ยวค่อยกลับไปนั่งค่ะ” เพราะตอนอยู่ในห้องน้ำเมื่อกี้ฉันแชทมาบอกยัยพวกนั้นในกลุ่มแล้ว ว่าขอมานั่งกับพี่องศาแป๊บนึง ซึ่งพวกมันก็ไม่ได้ว่าอะไร อีกอย่างโต๊ะฉันกับโต๊ะพี่องศาก็ไม่ได้อยู่ไกลกันขนาดนั้น เดินสามสี่ก้าวก็ถึงแล้ว“เป็นอะไร ทำไมหน้างอ” “เบื่อคนฮอตค่ะ” ฉันตอบพี่องศากลับไปทันทีหลังจากที่พี่เขาถามคำถามเมื่อกี้ “หืม” “แค่มาดื่มเหล้าจำเป็นต้องแต่งหล่อกันขนาดนี้เลยเหรอคะ?” ฉันเอ่ยถามคนด้านข้าง ก่อนจะหันไปมองพี่ชายตัวเองที่ตอนนี้กำลังมองฉันอยู่“อะไรของแก มาถึงก็ฟาดงวงฟาดงา” ฉันไม่ตอบแต่เลือกที่จะยกแก้วเหล้าของพี่องศาที่วางอยู่ด้านหน้าขึ้นมาดื่มแทน อึกอึกอึก!!“เห้ยๆ ยัยพราว เบาได้เบาเว้ย เดี๋ยวก็ได้เมาตายห่า” คนอย่างพราวฟ้าไม่มีคำว่าเมาในพจนานุกรมค่ะ ฉันไม่สนใจเสียงห้ามของพี่เพทาย ก่อนจะหันไปคว้าขวดเหล้าที่วางอยู่เพื่อจะเอามาเทใส่แก้วตรงหน้า แต่……หมับ!!“เป็นอะไรหืม บอกพี่ได้มั้ย?” พี่องศาคว้
สามวันต่อมา…..@กรุงเทพมหานคร คอนโด 19.25 น.“คิดถึงที่นอนจะแย่”ฟุ่บ!!ทันทีที่ฉันก้าวขาเข้ามาในห้องนอนของพี่องศาฉันก็ทิ้งตัวลงบนเตียงนอนขนาดใหญ่ด้วยความเหนื่อยล้าเหนื่อยล้าจากการที่ต้องนั่งรถนานๆเป็นระยะเวลารวมเกือบสิบชั่วโมง ถ้ารวมกับรถติดในกรุงเทพ ครั้งหน้าถ้าจะไปเที่ยวเชียงใหม่อีกนะขอนั่งเครื่องไปแบบสวยๆดีกว่า คือตอนนี้ฉันกลับมาจากเชียงใหม่แล้วนะ นั่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถให้พี่องศามาตลอดทาง ส่วนยัยแตงกวากับยัยนัทตี้มันยังไม่กลับ เห็นว่าจะอยู่เที่ยวต่ออีกสองสามวัน ถ้าจะถามหาพี่ชายของฉัน รายนั้นบินกลับมาตั้งแต่วันก่อนแล้วค่ะ นี่ก็งงว่าทำไมถึงรีบกลับ“พราวจะอาบน้ำก่อนมั้ย?” คนที่เดินลากกระเป๋าเข้ามาในห้องเอ่ยถามฉันที่่ยังคงนอนแผ่หลาอยู่บนที่นอนตอนนี้“พี่องศาอาบก่อนเลยค่ะ พราวขอนอนสักยี่สิบนาที” คือตอนนี้ไม่อยากทำอะไรสักอย่างเลย อยากจะนอนอย่างเดียว รู้สึกมึนหัวนิดๆด้วย “งั้นพี่อาบน้ำก่อนนะครับ” “ค่ะ!” ฉันพยักหน้าตอบพี่องศากลับไป ก่อนจะมองตามแผ่นหลังกว้างที่เดินเข้าห้องน้ำไปตอนนี้ ครืด ครืด ครืด!!แล้วจู่ๆโทรศัพท์ของพี่องศาตรงโต๊ะบนหัวเตียงก็สั่นขึ้นมา พอฉันหยิบขึ้นมาดูก็พบว่าเป็น
สามสิบนาทีต่อมา……“พี่องศาทำอะไรกินคะ?” หลังจากที่ฉันอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ ฉันก็เดินมาดูพี่องศาที่รับบทเป็นพ่อครัวทำอาหารอยู่ในครัว “ข้าวต้มปลาที่พราวชอบ” ฉันฉีกยิ้มกว้างให้คนตรงหน้าทันที ก่อนจะฝังจมูกลงไปบนแก้มข้างนึงของเขาฟอดดด!!!“พี่องศาน่ารักที่สุดเลย” “แล้วรักมั้ยครับ หืม”“รักค่ะ รักมากด้วย” ฉันตอบพี่องศาไปทันทีโดยที่ไม่ต้องคิดเลย เพราะฉันตอบมันด้วยหัวใจกับความรู้สึกของฉันจริงๆ“งั้น….”พรึ่บจู่ๆพี่องศาก็หันหน้ากลับมาหาฉัน ก่อนจะอุ้มฉันขึ้นไปนั่งบนเคาน์เตอร์บาร์ที่ใช้ทำอาหาร “ทำอะไรคะ?” ฉันถามคนตรงหน้าออกไปด้วยความสงสัย“อยากลองตรงนี้บ้าง”“เดี๋ยวนะคะ นี่พี่กะจะเอาทุกซอกทุกมุมในห้องนี้เลยเหรอ?” “ไม่ได้เหรอครับ หืม” แล้วคือทำน้ำเสียงอ้อนขนาดนี้ ฉันจะปฏิเสธลงยังไง “วันอื่นได้มั้ยคะ วันนี้ร่างกายพราวยังไม่พร้อม” นี่ก็พึ่งจะหายไข้เองนะ ที่สำคัญหิวข้าวมากด้วยตอนนี้“หึ พี่ก็ไม่ได้บอกว่าวันนี้” “แล้วพี่จะอุ้มพราวขึ้นมาทำไมคะ” แถมยังแทรกตัวมาอยู่กลางหว่างขาของฉันอีก“ก็ซ้อมไว้ อยากรู้ว่ามันจะพอดีกันหรือเปล่า” พี่องศายกยิ้มมุมปากเล็กน้อย หลังจากที่เขาพูดออกมาเมื่อกี้ คือไม่ต้องบอก
สามวันต่อมา 07.20 น.“พราวมาเป็นเลขาให้พี่ดีกว่ามั้ย ไม่ต้องไปทำงานกับไอ้เพทายมันหรอก” ทันทีที่ฉันก้าวขาออกจากประตูห้องน้ำมา คนที่นอนอยู่บนเตียงขนาดใหญ่ก็พูดขึ้นทันที ที่พี่องศาพูดแบบนี้เพราะตอนนี้ฉันกำลังจะเข้าไปทำงานกับพี่ชายของฉันที่บริษัทค่ะ ซึ่งวันนี้เป็นวันแรกของการทำงานคือหลังจากที่ฝึกงานเสร็จ พี่เพทายก็สั่งให้ฉันเข้าไปทำงานกับเขาที่บริษัททันทีเลยจ้า ไม่ถงไม่ถามเลยว่าฉันอยากไปทำกับเขาหรือเปล่าครอบครัวของฉันทำธุรกิจเกี่ยวกับการนำเข้าและส่งออกสินค้า ไม่ว่าจะเป็นทางบก ทางน้ำหรือทางอากาศ พวกเราก็ให้บริการได้หมดเลย ซึ่งตอนนี้พ่อกับแม่ก็ดูแลในส่วนของต่างประเทศ ส่วนพี่เพทายก็ดูแลในส่วนของที่นี่ “เดี๋ยวพี่เพทายก็ได้กินหัวพราวหรอกค่ะ อีกอย่างพราวก็รับปากเพื่อนสุดที่รักของพี่องศาไปแล้วด้วย”“งั้นให้พี่ไปส่งพราวนะ”“พี่องศาไม่ต้องรีบเข้าบริษัทเหรอคะ?”“พี่เคลียร์งานพี่เสร็จหมดแล้วเมื่อวาน วันนี้พี่ว่างทั้งวัน” ก็ว่าทำไมถึงไม่ยอมแต่งตัวไปทำงานสักที เพราะงี้นี่เอง“งั้นเดี๋ยวพราวขอแต่งตัวแป๊บนึงนะคะ” ฉันว่าพลางเดินไปยังตู้เสื้อผ้าเพื่อจะหยิบชุดทำงานออกมา แต่……หมับ!!“จะรีบไปไหน หืม” ร่