Share

บทที่5

last update Last Updated: 2024-12-09 16:31:46

บทที่5

ตะวันคล้อยต่ำ ร่างดรุณีน้อยตระกองกอดร่างไร้วิญญาณของสตรีชราเอาไว้ เสียงร้องคร่ำครวญของนางเงียบไปได้สักพักแล้ว

แม่ครัวหนึ่งในบ่าวรับใช้ที่ค่อยแอบแบ่งอาหารเอาให้แม่นมหม่า รู้เรื่องก็รีบรุดมายังลานกลางจวน พาบ่าวรับใช้ชายที่คอยช่วยหาบน้ำในโรงครัวมาอีกหลายคน

“คุณหนูข้าช่วยเอง ท่านไม่ต้องเป็นห่วงข้าจะฝังร่างนางเป็นอย่างดี” ไม่ใช่นางไม่สงสารคุณหนูเสี่ยวถง แต่เป็นคำสั่งจากฮูหยินใหญ่ นางที่เป็นเพียงบ่าวฐานะต่ำ ถูกขายเข้ามาก็ต้องก้มหน้ารับใช้ตามคำสั่งเจ้านายเท่านั้น ไม่อย่างนั้นก็จะไม่สามารถมีชีวิตรอดอยู่ภายในจวนได้ เมื่อคนจากไปแล้ว ชีวิตก็ต้องสู้ต่อไป บ่าวต้อยต่ำเช่นพวกนางก็เป็นเช่นนี้

กวนเสี่ยวถงพยักหน้ารับ ดวงหน้ายังคงเปอะเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตา หากไม่ยอมรับความช่วยเหลือ ร่างของแม่นมก็จะถูกทิ้งเอาไว้แบบนี้

หลุมศพของแม่นมหม่าถูกฝังอยู่ที่สุสานรวม กวนเสี่ยวถงนั่งเฝ้าหลุมศพอยู่แบบนั้นไม่ขยับเขยื้อนกาย

“นางอยู่ที่ไหน” กวนหยงเหอได้รับรายงานว่าแม่นมหม่าตายแล้ว ร่างอวบท้วมยิ้มเยาะ กวนเสี่ยวถงไร้ซึ่งคนที่ไว้ใจคอยดูแล หากต้องเดินทางไปต่างแคว้นก็ไร้ซึ่งที่พึ่ง นางจะต้องพึ่งพาเขาผู้ซึ่งเป็นบิดา

“คุณหนูยังอยู่ที่สุสาน นางยังนังนั่งเฝ้าอยู่หน้าหลุมศพเจ้าคะ”

“ปล่อยไปให้ไม่ต้องสนใจ ใกล้ถึงเวลาก็เอาชุดพวกนี้ไปให้นางใส่แล้วพาไปถึงเกี้ยวที่หน้าประตูเมือง อย่าให้มีอะไรผิดพลาด ชีวิตของคนทั้งแคว้นถูกกำหนดเอาไว้ถึงแค่พรุ่งนี้”

“เจ้าคะ”

“ท่านพี่ของข้าฉลาดล้ำ กำจัดนางออกไปจากจวนได้โดยไม่ต้องถูกผู้อื่นครหา อีกทั้งยังสร้างผลงานครั้งยิ่งใหญ่” กวนฮูหยินนั่งจิบชา นึกดีใจที่สามีกำจัดกวนเสี่ยวถงออกไปจากจวนได้เสียที่ นางเป็นถึงลูกคุณหนูตระกูลใหญ่แต่งออกเรือนอย่างยิ่งใหญ่กับจองหงวน ไม่คาดคิดช่วงที่นางตั้งครรภ์ สามีกลับพาผู้หญิงคนหนึ่งกลับมาด้วย เป็นเพียงสตรีไร้หัวนอนปลายเท้าจากป่าเขา แต่กลับมีฐานะในจวนเทียมนาง โชคดีที่นางทำตัวเองให้มีหมดรัก แต่ถึงอย่างนั้น ข้าเกลียดเจ้าเหมยฮวา

กวนหยงเหอพยักหน้ารับ ถึงแม้แคว้นจะแพ้สงคราม ไม่รู้ว่าจะไปในทิศทางใด แต่เขาสร้างบุญคุณใหญ่หลวงให้แก่บ้านเมือง ฮองเต้ต้องเห็นเขาอยู่ในสายตามากกว่าเดิม ตอนนี้ขอเพียงเมื่อกวนเสี่ยวถงไปอยู่แคว้นจ้าว นางจะต้องทนไม้ทนมือรัชทายาทมีชีวิตอยู่ให้นานที่สุดพอให้เขากอบโกยผลประโยชน์ให้ได้

ใกล้ฟ้าสางสาวใช้หลายคนลากกวนเสี่ยวถงออกมาจากสุสาน ไร้การขัดขืน ไร้การต่อสู้ อย่างที่ทุกคนกังวล ให้ทำอะไรกวนเสี่ยวถงก็ทำตามเงียบ

ดรุณีน้อยอายุเพียง 16 หนาว ในชุดเจ้าสาวสีแดงก้าวขึ้นเกี้ยวแดง ไม่มีแม้คนครอบครัวมาส่ง ชาวเมืองหลายร้อยชีวิตมองภาพนั้นด้วยแววตาเวทนา จากคุณหนูตระกูลใหญ่บุตรสาวเสนาบดี ได้เลื่อนฐานันนดรเป็นถึงองค์หญิงเพียงวันเดียว ก็ต้องจากแคว้นไป หากเลือกได้พวกเขาที่เป็นสามัญชนอยากเป็นเช่นนางหรือไม่ พูดได้อย่างไม่อายไม่มีใครอยากเป็นนาง แม้จะนึกขอบคุณที่นางนั้นเสียสละตนเองเพื่อทุกคนแต่ เรื่องราวของนางอีกไม่นานก็ไม่มีผู้ใดจดจำได้นางหาใช่วีรบุรุษที่กอบกู้แคว้น เป็นเพียงองค์หญิงที่แต่งออกเรือนไปเท่านั้น

รถม้าเจ้าสาวค่อยๆ เคลื่อนตัวออกจากประตูเมืองหลวง โดยการคุ้มกันจากทหารแคว้นจ้าวหลายร้อยนาย แม้ไม่รู้ว่าเหตุใดองค์รัชทายาทอยากได้องค์หญิงแคว้นเว่ยเพื่อยุติสงคราม ทั้งๆ ที่แค่พังประตูเมืองเข้าไปพระองค์ก็สามารถสั่งเป็นสั่งตายทุกชีวิตได้

แต่ก็นั้นล่ะพวกเขาได้แค่คิด ใครจะไปอาจหาญขัดคำสั่งพระองค์กัน แม้ทุกวันนี้ยังดำรงค์ตำแหน่งเป็นรัชทายาทแต่อำนาจในมือกลับเหนือยิ่งกว่าฮองเต้เสียอีก แล้วฮองเต้ก็ไม่เคยไม่พอพระทัยที่บุตรชายมีอำนาจเหนือกว่า ออกจะดูพออกพอใจด้วยซ้ำ ตั้งแต่รัชทายาทอายุ 16หนาว ก็บุกตะลุยยึดดินแดนไปทั่ว แคว้นจ้าวจากแคว้นเล็กๆ ก็ขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ แม้จะทำสงครามตลอดเวลาราษฎรไม่เคยบ่น ทุกครัวเรือนอยู่ดีกินดี ก็เพราะของบรรณาการของเมืองขึ้นที่แพ้สงครามนั้นล่ะ

เสียงสะอื้อไห้ดังออกมาจากรถม้า นายทหารหลายคนมองหน้ากันส่งสายตาแปลกให้ก่อนเสมองพื้นเบื้องหน้า

องค์หญิงจะโศกเศร้าที่ต้องการบ้านเมืองก็ไม่แปลก เมื่อครู่ตอนที่นางขึ้นรถมัาพวกเขาเห็นนางยังคงเยาว์วัยยิ่งนักแถมคนที่ต้องแต่งยังเป็นคนผู้นั้น ขนาดพวกเขาที่เป็นทหารเดนตาย เห็นเลือดเห็นคนตายไม่รู้เท่าไร แต่ทุกครั้งที่คนผู้นั้นปรากฏตัวอยู่ไม่ไกล พวกเขาก็พลันหายใจลำบาก เย็นเฉียบไปถึงขั้วหัวใจ

กวนเสี่ยวถงนั่งอยู่ในรถม้านางมองประตูเมืองหลวงที่ค่อยๆ ห่างไปเรื่อยๆ มือบางกำพู่หยกของมารดาที่แม่นมเก็บรักษาเอาไว้ให้นางไว้มั่น วันหนึ่งนางจะกลับมาที่นี่อีกคร้ัง

“ข้าจะกลับมาแล้วเผาพวกเจ้าทุกคนด้วยไฟโทสะที่พวกเจ้าทั้งหมดทำเอาไว้กับข้า”

สักวันหนึ่งนางจะกลับมา และทุกคนต้องมองนางด้วยสายตาหวาดกลัวหาใช่แววตาตาสมเพชเวทนา โดยเฉพาะคนในสกุลกวน

ที่แม่นมไม่ให้นางใช้พลัง นางรู้ดีว่าเพราะเหตุใด แม่นมย้ำและคอยเตือนเสมอ แต่ด้วยความยังเด็กกวนเสี่ยวถงก็มักจะดื้อรั้น อยากใช้พลังที่มีก้าวผ่านความเจ็บปวดจากการถูกกระทำเพียงฝ่ายเดียว

“ข้าจะรอวันที่ข้าอายุ 18 วันที่ปราณแท้ของข้าสมบูรณ์” เสียงเล็กๆ เข่นเขี้ยวออกมาด้วยความคับแค้น

ที่แม่นมไม่ให้นางใช้พลังเพราะหากใช้ต่อหน้าคนอื่น แค่ไฟดวงเล็กหรือความร้อนเพียงเล็กน้อยไม่อาจหยุดคนที่มุ่งจะทำร้ายนางได้ กวนเสี่ยวถงก็ต้องใช้พลังจากปราณ หากปราณยังไม่สมบูรณ์ฝืนใช้พลังไปอาจธาตุไฟเข้าแทรกไม่วิปลาสก็ตาย

ผู้เฒ่าตระกูลมู่หรงพาสายเลือดทั้งหมดที่เหลืออยู่เล้นกายหายเข้าไปในหุบเขาอู่ไถ ตัดทางโลก เพื่อที่จะไร้ซึ่งกิเลส ไร้ซึ่งความโกรธก็ไร้ซึ่งพลัง ด้วยพลังปราณพิเศษที่สืบทอดมาในสายเลือดนั้นคือไฟโลกัลต์ ยิ่งมีความโกรธเกลียดมากเท่าใดพลังก็จะยิ่งรุนแรง

Related chapters

  • องค์หญิงบรรณาการผู้ถูกลืมเลือน   บทที่6

    บทที่6“พวกนั้นส่งใครมา” เสียงห้าวทุ้มเอ่ยถามองครักษ์คนสนิท“ฮองเต้แคว้นเว่ยส่งองค์หญิงแปดมาพ่ะย่ะค่ะ” องครักษ์ซาง ดินเปิดกระโจมเข้ามารายงานข่าว ตามคมก้มหลุบต่มองที่พื้น เมินมองแผ่นหลังเปลือยเปล่าบนเตียงบรรทม“เจ้าออกไปก่อน” จ้าวหยุ่นหลงหันไปสั่งสตรีที่นอนเปลือยเปล่าอยู่เตียง“เพคะ” นางรีบคลานลงจากเตียงหยิบคว้าเสื้อผ้าบนพื้นสวมใส่ลวกๆ เพียงพอให้ปิดบิดร่างกายเพื่อที่จะได้รีบออกไปจากกระโจมของรัชทายาท“พระองค์น่าจะรับพระสนมหรือทาสอุ่นเตียงสักคน มิใช่หญิงคณิกา” นอกจากบิดาแล้วคงมีผู้เดียวในใต้หล้าที่อาจหาญตำหนิจ้างหยุ่นหลง หากมิใช่สหายที่โตมาด้วยกัน“ข้าจะรบสนมหรือทางอุ่นเตียงทำไมกัน ใช้งานคณิกาของกองทัพใช่พวกเจ้าก็สะดวกดีมิใช่หรือ อีกอย่างเจาสาวข้าเพื่อขึ้นรถ้มามุ่งหน้มาทางนี้แล้ว ว่าแต่ข้าจำได้ว่าฮองเต้แคว้นเว่ยมีองค์หญิงเพียงเจ็ดพระองค์ แล้วองค์แปดคือใคร”จ้าวหยุ่นหลงลงจากเตียงบรรทมหยิบชุดคลุมตัวบางมาสวมใส่ เดินไปทรุดตัวลงนั่งที่โต๊ะเขียนหนังสือ องครักษ์เดินมาทรุดตัวนั่งฝั่งตรงข้าม ริบน้ำชาให้รัชทายาทก่อนรินให้ตนเอง“นางเพิ่งได้รับการแต่งตั้งวันนี้” จ้าวหยุ่นหลงย่นคิ้ว“ฮองเต้รับบุตรีข

    Last Updated : 2024-12-09
  • องค์หญิงบรรณาการผู้ถูกลืมเลือน   บทที่7

    บทที่7เจ้าสาวในชุดมงคลเดินเยื้องย่างมาหยุดที่กลางกระโจม ใต้ผ้าคลุมสีแดงสด ตากลมโตจ้องมองบุรุษที่นั่งอยู่ที่โต๊ะเขียนหนังสือด้วยท่าทางผ่อนคลาย ใบหน้าคล้ำแดดแต่ไม่อาจบดบังรูปโฉมอันงดงามของเขาบุรุษผู้นี้เลย นี้หรือผู้กำซะตาชีวิตของนางคนต่อไป งานแต่งไร้ซึ่งพิธีการใดๆ มีเพียงเจ้าสาวในชุดมงคลสีแดงเท่านั้นกวนเสี่ยวถงกำมือแน่น ตอนนี้นางเป็นถึงองค์หญิง แต่เจ้าบ่าวของนางกลับดูแคลนนางเสียเหลือเกิน ให้นางสวมชุดเจ้าสาวมาเต็มยศ แต่เขากลับไม่มีแม้แต่แม่สื่อจูงนางลงจากรถม้าด้วยซ้ำ นางต้องเดินตามทหารในชุดเกราะเข้ามา แล้วดูสิ เขานั่งรอนางด้วยท่าที่สบายๆ สวมเพียงเสื้อคลุมบางตัวในเพียงตัวเดียวราวกับเพิ่งตื่นนอน “เจ้าจะยืนตรงนั้นไปถึงเมื่อไร” ฟันซี่เล็กขบริมฝีปากแน่น เพื่อไม่ให้ริมฝีปากของตนสั่ง นางหาได้สั่นกลัวเขาไม่ แต่กวนเสี่ยวถงเจ็บแค้นในใจ ไม่ว่าผู้ใดก็ทำราวกับนางไร้ทางสู้ “หม่อมฉันไม่มีแม่สื่อนำทาง อีกทั้งเพิ่งเคยแต่งงานหนแรกไม่รู้จักต้องทำเยี่ยงไร ขอฝ่าบาทโปรดอภัยหม่อมฉันด้วยเพคะ” เสียงเล็กๆของหญิงสาวใต้ผ้าคลุมสีแดงเอ่ยออกมาแผ่วเบาเสียงนั้นแหบเล็กน้อยแต่กลับเจือไปด้วยความกระด้าง แม้นางจะเอ่ยเส

    Last Updated : 2024-12-09
  • องค์หญิงบรรณาการผู้ถูกลืมเลือน   บทที่8

    บทที่8กวนเสี่ยวถงก้มดวงหน้าชิดแนบอก ไอสังหารจากบุรุษที่ยืนอยู่เหนือหัวทำเอานางเริ่มหวาดกลัว“ข้าจะถามเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย เจ้าเป็นใคร”“หม่อมฉันคือ บุตรของเสนาบดี กวนเสี่ยวถง” กวนเสี่ยวถงยังคงยืนกรานเสียงแข็งทั้งๆ ที่ยังคงก้มหน้าหลบซ่อนสายตาคมอยู่ นางมิได้โกหกอันใด ไม่เข้าใจเหุตใดรัชทายาทแคว้นจ้าวถึงถามนางซ้ำๆ แบบนี้เสียงลมพัดอื้ออึงอยู่ไม่ไกล กวนเสี่ยวถงเงี่ยหูฟัง เสียงลมนั้นดังเข้ามาเรื่อยๆ จนนางจำต้องเหล่สายตาหลอบมอง ลมหมุนวงเล็กๆ ค่อยๆ ก่อนตัวช้าๆ อยู่ไม่ไก ดวงตากลมโตเบิกกว้าง กระโจมถูกปิดสนิททุกด้านทำไมถึงมีลมหมุนเกิดขึ้นในกระโจมได้อย่างไรลมหมุนค่อยๆ ก่อนตัวใหญ่ขึ้นๆ เรื่อยจนกลายเป็นวงพายุขนาดใหญ่ ลมกลุ่มนั้นพัดเข้ามาหานาง กวนเสี่ยวถงรีบคลานเข่าหนี แต่ก็ช้าไปเสียแล้ว ร่างบางถูกลมพายุหอบปลิวลอยขึ้นกลางอากาศ“กรี้สสสสสสสสสส” บุรุษผู้นี้มีพลังปราณวิเศษ กวนสี่ยวถงหวาดกลัวอย่างที่ไม่เห็นเป็นมาก่อน ใจดวงน้อยเต้นระส่ำความตายกำลังคืบคลานเข้ามาใกล้ราวกับยมทูตกำลังหายใจรดต้นคออยู่ยมทูตผู้นั้นยืนดูเหตุการ์ณทั้งหมดเบื้องหน้าด้วยสีหน้าพึ่งพอใจ ในที่สุดเขาก็ทำให้นางหวาดลัวเขาได้ร่างบางลอย

    Last Updated : 2024-12-09
  • องค์หญิงบรรณาการผู้ถูกลืมเลือน   บทที่9

    บทที่9นิ้วมือหยาบกร้านเขี่ยแก้มใสแดงสุกปลั่ง ร่างบางที่นอนหลับไหลอยู่นั้นพยายามเบี่ยงดวงหน้าหลบหนีการก่อกวนเวลานอนของตน“อื่อ แม่นมข้าขออีกนิด” เสียงงัวเงียบอกเจ้าของนิ้ว นางยังอยากนอน ยังรู้สึกง่วงอยู่เลย ไม่อยากลืมตาเลยสักนิด จ้าวหยุ่นหลงนั่งอยู่ปลายเตียงยกยิ้มเอ็นดูเด็กน้อยที่ไม่ยอมลืมตาตื่นนอน เมื่อคืนเพียงแค่จุมพิตนางเท่านั้นนางก็สลบคาอ้อมกอดเขาเสียแล้ว นางยังเด็กเกินไปอย่างที่ชางเจี้ยพร่ำบอก แม้จะอยากปล่อยให้นางนอนต่อ แต่ตะวันตรงศีระษแล้ว นางควรลุกมากินอะไรบ้าง แล้วจะนอนต่อเขาก็ไม่ว่ายิ่งนางซุกหน้ามุดลงไปใบผ้าห่ม ร่างหนายิ่งรู้สึกเอ็นดูจนอดใจไม่ไหว โน้มตัวลงมาใกล้แก้มใส ยิ่งพิจมองยิ่งน่าเอ็นดูยิ่งนัก ริมฝีปากหยักกดลงบนแก้มนวลอย่างอดใจไม่ไหว“ฟอด ตื่นแล้วได้ถงเออร์”กวนเสี่ยวถงลืมตาโพลง ใบหน้าหยกอยู่ห่างเพียง 1 ชุ่น (1นิ้ว) นางตกใจจนกลั้นลมหายใจของตนเอาไว้ ดวงตากลมโตมองอย่างสับสน เมื่อรวบรวบสติได้ร่างบางรีบดีดตัวออกห่าง ไม่ลืมดึงผ้าห่มติดกายไปด้วย เมื่อครู่นางนึกว่าแม่นมมาปลุกเช่นทุกเช้า แต่ตอนนี้นางสำนึกได้แล้วว่าแม่นมนั้นได้จากนางไปแล้วนางถูกส่งมาสังเวยรัชทายาทแคว้นจ้าว จ้าว

    Last Updated : 2024-12-09
  • องค์หญิงบรรณาการผู้ถูกลืมเลือน   บทที่10

    บทที่10กวนเสี่ยวถงก้าวขาขึ้นจากอ่างไม้ขนาดใหญ่ สายตากลมมองชุดใหม่ที่สตรีสูงวัยถือไว้ไม่วางตา“ชุดข้าหรือเจ้าค่ะ”“องค์หญิงพระองค์พูดอะไรน่ะเจ้าค่ะ” หวัหน้าแม่ครัวทำหน้าเซ่อ เมื่อครู่นี้นางหูฟาดหรือหัวกระแทรกอะไรมาหรือเปล่าเหตุใดถึงได้ยินอะไรแปลกๆ“อ่อ ข้าถามว่าชุดที่อยู่ในมือของเจ้าใช่ชุดใหม่ของข้าหรือไม่” กวนเสี่ยวถงรีบแก้ หากไม่อยากถูกมองด้วยสายตาแปลกๆ ไปชั่วชีวิต นางควรวางตัวให้เหมาะสมกับฐานะของตนในเวลานี้“เจ้าคะ รัชทายาทให้หม่อมฉันเข้าเมืองหลวงไปซื้อมาเมื่อเช้าระหว่างที่รอองค์หญิงบรรทม” แม่ครัวเดินถือชุดมาสวมใส่ให้ นึกแปลกใจคนแคว้นเว่ย ให้องค์หญิงแต่งออกมากลับไม่มีสินเดิมมาเลยมีแค่ชุดเจ้าสาวที่สวมใส่มาหรืออย่างไรกันกวนเสี่ยงถงยกยิ้มแก้มนวลลออขึ้นสี มือบางลูบไล้ชุดใหม่ที่นางสวม เนื้อผ้านุ่มลื่นมือ ไร้รอยปะชุน ในชีวิตนี้นี่คือชุดใหม่ชุดแรกที่นางได้ใส่ หากไม่นับที่เขาลงมือทำร้ายนางเมื่อคืน ที่นางได้แต่งออกมากับรัชทายาทแคว้นเว่ยก็ไม่ได้เลวร้ายจนเกินไป นางจะอาศัยฐานะที่มีอยู่เกาะเขาเอาไว้ให้แน่น เรียนรู้การใช้พลังจากเขา อนาคตข้างหน้าค่อยว่ากันอีกทีเมื่อก้าวผ่านม่านกั้นออกมาก็พบว่าจ

    Last Updated : 2024-12-09
  • องค์หญิงบรรณาการผู้ถูกลืมเลือน   บทที่11

    บทที่11ทัพของทหารแคว้นจ้าวหลายแสนเดินทัพเคลื่อนตัวห่างออกจากเมืองหลวงแคว้นเว่ย เหลือไว้เพียงฝุ่นที่ล่อลอยในอากาศทหารที่ยืนประจำบนกำแพงยืนดูภาพเล่านั้นเงียบด้วยความรู้สึกโล่งใจ มีราชทูตเข้าประตูเมืองมาเจรจาน่าจะเป็นเรื่องของบรรณการที่ต้องส่งไปยังแคว้นจ้าวนอกเหนือจากการส่งมอบองค์หญิง แต่แบบนั้นทุกชีวีวิตก็รู้สึกเบาใจ ไม่มีผู้ใดอย่างสูญเสียสมาชิกในครอบครัวจ้าวหยุ่นหลงนั่งอยู่บนหลังอาชาสีดำขลับเขานำทหารกว่าหนึ่งหมื่นรุดหน้าไปก่อน หลังจากทานอาหารเสร็จก็สั่งเคลื่อนทัพกลัับแคว้น เรื่องอื่นๆ ปล่อยให้คณะทูตจัดการ ร่างสู.ใหญ่ในชุดเกาะสีทองเอี้ยวตัวมองรถม้าคันใหญที่รังอยู่ท้ายขบวน กวนเสี่ยวถง เมื่อรู้แน่ชัดแล้วว่านางคือทายาทตระกูลมู่หรง หากไม่อยากให้มีเรื่องราวผิดพลาดเช่นมารดาของนาง เขาคงไม่อาจร่วมหอกับนางได้ จนกว่าปราณของนางจะตื่น ไม่เช่นนั้นทุกสิ่งอย่างที่เขาทำมาทั้งหมดต้องพังเมื่อนานมาแล้ว แม้คนในยุทธภพจะใช้พลังภายในได้ แต่ก็ยังมีผู้ที่สามารถใช้พลังปราณได้ พลังนั้นเกิดจากแก่นที่อยู่ภายในกาย สามารถความคุมธาตุทั้งสี่ได้ คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ แต่เหนือจากพลังปราณเหล่านั้นแล้วยังมีปราณวิเศษที่อยู่

    Last Updated : 2024-12-09
  • องค์หญิงบรรณาการผู้ถูกลืมเลือน   บทที่12

    บทที่12หลังจากถอนทัพกลับแคว้นจ้าว กวนเสี่ยวถงนึกว่าคงใช้เวลาเพียงไม่กี่วัน ไม่คาดคิดว่าแคว้นจ้าวจะอยู่ไกลถึงเพียงนี้นี่ก็ผ่านมาเกือบอาทิตย์แล้วพึ่งเดินทางได้มาแค่ครึ่งทางเท่านั้นร่างบางยืนมองบุรุษในชุดเกราะสีทอง ยืนเด่นสง่าอยู่ท่ามกลางผู้คน เมื่ออยู่ใกล้ชิดกันปฎิเสธไม่ได้ว่าจ้าวหยุ่นหลงรูปงามยิ่งนัก หากอยู่ใกล้นางเขามักจะโอบเอวนางไว้เสมอ ยามนอนก็จะกอดนางเอาไว้จนหลับไปด้วยกันทุกคืน กวนเสี่ยวถงไม่เคยได้รับไออุ่นจากผผู้ใดนอกจากแม่นมจาง ไออุ่นจากกายเขาเติมเต็มความหนาวเน็บในใจนองกวนเสี่ยวถงที่ไม่เคยมีผู้ใดทำกับนางมาก่อน มุมริมฝีปากบางแย้มยิ้ม นางมีความสุขที่ได้อยู่กับเขา ในวันที่นางไม่มีใครเป็นเขาที่ยื่นมือจับนางเอาไว้จ้าวหยุ่นหลงเดินตรงเข้ามาใกล้ ส่งยิ้มละมุ่นมาแต่ใกล้ จนกวนเสี่ยวถงเผยยิ้มกว้างตาม“ถงเออร์เจ้าเหนื่อยหรือไม่ ทนอีกหน่อยอีกสามวันก็หน้าจะถึงเมืองหน้ด่านของแคว้นจ้าวแล้ว”“หม่อมฉันไม่เหนื่อยเพคะ แค่เบื่อนั่งในรถม้าเลยลงมาเดินเล่นระหว่างรอทหารกางกระโจม” ร่างบางเดินตามแรงจับจูงไปนั่งใต้ต้นไม้ใหญ่ ฟ้าเริ่มเปลี่ยนสี เดินทางมาทั้งวันถึงเวลาให้ทหารพักเหนื่อย เจ้านายได้นอนกระโจมอย่

    Last Updated : 2024-12-09
  • องค์หญิงบรรณาการผู้ถูกลืมเลือน   บทที่13

    บทที่13ไป๋ลู่มองภาพเบื้องหน้าด้วยแววตาริษยา ทุกครั้งที่รัชทายาทออกศึกเป็นนางที่ยืนอยู่แถวหน้าสุด เป็นเพียงสตรีเดียวที่จ้าวหยุ่นหลงเอ่ยคำร่ำลาก่อนเดินทาง แต่วันนี้ที่ตรงนั้นกลับถูกผู้อื่นครอบครอง วันที่จ้าวหยุ่นหลงกลับมานางสู้อุตส่าห์แต่งกายงดงามมายืนรอต้อนรับที่ประตูทางเข้าเมือง แต่เขาไม่ได้กลับมาเพียงลำพัง ยังพาองค์หญิงจากแคว้นเว่ยกลับมาด้วยที่ผ่านมารัชทายาทไม่เคยรับสตรีนางใดเข้าวัง หลับนอนกับเหล่านางคณิกาเพราะสตรีเหล่านั้นหลังจบคืนกับรัชทายาทแล้วต้องดื่มน้ำแกงไร้บุตร ไป๋ลู่กำหมัดแน่น ตั้งแต่กลับมาจ้าวหยุ่นหลงก็มาพักที่จวนของนาง แต่กลับใช้เวลาอยู่ที่เรือนนอนขององค์หญิงแปดทุกค่ำคืน ไม่มีคำสั่งให้ต้มน้ำแกง ไป๋ลู่ยิ้มเย็นการที่องค์หญิงแปดมาพักที่จวนของพี่ชายนางก็มีข้อดี โชคดีที่ข้าคนนี้ไหวพริบดี จึงแอบให้แม่ครัวต้มน้ำแกงที่ว่านั้นเอาไว้แล้ว กลับจวนวันนี้ข้าจะให้คนเอาไปให้องค์หญิงดื่ม มีเพียงข้าไป๋ลู่ผู้นี้เท่านั้นที่เหมาะสมจะให้กำเนิดบุตรหรือธิดาคนแรกของจ้าวหยุ่นหลง หากบุตรของข้าได้รับการถ่ายทอดพลังเหล่านั้นมา จ้าวหยุ่นหลงต้องมองเห็นความสำคัญของข้า“เฮอะ ข้าก็หลงนึกว่านางมีดีอะไร รัชท

    Last Updated : 2024-12-09

Latest chapter

  • องค์หญิงบรรณาการผู้ถูกลืมเลือน   ตอนพิเศษ

    พิเศษสุดๆหนึ่งบุรุษผู้ครอบครองพลังปราณแห่งปฐพี ควบคุมพื้นดินทั้งใต้หล้าเอาไว้ในฝ่ามือ แต่ไม่ว่าจะมีพลังมากเท่าใดกลับยิ่งกลายเป็นดาบสองคมมากเท่านั้น เขาต้องหลบซ่อนตัวตนจากคนของพรรคมาร มีชีวิตรอดด้วยนามของผู้อื่นอยู่อย่างโดดเดี่ยวมาตั้งแต่จำความได้ แต่แล้ววันหนึ่งหัวใจของเขานั้นกลับกลับสยบลงแทบเท้าสตรีอ่อนแอนางหนึ่งเท่านั้น เขาและนางฐานะแตกต่างกัน แต่เขาก็ทำทุกอย่างเพื่อให้ได้อยู่เคียงข้างนางสตรีนางหนึ่งนางเติบโตมาด้วยไฟแค้น จิตใจของนางหล่อหลอมและเติมเต็มไปด้วยเปลวเพลิง ภายใจของนางนั้นเต็มไปด้วยโทสะที่พร้อมจะระเบิดได้ทุกเมื่อ นางคือผู้ครอบครองพลังปราณแห่งไฟกัลป์ แต่ไม่ว่าเปลวไฟนั้นจะร้อนเพียงใดหัวใจดวงน้อย ๆ ของนางกลับถูกความเย็นฉ่ำจากสายน้ำของบุรุษผู้หนึ่งชโลมล่อเลี้ยงจิตใจบุรุษอีกคน ผู้ที่ครอบครองพลังปราณวายุและปราณวารี บุรุษผู้เดียวในรอบหลายพันปีที่สามารถใช้พลังปราณได้ถึงสองสาย ผู้ที่คนทั้งใต้หล้าหวาดกลัวและไม่กล้าเข้าใกล้ ไม่ว่าเขาย่างกายไปที่ใด แคว้นนั้นมักจะมีสงครามเสมอ เขาก่อสงครามไปทั่วทุกหย่อมหญ้า เพื่อรวบรวมหมายจะครอบครองทุกดินแดนให้เป็นหนึ่งเดียว เขามีปณิธานแรงกล้าที่จะรวม

  • องค์หญิงบรรณาการผู้ถูกลืมเลือน   ตอนพิเศษ

    บทที่29 ตอนพิเศษ“แอ๊ะ”“แอ๊ะ”สองทารกน้อยหมุนควงติ้วลอยอยู่บนอากาศ มีร่างสูงใหญ่ชูสองมือรอรับอยู่ไม่ห่าง“แอ๊ะ” ทารกหญิงนิ้ว บอกให้ตามมา“แอ๊ะ” ทารกชายตอบ กำลังตามไปทารกน้อยสองคนลอยไปทางซ้ายที ขวาที วนเวียนอยู่ในวังรัชทายาท ร่างสูงใหญ่ถลาตัวตาม เป็นอยู่แบบทั้งวัน จนเขาเหนื่อยหอบ“เด็กๆลงมาได้แล้ว พ่อวิ่งตามไม่ไหวแล้ว” ร่างสูงใหญ่พูดด้วยเสียงเหนื่อยหอบปานจะขาดใจ“คิกๆ” ได้ยินเสียงหวานหัวเราะจ้าวหยุ่นหลงหันมาค้อนขวับ“น้องหญิงเจ้าไม่คิดจะช่วยพี่บ้างเลยเหรอ”“ไม่ล่ะ” กวนเสี่ยวถงหยักไหล่ นั่งเปิดหนังสือดนตรีอ่านเนื้อเพลงต่อ นางกำลังฝึกเล่นบทเพลงใหม่ จ้าวหยุ่นหลงภาวนาให้นางตั้งครรภ์ทันทีหลังพิธีเสกสมรสระหว่างเขากับนาง พิธีถูกจัดขึ้นทันทีที่นางและจ้าวหยุ่นหลงกลับมาถึงแคว้นจ้าว เขาคะยั้นคะยอให้นางร่วมหอกับเขาทุกคืน ไม่มีเว้นว่างแม้แต่วันเดียว ในเมื่ออยากมีทายาท นางก็อุ้มท้องให้แล้ว “มีทายาททีเดียวพร้อมกันสองคน พระธิดามีพลังปราณลมและน้ำ พระโอรสได้พลังปราณลมและไฟ สมใจท่านพี่แล้วไม่ใช่หรือ ข้าอุ้มท้องให้แล้ว ท่านอยากมีก็เลี้ยงเอง บ่าวรับใช้มีใครเลี้ยงลูกท่านได้บ้างล่ะ ไม่ถูกจับลอยขึ้นฟ้าก

  • องค์หญิงบรรณาการผู้ถูกลืมเลือน   บทที่29

    บทที่28เปลวไฟถอดยาว ร่างบางเดินตามเส้นทางนั้นไปเรื่อยๆ จุดหมายปลายทางอยู่ที่ใดนางมิอาจรู้ได้ รู้แต่ว่าเปลวไฟช่วยให้หัวใจที่เคยหนาวเหน็บอบอุ่น ไม่ว่านางจะเคยถูกผู้ใดกระทำ ไม่ว่านางจะไม่เคยอยู่ในสายตาของใครต่อใคร แต่นางยังมีเปลวไฟอยู่เคียงข้างเสมอกวนเสี่ยวถงเดินตามเปลวไฟไป มองเห็นสุดปลายทาง นางใกล้ถึงจุดหมายแล้ว“คุณหนูช้าก่อน”ร่างบางหยุดชะงัก เสียงนี้นางจำได้ไม่เคยลืม น้ำตาเรื้อนเต็มดวงจากลม กวนเสี่ยวถงมองสตรีที่ปรากฏกายที่สุดปลายของเปลวไฟ“แม่นม” เสียงของรางสั่นเครือ“คุณหนูเดินกลับไปเจ้าค่ะ อย่าเดินมาทางนี้”“ไม่ข้าจะไปหาท่าน” กวนเสี่ยวถงส่ายหน้า ก้าวเดินต่อไปข้างหน้า“คุณหนูรับปากกับข้าเอาไว้อย่างไร คุณหนูลืมแล้วหรือเจ้าค่ะ”ร่างบางหยุดเดิน “มีชีวิตอยู่ต่อไป” นางตอบเสียงแผ่วเบา“เจ้าคะ มีชีวิตอยู่ต่อไป”“แต่ข้าไม่เหลือใครแล้ว ไม่เหลืออะไรแล้ว ข้าเผาทำลายทุกอย่างจนหมดสิ้นแล้ว” กวนเสี่ยวถงส่ายหน้าทั้งน้ำตา นางจะอยู่คนเดียวไปเพื่ออะไร“มีคนที่รอคุณหนูอยู่”“เขาคนนั้นหวังแค่พลังของข้า”“คุณหนูเจ้าค่ะ ข้ารู้ว่าท่านเชื่อสิ่งที่จ้าวหยุ่นหลงพูด เพียงแต่ท่านกลัวว่าเขาจะหักหลังท่าน ทำท่าน

  • องค์หญิงบรรณาการผู้ถูกลืมเลือน   บทที่27

    บทที่27จ้าวหยุ่นหลงอุ้มร่างบางแนบอก กวาดสายตาไปทั่วบริเวณหาว่าที่ใดพอที่จะสามารถวางนางลงและรักษาอาการบาดเจ็บภายในได้ ตัวนางร้อนเป็นไฟจนเขากลัว อกแกร่งบีบรัดจนน้ำตาแทบจะร่วงลงมา เรียกให้องครักษ์ชางตามหมอเป็นการด่วน“เสี่ยวถง เจ้าต้องไม่เป็นไร” เมื่อพบบริเวณที่ไม่ติดไฟก็รีบวางนางลง มือหนาคลำหาชีพจรของนาง คว้าหาจุดที่นางบาดเจ็บแต่ก็ ‘ไม่พบ’ มือยังคงกุมนางไม่ไว้แน่น เขาไม่กล้าปล่อยมือนี้ หากปล่อยเขาอาจต้องเสียใจไปจนวันตาย มุมปากของนางมีเลือดไหลอยู่ก่อนแล้ว ตอนนี้เริ่มมีเลือดไหลออกมาจากจมูก ลมหายใจของนางแผ่วเบามากลงเรื่อยๆ ร่างบางนั้นนอนแน่นิ่ง แทบไม่เหมือนคนที่ยังหายใจอยู่เลยด้วยซ้ำ บรรยากาศรอบๆตรึงเครียด แทบไม่มีเสียงใดๆแม้กระทั้งเสียงลมพัดผ่านไม่นานหมอหลวงที่รักษาอาการของเขาตั้งแต่ลงเขาอู่ไถก็รีบวิ่งเข้ามาพร้อมองครักษ์ชาง“รัชทายาท ขอหม่อมฉันตรวจดูอาการพระชายา ขอพระองค์หลบออกมาก่อน”ชางเจี้ยเห็นจ้าวหยุ่นหลงยังคงนิ่งเฉย กระชากแขนแกร่งให้ลุกออกมา“นาง…ชีพจรของนางไม่มี” จ้าวหยุ่นหลงครางเสียงแผ่ว “พระองค์ได้โปรดใจเย็นก่อน พระชายาถึงมือหมอแล้ว พระนางต้องปลอดภัย” ชางเจี้ยตบบ่าแกร่งไปหลาย

  • องค์หญิงบรรณาการผู้ถูกลืมเลือน   บทที่26

    บทที่26“เด็กน้อย เจ้าจะฆ่าข้าอย่างนั้นหรือ” เสียงเย็นเฉียบดังออกมาจากด้านหลังไป๋เมิ่งเหยียนนางเฝ้ารอเวลานี้มาเนิ่นนานเหลือเกินแม้ว่าเบื้องหน้าจะมีแค่ ปราณสามสาย แต่ก็ยังดีกว่าไร้ค่า พอรู้เรื่องกวนเสี่ยวถง นางให้คนคว้านหาทั้งหุบเขาอู่ไถในที่สุดก็เจอคนตระกูลมู่หรง แต่ไม่เจอทายาทที่สามารถกำเนิดบุตรสายต่อไปได้ ในเมื่อไม่มีประโยนช์และไม่คิดที่จะเข้ามาเป็นสาวกของนาง จะเก็บไว้เป็นหอกข้างแคร่ทำไมกัน ไม่นึกว่าการปักหลักรอที่แคว้นเว่ย กวนเสี่ยวถงจะกลับมาให้จับเองถึงมือ“ท่านป้า ไม่เจอกันนาน” จ้าวหยุ่นหลงรีบเอาตัวมาบังสตรีของตนไว้“ไม่เจอกันานเลยนะจ้าวหยุ่นหลง เมื่อไรเจ้าจะยอมมีทายาทให้ข้า”“ต่อให้ข้ามีทายาทก็ไม่เคยคิดจะมอบให้ท่าน”“ไป๋ลู่หลานข้าเจ้าไม่สนใจนางสักหน่อยหรือ นางชอบเจ้ามาตั้งแต่เล็ก” ไป๋เมิ่งเหยียนเดินเข้าไปใกล้จ้าวหยุนหลง เบื้องหลังของนางมีคนที่ใช้ปราณได้เกือบห้าสิบชีวิต ต่อให้เขาเก่งเพียงใดก็ไม่มีทางสู้นางได้“ข้าไม่เคยมองหลานสาวท่านแบบนั้น” หากนางไม่ใช้น้องสาวไป๋อี้ผิง เขาหรือจะเสวนากับคุณหนูเอาแต่ใจตน เสียเวลา อย่าไปคิดถึงขั้นมีลูกด้วยกันเลยไม่มีวัน“เจ้าคือกวนเสี่ยวถงสินะ” น

  • องค์หญิงบรรณาการผู้ถูกลืมเลือน   บทที่25

    บทที่25“ที่ข้ามาไม่ได้มาเยี่ยมธรรมดา ข้ามีธุระสำคัญจะคุยกับท่านพ่อ” เมื่อดื่มชาเสร็จแล้ว กวนเสี่ยวถงคิดว่าคงถึงเวลาเข้าเรื่อง นางปั้นสีหน้าไม่เก่ง“ข้าก็มีเรื่องจะคุยกับเจ้า เจ้าน่าจะรู้ว่าข้าไม่ได้รับราชการ ดูจากการแต่งตัวของเจ้าตอนนี้คงเป็นที่โปรดปรานของรัชทายาท” “พระชายาของข้าต้องได้สิ่งที่ดีที่สุดอยู่แล้ว” จ้าวหยุ่นหลงพูดออกมาด้วยท่าทีสบายๆ ดวงหน้าหยกมองกวนเสี่ยวหยงตลอดเวลา ไม่ได้สนใจผู้ใดที่อยู่ในห้องรับรอง“เสี่ยวถง พ่อเจ้าก็แก่แล้วตอนนี้ก็ไม่มีงานทำ เจ้าได้ดิบได้ดีเพราะบิดายกเจ้าให้ฮองเต้ ถ้าอย่างไรเจ้าพอจะจุนเจือบิดาของเจ้าได้หรือไม่” กวนฮูหยินเห็นช่องก็รีบเสนอ คลังสมบัติจวนเหลือใช้ได้อีกไม่กี่ปี“แน่นอนเจ้าคะ ข้ากลับมาเพื่อตอบแทนบุญคุณของตระกูลกวน” รอยยิ้มเผยออกมา แต่แววตาของนางวาววับราวเปลวไฟ“ถ้าอย่างไง เจ้าขอตำแหน่งในราชสำนักให้ข้าด้วยได้หรือไม่” พอนางพูดแบบนนั้นมีเหรอคนอย่างกวนหยงเหอจะพลาด“ข้าจะให้ทุกอย่างที่ท่านพ่อต้องการ ต่อให้ท่านอยากได้ตำแหน่งเดิมข้าก็จะขอจ้าวหยุ่นหลงให้ แต่ก่อนจะทำแบบนั้นท่านช่วยตอบคำถามข้าก่อน”“ได้สิ เจ้าถามมาเลย” ชายชราดีใจที่จะได้กลับคืนตำแหน่

  • องค์หญิงบรรณาการผู้ถูกลืมเลือน   บทที่24

    บทที่24รถม้าคันใหญ่ใช้ม้าเทียมลากถึงสิบตัวเคลื่อนผ่านประตูเมืองหลวงเข้ามา ชาวเมืองแคว้นเว่ยต่างพากันมายืนเบียดเสียดสองข้างทางเพื่อดูว่าเป็นรถม้าของผู้ใด ด้านหลังรถม้ายังมีกองทหารติดตามอีกสามพันนาย“โอ้โห” ชาวเมืองบางคนถึงกับห่อปากอุทานในความใหญ่โตของรถม้า ไม่ช้าผ้าม่านพื้นใหญ่ก็เปิดออก เผยดวงหน้าสตรีและบุรุษนั่งอยู่ภายในนั้น“นั่นมันรัชทายาทแคว้นจ้าว” ชาวเมืองผู้หนึ่งจำบุรุษหนุ่มในรถม้าได้ถ้านั้นคิดรัชทายาทแคว้นจ้าว แล้วสตรีนั้นคือผู้ใด“องค์หญิงแปด!” กวนเสี่ยวถงปรายตาตามเสียงที่ขานยศตำแหน่งเดิมของนาง สายตาผู้คนพอได้ยินชื่อนี้ก็หันมามองสตรีในรถม้ากันเป็นตาเดียว พวกเขาแทบจะจำนางไม่ได้แล้ว หลังจากวันนั้นฮองเต้และราชวงศ์ก็ถูกถอดยศ วังหลังถูกปิดตาย แคว้นจ้าวส่งขุนนางมาบริหารบ้านเมืองแทนร่างบางโปรยยิ้มให้ชาวเมือง นางแต่งตัวหรูหรา สวมเครื่องประดับล่ำค่ามากมาย ผิดจากวันที่ขึ้นกี้ยวแดงหน้าประตูเมืองวันนั้นจ้าวหยุ่นหลงนั่งเท้าคางมองรอยยิ้มพิมพ์ใจของนาง พอนางบอกอยากกลับบ้าน เขาก็สั่งให้คนประกอบรถม้าคันนี้ขึ้นมาให้ สั่งให้ร้านเครื่องประดับส่งของล้ำค่าที่สุดมาให้นางสวมใส่ ภาพเดิมของกวนเสี่ย

  • องค์หญิงบรรณาการผู้ถูกลืมเลือน   บทที่23

    บทที่23จ้าวหยุ่นหลงพรูลมหายใจออกมาหนักๆ เรื่องในอดีตที่ผ่านมานานแล้วตัวเขาเองก็อยากลืมมัน แต่เมื่อรับปากนางแล้วว่าจากจะไม่มีความลับกับนาง“ไป๋เมิ่งเหยียนคือท่านป้าของไป๋อี้ผิง”“เจ้าคงรู้อยู่แล้วว่าเสด็จพ่อกับเสด็จแม่ของข้ามาจากตระกูลที่สืบทอดปราณคนล่ะสาย มันเป็นเรื่องก่อนหน้านั้นอีก”“ไม่ว่าจะมีวรยุทธเก่งกาจ ไม่ว่าจากการฝึก พรสวรรค์ พรแสวง แต่สุดท้ายก็แพ้คนที่มีพลังปราณอยู่ดี มีนักพรตทำนายเอาไว้ว่าเมื่อปราณทั้งสี่หลอมรวมกันจะเกิดสันติสุข ท่านตาของไป๋อี้ ประมุขยุทธภพไป๋ในตอนนี้นั้นอาสาเป็นคนกลาง ทั้งสี่ตระกูลจึงให้ทายาทไปอาศัยอยู่ที่สำนักไป๋ เป็นที่ที่เสด็จพ่อกับเสด็จแม่พบรักกัน เสด็จแม่ตั้งครรภ์ข้า เสด็จพ่อจึงต้องพากลับมาแคว้นจ้าว แต่ไป๋เมิ่งเหยียนไม่พอใจจึงลงมือวางยาพิษเสด็จแม่ เรื่องราวปานปลายเกิดการต่อสู้กัน จนท้ายที่สุดนางก็เกิดธาตุไฟเข้าแทรกจนกลายเป็นนางมาร นางจับบุรุษที่มีพลังปราณ ให้เสพสังวาสกับนางเพื่อที่จะมีบุตรแบบเสด็จแม่ของข้า ตอนนั้นยุทธภพระส่ำผู้ที่มีวรยุทธและปราณถูกนางไม่จับไปทดลองว่าจะสามารถถ่ายทอดพลังได้เช่นสี่ตระกูลหรือไม่ ประมุขยุทธภพจึงสั่งตามล่านางตัดขาดพ่อลูก ไป

  • องค์หญิงบรรณาการผู้ถูกลืมเลือน   บทที่22

    บทที่22“ถงเออร์!”“องค์หญิงอยู่ห้องข้างๆ จางลี่ดูแลอยู่”จ้าวหยุ่นหลงดีตัวออกจากเตียงวิ่งไปห้องข้างๆทันที จางลี่รีบถอยกรูดออกจากข้างเตียงร่างหนานั่งลงบนเตียงยกมือบางขึ้นมากอบกุมเอาไว้“นางเป็นอย่างไรบ้าง”“อ่อ คุณหนู องค์หญิงเหมือนกำลังหลับอยู่เท่านั้น”“พระองค์ควรเป็นห่วงตัวเองก่อน” ชางเจี้ยกลอกตา กวักมือให้หมอหลวงเข้ามาพันแผลที่แขนของรัชทายาทใหม่อีกครั้ง เมื่อครู่จ้าวหยุ่นหลงรีบลุกมาจนผ้าหลุดรุ่ย กว่าเขาจะพาทั้งคู่ในสภาพที่หมดสติลงจากเขามาได้ โชคดีที่พาองครักษ์เงามาหลายคน หากลงเขามาช้ากว่านี้ได้ตัดแขนข้างนั้นทิ้งแน่“กี่วัน”“เกือบสามวันแล้ว”“อืม! วันที่ปราณข้าตื่นข้าหลับไปเจ็ดวัน” นิ้วมือหยาบเกี่ยวปรอยผมออกจากดวงหน้ามาทัดใบหูเล็กจางลี่ก้มหน้างุด เหล่มองด้วยหางตา รัชทายาทมองคุณหนูของนางด้วยแววตาอบอุ่นถึงเพียงนี้เหตุใดถึงมีสตรีอื่นกันเล่า จะว่าด้วยเหตุผลทางการเมืองก็ไม่น่าจะใช่ รัชทายาททำอะไรตามใจตนมาหลายสิบปีแล้ว“มีใครรู้หรือไม่ว่าข้าบาดเจ็บ”“ข้าส่งคนที่ไว้ใจไปแจ้งไป๋อี้ผิงแล้ว ส่วนเรื่องอาวุธที่สังหารคนในหุบเขาเป็นของไป๋เมิ่งเหยียน”หมับจ้าวหยุ่นหลงสะดุ้งเฮือกเมื่อถูกคว้าแขน

DMCA.com Protection Status