บทที่ 18 พาตัวไปให้ไกลหนิงเอ๋อเมื่อมาถึงวังหลวงนางก็รีบเสด็จไปหาฝ่าบาทที่ตำหนักของฝ่าทบาททันที ทั้งๆ ที่ในชีวิตนี้นางไม่เคยคิดที่จะมาเหยียบเลยสักครั้ง“ไปทูลฝ่าบาทให้ข้าทีว่าข้านั้นขอพบ เดี๋ยวนี้” หนิงเอ๋อร้อนรนจิตใจกลัวฝ่าบาทจะลงโทษหางเฟิ่งนางจึงได้ตะโกนออกไปแต่ไม่ทันที่ทหารจะได้เข้าไปที่ตำหนักหวงกุ้ยเฟยก็ได้เดินออกมา และมาพูดคุยกับหนิงเอ๋อ“เกิดเรื่องอันใด ที่ทำให้องค์หญิงเช่นเจ้ามาที่ตำหนักของฝ่าบาทอย่างรีบร้อนเช่นนี้กันนะ” หวงกุ้ยเฟยแกล้งไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้น“ท่านอย่ามาแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง ทั้งๆ ที่เรื่องทั้งหมดนั้นท่านเป็นคนสร้างมันขึ้นมา ท่านต้องการอะไรกับข้ากันแน่”“หึ หึ อย่างเจ้านะหรือที่ข้าจะต้องการอันใดด้วย เจ้ามันก็แค่องค์หญิงที่ถูกทิ้งเท่านั้น ข้าจะบอกเจ้าก็ได้เพราะข้าเห็นใจกับความรักของเจ้าหรอกนะ ถึงยอมบอก บัดนี้นายโลมคนรักของเจ้าคงจะช้ำตายไปแล้วแน่ๆ ฝ่าบาทได้สั่งให้โบยถึงร้อยครั้งไหนจะนำตัวไปแช่น้ำอีก หากไม่โดนโบยจนตายก็น่าจะแผลเน่าเปื่อยตายเป็นแน่ ” หนิงเอ๋อจ้องตาเขม็งกำหมัดแน่นใบหน้าเริ่มบึ้งตึง หวงกุ้ยเฟยก็ได้เข้ามาใกล้นางและกระซิบเพื่อไม่ให้ผู้อื่นได้ยิน“ตอ
บทที่ 19 ท่านแม่ณ.คุกหลวงองครักษ์หลิวเดินเข้าไปหาผู้คุมที่ห้องพักยามวิกาลก็ได้แสดงป้ายของฮองเฮาให้ดูทันที“เจ้าเป็นใครถึงเข้ามาที่ห้องพักข้าในเวลานี้”“ข้าคือคนของฮองเฮา ”“เช่นนั้นเจ้าตามข้ามา ข้าได้เตรียมการไว้หมดสิ้นแล้ว ” เมื่อรู้ว่าเป็นคนฮองเฮาเขาเองก็มีท่าทีเปลี่ยนไป เขาพาองครักษ์หลิงเดินเข้าไปที่คุกโดยที่ทหารเองก็ไม่สงสัย เมื่อมาถึงที่คุมขังของหางเฟิ่งผู้คุมก็ไขกุญแจให้เขาเข้าไปด้านใน เขามองดูหางเฟิ่งที่โดนแช่น้ำอยู่ในห้องขังอย่างทรมาน โดยไม่มีสติอันใดเลย ร่างกายเริ่มอ่อนแอบาดแผลที่ถูกโบยเมื่อถูกน้ำก็กลายเป็นแผลที่เน่าเปื่อย เขามองดูอย่างเวทนาก่อนจะหันมาถามผู้คุมว่าเขาจะพาตัวหางเฟิ่งออกไปจากที่นี่ได้อย่างไร“ท่านคงรู้ว่าข้ามาที่นี่เพราะอันใด แล้วอย่างนี้ข้าจะพาชายผู้นี้ออกไปอย่างไร ในเมื่อทหารยังคงเฝ้าหน้าห้องขังเต็มอยู่เช่นนั้น และอีกอย่างหากทหารมาตรวจตาดูเมื่อไม่พบหางเฟิ่งคงเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแน่ ” องครักษ์หลิวและผู้คุมขังพากันนั่งครุ่นคิดว่าจะทำเช่นใดกัน องครักษ์ก็ได้นึกออก“เอาอย่างนี้ ท่านไปแจ้งทหารว่าหางเฟิ่งได้หมดลมหายใจเพราะทนรับบาดเจ็บไม่ไหว ส่วนข้าจะแบกเขาออกไปเอง” ผ
บทที่ 20 เจ้าต้องแต่งกับท่านแม่ทัพนี่คือคำสั่ง“"บังอาจนัก " ฝ่าบาทโกรธนางเป็นอย่างมากแต่ไม่สามารถหาคำพุดมาต่อว่านางได้ จู่ๆ เสียงขันทีจากด้านนอกก็ได้ดังขึ้นมา"ฝ่าบาทท่านแม่ทัพหลิวอี้เฟยขอเข้าเฝ้าพะน่ะค่ะ" หนิงเอ๋อที่กำลังโมโหก็ได้ตอบกลับขันทีผู้นั้น"ออกไปบอกว่าฝ่าบาทยังไม่พร้อมที่จะพบผู้ใด ข้ากับฝ่าบาทยังพูดคุยกันยังไม่เสร็จ" เมื่อเห็นดังนั้นขันทีกำลังจะเปิดประตูออกไปบอกท่านแม่ทัพก็ถูกฝ่าบาทเรียกไว้ก่อน"เดี๋ยวก่อนไปตามท่านแม่ทัพมา ""พะย่ะค่ะ""ดูสิเพคะ ขนาดท่านพูดคุยกับข้าอยู่แต่เมื่อผู้อื่นมาทำยังเลือกผู้อื่นมากกว่าข้า ข้าจะจำที่ท่านทำกับข้าไว้ในครั้งนี้ ข้าไม่มีวันยกโทษให้ท่านเป็นอันขาด""ข้าพูดอย่างไรเจ้าก็ไม่ยอมฟัง หากเจ้าต้องการความรักจากข้า ข้าจะมอบให้แก่เจ้าเอง ชายผู้นั้นหาได้มีฐานะที่เคียงคู่กับเจ้าได้ เจ้ารู้หรือไม่ว่าเหตุใดข้าถึงสั่งลงโทษเพราะว่าชายผู็นั้นรับสารภาพว่าเข้ามาหาเจ้าเพื่อหวังความสุขสบายแถมยังหว่านเสน่ห์ให้เจ้าหลงใหล หาได้จงรักภักดีต่อเจ้า ""ไม่จริงเพคะหม่อมฉันไม่เชื่อ " หนิงเอ๋อไม่อาจจะเชื่อคำพูดที่ออกมาจากปากฝ่าบาทได้ ทันใดนั้นเองท่านแม่ทัพหลิวอี้เฟยก็ได้
บทที่ 21 โปรดเห็นใจ"นี่มันจะมากเกินไปแล้วนะ มาเอ่ยเช่นนี้กับเสี่ยวหลงได้อย่างไร ถึงอย่างไรข้าก็ไม่แต่งกับเจ้าอยู่ดี ไม่มีทาง" แม่ทัพตะโกนตามหลังหนิงเอ๋อมาก่อนจะหันไปปลอบเสี่ยวหลงที่ยืนร้องไห้เพราะนางไม่สามารถเผยธาตุแท้ของตนให้แม่ทัพรู้ได้ ว่าตนเองนั้นมีจิตใจเป็นเช่นไรหนิงเอ๋อกลับมาที่ตำหนักของฮองเฮาและทูลลา แต่ก่อนจะจากไปนางได้ขอพบร่างของหางเฟิ่งเป็นครั้งสุดท้าย แต่ก็ถูกฮองเฮาโกหกว่าร่างของหางเฟิงนั้นถูกทหารนำไปโยนทิ้งที่ใดหารู้ไม่ ฮองเฮารู้เรื่องของนางกับท่านแม่ทัพ นางก็ดีใจที่อย่างน้อยฝ่าบาทก็เลือกคนที่คู่ควรกับนางและสามารถดูแลนางได้ แม้รู้อยู่แล้วว่าแม่ทัพอี้นั้นรักชอบพออยู่กับผู้ใด แต่มันก็สาสมที่ทางนั้นจะถูกกระทำบ้างเมื่อรู้ว่าแม่ทัพอี้จะเสด็จไปหาฮองไทเฮา ฮองเฮาเมื่อส่งหนิงเอ๋อขึ้นเกี้ยวนางก็ได้เสด็จไปที่ตำหนักของฮองไทเฮาเช่นกันที่ตำหนักของฮองไทเฮาที่กำลังนั่งดื่มชาอย่างใจเย็น นางยังไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นกับหนิงเอ๋อ เมื่อเห็นแม่ทัพอี้เดินเข้ามาพบนางก็วางชามชาลงบนโต๊ะ“ถวายบังคมพะย่ะค่ะฮองไทเฮาทรงสบายดีนะพะย่ะค่ะ” ฮองไทเฮาจ้องมองและยิ้มออกมาอย่างดีใจที่ได้พบแม่ทัพอี้“ข้าก็ค
บทที่ 22 เจ้ารอข้าได้หรือไม่ก่อนจะกลับแม่ทัพอี้ได้มาหาเสี่ยวหลงก่อนเพื่อบอกข่าวกับนาง นางกำลังเดินไปมาที่ตำหนักของตนเองอย่างร้อนรนใจ แต่เมื่อเห็นแม่ทัพนางก็รีบวิ่งมาหาเขาทันที"เป็นอย่างไรบ้าง ท่านไปพูดกับฮองไทเฮาว่าอย่างไร จะช่วยพูดให้เราหรือไม่" นางเซ้าซี้ถามด้วยความสงสัยแต่ทำให้แม่ทัพอี้ที่เตรียมใจมาแล้วแต่ก็อยากที่จะบอกนางออกไป เขาก้มหน้าลงและไม่กล้าจะมองหน้านางแม้แต่น้อย"ท่านอย่าเงียบสิ ท่านพี่บอกข้ามาสิว่าเป็นเช่นไร รู้มั้ยอกของข้าแทบระเบิดออกมาแล้วนะ" เสี่ยวหลงจับกายของแม่ทัพอี้เขย่าเพื่อถามความจริง"เสี่ยวหลง ข้าขอโทษ แต่ข้าจำเป็นต้องแต่งกับองค์หญิงหนิงเอ๋อ แต่เจ้าฟังข้าก่อนข้าจะแต่งกับนางเพียงหนึ่งปี เมื่อครบวันเวลาข้าจะหย่ากับนางทันทีและจะมาอยู่กับเจ้า เจ้าช่วยรอข้าได้หรือไม่" แม่ทัพอี้จับมือของเสี่ยวหลงและพูดขอร้องอย่างใจจริง บัดนี้จิตใจนางเจ็บปวดไปหมด นางไม่อาจจะห้ามน้ำตาได้ นางร้องไห้ออกมาอย่างปวดร้าว"ท่านพี่จะให้ข้ารอหรือ แล้วทำไมข้าต้องรอในเมื่อข้ากับท่านรักกันขนาดนี้ มันไม่มีทางที่ท่านไม่ต้องแต่งกับนางกาลกิณีนั่นหรือ หรือว่าท่านไม่รักข้าแล้วท่านรักนางใช่มั้ยถึงยอมแต
บทที่ 23 ค่ำคือแห่งความโดดเดี่ยวหนิงเอ๋อเมื่อกลับมาที่เรือนของตนความเศร้าก็ครอบงำจิตใจนางอีกครั้งเมื่อหันมองไปทางใดก็พบกับรอยยิ้มของหางเฟิ่งที่ยิ้มให้นางเสมอมา หากรู้ว่าเมื่อวานจะเป็นวันสุดท้ายที่ได้อยู่ด้วยกัน นางจะพาตัวของเขาหนีไปให้ไกลแสนไกล และไม่กลับมาที่วังหลวงที่แสนจะโหดร้ายเช่นนี้ น้ำตาแห่งความเจ็บปวดได้ไหลรินออกมาทั้งสองดวงตาของนาง นางหลับตาซึมซับเสียงพิณที่ดังกึกก้องอยู่ในจิตใจและวันเวลาที่เคยใช่ร่วมกับหางเฟิ่งนั้นมันแสนมีความสุขเหลือเกิน แต่ความสุขนี้อยู่กับนางได้เพียงไม่นาน ลมพัดแผ่วเบากระทบผิวกายทำให้นางรู้สึกหนาวสั่นสะท้านไปทั้งจิตใจ แม่นมที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็เข้ามาโอบกอดนางด้วยความเห็นใจและเจ็บปวดเมื่อเห็นหนิงเอ๋อร้องไห้เหมือนจะขาดใจ ฟางลี่เว่ยก็เข้ามากอดกันทั้งสามคนและพากันร้องไห้ออกมา องครักษ์หลิวแม้จะเห็นใจและสงสารหนิงเอ๋อ แต่เขาก็ไม่สามารถบอกความจริงแก่นางได้ ได้แต่หันหลังให้นางและเดินจากไปเพราะหากเขาเห็นน้ำตาขององค์หญิงมากกว่านี้เขาเองก็อาจจะใจอ่อน หนิงเอ๋อร้องไห้อย่างหนักจนได้สลบคาอ้อมแขนของแม่นมกับฟางลี่เว่ย ทั้งสองได้พานางเข้าไปนอนพักที่ห้องนอนหนิงเอ๋อเมื่อตื่นขึ
บทที่ 24 คืนแรกก็ถูกหนิงเอ๋อเล่นงานการจัดพิธีก็ได้ดำเนินไปอย่างราบรื่น ท่านพ่อและท่านแม่ของแม่ทัพอี้ก็ดูมีความสุข ฝ่าบาทเองก็แสดงสีหน้าท่าทางมีความสุขเป็นอย่างมาก ฝ่าบาทดื่มสุราไปเพียงเล็กน้อยแต่ทว่าร่างกายอ่อนแอจึงทำให้มึนเมาและฝ้าฟางเห็นหยิงเอ๋อเป็นกุ้ยเฟยหนิงฮวา ขันทีและฮองเฮาต้องพาตัวกลับวังหลวงเสียก่อน หนิงเอ๋อเองก็เริ่มเหนื่อยกับพิธีการแต่ทว่านางเหลือบมองไปเห็นหวงกุ้ยเฟยกับเสี่ยวหลงที่นั่งมองนางกับแม่ทัพอี้อยู่อย่างไม่ละสายตา หนิงเอ๋อเลยแกล้งทำท่าเซเข้าใกล้กายของแม่ทัพทำให้เขารีบรับตัวของนางไว้ เมื่อเสี่ยงหลงเห็นนางก็ลุกขึ้นอย่างลืมตัว แต่ก็โดนหวงกุ้ยเฟยดึงให้นั่งลง นางใจสั่นระรัวกำมือเพื่อสงบสติอารมณ์ของตนไว้ในที่สุดทุกอย่างก็เสร็จสิ้นก่อนจะถึงเวลาส่งตัวเข้าหอและดื่มน้ำชา แม่ทัพได้หายตัวไปทำให้หนิงเอ๋อได้จัดการกับแผนของนาง ตอนนี้นางยอมสละแล้วหากอยากให้แผนของนางสำเร็จนางจะยอมมอบกายให้แม่ทัพอี้แต่นางตรองดูแล้วเขาเองก็รักเสี่ยวหลงเป็นอย่างมาก คืนนี้เขาคงไม่แตะต้องตัวนางเป็นแน่นางได้เตรียมยาปลุกกำหนัดมาด้วยไม่ว่าแต่ผู้ใดที่ได้ดื่มก็มิอาจหักห้ามใจตนเองได้ฝั่งด้านแม่ทัพอี้ที่ได้หา
บทที่ 25 เข้าหอนอนเคียงข้างแม่ทัพมิอาจจะทนไหวเมื่อแรงราคะปะทุกาย และฤทธิ์ยาที่ทำให้เขาตื่นตัว เขาก้มลิ้มลองภูเขาทั้งสองของนาง ขาของเขาพยายามดันขาของหนิงเอ๋อให้แยกออกจากกัน"งั้นข้าเองก็จะทำตามคำที่เจ้าเชิญชวน ฮูหยินที่ข้าไม่ต้องการ" พูดจบเขาก็ก้มลงดูดดื่มบีบครั้นสองเต้าของหนิงเอ๋อจนนางรู้สึกเสียวไปทั่วร่างกายนางนอนบิดไปมาเมื่อลิ้นของเขาตวัดไปมารอบยอดประทุม นางเงยหน้าขึ้นเมื่อเก็บความรู้สึกเสียวนี้ไม่ไหวจึงได้ครวญครางออกมาด้วยเสียงกระเส่า"อ๊าา อ๊าาา " ยิ่งได้ยินเสียงของหนิงเอ๋อยิ่งทำให้อารมณ์ของแม่ทัพปะทุมากกว่าเดิมเขาก็บีบครั้นเนินอกของนางอย่างไม่ทะนุถนอมอีกต่อไป มือของเขาได้ไล่ลงไปแตะกรีบกุหลาบที่เอ่อนองด้วยน้ำรักเล็กน้อย เขาค่อยๆ ใช้มือสมัผัสเบาๆ และใช้นิ้วแหย่เข้าไปในช่องรักนั้นแต่ก็ต้องแปลกใจอีกรอบที่ช่องรักนั้นช่างคับแคบเหลือเกิน เช่นนี้แท่งร้อนแท่งใหญ่ของเขาจะเข้าสู่ช่องรักนางได้อย่างไร หนิงเอ๋อบัดนี้เหมือนจะขาดสติที่โดนเขากระตุ้นอารมณ์นางทั้งข้างบนและข้างล่าง เสียงอบอวลในห้องบัดนี้มีเพียงเสียงของนางร้องครวญครางออกมาและเสียงหอบเหนื่อย แม่ทัพละริมฝีปากออกจากเนินอกสวยไล่เลียลงมา
บทที่ 33 ฝีมือใค้เท้าไป๋ใต้เท้าไป๋ได้มาหาหวงกุ้ยเฟยในยามรุ่งสาง อย่างร้อนใจ"นี่ท่านมาหาข้าแต่เช้าเช่นนี้มีเรื่องอะไร""ท่านรู้เรื่องแม่นมขององค์หญิงหนิงเอ๋อหรือไม่""ข้าไปดูมาแล้ว ผู้ใดกันนะที่ฆ่านาง ท่านรู้หรือไม่" หวงกุ้ยเฟยรู้ว่าเป็นฝีมือของใต้เท้าไป๋แต่ที่ถามเช่นนั้นเพราะอยากลองถาม"ข้าเองที่ทำกับนาง แต่ที่ข้าทำเพราะนางปากแข็ง เมื่อคืนเหล่าเสนบาดีฝ่ายฮองเฮาได้เข้าร่วมหารือกัน ข้ากลับไปจากตำหนักของท่านได้เห็นเข้า จึงตามนางไปเพื่อถาม แต่นางจงรักภักดีไม่ยอมแม้จะปริปากบอก ทำได้แม้กระทั่งกัดลิ้นตนเอง ข้าโมโหจึงได้สังหารนาง ท่านเองก็อย่านิ่งเฉย ตอนนี้พวกเราไม่อาจรู้ได้ว่าฮองเฮาทรงมีแผนอันใด เราต้องชิ่งทำให้องค์รัชาทยาทขึ้นครองบัลลังก์ในเร็ววัน เวลาที่ฮองไทเฮาพูดมานั้นมันเนินนานเกินไปข้าจะหาทางที่ทำให้ฮ่องเต้ไม่ฟื้นขึ้นมาได้อีกต่อไปและลาลับจากโลกนี้ในเร็ววัน เช่นนั้นเราก็ไม่ต้องเกรงกลัวสิ่งใด ส่วนเรื่องของแม่นมผู้นั้นเจ้าไม่ต้องกลัวไม่มีผู้ใดเห็นข้าเป็นแน่ และไม่มีทางที่จะจับตัวข้าได้" ใต้เท้าไป๋พูดออกมาอย่างมั่นใจ"ดีเช่นนั้นเราก็เร่งทำตามแผนกันเถอะ" หวงกุ้ยเฟยยิ้มมุมปากอย่างดีใจเมื่อ
บทที่ 32 ลางร้าย องครักษ์หลิวที่กำลังกลับจากตำหนักของฮ่องเต้ก็ได้เห็นใต้เท้าไป๋ที่กำลังเดินออกจากตำหนักของกุ้ยเฟยหนิงฮวาอย่างเร่งรีบเขาจึงรีบเข้าไปด้านในเมื่อรู้สึกถึงอะไรที่แปลกไปและท่าทีที่เขากำลังจะหนีเหมือนทำอันใดผิด เขารีบเดินเข้าไปด้านในก็พบว่าแม่นมนอนจมกองเลือดอยู่องครักษ์หลิวรีบเข้าไปใกล้และพยุงให้แม่นมลุกขึ้น"แม่นมเกิดอะไรขึ้นกับท่าน ทำไมเลือดถึงเต็มตัวเช่นนี้" เขาใช้นิ้วแตะที่ชีพจรของแม่นมที่กำลังเต้นช้าลงเรื่อยๆ แม่นมฝืนลืมตาขึ้นมาแม้ลิ้นจะขาดแต่นางก็พยายามสื่อสารกับเขาอย่างเต็มที่"อือ " เสี่ยงที่เปล่งออกมาทำให้เขารู้ว่าแม่นมยังไม่สิ้นใจ เขาจึงพยุงแม่นมขึ้นเล็กน้อย"ท่านยังไม่ตาย ท่านช่วยแข็งใจไว้สักหน่อยข้าจะอุ้มท่านไปที่ตำหนักของฮองเฮาและให้หมอหลวงมารักษาท่าน ผู้ใดมาทำกับท่านเช่นนี้โปรดบอกข้า ข้าจะไปจัดการคนผู้นั้นเอง" แม่นมส่ายหน้าเมื่อรู้ว่าตนเองตอนนี้ก็แทบจะไหวหากเขาอุ้มนางไปกว่าจะถึงตำหนักซื่อหมิงนางก็สิ้นใจก่อนพอดี เขาเองตอนนี้ก็เจ็บปวดที่เห็นแม่นมกำลังหายใจโรยริน นางเป็นสตรีที่จิตใจดีและเมตตาเขามาตลอดไม่เคยคิดว่าเขาเป็นองครักษ์ต่อยต่ำแต่ทำเหมือนกับเขาเป็นคนในครอบ
บทที่ 31 แม่นมได้จากไปหนิงเอ๋อแปลกใจที่เขารู้ถึงชื่อหางเฟิ่งหรือวันนั้นที่นางฝันถึงหางเฟิ่งนางจะละเมอชื่อเขาอออกมา แต่อย่างไรถึงนางจะเอ่ยชื่อผู้ใดก็ไม่เห็นเกี่ยวกับแม่ทัพสักนิด"ข้าจะเอ่ยชื่อผู้ใด หรือรักชอบผู้ใดจะไม่เห็นเกี่ยวกับท่านสักนิด ''"แต่ก่อนอาจจะไม่เกี่ยว แต่ต่อจากนี้อะไรที่เกี่ยวกับเจ้าล้วนแต่เกี่ยวข้องกับข้าทั้งสิ้น เพราะตอนนี้เจ้าขึ้นชื่อว่าเป็นเมียของท่านแม่ทัพผู้นี้แล้ว " หนิงเอ๋อส่ายหน้าไปมา เหตุใดท่านพี่เสี่ยวหลงถึงได้รักบุรุษผู้นี้ได้กันนะ นอกจากหน้าตาดีและมีฝีมือก็ไม่เห็นจะมีตรงไหนดีสักนิด"ข้าขี้เกียจจะพูดกหับท่านแล้ว ออกไปเถิด" หนิงเอ๋อผลักเขาอีกครั้ง"เจ้าเก็บแรงเอาไว้เถอะ แรงเจ้าทำอันใดข้ามิได้หรอก นอนซะข้าไม่ทำอันใดเจ้าหรอกนะ" แม่ทัพอี้พูดจบก็ลุกขึ้นจากเตียงและเดินออกมาด้านนอกก่อนจะเอ่ยบอกกับหนิงเอ๋ออีกรอบ"วันนี้ข้าจะนอนเฝ้าประตูเจ้าอยู่ด้านนอกหากเกิดอันใดขึ้นเจ้าก็เรียกข้าได้ตลอด " หนิงเอ๋อรู้สึกใจสั่นในคำพูดของเขา แต่นางก็ไม่อาจจะเชื่อคำพูดเขาได้ทั้งหมด หากว่าเขายังมีใจให้ท่านพี่เสี่ยวหลงและบอกแผนที่นางพูดกันในวันนี้ก็อาจจะเกิดเรื่องใหญ่ขึ้น แต่ในเมื่อนางอ
บทที่ 30 เริ่มเคลื่อนไหว ฮองฮองและฮองไทเฮาเป็นห่วงอาการของฝ่าบาทช่วงนี้จึงไม่ได้ออกไปหาหนิงเอ๋อ ตอนนี้ฝ่าบาทยังคงไม่ได้สติและนอนอยู่เช่นนั้นเหล่าเสนาบดีต่างพากันหารือและพูดคุยว่าจะทำเช่นไรต่อไปฮองไทเฮาจึงขึ้นรักษาการแทนและเรียกทุกคนมาที่ท้องพระโรง ฮองไทเฮานั่งอยู่ด้านหลังของบัลลังก์เพราะไม่สามารถขึ้นนั่งบนนั้นได้นอกจากฮ่องเต้ โดยมีฮองเฮาที่นั่งอยู่ข้างๆ ด้วยเช่นกันเมื่อทุกคนมากันครบก็ได้พุดคุยหารือกันทันที"ถวายบังคมฮองไทเฮาและฮองเฮา" เสียงที่ประสานออกมาพร้อมๆ กันไม่ว่าจะเป็นเสนบาดีฝ่ายใดก็ต่างพากันพูดพร้อมกันและโค้งคำนับ เมื่อโค้งคำนับเสร็จก็มีใต้เท้าฝั่งของใต้เท้าไป๋ได้ทูลออกมา"เนื่องจากบัดนี้ข่าวของฝ่าบาทที่ทรงไม่รู้สึกตัวนั้นได้ถูกแพร่กระจายไปทั่ววังหลวง อีกไม่นานก็คงถึงหูชาวบ้านเช่นนี้จะไม่ทำให้ชาวบ้านพากันแตกตื่นแล้วเช่นนี้บังลังก์จะไม่สั่นคลอนหรือพะย่ะค่ะ""ตอนนี้แม้พระองค์ทรงยังไม่รู้สึกตัวและข้าเองที่จะทำหน้าที่รักษาการแทนอ่านฎีกาและทำทุกอย่างแทนฝ่าบาทจนกว่าฝ่าบาทจะรู้สึกพระองค์" ฮองไทเฮาได้เอ่ยออกมา ทำให้ฝั่งด้านใต้เท้าไป๋ได้เอ่ยมาอีกรอบ"ท่านมีพระวรกายที่ไม่แข็งแรงเช่นนี้
บทที่ 29 ถูกปองร้ายเสี่ยวหลงกลับมาที่ตำหนักของนางก็อาละวาดโวยวายร้องไห้เจ็บปวดปานตาย นางกำนัลจึงได้ไปตามหวงกุ้ยเฟยมาดูนาง"นางหนิงเอ๋อ ข้าเกลียดเจ้าเพราะเจ้าทำให้ท่านพี่เกลียดข้า ข้าจะฆ่าเจ้า! " เสี่ยวหลงใช้มีดแทงหมอนครั้งแล้วครั้งเล่าใบหน้าเต็มไปด้วยน้ำตา จนหวงกุ้ยเฟยมาถึงก็ได้ดึงมีดออกจากมือของนาง"นี่เจ้าทำอันใด หยุดประเดี๋ยวนี้นะ" เสี่ยวหลงเมื่อเห็นมารดาของนาง นางก็ได้หันไปกอดและร้องไห้ออกมา"ท่านแม่ข้าถูกท่านพี่รังเกียจแล้วเพคะ ท่านพี่พูดว่าไม่รักข้าว่าข้าเป็นสตรีที่โหดร้าย เพราะนางเพราะนางเพียงผู้เดียวที่ทำให้ท่านพี่เกลียดข้า ฮื้อ ฮือ ท่านแม่ได้โปรดช่วยข้าด้วยข้าเจ็บปวดจนเจียนตายเมื่อเห็นแววตาที่ไร้เยื้อใยของท่านพี่" หวงกุ้ยเฟยรีบโอบกอดเสี่ยวหลงและปลอบใจนาง"หนิงเอ๋อนางช่างเหมือนมารดาของนางยิ่งนัก มารดาของนางก็มาแย่งความนักของฝ่าบาทไป แล้วตอนนี้บุตรของนางยังมาแย่งความรักไปจากบุตรของข้าอีก เจ้าสงบสติอารมณ์เถิดหนา เดี๋ยวเรื่องนี้ข้าจะจัดการนางเองและจะพาแม่ทัพอี้กลับมาหาเจ้าในเร็ววัน" เสี่ยวหลงรีบปาดน้ำตาและเงยหน้ามองมารดาของนาง"ท่านแม่รับปากแล้วนะเพคะ ""ข้าจะจัดการให้รู้สำนึกเอ
บทที่ 28 เผยธาตุแท้ฝั่งด้านหนิงเอ๋อเมื่อเหมยฟางกลับนางก็กลับมาที่ห้องนอนก็ไม่พบแม่ทัพแล้วนางก็หันไปมองบนเตียงก็เห็นว่าผ้าปูถูกเปลี่ยนไป"องค์หญิงนี่ยาต้มท่านดื่มสักหน่อยนะเพคะ ร่างกายของท่านจะได้ไม่เจ็บปวด" ฟางลี่เว่ยนำยามาให้หนิงเอ๋อ"ข้าไม่รู้เลยว่าสิ่งข้าทำอยู่นี่ถูกหรือผิด ข้าทำถูกต้องแล้วใช่มั้ย เหตุใดข้าถึงรู้สึกรังเกียจตนเองเช่นนี้""องค์หญิงหม่อมฉันรู้ว่าองค์หญิงเหนื่อย ท่านนอนพักสักหน่อยนะเพคะ ทุกสิ่งทุกอย่างที่ท่านทำอยู่เพื่อการแก้แค้นมิใช่หรือเพคะ ""ข้ารู้ ข้าขอนอนพักสักหน่อยเจ้าก็ช่วยอยู่ข้างๆ ข้าแล้วอย่าไปไหนจนกว่าข้าจะตื่น ที่นี่ข้าไม่ไว้ผู้ใดรอให้องครักษ์หลิวกลับมาท่านก็ปลุกข้าด้วย" หนิงเอ๋อทิ้งตัวลงนอนด้วยความเหนื่อยล้า นางหลับไปก็ได้ฝันถึงหางเฟิ่งที่มองนางอยู่ที่ห่างไกล เขามองดูนางด้วยสายตาเศร้าโศก"องค์หญิงข้ามาลา องค์หญิงทรงสบายดีใช่หรือไม่ ต่อจากนี้ข้ามิได้อยู่ข้างกายท่านแล้วท่านต้องดูแลตนเองให้ดีข้าจะมองดูองค์หญิงอยู่ตลอดเวลานะพะย่ะค่ะ" น้ำเสียงที่เปล่งออกมาอย่างแผ่วเบาหนิงเอ๋อแทบไม่ค่อยได้ยินด้วยซ้ำ นางจึงพยายามจะวิ่งไปหาหางเฟิ่งแต่ร่างของเขาก็เรือนรางจนหายไปใน
บทที่ 27 ความชั่วของหวงกุ้ยเฟยองครักษ์หลิวกระโดดขึ้นไปควบม้าโดยมีองค์หญิงเหมยฟางนั่งอยู่ด้านหน้าของตน นางรู้สึกหัวใจสั่นไหวเมื่อได้ใกล้ชิดองครักษ์หลิวกลิ่นกายที่หอมและอกแกร่งที่กระทบหลังของนางช่างทำให้นางชอบองครักษ์หลิวมากขึ้น แต่องครักษ์หลิวไม่ได้คิดเช่นนั้น เขาอยากให้ถึงวังหลวงโดยเร็วและส่งองค์หญิงกลับตำหนักจะได้ไม่เป็นภาระและตัวปัญหาให้เขาอีกเมื่อมาถึงวังหลวงองครักษ์ได้ส่งเหมยฟางที่ตำหนักของนางก่อนที่เขาจะไปสืบเรื่องราวที่องค์หญิงหนิงเอ๋อได้สั่งมา เขาลอบเข้าไปที่ตำหนักของฝ่าบาทบัดนี้ฝ่าบาทบรรทมอยู่บนเตียง กลิ่นในห้องบรรทมนั้นเต็มไปด้วยกลิ่นธูปที่รุนแรงจนองครักษ์หลิวต้องใช้เสื้อปิดจมูกตนเองไว้ เขามองซ้ายมองขวาก็เห็นว่าหวงกุ้ยเฟยกับใต้เท้าไป๋กำลังเดินมาทางนี้ และนางกำนัลที่คอยดูแลฝ่าบาทอยู่นางหนึ่งเดินมาด้วยเขาจึงรีบหาที่ซ้อนตัวเพราะกลัวจะถูกจับได้"นี่ท่านข้าบอกแล้วอย่างไร หากจะพบข้าให้ไปพบข้าที่ตำหนักข้า ที่นี่มิใช่ที่เราจะพบกันได้ " เสียงของหวงกุ้ยเฟยที่บ่นใต้เท้าไป๋แต่เขาเองก็หากลัวไม่กลับยิ้มดีใจที่ถูกนางดุด่า"โธ่! ท่านก็รู้หากข้าไปหาท่านที่ตำหนักเดี๋ยวองค์รัชทายาทก็ได้มาเห็น
บทที่ 26 เหมยฟางมาเยี่ยมหนิงเอ๋อตื่นเช้ามานางก็ได้เข้ามาคาระวาท่านพ่อท่านแม่ของแม่ทัพอี้ตามขนบธรรมเนียมทำให้ท่านแม่ของแม่ทัพเอ็นดูนางเป็นอย่างมากยิ่งสาวใช้มาพูดให้นางฟังเรื่องผ้าปูเตียงยิ่งทำให้นางรู้สึกดีมากๆ ไม่นานเขาก็คงจะได้อุ้มหลาน"หนิงเอ๋อคาระวะท่านพ่อท่านแม่ " หนิงเอ๋อคาระวะ ท่านแม่ก็ได้ยกจับแขนหนิงเอ๋อให้มานั่งบนเก้าอี้ด้วยกัน"ไม่ต้องมากพิธีเมื่อวานเจ้าคงเหนื่อยมาก มานั่งลงสิมากินข้าวด้วยกันนี่เจ้าตักข้าวมาให้คองค์หญิงประเดี๋ยวนี้""ได้เจ้าค่ะ " นางก็รีบไปตักข้าวมาให้หนิงเอ๋อทันที"เจ้ามาอยู่ที่นี่คงจะลำบาคไม่มีคนรับใช้มากมายอย่างที่เจ้าคิด องค์หญิงเช่นเจ้าคงจะปรับตัวยากหน่อยนะ" ท่านพ่อของแม่ทัพได้พูดขึ้น"ไม่เลยเจ้าค่ะ ท่านก็ทราบว่าข้านั้นถูกทิ้งตั้งแต่เด็กใช้ชีวิตอยู่นอกเมือง มาอยู่ที่จวนของพวกท่านนั้นนับว่าดีกว่าที่ข้าเคยอยู่ด้วยซ้ำ " ท่านแม่สงสารหนิงเอ๋อก็ได้เข้ามากอดนาง ทำให้นางตกใจที่ทั้งสองท่านใส่ใจนางถึงเพียงนี้"โธ่! ต่อจากนี้เจ้าจะไม่รู้สึกเช่นนั้นอีกต่อไป จากนี้ข้าจะมอบความรักให้แก่เจ้าเอง นี่กินนี่เยอะๆ นะจะได้บำรุงร่างกายให้เจ้าแข็งแรง ""แล้วนี่สวามีเจ้าไปทางใ
บทที่ 25 เข้าหอนอนเคียงข้างแม่ทัพมิอาจจะทนไหวเมื่อแรงราคะปะทุกาย และฤทธิ์ยาที่ทำให้เขาตื่นตัว เขาก้มลิ้มลองภูเขาทั้งสองของนาง ขาของเขาพยายามดันขาของหนิงเอ๋อให้แยกออกจากกัน"งั้นข้าเองก็จะทำตามคำที่เจ้าเชิญชวน ฮูหยินที่ข้าไม่ต้องการ" พูดจบเขาก็ก้มลงดูดดื่มบีบครั้นสองเต้าของหนิงเอ๋อจนนางรู้สึกเสียวไปทั่วร่างกายนางนอนบิดไปมาเมื่อลิ้นของเขาตวัดไปมารอบยอดประทุม นางเงยหน้าขึ้นเมื่อเก็บความรู้สึกเสียวนี้ไม่ไหวจึงได้ครวญครางออกมาด้วยเสียงกระเส่า"อ๊าา อ๊าาา " ยิ่งได้ยินเสียงของหนิงเอ๋อยิ่งทำให้อารมณ์ของแม่ทัพปะทุมากกว่าเดิมเขาก็บีบครั้นเนินอกของนางอย่างไม่ทะนุถนอมอีกต่อไป มือของเขาได้ไล่ลงไปแตะกรีบกุหลาบที่เอ่อนองด้วยน้ำรักเล็กน้อย เขาค่อยๆ ใช้มือสมัผัสเบาๆ และใช้นิ้วแหย่เข้าไปในช่องรักนั้นแต่ก็ต้องแปลกใจอีกรอบที่ช่องรักนั้นช่างคับแคบเหลือเกิน เช่นนี้แท่งร้อนแท่งใหญ่ของเขาจะเข้าสู่ช่องรักนางได้อย่างไร หนิงเอ๋อบัดนี้เหมือนจะขาดสติที่โดนเขากระตุ้นอารมณ์นางทั้งข้างบนและข้างล่าง เสียงอบอวลในห้องบัดนี้มีเพียงเสียงของนางร้องครวญครางออกมาและเสียงหอบเหนื่อย แม่ทัพละริมฝีปากออกจากเนินอกสวยไล่เลียลงมา