บทที่ 22 เจ้ารอข้าได้หรือไม่ก่อนจะกลับแม่ทัพอี้ได้มาหาเสี่ยวหลงก่อนเพื่อบอกข่าวกับนาง นางกำลังเดินไปมาที่ตำหนักของตนเองอย่างร้อนรนใจ แต่เมื่อเห็นแม่ทัพนางก็รีบวิ่งมาหาเขาทันที"เป็นอย่างไรบ้าง ท่านไปพูดกับฮองไทเฮาว่าอย่างไร จะช่วยพูดให้เราหรือไม่" นางเซ้าซี้ถามด้วยความสงสัยแต่ทำให้แม่ทัพอี้ที่เตรียมใจมาแล้วแต่ก็อยากที่จะบอกนางออกไป เขาก้มหน้าลงและไม่กล้าจะมองหน้านางแม้แต่น้อย"ท่านอย่าเงียบสิ ท่านพี่บอกข้ามาสิว่าเป็นเช่นไร รู้มั้ยอกของข้าแทบระเบิดออกมาแล้วนะ" เสี่ยวหลงจับกายของแม่ทัพอี้เขย่าเพื่อถามความจริง"เสี่ยวหลง ข้าขอโทษ แต่ข้าจำเป็นต้องแต่งกับองค์หญิงหนิงเอ๋อ แต่เจ้าฟังข้าก่อนข้าจะแต่งกับนางเพียงหนึ่งปี เมื่อครบวันเวลาข้าจะหย่ากับนางทันทีและจะมาอยู่กับเจ้า เจ้าช่วยรอข้าได้หรือไม่" แม่ทัพอี้จับมือของเสี่ยวหลงและพูดขอร้องอย่างใจจริง บัดนี้จิตใจนางเจ็บปวดไปหมด นางไม่อาจจะห้ามน้ำตาได้ นางร้องไห้ออกมาอย่างปวดร้าว"ท่านพี่จะให้ข้ารอหรือ แล้วทำไมข้าต้องรอในเมื่อข้ากับท่านรักกันขนาดนี้ มันไม่มีทางที่ท่านไม่ต้องแต่งกับนางกาลกิณีนั่นหรือ หรือว่าท่านไม่รักข้าแล้วท่านรักนางใช่มั้ยถึงยอมแต
บทที่ 23 ค่ำคือแห่งความโดดเดี่ยวหนิงเอ๋อเมื่อกลับมาที่เรือนของตนความเศร้าก็ครอบงำจิตใจนางอีกครั้งเมื่อหันมองไปทางใดก็พบกับรอยยิ้มของหางเฟิ่งที่ยิ้มให้นางเสมอมา หากรู้ว่าเมื่อวานจะเป็นวันสุดท้ายที่ได้อยู่ด้วยกัน นางจะพาตัวของเขาหนีไปให้ไกลแสนไกล และไม่กลับมาที่วังหลวงที่แสนจะโหดร้ายเช่นนี้ น้ำตาแห่งความเจ็บปวดได้ไหลรินออกมาทั้งสองดวงตาของนาง นางหลับตาซึมซับเสียงพิณที่ดังกึกก้องอยู่ในจิตใจและวันเวลาที่เคยใช่ร่วมกับหางเฟิ่งนั้นมันแสนมีความสุขเหลือเกิน แต่ความสุขนี้อยู่กับนางได้เพียงไม่นาน ลมพัดแผ่วเบากระทบผิวกายทำให้นางรู้สึกหนาวสั่นสะท้านไปทั้งจิตใจ แม่นมที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็เข้ามาโอบกอดนางด้วยความเห็นใจและเจ็บปวดเมื่อเห็นหนิงเอ๋อร้องไห้เหมือนจะขาดใจ ฟางลี่เว่ยก็เข้ามากอดกันทั้งสามคนและพากันร้องไห้ออกมา องครักษ์หลิวแม้จะเห็นใจและสงสารหนิงเอ๋อ แต่เขาก็ไม่สามารถบอกความจริงแก่นางได้ ได้แต่หันหลังให้นางและเดินจากไปเพราะหากเขาเห็นน้ำตาขององค์หญิงมากกว่านี้เขาเองก็อาจจะใจอ่อน หนิงเอ๋อร้องไห้อย่างหนักจนได้สลบคาอ้อมแขนของแม่นมกับฟางลี่เว่ย ทั้งสองได้พานางเข้าไปนอนพักที่ห้องนอนหนิงเอ๋อเมื่อตื่นขึ
บทที่ 24 คืนแรกก็ถูกหนิงเอ๋อเล่นงานการจัดพิธีก็ได้ดำเนินไปอย่างราบรื่น ท่านพ่อและท่านแม่ของแม่ทัพอี้ก็ดูมีความสุข ฝ่าบาทเองก็แสดงสีหน้าท่าทางมีความสุขเป็นอย่างมาก ฝ่าบาทดื่มสุราไปเพียงเล็กน้อยแต่ทว่าร่างกายอ่อนแอจึงทำให้มึนเมาและฝ้าฟางเห็นหยิงเอ๋อเป็นกุ้ยเฟยหนิงฮวา ขันทีและฮองเฮาต้องพาตัวกลับวังหลวงเสียก่อน หนิงเอ๋อเองก็เริ่มเหนื่อยกับพิธีการแต่ทว่านางเหลือบมองไปเห็นหวงกุ้ยเฟยกับเสี่ยวหลงที่นั่งมองนางกับแม่ทัพอี้อยู่อย่างไม่ละสายตา หนิงเอ๋อเลยแกล้งทำท่าเซเข้าใกล้กายของแม่ทัพทำให้เขารีบรับตัวของนางไว้ เมื่อเสี่ยงหลงเห็นนางก็ลุกขึ้นอย่างลืมตัว แต่ก็โดนหวงกุ้ยเฟยดึงให้นั่งลง นางใจสั่นระรัวกำมือเพื่อสงบสติอารมณ์ของตนไว้ในที่สุดทุกอย่างก็เสร็จสิ้นก่อนจะถึงเวลาส่งตัวเข้าหอและดื่มน้ำชา แม่ทัพได้หายตัวไปทำให้หนิงเอ๋อได้จัดการกับแผนของนาง ตอนนี้นางยอมสละแล้วหากอยากให้แผนของนางสำเร็จนางจะยอมมอบกายให้แม่ทัพอี้แต่นางตรองดูแล้วเขาเองก็รักเสี่ยวหลงเป็นอย่างมาก คืนนี้เขาคงไม่แตะต้องตัวนางเป็นแน่นางได้เตรียมยาปลุกกำหนัดมาด้วยไม่ว่าแต่ผู้ใดที่ได้ดื่มก็มิอาจหักห้ามใจตนเองได้ฝั่งด้านแม่ทัพอี้ที่ได้หา
บทที่ 25 เข้าหอนอนเคียงข้างแม่ทัพมิอาจจะทนไหวเมื่อแรงราคะปะทุกาย และฤทธิ์ยาที่ทำให้เขาตื่นตัว เขาก้มลิ้มลองภูเขาทั้งสองของนาง ขาของเขาพยายามดันขาของหนิงเอ๋อให้แยกออกจากกัน"งั้นข้าเองก็จะทำตามคำที่เจ้าเชิญชวน ฮูหยินที่ข้าไม่ต้องการ" พูดจบเขาก็ก้มลงดูดดื่มบีบครั้นสองเต้าของหนิงเอ๋อจนนางรู้สึกเสียวไปทั่วร่างกายนางนอนบิดไปมาเมื่อลิ้นของเขาตวัดไปมารอบยอดประทุม นางเงยหน้าขึ้นเมื่อเก็บความรู้สึกเสียวนี้ไม่ไหวจึงได้ครวญครางออกมาด้วยเสียงกระเส่า"อ๊าา อ๊าาา " ยิ่งได้ยินเสียงของหนิงเอ๋อยิ่งทำให้อารมณ์ของแม่ทัพปะทุมากกว่าเดิมเขาก็บีบครั้นเนินอกของนางอย่างไม่ทะนุถนอมอีกต่อไป มือของเขาได้ไล่ลงไปแตะกรีบกุหลาบที่เอ่อนองด้วยน้ำรักเล็กน้อย เขาค่อยๆ ใช้มือสมัผัสเบาๆ และใช้นิ้วแหย่เข้าไปในช่องรักนั้นแต่ก็ต้องแปลกใจอีกรอบที่ช่องรักนั้นช่างคับแคบเหลือเกิน เช่นนี้แท่งร้อนแท่งใหญ่ของเขาจะเข้าสู่ช่องรักนางได้อย่างไร หนิงเอ๋อบัดนี้เหมือนจะขาดสติที่โดนเขากระตุ้นอารมณ์นางทั้งข้างบนและข้างล่าง เสียงอบอวลในห้องบัดนี้มีเพียงเสียงของนางร้องครวญครางออกมาและเสียงหอบเหนื่อย แม่ทัพละริมฝีปากออกจากเนินอกสวยไล่เลียลงมา
บทที่ 26 เหมยฟางมาเยี่ยมหนิงเอ๋อตื่นเช้ามานางก็ได้เข้ามาคาระวาท่านพ่อท่านแม่ของแม่ทัพอี้ตามขนบธรรมเนียมทำให้ท่านแม่ของแม่ทัพเอ็นดูนางเป็นอย่างมากยิ่งสาวใช้มาพูดให้นางฟังเรื่องผ้าปูเตียงยิ่งทำให้นางรู้สึกดีมากๆ ไม่นานเขาก็คงจะได้อุ้มหลาน"หนิงเอ๋อคาระวะท่านพ่อท่านแม่ " หนิงเอ๋อคาระวะ ท่านแม่ก็ได้ยกจับแขนหนิงเอ๋อให้มานั่งบนเก้าอี้ด้วยกัน"ไม่ต้องมากพิธีเมื่อวานเจ้าคงเหนื่อยมาก มานั่งลงสิมากินข้าวด้วยกันนี่เจ้าตักข้าวมาให้คองค์หญิงประเดี๋ยวนี้""ได้เจ้าค่ะ " นางก็รีบไปตักข้าวมาให้หนิงเอ๋อทันที"เจ้ามาอยู่ที่นี่คงจะลำบาคไม่มีคนรับใช้มากมายอย่างที่เจ้าคิด องค์หญิงเช่นเจ้าคงจะปรับตัวยากหน่อยนะ" ท่านพ่อของแม่ทัพได้พูดขึ้น"ไม่เลยเจ้าค่ะ ท่านก็ทราบว่าข้านั้นถูกทิ้งตั้งแต่เด็กใช้ชีวิตอยู่นอกเมือง มาอยู่ที่จวนของพวกท่านนั้นนับว่าดีกว่าที่ข้าเคยอยู่ด้วยซ้ำ " ท่านแม่สงสารหนิงเอ๋อก็ได้เข้ามากอดนาง ทำให้นางตกใจที่ทั้งสองท่านใส่ใจนางถึงเพียงนี้"โธ่! ต่อจากนี้เจ้าจะไม่รู้สึกเช่นนั้นอีกต่อไป จากนี้ข้าจะมอบความรักให้แก่เจ้าเอง นี่กินนี่เยอะๆ นะจะได้บำรุงร่างกายให้เจ้าแข็งแรง ""แล้วนี่สวามีเจ้าไปทางใ
บทที่ 27 ความชั่วของหวงกุ้ยเฟยองครักษ์หลิวกระโดดขึ้นไปควบม้าโดยมีองค์หญิงเหมยฟางนั่งอยู่ด้านหน้าของตน นางรู้สึกหัวใจสั่นไหวเมื่อได้ใกล้ชิดองครักษ์หลิวกลิ่นกายที่หอมและอกแกร่งที่กระทบหลังของนางช่างทำให้นางชอบองครักษ์หลิวมากขึ้น แต่องครักษ์หลิวไม่ได้คิดเช่นนั้น เขาอยากให้ถึงวังหลวงโดยเร็วและส่งองค์หญิงกลับตำหนักจะได้ไม่เป็นภาระและตัวปัญหาให้เขาอีกเมื่อมาถึงวังหลวงองครักษ์ได้ส่งเหมยฟางที่ตำหนักของนางก่อนที่เขาจะไปสืบเรื่องราวที่องค์หญิงหนิงเอ๋อได้สั่งมา เขาลอบเข้าไปที่ตำหนักของฝ่าบาทบัดนี้ฝ่าบาทบรรทมอยู่บนเตียง กลิ่นในห้องบรรทมนั้นเต็มไปด้วยกลิ่นธูปที่รุนแรงจนองครักษ์หลิวต้องใช้เสื้อปิดจมูกตนเองไว้ เขามองซ้ายมองขวาก็เห็นว่าหวงกุ้ยเฟยกับใต้เท้าไป๋กำลังเดินมาทางนี้ และนางกำนัลที่คอยดูแลฝ่าบาทอยู่นางหนึ่งเดินมาด้วยเขาจึงรีบหาที่ซ้อนตัวเพราะกลัวจะถูกจับได้"นี่ท่านข้าบอกแล้วอย่างไร หากจะพบข้าให้ไปพบข้าที่ตำหนักข้า ที่นี่มิใช่ที่เราจะพบกันได้ " เสียงของหวงกุ้ยเฟยที่บ่นใต้เท้าไป๋แต่เขาเองก็หากลัวไม่กลับยิ้มดีใจที่ถูกนางดุด่า"โธ่! ท่านก็รู้หากข้าไปหาท่านที่ตำหนักเดี๋ยวองค์รัชทายาทก็ได้มาเห็น
บทที่ 28 เผยธาตุแท้ฝั่งด้านหนิงเอ๋อเมื่อเหมยฟางกลับนางก็กลับมาที่ห้องนอนก็ไม่พบแม่ทัพแล้วนางก็หันไปมองบนเตียงก็เห็นว่าผ้าปูถูกเปลี่ยนไป"องค์หญิงนี่ยาต้มท่านดื่มสักหน่อยนะเพคะ ร่างกายของท่านจะได้ไม่เจ็บปวด" ฟางลี่เว่ยนำยามาให้หนิงเอ๋อ"ข้าไม่รู้เลยว่าสิ่งข้าทำอยู่นี่ถูกหรือผิด ข้าทำถูกต้องแล้วใช่มั้ย เหตุใดข้าถึงรู้สึกรังเกียจตนเองเช่นนี้""องค์หญิงหม่อมฉันรู้ว่าองค์หญิงเหนื่อย ท่านนอนพักสักหน่อยนะเพคะ ทุกสิ่งทุกอย่างที่ท่านทำอยู่เพื่อการแก้แค้นมิใช่หรือเพคะ ""ข้ารู้ ข้าขอนอนพักสักหน่อยเจ้าก็ช่วยอยู่ข้างๆ ข้าแล้วอย่าไปไหนจนกว่าข้าจะตื่น ที่นี่ข้าไม่ไว้ผู้ใดรอให้องครักษ์หลิวกลับมาท่านก็ปลุกข้าด้วย" หนิงเอ๋อทิ้งตัวลงนอนด้วยความเหนื่อยล้า นางหลับไปก็ได้ฝันถึงหางเฟิ่งที่มองนางอยู่ที่ห่างไกล เขามองดูนางด้วยสายตาเศร้าโศก"องค์หญิงข้ามาลา องค์หญิงทรงสบายดีใช่หรือไม่ ต่อจากนี้ข้ามิได้อยู่ข้างกายท่านแล้วท่านต้องดูแลตนเองให้ดีข้าจะมองดูองค์หญิงอยู่ตลอดเวลานะพะย่ะค่ะ" น้ำเสียงที่เปล่งออกมาอย่างแผ่วเบาหนิงเอ๋อแทบไม่ค่อยได้ยินด้วยซ้ำ นางจึงพยายามจะวิ่งไปหาหางเฟิ่งแต่ร่างของเขาก็เรือนรางจนหายไปใน
บทที่ 29 ถูกปองร้ายเสี่ยวหลงกลับมาที่ตำหนักของนางก็อาละวาดโวยวายร้องไห้เจ็บปวดปานตาย นางกำนัลจึงได้ไปตามหวงกุ้ยเฟยมาดูนาง"นางหนิงเอ๋อ ข้าเกลียดเจ้าเพราะเจ้าทำให้ท่านพี่เกลียดข้า ข้าจะฆ่าเจ้า! " เสี่ยวหลงใช้มีดแทงหมอนครั้งแล้วครั้งเล่าใบหน้าเต็มไปด้วยน้ำตา จนหวงกุ้ยเฟยมาถึงก็ได้ดึงมีดออกจากมือของนาง"นี่เจ้าทำอันใด หยุดประเดี๋ยวนี้นะ" เสี่ยวหลงเมื่อเห็นมารดาของนาง นางก็ได้หันไปกอดและร้องไห้ออกมา"ท่านแม่ข้าถูกท่านพี่รังเกียจแล้วเพคะ ท่านพี่พูดว่าไม่รักข้าว่าข้าเป็นสตรีที่โหดร้าย เพราะนางเพราะนางเพียงผู้เดียวที่ทำให้ท่านพี่เกลียดข้า ฮื้อ ฮือ ท่านแม่ได้โปรดช่วยข้าด้วยข้าเจ็บปวดจนเจียนตายเมื่อเห็นแววตาที่ไร้เยื้อใยของท่านพี่" หวงกุ้ยเฟยรีบโอบกอดเสี่ยวหลงและปลอบใจนาง"หนิงเอ๋อนางช่างเหมือนมารดาของนางยิ่งนัก มารดาของนางก็มาแย่งความนักของฝ่าบาทไป แล้วตอนนี้บุตรของนางยังมาแย่งความรักไปจากบุตรของข้าอีก เจ้าสงบสติอารมณ์เถิดหนา เดี๋ยวเรื่องนี้ข้าจะจัดการนางเองและจะพาแม่ทัพอี้กลับมาหาเจ้าในเร็ววัน" เสี่ยวหลงรีบปาดน้ำตาและเงยหน้ามองมารดาของนาง"ท่านแม่รับปากแล้วนะเพคะ ""ข้าจะจัดการให้รู้สำนึกเอ
บทที่ 40 ข้ามีความสุขในทุกวัน สามปีต่อมาหลังจากวันนั้นที่หนิงเอ๋อคลอดและแม่ทัพเองก็ได้ออกจากกองทหารเพราะแขนที่ได้รับบาดเจ็บของเขาทำให้เขาไม่สามารถจับดาบได้อีก เขาจึงมาใช้ชีวิตที่เหลืออยู่กับหนิงเอ๋อและบุตรชายของเขาที่ทั้งดื้อทั้งซนแต่ก็เปี่ยมไปด้วยความสามารถ ที่ดินที่ฮองเฮาเคยให้ไว้เขาเองก็จัดแจงทำเกษตรคอยให้ชาวบ้านที่เร่ร่อนช่วยกันทำมาหากินหากผู้ใดทำได้มากเขาก็มีผลตอบแทนให้อย่างมากเช่นกัน ทำให้แม่ทัพได้หันมาเป็นหัวหน้าค้าขายรายใหญ่หนิงเอ๋อวันนี้นางก็ได้มายืนที่บึงบัวเช่นเคยและยิ้มให้กับท้องฟ้าจนบุตรชายของนางได้สงสัยและวิ่งเข้ามาถาม"ท่านแม่ ท่านยิ้มให้ท้องฟ้าทุกวันข้าเองก็สงสัยว่าท่านยิ้มให้สิ่งใดข้าเห็นเพียงแค่ก้อนเมฆที่ลอยไปลอยมาเท่านั้น" หนิงเอ๋อจึงนั่งลงและชี้ไปที่ก้อนเมฆให้บุตรของนางได้ดู"เฉี่ยวเปา เจ้าดูที่มือของเม่น่ะ นั้นคือท่านยายเป็นแม่นมของแม่ ส่วนนั้นฟางลี่เว่ยท่านป้าที่ใจดีที่สุด และอีกคนที่ส่งยิ้มมาให้เจ้าคือสหายที่ดีที่สุดของแม่ด้วยเช่นกัน" หนิงเอ๋อชี้เฉี่ยวเปาก็มองตาม เขาก็ยังไม่เห็นสิ่งใดอยู่ดีนอกจากก้อนเมฆ"ข้ายังไม่เห็นสิ่งใดเลย เห็นเพียงก่อนเมฆเท่านั้น""สองคน
บทที่ 39 ข้าจะมองดูท่านอยู่บนฟากฟ้าหนิงเอ๋อเดินออกมาจากห้องของแม่ทัพด้วยหัวใจที่ปวดร้าว นางกลับไปหาหางเฟิ่งเขาเองมองนางออกว่าตอนนี้หัวใจของนางนั้นมีแม่ทัพอี้อยู่ในใจ"องค์หญิงเราออกไปเดินเล่นกันดีมั้ย วันนี้ข้างนอกอากาศแจ่มใสไม่ร้อนมากนัก" หางเฟิ่งอยากให้นางรู้สึกดีจึงชวนนางออกไปเดินเล่นกันหนิงเอ๋อพยักหน้าและเดินออกไปด้านนอกทุกคนที่นี่ต่างรู้ว่าหางเฟิ่งนั้นเป็นองครักษ์ของหนิงเอ๋อ จึงไม่มีผู้ใดสงสัย นางเดินมาเรื่อยๆ และหยุดที่บึงบัวเหม่อลอยมองไปด้านหน้า"ทรงคิดอะไรอยู่หรือพะย่ะค่ะ ""ข้ากำลังคิดว่าจะไปที่ใดดี ที่ที่ไม่มีองค์หญิงองค์ชายหรือฐานะใดข้าอยากไปอยู่ในที่ที่ทุกคนมีสถานนะเท่าเทียมกัน ในโลกที่ไม่มีความริษยาอิจฉาแย่งชิงหรืออำนาจ ข้าต้องการอยู่ในที่ที่เต็มไปด้วยความรักความรู้สึกดีๆ ที่มีให้กัน ""โลกเช่นนั้คงไม่มีหรอกพะย่ะค่ะ ทุกคนบนโลกใบนี้ต่างก็เป็นคนที่มีความรู้สึกผิดชอบชั่วดีด้วยกันทุกคนอยู่ที่ว่าผู้ใดเลือกที่จะเป็นอย่างใดมากกว่า องค์หญิงอย่าทำเช่นบึ้งตึงเช่นนี้สิพะย่ะค่ะมองดูเมฆก้อนนู้นสิช่างเหมือนแม่นมกับฟางลี่เว่ยกำลังจ้องมองดูท่านอยู่เลย ช่วยยิ้มออกมาให้ท้ังสองคนดูสิพะย่ะ
บทที่ 38 เราทั้งสองหย่ากันเถอะแม่ทัพอี้ควบม้าออกตามหาหนิงเอ๋ออย่างร้อนใจก็มาพบม้าสองตัวที่ถูกทิ้งอยู่กลางป่า เขาจึงสั่งทหารให้ตามหาหนิงเอ๋อกับใต้เท้าไป๋เดินได้ไม่นานทหารก็ตะโกนเรียกท่านแม่ทัพไปดูก็พบกับร่างของลูกน้องใต้เท้าไป๋เดินไปอีกสักพักก็พบใต้เท้าไป๋นอนจมกองเลือดและบาดแผลที่ไม่น่าดู จิตใจของแม่ทัพเริ่มสั่นไหวใจเต้นระรัว กลัวหนิงเอ๋อจะจากเขาไป เขาจึงรีบวิ่งตามหานางอย่างเป็นหวงแต่แล้วก็ต้องพบเข้ากับหนิงเอ๋อที่กำลังกอดแนบแน่นอยู่กับชายอื่น ความเป็นห่วงและความโมโหได้หล่อล้อมเข้าด้วยกันทำให้เขาโกรธและจะฆ่าชายผู้นั้นที่บังอาจมากอดภรรยาของเขา"เอามือออกจากนางเดี๋ยวนี้ ไม่เช่นนั้นข้าจะจัดการเจ้าให้สิ้นใจในครั้งเดียว" หางเฟิ่งตกใจเมื่อจู่ๆ โดนดาบจากที่ใดมาวางอยู่ที่คอ หนิงเอ๋อเห็นนางจึงรีบเข้าไปผลักแม่ทัพออก และนำตัวหางเฟิ่งไปใว้ด้านหลังนาง แม่ทัพเห็นก็รู้ในทันทีว่าชายผู้นี้ต้องมีความสัมพันธ์ที่พิเศษกับหนิงเอ๋อเป็นแน่"นี่เจ้ากล้ามาผลักสามีของเจ้าเพื่อช่วยชายผู้นี้หรือ""หากไม่มีเขาข้าเองก็ต้องตายไปแล้วด้วยน้ำมือของใต้เท้าไป๋ ข้าไม่ทางให้ท่านทำอันใดกับคนของข้าไม่ว่าท่านจะเป็นสามีของข้าก็
บทที่ 37หนิงเอ๋อแก้แค้นให้ทุกคนใต้เท้าไป๋ได้พาหนิงเอ๋อหลบหนีโดยการนั่งม้า เมื่อมาถึงป่ารกเขาจึงทิ้งม้าไว้เพื่อเดินเข้าไปที่ป่าและจะหลบหนีโดยการขึ้นเรือหากเดินเข้าป่านี้ไปไม่นานก็ถึงท่าเรือ ทั้งสามคนก็ได้เดินเข้าป่ามาหนิงเอ๋อที่ตั้งครรภ์อยู่เมื่อเดินมาได้สักพักนางก็เหนื่อยหอบและขอให้แม่ทัพอี้ได้พักเสียก่อน"นี่ใต้เท้าข้าขอนั่งพักสักครู่ได้หรือไม่ ""เจ้านี่ช่างเป็นตัวปัญหาเสียจริง" ใต้เท้าไป๋ได้ดุด่าหนิงเอ๋อลูกน้องจึงได้ถาม"ท่านจะพาตัวนางไปด้วยทำไมหรือ ข้าว่าเราจัดการนางเสียจะดีกว่ามิเช่นนั้นพวกทหารจะตามเรามาทันนะขอรับ""อย่าพึ่ง! นางยังมีประโยชน์กับข้าอยู่ หากเรารอดพ้นจากทหารเมื่อนั้นค่อยจัดการนางทิ้ง เจ้าเองก็รีบนั่งพักซะจะได้รีบออกเดินทาง ข้าเองก็เจ็บแผลที่เจ้าสร้างมาเช่นกัน เอาอย่างนี้ดีมั้ยระหว่างที่เจ้าพักข้าจะขอเอาคืนแผลที่เจ้าแทงข้า แต่ข้าจะไม่แทงเจ้าด้วยมีดหรอกนะ ข้าจะแทงเจ้าด้วยแท่งร้อนของข้า ฮ่า ฮ่า เจ้าไปดูต้นทางหากมีผู้ใดน่าสงสัยก็รีบตะโกนบอกข้า " ใต้เท้าไป๋ใช้มือปาดริมฝีปากราวกับผู้ที่หิวกระหาย ทำให้หนิงเอ๋อรู้สึกไม่ปลอดภัยและเป็นห่วงบุตรเป็นอย่างมาก นางพยายามจะขยับกายหน
บทที่ 36 จับกบฎ"ก็เพราะว่าองค์รัชทายาทองค์ปัจจุบันมิใช่บุตรของข้าอย่างไรล่ะ" ฝ่าบาทเดินออกมาจากด้านหลังบัลลังก์และมานั่งอยู่บนบังลังก์ทำให้หวงกุ้ยเฟยและใต้เท้าไป๋ถึงกับหน้าซีด"เหตุใดฝ่าบาทถึงฟื้นขึ้นมาได้ แล้วฝ่าบาทเอาเรื่องใดมาพูดว่าองค์รัชทยาทไม่ใช่บุตรของท่านละเพคะ หากไม่ใช่บุตรของท่านจะเป็นบุตรของผู้ใด ใต้หล้ารู้ต่างว่าข้าเข้ามาในวังหลวงแห่งนี้ตั้งแต่หม่อมฉันยังไม่ตั้งครรภ์ " หวงกุ้ยเฟยรีบดินออกมาด้านหน้าและทูลถาม"หึ หึ จะให้ข้าพูดจริงๆ หรือหวงกุ้ยเฟย เอาล่ะหากเจ้าใคร่รู้ข้าเองก็จะบอกเจ้าเอง องค์รัชทยาทหรือองค์ชายหลีเจียซินมิใช่ลูกของข้าแต่เป็นลูกของเจ้ากับใต้เท้าไป๋ พวกเจ้ากำลังก่อกบฏจะยึดบัลลังก์และวางแผนที่จะโค้นบัลลังก์ทหารจับหวงกุ้ยเฟยและใต้เท้าไป๋เอาไว้ และต่อจากนี้องค์รัชทายาทองค์หญิงเสี่ยวหลงถูกปลดตำแหน่งและจับตัวทั้งสองคนมาที่ท้องพระโรงเดี๋ยวนี้" เมื่อสิ้นคำสั่งทหารก็รีบจับตัวของหวงกุ้ยเฟยแต่ใต้เท้าไป๋ยังไม่ยอมรับความจริงจึงได้ต่อลองกับฝ่าบาท"ท่านจะหาว่าข้าเป็นบิดาขององครัชทายาทได้อย่างไรอีกอย่างฝ่าบาทจะมากล่าวหากระหม่อมได้อย่างไร หากท่านไม่มีอันใดชี้แนะมาทางข้าว่าข้า
บทที่ 35 ก่อกบฎฟางลี่เว่ยกำลังนำยาสมุนไพรที่ท่านหมอให้ไว้ต้มให้หนิงเอ๋อดื่มเพื่อบำรุงร่างกาย แม่ทัพอี้กำลังเดินเข้ามาที่ในห้องของหนิงเอ๋อ ก็แปลกใจเลยถามด้วยความเป็นห่วง"เจ้าไม่สบายตรงไหน ถึงได้มียาต้มมาวางอยู่ตรงนี้" แม่ทัพอี้นั่งลงที่เก้าอี้และถามหนิงเอ๋อที่นั่งอยู่ตรงหน้าเขา"ข้าสบายดี ไม่ทำให้ท่านต้องมาเป็นห่วงหรอกเพคะ เชิญไปพรอดรักอยู่กับพี่เสี่ยวหลงเถิดและเชิญท่านออกไปจากห้องของข้าได้แล้ว ข้าอยากพักผ่อน" แม่ทัพอี้ถึงกับหน้าถอดสี ไม่คิดเลยว่านางจะเห็นที่เขากับเสี่ยวหลง"เจ้าเห็นสินะ ""ข้าไม่ได้อยากดูหรอกนะ แค่บังเอิญเดินผ่านไปเห็นเท่านั้นออกไปได้แล้ว ฟางลี่เว่ยส่งท่านแม่ทัพแทนข้าที" หนิงเอ๋อลุกเดินเข้าไปในห้องนอน แม่ทัพก็ได้เดินตามเพื่ออธิบายความจริงให้นางฟัง"เดี๋ยวก่อนสิ มันไม่ใช่อย่างที่เจ้าเห็นนะ ""ปล่อยเถอะเพคะ ต่อให้จะเป็นเหมือนที่ข้าเห็นหรือไม่ก็ไม่เกี่ยวข้า อย่างไรในใจของท่านก็มีพี่เสี่ยวหลงทั้งใจ เอาอย่างนี้ดีมั้ยหากเรื่องราชวงศ์จบสิ้นเมื่อใด ข้ากับท่านจะหย่ากันทันที ท่านจะได้ไปพรอดรักอยู่กับท่านพี่เสี่ยวหลงอย่างเต็มที่" หนิงเอ๋อเองก็ไม่รู้เหตุใดถึงพูดเช่นนั้นออกไปราว
บทที่ 34 ฝ่าบาทฟื้นแล้วแม่ทัพนั่งครุ้นคิดอยู่ทีห้องโถวเสี่ยวหลงเมื่อมาถึงนางก็ได้เข้าไปหาแม่ทัพและโอบกอดเขาจากด้านหลัง โดยไม่ได้ให้ทั้งตัวในตอนแรกแม่ทัพคิดว่าเป็นหนิงเอ๋อจึงแกล้งนาง"เกิดอันใดขึ้นกับคนอย่างเจ้าที่เมื่อก่อนเอาแต่ไล่ข้า หรือว่าใต้หล้าแห่งนี้ฝนฟ้าจะแล้งหึถึงได้เข้ามาหาข้าแถมยังโอบกอดข้าเช่นนี้" เมื่อเสียวหลงได้ยินนางก็โมโหเป็นอย่างมากและปล่อยมือออกจากกายของแม่ทัพและเอ่ยกับเขา"ผ่านไปแค่ไม่กี่คืนวันใจของท่านเปลี่ยนผันได้ถึงเพียงนี้เลยหรือเพคะ เยื้อใยที่ท่านมีต่อหม่อมฉันไม่เหลือแม้แต่น้อยเลยหรือ" เสี่ยวหลงน้ำตาไหลรินนางร้องไห้กระซิกๆ เพื่อให้แม่ทัพเห็นใจ"เจ้าเองหรือเสี่ยวหลง ใจข้ายังคงไม่ได้เปลี่ยนไปที่ใดแต่ตอนนี้ก็ไม่ได้มีเจ้าอยู่ในนี้อีกต่อไปเช่นกัน" แม่ทัพอี้พูดออกมาอย่างตัดเยื่อใยทำให้เสี่ยวหลงร้องไห้ออกมามากกว่าเดิม"แล้วความรู้สึกของหม่อมฉันล่ะ ที่เฝ้ารักท่านมาตลอดเพียงแค่มีหนิงเอ๋อเข้ามาท่านก็เปลี่ยนไปถึงเพียงนี้ แล้วที่ผ่านมาไม่มีค่าสำหรับท่านเลยหรืออย่างไร ""เสี่ยวหลงข้าเองก็เคยรักเจ้ามาก แม้ชีวิตก็ให้ได้แต่บัดนี้มันไม่เป็นเช่นดังเคย" แม่ทัพหันหลังให้เสี่ยวหลงเ
บทที่ 33 ฝีมือใค้เท้าไป๋ใต้เท้าไป๋ได้มาหาหวงกุ้ยเฟยในยามรุ่งสาง อย่างร้อนใจ"นี่ท่านมาหาข้าแต่เช้าเช่นนี้มีเรื่องอะไร""ท่านรู้เรื่องแม่นมขององค์หญิงหนิงเอ๋อหรือไม่""ข้าไปดูมาแล้ว ผู้ใดกันนะที่ฆ่านาง ท่านรู้หรือไม่" หวงกุ้ยเฟยรู้ว่าเป็นฝีมือของใต้เท้าไป๋แต่ที่ถามเช่นนั้นเพราะอยากลองถาม"ข้าเองที่ทำกับนาง แต่ที่ข้าทำเพราะนางปากแข็ง เมื่อคืนเหล่าเสนบาดีฝ่ายฮองเฮาได้เข้าร่วมหารือกัน ข้ากลับไปจากตำหนักของท่านได้เห็นเข้า จึงตามนางไปเพื่อถาม แต่นางจงรักภักดีไม่ยอมแม้จะปริปากบอก ทำได้แม้กระทั่งกัดลิ้นตนเอง ข้าโมโหจึงได้สังหารนาง ท่านเองก็อย่านิ่งเฉย ตอนนี้พวกเราไม่อาจรู้ได้ว่าฮองเฮาทรงมีแผนอันใด เราต้องชิ่งทำให้องค์รัชาทยาทขึ้นครองบัลลังก์ในเร็ววัน เวลาที่ฮองไทเฮาพูดมานั้นมันเนินนานเกินไปข้าจะหาทางที่ทำให้ฮ่องเต้ไม่ฟื้นขึ้นมาได้อีกต่อไปและลาลับจากโลกนี้ในเร็ววัน เช่นนั้นเราก็ไม่ต้องเกรงกลัวสิ่งใด ส่วนเรื่องของแม่นมผู้นั้นเจ้าไม่ต้องกลัวไม่มีผู้ใดเห็นข้าเป็นแน่ และไม่มีทางที่จะจับตัวข้าได้" ใต้เท้าไป๋พูดออกมาอย่างมั่นใจ"ดีเช่นนั้นเราก็เร่งทำตามแผนกันเถอะ" หวงกุ้ยเฟยยิ้มมุมปากอย่างดีใจเมื่อ
บทที่ 32 ลางร้าย องครักษ์หลิวที่กำลังกลับจากตำหนักของฮ่องเต้ก็ได้เห็นใต้เท้าไป๋ที่กำลังเดินออกจากตำหนักของกุ้ยเฟยหนิงฮวาอย่างเร่งรีบเขาจึงรีบเข้าไปด้านในเมื่อรู้สึกถึงอะไรที่แปลกไปและท่าทีที่เขากำลังจะหนีเหมือนทำอันใดผิด เขารีบเดินเข้าไปด้านในก็พบว่าแม่นมนอนจมกองเลือดอยู่องครักษ์หลิวรีบเข้าไปใกล้และพยุงให้แม่นมลุกขึ้น"แม่นมเกิดอะไรขึ้นกับท่าน ทำไมเลือดถึงเต็มตัวเช่นนี้" เขาใช้นิ้วแตะที่ชีพจรของแม่นมที่กำลังเต้นช้าลงเรื่อยๆ แม่นมฝืนลืมตาขึ้นมาแม้ลิ้นจะขาดแต่นางก็พยายามสื่อสารกับเขาอย่างเต็มที่"อือ " เสี่ยงที่เปล่งออกมาทำให้เขารู้ว่าแม่นมยังไม่สิ้นใจ เขาจึงพยุงแม่นมขึ้นเล็กน้อย"ท่านยังไม่ตาย ท่านช่วยแข็งใจไว้สักหน่อยข้าจะอุ้มท่านไปที่ตำหนักของฮองเฮาและให้หมอหลวงมารักษาท่าน ผู้ใดมาทำกับท่านเช่นนี้โปรดบอกข้า ข้าจะไปจัดการคนผู้นั้นเอง" แม่นมส่ายหน้าเมื่อรู้ว่าตนเองตอนนี้ก็แทบจะไหวหากเขาอุ้มนางไปกว่าจะถึงตำหนักซื่อหมิงนางก็สิ้นใจก่อนพอดี เขาเองตอนนี้ก็เจ็บปวดที่เห็นแม่นมกำลังหายใจโรยริน นางเป็นสตรีที่จิตใจดีและเมตตาเขามาตลอดไม่เคยคิดว่าเขาเป็นองครักษ์ต่อยต่ำแต่ทำเหมือนกับเขาเป็นคนในครอบ