Share

บทที่ 72

Author: ใบไม้ร่วงในเมืองร้าง
ทันทีที่ตาเฒ่าหวังพูดจบ ใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นเขียวคล้ำสลับแดง

ร่างกายที่ผอมแห้งของเขาก็เริ่มขยายตัวขึ้น ทำให้เสื้อคลุมบนร่างพองตัวสูงขึ้น

เห็นได้ชัดว่า เขารู้ตัวดีว่าต้องตายแน่ ๆ จึงใช้วิชาลับทำลายตัวเอง พยายามที่จะใช้พิษในร่างกายเพื่อให้ฉินซูตายไปพร้อมกัน

ฉินซูยิ้มอย่างดูแคลนและฟาดเขาขึ้นไปในอากาศ!

“ฟุ่บ!”

ร่างของตาเฒ่าหวังระเบิดออกกลายเป็นละอองเลือด

ฉินซูเหลือบมองไปที่แขนที่ขาดของอีกฝ่ายที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้น และเตะมันออกไปนอกหน้าต่าง

ส่วนร่างของหยางเหอ เขาก็ฟาดร่างนั้นด้วยฝ่ามืออีกครั้ง

ในห้องมีรอยคราบเลือดจาง ๆ เพียงสองรอยเท่านั้น

“ยุ่งยากจริง ๆ!”

ฉินซูพึมพำและโบกแขนเสื้อของเขาไปบนพื้น

กระแสลมสองสายพุ่งออกมาจากแขนเสื้อของเขา กวาดไปทั่วพื้นครู่หนึ่งก่อนจะกลายเป็นสายลมอ่อนที่พัดออกไปทางหน้าต่าง

หลังจากทำทั้งหมดนี้ ฉินซูก็ไปที่หน้าต่าง และมองออกไปภายนอก

หลังจากจ้องมองออกไปภายนอกเป็นเวลานาน เขาก็พึมพำออกมา “เจ้าโง่สองคนนี้ไม่มีพวกพ้องมาช่วยเลย ช่างกล้าหาญจริง ๆ”

เขายืดเส้นยืดสายก่อนจะเดินไปยังด้านหลังฉงชูโม่ เอื้อมมือไปจิ้มหลังของฉงชูโม่เบา ๆ สองสามครั้ง

จากนั้นจึ
Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App
Locked Chapter

Kaugnay na kabanata

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 73

    “เรียกมาเรียกมา ตัวข้าอิ่มแล้ว”“ถ้ามิอยากสร้างปัญหาโดยมิจำเป็น ก็อย่าพูดแทนตัวให้คนอื่นรู้ว่าท่านเป็นองค์รัชทายาทเสียที!”“ใช่ ใช่ ตัวข้า... อะแฮ่ม ข้าง่วงแล้ว เจ้าเรียกคนมาเก็บจานชามเถอะ”ฉงชูโม่กลอกตามาที่เขาแล้วเรียกเสี่ยวเอ้อร์(1)ของร้านเข้ามาในขณะที่อีกฝ่ายกำลังเก็บจาน นางก็ถามอย่างใจเย็น “พี่ชาย เมื่อครู่มีอะไรแปลก ๆ เกิดขึ้นในโรงเตี๊ยมหรือไม่?”“อะไรแปลก ๆ หรือ?”คนงานของร้านเอียงศีรษะ คิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ไม่มีขอรับท่าน”“ไม่มี? มีผู้ใดทะเลาะกันบ้างหรือไม่?”“ท่านล้อเล่นแล้ว แขกที่พักในโรงเตี๊ยมคืนนี้ล้วนเป็นบัณฑิต จะทะเลาะกันได้อย่างไร แม้ว่าจะขัดแย้งกันบ้าง ก็แค่เถียงกันบ้างเล็กน้อย ทว่าหากจะถึงขั้นลงไม้ลงมือ มันคงเกินไปและมิสมเป็นคนมีการศึกษาขอรับ”“นั่นสินะ เอาเถอะ เจ้าออกไปได้แล้ว”หลังจากให้เสี่ยวเอ้อร์ออกไปแล้ว ฉงชูโม่ก็ลูบคางเรียบเนียนของนางพลางเริ่มคิดอย่างลึกซึ้งฉินซูคร้านเกินกว่าจะสนใจนาง เขาขึ้นไปบนเตียงแล้วหลับไปทันทีใช้เวลามินานนัก เขาก็หลับสนิทไปแล้วฉงชูโม่เหลือบมองเขา ส่ายหน้าในใจแล้วพูดว่า “ไร้หัวใจจริง ๆ เกิดเรื่องเยี่ย

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 74

    ฉินซูเลิกคิ้วและถามด้วยความสงสัย “ร่างกายของเจ้าอ่อนแอเกินกว่าจะรับลมได้หรือ เจ้าเป็นถึงแม่ทัพมิใช่หรือ? เหตุใดถึงเป็นหวัดเอาได้?”ฉงชูโม่เบะปากและพึมพำ “แม่ทัพเป็นหวัดมิได้หรือไร องค์รัชทายาท ตรรกะของท่านนี่ช่างแปลกเสียจริง”“เช่นนั้นเจ้าขึ้นมานอนบนเตียงเถอะ”เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ฉงชูโม่ก็รู้สึกซาบซึ้งเล็กน้อยแล้วถามโดยมิรู้ตัวว่า “แล้วท่านเล่า?”ฉินซูตอบโดยมิได้คิดว่า “ถามอะไรของเจ้า ข้าก็ต้องนอนบนเตียงเหมือนกันน่ะสิ!”“ฮึ่ม คิดจะทำอะไรมิดีแน่ ไม่มีทาง หากกล้ารังแกหม่อมฉันอีก แส้ในมือหม่อมฉันมิอ่อนข้อให้ท่านแน่”ฉงชูโม่โบกแส้ในมือของนางฉินซูกลอกตาใส่นางแล้วพูดว่า “เจ้ามันเก่ง เจ้าสูงส่ง ข้าทำดีแท้ ๆ แต่กลับถูกมองเป็นเรื่องเลว ข้าแค่ลุกขึ้นมากลางคืน แต่กลับโดนเจ้าลงไม้ลงมือ ข้าจะไปเรียกร้องอะไรกับใครได้? เจ้านี่มันจริง ๆ เลย”หลังบ่นไปมิกี่ประโยค เขาก็กลับไปนอนบนเตียงสำหรับฉงชูโม่นั้นจะนอนหรือไม่ ก็แล้วแต่นางเลยมินานหลังจากนั้นฉินซูก็หลับสนิทอีกครั้งฉงชูโม่กัดริมฝีปากสีชาด แล้วพูดอย่างดื้อรั้นว่า “หึ หม่อมฉันจะมิตกหลุมพรางของท่านแน่ ต่อให้หนาวตายก็จะมิปีนขึ้นเตียงท่านหรอก

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 75

    มู่หรงเซี่ยวเทียน จักรพรรดิแห่งเป่ยเยี่ยนคำรามด้วยความโกรธ “ต้าเหยียนกล้าหาญนัก กล้าดีอย่างไรมากักขังลูกของข้า คิดว่าเป่ยเยี่ยนของข้าใครจะรังแกก็ได้ง่าย ๆ เช่นนั้นรึ!”ขุนนางคนหนึ่งรีบทูลว่า “ฝ่าบาท โปรดสงบสติอารมณ์เถิดพ่ะย่ะค่ะ ต้าเหยียนอาจเพียงต้องการใช้สิ่งนี้เป็นการบีบบังคับมิให้เราส่งกองกำลังไปโจมตีเมืองชิ่งโจวคืน ตราบใดที่เรามิทำอะไรบุ่มบ่าม จากนั้นองค์ชายห้าจะมิตกอยู่ในอันตรายแต่อย่างใดพ่ะย่ะค่ะ”“จริงพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท ตราบใดที่พวกเราเป่ยเยี่ยนมิส่งกองกำลังไป องค์ชายห้าก็จะปลอดภัย”“ใต้เท้าทั้งสองพูดง่ายไปหรือไม่? ตอนนี้มันมิใช่เรื่องว่าเราจะโจมตีเมืองชิ่งโจวหรือไม่ แต่ปัญหาคือต้าเหยียนได้กักขังองค์ชายแห่งเป่ยเยี่ยนของเราไว้ นี่เป็นการยั่วยุอย่างชัดเจน! เราต้องตอบโต้!"“เจ้าพูดถูก หากเรามิทำอะไรเลย เมื่อเรื่องแพร่กระจายออกไป ราชสำนักเป่ยเยี่ยนของเราจะไปสู้หน้าใครได้”…… ในขณะนั้น เหล่าขุนนางในราชสำนักเป่ยเยี่ยนต่างก็ถกเถียงกันไปต่าง ๆ นานามู่หรงเซี่ยวเทียนเดิมทีก็โกรธมากอยู่แล้ว แต่เมื่อพวกเขาโต้เถียงกันตรงหน้าเขาก็โกรธจนต้องทุบโต๊ะแล้วลุกขึ้นยืนจากบัลลังก์มังกรอย่างโกรธเ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 76

    มู่หรงเซี่ยวเทียนโบกมือแล้วพูดว่า “จื่อชิน มิต้องมากพิธี เรื่องที่องค์ชายห้าถูกกักบริเวณในแคว้นต้าเหยียน เจ้าเคยได้ยินหรือไม่?”หนานกงจื่อชินพยักหน้า “กราบทูลองค์จักรพรรดิ เรื่องนี้พวกเราที่หอดารารักษ์ได้ยินมาหมดแล้ว อาจารย์และเหล่าผู้อาวุโสต่างก็โกรธแค้นมากพ่ะย่ะค่ะ”“ดีมาก ข้าขอสั่งให้เจ้าไปยังแคว้นต้าเหยียน โดยอ้างว่าไปคารวะท่านขงจื๊อเพื่อลอบเข้าเมืองหลวงของต้าเหยียน แล้วหาโอกาสช่วยองค์ชายห้ากลับมา!”“จื่อชินรับพระบัญชาพ่ะย่ะค่ะ!”หนานกงจื่อชินโค้งคำนับแล้วกำลังจะถอยออกไปทันใดนั้น ขุนนางระดับสูงคนหนึ่งก็เตือนว่า “องค์จักรพรรดิ จักรพรรดิต้าเหยียนจู่ ๆ ก็เรียกเหล่าบัณฑิตทั่วแคว้นต้าเหยียนให้มารวมตัวกันที่เมืองหลงเฉิง การคารวะท่านขงจื๊อเป็นเพียงข้ออ้าง จุดประสงค์ที่แท้จริงต้องเป็นการคัดเลือกผู้มีความสามารถจากเหล่าบัณฑิตเพื่อไปเข้าร่วมการประลองทางปัญญา ในการประชุมระหว่างแคว้นในอีกมิกี่เดือนข้างหน้านี้พ่ะย่ะค่ะ!”“เจ้าเมืองโจวพูดถูก องค์ชายฉินอู๋ต้าวคงต้องคิดแผนเช่นนี้เป็นแน่ เมื่อเป็นเช่นนี้ เราต้องแสดงให้พวกเขารู้ถึงความแตกต่างระหว่างแคว้นต้าเหยียนกับแคว้นเป่ยเยี่ยนของเราพ่ะย่ะค

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 77

    เขามิกล้าฝ่าฝืนคำสั่งของอาจารย์ ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงฝังความรักนี้ไว้ในใจอย่างจนใจตอนนี้เขาสามารถอยู่กับมู่หรงจื่อเยียนได้ทุกวัน แม้ว่าเขาจะมิพูดอะไรออกมา แต่ในใจเขาก็มีความสุขมากแล้วส่วนอาจารย์ หากรู้ก็มิเป็นไร เพราะองค์จักรพรรดิทรงอนุญาตแล้ว ก็โทษเขามิได้ด้วยวิธีนี้ พวกเขาก็ออกเดินทางไปด้วยกัน……อีกด้านหนึ่งหลังจากที่ฉินซูและฉงชูโม่เดินทางมาครึ่งวัน พวกเขาก็หยุดพักข้างทางอย่างเหน็ดเหนื่อยฉงชูโม่เช็ดเหงื่อบนหน้าผากของนาง และขมวดคิ้ว “อากาศแปลกจริง ๆ ถึงแม้ว่าจะเป็นสารทฤดูแล้ว แต่วันนี้ก็ยังร้อนอย่างทนมิได้”“มันค่อนข้างแปลก เมื่อวานนี้ตอนที่เราออกจากเมืองหลงเฉิง มันมิได้ร้อนถึงเพียงนี้”“มิไหวแล้ว พวกเราพักกันก่อนเถอะ ถึงแม้ว่าพวกเราจะทนไหว แต่สองม้านี่ทนมิไหวแล้ว ข้างหน้ามิไกลมีศาลาพอดี”ฉินซูพยักหน้าเล็กน้อย หลังจากควบม้าไปไกล เขาก็คิดว่าจะเข้าไปพักในศาลาในตอนนั้น เขาบังเอิญได้ยินเสียงน้ำไหลมาจากทางขวา จึงพูดว่า “ชูโม่ ทางนั้นมีเสียงน้ำไหล พวกเราไปดูกัน อากาศเช่นนี้ ไปคลายร้อนกันสักหน่อยเถอะ”ฉงชูโม่พยักหน้า แล้วก็ควบม้าไปตามฉินซู ไปตามทางเล็ก ๆหลังจากผ่านป่าไ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 78

    หลังจากตกลงไปในน้ำ ฉินซูรู้สึกว่าน้ำในลำธารเย็นมาก ความร้อนในสารทฤดูก็บรรเทาลงในทันที ความเหนื่อยล้าทั่วร่างกายก็หายไปด้วย เขาอดมิได้ที่จะดำดิ่งลงไปในน้ำทั้งตัวทันใดนั้นเขาก็พบว่า ฉงชูโม่ก็อยู่ใต้น้ำเช่นกัน ฉินซูยังคิดในใจว่า ฉงชูโม่มีความสุขมากกว่าเขา แช่ตัวในน้ำทั้งตัวสบายจริง ๆ แต่ในมิช้าเขาก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ เพราะในตอนนี้สีหน้าของฉงชูโม่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดทรมาน นางโบกมือไปมาไม่หยุดแย่แล้ว ฉงชูโม่ว่ายน้ำมิเป็น!ฉินซูมิทันได้คิดอะไรมาก รีบว่ายน้ำไปโอบร่างฉงชูโม่ไว้ จากนั้นก็ถีบขาขึ้นไปบนผิวน้ำอย่างรวดเร็วจากการคาดคะเนคร่าว ๆ บ่อน้ำแห่งนี้ลึกประมาณสิบกว่าจั้ง คนที่ว่ายน้ำมิเป็นตกลงไปในนี้ถือว่าอันตรายมากครู่ต่อมา ฉินซูและฉงชูโม่ก็โผล่หัวขึ้นมาจากใต้น้ำ“แค่ก ๆ ๆ ...”ทันทีที่โผล่ขึ้นมา ฉงชูโม่ก็สูดหายใจเข้าลึก ๆ จากนั้นก็ไออย่างรุนแรงในปากยังมีน้ำในบ่อออกมาด้วย เห็นได้ชัดว่าสำลักน้ำเข้าไปมิน้อยฉินซูถามด้วยความเป็นห่วง “เจ้ามิเป็นไรใช่หรือไม่?”เขามิพูดอะไรก็ยังดี แต่พอถามเช่นนี้ ฉงชูโม่ก็รู้สึกโกรธขึ้นมาทันทีนางทุบกำปั้นใส่ฉินซูอย่างแรง พร้อมกับบ่

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 79

    ฉงชูโม่ตกใจจนร้องเสียงหลงออกมาตอนนี้อยู่ในน้ำ ต่อให้นางจะมีพลังเหนือธรรมชาติก็มิสามารถออกแรงใช้ได้เห็นปากใหญ่ของงูยักษ์กำลังจะงับลงมา ฉินซูตะโกนทันที “สูดหายใจเข้าลึก ๆ กลั้นไว้!”ฉงชูโม่ทำตามสัญชาตญาณทันทีที่นางสูดหายใจ ฉินซูก็โอบนางแล้วดำลงไปในน้ำในเวลาเดียวกัน หัวขนาดใหญ่ของงูยักษ์ก็พุ่งลงไปในน้ำตูม!!เสียงดังสนั่น น้ำกระเซ็นไปทั่ว!ฉินซูหันกลับไปมองด้านหลัง เห็นงูยักษ์บิดตัวที่ใหญ่และยาวไล่ตามมารวดเร็วอย่างมิลดละฉงชูโม่เพิ่งจะรู้ว่า งูเหลือมตัวนี้มีขนาดที่ใหญ่มาก ขนาดใหญ่กว่าต้นขาของนางเสียอีก! และดูเหมือนว่ามันจะมีความยาวอย่างน้อยสี่หรือห้าจั้ง! สตรีมีความกลัวต่อสิ่งมีชีวิตประเภทงูโดยธรรมชาติ แม้แต่ฉงชูโม่ที่แข็งแกร่งก็ไม่มีข้อยกเว้น ในเวลานี้ นางรู้สึกขนลุกไปทั่วทั้งตัว รู้สึกเหมือนมีขุมขนลุกขึ้นทั่วร่างกาย และร่างกายของนางก็สั่นโดยมิสามารถควบคุมได้ ในเวลานี้ ฉินซูกำลังอุ้มนางและใกล้จะว่ายน้ำถึงฝั่งแล้วแต่ทันใดนั้นดวงตาของฉงชูโม่ก็หดลงอีกครั้ง นางรีบตบฉินซูอย่างรวดเร็ว และชี้ไปข้างหลังมิหยุดฉินซูหันกลับไปมองโดยมิรู้ตัว และพบว่างูยักษ์ตัวนั้นได้ว่ายน้ำ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 80

    เพียงแต่ว่านางว่ายน้ำมิเป็นเลย ครั้นลงไปในน้ำก็เหวี่ยงแขนไปมา ทว่าก็ยังคงอยู่ที่เดิม มิสามารถว่ายไปได้เลยในน้ำที่ขุ่นมัว นางเห็นราง ๆ ว่าฉินซูหันกลับมามองนางอย่างคลุมเครือจากนั้นฉินซูก็ถูกงูยักษ์ลากไปไกล จนลับหายไปจากสายตาของนางฉงชูโม่ดิ้นรนอยู่ครู่หนึ่ง ก็คลำหินที่อยู่ใต้น้ำกลับไปที่ฝั่งหลังจากลุกขึ้นจากน้ำ นางมองไปรอบ ๆ ด้วยความตื่นตระหนก“องค์รัชทายาท องค์รัชทายาท... ฉินซู ฉินซู รีบออกมาเร็ว รีบออกมาสิเพคะ!”นางกลัวจนน้ำตาคลอเบ้า ฉินซูถูกงูยักษ์ลากไปใต้น้ำ ถึงแม้ว่ายน้ำเป็น แต่ก็เป็นไปมิได้ที่เขาจะทนได้นานฉงชูโม่คิดหาวิธีอย่างร้อนใจนางคิดที่จะร้องขอความช่วยเหลือ แต่ในถิ่นทุรกันดารเช่นนี้ ต่อให้นางตะโกนสุดเสียงก็คงไม่มีใครตอบรับ“ฉินซู ท่านจะตายมิได้ หากท่านตาย หม่อมฉันจะไปบอกองค์จักรพรรดิอย่างไร จะไปบอกหลินชิงเหยาอย่างไร...”ฉงชูโม่โกรธจนควบคุมอารมณ์มิอยู่ จึงยกกระบี่ในมือขึ้นแล้วฟันไปที่ผิวน้ำหลายสิบครั้งกระบี่ที่รวดเร็วและรุนแรงตกลงไปในน้ำทีละครั้ง ทำให้น้ำกระเซ็นเป็นวงกว้างนางก็มิกล้าใช้พลังทั้งหมดด้วยเช่นกัน กลัวว่าจะเผลอไปทำร้ายฉินซูเข้าในตอนนั้นเอง นางสัง

Pinakabagong kabanata

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 618

    “ท่านแม่ทัพหู แผนนี้ยอดเยี่ยมจริง ๆ ออกจากประตูเมืองฝั่งเหนือแล้วอ้อมไปอีกหน่อย ก็ลอบโจมตีทัพหนานเยวี่ยได้เหมือนเดิม!”“ไป เร่งฝีเท้า!”ดังนั้น กองทหารของพวกเขาจึงเดินทางมายังใต้ประตูเมืองฝั่งเหนือแม่ทัพรักษาการณ์ที่นี่เห็นหูก่วงเซิงและพวก จึงไต่ถาม “ท่านแม่ทัพหู นี่พวกท่านจะทำการใด?”“ในเมืองผู้คนพลุกพล่านเกินไป พวกเราจะออกไปพักผ่อนนอกเมืองสักหน่อย วันพรุ่งพวกเราจะย้ายค่ายทหารไปตั้งไว้นอกเมืองฝั่งเหนือเช่นกัน เพื่อความสะดวกในการฝึกทหาร”เมื่อได้ยินดังนั้น ทหารรักษาการณ์ก็โบกมือให้คนเปิดประตูเมืองจะตำหนิว่าเขาประมาทเกินไปก็มิได้ ท้ายที่สุดแล้วนอกเมืองทางฝั่งเหนือยังมีทหารประจำการอยู่เป็นจำนวนมิน้อย ทหารที่เข้าออกประตูเมืองทางฝั่งเหนือจึงมีจำนวนมากเป็นทุนเดิมหลังจากที่ออกนอกเมืองได้อย่างราบรื่น หูก่วงเซิงจึงนำกองทัพทหารม้าพันนายมุ่งหน้าลงใต้!ขณะเดียวกันนอกประตูเมืองเจียวโจวทางฝั่งใต้ เงาร่างสิบกว่าร่างพุ่งออกมาจากป่าละเมาะห่างออกไปมิไกลนักพวกเขามีท่าทางคล่องแคล่ว เพียงชั่วพริบตาก็เข้าไปซุ่มซ่อนตัวอยู่ในพุ่มไม้เตี้ย ๆ ฝั่งหนึ่งหลังจากที่สังเกตการณ์บนกำแพงเมืองอยู่ครู่หน

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 617

    “ท่านแม่ทัพหู กองทัพหนานเยวี่ยแตกพ่ายในวันนี้ บัดนี้คงอกสั่นขวัญแขวนกันอยู่เป็นแน่ หากพวกเรานำทัพไปลอบโจมตี อย่างไรก็ต้องสำเร็จ! ถึงเวลานั้นหากสำเร็จ ท่านแม่ทัพใหญ่จะเอาผิดพวกเราที่ยกทัพไปโดยพลการได้อย่างไร?”ชายร่างกำยำอีกด้านกล่าวสำทับ “รองแม่ทัพหลิวกล่าวได้ถูกต้อง ท่านแม่ทัพหู พวกเราอุตส่าห์บุกป่าฝ่าดงมาถึงเจียวโจวก็มิใช่อื่นใด นอกเสียจากเพื่อสร้างความดีความชอบให้มากยิ่งขึ้นพวกเราสร้างความดีความชอบในเจียวโจวมากเท่าไร พระเกียรติของท่านอ๋องฉู่ในราชสำนักก็จะยิ่งสูงส่งมากขึ้นเท่านั้น ทุกสิ่งที่พวกเราทำ ล้วนเพื่อท่านอ๋องฉู่ทั้งสิ้น!”“ถูกต้อง พวกเราคือคนของท่านอ๋องฉู่ ท่านแม่ทัพใหญ่ย่อมมิอาจตำหนิพวกเราที่ออกรบโดยพลการได้ ท่านแม่ทัพหู ท่านรีบตัดสินใจเถิด โอกาสมิคอยท่า เวลามิหวนคืน!”“ท่านแม่ทัพหู คนขององค์รัชทายาทออกนอกเมืองไปครึ่งชั่วยามแล้ว หากพวกเรามิรีบเร่งติดตามไป เกรงว่าน้ำแกงก็มิได้ซด อย่าหวังจะได้กินเนื้อเลยขอรับ!”ด้วยคำยุยงของเหล่าผู้ใต้บังคับบัญชา ดวงตาของหูก่วงเซิงก็ค่อย ๆ แน่วแน่ขึ้น!เขาพยักหน้าหนักแน่น กล่าวเสียงทุ้มต่ำ “สั่งให้เหล่าสหายทั้งหลายเตรียมตัวให้พร้อม อีกห

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 616

    หูก่วงเซิงยกไหสุราขึ้นกระดกไปหลายอึก และแค่นเสียง “หึ ศึกที่ได้ชัยชนะในวันนี้ หากมิใช่เพราะทหารม้าหุ้มเกราะของพวกข้าบุกตะลุยอยู่แนวหน้า มีหรือกองทัพหนานเยวี่ยจะถูกสังหารจนแตกพ่ายยับเยิน?ทว่าในงานเลี้ยงฉลองชัย ท่านแม่ทัพใหญ่กลับมิเอ่ยถึงความดีความชอบของพวกข้าแม้แต่คำเดียว เอาแต่ชื่นชมองค์รัชทายาทมิขาดปากข้าสงสัยนัก องค์รัชทายาทเพียงแต่นำอาวุธที่กรมโยธาธิการประดิษฐ์ขึ้นใหม่มาด้วยเท่านั้น มีสิ่งใดน่าสรรเสริญกัน?”รองแม่ทัพที่นั่งอยู่ข้างกายเขาขมวดคิ้ว กล่าว “ท่านแม่ทัพหู ท่านว่าเช่นนี้เห็นทีจะมิถูกกระมัง อาวุธเหล่านั้นล้วนเป็นสิ่งที่องค์รัชทายาททรงออกแบบ ศึกครานี้ชนะได้ ก็เป็นเพราะพระองค์”“ใช่แล้ว อีกอย่างที่ทหารม้าหุ้มเกราะของพวกท่านบุกตะลุยกองทัพหนานเยวี่ยได้ไร้ผู้ใดขัดขวาง ก็มิใช่เป็นเพราะมีอาวุธที่องค์รัชทายาททรงออกแบบให้การคุ้มครองหรอกหรือ มิเช่นนั้นกองทัพหนานเยวี่ยจะปล่อยให้พวกท่านบุกตะลุยในแนวรบโดยมิอาจโต้ตอบได้เลยด้วยเหตุใดเล่า?”หูก่วงเซิงเผยสีหน้าดูแคลน หัวเราะเยาะ “องค์รัชทายาทที่เอาแต่เสพสุขไปวัน ๆ ไฉนจึงออกแบบอาวุธร้ายกาจถึงเพียงนี้ได้? พวกเจ้าก็ช่างหูเบากันเสียจริง ใ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 615

    หลังจากที่ฟังเขาจนจบ ฉงชูโม่ขมวดคิ้วถาม “แผนการของท่านดีก็จริง ทว่าหากพวกมันมิมาในคืนนี้เล่า?”“คืนนี้พวกเราจัดงานเลี้ยงฉลองชัย พวกมันต้องปักใจเชื่อว่ากำลังป้องกันเมืองของพวกเราหย่อนยาน คืนนี้หากพวกมันมิลงมือ ภายหน้าคงไม่มีโอกาสดีเช่นนี้อีกแล้ว ดังนั้นคืนนี้พวกมันต้องลงมือเป็นแน่”“เช่นนั้นก็ได้ ทำตามที่ท่านว่าก็แล้วกันเพคะ!”ฉินซูพยักหน้าเล็กน้อย แล้วกล่าวต่อ “อีกอย่าง คืนนี้เจ้าจงส่งทหารสองกองไปซุ่มอยู่หลินสุ่ยและเซี่ยอ้าว เมื่อทัพใหญ่หนานเยวี่ยปรากฏกาย จงปล่อยให้พวกมันเข้ามา รอจนกระทั่งเสียงฆ่าฟันนอกเมืองดังขึ้นค่อยตลบหลังโจมตีกองทัพหนานเยวี่ย จากนั้นจึงเข้าตีกระหนาบหน้าหลัง กวาดล้างพวกมันในคราเดียว!”ฉงชูโม่ถามอย่างตกตะลึง “ท่านคิดว่าคืนนี้พวกหนานเยวี่ยจะบุกโจมตีด้วยทัพใหญ่หรือเพคะ?”“พูดได้แต่เพียงมีความเป็นไปได้สูงนัก”“หม่อมฉันว่ามีความเป็นไปได้น้อย เนื่องจากเติ้งหม่างเพิ่งประสบความพ่ายแพ้ในวันนี้ ซ้ำร้ายทหารใต้บัญชาของเขายังหวาดหวั่นเกรงกลัวธนูทดกำลังและระเบิดสายฟ้าของพวกเราจนหัวหด หากยังมิล่วงรู้ว่าพวกเรามีธนูทดกำลังและระเบิดสายฟ้าเหลืออยู่มากน้อยเพียงใด พวกมันคงมิกล้าผล

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 614

    ฉินซูหัวเราะแห้ง ๆ แล้วกล่าวติดตลก “ข้าแค่กังวลว่าเจ้าจะหึงหวงข้า”ฉงชูโม่ถ่มน้ำลาย “ถุย ใครจะหึงท่านกัน อย่าได้หลงตัวเองไปหน่อยเลย!”“อะแฮ่ม ๆ เรื่องนั้นช่างมันเถิด ที่จริงข้ามีธุระสำคัญ...”ฉงชูโม่ขัดขึ้นมาเสียก่อน “มีกระไรก็รีบว่ามา อย่ามัวอ้อมค้อม”ฉินซูปรับสีหน้าให้เคร่งขรึม แล้วเอ่ยถาม “วันนี้ที่พวกเรามีชัยเหนือแคว้นหนานเยวี่ย ในความเห็นของเจ้า พวกมันจะทำอย่างไรต่อไป?”“ชัยชนะในวันนี้ ต้องยกความดีความชอบให้กับพลานุภาพของธนูทดกำลังและระเบิดสายฟ้า กองทัพหนานเยวี่ยประสบความพ่ายแพ้ย่อยยับถึงเพียงนี้ หากหม่อมฉันเป็นเติ้งหม่าง คงต้องหาทางนำอาวุธทั้งสองชนิดนี้ไปให้ได้!”เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฉินซูจึงอดมิได้ที่จะมองนางด้วยสายตาชื่นชมสมแล้วที่ฉงชูโม่เป็นแม่ทัพขั้นหนึ่งที่มากล้นด้วยสติปัญญาและความกล้าหาญ สามารถเดาใจศัตรูได้ล่วงหน้าเช่นนี้“เมื่อรู้ถึงเจตนาของเติ้งหม่างผู้นั้นแล้ว เราควรจะลองมาล่อเสือออกจากถ้ำดูสักครา”“ตรัสเช่นนี้ แสดงว่าท่านทรงคิดแผนการรับมือไว้แล้วหรือ?”ฉงชูโม่เอี้ยวศีรษะมองฉินซู ดวงตาคู่งามกระจ่างใสนั้นเต็มไปด้วยความประหลาดใจหางตาฉินซูเหลือบมองอ่างอาบน้ำโดยม

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 613

    “ใช่แล้วพ่ะย่ะค่ะ องค์รัชทายาท ขอพระองค์โปรดเมตตา”ทั้งสองกล่าวพร้อมคุกเข่าลงต่อหน้าฉินซูฉินซูจนปัญญา จึงตะโกนเข้าไปในกระโจม “ชูโม่ ให้ข้าเข้าไปเถิด ข้าขออธิบายให้เจ้าฟังดี ๆ มิได้หรือ?”ทว่าข้างในกลับไร้เสียงตอบรับฉินซูยังคงมิยอมแพ้ กล่าวต่อไป “ชูโม่ เจ้าอย่าหึงหวงนักเลย อย่างน้อยก็ให้ข้าอธิบายสักหน่อยเถิด”เมื่อได้ยินถ้อยคำเหล่านั้น ทหารยามทั้งสองก็อดมิได้ที่จะสบตากัน!ให้ตายสิ ท่านแม่ทัพใหญ่กับองค์รัชทายาทมีความสัมพันธ์ช่างลึกซึ้งเกินคาด!!สีหน้าของพวกเขาทั้งสองฉายแววตกตะลึง ราวกับได้รับข่าวเด็ดข่าวใหญ่ฉินซูเกลี้ยกล่อมอีกสองสามประโยค ทว่าในกระโจมก็ยังคงไร้เสียงตอบรับเมื่อเห็นดังนั้น ฉินซูจึงหันไปถามทหารยามทั้งสอง “ชูโม่อยู่ข้างในจริง ๆ หรือ?”“พ่ะย่ะค่ะองค์รัชทายาท ท่านแม่ทัพใหญ่เข้าไปแล้วก็ยังมิได้ออกมาเลยพ่ะย่ะค่ะ”“ไม่มีประตูด้านหลังใช่หรือไม่?”“ไม่มีพ่ะย่ะค่ะ”“มิได้การ ชูโม่อาจจะเป็นกระไรไปแล้วก็ได้!”กล่าวถึงตรงนี้ ฉินซูจึงตะโกนเข้าไปด้านใน “ชูโม่ ข้าจะเข้าไปแล้วนะ”ขณะที่ฉินซูกำลังจะก้าวเท้าเข้าไป ทหารยามทั้งสองก็รีบร้องทัดทาน “มิได้พ่ะย่ะค่ะองค์รัชทายาท ห

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 612

    ขณะเดียวกันกองหนุนทัพหนานเยวี่ยภายในค่ายทหารแม่ทัพนายกองทั้งหลายต่างจับจ้องไปยังบุรุษบนที่นั่งหัวโต๊ะด้วยใจระทึกบุรุษผู้นั้นสวมชุดเกราะสีเงินยวง ร่างกายสูงใหญ่ผึ่งผาย!เขาคือแม่ทัพใหญ่แห่งกองทัพหนานเยวี่ย เติ้งหม่าง!สายตาเย็นเยียบของเขากวาดมองไปยังกลุ่มคนทีละคน สุดท้ายจับจ้องที่แม่ทัพน้อยหม่า“หม่าเวย เจ้าสำนึกผิดหรือไม่?”หม่าเวยรีบคุกเข่าลงข้างหนึ่ง กล่าวด้วยสีหน้าขมขื่น “ท่านแม่ทัพใหญ่ ข้าน้อยสำนึกผิดแล้ว ทว่าอาวุธของต้าเหยียนคราวนี้ร้ายกาจเหลือเกิน โล่เกราะหวายของพวกเราเมื่อเผชิญกับลูกธนูของพวกมันก็มิต่างกระไรจากดินเหนียว ยิงคราเดียวก็ทะลุง่ายดาย!”“ใช่แล้วท่านแม่ทัพใหญ่ โล่เกราะหวายที่พวกเราเคยภาคภูมิใจนักหนา บัดนี้มิอาจหวังพึ่งได้อีกแล้วขอรับ”“มิเพียงเท่านั้น ทางต้าเหยียนยังใช้อาวุธเพลิงร้ายกาจชนิดหนึ่ง ของสิ่งนั้นอานุภาพร้ายแรงยิ่งนัก ทหารมิใช่น้อยถูกระเบิดจนร่างแหลกมิเหลือชิ้นดีเลยขอรับ”เมื่อกล่าวถึงระเบิดเพลิง หลายคนยังคงหวาดผวาเติ้งหม่างขมวดคิ้วมุ่น และกล่าวพึมพำ “กองทหารรักษาการณ์เจียวโจวถูกพวกเราโจมตีมาเกือบเดือน บัดนี้จู่ ๆ กลับปรากฏอาวุธร้ายกาจถึงเพียงนี

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 611

    วาจาล้ำสมัยปานนี้ ตี๋จิ่งผู้นี้คิดได้อย่างไร?มู่หรงจื่อเยียนเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง “ฉินซู ท่านมิเป็นกระไรใช่หรือไม่?”“มิเป็นกระไร ไปเถิด”ขณะมองตามสองร่างหายลับไปจากสายตา สหายของตี๋จิ่งก็อดมิได้ที่จะหวั่นวิตกชายร่างกำยำผู้หนึ่งเอ่ยถาม “พี่ตี๋ แล้วเราจะทำอย่างไรกันดี?”“หรือว่าพวกเราฟาดหัวองค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียนให้สลบ แล้วลักพาตัวกลับเป่ยเยี่ยนดี?”“นั่นสิ หากเป็นเช่นนั้น ท่านหญิงจะได้ตามพวกเรากลับเป่ยเยี่ยนเสียที”ตี๋จิ่งโบกมือ และกล่าวว่า “มิได้ อย่าว่าแต่ท่านหญิงจะยอมให้เราทำหรือไม่เลย ลำพังแค่พวกทหารต้าเหยียนที่ยั้วเยี้ยไปทั่ว พวกเราก็มิมีทางทำสำเร็จแล้ว!”“ก็จริงดังว่า แล้วพวกเราจะทำอย่างไรเล่า?”“เฝ้าสังเกตการณ์ไปก่อน อารักขาความปลอดภัยท่านหญิงให้ดี”“ขอรับ”พวกเขาปรึกษาหารือกันครู่หนึ่ง จากนั้นก็ติดตามไปที่พักของฉินซูถูกจัดสรรให้อยู่ในโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่งใกล้กับประตูเมืองทางทิศเหนือที่นี่ห่างจากประตูเมืองทิศใต้ประมาณเจ็ดแปดลี้ จึงมิต้องกังวลว่าจะถูกผลกระทบจากไฟสงครามเมื่อเข้าสู่โรงเตี๊ยมและปิดประตูลง มู่หรงจื่อเยียนก็อดรนทนรอมิไหว โผเข้ากอดคอฉินซู นางเขย่งปลา

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 610

    ฉินซูเองก็ประหลาดใจมิต่างกัน เมื่อเห็นสายตาของฉงชูโม่ เขาก็รู้สึกจนปัญญาในใจลอบคิดว่าคนที่มาหาตนนั้นจะเป็นใครกันแน่หรือจะเป็นเซี่ยหลาน หรือว่าหลินชิงเหยา?แต่เมื่อคิดดูอีกทีก็รู้สึกว่าเป็นไปมิได้ เพราะทั้งสองคนเคยรับปากตนว่าจะคอยเขากลับไปอยู่ที่ตำหนักบูรพาเมื่อเห็นฉินซูเงียบไปมิพูดจา ฉงชูโม่ก็กล่าวด้วยรอยยิ้มคลุมเครือ "ฉินซู ดูเหมือนว่าช่วงเวลาที่หม่อมฉันมิอยู่ในเมืองหลวง พระองค์จะสำราญบานใจมิน้อยเลยกระมังเพคะ!"ฉินซูกล่าวอย่างใจเย็น "ข้าเปล่านะ""เปล่าหรือ? แล้วสตรีที่อยู่ข้างนอกนั่นเป็นใครกัน?""ข้าจะไปรู้ได้อย่างไร อาจจะเป็นเรื่องเข้าใจผิดก็ได้""คนผู้นั้นระบุชื่อเจาะจงว่าจะมาพบองค์รัชทายาท จะเป็นเรื่องเข้าใจผิดได้อย่างไร ไปเถิด ไปดูกันดีกว่าว่าอีกฝ่ายเป็นใครมาจากที่ใด"เมื่อฉงชูโม่กล่าวจบก็เดินนำออกจากกระโจมบัญชาการไปก่อนฉินซูเดินตามไปด้วยความกระวนกระวายใจเดินไปได้มิไกล ฉินซูก็ถึงกับชะงักเท้าอยู่กับที่ จ้องมองหญิงงามที่อยู่เบื้องหน้ามิไกลอย่างเหม่อลอยเมื่อฉงชูโม่เห็นคนผู้นี้ ก็ขมวดคิ้วถาม "มู่หรงจื่อเยียน? ท่านเป็นถึงท่านหญิงแห่งเป่ยเยี่ยน มายังสนามรบต้าเหยียนด้วย

Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status