มู่หรงเซี่ยวเทียนโบกมือแล้วพูดว่า “จื่อชิน มิต้องมากพิธี เรื่องที่องค์ชายห้าถูกกักบริเวณในแคว้นต้าเหยียน เจ้าเคยได้ยินหรือไม่?”หนานกงจื่อชินพยักหน้า “กราบทูลองค์จักรพรรดิ เรื่องนี้พวกเราที่หอดารารักษ์ได้ยินมาหมดแล้ว อาจารย์และเหล่าผู้อาวุโสต่างก็โกรธแค้นมากพ่ะย่ะค่ะ”“ดีมาก ข้าขอสั่งให้เจ้าไปยังแคว้นต้าเหยียน โดยอ้างว่าไปคารวะท่านขงจื๊อเพื่อลอบเข้าเมืองหลวงของต้าเหยียน แล้วหาโอกาสช่วยองค์ชายห้ากลับมา!”“จื่อชินรับพระบัญชาพ่ะย่ะค่ะ!”หนานกงจื่อชินโค้งคำนับแล้วกำลังจะถอยออกไปทันใดนั้น ขุนนางระดับสูงคนหนึ่งก็เตือนว่า “องค์จักรพรรดิ จักรพรรดิต้าเหยียนจู่ ๆ ก็เรียกเหล่าบัณฑิตทั่วแคว้นต้าเหยียนให้มารวมตัวกันที่เมืองหลงเฉิง การคารวะท่านขงจื๊อเป็นเพียงข้ออ้าง จุดประสงค์ที่แท้จริงต้องเป็นการคัดเลือกผู้มีความสามารถจากเหล่าบัณฑิตเพื่อไปเข้าร่วมการประลองทางปัญญา ในการประชุมระหว่างแคว้นในอีกมิกี่เดือนข้างหน้านี้พ่ะย่ะค่ะ!”“เจ้าเมืองโจวพูดถูก องค์ชายฉินอู๋ต้าวคงต้องคิดแผนเช่นนี้เป็นแน่ เมื่อเป็นเช่นนี้ เราต้องแสดงให้พวกเขารู้ถึงความแตกต่างระหว่างแคว้นต้าเหยียนกับแคว้นเป่ยเยี่ยนของเราพ่ะย่ะค
เขามิกล้าฝ่าฝืนคำสั่งของอาจารย์ ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงฝังความรักนี้ไว้ในใจอย่างจนใจตอนนี้เขาสามารถอยู่กับมู่หรงจื่อเยียนได้ทุกวัน แม้ว่าเขาจะมิพูดอะไรออกมา แต่ในใจเขาก็มีความสุขมากแล้วส่วนอาจารย์ หากรู้ก็มิเป็นไร เพราะองค์จักรพรรดิทรงอนุญาตแล้ว ก็โทษเขามิได้ด้วยวิธีนี้ พวกเขาก็ออกเดินทางไปด้วยกัน……อีกด้านหนึ่งหลังจากที่ฉินซูและฉงชูโม่เดินทางมาครึ่งวัน พวกเขาก็หยุดพักข้างทางอย่างเหน็ดเหนื่อยฉงชูโม่เช็ดเหงื่อบนหน้าผากของนาง และขมวดคิ้ว “อากาศแปลกจริง ๆ ถึงแม้ว่าจะเป็นสารทฤดูแล้ว แต่วันนี้ก็ยังร้อนอย่างทนมิได้”“มันค่อนข้างแปลก เมื่อวานนี้ตอนที่เราออกจากเมืองหลงเฉิง มันมิได้ร้อนถึงเพียงนี้”“มิไหวแล้ว พวกเราพักกันก่อนเถอะ ถึงแม้ว่าพวกเราจะทนไหว แต่สองม้านี่ทนมิไหวแล้ว ข้างหน้ามิไกลมีศาลาพอดี”ฉินซูพยักหน้าเล็กน้อย หลังจากควบม้าไปไกล เขาก็คิดว่าจะเข้าไปพักในศาลาในตอนนั้น เขาบังเอิญได้ยินเสียงน้ำไหลมาจากทางขวา จึงพูดว่า “ชูโม่ ทางนั้นมีเสียงน้ำไหล พวกเราไปดูกัน อากาศเช่นนี้ ไปคลายร้อนกันสักหน่อยเถอะ”ฉงชูโม่พยักหน้า แล้วก็ควบม้าไปตามฉินซู ไปตามทางเล็ก ๆหลังจากผ่านป่าไ
หลังจากตกลงไปในน้ำ ฉินซูรู้สึกว่าน้ำในลำธารเย็นมาก ความร้อนในสารทฤดูก็บรรเทาลงในทันที ความเหนื่อยล้าทั่วร่างกายก็หายไปด้วย เขาอดมิได้ที่จะดำดิ่งลงไปในน้ำทั้งตัวทันใดนั้นเขาก็พบว่า ฉงชูโม่ก็อยู่ใต้น้ำเช่นกัน ฉินซูยังคิดในใจว่า ฉงชูโม่มีความสุขมากกว่าเขา แช่ตัวในน้ำทั้งตัวสบายจริง ๆ แต่ในมิช้าเขาก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ เพราะในตอนนี้สีหน้าของฉงชูโม่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดทรมาน นางโบกมือไปมาไม่หยุดแย่แล้ว ฉงชูโม่ว่ายน้ำมิเป็น!ฉินซูมิทันได้คิดอะไรมาก รีบว่ายน้ำไปโอบร่างฉงชูโม่ไว้ จากนั้นก็ถีบขาขึ้นไปบนผิวน้ำอย่างรวดเร็วจากการคาดคะเนคร่าว ๆ บ่อน้ำแห่งนี้ลึกประมาณสิบกว่าจั้ง คนที่ว่ายน้ำมิเป็นตกลงไปในนี้ถือว่าอันตรายมากครู่ต่อมา ฉินซูและฉงชูโม่ก็โผล่หัวขึ้นมาจากใต้น้ำ“แค่ก ๆ ๆ ...”ทันทีที่โผล่ขึ้นมา ฉงชูโม่ก็สูดหายใจเข้าลึก ๆ จากนั้นก็ไออย่างรุนแรงในปากยังมีน้ำในบ่อออกมาด้วย เห็นได้ชัดว่าสำลักน้ำเข้าไปมิน้อยฉินซูถามด้วยความเป็นห่วง “เจ้ามิเป็นไรใช่หรือไม่?”เขามิพูดอะไรก็ยังดี แต่พอถามเช่นนี้ ฉงชูโม่ก็รู้สึกโกรธขึ้นมาทันทีนางทุบกำปั้นใส่ฉินซูอย่างแรง พร้อมกับบ่
ฉงชูโม่ตกใจจนร้องเสียงหลงออกมาตอนนี้อยู่ในน้ำ ต่อให้นางจะมีพลังเหนือธรรมชาติก็มิสามารถออกแรงใช้ได้เห็นปากใหญ่ของงูยักษ์กำลังจะงับลงมา ฉินซูตะโกนทันที “สูดหายใจเข้าลึก ๆ กลั้นไว้!”ฉงชูโม่ทำตามสัญชาตญาณทันทีที่นางสูดหายใจ ฉินซูก็โอบนางแล้วดำลงไปในน้ำในเวลาเดียวกัน หัวขนาดใหญ่ของงูยักษ์ก็พุ่งลงไปในน้ำตูม!!เสียงดังสนั่น น้ำกระเซ็นไปทั่ว!ฉินซูหันกลับไปมองด้านหลัง เห็นงูยักษ์บิดตัวที่ใหญ่และยาวไล่ตามมารวดเร็วอย่างมิลดละฉงชูโม่เพิ่งจะรู้ว่า งูเหลือมตัวนี้มีขนาดที่ใหญ่มาก ขนาดใหญ่กว่าต้นขาของนางเสียอีก! และดูเหมือนว่ามันจะมีความยาวอย่างน้อยสี่หรือห้าจั้ง! สตรีมีความกลัวต่อสิ่งมีชีวิตประเภทงูโดยธรรมชาติ แม้แต่ฉงชูโม่ที่แข็งแกร่งก็ไม่มีข้อยกเว้น ในเวลานี้ นางรู้สึกขนลุกไปทั่วทั้งตัว รู้สึกเหมือนมีขุมขนลุกขึ้นทั่วร่างกาย และร่างกายของนางก็สั่นโดยมิสามารถควบคุมได้ ในเวลานี้ ฉินซูกำลังอุ้มนางและใกล้จะว่ายน้ำถึงฝั่งแล้วแต่ทันใดนั้นดวงตาของฉงชูโม่ก็หดลงอีกครั้ง นางรีบตบฉินซูอย่างรวดเร็ว และชี้ไปข้างหลังมิหยุดฉินซูหันกลับไปมองโดยมิรู้ตัว และพบว่างูยักษ์ตัวนั้นได้ว่ายน้ำ
เพียงแต่ว่านางว่ายน้ำมิเป็นเลย ครั้นลงไปในน้ำก็เหวี่ยงแขนไปมา ทว่าก็ยังคงอยู่ที่เดิม มิสามารถว่ายไปได้เลยในน้ำที่ขุ่นมัว นางเห็นราง ๆ ว่าฉินซูหันกลับมามองนางอย่างคลุมเครือจากนั้นฉินซูก็ถูกงูยักษ์ลากไปไกล จนลับหายไปจากสายตาของนางฉงชูโม่ดิ้นรนอยู่ครู่หนึ่ง ก็คลำหินที่อยู่ใต้น้ำกลับไปที่ฝั่งหลังจากลุกขึ้นจากน้ำ นางมองไปรอบ ๆ ด้วยความตื่นตระหนก“องค์รัชทายาท องค์รัชทายาท... ฉินซู ฉินซู รีบออกมาเร็ว รีบออกมาสิเพคะ!”นางกลัวจนน้ำตาคลอเบ้า ฉินซูถูกงูยักษ์ลากไปใต้น้ำ ถึงแม้ว่ายน้ำเป็น แต่ก็เป็นไปมิได้ที่เขาจะทนได้นานฉงชูโม่คิดหาวิธีอย่างร้อนใจนางคิดที่จะร้องขอความช่วยเหลือ แต่ในถิ่นทุรกันดารเช่นนี้ ต่อให้นางตะโกนสุดเสียงก็คงไม่มีใครตอบรับ“ฉินซู ท่านจะตายมิได้ หากท่านตาย หม่อมฉันจะไปบอกองค์จักรพรรดิอย่างไร จะไปบอกหลินชิงเหยาอย่างไร...”ฉงชูโม่โกรธจนควบคุมอารมณ์มิอยู่ จึงยกกระบี่ในมือขึ้นแล้วฟันไปที่ผิวน้ำหลายสิบครั้งกระบี่ที่รวดเร็วและรุนแรงตกลงไปในน้ำทีละครั้ง ทำให้น้ำกระเซ็นเป็นวงกว้างนางก็มิกล้าใช้พลังทั้งหมดด้วยเช่นกัน กลัวว่าจะเผลอไปทำร้ายฉินซูเข้าในตอนนั้นเอง นางสัง
ฉินซูพูดต่อว่า “โชคดีที่เก็บกริชนี้ได้ มิเช่นนั้นข้าคงต้องกลายเป็นอาหารในท้องของเจ้ายักษ์นี่เป็นแน่”“เมื่อครู่นี้ท่านทำให้หม่อมฉันตกใจแทบแย่ หม่อมฉันคิดว่าท่าน...”“คิดว่าข้าถูกมันกินไปแล้วรึ? มิต้องห่วง ข้าหนังเหนียวมาก สัตว์ร้ายตัวนี้ทำอะไรข้ามิได้หรอก แต่ว่าเมื่อครู่นี้เจ้าร้องไห้ด้วยเหตุใดเล่า?”เห็นฉินซูพูดเรื่องที่มิควรพูด ฉงชูโม่จึงจ้องเขาด้วยความโกรธ “หม่อมฉันก็แค่คิดว่าท่านถูกงูยักษ์กินไปแล้ว หากท่านสิ้นพระชนม์ไป องค์จักรพรรดิจะทรงไว้ชีวิตหม่อมฉันหรือ? แล้วคนรักเก่าของท่านก็คงจะมาเอาเรื่องหม่อมฉันด้วย” “อ้อ ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้นี่เอง ข้ายังคิดว่า…”“ฮึ่ม ก็แค่นี้แหละ ท่านยังคิดว่าอะไรอีกเล่า?”“ไม่มีอะไร มาช่วยกันหน่อย ถลกหนังงูออก เนื้องูนี่เป็นของบำรุงชั้นดีเลย ย่างกินอร่อยกรุบเชียว!”หลังจากพูดจบ ฉินซูก็ใช้กริชตัดหัวงูเหลือมตัวใหญ่ออกอย่างมิลังเล จากนั้นก็โยนหัวงูลงไปในสระน้ำทันที แล้วเขาก็เริ่มลอกหนังงูเมื่อเห็นดังนั้น คิ้วของฉงชูโม่ก็ขมวดเล็กน้อย นางรู้สึกต้านทานในใจเล็กน้อย และรู้สึกคลื่นไส้อีกด้วยฉินซูสังเกตเห็นความผิดปกติของนาง จึงพูดอย่างประหลาดใจว่า “มิ
ในที่สุด ฉินซูก็ถามด้วยความขุ่นเคืองว่า “ฉงชูโม่ เจ้าวางแผนต่อต้านข้าอยู่ใช่หรือไม่?”“ท่านเป็นคนบอกว่าจะมอบมันให้หม่อมฉันเอง ท่านเป็นถึงองค์รัชทายาท จะกลับคำพูดมิได้กระมัง”“ก็ได้ มอบให้เจ้าก็มอบให้เจ้า ข้าก็มิได้ใช้มันอยู่แล้ว” ฉินซูมิได้ใส่ใจนัก อาวุธเป็นสิ่งที่เขามิเดือดร้อนว่าจะมีหรือไม่มีฉงชูโม่ดีใจจนเนื้อเต้น อยากจะเก็บกริชเข้าฝักฉินซูพูดอย่างมิสบอารมณ์ว่า “ข้าบอกว่าจะมอบให้เจ้าแล้ว เจ้าจะรีบเก็บมันไปหาปะไรเล่า รีบถลกหนังงูออกมาก่อนสิ นี่เป็นของดี หากเอามาเย็บเป็นชุดเกราะ เจ้าจะได้อยู่ยงคงกระพันในสนามรบเลยทีเดียว”ฉงชูโม่คิดว่าตัวเองฟังผิด ถามด้วยความประหลาดใจว่า “องค์รัชทายาท ท่านหมายความว่า จะให้หม่อมฉันนำหนังงูนี้ไปทำชุดเกราะงั้นหรือ?”“ใช่แล้ว ดาบธรรมดามิสามารถตัดผ่านได้เลย หนังงูนี้มีการป้องกันที่แข็งแกร่งมาก เหมาะที่จะนำมาทำเป็นชุดเกราะชั้นใน เมื่อถึงตอนนั้น เวลาที่เจ้าสวมมันออกไปต่อสู้ ก็จะไม่มีอาวุธใดทำอันตรายเจ้าได้ พวกศัตรูเห็นเข้า ก็คงจะกลัวจนหนีกระเจิงไปเลย”ในใจของฉงชูโม่รู้สึกอบอุ่นขึ้นมาทันทีนางมิเคยคิดเลยว่า ฉินซูจะใจกว้างกับนางมากถึงเพียงนี้กริชที
ฉงชูโม่มองไปยังถ้ำที่อยู่อีกฟากหนึ่งของบ่อน้ำ แล้วกล่าวเตือนว่า “หากท่านกล้าแอบดู หม่อมฉันสาบานว่าจะควักลูกตาของท่านออกมา!”หลังจากพูดจบ นางก็แกะห่อผ้าออกจากอานม้าแล้วเดินไปยังถ้ำฉินซูยังคงย่างเนื้องูต่อไปหลังจากที่ฉงชูโม่มาถึงถ้ำ นางก็จุดตะบันไฟไฟขึ้นมาจากนั้นก็สังเกตเห็นว่า ถ้ำนี้มิได้ลึกมาก และภายในก็เต็มไปด้วยผนังหินที่เรียบลื่น มองเห็นได้ชัดเจน มิต้องกังวลว่าจะมีแมงมุม หรือสัตว์เลื้อยคลานใด ๆนางมองออกไปนอกถ้ำ เห็นฉินซูยังคงย่างเนื้องูอยู่ตรงนั้น นางจึงหยิบอาภรณ์ออกมาจากห่อผ้าและเปลี่ยนชุดหลังจากเปลี่ยนเสร็จ นางกำลังจะออกไปแต่ในขณะนั้น หางตาของนางก็เหมือนจะเห็นอะไรบางอย่างดังนั้นนางจึงหันไปมองโดยมิรู้ตัว และพบว่ามีไข่ขนาดเท่ากำปั้นอยู่ในมุมของถ้ำ!“ไข่นกใหญ่ถึงเพียงนี้เชียวหรือ?”ขณะที่นางกำลังประหลาดใจ นางก็เอาไข่ไปด้วยเมื่อกลับไปที่ข้าง ๆ ฉินซู นางก็พูดว่า “หม่อมฉันเจอไข่นกในถ้ำ ท่านอยากจะย่างเสวยหรือไม่?”พูดไปก็หยิบไข่ออกมาฉินซูมองดู แล้วมีความรู้สึกประหลาดใจ“ไข่นก? แถวนี้ไม่มีนกกระจอกเทศ ไข่นกใหญ่ขนาดนี้มาจากที่ใดกัน?”“นกกระจอกเทศ? นกอะไรหรือ?” ฉงชูโม