Share

บทที่ 462

Author: ใบไม้ร่วงในเมืองร้าง
ดวงตางดงามของมู่หรงจื่อเยียนเป็นประกาย นางยินดีแทนฉินซูด้วยใจจริง

ในความเห็นของนาง หากผู้มีพรสวรรค์ยอดเยี่ยมเช่นฉินซูสามารถบรรลุเคล็ดวิชาที่ลึกซึ้งเช่นนี้ได้ จะต้องกลายเป็นเสือติดปีกแน่ และจะผู้เลิศทั้งศาสตร์บุ๋นและบู๊อย่างแท้จริง

ฉินซูเก็บม้วนหยกจารึกอย่างระมัดระวัง จากนั้นจึงพามู่หรงจื่อเยียนเดินไปยังทางออก

ด้านนอกทางออกมีหน้าผาอีกแห่งหนึ่ง

เนื่องจากแสงจากทางออกสว่างจ้าเกินไป มู่หรงจื่อเยียนจึงมิได้สังเกตเห็นว่ามีหุบเหวอยู่ใต้ฝ่าเท้าของนางเลยแม้แต่น้อย!

ต้องขอบคุณมือและดวงตาที่ว่องไวของฉินซู จึงสามารถดึงนางกลับมาได้

เมื่อมองไปที่เหวลึกนั้น มู่หรงจื่อเยียนก็แอบรำพึงในใจว่า เกือบไปแล้ว นางตกใจจนเหงื่อเย็นชุ่มร่าง

หลังจากตั้งสติได้แล้ว นางก็พูดด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจ "สถานที่ที่เราอยู่ตอนนี้ก็เป็นเหวลึก แต่บัดนี้กลับมีเหวลึกอยู่ใต้เท้าของเราอีก ภูมิแคว้นที่นี่แปลกประหลาดเกินไปแล้ว"

ฉินซูก้มมองลงไป เห็นหุบเหวขนาดใหญ่ที่มีรอยแยกเป็นเส้นยาวอยู่ใต้หน้าผา!

หุบเหวนั้นด้านบนกว้างด้านล่างแคบ โดยที่ผนังทั้งสองด้านนั้นเรียบผิดปกติ ทอดยาวจากตะวันออกไปยังตะวันตก

เขามองอย่างละ
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter

Related chapters

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 463

    เมื่อนั้นนางจึงพบว่า ตนและฉินซูได้ออกจากเส้นทางหน้าผาแคบ ๆ นั้นแล้ว และยืนอยู่บนทุ่งหญ้าราบเรียบหลังจากยืนยันว่าพ้นภัยแล้ว มู่หรงจื่อเยียนก็ถอนหายใจยาว“ไปเถอะ ตามทางนี้ เราน่าจะกลับไปยังถนนหลวงได้”ฉินซูจับมือมู่หรงจื่อเยียน แล้วเดินเข้าไปในป่าหลังจากเดินผ่านป่าเล็ก ๆ ไปพวกเขาก็กลับเข้าถนนสายหลักได้สำเร็จขณะนั้นผู้คนที่สัญจรบนถนนหลวงต่างชะงักไปเล็กน้อย เมื่อเห็นชายและหญิงคู่หนึ่งโผล่ออกมาจากป่าในกลุ่มนั้นมีชายหนุ่มบางคนที่มีลักษณะมิน่าไว้วางใจ เมื่อเห็นใบหน้างดงามของมู่หรงจื่อเยียน ก็เกิดความคิดมิดีขึ้นทันที!พวกเขาถูมือและเดินเข้าไปพร้อมกับรอยยิ้มที่ชั่วร้ายบนใบหน้าเมื่อเห็นท่าทางที่มุ่งร้ายของพวกเขา มู่หรงจื่อเยียนจึงหลบอยู่ด้านหลังฉินซูอย่างหวาด ๆฉินซูหรี่ตามองพิจารณาคนเหล่านั้นเล็กน้อย เขาเอ่ยถามอย่างสบาย ๆ "พวกเจ้าทั้งหลาย คิดจะทำอะไร?"“เจ้าหนู ไสหัวไปซะ มิอย่างนั้นอย่าหาว่าพวกข้ามิเกรงใจ!”“ถูกต้อง ถ้ามิอยากตาย ก็ส่งสาวน้อยมากเสน่ห์คนนี้มาให้เราแต่โดยดี มิเช่นนั้นก็อย่าหาว่าพวกเราโหดเหี้ยมไร้ปรานี!"พวกเขาทำหน้าตาน่ากลัวราวกับปีศาจ พยายามข่มขู่ฉินซูให้ล่าถอย

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 464

    เป่ยเยี่ยน บริเวณใกล้เขตพระราชสถานส่วนนอก มีอาคารสูงตระหง่านกว่ายี่สิบจั้งตั้งอยู๋เหนือประตูใหญ่แขวนแผ่นป้ายที่จักรพรรดิเป่ยเยี่ยนประทานให้ บนป้ายแกะสลักตัวอักษรใหญ่ที่งดงามและทรงพลัง ‘หอดารารักษ์’ในขณะนั้น ภายในเรือนปีกข้างของหอดารารักษ์ มีชายชราในชุดเต๋ากำลังนั่งสมาธิฝึกจิตเพียงเห็นเขามีผมขาวดั่งนกกระเรียน แต่ใบหน้ายังดูอ่อนเยาว์ รอบกายมีหมอกบางเบาปกคลุม ท่าทางดูราวกับเซียนสิ่งนี้เกิดจากพลังลมปราณที่แผ่ออกมา แสดงให้เห็นถึงความลึกซึ้งและแข็งแกร่งของกำลังภายในของเขาได้อย่างชัดเจนเขาคือหนึ่งในแปดผู้อาวุโสของหอดารารักษ์ มีนามว่าซือคงเหยียนหนานกงจื่อชินก็คือศิษย์เอกของเขา!ในขณะนั้นเอง ชายหนุ่มในชุดขาวผู้มีสีหน้าหวาดหวั่นได้เดินเข้ามาและโค้งคำนับต่อซือคงเหยียนอย่างนอบน้อม“ท่านผู้อาวุโสซือคง ท่านเจ้าสำนักเชิญท่านไปที่หอวิญญาณขอรับ”หมอกบางรอบกายซือคงเหยียนพลันเคลื่อนไหว มันก็แทรกซึมกลับเข้าไปในร่างของเขาเขาค่อย ๆ ลืมตาขึ้น ดวงตาอันลึกล้ำส่องประกายแสงพุ่งออกมาวูบหนึ่ง!จากนั้นเขาก็เหลือบมองชายหนุ่มในชุดขาวและถามด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ "เหตุใดเจ้าสำนักจึงเรียกข้าให้ไปที่หอวิญญ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 465

    ซ่างกวนอวิ๋นซีโบกเรียวงามเบา ๆ ทันใดนั้นจี้หยกขาวก็ตกลงในมือของซือคงเหยียนจี้หยกนี้ดูเรียบง่ายมาก และเต็มไปด้วยอักขระลึกลับล้ำลึก ซึ่งมองดูเพียงครั้งเดียวก็รู้ได้ทันทีว่ามิใช่ของธรรมดาซือคงเหยียนตื่นเต้นจนมือสั่น เขารีบเก็บจี้หยกเข้าไปในอกเสื้อของเขาอย่างระมัดระวังจากนั้นเขาก็โค้งคำนับด้วยความซาบซึ้ง กล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ "ขอบคุณท่านเจ้าสำนัก"หลังจากกล่าวลาซ่างกวนอวิ๋นซีแล้วซือคงเหยียนก็ควบม้าเร็วและมุ่งหน้าลงใต้สู่ต้าเหยียน!……ในเวลาเดียวกันฉินซูมาถึงเนินเขาหลัวเฟิงแล้วส่วนมู่หรงจื่อเยียนก็เดินทางกลับไปที่เมืองหลงเฉิงก่อนเมื่อเห็นฉินซูกลับมาอย่างปลอดภัย หัวใจที่เป็นกังวลของเซี่ยหลานก็เบาลงด้วยความโล่งใจนางถามด้วยความเป็นห่วงว่า “องค์รัชทายาท เป็นอย่างไรบ้างเพคะ?”“ข้าสบายดี” ฉินซูเหลือบมองสำรวจทุกคนรอบตัว และพบว่ามีเพียงทหารสองสามนายที่ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย นอกนั้นทุกคนปลอดภัยดีเขาขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนถามว่า “กู้เสวี่ยอยู่ที่ไหน?”“นางไปตามหาท่านเพคะ เหตุใดกัน ท่านมิได้พบกับนางหรือ?”เมื่อได้ยินคำพูดของเซี่ยหลาน ก็พลันหนักอึ้งขึ้นทันที "เจ้าหมายถึง นางกลับ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 466

    ฉินซูเดินเข้าไปในถ้ำตามทางที่ทอดยาวออกไป หลังจากเดินไปได้มิไกลก็พบว่า มีบันไดที่ทอดตัวลงไปยังเบื้องล่างบันไดนั้นลึกจนมองมิเห็นจุดสิ้นสุด ฉินซูจึงจุดพับไฟและอาศัยแสงสลัวนั้นค่อย ๆ เดินลงไปตามขั้นบันไดหลังจากเดินไปราวสองเค่อ เขาก็มาถึงถ้ำอีกแห่งหนึ่งตรงมุมของถ้ำมีเงาร่างของสตรีนางหนึ่งกำลังจดจ่อมองดูสิ่งของในกล่องที่อยู่เบื้องหน้าเมื่อเห็นคนผู้นี้ ฉินซู่ก็ถอนหายใจยาว "กู้เสวี่ยเจี้ยน เจ้า..."ยังมิทันที่เขาจะพูดจบ กู้เสวี่ยเจี้ยนก็สะดุ้งตกใจจนเผลอปล่อยพับไฟในมือร่วงลงพื้นหลังจากกู้เสวี่ยเจี้ยนตั้งสติได้ นางก็ตบหน้าอกเบา ๆ แล้วพูดอย่างโมโห "ท่านทำหม่อมฉันตกใจแทบตาย! มิรู้หรือว่าการทำให้คนตกใจอาจหัวใจวายตายได้จริง ๆ!"ฉินซูกลอกตาใส่นาง "แค่นี้ข้าก็ทำให้เจ้ากลัวแล้วรึ? แม้แต่ชำแหละศพเจ้าก็ยังมิกลัวเลยมิใช่หรือ?"“ศพมันพูดมิได้เสียหน่อย!”กู้เสวี่ยเจี้ยนโต้กลับแล้วจึงถามด้วยความประหลาดใจ "ท่านมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง? นอกจากนี้ตกลงมาจากหน้าผาสูงขนาดนั้น ท่านมิเป็นอะไรเลยหรือ?!"“เจ้าคงหวังอยากให้ข้าเป็นอะไรไปหรือไร? ข้าลงมาเพื่อตามหาเจ้าต่างหาก”ขณะที่ฉินซูพูดอยู่ เขาก็สังเกตเห็น

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 467

    กู้เสวี่ยเจี้ยนส่งเสียงตอบเบา ๆ แล้วพูดขึ้น "อาจารย์ของหม่อมฉันชอบออกสำรวจถ้ำในหุบเขาลึกอยู่เสมอ หากเขารู้ว่ามีถ้ำเช่นนี้อยู่ที่นี่ เกรงว่าเขาคงจะต้องตื่นเต้นมากแน่ ๆ!”ฉินซูสีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อยก่อนจะถามว่า "เหตุใดอาจารย์ของเจ้าถึงชอบสำรวจถ้ำบนหุบเขาลึกหรือ?"“แน่นอนว่าก็เพื่อค้นหาสมบัติเพคะ ของโบราณตำรับตำราส่วนใหญ่ที่เขามีล้วนได้มาจากถ้ำในป่าลึกทั้งนั้น”หลังจากฟังคำพูดของกู้เสวี่ยเจี้ยน ฉินซูก็ยังคงนิ่งเงียบ แต่ในใจกลับเกิดข้อสันนิษฐานขึ้นมาหัวหน้าโหรหลวงมีฝีมือเก่งกาจปานนั้น อีกทั้งยังชอบสำรวจถ้ำลึกลับในป่าเขา หรือว่า...เขาจะเป็นผู้ฝึกตน?เมื่อนึกได้ดังนั้น ฉินซูจึงกล่าวกำชับด้วยท่าทีจริงจังว่า "กู้เสวี่ยเจี้ยน ข้าว่ามิควรบอกเรื่องนี้ให้อาจารย์ของเจ้ารู้จะดีกว่า"กู้เสวี่ยเจี้ยน ขมวดคิ้วพลางถามด้วยความสงสัย “เพราะเหตุใดเล่า?"ฉินซูอธิบายอย่างจริงจัง "มิต้องพูดถึงความชันของหน้าผาแห่งนี้ที่มักจะมีปีศาจภูเขาออกมาเพ่นพ่านหรอก แค่ปีศาจตัวนั้นก็ขนลุกมากแล้ว มันมีพลังแข็งแกร่งปานนั้น ต่อให้เป็นอาจารย์ของเจ้าก็คงมิได้ผลอะไรดีนัก ยิ่งไปกว่านั้นในถ้ำนี้ก็ไม่มีอะไรนอกจากหินเรืองแสงใน

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 468

    ฉินซูยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์และพูดว่า "หากเจ้ากล้าป่าวประกาศ ข้าก็จะเอาเรื่องของเราสองคนไปพูดเช่นกัน!"“เมื่อครู่ยังบอกเองว่า ถ้ำแห่งนี้คือความลับของเราสองคน แต่ตอนนี้กลับเอามาใช้ข่มขู่หม่อมฉัน ช่างไร้ยางอายนัก!”“เหอะ ๆ ข้ามิได้หมายถึงเรื่องนี้ แต่หมายถึงตอนที่เราอยู่ในห้องนอนของเฉินหว่านเอ๋อร์...“ฉินซูพูดพลางตบมือสองสามครั้งใบหน้าของกู้เสวี่ยเจี้ยนพลันแดงก่ำ นางโมโหจนขาดสติ ยกฝ่ามือฟาดใส่ฉินซูทันทีคนหลังหลบเลี่ยงอย่างรวดเร็วพลางพูดแก้ตัว "ไยเจ้าจึงโหดร้ายขนาดนี้? ข้าก็แค่พูดเล่น อีกอย่าง เป็นเจ้าที่พูดว่าจะเผยความลับของข้าก่อนมิใช่รึ!"กู้เสวี่ยเจี้ยนหยุดเคลื่อนไหวแล้วกล่าวเสียงดุ "หากท่านยังพูดถึงเรื่องคืนนั้นอีก หม่อมฉันจะตัดลิ้นท่านให้สุนัขกินเสีย!"“คืนนั้นเจ้าก็ดูจะเพลิดเพลินดี ไยต้องขัดขืนขนาดนี้ด้วยเล่า หรือว่า… เป็นเพราะข้าหยาบคายเกินไป?”ฉินซูพูดด้วยสีหน้าจริงจัง ท่าทางอยากรู้ความจริงจนกู้เสวี่ยเจี้ยนโมโหจนขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน “คนสารเลว! หม่อมฉันให้ท่านเลิกพูดแล้ว ท่านยังจะมิหยุดใช่หรือไม่ คิดว่าหม่อมฉันมิกล้าตัดลิ้นท่านจริง ๆ อย่างนั้นหรือ?”นางพูดพร้อมชักกระบี่ยาวออก

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 469

    “ทุกคนลุกขึ้นเถอะ สถานการณ์ภัยพิบัติในเมืองเป็นอย่างไรบ้าง?”“กราบทูลองค์รัชทายาท หลังจากที่เสบียงข้าวมาถึงเมื่อสองวันที่แล้ว ราษฎรในเมืองก็ได้รับข้าวแล้ว เมื่อรวมกับเสบียงข้าวที่องค์รัชทายาททรงนำมาในคราวนี้ก็เพียงพอที่จะช่วยให้ราษฎรพ้นวิกฤตในปีนี้ได้แล้วพ่ะย่ะค่ะ"ฉินซูพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ "เช่นนี้ก็ดี รีบนำทางพ่อค้าข้าวเข้าไปในคลัง ข้าขอบอกไว้ก่อน หากผู้ใดที่กล้าปล้นข้าวหรือยักยอกไปแม้เพียงเล็กน้อย ข้าจะประหารโดยมิละเว้น!"ผู้ว่าการอำเภอและคนอื่น ๆ ต่างสะดุ้งตกใจแล้วรีบบอกว่ามิกล้าจากนั้นถานเหวยก็เริ่มควบคุมการเก็บข้าวสารเข้าคลัง ส่วนพวกฉินซูก็ไปพักผ่อน……ภายในเขตเหยี่ยนโจวเรือสินค้าลำหนึ่งจอดเทียบท่าที่ท่าเรือในยามราตรีที่มีแสงจันทร์สว่างจ้า เรือสินค้าลำนี้ที่มีขนาดใหญ่สะดุดตาและโดดเด่นท่ามกลางเรือเล็ก ๆ ที่จอดอยู่เรือสินค้าลำนี้เต็มไปด้วยข้าว และในห้องเก็บสินค้าของท้องเรือยังมีการเก็บเงินหลายสิบหีบไว้อีกด้วยเรือสินค้าลำนี้เป็นเรือที่สวีหลายและพรรคพวกอยู่ในเวลานี้ สวีหลายกำลังเดินสำรวจบนเรือร่วมกับเฉิงอิงและคนอื่น ๆหลังจากยืนยันว่าไม่มีอะไรผิดปกติบนเรือ เฉิงอิ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 470

    ”ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว!”หัวลูกศรลุกเป็นไฟพุ่งแหวกอากาศตรงไปยังเรือสินค้าดอกแล้วดอกเล่าในชั่วพริบตา กระสอบข้าวที่กองอยู่บนเรือก็ลุกไหม้ขึ้นทันที“มิดีแล้ว! พวกมันจุดไฟเผา รีบดับไฟเร็วเข้า!”เฉิงผิงตะโกนเสียงดัง พร้อมทั้งคว้าโล่หวายขึ้นมาแล้วพุ่งไปดับไฟเป็นคนแรกเมื่อเห็นเช่นนั้น คนอื่น ๆ ก็รีบเข้ามาช่วยดับไฟกันอย่างเร่งด่วนแต่ในเวลานี้ ลูกธนูเพลิงยังคงพุ่งมามิหยุด เมื่อพวกเขาดับไฟที่จุดหนึ่งได้ อีกจุดหนึ่งก็ลุกไหม้ขึ้นมาอีกเมื่อเห็นฉากนี้ สายตาของสวีหลายก็ฉายแววอาฆาตรุนแรง!ก่อนออกเดินทาง เขาได้สัญญากับฉินซูเอาไว้ว่า ตราบใดที่ตนยังอยู่ ข้าวจะต้องปลอดภัย!หากปล่อยให้พวกโจรจุดไฟต่อไป ข้าวจำนวนแปดพันต้านนี้จะต้องถูกเผาจนมิเหลือแน่เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ เขาก็ชักกระบี่ยาวออกมาจากฝัก พร้อมพูดเสียงหนักแน่นว่า “เฉิงผิง เจ้าคอยดูแลเรือสินค้าให้ดี ข้าจะลงไปฆ่าพวกมันเอง!”พูดจบ ร่างของเขาก็ขยับพลิ้วไหว กระโดดเพียงมิกี่ครั้งก็ลงไปถึงตลิ่งแม่น้ำกระบี่ในมือของเขากระตุกเบา ๆ ก่อนจะพุ่งตรงเข้าหาพวกโจรด้วยความรวดเร็วเฉิงอิงที่อยู่บนเรือเห็นเช่นนั้นก็คว้ากระบี่ขึ้นมา แล้วกระโดดลงไปช่วยทันทีอย่

Latest chapter

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 618

    “ท่านแม่ทัพหู แผนนี้ยอดเยี่ยมจริง ๆ ออกจากประตูเมืองฝั่งเหนือแล้วอ้อมไปอีกหน่อย ก็ลอบโจมตีทัพหนานเยวี่ยได้เหมือนเดิม!”“ไป เร่งฝีเท้า!”ดังนั้น กองทหารของพวกเขาจึงเดินทางมายังใต้ประตูเมืองฝั่งเหนือแม่ทัพรักษาการณ์ที่นี่เห็นหูก่วงเซิงและพวก จึงไต่ถาม “ท่านแม่ทัพหู นี่พวกท่านจะทำการใด?”“ในเมืองผู้คนพลุกพล่านเกินไป พวกเราจะออกไปพักผ่อนนอกเมืองสักหน่อย วันพรุ่งพวกเราจะย้ายค่ายทหารไปตั้งไว้นอกเมืองฝั่งเหนือเช่นกัน เพื่อความสะดวกในการฝึกทหาร”เมื่อได้ยินดังนั้น ทหารรักษาการณ์ก็โบกมือให้คนเปิดประตูเมืองจะตำหนิว่าเขาประมาทเกินไปก็มิได้ ท้ายที่สุดแล้วนอกเมืองทางฝั่งเหนือยังมีทหารประจำการอยู่เป็นจำนวนมิน้อย ทหารที่เข้าออกประตูเมืองทางฝั่งเหนือจึงมีจำนวนมากเป็นทุนเดิมหลังจากที่ออกนอกเมืองได้อย่างราบรื่น หูก่วงเซิงจึงนำกองทัพทหารม้าพันนายมุ่งหน้าลงใต้!ขณะเดียวกันนอกประตูเมืองเจียวโจวทางฝั่งใต้ เงาร่างสิบกว่าร่างพุ่งออกมาจากป่าละเมาะห่างออกไปมิไกลนักพวกเขามีท่าทางคล่องแคล่ว เพียงชั่วพริบตาก็เข้าไปซุ่มซ่อนตัวอยู่ในพุ่มไม้เตี้ย ๆ ฝั่งหนึ่งหลังจากที่สังเกตการณ์บนกำแพงเมืองอยู่ครู่หน

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 617

    “ท่านแม่ทัพหู กองทัพหนานเยวี่ยแตกพ่ายในวันนี้ บัดนี้คงอกสั่นขวัญแขวนกันอยู่เป็นแน่ หากพวกเรานำทัพไปลอบโจมตี อย่างไรก็ต้องสำเร็จ! ถึงเวลานั้นหากสำเร็จ ท่านแม่ทัพใหญ่จะเอาผิดพวกเราที่ยกทัพไปโดยพลการได้อย่างไร?”ชายร่างกำยำอีกด้านกล่าวสำทับ “รองแม่ทัพหลิวกล่าวได้ถูกต้อง ท่านแม่ทัพหู พวกเราอุตส่าห์บุกป่าฝ่าดงมาถึงเจียวโจวก็มิใช่อื่นใด นอกเสียจากเพื่อสร้างความดีความชอบให้มากยิ่งขึ้นพวกเราสร้างความดีความชอบในเจียวโจวมากเท่าไร พระเกียรติของท่านอ๋องฉู่ในราชสำนักก็จะยิ่งสูงส่งมากขึ้นเท่านั้น ทุกสิ่งที่พวกเราทำ ล้วนเพื่อท่านอ๋องฉู่ทั้งสิ้น!”“ถูกต้อง พวกเราคือคนของท่านอ๋องฉู่ ท่านแม่ทัพใหญ่ย่อมมิอาจตำหนิพวกเราที่ออกรบโดยพลการได้ ท่านแม่ทัพหู ท่านรีบตัดสินใจเถิด โอกาสมิคอยท่า เวลามิหวนคืน!”“ท่านแม่ทัพหู คนขององค์รัชทายาทออกนอกเมืองไปครึ่งชั่วยามแล้ว หากพวกเรามิรีบเร่งติดตามไป เกรงว่าน้ำแกงก็มิได้ซด อย่าหวังจะได้กินเนื้อเลยขอรับ!”ด้วยคำยุยงของเหล่าผู้ใต้บังคับบัญชา ดวงตาของหูก่วงเซิงก็ค่อย ๆ แน่วแน่ขึ้น!เขาพยักหน้าหนักแน่น กล่าวเสียงทุ้มต่ำ “สั่งให้เหล่าสหายทั้งหลายเตรียมตัวให้พร้อม อีกห

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 616

    หูก่วงเซิงยกไหสุราขึ้นกระดกไปหลายอึก และแค่นเสียง “หึ ศึกที่ได้ชัยชนะในวันนี้ หากมิใช่เพราะทหารม้าหุ้มเกราะของพวกข้าบุกตะลุยอยู่แนวหน้า มีหรือกองทัพหนานเยวี่ยจะถูกสังหารจนแตกพ่ายยับเยิน?ทว่าในงานเลี้ยงฉลองชัย ท่านแม่ทัพใหญ่กลับมิเอ่ยถึงความดีความชอบของพวกข้าแม้แต่คำเดียว เอาแต่ชื่นชมองค์รัชทายาทมิขาดปากข้าสงสัยนัก องค์รัชทายาทเพียงแต่นำอาวุธที่กรมโยธาธิการประดิษฐ์ขึ้นใหม่มาด้วยเท่านั้น มีสิ่งใดน่าสรรเสริญกัน?”รองแม่ทัพที่นั่งอยู่ข้างกายเขาขมวดคิ้ว กล่าว “ท่านแม่ทัพหู ท่านว่าเช่นนี้เห็นทีจะมิถูกกระมัง อาวุธเหล่านั้นล้วนเป็นสิ่งที่องค์รัชทายาททรงออกแบบ ศึกครานี้ชนะได้ ก็เป็นเพราะพระองค์”“ใช่แล้ว อีกอย่างที่ทหารม้าหุ้มเกราะของพวกท่านบุกตะลุยกองทัพหนานเยวี่ยได้ไร้ผู้ใดขัดขวาง ก็มิใช่เป็นเพราะมีอาวุธที่องค์รัชทายาททรงออกแบบให้การคุ้มครองหรอกหรือ มิเช่นนั้นกองทัพหนานเยวี่ยจะปล่อยให้พวกท่านบุกตะลุยในแนวรบโดยมิอาจโต้ตอบได้เลยด้วยเหตุใดเล่า?”หูก่วงเซิงเผยสีหน้าดูแคลน หัวเราะเยาะ “องค์รัชทายาทที่เอาแต่เสพสุขไปวัน ๆ ไฉนจึงออกแบบอาวุธร้ายกาจถึงเพียงนี้ได้? พวกเจ้าก็ช่างหูเบากันเสียจริง ใ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 615

    หลังจากที่ฟังเขาจนจบ ฉงชูโม่ขมวดคิ้วถาม “แผนการของท่านดีก็จริง ทว่าหากพวกมันมิมาในคืนนี้เล่า?”“คืนนี้พวกเราจัดงานเลี้ยงฉลองชัย พวกมันต้องปักใจเชื่อว่ากำลังป้องกันเมืองของพวกเราหย่อนยาน คืนนี้หากพวกมันมิลงมือ ภายหน้าคงไม่มีโอกาสดีเช่นนี้อีกแล้ว ดังนั้นคืนนี้พวกมันต้องลงมือเป็นแน่”“เช่นนั้นก็ได้ ทำตามที่ท่านว่าก็แล้วกันเพคะ!”ฉินซูพยักหน้าเล็กน้อย แล้วกล่าวต่อ “อีกอย่าง คืนนี้เจ้าจงส่งทหารสองกองไปซุ่มอยู่หลินสุ่ยและเซี่ยอ้าว เมื่อทัพใหญ่หนานเยวี่ยปรากฏกาย จงปล่อยให้พวกมันเข้ามา รอจนกระทั่งเสียงฆ่าฟันนอกเมืองดังขึ้นค่อยตลบหลังโจมตีกองทัพหนานเยวี่ย จากนั้นจึงเข้าตีกระหนาบหน้าหลัง กวาดล้างพวกมันในคราเดียว!”ฉงชูโม่ถามอย่างตกตะลึง “ท่านคิดว่าคืนนี้พวกหนานเยวี่ยจะบุกโจมตีด้วยทัพใหญ่หรือเพคะ?”“พูดได้แต่เพียงมีความเป็นไปได้สูงนัก”“หม่อมฉันว่ามีความเป็นไปได้น้อย เนื่องจากเติ้งหม่างเพิ่งประสบความพ่ายแพ้ในวันนี้ ซ้ำร้ายทหารใต้บัญชาของเขายังหวาดหวั่นเกรงกลัวธนูทดกำลังและระเบิดสายฟ้าของพวกเราจนหัวหด หากยังมิล่วงรู้ว่าพวกเรามีธนูทดกำลังและระเบิดสายฟ้าเหลืออยู่มากน้อยเพียงใด พวกมันคงมิกล้าผล

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 614

    ฉินซูหัวเราะแห้ง ๆ แล้วกล่าวติดตลก “ข้าแค่กังวลว่าเจ้าจะหึงหวงข้า”ฉงชูโม่ถ่มน้ำลาย “ถุย ใครจะหึงท่านกัน อย่าได้หลงตัวเองไปหน่อยเลย!”“อะแฮ่ม ๆ เรื่องนั้นช่างมันเถิด ที่จริงข้ามีธุระสำคัญ...”ฉงชูโม่ขัดขึ้นมาเสียก่อน “มีกระไรก็รีบว่ามา อย่ามัวอ้อมค้อม”ฉินซูปรับสีหน้าให้เคร่งขรึม แล้วเอ่ยถาม “วันนี้ที่พวกเรามีชัยเหนือแคว้นหนานเยวี่ย ในความเห็นของเจ้า พวกมันจะทำอย่างไรต่อไป?”“ชัยชนะในวันนี้ ต้องยกความดีความชอบให้กับพลานุภาพของธนูทดกำลังและระเบิดสายฟ้า กองทัพหนานเยวี่ยประสบความพ่ายแพ้ย่อยยับถึงเพียงนี้ หากหม่อมฉันเป็นเติ้งหม่าง คงต้องหาทางนำอาวุธทั้งสองชนิดนี้ไปให้ได้!”เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฉินซูจึงอดมิได้ที่จะมองนางด้วยสายตาชื่นชมสมแล้วที่ฉงชูโม่เป็นแม่ทัพขั้นหนึ่งที่มากล้นด้วยสติปัญญาและความกล้าหาญ สามารถเดาใจศัตรูได้ล่วงหน้าเช่นนี้“เมื่อรู้ถึงเจตนาของเติ้งหม่างผู้นั้นแล้ว เราควรจะลองมาล่อเสือออกจากถ้ำดูสักครา”“ตรัสเช่นนี้ แสดงว่าท่านทรงคิดแผนการรับมือไว้แล้วหรือ?”ฉงชูโม่เอี้ยวศีรษะมองฉินซู ดวงตาคู่งามกระจ่างใสนั้นเต็มไปด้วยความประหลาดใจหางตาฉินซูเหลือบมองอ่างอาบน้ำโดยม

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 613

    “ใช่แล้วพ่ะย่ะค่ะ องค์รัชทายาท ขอพระองค์โปรดเมตตา”ทั้งสองกล่าวพร้อมคุกเข่าลงต่อหน้าฉินซูฉินซูจนปัญญา จึงตะโกนเข้าไปในกระโจม “ชูโม่ ให้ข้าเข้าไปเถิด ข้าขออธิบายให้เจ้าฟังดี ๆ มิได้หรือ?”ทว่าข้างในกลับไร้เสียงตอบรับฉินซูยังคงมิยอมแพ้ กล่าวต่อไป “ชูโม่ เจ้าอย่าหึงหวงนักเลย อย่างน้อยก็ให้ข้าอธิบายสักหน่อยเถิด”เมื่อได้ยินถ้อยคำเหล่านั้น ทหารยามทั้งสองก็อดมิได้ที่จะสบตากัน!ให้ตายสิ ท่านแม่ทัพใหญ่กับองค์รัชทายาทมีความสัมพันธ์ช่างลึกซึ้งเกินคาด!!สีหน้าของพวกเขาทั้งสองฉายแววตกตะลึง ราวกับได้รับข่าวเด็ดข่าวใหญ่ฉินซูเกลี้ยกล่อมอีกสองสามประโยค ทว่าในกระโจมก็ยังคงไร้เสียงตอบรับเมื่อเห็นดังนั้น ฉินซูจึงหันไปถามทหารยามทั้งสอง “ชูโม่อยู่ข้างในจริง ๆ หรือ?”“พ่ะย่ะค่ะองค์รัชทายาท ท่านแม่ทัพใหญ่เข้าไปแล้วก็ยังมิได้ออกมาเลยพ่ะย่ะค่ะ”“ไม่มีประตูด้านหลังใช่หรือไม่?”“ไม่มีพ่ะย่ะค่ะ”“มิได้การ ชูโม่อาจจะเป็นกระไรไปแล้วก็ได้!”กล่าวถึงตรงนี้ ฉินซูจึงตะโกนเข้าไปด้านใน “ชูโม่ ข้าจะเข้าไปแล้วนะ”ขณะที่ฉินซูกำลังจะก้าวเท้าเข้าไป ทหารยามทั้งสองก็รีบร้องทัดทาน “มิได้พ่ะย่ะค่ะองค์รัชทายาท ห

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 612

    ขณะเดียวกันกองหนุนทัพหนานเยวี่ยภายในค่ายทหารแม่ทัพนายกองทั้งหลายต่างจับจ้องไปยังบุรุษบนที่นั่งหัวโต๊ะด้วยใจระทึกบุรุษผู้นั้นสวมชุดเกราะสีเงินยวง ร่างกายสูงใหญ่ผึ่งผาย!เขาคือแม่ทัพใหญ่แห่งกองทัพหนานเยวี่ย เติ้งหม่าง!สายตาเย็นเยียบของเขากวาดมองไปยังกลุ่มคนทีละคน สุดท้ายจับจ้องที่แม่ทัพน้อยหม่า“หม่าเวย เจ้าสำนึกผิดหรือไม่?”หม่าเวยรีบคุกเข่าลงข้างหนึ่ง กล่าวด้วยสีหน้าขมขื่น “ท่านแม่ทัพใหญ่ ข้าน้อยสำนึกผิดแล้ว ทว่าอาวุธของต้าเหยียนคราวนี้ร้ายกาจเหลือเกิน โล่เกราะหวายของพวกเราเมื่อเผชิญกับลูกธนูของพวกมันก็มิต่างกระไรจากดินเหนียว ยิงคราเดียวก็ทะลุง่ายดาย!”“ใช่แล้วท่านแม่ทัพใหญ่ โล่เกราะหวายที่พวกเราเคยภาคภูมิใจนักหนา บัดนี้มิอาจหวังพึ่งได้อีกแล้วขอรับ”“มิเพียงเท่านั้น ทางต้าเหยียนยังใช้อาวุธเพลิงร้ายกาจชนิดหนึ่ง ของสิ่งนั้นอานุภาพร้ายแรงยิ่งนัก ทหารมิใช่น้อยถูกระเบิดจนร่างแหลกมิเหลือชิ้นดีเลยขอรับ”เมื่อกล่าวถึงระเบิดเพลิง หลายคนยังคงหวาดผวาเติ้งหม่างขมวดคิ้วมุ่น และกล่าวพึมพำ “กองทหารรักษาการณ์เจียวโจวถูกพวกเราโจมตีมาเกือบเดือน บัดนี้จู่ ๆ กลับปรากฏอาวุธร้ายกาจถึงเพียงนี

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 611

    วาจาล้ำสมัยปานนี้ ตี๋จิ่งผู้นี้คิดได้อย่างไร?มู่หรงจื่อเยียนเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง “ฉินซู ท่านมิเป็นกระไรใช่หรือไม่?”“มิเป็นกระไร ไปเถิด”ขณะมองตามสองร่างหายลับไปจากสายตา สหายของตี๋จิ่งก็อดมิได้ที่จะหวั่นวิตกชายร่างกำยำผู้หนึ่งเอ่ยถาม “พี่ตี๋ แล้วเราจะทำอย่างไรกันดี?”“หรือว่าพวกเราฟาดหัวองค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียนให้สลบ แล้วลักพาตัวกลับเป่ยเยี่ยนดี?”“นั่นสิ หากเป็นเช่นนั้น ท่านหญิงจะได้ตามพวกเรากลับเป่ยเยี่ยนเสียที”ตี๋จิ่งโบกมือ และกล่าวว่า “มิได้ อย่าว่าแต่ท่านหญิงจะยอมให้เราทำหรือไม่เลย ลำพังแค่พวกทหารต้าเหยียนที่ยั้วเยี้ยไปทั่ว พวกเราก็มิมีทางทำสำเร็จแล้ว!”“ก็จริงดังว่า แล้วพวกเราจะทำอย่างไรเล่า?”“เฝ้าสังเกตการณ์ไปก่อน อารักขาความปลอดภัยท่านหญิงให้ดี”“ขอรับ”พวกเขาปรึกษาหารือกันครู่หนึ่ง จากนั้นก็ติดตามไปที่พักของฉินซูถูกจัดสรรให้อยู่ในโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่งใกล้กับประตูเมืองทางทิศเหนือที่นี่ห่างจากประตูเมืองทิศใต้ประมาณเจ็ดแปดลี้ จึงมิต้องกังวลว่าจะถูกผลกระทบจากไฟสงครามเมื่อเข้าสู่โรงเตี๊ยมและปิดประตูลง มู่หรงจื่อเยียนก็อดรนทนรอมิไหว โผเข้ากอดคอฉินซู นางเขย่งปลา

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 610

    ฉินซูเองก็ประหลาดใจมิต่างกัน เมื่อเห็นสายตาของฉงชูโม่ เขาก็รู้สึกจนปัญญาในใจลอบคิดว่าคนที่มาหาตนนั้นจะเป็นใครกันแน่หรือจะเป็นเซี่ยหลาน หรือว่าหลินชิงเหยา?แต่เมื่อคิดดูอีกทีก็รู้สึกว่าเป็นไปมิได้ เพราะทั้งสองคนเคยรับปากตนว่าจะคอยเขากลับไปอยู่ที่ตำหนักบูรพาเมื่อเห็นฉินซูเงียบไปมิพูดจา ฉงชูโม่ก็กล่าวด้วยรอยยิ้มคลุมเครือ "ฉินซู ดูเหมือนว่าช่วงเวลาที่หม่อมฉันมิอยู่ในเมืองหลวง พระองค์จะสำราญบานใจมิน้อยเลยกระมังเพคะ!"ฉินซูกล่าวอย่างใจเย็น "ข้าเปล่านะ""เปล่าหรือ? แล้วสตรีที่อยู่ข้างนอกนั่นเป็นใครกัน?""ข้าจะไปรู้ได้อย่างไร อาจจะเป็นเรื่องเข้าใจผิดก็ได้""คนผู้นั้นระบุชื่อเจาะจงว่าจะมาพบองค์รัชทายาท จะเป็นเรื่องเข้าใจผิดได้อย่างไร ไปเถิด ไปดูกันดีกว่าว่าอีกฝ่ายเป็นใครมาจากที่ใด"เมื่อฉงชูโม่กล่าวจบก็เดินนำออกจากกระโจมบัญชาการไปก่อนฉินซูเดินตามไปด้วยความกระวนกระวายใจเดินไปได้มิไกล ฉินซูก็ถึงกับชะงักเท้าอยู่กับที่ จ้องมองหญิงงามที่อยู่เบื้องหน้ามิไกลอย่างเหม่อลอยเมื่อฉงชูโม่เห็นคนผู้นี้ ก็ขมวดคิ้วถาม "มู่หรงจื่อเยียน? ท่านเป็นถึงท่านหญิงแห่งเป่ยเยี่ยน มายังสนามรบต้าเหยียนด้วย

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status