Share

บทที่ 397

Penulis: ใบไม้ร่วงในเมืองร้าง
กู้เสวี่ยเจี้ยนถามว่า “ด้านหน้าเป็นอย่างไรบ้าง?”

“พวกเราสำรวจสันเขาเฮยเฟิงไปแล้วหนึ่งรอบ ทางนั้นไม่มีคนอยู่เลยขอรับ!”

“ไม่มีคน?” กู้เสวี่ยเจี้ยนถามด้วยความสงสัย “พวกเจ้าสำรวจละเอียดแล้วใช่หรือไม่?”

ตงฟางไป๋พูดอย่างเคร่งขรึม “พวกเราสำรวจทั่วแล้ว มิเพียงแค่ที่สันเขาเฮยเฟิง แม้แต่ในค่ายป้องกันขวงเฟิงก็ไม่มีใครอยู่ขอรับ”

สวีเซี่ยงเฉียนพูดเสริม “ถูกต้องแล้วท่านใต้เท้าเสวี่ยเจี้ยน ประตูใหญ่ของค่ายป้องกันขวงเฟิงเปิดอยู่ พวกเราไปเดินสำรวจข้างในโดยรอบ แต่ก็มิเจอใครเลย”

“แปลกจริง เมื่อวานพวกโจรป่าจากค่ายป้องกันขวงเฟิงก็พูดเอาไว้มิใช่หรือว่าพระภิกษุรูปนั้นยึดบ้านของพวกเขา? ค่ายป้องกันขวงเฟิงใหญ่ถึงเพียงนี้ แต่กลับไม่มีคนอยู่ได้อย่างไร?”

“พวกเราก็มิแน่ใจ”

กู้เสวี่ยเจี้ยนอยากจะถามอะไรเพิ่ม แต่ฉินซูก็โบกมือแล้วพูดว่า “บางทีพระภิกษุรูปนั้นอาจเจออะไรเข้าจึงรีบจากไปก่อน ไหน ๆ เขาก็มิอยู่แล้ว เราก็อาศัยโอกาสนี้รีบผ่านสันเขาเฮยเฟิงไปจะดีกว่า เช่นนี้ก็จะได้ช่วยลดความยุ่งยากลงไปได้บ้าง”

ถานเหวยพยักหน้าเห็นด้วย “สิ่งที่องค์รัชทายาทกล่าวนั้นถูกต้องแล้ว หากมีปัญหาน้อยลง พวกเราก็จะสามารถไปถึงเมืองเหลีย
Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi
Bab Terkunci

Bab terkait

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 398

    “เสวี่ยเจี้ยน!”เซี่ยหลานร้องอุทานและคิดจะไปรับทว่าฉินซูนั้นเร็วกว่านาง!ฉินซูพุ่งไปคว้าเอวของกู้เสวี่ยเจี้ยนเอาไว้ก่อนที่นางจะกระแทกพื้นฉินซูก้มมองและเห็นว่าดวงตาของกู้เสวี่ยเจี้ยนปิดสนิท ใบหน้าที่งดงามซีดเซียวนัก ลมปราณของนางผันผวนเดี๋ยวดีเดี๋ยวแย่เขาขมวดคิ้ว นี่เป็นครั้งแรกที่เขาพบอาการเช่นนี้เซี่ยหลานถามอย่างร้อนใจ “องค์รัชทายาท เสวี่ยเจี้ยนเป็นอะไรหรือเพคะ?”“ข้าจะไปรู้หรือ!”ฉินซูประคองกู้เสวี่ยเจี้ยนให้นั่งพิงหีบแล้วสะกิดหน้านางเบา ๆ“กู้เสวี่ยเจียน เจ้าเป็นอะไรไป? รีบฟื้นขึ้นมา”ทว่ากู้เสวี่ยเจี้ยนกลับไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ!ขณะนั้น ตงฟางไป๋และคนอื่น ๆ ก็พากันล้อมเข้ามาเมื่อสังเกตเห็นว่ากู้เสวี่ยเจี้ยนหมดสติไป พวกเขาทุกคนก็เริ่มวิตกกังวลโดยเฉพาะอย่างยิ่งสวีเซี่ยงเฉียนและคนอื่น ๆ เพราะในสายตาของพวกเขา กู้เสวี่ยเจี้ยนคือผู้ที่มีวรยุทธ์แก่กล้าที่สุดในคณะเดินทางนี้หากเกิดเหตุร้ายขึ้นกับนาง แล้วทางข้างหน้าต้องพบเจออันตรายใด ๆ ก็จะกลายเป็นเรื่องยุ่งยากถานเหวยถามว่า “องค์รัชทายาท ท่านใต้เท้าเสวี่ยเจี้ยนคงมิได้รับบาดเจ็บในตอนที่ต่อสู้กับเย่ชางสิงเมื่อคืนนี้หรอกใช่หรื

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 399

    ฉินซูหรี่ตามองลึกเข้าไปในดวงตาของกู้เสวี่ยเจี้ยนเขารู้ดีว่ากู้เสวี่ยเจี้ยนกำลังโกหก แต่เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายดูเหมือนมีเรื่องในใจที่ยากจะพูดออกมา เขาก็มิอยากถามอะไรต่อเซี่ยหลานรู้สึกสับสนเล็กน้อย “เสวี่ยเจี้ยน อาจารย์ของเจ้าเป็นถึงเจ้าสำนักหอดูดาวหลวง เขามีวรยุทธ์ที่แก่กล้าถึงเพียงนั้น แต่กลับช่วยเจ้าแก้ปัญหานี้มิได้หรือ?”“ยาลูกกลอนนี้อาจารย์เป็นผู้กลั่นให้ข้า ขอเพียงข้ากินตรงเวลาก็จะไม่มีปัญหาร้ายแรง แต่วันนี้ข้าดันลืมกินเสียได้”“เช่นนี้นี่เอง อย่างนั้นคราวหน้าอย่าลืมกินยาให้ตรงเวลาเล่า เมื่อครู่ทำเอาพวกข้ากลัวแทบแย่”กู้เสวี่ยเจี้ยนตอบรับเสียงอืมและมิพูดอะไรอีกขณะนั้นเอง เซี่ยหลานก็อุทานออกมาว่า “เสวี่ยเจี้ยน เหตุใดที่ไหล่ของเจ้าถึงมีเลือดออก?”กู้เสวี่ยเจี้ยนมองลงไปก็เห็นว่าอาภรณ์ด้านหน้าตรงไหล่ซ้ายเปื้อนสีแดงและมีเลือดไหลออกมา“ดูเหมือนว่าแผลจะเปิด เซี่ยหลาน ช่วยทายาทำแผลให้ข้าหน่อยสิ”“หา? เจ้าได้รับบาดเจ็บจริง ๆ หรือ?!” เซี่ยหลานรู้สึกประหลาดใจ!กู้เสวี่ยเจี้ยนส่ายหัวเบา ๆ “เป็นแผลเก่าเมื่อหลายวันก่อน ไม่มีอะไรหรอก”“เช่นนั้นก็ไปตรงโน้นกัน”ขณะที่เซี่ยหลานกำลังจะพยุ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 400

    “แน่นอนว่านี่คือยารักษาแผลวิเศษ”หลังจากที่ฉินซูพูดจบ เขาก็โยนขวดกระเบื้องขนาดเล็กใส่ในมือของกู้เสวี่ยเจี้ยนกู้เสวี่ยเจี้ยนตกตะลึงไปชั่วขณะ “องค์รัชทายาท นี่ท่าน…”“ข้าให้เจ้า”“ว่ากระไรนะเพคะ?”หลังจากที่กู้เสวี่ยเจี้ยนกลับมามีปฏิกิริยา นางก็ส่ายหัวแล้วพูดว่า “ยานี้มีค่ามาก หม่อมฉันมิสามารถรับไว้ได้ องค์รัชทายาทนำกลับไปเถิดเพคะ”“ของที่ตัวข้าให้ไปแล้วไม่มีเหตุผลที่จะนำกลับคืน นอกจากนี้ภารกิจของเจ้าในการเดินทางครั้งนี้คือการคุ้มกันข้า ถือเสียว่ายานี้เป็นรางวัลที่ข้ามอบให้เจ้า หากเจ้ามิต้องการก็โยนมันทิ้งไปเสีย”“หม่อมฉันมิได้บอกว่ามิต้องการ หม่อมฉันแค่คิดท่านควรเก็บโอสถสรรพโรคนี้ไว้ใช้เองจะดีกว่าเพคะ”“วางใจได้ ข้ามิได้มียาตัวนี้แค่ขวดเดียวหรอก”เมื่อได้ยินเช่นนั้น กู้เสวี่ยเจี้ยนก็ประหลาดใจอีกครั้ง “องค์รัชทายาท คงมิใช่ท่านยอดฝีมือผู้นั้นที่อยู่เบื้องหลังท่านมอบยานี้มาให้หรอกใช่หรือไม่เพคะ?”ฉินซูพยักหน้าเบา ๆ เพื่อเป็นการยอมรับทันใดนั้นเขาก็พบว่า จริง ๆ แล้วการที่คนอื่นเข้าใจผิดว่าเขามียอดฝีมืออยู่เบื้องหลังมันก็สะดวกดีเหมือนกันอย่างน้อยก็มีหลายสิ่งหลายอย่างที่มิต้องใช

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 401

    “เอ้อ ได้” ฉินซูรู้ว่าตนเองผิด จึงหันหลังเดินออกไปอย่างหงุดหงิดใจ กู้สเวี่ยเจี้ยนรีบจัดชุดของตนเองอย่างลนลาน เมื่อนึกถึงที่ถูกฉินซูมองเมื่อครู่ นางทั้งเขินอายทั้งขุ่นเคือง จิตใจก็พลุ่งพล่านขึ้น หลังจากที่นางออกจากกระโจม เซี่ยหลานก็เดินเข้ามาหานาง “เสวี่ยเจี้ยน เจ้ามิเป็นอะไรใช่หรือไม่?” กู้เสวี่ยเจี้ยนส่ายหน้าเบา ๆ แต่สายตาที่มองไปทางฉินซูเต็มไปด้วยเจตนาสังหาร เซี่ยหลานเห็นท่าทางนั้นก็ขมวดคิ้ว แต่มิได้ถามอะไรเพิ่มอีกเช่นกัน หลังจากที่พวกเขากินมื้อเที่ยงเสร็จแล้วก็เดินทางกันต่อ สองชั่วยามต่อมา มีหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งหนึ่งปรากฏขึ้นอยู่มิไกล ฉินซูมองดูท้องฟ้าแล้วสั่งว่า “พระอาทิตย์กำลังจะตกแล้ว คืนนี้พวกเราพักที่เมืองนี้กันเถอะ” เช่นนี้แล้ว พวกเขาพากันเข้าไปในหมู่บ้าน หมู่บ้านนี้มิใหญ่นัก มีถนนสายหลักแค่เส้นเดียวเท่านั้น บนถนนสายหลักนั้นมีโรงเตี๊ยมอยู่หลังเดียว นอกจากนั้นก็เป็นร้านค้าเล็ก ๆ ทั้งสิ้นเมื่อเจ้าของโรงเตี๊ยมเห็นถานเหวยในชุดขุนนาง เขารีบเข้ามาโค้งคำนับและต้อนรับ “ขุนนางท่านนี้ ให้เกียรติมาที่นี่ มิทราบว่ามีอะไรให้รับใช้หรือขอรับ?” ถานเหวยจ้องมองเ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 402

    “เร็วเข้า นำเงินทั้งหมดขึ้นรถม้าเดี๋ยวนี้!” เมื่อเฉิงอิงพูดจบ กลุ่มชายร่างใหญ่ในชุดรัดกุมราวสิบกว่าคนก็กรูเข้ามาจากประตูด้านนอกโรงเตี๊ยม พวกเขาพับแขนเสื้อขึ้น แล้วเดินไปยกหีบไม้ที่บรรจุเงินเอาไว้ ตอนนี้เอง เสียงชราที่ทรงพลังส่งเสียงดังสะท้อนกึกก้องทั่วลาน! “พวกเจ้าช่างอาจหาญนัก ถึงกับกล้าปล้นเงินบรรเทาภัยพิบัติ!”เมื่อได้ยินเสียงนี้ ทุกคนหยุดชะงักทันที! “ใครน่ะ?!” เฉิงอิงจับด้ามดาบแน่นมิรู้ตัว พร้อมกับส่งสายตามองไปรอบ ๆ ราวกับเผชิญหน้ากับศัตรูตัวฉกาจ คนอื่น ๆ ที่เหลือต่างชักอาวุธออกมา หันหลังเข้าหากันเป็นวงกลม เตรียมพร้อมรับมือ “เคยได้ยินว่าสำนักกระบี่สักการะคือสำนักใหญ่และทรงคุณธรรม ได้ชื่อว่าเป็นผู้กล้า แต่วันนี้กลับทำเรื่องเลวร้ายเช่นนี้ เกรงว่าจะมิคู่ควรกับคำว่า ‘ผู้กล้า’ อีกต่อไปแล้วกระมัง?” เสียงของชายชรายังคงดังก้องอยู่รอบตัวทุกคน ทุกคนมองไปรอบ ๆ พยายามหาทิศทางของเสียง แต่กลับพบว่าเสียงนั้นไม่มีที่มาอย่างผิดปกติ ราวกับดังลงมาจากฟากฟ้า สิ่งนี้ทำให้พวกเขาแต่ละคนมีสีหน้าเคร่งขรึม ในใจรู้ทันทีว่าพบกับยอดฝีมือเข้าแล้ว ชายหนุ่มร่างกำยำตะโกนว่า “ฮึ แสร้งทำตัว

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 403

    ทันทีที่เสียงนี้จบลง สวีหลายก็พลันหันกลับไปอย่างรวดเร็ว ครั้นแล้วก็เห็นเงาร่างสูงเพรียวเดินออกมาจากห้องโถงของโรงเตี๊ยม คนผู้นี้สวมหน้ากากและเสื้อคลุมสีดำจึงมิสามารถมองเห็นใบหน้าที่แท้จริงได้ชัดเจน แต่จากเสียงก็สามารถประเมินได้ว่าเป็นผู้อาวุโส สวีหลายสำรวจมองชายชุดดำก่อนจะยกมือขึ้นคำนับแล้วกล่าวว่า “ผู้น้อยสวีหลาย ได้พบผู้อาวุโส มิทราบว่าผู้อาวุโส… เอ๊ะ?!” เขาพูดมิทันจบก็อุทานด้วยความประหลาดใจทันที จากนั้นเขาพูดด้วยความตกใจ “ท่านคือองค์รัชทายาทงั้นหรือ?” ในดวงตาของชายชราฉายประกายประหลาดใจวาบขึ้นก่อนจะหรี่ตาแล้วถามว่า “เจ้าพูดว่าอะไรนะ?” สวีหลายเหลือบมองด้านในโรงเตี๊ยมแล้วพูดอย่างจริงจัง “จี้หยกที่ห้อยอยู่บนเข็มขัดของท่านเหมือนกับที่องค์รัชทายาททรงสวมครั้งเมื่อตอนเสด็จลงใต้ไม่มีผิด ยิ่งไปกว่านั้นองค์รัชทายาทที่หมดสติอยู่ภายในโรงเตี๊ยมเมื่อครู่ บัดนี้ได้หายไปอย่างไร้ร่องรอย หากท่านมิใช่องค์รัชทายาทแล้วยังเป็นผู้ใดได้อีกหรือ?” ชายชุดดำก้มลงมองจี้หยกที่เข็มขัดโดยมิรู้ตัวก่อนจะยิ้มเจื่อนและส่ายหัว “คิดไม่ถึงจริง ๆ เลยว่าเจ้าจะสังเกตได้ละเอียดถึงเพียงนี้ เป็นข้าที่ประมาทเอ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 404

    เมื่อฉินซูได้ยินก็เกรี้ยวกราดจนถึงกับทุบโต๊ะที่อยู่ข้าง ๆ แตกเป็นเสี่ยง ๆ!“มีอย่างที่ไหน ขุนนางสุนัขพวกนี้อาจหาญนัก!” สวีหลายหรี่ตาลงเล็กน้อยก่อนจะถามว่า “องค์รัชทายาททรงทราบถึงสถานการณ์ในเหลียงโจวแล้ว ขอทูลถามว่าเมื่อเสด็จถึงเหลียงโจวแล้วทรงตั้งพระทัยจะจัดการเช่นไรหรือพ่ะย่ะค่ะ?” ฉินซูตอบด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด “หากพวกขุนนางและพ่อค้าสมคบคิดกันจนสร้างความเดือดร้อนจริง ข้าจะกวาดล้างวงราชสำนักในเมืองเหลียงโจวคืนความสงบสุขให้แก่ราษฎรเมืองเหลียงโจว” พูดถึงตรงนี้เขาก็มองสวีหลายและกล่าวต่อว่า “หากเจ้าเชื่อใจตัวข้า จงนำคนของเจ้าไปยังเป่ยเหลียงด้วยกัน ส่วนเงินและอาหารบรรเทาทุกข์ภาคใต้ ข้าจะคิดหาวิธีเอง” “พ่ะย่ะค่ะ เช่นนั้นข้าน้อยจะพาภรรยาเดินทางไปยังเป่ยเหลียงทันที เมื่อองค์รัชทายาทเสด็จถึงเหลียงโจว ข้าน้อยจะมอบของกำนัลชิ้นใหญ่ให้ท่าน!”ฉินซูประหลาดใจเล็กน้อยก่อนจะหัวเราะเบา ๆ และถามว่า “เจ้าเชื่อมั่นในตัวข้าจริงหรือ? ในเมื่อก่อนหน้านี้ชื่อเสียงของข้ามิค่อยดีนัก” สวีหลายหัวเราะเปิดเผย “จริงอยู่ที่ก่อนหน้านี้ชื่อเสียงของท่านทรงมิค่อยดีนัก ทว่ามินานมานี้องค์รัชทายาททรงสามารถเอาชนะวรรณก

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 405

    “องค์รัชทายาท องค์รัชทายาท ตื่นเร็วเพคะ” นางร้องเรียกไปพลางยื่นมือไปเขย่าตัวฉินซูไปพลาง จากนั้นครู่หนึ่ง ฉินซูค่อย ๆ ตื่นขึ้นมาช้า ๆ ฉินซูมองซ้ายมองขวาก่อนจะแสดงสีหน้าสับสนออกมา “เสวี่ยเจี้ยน นี่พวกเราเป็นอะไรไป?” “เมื่อครู่พวกเราถูกวางยาพิษและสลบไป!” “ว่ากระไรนะ?! แล้วเงินบรรเทาภัยพิบัติเล่า?!” ฉินซูทำหน้าร้อนใจอย่างยิ่งแล้ววิ่งออกไปข้างนอกลานทันที แต่กู้เสวี่ยเจี้ยนดึงเขาไว้แล้วเอ่ยว่า “องค์รัชทายาทโปรดวางพระทัย เงินยังอยู่ ปลุกพวกเขาก่อนแล้วค่อยว่ากันเถิดเพคะ” ฉินซูพยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นก้มลงไปเรียกเซี่ยหลานเบา ๆ ที่ข้างหู หลังจากนั้นมินานเซี่ยหลานและคนอื่น ๆ ก็ตื่นขึ้นมา เมื่อรู้ว่าพวกตนเพิ่งจะถูกยาสลบจนหมดสติ ตงฟางไป๋ก็โกรธจัด รีบพาลูกน้องไปคิดบัญชีกับเจ้าของโรงเตี๊ยมและพ่อครัวในครัวทันที แต่เขากลับพบว่ามิว่าจะเป็นเจ้าของโรงเตี๊ยม เด็กรับใช้และพ่อครัวก็ยังคงหลับใหลอยู่ในเวลานี้จากนั้นตงฟางไป๋และคนอื่น ๆ ก็ต่างตรวจสอบหีบทุกใบจนทั่วหลังจากตรวจสอบเสร็จก็พบว่าเงินห้าแสนตำลึงยังอยู่ครบ สิ่งนี้ทำให้พวกเขางุนงงยิ่งกว่าเดิม สวีเซี่ยงเฉียนถามด้วยท่าทางสับ

Bab terbaru

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 712

    เซี่ยหลานตกใจลนลาน รีบแก้ตัวว่า “มิใช่อย่างนั้น ชูโม่ เจ้าคิดมากไปแล้ว ข้าจะกอดพระองค์ได้อย่างไร เจ้าก็รู้ว่าก่อนหน้านี้เขาทำกับข้าเช่นไร”ฉงชูโม่จึงนึกขึ้นได้ว่าก่อนหน้านี้เซี่ยหลานเคยถูกฉินซูฉีกอาภรณ์และทำให้อับอายนางจึงคลายความสงสัยในใจ “ข้าแค่ล้อเจ้าเล่นเท่านั้นเอง จะตกใจไปไยเล่า”“หึ กล้าล้อข้ารึ ข้ามิคุยกับเจ้าแล้ว” เซี่ยหลานแสร้งทำเป็นโกรธแล้วหันหลังเดินไปฉงชูโม่เห็นดังนั้นจึงรีบตามไป “เซี่ยหลาน ข้าผิดไปแล้ว เจ้าอย่าใจน้อยนักเลย”มองดูทั้งสองคนที่ทำราวกับว่าตนเป็นอากาศธาตุ ฉินซูก็จนคำจะกล่าวโชคดีที่ในเวลานั้นหลินชิงเหยาเดินเข้ามานางคล้องแขนฉินซูพลางกล่าวด้วยความนัยลึกซึ้งว่า “องค์รัชทายาท อากาศหนาวเย็นเช่นนี้อย่าประทับอยู่ข้างนอกเลยเพคะ ข้างนอกแม้จะเย็น แต่ดีที่ตำหนักบูรพาของเรามีบ่อน้ำพุร้อน องค์รัชทายาทจะเสด็จลงไปแช่เพื่อคลายความหนาวเหน็บหรือไม่เพคะ?”“ไปสิ ไยจึงมิไป!”ฉินซูเข้าใจความหมายในทันที จึงจับมือหลินชิงเหยาแล้วรีบเข้าไปในโรงอาบน้ำอย่างใจจดใจจ่อจากนั้นเขาก็ได้รำลึกถึงความหลังกับหลินชิงเหยาอีกครั้งในขณะเดียวกันเหลยเจิ้นได้รับพระบัญชาให้มายังห้องทรงอัก

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 711

    “อืม เพราะหากเป็นเช่นนั้น ก็อธิบายหลายสิ่งหลายอย่างได้”ฉงชูโม่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพยักหน้า “คนที่สามารถสั่งการยอดฝีมือจากวังหลวงได้ ตำแหน่งของเขาต้องมิธรรมดาอย่างแน่นอน หากคนเช่นนั้นลอบให้การช่วยเหลืออ๋องฉู่ ก็อาจจะปิดบังสายตาของสำนักโหรหลวงได้จริง ๆ”ฉินซูยักไหล่อย่างจนใจ “ดูเหมือนว่าการจะสาวถึงตัวคนที่อยู่เบื้องหลังอ๋องฉู่จะเป็นเรื่องยาก”“ถูกต้องแล้วเพคะ ครั้งนี้อ๋องฉู่ก่อกบฏมิสำเร็จ ต่อไปคงต้องระมัดระวังตัวยิ่งขึ้น พวกเราคงจะจับจุดอ่อนของเขาได้ยากขึ้นด้วย” ฉงชูโม่เองก็รู้สึกเสียดายอย่างยิ่ง“ช่างเถอะ พักเรื่องนี้ไว้ก่อน หากสืบสวนต่อไป เกรงว่าเสด็จพ่อจะทรงสงสัยว่าพวกเราสมคบคิดกันใส่ร้ายอ๋องฉู่”“แต่พวกเราจะปล่อยเรื่องนี้ไปเฉย ๆ หรือเพคะ? ในเมื่อที่อ๋องฉู่ตั้งใจจะก่อกบฏก็เป็นเรื่องจริง”ฉินซูกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “มิอาจปล่อยไปง่าย ๆ แน่นอน สิ่งที่เราทำได้ในยามนี้คือรอ รอให้ฉินอวี่ทำผิดพลาดอีกครั้ง ข้าเชื่อว่าเมื่อเรื่องนี้ซาลงไปแล้ว เขาจะต้องเคลื่อนไหวอย่างแน่นอน เมื่อใดที่มีการเคลื่อนไหว ก็จะต้องมีพิรุธเป็นแน่”ฉงชูโม่ถามว่า “ให้หม่อมฉ้นแอบจับตาดูเขาดีหรือไม่?”

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 710

    ฉินซูขมวดคิ้วกล่าวว่า “ตอนนี้ข้าก็แค่คาดเดา ยังไม่มีหลักฐานที่แน่ชัด จะสอบสวนเลยได้อย่างไร? ยิ่งกว่านั้นพวกเขายังเป็นศิษย์เอกของท่านทั้งสิ้น หากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไป เกรงว่าจะส่งผลเสียได้”เหลยเจิ้นส่ายหน้าอย่างจนใจ กล่าวว่า “ที่แท้องค์รัชทายาทก็แค่คาดเดาไปเอง แต่ข้าน้อยบอกท่านได้เต็มปากว่า นอกจากเสวี่ยเจี้ยน โฉ่วเยวี่ยและจีอันแล้ว ข้าน้อยล้วนจับศิษย์คนอื่น ๆ ขังแยกกันไว้ในห้องลับของสำนักหอดูดาวหลวงตั้งแต่ครึ่งปีก่อน พวกเขาไม่มีรอดพ้นจากสายตาข้าน้อยได้อย่างเงียบเชียบแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ”“อ้อ? ถูกท่านขังไว้หมดเลยหรือ?”ต่อมความอยากรู้อยากเห็นของฉินซูถูกกระตุ้นขึ้นมาทันที เขาถามต่อว่า “ท่านหัวหน้าโหรหลวงขังพวกเขาไว้ด้วยเหตุผลใดหรือ?”กล้ามเนื้อบนใบหน้าของเหลยเจิ้นกระตุกสองสามครั้ง เขายกมือขึ้นลูบหน้าผากแล้วตอบว่า “ช่างเถิด ข้าน้อยมิกลัวองค์รัชทายาทจะหัวเราะเยาะอยู่แล้ว ศิษย์เอกของข้าน้อยแต่ละคนล้วนมีสันดานทรยศ ข้าน้อยแน่ใจว่าท่านก็พอจะรู้นิสัยใจคอของโฉ่วเยวี่ยและจีอันอยู่บ้าง ดังนั้นข้าน้อยจึงทำได้เพียงปล่อยให้พวกเขาไตร่ตรองถึงความผิดพลาดของตนเท่านั้น”“เช่นนั้น ศิษย์เอกทั้งเจ็ดคนของท

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 709

    ทันทีที่เขาลงบันไดมา จีอันก็ถามด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ว่า “ศิษย์พี่รอง โดนดุมาหรือไร?”“ไป ๆ ๆ หัวโขกจนปูดไปหมด เรื่องนี้ข้ายังมิได้คิดบัญชีกับเจ้าเลย!”“ดูเถอะ ขี้ใจน้อยเหมือนสตรีไปได้”“นี่ เจ้าอยู่ดี ๆ มิชอบใช่หรือไม่? ข้าจะฟาดเจ้าคอยดูเถอะ!” ตู๋กูโฉ่วเยวี่ยไปหาแส้ยาวมาจากไหนก็มิทราบจีอันแคะขี้มูกแล้วกล่าวอย่างมิได้ยี่หระว่า “ข้ามิกลัวเจ้าหรอก ถึงอย่างไรท่านก็สู้ข้ามิได้”“ข้า… เจ้ามันร้ายกาจ ข้ายอมแพ้!”ตู๋กูโฉ่วเยวี่ยหมดความอดทนใดทันที จีอันผู้นี้ขึ้นชื่อเรื่องหนังหนา อีกทั้งยังเก่งกาจจนน่าขนลุก สู้มิได้ เขาหลบดีกว่าพูดจบเขาก็หันหลังเดินออกไปครู่ต่อมา ฉินซูและฉงชูโม่ก็มาถึงเมื่อเห็นฉินซู จีอันก็อุทานด้วยความประหลาดใจว่า “โอ้โหแฮะ องค์รัชทายาท มิไปประกาศศักดาที่ใดหรือ ไฉนจึงมาเยือนสำนักหอดูดาวหลวงของเราได้?”ฉินซูงงงวยเล็กน้อย จึงถามกลับว่า “ตัวข้าต้องไปประกาศศักดาที่ใดเล่า? อวดอ้างกระไร?”“ท่านมิทรงทราบหรือ? ยึดครองแคว้นหนานเยวี่ยง่ายเหมือนปอกกล้วยเช่นนี้ ผลงานระดับนี้ไยมิไปประกาศให้ทั่วเล่า? หากเป็นข้าน้อย ข้าน้อยจะร้องแรกแหกกระเชอคุยโวไปสามวันสามคืนเต็ม ๆ ท่านนี่ช่าง

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 708

    ชิวก่วนกล่าวด้วยสีหน้าเศร้าหมองว่า “หาได้มีโจรผู้ร้ายบุกรุกเข้ามาไม่พ่ะย่ะค่ะ หูก่วงเซิงและพวกตายไปโดยไร้สาเหตุ ก่อนหน้านี้ก็ไม่มีความผิดปกติใด ๆ พ่ะย่ะค่ะ”“ว่ากระไรนะ? หูก่วงเซิงและพวกตายแล้วรึ?”ฉงชูโม่เดินเข้ามาด้วยสีหน้าประหลาดใจฉินซูกล่าวอย่างมิสบอารมณ์ว่า “มิใช่แค่พวกเขา แม้แต่กองทัพส่วนตัวห้าหมื่นนายของอ๋องฉู่ก็ถูกคนช่วยออกไปแล้ว”“ว่ากระไรนะเพคะ?”ฉงชูโม่ตกตะลึงอ้าปากค้าง!เมื่อได้สติกลับมา นางก็ขมวดคิ้วกล่าวว่า “ด้วยกำลังของอ๋องฉู่เพียงลำพัง ไม่มีทางทำเรื่องเหล่านี้ได้แน่ ดังนั้นเบื้องหลังของเขาต้องมียอดฝีมือคอยช่วยเหลือเป็นแน่เพคะ!”ฉินซูครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วกล่าวว่า “ศพของหูก่วงเซิงและพวกอยู่ที่ใด?”“ตอนนี้อยู่ที่ศาลต้าหลี่พ่ะย่ะค่ะ”“ไปดูกัน”ฉินซูกล่าวจบก็เดินจากไปอย่างรวดเร็วหวังฉือเห็นเขาออกมาก็คำนับแล้วกำลังจะกล่าวทว่าฉินซูกลับพูดแทรกขึ้นก่อนว่า “ใต้เท้าหวัง ไปกันเถิด ไปศาลต้าหลี่ของท่านด้วยกัน”เมื่อได้ยินเช่นนั้น หวังฉือก็ชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นก็รีบพยักหน้าหนึ่งชั่วยามต่อมาพวกเขาก็มาถึงศาลต้าหลี่เมื่อมองดูร่างไร้วิญญาณของหูก่วงเซิงและพวก ฉ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 707

    ฉงชูโม่พยักหน้าหนักแน่น “ถูกต้องแล้วเพคะ เรื่องนี้มิใช่แค่ข้าน้อยคนเดียวที่เห็นกับตา ทหารทั้งสามทัพหลายนายก็เห็นเช่นกัน”เมื่อได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของฉินอู๋ต้าวก็มิสู้ดีขึ้นมาทันตาอดีตองค์รัชทายาทสำมะเลเทเมาบัดนี้กลับสร้างคุณงามความดีครั้งยิ่งใหญ่ อีกทั้งวรยุทธ์ก็ยังลึกล้ำเกินหยั่งถึง นี่มัน… เกินความคาดหมายของเขาไปมาก!ตลอดเวลาที่ผ่านมา เขาคิดว่าเบื้องหลังฉินซูต้องมียอดฝีมือคอยชี้แนะแต่จากที่เห็นในเวลานี้ ยอดฝีมือที่ว่านั้น แท้จริงแล้วก็คือฉินซูเองกล่าวคือ ฉินซูมิเพียงแต่มีกลยุทธ์ที่เหนือชั้น แต่วรยุทธ์ก็ยังก้าวเข้าสู่ระดับที่น่าตกตะลึงซ้ำร้ายฉินซูยังจงใจปิดบังวรยุทธ์ของตนอีกด้วย!เมื่อรวมทุกอย่างเข้าด้วยกัน ความระแวงที่ฉินอู๋ต้าวมีต่อฉินซูก็ยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นเมื่อเห็นฉินอู๋ต้าวนิ่งอึ้งไป ฉงชูโม่ก็กล่าวต่ออย่างมีนัยแฝงว่า “ฝ่าบาท ข่าวลือเรื่ององค์รัชทายาททรงทักษะยอดเยี่ยม เกรงว่าอีกมินานคงจะแพร่สะพัดไปทั่วหลงเฉิงเพคะแต่ก็ดีเหมือนกันเพคะ เหล่าคนชั่วที่คิดจะลอบสังหารองค์รัชทายาทจะได้ประมาณตนก่อนจะลงมือ เช่นนี้แล้ว ก็จะได้มิต้องกังวลเรื่องความปลอดภัยขององค์รัชทายาทให้มา

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 706

    สวี่จิ้นเสนาบดีกรมโยธาธิการกล่าวว่า “องค์รัชทายาท พระองค์ได้นำหนานเยวี่ยทั้งเจ็ดมณฑลสามสิบแปดเมืองมาอยู่ภายใต้ต้าเหยียนของเรา คุณูปการอันยิ่งใหญ่เช่นนี้ สมควรได้รับการประทานเครื่องยศเก้าประการแล้วพ่ะย่ะค่ะ”ฉินซูส่ายหน้าเล็กน้อย “ใต้เท้าสวี่ ท่านกล่าวผิดแล้ว มีคำกล่าวว่า ใต้หล้าไพศาลล้วนเป็นแผ่นดินขององค์จักรพรรดิ บนแผ่นดินนี้ล้วนเป็นข้ารองพระบาทขององค์จักรพรรดิ ข้าในฐานะองค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน ย่อมถือเอาความผาสุกของราษฎรเป็นภารกิจของตน ทุกสิ่งที่ทำล้วนเป็นหน้าที่”เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ ฉินซูก็ประสานมือคำนับฉินอู๋ต้าวอีกครั้ง “เสด็จพ่อ ดังนั้นรางวัลอันยิ่งใหญ่อย่างเครื่องยศเก้าประการนี้ลูกมิกล้ารับไว้จริง ๆ หวังว่าเสด็จพ่อจะทรงเข้าพระทัยพ่ะย่ะค่ะ!”เมื่อได้ยินเช่นนั้น เหล่าขุนนางระดับสูงก็อุทานด้วยความประหลาดใจอีกครั้งรางวัลอันยิ่งใหญ่เช่นเครื่องยศเก้าประการนี้ องค์รัชทายาทกลับปฏิเสธจริง ๆ หรือ?ต้องเท้าความว่า หากฉินซูในฐานะเป็นองค์รัชทายาทรับรางวัลนี้ ในภายภาคหน้า สถานะความสำคัญของเขาในสายตาของขุนนางและราษฎรแห่งต้าเหยียนก็แทบจะเทียบเท่ากับฉินอู๋ต้าวผู้เป็นองค์จักรพรรดิได้เลยทีเ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 705

    ฉงชูโม่กำลังจะกล่าวต่อ แต่กลับสังเกตเห็นว่าฉินซูกำลังส่ายหน้าให้นางเล็กน้อยเมื่อเห็นดังนั้น คิ้วเรียวก็ขมวดเล็กน้อยด้วยความสงสัยจากนั้นเสียงของฉินซูก็ดังขึ้นในหูของนาง “สถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว หลักฐานสำคัญหายไป”ฉินซูใช้วิชาแห่งกระแสจิต ดังนั้นจึงไม่มีใครสังเกตได้นอกจากฉงชูโม่เมื่อได้ยินถ้อยคำของฉินซู แววตาของฉงชูโม่ก็พลันไหววูบ จากนั้นจึงกล่าวกับฉินอู๋ต้าวว่า “ทูลฝ่าบาท ข้าน้อยไม่มีสิ่งใดจะกล่าวทูลแล้วเพคะ”เมื่อเห็นเช่นนั้น ฉินอู๋ต้าวก็มองฉงชูโม่ด้วยความสงสัยผาดหนึ่งแล้วหันไปมองฉินซูแทน“องค์รัชทายาท รายงานเรื่องคลังหลวงของหนานเยวี่ยหน่อยซิ”“ลูกน้อมรับพระบัญชาพ่ะย่ะค่ะ!”ฉินซูประสานมือแล้วพูดต่อ “ทูลเสด็จพ่อ ในการตรวจค้นคลังหลวงของหนานเยวี่ยครั้งนี้ ลูกพบผ้าไหมแพรพรรณสูงค่ามากมายนับมิถ้วน เงินแท้รวมทั้งสิ้นสิบสามล้านกว่าตำลึง ทองคำสองล้านตำลึง เสบียงอาหารก็มีมากถึงเกือบแสนต้านพ่ะย่ะค่ะ”“ลูกได้จัดสรรเงินจำนวนหนึ่งล้านตำลึงจากทั้งหมดในพระนามของเสด็จพ่อ เพื่อใช้เป็นรางวัลแก่ทหารทั้งสามทัพ ส่วนพืชพรรณธัญหารก็ได้สั่งให้คนนำกลับไปเก็บไว้ที่เจียวโจวแล้วพ่ะย่ะค่ะ”“ยังมีอีกเรื่

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 704

    ฉินอู๋ต้าวผงกศีรษะให้ฉินอวี่เล็กน้อย แล้วกล่าวว่า “อ๋องฉู่ ในเมื่อชูโม่เข้าใจตัวเจ้าผิดไป เจ้าก็เล่าเรื่องราวทั้งหมดอีกครั้งเถิด”“ลูกรับพระบัญชาพ่ะย่ะค่ะ!”ฉินอวี่ประสานมือคำนับ แล้วกล่าวช้า ๆ ว่า “ชูโม่ ตอนที่ลงใต้ไปยังเจียวโจว ยามนั้นข้าประมาทเลินเล่อ ถูกคนสนิทขโมยตราประจำตัวไป ภายหลังจึงได้ทราบว่าเจ้าคนสารเลวนั่นถูกเติ้งหม่างซื้อตัวไปนานแล้วแม้แต่หูก่วงเซิงและคนอื่น ๆ ก็ยังแปรพักตร์ไปเข้าข้างหนานเยวี่ย กว่าข้าจะรู้ตัวทัพหนานเยวี่ยก็บุกเข้าประตูเมืองเจียวโจวแล้วด้วยความจำเป็น ข้าจึงต้องถอยกลับมาก่อน จากนั้นก็เดินทางทั้งวันทั้งคืน เมื่อกลับมาถึงหลงเฉิงก็รีบทูลเรื่องนี้ให้เสด็จพ่อทรงทราบในทันที”เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฉงชูโม่ก็แค่นยิ้มหยันทันที “ท่านอ๋องฉู่ ท่านทรงคิดว่าแค่โยนความผิดทั้งหมดไปให้คนสนิทขอท่านแล้วเรื่องก็จะจบลงง่าย ๆ เช่นนั้นหรือ?”ฉินอวี่โต้กลับว่า “สิ่งที่ตัวข้าพูดมาทั้งหมดเป็นความจริง จะเรียกว่าโยนความผิดได้อย่างไร?”ฉงชูโม่มิได้โต้เถียงกับเขาต่อ แต่หันไปกล่าวกับฉินอู๋ต้าวว่า “ฝ่าบาท ที่ทะเลตงไห่ ท่านอ๋องฉู่...”ยังมิทันที่นางจะพูดจบ ขันทีน้อยคนหนึ่งก็วิ่งเข้าม

Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status