Share

บทที่ 329

Penulis: ใบไม้ร่วงในเมืองร้าง
ฉินซูไพล่มือไว้ด้านหลังพลางยิ้มเยาะ “อะไรกัน ข้าต่อโคลงคู่ที่สองได้แต่เจ้ากลับบอกว่าข้าได้รับการชี้แนะจากผู้อื่น เจ้าคิดจะโกงกันหรือไร?”

มู่หรงฟู่แค่นเสียงเบา “ท่านต่างหากที่โกง ขุนนางบุ๋นบู๊ทุกคนในราชวงศ์ของท่านมีใครที่มิรู้บ้าง ต้องให้ข้าพูดมากกว่านี้หรือไม่? พวกเขาต่อโคลงมิได้ แต่ท่านกลับทำได้ แสดงว่าท่านมีความสามารถมากกว่าขุนนางเหล่านั้นรึ? หึ ๆ พูดมาได้ว่าท่านคิดเอง คงจะมีคนเชื่อกระมัง?”

ฉินหยางยิ้มเย้ยพลางพูดอย่างปรีดาบนความทุกข์ของผู้อื่น “องค์รัชทายาท แม้ท่านจะต่อโคลงคู่ที่สองได้ แต่ท่านก็ต้องอธิบายให้ดี องค์รัชทายาท มิเช่นนั้นราชวงศ์ต้าเหยียนของเราจะต้องขายหน้าเพราะท่านนะพ่ะย่ะค่ะ”

เขาใช้คำพูดเมื่อครู่ของฉินซูตอกกลับไปอย่างมิไว้หน้า

แต่ทันทีที่พูดจบ เขาก็ถูกฉินอู๋ต้าวถลึงตาใส่

เขากลัวมากจนใจสั่น และรีบหุบรอยยิ้มปรีดาพลางก้มหน้าลง

ฉินซูพูดโดยมิเปลี่ยนสีหน้า “ข้าจะมีความรู้ความสามารถจริง ๆ หรือไม่ ข้อเท็จจริงย่อมเป็นตัวพิสูจน์ หยุดพูดไร้สาระให้เสียเวลา ข้าต่อโคลงคู่แรกของทเจ้าไปแล้ว คราวนี้ถึงตาที่ข้าเป็นฝ่ายเริ่มใช่หรือไม่?”

มู่หรงฟู่แค่นเสียงเย็นอย่างมิยอมอ่อนข้อ “มาสิ
Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi
Bab Terkunci

Bab terkait

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 330

    หวังฉือตุลาการศาลต้าหลี่มิค่อยอยากเชื่อสักเท่าไรเขาพึมพำ “มิจริงน่า เฉิงจืออี้เป็นผู้อาวุโสแห่งสำนักหอสมุดหลวงเป่ยเยี่ยน ทั้งยังเป็นผู้นำในวงการวรรณกรรมเป่ยเยี่ยน แต่กลับต่อโคลงคู่แรกขององค์รัชทายาทมิได้น่ะหรือ?”“คาดมิถึงเลยว่าท่านผู้อาวุโสเฉิงจะยอมแพ้ มิพูดมิได้ว่าองค์รัชทายาททรงยอดเยี่ยมจริง ๆ!”“นั่นสิ เมื่อก่อนข้าก็คิดว่าองค์รัชทายาททรงใช้ชีวิตอย่างไร้ซึ่งความทะเยอทะยาน แต่คาดมิถึงว่าพระองค์เป็นคนมีความสามารถคนหนึ่ง แต่เพียงมิไแสดงออก ทว่าเมื่อคนได้เห็นได้รู้กลับเป็นต้องตะลึงงัน!”“การที่บุคคลสำคัญแห่งวงการวรรณกรรมของเป่ยเยี่ยนยอมแพ้ให้ก็เพียงพอที่จะพิสูจน์ได้ว่า ความรู้ความสามารถขององค์รัชทายาทมิได้ด้อยไปกว่าท่านผู้อาวุโสเฉิงเลย!”“องค์รัชทายาทผู้เกรียงไกร ทรงทำให้แคว้นของเราเรืองรองด้วยบารมีอำนาจ!”เสียงสรรเสริญดังก้องไปทั่วทั้งสถานที่แห่งนั้นอีกครั้งสีหน้าของมู่หรงฟู่และคนอื่น ๆ มิสู้ดีราวกับกินแมลงวันเข้าไปก็มิปานขณะนั้นเฉิงจืออี้ก็พูดขึ้นอีกครั้งเขายกมือคำนับฉินซูและพูดด้วยท่าทีที่มิถ่อมตัวและมิอวดดี “องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน แม้โคลงคู่แรกเมื่อครู่ของท่านจะวิจิต

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 331

    “ด่านซานไห่ถูกสร้างขึ้นเมื่อปีศักราชหงอู่ที่สิบสี่ในช่วงราชวงศ์หมิง และตั้งอยู่ตรงใจกลางของกำแพงเมืองจีนที่ด่านซานไห่…”เมื่อได้ยินเช่นนั้น ท่าทางของฉินซูก็เปลี่ยนไปทันที และมีสีหน้าประหลาดใจ!ปีศักราชหงอู่ที่สิบสี่ในช่วงราชวงศ์หมิงคือรัชสมัยของจักรพรรดิจูหยวนจางผู้สถาปนาราชวงศ์หมิงมิใช่หรือ?อีกทั้งข้อมูลของด่านซานไห่ที่ถูกบันทึกไว้ในตำราโบราณนั้นเหมือนกับเรื่องราวประวัติศาสตร์ที่เขารู้ทุกประการ!แต่เหตุใดหัวหน้าโหรหลวงถึงบอกว่านั่นคือเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อราวหมื่นปีก่อน?หรือว่านับตั้งแต่ราชวงศ์หมิงมาจนถึงบัดนี้ เวลาได้ล่วงเลยมาเป็นหมื่นปีแล้ว?จะเป็นไปได้อย่างไร?!แต่นอกเหนือจากนี้แล้วจะอธิบายอย่างไรให้เข้าใจได้?มันคงเป็นไปมิได้หรอกกระมังที่ประวัติศาสตร์ของทั้งสองโลกจะมีส่วนที่คล้ายคลึงกัน?ยิ่งฉินซูคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้มากเท่าไร ความคิดของเขาก็ยิ่งสับสนวุ่นวายมากขึ้นเท่านั้นขณะนั้นเองเฉิงจืออี้ก็ถอนหายใจยาวและพูดว่า “ท่านหัวหน้าโหรหลวง ข้ารู้ตัวอักษรโบราณมิมากนัก แต่เห็นได้ชัดว่าตำราเล่มนี้บันทึกข้อมูลทางประวัติศาสตร์และอารยธรรมตั้งแต่สมัยโบราณเอาไว้มากมาย มิทราบว่าท่าน

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 332

    ก่อนที่จะทะลุมิติมาข้าก็ใช้อักษรจีนตัวย่อมาตลอด ตอนนี้เจ้าคิดจะใช้สิ่งนี้มาทำให้ข้าตกที่นั่งลำบากอย่างนั้นรึ?นี่มิใช่ว่าอยากจะทรมานข้าหรือไร!มู่หรงฟู่ที่มิรู้ว่าฉินซูกำลังคิดอะไรอยู่ก็ถามด้วยความสงสัย “ฉินซู ท่านยิ้มอะไร?”ฉินซูยิ้มเยาะและพูดว่า “ข้ายิ้มให้กับความมิรู้ของเจ้าอย่างไรเล่า! ในเมื่อข้ารู้ว่าด่านซานไห่อยู่ที่ใด แน่นอนว่าข้าย่อมรู้ตัวอักษรโบราณเหล่านั้น”พูดจบ เขาก็เปิดตำราไปที่หน้าสามและชี้ไปยังอักษรตัวใหญ่สามคำที่อยู่ด้านบนสุดของหน้ากระดาษทั้งสามคำนี้เป็นอักษรจีนตัวย่ออย่างมิผิดเพี้ยน หากเขามิรู้ก็แปลกแล้วเพียงแต่เขายังข้องใจที่โลกเดิมที่เขาเคยอาศัยอยู่นั้น นับตั้งแต่ราชวงศ์หมิงได้ผ่านไปมิกี่ร้อยปีเท่านั้นเหตุใดในโลกนี้ที่มีราชวงศ์ต้าเหยียน ต้าหมิงถึงได้กลายเป็นแคว้นโบราณที่มีอายุผ่านมาเป็นหมื่นปี?ขณะนั้นเองก็มีความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นมาในหัวของเขา หรือว่า… เขาเดินทางมายังอนาคตหมื่นปีข้างหน้า?มิฉะนั้น ตำราโบราณนั่นจะใช้อักษรจีนตัวย่อในการจดบันทึกได้อย่างไร?ยิ่งฉินซูคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้มากเท่าไร เขาก็ยิ่งรู้สึกว่ามันมีความเป็นไปได้แต่ในมิช้าเขาก็ตระหนักได้

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 333

    ก่อนที่ฉินซูจะได้ตอบอะไร ฉินหงก็ชิงพูดก่อนว่า “แน่นอนว่ามิใช่ ผู้ชนะจะเป็นผู้คิดโจทย์ นี่เป็นกฎแบบดั้งเดิม”“ถูกต้อง มีอย่างที่ไหนให้ผู้แพ้เป็นคนคิดโจทย์ มิเคยพบมิเคยเห็น”“พ่ายแพ้ราบคาบเช่นนั้นยังจะกล้ามาขอคิดโจทย์อีก หน้ามิอายเสียจริง”ขุนนางคนอื่น ๆ ต่างพากันพูดสนับสนุนมิแปลกใจที่พวกเขาแย่งสิทธิ์ในการคิดโจทย์ เพราะขอเพียงแค่พวกเขาได้เป็นฝ่ายคิดโจทย์ยาก ๆ ไปตลอด ก็รับประกันได้ว่าพวกเขาจะเป็นฝ่ายชนะเมื่อเห็นว่าทุกคนยังคงโต้เถียงกัน ฉินซูก็โบกมือแล้วพูดว่า “ทุกท่าน คณะทูตเป่ยเยี่ยนเป็นแขกจากแดนไกล เราต้องปฏิบัติต่อพวกเขาด้วยความสุภาพ มิเช่นนั้นพวกเราจะมิดูใจแคบเอาหรือ?”หวังฉือพูดด้วยท่าทีจริงจัง “องค์รัชทายาท แม้จะตรัสเช่นนั้น ทว่ายามนี้พวกเรามิได้เล่นการละเล่นดังเช่นเด็กน้อย หากพ่ายแพ้ วงการวรรณกรรมต้าเหยียนของพวกเราจะต้องอับอายขายหน้านะพ่ะย่ะค่ะ”เนี่ยหงยังกล่าวอีกว่า “ใช่แล้วพ่ะย่ะค่ะ องค์รัชทายาท ในเมื่อเป่ยเยี่ยนมาเยือนเขตแดนต้าเหยียนของพวกเราแล้วก็ย่อมต้องปฏิบัติตามกฎของพวกเราพ่ะย่ะค่ะ”มู่หรงฟู่แค่นเสียงเย็น “เมื่อครู่องค์รัชทายาทของพวกเจ้าก็บอกเป็นนัย ๆ แล้วมิใช่หรือ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 334

    หลังจากนั้นมินาน เหล่าขุนนางต้าเหยียนต่างก็ส่ายหัวและถอนหายใจ“หากฟ้าสร้างกระดาน หมากคือเหล่าดวงดารา ผู้ใดหนาจะกล้าลงเล่น? โคลงคู่นี้น่าทึ่งจริง ๆ!”“โคลงคู่แรกนี้ยิ่งใหญ่และทรงพลังยิ่งนัก!”“นั่นสิ เปิดมาได้อย่างเฉียบขาดเช่นนี้ มิแปลกใจเลยที่หนานกงจื่อชินจะเป็นบุตรแห่งนักปราชญ์ของหอดารารักษ์ สมคำร่ำลือจริง ๆ!”“เฮ้อ องค์รัชทายาทมิควรให้เป่ยเยี่ยนเป็นฝ่ายคิดโจทย์เลย รอบนี้พวกเราพ่ายแพ้แล้ว”“นั่นสิ กว่าจะชนะได้สักรอบนั้นมิง่ายเลย สุดท้ายพวกเราก็แพ้อีกแล้ว”“...”ในตอนนี้แม้แต่เว่ยเจิงและเหลยเจิ้นที่มีความรู้ความสามารถก็ยังมิพูดอะไร พลางขมวดคิ้วและครุ่นคิดอย่างเงียบ ๆฉินหยางกล่าวโทษด้วยความมิพอใจ “องค์รัชทายาท ดูเถิดว่าท่านทำเรื่องงามหน้าอะไรลงไป กว่าจะชนะได้สักรอบนั้นมิง่ายเลย แต่ตอนนี้กลับคืนให้อีกฝ่ายไปหมดแล้ว ท่านจะอธิบายกับเสด็จพ่ออย่างไร?”ฉินซูยิ้มเยาะ “ข้ายังมิได้สู้กลับเลย เจ้าพูดมาได้อย่างไรว่ารอบนี้พ่ายแพ้แล้ว?”“หึ ๆ เช่นนั้นต่อโคลงคู่ที่สองได้หรือไม่เล่าพ่ะย่ะค่ะ?”“แน่นอน!”เมื่อได้ยินเช่นนั้น ทุกคนก็มองไปที่ฉินซูด้วยความมิอยากเชื่อแม้แต่ฉินอู๋ต้าว เว่ยเจิงแ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 335

    มู่หรงฟู่และคนอื่น ๆ จากเป่ยเยี่ยนก็ตกตะลึงเช่นกันหนานกงจื่อชินส่ายหัวโดยมิรู้ตัวและพึมพำด้วยความมิอยากเชื่อ “เป็น… เป็นไปได้อย่างไรกัน องค์รัชทายาททรงต่อโคลงบทแรกอย่างทรงพลังเช่นนี้ได้อย่างไร?”โคลงคู่ที่ในอดีตเขามิสามารถต่อได้ แต่ฉินซูกลับทำได้ มันยากมากที่เขาจะยอมรับข้อเท็จจริงนี้ได้เฉิงจืออี้มองฉินซูด้วยความประหลาดใจ และอดมิได้ที่จะอุทานอย่างชื่นชม “คาดมิถึงว่าองค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียนจะทรงต่อโคลงคู่ที่สองได้อย่างงดงามประณีตถึงเพียงนี้ กระหม่อมขอชื่นชมจากใจจริงพ่ะย่ะค่ะ!”พูดจบ เขาก็ประสานมือคารวะฉินซูอย่างจริงใจด้วยความประทับใจในความรู้ความสามารถของฉินซูอย่างแท้จริงหลังจากที่ได้มาสมทบกับหนานกงจื่อชินและคนอื่น ๆ เขาก็ได้รู้โคลงคู่แรกจากปากของอีกฝ่ายซึ่งก็คือ ‘หากฟ้าสร้างกระดาน หมากคือเหล่าดวงดารา ผู้ใดหนาจะกล้าลงเล่น’เขากับหนานกงจื่อชินและคนอื่น ๆ ต่างใช้ความคิดกันอย่างหนักมาหลายวัน แต่ก็มิสามารถคิดโคลงคู่สองที่เหมาะสมได้เมื่อครู่ที่หนานกงจื่อชินเอ่ยโคลงคู่แรกออกมา เขาก็เชื่อว่าเป่ยเยี่ยนจะต้องชนะการแข่งในรอบนี้แต่มิว่าอะไรจะเกิดขึ้นเขาก็มิเคยคาดคิดว่า ฉินซูจะต่อโคลงค

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 336

    ทันทีที่ฉินซูพูดจบ ทุกคนก็อุทานออกมา“มิจริงน่า? องค์รัชทายาททรงจะท้าทายวงการวรรณกรรมเป่ยเยี่ยนด้วยตัวคนเดียวหรือ?”“เมื่อครู่มู่หรงฟู่พูดไว้มิใช่หรือว่า คนเหล่านั้นที่มาในครั้งนี้ล้วนเป็นขุนนางฝ่ายบุ๋นที่มีความรู้ความสามารถ และแน่นอนว่าต้องโดดเด่นในเป่ยเยี่ยนมากพอที่จะเป็นตัวแทนวงการวรรณกรรมแห่งเป่ยเยี่ยนได้”“แต่องค์รัชทายาททรงแข็งแกร่งและมุ่งมั่นมาก หากทรงสามารถเอาชนะการประลองรอบนี้ได้ ชื่อเสียงของพระองค์ต้องโด่งดังไปทั่วแว่นแคว้นเป็นแน่!!”“คิดไกลไปกระมัง? เฉิงจืออี้เป็นผู้อาวุโสแห่งสำนักหอสมุดหลวงของเป่ยเยี่ยนเชียวนะ จนถึงตอนนี้เขายังมิได้ออกโรงเลย หากเขาเป็นผู้คิดโจทย์ องค์รัชทายาทจะทรงมั่นใจหรือว่าพระองค์สามารถตอบโต้ได้?”“ที่พูดมาก็ถูก คนรุ่นหลังที่ยังเยาว์เช่นหนานกงจื่อชินย่อมไม่มีอะไรต้องกังวล แต่ท่านผู้อาวุโสเฉิงรับผิดชอบดูแลสำนักหอสมุดหลวงของเป่ยเยี่ยนมานับทศวรรษ พูดได้ว่าเขาคลุกคลีอยู่กับบทกวีและเพลงกลอนทุกวัน โจทย์ที่เขาคิดนั้นต้องพิเศษอย่างแน่นอน แม้องค์รัชทายาทจะทรงมีความสามารถที่โดดเด่น แต่ก็อาจมิสามารถรับมือได้”ขณะที่ทุกคนกำลังคุยกัน พวกเขาก็เริ่มทำสีหน้ากังวลอ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 337

    ฉินซูเพียงแค่ยิ้มเบา ๆ ให้พวกนางทั้งสองและมองไปที่ฉินอู๋ต้าว“เสด็จพ่อ อ๋องหนิงเป็นฝ่ายเสนอเรื่องนี้ขึ้นมา หากลูกมิตอบตกลง เกรงว่าจะทำให้ตำหนักบูรพาและเสด็จพ่อทรงต้องขายพระพักตร์ ดังนั้น ขอเพียงเสด็จพ่อทรงเห็นด้วย อ๋องหนิงก็ยินดีที่จะให้เป็นไปตามนี้เช่นกัน เท่านี้ ก็จะเป็นไปตามที่เขาต้องการพ่ะย่ะค่ะ!”หลังจากที่ฉินซูพูดจบ ฉินหยาง ฉินหงและคนอื่น ๆ ก็รู้สึกเบิกบาน!เจ้าฉินซู กล้าเอาตำแหน่งในตำหนักบูรพามาใช้เป็นเดิมพัน อวดดีถึงขั้นนี้เชียวรึ?ก็ดี กำลังกังวลที่หาวิธีโค่นเจ้ามิได้อยู่พอดี ในเมื่อเจ้าหาวิธีมาให้ขข้าถึงที่เช่นนี้ ก็อย่าโทษที่พวกข้ามิไว้หน้าก็แล้วกันเมื่อคิดได้เช่นนั้น ฉินหยางที่กลัวว่าใต้หล้าจะวุ่นวายมิพอก็เอ่ยขึ้น “เสด็จพี่รอง ในเมื่อองค์รัชทายาทตรัสเช่นนี้แล้ว ดังนั้นท่านจะทำตัวขี้ขลาดมิได้ มิว่าอย่างไรท่านก็ต้องเดิมพันกับองค์รัชทายาทสิ!”ฉินหงก็กล่าวด้วยว่า “ถูกต้อง มิเช่นนั้นมันจะเป็นการมิไว้หน้าองค์รัชทายาท นอกจากนี้ทางเป่ยเยี่ยนก็มีท่านผู้อาวุโสเฉิงคอยรับผิดชอบอยู่ ท่านมิต้องกังวลเลย!”ฉินเซียวส่งสายตาเป็นประกายวาว ในใจก็นึกลังเลขึ้นมาตอนนี้ฉินซูตกลงที่จะเดิม

Bab terbaru

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 618

    “ท่านแม่ทัพหู แผนนี้ยอดเยี่ยมจริง ๆ ออกจากประตูเมืองฝั่งเหนือแล้วอ้อมไปอีกหน่อย ก็ลอบโจมตีทัพหนานเยวี่ยได้เหมือนเดิม!”“ไป เร่งฝีเท้า!”ดังนั้น กองทหารของพวกเขาจึงเดินทางมายังใต้ประตูเมืองฝั่งเหนือแม่ทัพรักษาการณ์ที่นี่เห็นหูก่วงเซิงและพวก จึงไต่ถาม “ท่านแม่ทัพหู นี่พวกท่านจะทำการใด?”“ในเมืองผู้คนพลุกพล่านเกินไป พวกเราจะออกไปพักผ่อนนอกเมืองสักหน่อย วันพรุ่งพวกเราจะย้ายค่ายทหารไปตั้งไว้นอกเมืองฝั่งเหนือเช่นกัน เพื่อความสะดวกในการฝึกทหาร”เมื่อได้ยินดังนั้น ทหารรักษาการณ์ก็โบกมือให้คนเปิดประตูเมืองจะตำหนิว่าเขาประมาทเกินไปก็มิได้ ท้ายที่สุดแล้วนอกเมืองทางฝั่งเหนือยังมีทหารประจำการอยู่เป็นจำนวนมิน้อย ทหารที่เข้าออกประตูเมืองทางฝั่งเหนือจึงมีจำนวนมากเป็นทุนเดิมหลังจากที่ออกนอกเมืองได้อย่างราบรื่น หูก่วงเซิงจึงนำกองทัพทหารม้าพันนายมุ่งหน้าลงใต้!ขณะเดียวกันนอกประตูเมืองเจียวโจวทางฝั่งใต้ เงาร่างสิบกว่าร่างพุ่งออกมาจากป่าละเมาะห่างออกไปมิไกลนักพวกเขามีท่าทางคล่องแคล่ว เพียงชั่วพริบตาก็เข้าไปซุ่มซ่อนตัวอยู่ในพุ่มไม้เตี้ย ๆ ฝั่งหนึ่งหลังจากที่สังเกตการณ์บนกำแพงเมืองอยู่ครู่หน

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 617

    “ท่านแม่ทัพหู กองทัพหนานเยวี่ยแตกพ่ายในวันนี้ บัดนี้คงอกสั่นขวัญแขวนกันอยู่เป็นแน่ หากพวกเรานำทัพไปลอบโจมตี อย่างไรก็ต้องสำเร็จ! ถึงเวลานั้นหากสำเร็จ ท่านแม่ทัพใหญ่จะเอาผิดพวกเราที่ยกทัพไปโดยพลการได้อย่างไร?”ชายร่างกำยำอีกด้านกล่าวสำทับ “รองแม่ทัพหลิวกล่าวได้ถูกต้อง ท่านแม่ทัพหู พวกเราอุตส่าห์บุกป่าฝ่าดงมาถึงเจียวโจวก็มิใช่อื่นใด นอกเสียจากเพื่อสร้างความดีความชอบให้มากยิ่งขึ้นพวกเราสร้างความดีความชอบในเจียวโจวมากเท่าไร พระเกียรติของท่านอ๋องฉู่ในราชสำนักก็จะยิ่งสูงส่งมากขึ้นเท่านั้น ทุกสิ่งที่พวกเราทำ ล้วนเพื่อท่านอ๋องฉู่ทั้งสิ้น!”“ถูกต้อง พวกเราคือคนของท่านอ๋องฉู่ ท่านแม่ทัพใหญ่ย่อมมิอาจตำหนิพวกเราที่ออกรบโดยพลการได้ ท่านแม่ทัพหู ท่านรีบตัดสินใจเถิด โอกาสมิคอยท่า เวลามิหวนคืน!”“ท่านแม่ทัพหู คนขององค์รัชทายาทออกนอกเมืองไปครึ่งชั่วยามแล้ว หากพวกเรามิรีบเร่งติดตามไป เกรงว่าน้ำแกงก็มิได้ซด อย่าหวังจะได้กินเนื้อเลยขอรับ!”ด้วยคำยุยงของเหล่าผู้ใต้บังคับบัญชา ดวงตาของหูก่วงเซิงก็ค่อย ๆ แน่วแน่ขึ้น!เขาพยักหน้าหนักแน่น กล่าวเสียงทุ้มต่ำ “สั่งให้เหล่าสหายทั้งหลายเตรียมตัวให้พร้อม อีกห

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 616

    หูก่วงเซิงยกไหสุราขึ้นกระดกไปหลายอึก และแค่นเสียง “หึ ศึกที่ได้ชัยชนะในวันนี้ หากมิใช่เพราะทหารม้าหุ้มเกราะของพวกข้าบุกตะลุยอยู่แนวหน้า มีหรือกองทัพหนานเยวี่ยจะถูกสังหารจนแตกพ่ายยับเยิน?ทว่าในงานเลี้ยงฉลองชัย ท่านแม่ทัพใหญ่กลับมิเอ่ยถึงความดีความชอบของพวกข้าแม้แต่คำเดียว เอาแต่ชื่นชมองค์รัชทายาทมิขาดปากข้าสงสัยนัก องค์รัชทายาทเพียงแต่นำอาวุธที่กรมโยธาธิการประดิษฐ์ขึ้นใหม่มาด้วยเท่านั้น มีสิ่งใดน่าสรรเสริญกัน?”รองแม่ทัพที่นั่งอยู่ข้างกายเขาขมวดคิ้ว กล่าว “ท่านแม่ทัพหู ท่านว่าเช่นนี้เห็นทีจะมิถูกกระมัง อาวุธเหล่านั้นล้วนเป็นสิ่งที่องค์รัชทายาททรงออกแบบ ศึกครานี้ชนะได้ ก็เป็นเพราะพระองค์”“ใช่แล้ว อีกอย่างที่ทหารม้าหุ้มเกราะของพวกท่านบุกตะลุยกองทัพหนานเยวี่ยได้ไร้ผู้ใดขัดขวาง ก็มิใช่เป็นเพราะมีอาวุธที่องค์รัชทายาททรงออกแบบให้การคุ้มครองหรอกหรือ มิเช่นนั้นกองทัพหนานเยวี่ยจะปล่อยให้พวกท่านบุกตะลุยในแนวรบโดยมิอาจโต้ตอบได้เลยด้วยเหตุใดเล่า?”หูก่วงเซิงเผยสีหน้าดูแคลน หัวเราะเยาะ “องค์รัชทายาทที่เอาแต่เสพสุขไปวัน ๆ ไฉนจึงออกแบบอาวุธร้ายกาจถึงเพียงนี้ได้? พวกเจ้าก็ช่างหูเบากันเสียจริง ใ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 615

    หลังจากที่ฟังเขาจนจบ ฉงชูโม่ขมวดคิ้วถาม “แผนการของท่านดีก็จริง ทว่าหากพวกมันมิมาในคืนนี้เล่า?”“คืนนี้พวกเราจัดงานเลี้ยงฉลองชัย พวกมันต้องปักใจเชื่อว่ากำลังป้องกันเมืองของพวกเราหย่อนยาน คืนนี้หากพวกมันมิลงมือ ภายหน้าคงไม่มีโอกาสดีเช่นนี้อีกแล้ว ดังนั้นคืนนี้พวกมันต้องลงมือเป็นแน่”“เช่นนั้นก็ได้ ทำตามที่ท่านว่าก็แล้วกันเพคะ!”ฉินซูพยักหน้าเล็กน้อย แล้วกล่าวต่อ “อีกอย่าง คืนนี้เจ้าจงส่งทหารสองกองไปซุ่มอยู่หลินสุ่ยและเซี่ยอ้าว เมื่อทัพใหญ่หนานเยวี่ยปรากฏกาย จงปล่อยให้พวกมันเข้ามา รอจนกระทั่งเสียงฆ่าฟันนอกเมืองดังขึ้นค่อยตลบหลังโจมตีกองทัพหนานเยวี่ย จากนั้นจึงเข้าตีกระหนาบหน้าหลัง กวาดล้างพวกมันในคราเดียว!”ฉงชูโม่ถามอย่างตกตะลึง “ท่านคิดว่าคืนนี้พวกหนานเยวี่ยจะบุกโจมตีด้วยทัพใหญ่หรือเพคะ?”“พูดได้แต่เพียงมีความเป็นไปได้สูงนัก”“หม่อมฉันว่ามีความเป็นไปได้น้อย เนื่องจากเติ้งหม่างเพิ่งประสบความพ่ายแพ้ในวันนี้ ซ้ำร้ายทหารใต้บัญชาของเขายังหวาดหวั่นเกรงกลัวธนูทดกำลังและระเบิดสายฟ้าของพวกเราจนหัวหด หากยังมิล่วงรู้ว่าพวกเรามีธนูทดกำลังและระเบิดสายฟ้าเหลืออยู่มากน้อยเพียงใด พวกมันคงมิกล้าผล

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 614

    ฉินซูหัวเราะแห้ง ๆ แล้วกล่าวติดตลก “ข้าแค่กังวลว่าเจ้าจะหึงหวงข้า”ฉงชูโม่ถ่มน้ำลาย “ถุย ใครจะหึงท่านกัน อย่าได้หลงตัวเองไปหน่อยเลย!”“อะแฮ่ม ๆ เรื่องนั้นช่างมันเถิด ที่จริงข้ามีธุระสำคัญ...”ฉงชูโม่ขัดขึ้นมาเสียก่อน “มีกระไรก็รีบว่ามา อย่ามัวอ้อมค้อม”ฉินซูปรับสีหน้าให้เคร่งขรึม แล้วเอ่ยถาม “วันนี้ที่พวกเรามีชัยเหนือแคว้นหนานเยวี่ย ในความเห็นของเจ้า พวกมันจะทำอย่างไรต่อไป?”“ชัยชนะในวันนี้ ต้องยกความดีความชอบให้กับพลานุภาพของธนูทดกำลังและระเบิดสายฟ้า กองทัพหนานเยวี่ยประสบความพ่ายแพ้ย่อยยับถึงเพียงนี้ หากหม่อมฉันเป็นเติ้งหม่าง คงต้องหาทางนำอาวุธทั้งสองชนิดนี้ไปให้ได้!”เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฉินซูจึงอดมิได้ที่จะมองนางด้วยสายตาชื่นชมสมแล้วที่ฉงชูโม่เป็นแม่ทัพขั้นหนึ่งที่มากล้นด้วยสติปัญญาและความกล้าหาญ สามารถเดาใจศัตรูได้ล่วงหน้าเช่นนี้“เมื่อรู้ถึงเจตนาของเติ้งหม่างผู้นั้นแล้ว เราควรจะลองมาล่อเสือออกจากถ้ำดูสักครา”“ตรัสเช่นนี้ แสดงว่าท่านทรงคิดแผนการรับมือไว้แล้วหรือ?”ฉงชูโม่เอี้ยวศีรษะมองฉินซู ดวงตาคู่งามกระจ่างใสนั้นเต็มไปด้วยความประหลาดใจหางตาฉินซูเหลือบมองอ่างอาบน้ำโดยม

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 613

    “ใช่แล้วพ่ะย่ะค่ะ องค์รัชทายาท ขอพระองค์โปรดเมตตา”ทั้งสองกล่าวพร้อมคุกเข่าลงต่อหน้าฉินซูฉินซูจนปัญญา จึงตะโกนเข้าไปในกระโจม “ชูโม่ ให้ข้าเข้าไปเถิด ข้าขออธิบายให้เจ้าฟังดี ๆ มิได้หรือ?”ทว่าข้างในกลับไร้เสียงตอบรับฉินซูยังคงมิยอมแพ้ กล่าวต่อไป “ชูโม่ เจ้าอย่าหึงหวงนักเลย อย่างน้อยก็ให้ข้าอธิบายสักหน่อยเถิด”เมื่อได้ยินถ้อยคำเหล่านั้น ทหารยามทั้งสองก็อดมิได้ที่จะสบตากัน!ให้ตายสิ ท่านแม่ทัพใหญ่กับองค์รัชทายาทมีความสัมพันธ์ช่างลึกซึ้งเกินคาด!!สีหน้าของพวกเขาทั้งสองฉายแววตกตะลึง ราวกับได้รับข่าวเด็ดข่าวใหญ่ฉินซูเกลี้ยกล่อมอีกสองสามประโยค ทว่าในกระโจมก็ยังคงไร้เสียงตอบรับเมื่อเห็นดังนั้น ฉินซูจึงหันไปถามทหารยามทั้งสอง “ชูโม่อยู่ข้างในจริง ๆ หรือ?”“พ่ะย่ะค่ะองค์รัชทายาท ท่านแม่ทัพใหญ่เข้าไปแล้วก็ยังมิได้ออกมาเลยพ่ะย่ะค่ะ”“ไม่มีประตูด้านหลังใช่หรือไม่?”“ไม่มีพ่ะย่ะค่ะ”“มิได้การ ชูโม่อาจจะเป็นกระไรไปแล้วก็ได้!”กล่าวถึงตรงนี้ ฉินซูจึงตะโกนเข้าไปด้านใน “ชูโม่ ข้าจะเข้าไปแล้วนะ”ขณะที่ฉินซูกำลังจะก้าวเท้าเข้าไป ทหารยามทั้งสองก็รีบร้องทัดทาน “มิได้พ่ะย่ะค่ะองค์รัชทายาท ห

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 612

    ขณะเดียวกันกองหนุนทัพหนานเยวี่ยภายในค่ายทหารแม่ทัพนายกองทั้งหลายต่างจับจ้องไปยังบุรุษบนที่นั่งหัวโต๊ะด้วยใจระทึกบุรุษผู้นั้นสวมชุดเกราะสีเงินยวง ร่างกายสูงใหญ่ผึ่งผาย!เขาคือแม่ทัพใหญ่แห่งกองทัพหนานเยวี่ย เติ้งหม่าง!สายตาเย็นเยียบของเขากวาดมองไปยังกลุ่มคนทีละคน สุดท้ายจับจ้องที่แม่ทัพน้อยหม่า“หม่าเวย เจ้าสำนึกผิดหรือไม่?”หม่าเวยรีบคุกเข่าลงข้างหนึ่ง กล่าวด้วยสีหน้าขมขื่น “ท่านแม่ทัพใหญ่ ข้าน้อยสำนึกผิดแล้ว ทว่าอาวุธของต้าเหยียนคราวนี้ร้ายกาจเหลือเกิน โล่เกราะหวายของพวกเราเมื่อเผชิญกับลูกธนูของพวกมันก็มิต่างกระไรจากดินเหนียว ยิงคราเดียวก็ทะลุง่ายดาย!”“ใช่แล้วท่านแม่ทัพใหญ่ โล่เกราะหวายที่พวกเราเคยภาคภูมิใจนักหนา บัดนี้มิอาจหวังพึ่งได้อีกแล้วขอรับ”“มิเพียงเท่านั้น ทางต้าเหยียนยังใช้อาวุธเพลิงร้ายกาจชนิดหนึ่ง ของสิ่งนั้นอานุภาพร้ายแรงยิ่งนัก ทหารมิใช่น้อยถูกระเบิดจนร่างแหลกมิเหลือชิ้นดีเลยขอรับ”เมื่อกล่าวถึงระเบิดเพลิง หลายคนยังคงหวาดผวาเติ้งหม่างขมวดคิ้วมุ่น และกล่าวพึมพำ “กองทหารรักษาการณ์เจียวโจวถูกพวกเราโจมตีมาเกือบเดือน บัดนี้จู่ ๆ กลับปรากฏอาวุธร้ายกาจถึงเพียงนี

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 611

    วาจาล้ำสมัยปานนี้ ตี๋จิ่งผู้นี้คิดได้อย่างไร?มู่หรงจื่อเยียนเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง “ฉินซู ท่านมิเป็นกระไรใช่หรือไม่?”“มิเป็นกระไร ไปเถิด”ขณะมองตามสองร่างหายลับไปจากสายตา สหายของตี๋จิ่งก็อดมิได้ที่จะหวั่นวิตกชายร่างกำยำผู้หนึ่งเอ่ยถาม “พี่ตี๋ แล้วเราจะทำอย่างไรกันดี?”“หรือว่าพวกเราฟาดหัวองค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียนให้สลบ แล้วลักพาตัวกลับเป่ยเยี่ยนดี?”“นั่นสิ หากเป็นเช่นนั้น ท่านหญิงจะได้ตามพวกเรากลับเป่ยเยี่ยนเสียที”ตี๋จิ่งโบกมือ และกล่าวว่า “มิได้ อย่าว่าแต่ท่านหญิงจะยอมให้เราทำหรือไม่เลย ลำพังแค่พวกทหารต้าเหยียนที่ยั้วเยี้ยไปทั่ว พวกเราก็มิมีทางทำสำเร็จแล้ว!”“ก็จริงดังว่า แล้วพวกเราจะทำอย่างไรเล่า?”“เฝ้าสังเกตการณ์ไปก่อน อารักขาความปลอดภัยท่านหญิงให้ดี”“ขอรับ”พวกเขาปรึกษาหารือกันครู่หนึ่ง จากนั้นก็ติดตามไปที่พักของฉินซูถูกจัดสรรให้อยู่ในโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่งใกล้กับประตูเมืองทางทิศเหนือที่นี่ห่างจากประตูเมืองทิศใต้ประมาณเจ็ดแปดลี้ จึงมิต้องกังวลว่าจะถูกผลกระทบจากไฟสงครามเมื่อเข้าสู่โรงเตี๊ยมและปิดประตูลง มู่หรงจื่อเยียนก็อดรนทนรอมิไหว โผเข้ากอดคอฉินซู นางเขย่งปลา

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 610

    ฉินซูเองก็ประหลาดใจมิต่างกัน เมื่อเห็นสายตาของฉงชูโม่ เขาก็รู้สึกจนปัญญาในใจลอบคิดว่าคนที่มาหาตนนั้นจะเป็นใครกันแน่หรือจะเป็นเซี่ยหลาน หรือว่าหลินชิงเหยา?แต่เมื่อคิดดูอีกทีก็รู้สึกว่าเป็นไปมิได้ เพราะทั้งสองคนเคยรับปากตนว่าจะคอยเขากลับไปอยู่ที่ตำหนักบูรพาเมื่อเห็นฉินซูเงียบไปมิพูดจา ฉงชูโม่ก็กล่าวด้วยรอยยิ้มคลุมเครือ "ฉินซู ดูเหมือนว่าช่วงเวลาที่หม่อมฉันมิอยู่ในเมืองหลวง พระองค์จะสำราญบานใจมิน้อยเลยกระมังเพคะ!"ฉินซูกล่าวอย่างใจเย็น "ข้าเปล่านะ""เปล่าหรือ? แล้วสตรีที่อยู่ข้างนอกนั่นเป็นใครกัน?""ข้าจะไปรู้ได้อย่างไร อาจจะเป็นเรื่องเข้าใจผิดก็ได้""คนผู้นั้นระบุชื่อเจาะจงว่าจะมาพบองค์รัชทายาท จะเป็นเรื่องเข้าใจผิดได้อย่างไร ไปเถิด ไปดูกันดีกว่าว่าอีกฝ่ายเป็นใครมาจากที่ใด"เมื่อฉงชูโม่กล่าวจบก็เดินนำออกจากกระโจมบัญชาการไปก่อนฉินซูเดินตามไปด้วยความกระวนกระวายใจเดินไปได้มิไกล ฉินซูก็ถึงกับชะงักเท้าอยู่กับที่ จ้องมองหญิงงามที่อยู่เบื้องหน้ามิไกลอย่างเหม่อลอยเมื่อฉงชูโม่เห็นคนผู้นี้ ก็ขมวดคิ้วถาม "มู่หรงจื่อเยียน? ท่านเป็นถึงท่านหญิงแห่งเป่ยเยี่ยน มายังสนามรบต้าเหยียนด้วย

Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status