Share

บทที่ 239

Author: ใบไม้ร่วงในเมืองร้าง
ฉินเหยี่ยนคิดอย่างไรก็คิดมิตก จู่ ๆ เขาก็หันไปมองตงฟางไป๋และถามว่า “ข้าจำได้ว่าเมื่อครู่เจ้าว่าพวกเขาคือคนของอ๋องหนิง ใช่หรือไม่?”

“ตอนที่พวกเราออกนอกเมืองมาพร้อมแม่ทัพใหญ่ฉง คนพวกนั้นก็โผล่มาพอดี ตอนนั้นพวกเขากล่าวอ้างว่าตนเป็นทหารในสังกัดของจวนอ๋องหนิง”

“ถ้าเช่นนั้น รีบตรวจดูว่าบนร่างพวกเขามีป้ายของจวนอ๋องหนิงหรือไม่!”

ตงฟางไป๋โบกมือให้เหล่าทหาร พวกเขาจึงเริ่มค้นหาบนร่างของผู้เสียชีวิตเหล่านั้น

แต่เพียงครู่เดียว พวกเขาก็มิพบอะไรเลย

ฉงชูโม่โกรธจัดและกล่าวว่า “ตงฟางไป๋ เจ้าคุ้มกันองค์รัชทายาทกลับไป ข้าจะไปถามอ๋องหนิงให้รู้เรื่อง!”

เมื่อนางพูดจบก็ทำท่าจะจากไป แต่ฉินซูกลับเรียกนางเอาไว้ก่อน

“ชูโม่ ช้าก่อน!”

“องค์รัชทายาทมีรับสั่งอะไรอีกหรือเพคะ?”

“เจ้าบุกไปถามตรง ๆ เช่นนั้น หากอ๋องหนิงยอมรับ ก็นับว่าแปลกแล้ว”

ฉงชูโม่ครุ่นคิดเล็กน้อย นางเห็นด้วยจึงถามว่า “เช่นนั้นในความเห็นของท่าน เราควรทำอย่างไรต่อไป?”

ฉินซูคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วกล่าวว่า “เมื่อครู่คนร้ายโจมตีแล้วรีบหนีไปโดยมิลังเล เพราะมันคิดว่าฉินเหยี่ยนตายแล้ว ดังนั้นเราจะใช้แผนลวง รอจนข่าวการตายของฉินเหยี่ยนล่วงไปถึงหลงเฉิง แ
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter

Related chapters

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 240

    ฉินซูพยักหน้าเล็กน้อย “ก็อาจจะใช่ ข้ามิค่อยสบายใจนัก จึงแอบตามมาด้วย เจ้าลองเล่าถึงเหตุการณ์ตอนนั้นให้ข้าฟังหน่อยเถอะ ข้าจะได้ดูว่ามีจุดอ่อนใดที่พวกเขาเผยไต๋ออกมาบ้างหรือไม่”ฉงชูโม่จึงเล่าถึงการลอบโจมตีของชายชุดขาวให้ฟังอย่างละเอียดเมื่อนางพูดจบ ตงฟางไป๋ก็เสริมว่า “หลังจากที่แม่ทัพฉงไล่ตามชายชุดขาวไปแล้ว เฉินอันและพรรคพวกก็เข้าโจมตีพวกเราทันที หม่อมฉันคิดว่าพวกเขาต้องเป็นพวกเดียวกันแน่!”แต่ฉินซูปฏิเสธ “ไม่หรอก หากพวกเขาเป็นพวกเดียวกัน วิธีที่ดีที่สุดคือต้องให้เฉินอันและพรรคพวกโจมตีเราก่อน เพื่อให้พวกเจ้าติดพันอยู่กับการต่อสู้ เมื่อมัวต่อสู้จนชุลมุน แล้วชายชุดขาวค่อยออกมาจากป่ามาโจมตีทีหลัง เช่นนั้นจะมีโอกาสสำเร็จมากกว่าและสมเหตุสมผลกว่าด้วย”ตงฟางไป๋ประหลาดใจ “ถ้าเช่นนั้น พวกเขาเป็นคนละพวกกัน ไม่สิ ดูแล้วน่าจะมีถึงสามกลุ่ม!”“สามกลุ่ม? เจ้าหมายความว่าอย่างไร?” ฉงชูโม่ถามด้วยความงุนงง“อ้อ เดิมทีกระหม่อมก็ยังมิรู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติ แต่หลังจากที่ได้ฟังคำวิเคราะห์ขององค์รัชทายาทแล้ว คนที่ออกมาโจมตีกระหม่อมคือชายชุดดำ เขามิใช่พวกเดียวกับเฉินอัน แต่เป็นอีกกลุ่มหนึ่ง”“เจ้าว่ากระไ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 241

    “หลิวเว่ย รองหัวหน้าศาลต้าหลี่ ถวายบังคมองค์รัชทายาทพ่ะย่ะค่ะ” “ขอถวายบังคมองค์รัชทายาทพ่ะย่ะค่ะ!”ฉินซูเลิกคิ้วเล็กน้อย ถามขึ้นว่า "ใต้เท้าหลิว เหตุใดพวกท่านจึงมาที่นี่ได้?"หลิวเว่ยตอบกลับอย่างนอบน้อม "กระหม่อมได้รับรายงานว่ามีผู้วางแผนลอบสังหารเฉินหลิวอ๋องที่ศาลาสิบลี้แห่งนี้ กระหม่อมจึงนำคนเร่งรุดมาทันที มิทราบว่าองค์รัชทายาทได้พบเจอพวกโจรบ้างหรือมิพ่ะย่ะค่ะ?""พวกเจ้ามาช้าไปแล้ว ฉินเหยี่ยนถูกลอบสังหารเสียชีวิตไปแล้ว พวกโจรชั่วส่วนใหญ่หลบหนีไปได้ ที่เหลือก็ถูกสังหารทั้งหมด"เมื่อได้ยินคำนี้ สีหน้าของหลิวเว่ยเปลี่ยนไปเล็กน้อยเขาเดินไปสำรวจที่รถม้าที่เสียหายและพินิจอย่างละเอียดเมื่อเห็นศพของฉินเหยี่ยนและชายารองข้างกาย เขาจึงกล่าวด้วยสีหน้าหนักใจว่า "องค์รัชทายาทพ่ะย่ะค่ะ การลอบสังหารเฉินหลิวอ๋องเป็นเรื่องใหญ่หลวงนัก กระหม่อมต้องรีบนำความกลับไปรายงานต่อศาลต้าหลี่ เพื่อให้ตุลาการศาลต้าหลี่ทูลเรื่องที่เกิดขึ้นต่อองค์จักรพรรดิ องค์รัชทายาท กระหม่อมของทูลลา""ได้ พวกท่านไปเถอะ" ฉินซูตอบอย่างมิใส่ใจ“ขอองค์รัชทายาททรงพระเจริญ”หลิวเว่ยคำนับแล้วขึ้นม้ากลับไปทางเดิมพร้อมกับเหล่

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 242

    “ไม่มีปัญหา อีกหนึ่งชั่วยามข้าจะให้คนจัดส่งไปให้เจ้า”“ฮ่าฮ่า ขอบพระทัยไว้ณที่นี้ มิเสียแรงที่กระหม่อมทุ่มเทเพื่อท่านไปมากมาย”หลังจากที่ชายชุดดำกล่าวจบ เขาก็เดินไปกดบางกลไกที่ข้างชั้นหนังสือเสียงกึกก้องดังขึ้น พร้อมกับที่ผนังค่อย ๆ แยกออกทั้งสองข้าง เผยให้เห็นทางเดินทอดยาวลงไปเบื้องยาวชายชุดดำเคลื่อนตัวหายเข้าไปในทางเดินนั้นทันทีฉินเซียวออกจากห้องตำรา แล้วเรียกลูกน้องคนสนิทมาพบ ก่อนสั่งการว่า “หาสตรีบริสุทธิ์มาสิบคน อย่าทิ้งร่องรอยไว้เด็ดขาด”“ท่านอ๋องโปรดวางพระทัย กระหม่อมจะรีบไปจัดการเดี๋ยวนี้พ่ะย่ะค่ะ”......ในโรงเตี๊ยมเทียนเว่ยมู่หรงจื่อเยียนและมู่หรงฟู่ กำลังรับประทานอาหารเย็นทันใดนั้น ร่างหนึ่งก็กระโดดเข้ามาทางหน้าต่างมู่หรงฟู่สะดุ้งด้วยความตกใจ พอเห็นชัดเจนจึงร้องออกมาว่า “จื่อชิน! เจ้าได้รับบาดเจ็บอย่างนั้นหรือ?!”“พี่จื่อชิน ท่านบาดเจ็บหนักหรือ เกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่?”เมื่อเห็นแขนเสื้อข้างซ้ายของหนานกงจื่อชินถูกย้อมด้วยเลือดจนชุ่ม มู่หรงจื่อเยียนทั้งตกใจและกังวล รีบเดินไปพยุงให้เขานั่งลงหนานกงจื่อชินโบกมือเบา ๆ แล้วพูดว่า “มิเป็นไร แค่บาดแผลภายนอกเท่

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 243

    ครู่ต่อมา เสียงของเฉาฉุนก็ดังมาจากข้างใน “ทูลฝ่าบาท ตุลาการศาลต้าหลี่ หวังฉือ ขอเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ!”หวังฉือจัดเครื่องแต่งกายให้เรียบร้อย แล้วก้าวเดินเข้ามาอย่างมั่นคงเขาคำนับรีบตามธรรมเนียม และเริ่มกล่าวทันทีว่า “ฝ่าบาท เกิดเหตุใหญ่แล้วพ่ะย่ะค่ะ เฉินหลิวอ๋องพร้อมทั้งพระชายารองถูกลอบปลงพระชนม์ระหว่างเดินทางผ่านศาลาสิบลี้พ่ะย่ะค่ะ...”“ว่ากระไรนะ!!”ฉินอู๋ต้าวผุดกายลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว พร้อมคำรามออกมาอย่างเกรี้ยวกราด “ใคร! ใครมันช่างบังอาจถึงเพียงนี้ กล้าลอบสังหารบุตรของข้าเชียวรึ?!”หวังฉือรีบตอบด้วยความหวาดกลัวว่า “ฝ่าบาทโปรดระงับโทสะ ยามที่คนของศาลต้าหลี่ไปถึงยังศาลาสิบลี้ เฉินหลิวอ๋องก็ถูกปลงพระชนม์ลงแล้วพ่ะย่ะค่ะ และพระศพก็ได้ถูกทหารที่ติดตามองค์รัชทายาทคุ้มครองนำกลับมา จากคำบอกเล่าขององค์รัชทายาท...”เขายังมิทันพูดจนจบประโยค ฉินอู๋ต้าวก็ขัดขึ้นทันที “เจ้าว่าอย่างไรนะ? องค์รัชทายาทก็อยู่ในเหตุการณ์ด้วยหรือ?”“พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท ได้ยินว่า องค์รัชทายาทยังพากองทหารจากตำหนักบูรพาไปด้วย”“องค์รัชทายาทพากองทหารไปยังศาลาสิบลี้ หรือว่าเขารู้ล่วงหน้าว่าจะมีการลอบสังหารฉินเหยี่ยน? หรือว่

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 244

    ภายในท้องพระโรงพระตำหนักจินหลวนฉินอู๋ต้าวนั่งอยู่บนบัลลังก์มังกร สีหน้าเคร่งขรึมราวกับน้ำแข็ง ดวงตาที่ลึกล้ำและเย็นชานั้นเต็มไปด้วยเส้นเลือดแดงก่ำความโกรธที่ปะทุขึ้นทำให้กล้ามเนื้อบนใบหน้าของเขากระตุกเล็กน้อยฉินอู๋ต้าวนั่งนิ่งบนบัลลังก์ มิเอ่ยปากแม้สักคำ สายตาจับจ้องไปยังด้านนอกท้องพระโรงอย่างมิลดละคล้ายกับว่ากำลังรออะไรบางอย่างอยู่...บรรยากาศในท้องพระโรงเต็มไปด้วยความอึดอัด ขุนนางทั้งฝ่ายบุ๋นและฝ่ายบู๊ทั้งหลายไม่มีผู้ใดกล้าเอ่ยปากขึ้นก่อนแม้กระทั่งเว่ยเจิงแห่งสำนักขุนนางใหญ่ และเหลยเจิ้นผู้เป็นเจ้าสำนักหอดูดาวหลวงต่างก็เลือกที่จะนิ่งเงียบขณะนั้น เสียงที่ยังฟังดูอ่อนเยาว์เสียงหนึ่งก็ทำลายความเงียบในท้องพระโรงลง“เสด็จพ่อ ลูกได้ยินว่าพี่หกถูกลอบสังหาร เรื่องนี้จริงหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”ผู้ถามคือ ฉินอี้ องค์ชายลำดับที่แปดในองค์จักรพรรดิหลังจากที่เขาเอ่ยถามจบ ฉินหงก็ถามขึ้นต่อว่า “เสด็จพ่อ ทรงพระกรุณาตรัสอะไรบ้างเถิด น้องหกของพวกเราเป็นอย่างไรกันแน่?” “เสด็จพ่อ แม้น้องหกจะถูกลดฐานันดรเหลือเพียงตำแหน่งเฉินหลิวอ๋อง แต่เขายังเป็นโอรสของท่าน และเป็นน้องของพวกเราด้วย หากเขาตาย

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 245

    จากนั้น “ร่าง”ของฉินเหยี่ยนก็ถูกหามเข้ามาในขณะนี้เขานอนอยู่บนเปลที่ทำขึ้นอย่างง่าย ๆ ใบหน้าซีดขาวราวกับกระดาษ ไม่มีสีเลือดแม้แต่น้อยบาดแผลที่หน้าอกของเขาถูกเย็บเรียบร้อยแล้ว ด้วยวิธีการเฉพาะตัวของฉินซู ทำให้ไม่มีใครสามารถสังเกตเห็นสิ่งผิดปกติได้ฉินอู๋ต้าวเดินลงมาจากบันไดหยก เอื้อมมือไปสัมผัสที่มือของฉินเหยี่ยนเมื่อสัมผัสได้ถึงมืออันเย็นเฉียบไร้ชีวิตของฉินเหยี่ยน สีหน้าของเขาก็มืดมนลงไปอีกฉินหง ฉินหยางและคนอื่น ๆ ต่างก็แสดงท่าทางเศร้าสลด ราวกับมิอาจกลั้นน้ำตาเอาไว้ได้ไหว“พี่หก ท่านตายอย่างน่าอนาถเหลือเกิน...” ฉินอี้ องค์ชายแปดกล่าวด้วยความสะอื้นไห้ฉินอู๋ต้าวหันไปตวาดถามฉินซูว่า “พูดมา! ฉินเหยี่ยนตายอย่างไร?”“เหตุการณ์เป็นเช่นนี้พ่ะย่ะค่ะ...” ฉินซูเล่าเรื่องราวทั้งหมดอย่างสุขุมมิเปลี่ยนสีหน้าแม้แต่น้อยหลังจากฟังเรื่องราวจบ ฉินอู๋ต้าวก็ถามต่อด้วยเสียงเย็นชาว่า “เจ้าบอกว่าเจ้าไปที่ศาลาสิบลี้เพื่อช่วยชีวิตฉินเหยี่ยน แล้วเจ้ารู้ได้อย่างไรว่ามีคนจะลอบทำร้ายเขา?”ฉินหยางรีบพูดขึ้นก่อน “เสด็จพ่อ นี่มันชัดเจนอยู่แล้วมิใช่หรือพ่ะย่ะค่ะ? องค์รัชทายาทพอถูกเปิดโปง ก็เลยอ้างว่าจะ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 246

    ฉงชูโม่พูดด้วยความเสียดายว่า “สอบสวนมิได้แล้ว พวกเขาตายหมดแล้ว”นางคาดการณ์ไว้ว่า อ๋องหนิงคงจะปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา แต่เมื่อได้ยินเขาพูดเช่นนี้ นางก็จำเป็นต้องทบทวนเรื่องนี้ใหม่อีกครั้งหรือว่าพวกทหารจากจวนอ๋องหนิงที่ชื่อเฉินอันคนนั้น จะเป็นตัวปลอมจริง ๆ?ฉินหยางถามขึ้นว่า “ชูโม่ ตอนนั้นเจ้ากับองค์รัชทายาทออกเดินทางไปศาลาสิบลี้พร้อมกันหรือไม่?”ฉงชูโม่ส่ายหน้า “มิใช่เพคะ หม่อมฉันออกเดินทางไปก่อน ตอนที่รถม้าของเฉินหลิวอ๋องถูกลอบโจมตี องค์รัชทายาทเพิ่งจะมาถึงศาลาสิบลี้”ฉินหยางยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย แสดงท่าทีเหมือนมองเห็นความจริงทั้งหมดเขาหันไปมองฉินอู๋ต้าวแล้วกล่าวด้วยความภาคภูมิใจว่า “เสด็จพ่อ ฟังจากบทสนทนาของพวกเขาแล้ว ลูกก็พอจะรู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น แต่มิแน่ใจว่าควรพูดออกไปหรือไม่”ฉินอู๋ต้าวตรัสตำหนิว่า “มีอะไรจะพูดก็พูดมา อย่ามาเล่นลิ้นต่อหน้าข้า!”ฉินหงรู้สึกมิพอใจทันที ในใจเดิมทีอยากจะอวดความสามารถ แต่มิคิดว่าจะโดนตำหนิเช่นนี้เขาเหลือบมองฉินซูอย่างมิพอใจ ก่อนจะกล่าวเสียงดังว่า “เสด็จพ่อ ความจริงก็ชัดเจนแล้ว องค์รัชทายาทเป็นผู้สั่งให้คนไปลอบสังหารน้องหก”“ก่อนลงมือ เขากลัว

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 247

    ฉินหยางมีท่าทางมั่นใจ มิเกรงกลัวใด ๆ พูดเย็นชาออกมา “ถึงข้าไม่มีหลักฐาน แต่สำนักหอดูดาวหลวงสามารถตรวจสอบได้ ด้วยความสามารถของสำนักหอดูดาวหลวง แน่นอนว่าพวกเขาจะหาความจริงออกมาได้แน่นอน ถึงเวลานั้นก็จะรู้เองว่า สิ่งที่ข้าคาดเดานั้นจริงหรือไม่”ฉินอู๋ต้าวหันไปมองเหลยเจิ้น ก่อนพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า "สืบสวนเรื่องนี้โดยด่วน มิว่ามันจะเกี่ยวข้องกับผู้ใด ข้า… ต้องการเพียงความจริง!""กระหม่อมรับพระบัญชา!" เหลยเจิ้นก้มหน้ารับคำสั่งด้วยความเคารพท่ามกลางฝูงชน ฉินเซียวเริ่มกระวนกระวายหากสำนักหอดูดาวหลวงเข้ามาทำการสืบสวนจริง ๆ ในกรณีนั้นการสืบสาวมาถึงตัวเขาก็เป็รนเรื่องของเวลาเท่านั้นเมื่อนึกถึงจุดนี้ เขาก็หันไปส่งสัญญาณด้วยสายตาให้ขันทีน้อยที่ยืนอยู่ข้าง ๆ อย่างเงียบ ๆขันทีคนนั้นเข้าใจเจตนาในทันทีและรีบถอยออกไปมินานหลังจากนั้น ขันทีน้อยคนนั้นก็กลับเข้ามาอีกครั้ง ก่อนคุกเข่าลงและรายงานด้วยความเคารพว่า "กราบทูลฝ่าบาท มีคนจากภายนอกเข้ามาคนหนึ่ง เขากล่าวว่าเขาต้องการมอบตัวสารภาพผิดพ่ะย่ะค่ะ""มอบตัวสารภาพผิดหรือ?""พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท คนผู้นั้นอ้างว่ารู้ความจริงเกี่ยวกับเหตุลอบสังหารเฉิน

Latest chapter

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 710

    ฉินซูขมวดคิ้วกล่าวว่า “ตอนนี้ข้าก็แค่คาดเดา ยังไม่มีหลักฐานที่แน่ชัด จะสอบสวนเลยได้อย่างไร? ยิ่งกว่านั้นพวกเขายังเป็นศิษย์เอกของท่านทั้งสิ้น หากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไป เกรงว่าจะส่งผลเสียได้”เหลยเจิ้นส่ายหน้าอย่างจนใจ กล่าวว่า “ที่แท้องค์รัชทายาทก็แค่คาดเดาไปเอง แต่ข้าน้อยบอกท่านได้เต็มปากว่า นอกจากเสวี่ยเจี้ยน โฉ่วเยวี่ยและจีอันแล้ว ข้าน้อยล้วนจับศิษย์คนอื่น ๆ ขังแยกกันไว้ในห้องลับของสำนักหอดูดาวหลวงตั้งแต่ครึ่งปีก่อน พวกเขาไม่มีรอดพ้นจากสายตาข้าน้อยได้อย่างเงียบเชียบแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ”“อ้อ? ถูกท่านขังไว้หมดเลยหรือ?”ต่อมความอยากรู้อยากเห็นของฉินซูถูกกระตุ้นขึ้นมาทันที เขาถามต่อว่า “ท่านหัวหน้าโหรหลวงขังพวกเขาไว้ด้วยเหตุผลใดหรือ?”กล้ามเนื้อบนใบหน้าของเหลยเจิ้นกระตุกสองสามครั้ง เขายกมือขึ้นลูบหน้าผากแล้วตอบว่า “ช่างเถิด ข้าน้อยมิกลัวองค์รัชทายาทจะหัวเราะเยาะอยู่แล้ว ศิษย์เอกของข้าน้อยแต่ละคนล้วนมีสันดานทรยศ ข้าน้อยแน่ใจว่าท่านก็พอจะรู้นิสัยใจคอของโฉ่วเยวี่ยและจีอันอยู่บ้าง ดังนั้นข้าน้อยจึงทำได้เพียงปล่อยให้พวกเขาไตร่ตรองถึงความผิดพลาดของตนเท่านั้น”“เช่นนั้น ศิษย์เอกทั้งเจ็ดคนของท

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 709

    ทันทีที่เขาลงบันไดมา จีอันก็ถามด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ว่า “ศิษย์พี่รอง โดนดุมาหรือไร?”“ไป ๆ ๆ หัวโขกจนปูดไปหมด เรื่องนี้ข้ายังมิได้คิดบัญชีกับเจ้าเลย!”“ดูเถอะ ขี้ใจน้อยเหมือนสตรีไปได้”“นี่ เจ้าอยู่ดี ๆ มิชอบใช่หรือไม่? ข้าจะฟาดเจ้าคอยดูเถอะ!” ตู๋กูโฉ่วเยวี่ยไปหาแส้ยาวมาจากไหนก็มิทราบจีอันแคะขี้มูกแล้วกล่าวอย่างมิได้ยี่หระว่า “ข้ามิกลัวเจ้าหรอก ถึงอย่างไรท่านก็สู้ข้ามิได้”“ข้า… เจ้ามันร้ายกาจ ข้ายอมแพ้!”ตู๋กูโฉ่วเยวี่ยหมดความอดทนใดทันที จีอันผู้นี้ขึ้นชื่อเรื่องหนังหนา อีกทั้งยังเก่งกาจจนน่าขนลุก สู้มิได้ เขาหลบดีกว่าพูดจบเขาก็หันหลังเดินออกไปครู่ต่อมา ฉินซูและฉงชูโม่ก็มาถึงเมื่อเห็นฉินซู จีอันก็อุทานด้วยความประหลาดใจว่า “โอ้โหแฮะ องค์รัชทายาท มิไปประกาศศักดาที่ใดหรือ ไฉนจึงมาเยือนสำนักหอดูดาวหลวงของเราได้?”ฉินซูงงงวยเล็กน้อย จึงถามกลับว่า “ตัวข้าต้องไปประกาศศักดาที่ใดเล่า? อวดอ้างกระไร?”“ท่านมิทรงทราบหรือ? ยึดครองแคว้นหนานเยวี่ยง่ายเหมือนปอกกล้วยเช่นนี้ ผลงานระดับนี้ไยมิไปประกาศให้ทั่วเล่า? หากเป็นข้าน้อย ข้าน้อยจะร้องแรกแหกกระเชอคุยโวไปสามวันสามคืนเต็ม ๆ ท่านนี่ช่าง

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 708

    ชิวก่วนกล่าวด้วยสีหน้าเศร้าหมองว่า “หาได้มีโจรผู้ร้ายบุกรุกเข้ามาไม่พ่ะย่ะค่ะ หูก่วงเซิงและพวกตายไปโดยไร้สาเหตุ ก่อนหน้านี้ก็ไม่มีความผิดปกติใด ๆ พ่ะย่ะค่ะ”“ว่ากระไรนะ? หูก่วงเซิงและพวกตายแล้วรึ?”ฉงชูโม่เดินเข้ามาด้วยสีหน้าประหลาดใจฉินซูกล่าวอย่างมิสบอารมณ์ว่า “มิใช่แค่พวกเขา แม้แต่กองทัพส่วนตัวห้าหมื่นนายของอ๋องฉู่ก็ถูกคนช่วยออกไปแล้ว”“ว่ากระไรนะเพคะ?”ฉงชูโม่ตกตะลึงอ้าปากค้าง!เมื่อได้สติกลับมา นางก็ขมวดคิ้วกล่าวว่า “ด้วยกำลังของอ๋องฉู่เพียงลำพัง ไม่มีทางทำเรื่องเหล่านี้ได้แน่ ดังนั้นเบื้องหลังของเขาต้องมียอดฝีมือคอยช่วยเหลือเป็นแน่เพคะ!”ฉินซูครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วกล่าวว่า “ศพของหูก่วงเซิงและพวกอยู่ที่ใด?”“ตอนนี้อยู่ที่ศาลต้าหลี่พ่ะย่ะค่ะ”“ไปดูกัน”ฉินซูกล่าวจบก็เดินจากไปอย่างรวดเร็วหวังฉือเห็นเขาออกมาก็คำนับแล้วกำลังจะกล่าวทว่าฉินซูกลับพูดแทรกขึ้นก่อนว่า “ใต้เท้าหวัง ไปกันเถิด ไปศาลต้าหลี่ของท่านด้วยกัน”เมื่อได้ยินเช่นนั้น หวังฉือก็ชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นก็รีบพยักหน้าหนึ่งชั่วยามต่อมาพวกเขาก็มาถึงศาลต้าหลี่เมื่อมองดูร่างไร้วิญญาณของหูก่วงเซิงและพวก ฉ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 707

    ฉงชูโม่พยักหน้าหนักแน่น “ถูกต้องแล้วเพคะ เรื่องนี้มิใช่แค่ข้าน้อยคนเดียวที่เห็นกับตา ทหารทั้งสามทัพหลายนายก็เห็นเช่นกัน”เมื่อได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของฉินอู๋ต้าวก็มิสู้ดีขึ้นมาทันตาอดีตองค์รัชทายาทสำมะเลเทเมาบัดนี้กลับสร้างคุณงามความดีครั้งยิ่งใหญ่ อีกทั้งวรยุทธ์ก็ยังลึกล้ำเกินหยั่งถึง นี่มัน… เกินความคาดหมายของเขาไปมาก!ตลอดเวลาที่ผ่านมา เขาคิดว่าเบื้องหลังฉินซูต้องมียอดฝีมือคอยชี้แนะแต่จากที่เห็นในเวลานี้ ยอดฝีมือที่ว่านั้น แท้จริงแล้วก็คือฉินซูเองกล่าวคือ ฉินซูมิเพียงแต่มีกลยุทธ์ที่เหนือชั้น แต่วรยุทธ์ก็ยังก้าวเข้าสู่ระดับที่น่าตกตะลึงซ้ำร้ายฉินซูยังจงใจปิดบังวรยุทธ์ของตนอีกด้วย!เมื่อรวมทุกอย่างเข้าด้วยกัน ความระแวงที่ฉินอู๋ต้าวมีต่อฉินซูก็ยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นเมื่อเห็นฉินอู๋ต้าวนิ่งอึ้งไป ฉงชูโม่ก็กล่าวต่ออย่างมีนัยแฝงว่า “ฝ่าบาท ข่าวลือเรื่ององค์รัชทายาททรงทักษะยอดเยี่ยม เกรงว่าอีกมินานคงจะแพร่สะพัดไปทั่วหลงเฉิงเพคะแต่ก็ดีเหมือนกันเพคะ เหล่าคนชั่วที่คิดจะลอบสังหารองค์รัชทายาทจะได้ประมาณตนก่อนจะลงมือ เช่นนี้แล้ว ก็จะได้มิต้องกังวลเรื่องความปลอดภัยขององค์รัชทายาทให้มา

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 706

    สวี่จิ้นเสนาบดีกรมโยธาธิการกล่าวว่า “องค์รัชทายาท พระองค์ได้นำหนานเยวี่ยทั้งเจ็ดมณฑลสามสิบแปดเมืองมาอยู่ภายใต้ต้าเหยียนของเรา คุณูปการอันยิ่งใหญ่เช่นนี้ สมควรได้รับการประทานเครื่องยศเก้าประการแล้วพ่ะย่ะค่ะ”ฉินซูส่ายหน้าเล็กน้อย “ใต้เท้าสวี่ ท่านกล่าวผิดแล้ว มีคำกล่าวว่า ใต้หล้าไพศาลล้วนเป็นแผ่นดินขององค์จักรพรรดิ บนแผ่นดินนี้ล้วนเป็นข้ารองพระบาทขององค์จักรพรรดิ ข้าในฐานะองค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน ย่อมถือเอาความผาสุกของราษฎรเป็นภารกิจของตน ทุกสิ่งที่ทำล้วนเป็นหน้าที่”เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ ฉินซูก็ประสานมือคำนับฉินอู๋ต้าวอีกครั้ง “เสด็จพ่อ ดังนั้นรางวัลอันยิ่งใหญ่อย่างเครื่องยศเก้าประการนี้ลูกมิกล้ารับไว้จริง ๆ หวังว่าเสด็จพ่อจะทรงเข้าพระทัยพ่ะย่ะค่ะ!”เมื่อได้ยินเช่นนั้น เหล่าขุนนางระดับสูงก็อุทานด้วยความประหลาดใจอีกครั้งรางวัลอันยิ่งใหญ่เช่นเครื่องยศเก้าประการนี้ องค์รัชทายาทกลับปฏิเสธจริง ๆ หรือ?ต้องเท้าความว่า หากฉินซูในฐานะเป็นองค์รัชทายาทรับรางวัลนี้ ในภายภาคหน้า สถานะความสำคัญของเขาในสายตาของขุนนางและราษฎรแห่งต้าเหยียนก็แทบจะเทียบเท่ากับฉินอู๋ต้าวผู้เป็นองค์จักรพรรดิได้เลยทีเ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 705

    ฉงชูโม่กำลังจะกล่าวต่อ แต่กลับสังเกตเห็นว่าฉินซูกำลังส่ายหน้าให้นางเล็กน้อยเมื่อเห็นดังนั้น คิ้วเรียวก็ขมวดเล็กน้อยด้วยความสงสัยจากนั้นเสียงของฉินซูก็ดังขึ้นในหูของนาง “สถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว หลักฐานสำคัญหายไป”ฉินซูใช้วิชาแห่งกระแสจิต ดังนั้นจึงไม่มีใครสังเกตได้นอกจากฉงชูโม่เมื่อได้ยินถ้อยคำของฉินซู แววตาของฉงชูโม่ก็พลันไหววูบ จากนั้นจึงกล่าวกับฉินอู๋ต้าวว่า “ทูลฝ่าบาท ข้าน้อยไม่มีสิ่งใดจะกล่าวทูลแล้วเพคะ”เมื่อเห็นเช่นนั้น ฉินอู๋ต้าวก็มองฉงชูโม่ด้วยความสงสัยผาดหนึ่งแล้วหันไปมองฉินซูแทน“องค์รัชทายาท รายงานเรื่องคลังหลวงของหนานเยวี่ยหน่อยซิ”“ลูกน้อมรับพระบัญชาพ่ะย่ะค่ะ!”ฉินซูประสานมือแล้วพูดต่อ “ทูลเสด็จพ่อ ในการตรวจค้นคลังหลวงของหนานเยวี่ยครั้งนี้ ลูกพบผ้าไหมแพรพรรณสูงค่ามากมายนับมิถ้วน เงินแท้รวมทั้งสิ้นสิบสามล้านกว่าตำลึง ทองคำสองล้านตำลึง เสบียงอาหารก็มีมากถึงเกือบแสนต้านพ่ะย่ะค่ะ”“ลูกได้จัดสรรเงินจำนวนหนึ่งล้านตำลึงจากทั้งหมดในพระนามของเสด็จพ่อ เพื่อใช้เป็นรางวัลแก่ทหารทั้งสามทัพ ส่วนพืชพรรณธัญหารก็ได้สั่งให้คนนำกลับไปเก็บไว้ที่เจียวโจวแล้วพ่ะย่ะค่ะ”“ยังมีอีกเรื่

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 704

    ฉินอู๋ต้าวผงกศีรษะให้ฉินอวี่เล็กน้อย แล้วกล่าวว่า “อ๋องฉู่ ในเมื่อชูโม่เข้าใจตัวเจ้าผิดไป เจ้าก็เล่าเรื่องราวทั้งหมดอีกครั้งเถิด”“ลูกรับพระบัญชาพ่ะย่ะค่ะ!”ฉินอวี่ประสานมือคำนับ แล้วกล่าวช้า ๆ ว่า “ชูโม่ ตอนที่ลงใต้ไปยังเจียวโจว ยามนั้นข้าประมาทเลินเล่อ ถูกคนสนิทขโมยตราประจำตัวไป ภายหลังจึงได้ทราบว่าเจ้าคนสารเลวนั่นถูกเติ้งหม่างซื้อตัวไปนานแล้วแม้แต่หูก่วงเซิงและคนอื่น ๆ ก็ยังแปรพักตร์ไปเข้าข้างหนานเยวี่ย กว่าข้าจะรู้ตัวทัพหนานเยวี่ยก็บุกเข้าประตูเมืองเจียวโจวแล้วด้วยความจำเป็น ข้าจึงต้องถอยกลับมาก่อน จากนั้นก็เดินทางทั้งวันทั้งคืน เมื่อกลับมาถึงหลงเฉิงก็รีบทูลเรื่องนี้ให้เสด็จพ่อทรงทราบในทันที”เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฉงชูโม่ก็แค่นยิ้มหยันทันที “ท่านอ๋องฉู่ ท่านทรงคิดว่าแค่โยนความผิดทั้งหมดไปให้คนสนิทขอท่านแล้วเรื่องก็จะจบลงง่าย ๆ เช่นนั้นหรือ?”ฉินอวี่โต้กลับว่า “สิ่งที่ตัวข้าพูดมาทั้งหมดเป็นความจริง จะเรียกว่าโยนความผิดได้อย่างไร?”ฉงชูโม่มิได้โต้เถียงกับเขาต่อ แต่หันไปกล่าวกับฉินอู๋ต้าวว่า “ฝ่าบาท ที่ทะเลตงไห่ ท่านอ๋องฉู่...”ยังมิทันที่นางจะพูดจบ ขันทีน้อยคนหนึ่งก็วิ่งเข้าม

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 703

    “นึกมิถึงว่าเขาจะหนีรอดไปได้ เขาก็มีฝีมือเหมือนกันนี่ ดูท่าทางจะเตรียมการมาอย่างดีเชียว”“องค์รัชทายาท เมื่อกลับถึงหลงเฉิงแล้วเข้าเฝ้าฝ่าบาท จะทูลเรื่องที่อ๋องฉู่สมคบคิดก่อกบฏหรือไม่เพคะ?”“ทูลสิ ต้องทูลอยู่แล้ว ตอนนี้พวกเรามีทั้งพยานบุคคลและพยานวัตถุ ยิ่งกว่านั้นการที่เขาสมคบคิดก่อกบฏก็เป็นความจริง อย่างไรก็ต้องทูล”“แต่ยามนี้อ๋องฉู่หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ด้วยนิสัยระแวดระวังของฝ่าบาท เกรงว่าพระองค์จะมิทรงเชื่อพวกเราเต็มร้อยกระมังเพคะ”ฉินซูกล่าวอย่างเฉยเมยว่า “หลังจากเรื่องของอ๋องฉู่แดงขึ้นมา เขาก็หายตัวไป นี่เห็นได้ชัดว่าเป็นการหนีความผิด พวกเรากราบทูลตามความจริง บวกกับคำให้การของเหล่าคนสนิทของอ๋องฉู่และทหารห้าหมื่นนายที่ไม่มีรายชื่อในทะเบียน ก็เพียงพอที่จะตัดสินความผิดของอ๋องฉู่ได้แล้ว”“หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น กองทัพส่วนตัวห้าหมื่นคนนั้น หม่อมฉันให้พวกตงฟางไป๋นำทางกลับหลงเฉิงล่วงหน้าไปแล้วเพคะ”ฉงชูโม่พูดพลางรู้สึกกระวนกระวายใจแปลก ๆจากนั้น พวกเขาก็พักค้างคืนที่เมืองหลงโย่วก่อนนอน ฉินซูสัมผัสได้ถึงคลื่นพลังมหาศาลที่แผ่ออกมาจากห้องฝั่งตรงข้ามที่นั่นคือห้องของจีอันด้วยคว

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 702

    เซวียหมิงมองไปยังทิศทางที่ฉินซูและพรรคพวกจากไปพลางพึมพำกับตัวเอง“คิดมิถึงเลยว่าจะได้เจอกับคนที่สามารถกลืนกินปราณเลือดอาถรรพ์ได้ จีอันหรือ? ข้าจะจำเจ้าเอาไว้!”“แล้วก็ฉินซู เจ้าคอยข้าก่อนเถอะ สักวันข้าจะทำให้เจ้าทุกข์ทรมานจนอยู่ต่อมิไหว จะตายก็มิได้!”“แค่นี้ก็น่าจะพอให้ข้าใช้แล้ว”เขาพูดพลางมองลูกแก้วสีแดงอมม่วงในมือภายในลูกแก้วนั้นคือปราณเลือดอาถรรพ์จุดประสงค์ของการเดินทางครั้งนี้ของเขาคือต้องการหามหาปุโรหิตแห่งสำนักจันทราโรหิต เพื่อขอยืมปราณเลือดอาถรรพ์มาใช้แต่เมื่อเข้าใกล้บริเวณนี้ ก็เห็นเฉินซีถูกฉงชูโม่ล่อลวงไปแล้ว ส่วนสาวกของสำนักจันทราโรหิตก็บาดเจ็บล้มตายกันเป็นเบือ เขาจึงฉวยโอกาสจัดการสาวกที่เหลือของสำนักจันทราโรหิต จากนั้นก็เข้าไปในถ้ำจนได้พบกับแท่นบูชาต่อมาก็ฉวยโอกาสที่ตู๋กูโฉ่วเยวี่ยมิทันระวังจัดการอีกฝ่ายจนสลบไป และเก็บรวบรวมปราณเลือดอาถรรพ์เหล่านี้ได้อย่างง่ายดายจากนั้นเซวียหมิงก็หันหลังเดินออกจากที่นี่ไปเช่นกันขณะที่เขาเดินผ่านป่าแห่งหนึ่ง จู่ ๆ ก็รู้สึกว่าเท้าเหยียบเข้ากับบางสิ่งบางอย่างเมื่อก้มลงมอง ก็พบว่าเป็นขลุ่ยกระดูกสีขาวบริสุทธิ์เขายกมันขึ้นมาด

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status