ข้ามศพไปก่อนหรือ? ฮูหยินผู้เฒ่าซูช่างแข็งแกร่งถึงเพียงนี้เชียวหรือ? ชาวบ้านที่มาชุมนุมประท้วงต่างตกตะลึงราวกับถูกสาปให้กลายเป็นหิน ด้านหลังมีบัณฑิตกลุ่มหนึ่งยุยง: “ก็แค่ยายแก่ใกล้ตายนางหนึ่ง! จะไปกลัวนางทำไม?” “ใช่แล้ว ประตูก็เปิดแล้ว บุกเข้าไป จะกลัวอะไร?” “ไป ๆ ๆ ยายแก่ผู้นี้สมคบคิดกับรัชทายาท ไม่ใช่คนดีอะไร!” ผัวะ! ชายฉกรรจ์ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ บันดาลโทสะ ตบหน้าบัณฑิตผู้นั้นไปหนึ่งฉาด “เจ้าปากพล่อยพูดอะไร? นางคือฮูหยินผู้เฒ่าซู!” บัณฑิตผู้นั้นถูกตบจนมึนงง เอามือกุมแก้มที่บวมแดง ยังคิดจะโต้เถียง แต่ชาวบ้านรอบข้างต่างก็จ้องมองเขาด้วยสายตาโกรธเคือง คำพูดหยาบคายที่ในปากของบัณฑิตจึงถูกกลืนกลับลงไป ได้แต่ยิ้มแห้ง ๆ ไม่กล้าเอ่ยอะไร บารมีของฮูหยินผู้เฒ่าซูนั้นสูงส่งยิ่งนัก ในใจของชาวบ้าน นางเปรียบเสมือนเทพเจ้า ไม่ใช่สิ่งที่บัณฑิตผู้จมอยู่แต่ในตำรา ไม่ออกมาสัมผัสโลกภายนอกจะเข้าใจได้! ในหมู่ชาวบ้าน มีผู้อาวุโสหลายคนเดินออกมาข้างหน้า โค้งคำนับฮูหยินผู้เฒ่าซูด้วยความเคารพ: “ฮูหยินผู้เฒ่า โปรดระงับโทสะ... พวกเราจะถอยกลับไปเดี๋ยวนี้...”เอ่ยจบ พวกเขาก็นำพาชาวบ้านถอยออกจ
เมื่อได้ยินถ้อยคำเหล่านี้ ซูเฟิ่งหลิงถึงคลายโทสะลง พูดกับหลี่หลงหลินว่า “เช่นนั้นจากนี้ไปพวกเราจะทำเช่นไร?”หลี่หลงหลินเอ่ยถาม “ทหารม้าของภูเขาทิศประจิมเล่า? ยังมีทางฝั่งพี่สะใภ้รอง ภาคผนวกของหนังสือพิมพ์วิชาการต้าเซี่ยเตรียมการไปถึงไหนแล้ว?”ซูเฟิ่งหลิงเอ่ยตอบ “พิมพ์ภาคผนวกออกมาหลายพันฉบับแล้ว พี่สะใภ้รองยังพิมพ์เพิ่มอย่างต่อเนื่อง อีกไม่นานทหารม้าของภูเขาทิศประจิมก็จะนำหนังสือพิมพ์วิชาการของต้าเซี่ยชุดแรกเดินทางไปถึง!”หลี่หลงหลินพยักหน้า ดวงตาทอประกาย “ดี! รอทหารม้าของภูเขาทิศประจิมไปถึงแล้ว ก็คุ้มครองข้าไปส่งที่หอบูชาฟ้าเทียนถาน! หากไปช้ากว่านี้อีก เกรงว่าจะไปไม่ทันพิธีสักการะฟ้าดินแล้ว!”หลังจากนั้นครึ่งชั่วยามทหารม้าภูเขาทิศประจิมนับพันนายสวมชุดเกราะถืออาวุธแหลมคม ขี่ม้าท่วงท่าองอาจสง่างาม เคลื่อนขบวนมาอย่างยิ่งใหญ่เหล่าราษฎรเห็นสถานการณ์แล้ว รีบเปิดทางออกสายหนึ่งประการแรก ราษฎรไม่ต่อสู้กับทหารมือของพวกเขาไม่มีอาวุธ เพียงมีดหั่นผักเหล่านี้ ไฉนเลยจะต้านทานทหารชั้นยอดติดอาวุธของภูเขาทิศประจิมได้ประการที่สองทหารม้าภูเขาทิศประจิมเป็นกองทัพใหม่ของสกุลซู เป็นกองทัพแห่งค
หอบูชาฟ้าเทียนถานลมพัดโหมกระหน่ำ หิมะตกโปรยปรายฮ่องเต้หวู่สวมเสื้อคลุมขนสัตว์ยืนอยู่กลางหอบูชาฟ้าเทียนถานเจ้ากรมพิธีการเงยหน้า สีหน้าเปี่ยมไปด้วยความกังวล “ฝ่าบาท ถึงฤกษ์มงคลแล้วพ่ะย่ะค่ะ! หากยังไม่เริ่มพิธี เกรงว่าเวลาจะคลาดเคลื่อน! สวรรค์จะลงโทษให้เกิดภัยพิบัติ...”เหล่าขุนนางต่างพากันเปิดปาก “ใช่แล้วพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท! โปรดเริ่มพิธีสักการะฟ้าดินด้วยเถิด อย่ารออีกเลยพ่ะย่ะค่ะ!”ฮ่องเต้หวู่ขมวดคิ้วแน่น สายตากวาดมองเชื้อพระวงศ์ทุกคน ภายในนั้นกลับขาดเงาร่างที่คุ้นตารัชทายาทหลี่หลงหลิน!ถึงเวลาแล้ว แต่เขากลับยังไม่มาวันนี้ไม่เพียงเป็นพิธีสักการะฟ้าดินยิ่งไปกว่านั้น ยังเกี่ยวข้องกับการแต่งตั้งรัชทายาทอีกด้วยหลี่หลงหลินเป็นตัวเอกของงานนี้เขาไม่อยู่ ไฉนเลยจะทำพิธีอย่างเป็นทางการได้?ฮ่องเต้หวู่พูดพึมพำ “รัชทายาทยังมาไม่ถึง ขุนนางทั้งหลายอดทนรออีกหน่อยเถอะ!”ได้ยินถ้อยคำนี้ เหล่าขุนนางส่งเสียงเซ็งแซ่ในทันใด“ฝ่าบาท นี่มันเวลาไหนกันแล้ว ยังจะรอรัชทายาทอีกหรือ?”“พระองค์ทรงเข้าข้างรัชทายาทเกินไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”“พิธีสักการะฟ้าดิน รัชทายาทไม่อยู่ นี่มีเจตนาเช่นไร?”“อิงตาม
มือเว่ยซวินถือราชโองการ เดินมาหยุดต่อหน้าหลี่หลงหลิน “ฮ่องเต้มีพระบรมราชโองการ องค์ชายเก้าหลี่หลงหลินมีคุณธรรมและสติปัญญา เก่งทั้งบุ๋นและบู๊ ขอแต่งตั้งเป็นรัชทายาทต้าเซี่ย สามคำถามสามคำตอบ”สามคำถามสามคำตอบ ก็คือตอบคำถามทั้งสามข้อ แท้จริงแล้วก็คือคำสัตย์ปฏิญาณตนนั่นเองหลี่หลงหลินเตรียมตัวไว้ตั้งแต่แรกแล้ว เอ่ยปากรับคำ “น้อมรับพระบัญชา!”เว่ยซวินเอ่ย “ขอถาม องค์ชายเก้าจะจงรักภักดีต่อกษัตริย์และบ้านเมืองหรือไม่!”หลี่หลงหลินไม่ยั้งคิด ตอบว่า “แน่นอน!”“คารวะ!”เสียงของเว่ยซวินดังก้องไปทั่วทั้งหอบูชาฟ้าเทียนถานแม้ว่าเหล่าขุนนางไม่เต็มใจ กลับทำได้เพียงคุกเข่าทำความเคารพราษฎรและเหล่าบัณฑิตที่อยู่ห่างออกไปกลับรับชมอยู่วงนอกด้วยสายตาเย็นชา ไม่มีใครคุกเข่าคำนับโดยเฉพาะบัณฑิตสายตาที่พวกเขาใช้มองหลี่หลงหลินเปี่ยมไปด้วยความอาฆาตเว่ยซวินพูดต่อ “ขอถาม องค์ชายเก้าจะรักห่วงใยราษฎรหรือไม่!”หลี่หลงหลินตอบ “แน่นอน”คำถามสุดท้ายกลับดังขึ้นอย่างกะทันหัน “องค์ชายเก้า ถูกแต่งตั้งเป็นรัชทายาท ได้รับความยินยอมจากทุกสรรพสิ่งหรือไม่!”คำถามนี้ คล้ายถามหลี่หลงหลิน แต่แท้จริงแล้วกลับถามสวรรค์
หอบูชาฟ้าเทียนถาน เงียบงันไร้เสียง บรรยากาศตึงเครียดไม่มีใครคาดคิดสิบบัณฑิตทรงคุณวุฒิมารวมตัวกัน หันปลายหอกเข้าหาหลี่หลงหลินไม่เพียงต้องการให้หลี่หลงหลินคุกเข่าให้ศพของซ่งชิงหลวน ยังจะให้เขาปาดคอตายอีกด้วย!“พวกเจ้า บังอาจ...”ฮ่องเต้หวู่โกรธจนตัวสั่นซ่งชิงหลวนนับเป็นตัวอะไร?ได้ชื่อว่าบัณฑิตทรงคุณวุฒิ แท้จริงแล้วเป็นกบฏต่อบ้านเมือง!หลี่หลงหลินเป็นถึงรัชทายาท ไฉนเลยจะคุกเข่าให้ศพของกบฏได้?ความน่าเกรงขามของเชื้อพระวงศ์ต้าเซี่ยอยู่ที่ใด?ช่างไร้สาระสิ้นดี!แน่นอน ที่ไร้สาระยิ่งไปกว่านั้นก็คือฉินฮั่นหยางต้องการให้หลี่หลงหลินปาดคอตายฉินฮั่นหยางเป็นเพียงบัณฑิตคนหนึ่งถือสิทธิ์อะไรเปล่งวาจาสามหาว สั่งให้รัชทายาทฆ่าตัวตาย?เจ้าเก้าเป็นรัชทายาทที่เราเลือก!เป็นแก้วตาดวงใจของเรา!หากไม่ใช่เจ้าเก้า เราคงตายไปตั้งนานแล้ว องค์ชายชิงบัลลังก์ ใต้หล้าตกอยู่ในความโกลาหล!ไม่ว่าราชสำนัก หรือราษฎร เจ้าเก้าล้วนเป็นขุนนางผู้มีคุณูปการ!ขุนนางผู้มีคุณูปการยิ่งใหญ่ที่สุด!ทว่า ฮ่องเต้หวู่กลับไม่สามารถเปล่งความในใจออกมาได้ต้องให้ความเคารพผู้วายชนม์ฮ่องเต้หวู่เองก็คิดไม่ถึง ซ่งชิ
ทว่าเวลาและสถานที่ไม่เหมาะสมนี่นา!ฝ่าบาทกำลังทำพิธีสักการะฟ้าดินที่นี่คือหอบูชาฟ้าเทียนถานคนยุคสมัยโบราณล้วนเชื่ออย่างงมงาย พวกเขาเชื่อว่าหากพูดที่หอบูชาฟ้าเทียนถาน สวรรค์ย่อมสามารถได้ยินพวกเขาบัณฑิตเหล่านี้โวยวายอยู่ที่นี่ หากล่วงเกินทำให้สวรรค์พิโรธ นำภัยพิบัติมาจะทำเยี่ยงไร?ดี!ต่อให้สวรรค์ไม่เหลียวแลพวกเจ้าเปล่งวาจาหยาบคายที่พิธีสักการะฟ้าดิน อีกทั้งยังสั่งให้รัชทายาทคุกเข่าและปาดคอตนเองตายหน้าตาของฝ่าบาทอยู่ที่ใดกันเล่า?หน้าตาของเชื้อพระวงศ์ต้าเซี่ยอยู่ที่ใด?จางเฉวียนเป็นชนชั้นสูง เป็นญาติของเชื้อพระวงศ์แม้ว่าเขาไม่เลือกฝักฝ่าย พยายามรักษาสมดุลทางการเมืองภายในราชสำนักแต่ใครขวัญกล้าหลบหลู่ฝ่าบาท หมิ่นเกียรติของเชื้อพระวงศ์ต้าเซี่ยจางเฉวียนเป็นคนแรกที่ไม่ยอม!“หุบปาก? หรงกั๋วกง พวกเจ้าชนชั้นสูง บัดนี้กลายเป็นสุนัขของรัชทายาทไปแล้วหรือ?”“ฮึๆ ขุนนางตัวดีปกป้องกัน!”“หรงกั๋วกง วันนี้เจ้าสั่งให้พวกเราหุบปาก พรุ่งนี้รัชทายาทก็จะลงมือจัดการพวกเจ้าเหล่าชนชั้นสูง ถึงตอนนั้น ข้ากลับอยากเห็นนัก ใครยังจะช่วยสนับสนุนเจ้าอีก!”“พวกข้าเหล่าบัณฑิต ไม่กลัวว่าจะเป็นหรือ
ทีแรกเหล่าบัณฑิตล้อมคุกหลวงและก่อความวุ่นวายจางอี้ไม่อาจต้านทานไหว จึงทำตามคำสั่งของเว่ยซวิน แม้ไม่ปล่อยบัณฑิตที่ถูกขังไว้ กลับส่งมอบศพของซ่งชิงหลวนออกมาเหล่าบัณฑิตก็รีบแบกโลงศพ เดินทางมายังหอบูชาฟ้าเทียนถาน ก่อความวุ่นวายที่พิธีสักการะฟ้าดินแรงกดดันทางฝั่งคุกหลวงลดลงจางอี้จึงพาเหล่าองครักษ์เสื้อแพรควบม้าอย่างไม่หยุดพัก มุ่งหน้ามายังหอบูชาฟ้าเทียนถาน เผชิญหน้ากับเหล่าบัณฑิตอีกครั้ง“เจ้าอีกแล้ว!”“ไอ้คนชั่วไม่ยอมเลิกรา!”“พวกเจ้าองครักษ์เสื้อแพรล้วนเป็นสุนัขรับใช้ประจบสอพลอเจ้านาย!”“หน่วยองครักษ์เสื้อแพรยอดเยี่ยมนักหรือ ฝ่าบาทนี่ท่านคิดใช้กำลังควบคุมหรือพ่ะย่ะค่ะ?”“ดีดีดี! ราชสำนักต้าเซี่ยทำเยี่ยงนี้กับบัณฑิต!”“ฝ่าบาท ท่านใช้กำลังควบคุมพวกกระหม่อมเพื่อปกป้องรัชทายาท การกระทำนี้ต่างอันใดจากจักรพรรดิฉินเผาตำราฆ่าบัณฑิต?”“ดูท่าแล้วท่านก็มิต่างจากจักรพรรดิฉิน เป็นกษัตริย์ทรราช!”“มามามา ถือดาบปักลายของเจ้า มาบั่นคอของข้า! หากข้าขมวดคิ้ว คัมภีร์ปราชญ์ที่อ่านมาในชาตินี้ก็ไร้ความหมาย!”“มาเลย ตัดเลย ฆ่าเลย!”“พวกเจ้าองครักษ์เสื้อแพร ดาบทื่อเกินไป มือช้าเกินไป! มิสู้ให้กอ
หากเจ้าเก้าเองก็อับจนหนทาง เช่นนั้นฮ่องเต้หวู่ก็จะประกาศยุติพิธีสักการะฟ้าดิน หลบเลี่ยงไปก่อนชั่วคราวส่วนความตายของซ่งชิงหลวน พรุ่งนี้ค่อยตัดสินเพียงคำเดียวเท่านั้น ยื้อ!เพียงแต่คิดไม่ถึง หลี่หลงหลินถึงขั้นมีหนทางจริงๆหลี่หลงหลินยิ้มมีเลศนัย “เสด็จพ่อ วิธีการของลูกนี้ไม่สามารถพูดออกมาได้! ยิ่งไปกว่านั้น ท่านจะต้องรับปากลูก ไม่ว่าเกิดเรื่องใดขึ้น ท่านจะลืมตาหนึ่งข้าง หลับตาหนึ่งข้าง ยังต้องแสดงละครให้ความร่วมมือลูกอีกด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”“แสดงละคร?”ฮ่องเต้หวู่ขมวดคิ้วแน่นในวันปกติ ฮ่องเต้หวู่ทำเรื่องไร้สาระให้ความร่วมมือหลี่หลงหลินไม่น้อย เพื่อชิงไหวชิงพริบกับเหล่าขุนนาง จึงต้องเล่นละครตบตาครั้งแล้วครั้งเล่าทว่าสถานที่แห่งนี้คือหอบูชาฟ้าเทียนถาน!ได้ยินมาว่าที่นี่อยู่ใกล้สวรรค์ที่สุด เราในฐานะโอรสสวรรค์ ไม่ว่าพูดสิ่งใด ทำสิ่งใด สวรรค์ล้วนมองลงมา...หากแสดงละคร นั่นมิเท่ากับหลอกลวงเบื้องบนหรือ?“ไม่ได้...ไม่ได้...”“เราไม่สามารถหลอกสวรรค์ได้! อย่างน้อยก็ไม่ใช่ที่นี่!”ฮ่องเต้หวู่ส่ายหน้า ท่าทีหนักแน่นหลี่หลงหลินเอือมระอา ยักไหล่ “ในเมื่อเสด็จพ่อไม่ยอม เช่นนั้นก็ถือเสียว่
เช้าวันรุ่งขึ้นทะเลคราม ฟ้าสีฟ้า ท้องฟ้าปลอดโปร่งไร้เมฆ ไกลสุดสายตาเรือใหญ่ลำหนึ่งแล่นออกจากท่าเรือตงไห่อย่างโอ่อ่า ท่วงทีองอาจไม่ธรรมดาการออกทะเลครั้งนี้ หลี่หลงหลินไม่เพียงแต่พาเหล่าพี่สะใภ้มาด้วยหลายคน แต่ยังคัดเลือกทหารยอดฝีมือของตระกูลซูมาเป็นพิเศษอีกสามร้อยนายซูเฟิ่งหลิงยืนอยู่บนดาดฟ้าเรือ ทอดสายตามองไปยังเส้นขอบฟ้าที่ผืนน้ำจรดกับผืนฟ้า แววตาเต็มไปด้วยความกังวล ลมทะเลพัดผ่าน ผ้าคลุมสีแดงสดด้านหลังนางปลิวสะบัดพลิ้วไหว!หลี่หลงหลินบิดขี้เกียจ กระทืบเท้าลงบนดาดฟ้าเรือเบาๆเรือของเมืองตงไห่แข็งแรงกว่าที่ข้าคิดไว้มากตอนนี้หลี่หลงหลินทำได้เพียง มีอะไรก็ใช้อย่างนั้นไปก่อนแม้จะเทียบไม่ได้กับเรือประมงหมื่นตันในจินตนาการแต่แค่จับปลาหลายพันชั่งขึ้นมาก็ยังถือว่าสบายมากหลี่หลงหลินหยิบคันเบ็ดออกมานั่งลงข้างๆ ซูเฟิ่งหลิง ด้วยท่าทางสบายๆ ราวกับไม่ได้กังวลแม้แต่น้อยซูเฟิ่งหลิงขมวดคิ้วงาม กล่าวเสียงขรึม "รัชทายาท ท่านบอกว่าจะพาพวกเราออกมาจับปลา คงไม่ได้คิดจะใช้แค่คันเบ็ดนี่ตกปลาหรอกนะเพคะ?"เหล่าพี่สะใภ้ก็รู้สึกว่ามันเหลือเชื่ออยู่บ้างอาศัยเพียงคันเบ็ดคันเดียวของหลี่หลงหลิน
ลั่วอวี้จู๋ก็ตกตะลึงไปเช่นกัน นางส่ายหน้าไม่หยุดกล่าวว่า “ไม่ได้ น้องหญิง เจ้าอย่าพูดอะไรพล่อยๆ บัญชีมันไม่ได้คำนวณแบบนั้น! ตอนนี้ประชาชนหลายแสนคนในตงไห่กำลังรอเสบียงอาหารอยู่ นี่ไม่ใช่จำนวนน้อยๆ เพียงแค่พึ่งพาการล่าสัตว์ อย่างไรก็ไม่พอ!”ตอนนี้ไม่เพียงแต่ต้องคำนึงถึงค่ากินอยู่ใช้สอยของเหล่าทหารกองทัพตระกูลซูทั้งหมด แต่ที่สำคัญกว่าคือการแก้ปัญหาความต้องการเสบียงอาหารของประชาชนตงไห่ทั้งหมดซูเฟิ่งหลิงขมวดคิ้วเรียวงาม “ถ้าไม่ไหวจริงๆ ข้าจะนำกองทัพตระกูลซูไปปล้นยุ้งฉางของพวกพ่อค้าเหล่านั้นเสียเลย! แบบนี้พวกเราก็จะมีเสบียงอาหารแล้วไม่ใช่รึ?”ลั่วอวี้จู๋ตกใจ รีบกล่าวว่า “น้องหญิง! เจ้าอย่าทำเรื่องเหลวไหล!”“เจ้าทำเรื่องเหลวไหลเช่นนี้ แล้วชื่อเสียงของกองทัพตระกูลซูจะทำอย่างไร! ชื่อเสียงอันดีงามที่ตระกูลซูผู้จงรักภักดีสืบทอดกันมาจากบรรพบุรุษจะถูกทำลายในพริบตาได้อย่างไร?”“อีกอย่าง ท่านย่าก็คงไม่อนุญาตให้เจ้าทำตามอำเภอใจเช่นนี้แน่!”ซูเฟิ่งหลิงเบ้ปาก พึมพำว่า “ข้าก็แค่พูดไปอย่างนั้นเอง...”ตระกูลซูรับราชการทหารมาหลายชั่วอายุคน ทั้งตระกูลจงรักภักดี ไม่เคยทำเรื่องผิดต่อมโนธรรมใดๆ แม้กระทั
ตกเย็น จวนอ๋องตงไห่สว่างไสวไปด้วยแสงไฟเหล่าพี่สะใภ้รวมตัวกันอยู่ในห้อง ใบหน้างดงามซีดเผือด ดวงตาเต็มไปด้วยความกังวล ทุกคนต่างกลัดกลุ้มกับสถานการณ์ปัจจุบันของตงไห่ลั่วอวี้จู๋ขมวดคิ้วเรียวเล็กน้อย ถอนหายใจแล้วเอ่ยว่า “รัชทายาท ตอนนี้พวกเราควรทำเช่นไรดี? ท่านสัญญาว่าจะทำให้ราษฎรตงไห่ทุกคนได้กินเนื้อสัตว์ภายในเจ็ดวัน แต่ตอนนี้อย่าว่าแต่เนื้อเลย เกรงว่าแม้แต่การกินให้อิ่มท้องธรรมดาๆ ก็ยังยาก”เมื่อตอนเย็น ลั่วอวี้จู๋ได้ส่งคนไปสืบราคาเสบียงอาหารในตลาดแล้วและก็เป็นไปตามคาด หลังจากที่ราษฎรตื่นตระหนก ราคาเสบียงอาหารก็ยิ่งพุ่งสูงขึ้นไปอีก ถึงขนาดที่ว่าในตลาดตงไห่ไม่มีข้าวสารขายในทันทีแล้ว หากต้องการซื้อทันทีก็ต้องจ่ายเงินเพิ่มพิเศษ!เหล่าราษฎรต่างพากันส่งเสียงก่นด่าอย่างคับแค้น สถานการณ์เริ่มจะดำเนินไปในทิศทางที่ควบคุมไม่ได้แล้วลั่วอวี้จู๋มองไปยังหลี่หลงหลิน ถอนหายใจกล่าวว่า “รัชทายาท ตอนนี้วิธีที่ง่ายที่สุดคือการขายทรัพย์สมบัติทั้งหมด แล้วนำเงินไปแลกเป็นเสบียงอาหารเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย”“แต่ข้าคำนวณดูแล้ว ต่อให้ขายทรัพย์สินทั้งหมดของตระกูลซู ก็ทำได้เพียงแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเท่านั้น
เหล่าราษฎรจ้องเขม็งไปยังหลี่หลงหลิน ต้องการคำอธิบายจากเขา หากไม่ได้ความในวันนี้ พวกเขาสาบานว่าจะไม่ยอมเลิกรา!หลี่หลงหลินเชิดหน้าอกผาย กล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “ปากท้องของราษฎรคือเรื่องสำคัญที่สุด ในเมื่อตงไห่เป็นดินแดนในอาณัติของข้า เช่นนั้นพวกท่านก็คือราษฎรของข้า หลี่หลงหลิน”“แม้จะมีภัยพิบัติทางธรรมชาติและภัยจากมนุษย์ แต่ข้ารับรองว่าจะไม่ปล่อยให้พวกท่านต้องอดอยากหิวโหยเป็นอันขาด เรื่องเสบียงอาหารนั้นขอให้ราษฎรวางใจ ภายในเจ็ดวัน ข้าจะทำให้พวกท่านได้กินอิ่มท้องอย่างแน่นอน!”น้ำเสียงของหลี่หลงหลินทรงพลังอย่างยิ่ง ถ้อยคำดังก้องกังวานอยู่ในโสตประสาทของเหล่าราษฎรผู้คนต่างส่งเสียงฮือฮา“ขี้โม้!”“พี่น้องทั้งหลาย อย่าได้หลงเชื่อคำโอ้อวดของเขาเลย! ดูสิ ยุ้งฉางเหล่านี้ล้วนว่างเปล่า! จะเอาข้าวที่ไหนมาให้พวกเรา!”“หากวันนี้ไม่ให้คำตอบที่ชัดเจนกับพวกเรา แล้วอีกเจ็ดวันพวกเราจะไปเรียกร้องความเป็นธรรมกับใคร!”“ใช่แล้ว!”“หากวันนี้ไม่ยอมมอบเสบียงอาหารออกมา ก็อย่าหวังว่าจะได้ก้าวเท้าออกจากยุ้งฉางนี้ไปได้!”ชายฉกรรจ์ผู้เป็นหัวหน้าโบกแขนตะโกนปลุกระดมเหล่าราษฎร ผู้คนต่างขานรับเป็นเสียงเดี
เหล่าราษฎรที่อยู่ด้านนอกยุ้งฉางต่างชูกำปั้นตะโกนก้อง เสียงดังสะท้อนไปทั่วฟ้า “แจกจ่ายเสบียง! แจกจ่ายเสบียง!”ข่าวราคาเสบียงอาหารในเมืองตงไห่พุ่งสูงขึ้นได้แพร่กระจายออกไปแล้ว ราษฎรต่างตื่นตระหนกหวาดกลัว จึงนัดหมายกันมารวมตัวที่หน้ายุ้งฉางเพื่อเรียกร้องขอเสบียง ก่อเกิดเป็นพลังมหาศาลหากไม่ใช่เพราะเหล่าทหารที่คอยขัดขวางไว้ เกรงว่าป่านนี้เหล่าราษฎรคงบุกเข้าไปในยุ้งฉางแล้วลั่วอวี้จู๋ขมวดคิ้วเล็กน้อย กล่าวเสียงเบา “รัชทายาท เช่นนี้จะทำอย่างไรดี ตอนนี้ยังไม่ได้ขาดแคลนเสบียงอาหารถึงที่สุด แต่ความโกรธแค้นของราษฎรก็รุนแรงถึงเพียงนี้แล้ว หากมีวันใดที่เสบียงหมดลงจริงๆ...”ใบหน้างามของลั่วอวี้จู๋ซีดขาว ริมฝีปากแดงเม้มแน่น ยืนนิ่งตะลึงงันอยู่กับที่ นางไม่อาจจินตนาการถึงภาพนั้นได้ราษฎรที่ก่อความวุ่นวายนอกยุ้งฉางมีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ เสียงก็ดังขึ้นเรื่อยๆเหล่าทหารยามเริ่มชักดาบประจำกายออกมา แต่สำหรับเหล่าราษฎรแล้ว หากไม่มีเสบียงให้กิน ในภายภาคหน้าก็มีแต่ความตายสถานเดียว!ซูเฟิ่งหลิงขมวดคิ้วงามเล็กน้อย แววตาหงส์ฉายประกายดุดัน “รัชทายาท หากปล่อยให้พวกเขาอาละวาดต่อไปเช่นนี้ ต้องเกิดเรื่องแน่เพค
ลั่วอวี้จู๋เดินเข้ามาก่อนสองก้าว กล่าวว่า “องค์รัชทายาท ตอนนี้แม้จะจัดการกับพวกพ่อค้าเศรษฐี แต่ก็ยังต้องหาวิธีแก้ไขปัญหาเรื่องเสบียงอาหารก่อน มิฉะนั้นเมื่อถึงเวลา ราษฎรอาจตื่นตระหนก ซึ่งจะเป็นผลเสียต่อพวกเราได้”หลี่หลงหลินเพียงแค่แย้มยิ้มบางเบาซูเฟิ่งหลิงกล่าวว่า “องค์รัชทายาท ยุ้งฉางเมืองตงไห่ถือเป็นสถานที่สำคัญยิ่งของต้าเซี่ย ข้างในย่อมต้องมีเสบียงเก็บไว้แน่นอน ตอนนี้สามารถนำเสบียงในยุ้งฉางออกมาแจกจ่ายช่วยเหลือราษฎร เพื่อให้พวกเขาคลายกังวลได้แล้วเพคะ”ลั่วอวี้จู๋พยักหน้าเห็นด้วย “ใช่แล้วเพคะ องค์รัชทายาท ทำให้ราษฎรคลายกังวลลงก่อน แล้วค่อยว่ากันถึงแผนขั้นต่อไป”หลี่หลงหลินส่ายหน้า กล่าวเสียงเรียบ “ไม่ต้องเสียแรงเปล่าแล้ว ยุ้งฉางเมืองตงไห่ถูกขนย้ายไปจนหมดสิ้นนานแล้ว ไม่เหลือแม้แต่เมล็ดเดียว ตอนนี้เหลือเพียงแค่ยุ้งฉางเปล่าๆ เท่านั้น”ทั้งสองคนตกตะลึง“เป็นไปได้อย่างไร? ยุ้งฉางนั้นเป็นเสบียงช่วยชีวิตที่ราชสำนักเก็บไว้ เพื่อรับประกันว่าราษฎรจะไม่อดตายในปีที่เกิดภัยพิบัติ จะมีคนกล้าบ้าบิ่นถึงเพียงนี้ มาคิดการใหญ่กับมันได้อย่างไร?”ซูเฟิ่งหลิงไม่อยากจะเชื่อคำพูดของหลี่หลงหลินหลี่
ตำหนักอ๋องตงไห่หลี่หลงหลินเดินออกจากห้องก็พบกับลั่วอวี้จู๋และซูเฟิ่งหลิงที่รีบร้อนเข้ามาพอดีลั่วอวี้จู๋มีสีหน้าตื่นตระหนก รีบกล่าวว่า “องค์รัชทายาท เกิดเรื่องใหญ่แล้วเพคะ!”หลี่หลงหลินหาว กล่าวเรียบๆ ว่า “พี่สะใภ้ ไม่ต้องรีบร้อน มีอะไรค่อยๆ พูด”ลั่วอวี้จู๋หอบหายใจเล็กน้อย กล่าวว่า “เมื่อครู่ข้ากับน้องหญิงกำลังดูแลร้านค้าของตระกูลซูในตงไห่ที่ถนน ได้ยินเถ้าแก่บอกว่า ตอนนี้ราคาธัญพืชในตงไห่พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว วันเดียวเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว!”“เรื่องผิดปกติย่อมมีเบื้องหลัง ดังนั้นจึงรีบกลับมารายงานองค์รัชทายาท”ปากท้องของประชาชนคือเรื่องสำคัญที่สุดราคาธัญพืชเกี่ยวข้องกับชีวิตความเป็นอยู่ของราษฎร หากราคาธัญพืชผิดปกติ ผลที่ตามมาจะร้ายแรงมาก!ซูเฟิ่งหลิงพยักหน้า ตอบว่า “องค์รัชทายาท ตอนนี้เป็นปีแห่งภัยพิบัติอยู่แล้ว เกิดภัยแล้งติดต่อกันหลายปี ผลผลิตธัญพืชลดลงทุกปี บ้านเรือนของราษฎรแทบไม่มีเสบียงสำรอง ต้องอาศัยการซื้อธัญพืชประทังชีวิตทั้งสิ้น”“แต่ตอนนี้ถ้าหากราคาธัญพืชพุ่งสูงขึ้น แล้วราษฎรในตงไห่เหล่านี้จะทำอย่างไร?”หลี่หลงหลินมองลั่วอวี้จู๋ กล่าวเรียบๆ ว่า “พี่สะใภ้ใหญ่ ท่าน
“แต่ทุกท่านกลับมองข้ามเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่งไป นั่นคือโอกาสที่จะร่ำรวยมหาศาล”แววตาละโมบปรากฏขึ้นในดวงตาของหลู่จงหมิง“นั่นก็คือเสบียงอาหาร”พอหลู่จงหมิงกล่าวคำนี้ออกมา ทั่วทั้งห้องก็เกิดเสียงฮือฮา พูดคุยวิพากษ์วิจารณ์กันเซ็งแซ่พ่อค้าร่ำรวยไม่อาจปิดบังความดีใจอย่างบ้าคลั่งในใจ “ท่านพระเชษฐภาดา ท่านหมายความว่าจะลงมือกับราคาธัญพืชหรือ?”หลู่จงหมิงเผยรอยยิ้มเย็นชา “ถูกต้อง”ปัจจุบันต้าเซี่ยประสบภัยแล้งติดต่อกันหลายปี ผลผลิตธัญพืชลดลงทุกปี แม้แต่ดินแดนที่อุดมสมบูรณ์อย่างตงไห่ ยุ้งฉางก็ร่อยหรอเต็มทีแล้วยิ่งไปกว่านั้น หลี่หลงหลินนำกองทัพใหญ่มาปักหลักที่ตงไห่ ค่ากินอยู่ใช้สอยล้วนต้องเบิกจ่ายจากท้องพระคลังตงไห่แม้ว่ากบฏจะถูกปราบปรามจนสงบ ก็จะยิ่งเพิ่มแรงกดดันด้านเสบียงอาหารให้กับตงไห่มากขึ้นเท่านั้นยิ่งไปกว่านั้น อาจมีสถานการณ์กบฏที่รุนแรงกว่าเกิดขึ้นได้อีกถึงตอนนั้น เสบียงอาหารของตงไห่ก็จะยิ่งน้อยลงเรื่อยๆของยิ่งน้อยยิ่งมีค่า ราคาธัญพืชย่อมต้องถูกปั่นสูงขึ้นปากท้องของประชาชนคือเรื่องสำคัญที่สุดพ่อค้าร่ำรวยย่อมรู้หนทางสู่ความร่ำรวยด้วยการกักตุนธัญพืช ปั่นราคา แต่ไม่มีใครกล
จวนตระกูลหลู่คานแกะสลัก เสากรอบวาดลวดลาย วิจิตรตระการตา ทองเหลืองเรืองรอง หลู่จงหมิงมีสีหน้าเคร่งขรึม สายตากวาดมองเหล่าพ่อค้าที่มาถึง “มากันครบแล้วหรือ?”เงียบสงั ดจนได้ยินแม้กระทั่งเสียงเข็มตกพ่อค้าเหล่านี้หูตาสว่าง รู้เรื่องที่พระเชษฐภาดาเจอในจวนอ๋องนานแล้ว ไม่กล้าราดน้ำมันบนกองไฟในจังหวะสำคัญนี้ พ่อค้าที่ปกติหยิ่งยโสโอหังต่างก็สงบเสงี่ยมเจียมตัวต่อหน้าหลู่จงหมิง ไม่กล้าพูดมาก เกรงว่าจะล่วงเกินแม้หลู่จงหมิงจะเสียหน้าอย่างหนักในจวนอ๋อง แต่ก็ไม่ใช่คนที่พ่อค้าอย่างพวกเขาจะดูเบาได้พ่อบ้านจวนตระกูลหลู่เดินเข้ามากล่าวเสียงเบา “นายท่าน ยังมีคนจากตระกูลซุนและตระกูลจ้าวที่ยังไม่มา ท่านจะว่าอย่างไร...”หลู่จงหมิงโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ตวาดว่า “ไม่มาก็ไม่ต้องมาแล้ว! กล้าดีอย่างไรไม่เห็นคำพูดของข้าผู้เป็นพระเชษฐภาดาอยู่ในสายตา”หลู่จงหมิงมองเหล่าพ่อค้ามั่งคั่งที่อยู่ ณ ที่นั้น กล่าวเสียงเย็นชา “นับแต่นี้ไป ทุกท่านที่อยู่ที่นี่ห้ามทำการค้าใดๆ กับสองตระกูลนี้ หากข้าพบเข้า... หึหึ!”แววตาอำมหิตวาบผ่านดวงตาของหลู่จงหมิงนี่คือเขาต้องการแสดงอำนาจ สร้างบารมี กู้หน้าตาที่เสียไปกลับคืนมาพ่อค