หยาดเหงื่อแรงกายที่ราษฎร์มอบให้เล่า?เหตุใดคลังหลวงถึงว่างเปล่า?ไม่มีเงิน จะดูแลบ้านเมืองเยี่ยงไร?เงินเหล่านี้ ตกลงอยู่ในมือใคร?คำตอบนั้นง่ายมากไม่ใช่ตู้เหวินยวน อีกทั้งยังไม่ใช่เสิ่นชิงโจว ไม่ใช่ขุนนางทุจริตเหล่านั้น!แต่เป็นตระกูลชนชั้นสูงทั้งหมด!พวกเขาก็คล้ายปรสิต สูบเลือดบนตัวราษฎร์ต้าเซี่ย เลี้ยงตนเองกลายเป็นคนไร้คุณธรรมไม่ใส่ใจภาพรวม ต้าเซี่ยถูกสูบจนว่างเปล่า คล้ายผู้ประสบภัยหน้าเหลืองผ่ายผอม ตัวโงนเงนคนหนึ่งจากนั้นก็ล้มลง!ต้องการช่วยต้าเซี่ย ก็ต้องสังหารตระกูลชนชั้นสูงก่อน!แม้ว่าฮ่องเต้หวู่เกิดจิตสังหาร แต่เขากลับมิอาจแตะต้องตระกูลชนชั้นสูงได้แม้ขนเส้นเดียว!เพราะบนหลังของตระกูลชนชั้นสูง ก็คือสำนักปราชญ์ พวกเขากุมสิทธิ์การพูดไว้!ต่อให้เป็นฮ่องเต้หวู่ ก็ยังกริ่งเกรงสำนักปราชญ์มากนักหากไม่ระวัง เขาก็จะถูกสำนักปราชญ์ปรักปรำ ชื่อเสียงฉาวโฉ่นับหมื่นปี!เดิมทีฮ่องเต้หวู่ก็กำลังสิ้นหวัง คิดว่าเขาไม่สามารถขจัดปัญหาของต้าเซี่ย ช่วยราษฎร์ให้พ้นภัยได้จากนั้นฮ่องเต้หวู่กลับมองเห็นความหวัง บนหนังสือพิมพ์วิชาการต้าเซี่ย!ใช้หนังสือพิมพ์วิชาการต้าเซี่ย บางทีอาจแย
“มองพลาดไปแล้ว!”“ข้ามองพลาดไปแล้ว!”“องค์ชายเก้าเป็นคนมีพรสวรรค์ที่ใดกัน เป็นอัจฉริยะต่างหาก!”เสิ่นชิงโจวถอนหายใจเดี๋ยวสั้นเดี๋ยวยาว นึกเสียใจภายหลังแม้ว่าบัดนี้หลี่หลงหลินกลายเป็นรัชทายาทไปแล้ว แต่เสิ่นชิงโจวยังเรียกขานเขาว่าองค์ชายเก้านั่นเพราะสำหรับเสิ่นชิงโจวแล้ว รัชทายาทมีเพียงหนึ่งเดียว นั่นก็คือองค์ชายใหญ่หลี่เทียนฉี่เพียงแต่เสิ่นชิงโจวรำคาญใจอย่างมากปีนั้นหากข้าไม่มองพลาดไป เลือกเจ้าเก้าหลี่หลงหลินบทสรุปจะเป็นเช่นไร?น่ากลัวว่าฮ่องเต้หวู่คงสละบัลลังก์ตั้งนานแล้ว มอบตำแหน่งฮ่องเต้ไว้ในมือเจ้าเก้าภายใต้การปกครองของเขา ต้าเซี่ยเจริญรุ่งเรือง ราษฎร์อยู่อย่างสงบสุขไปตั้งนานแล้วกระมัง?แม้พูดว่าเสียใจภายหลัง แต่ใต้หล้านี้ กลับไม่มียารักษาโรคเสียใจภายหลังในเมื่อเสิ่นชิงโจวเลือกหลี่เทียนฉี่ไปแล้ว เช่นนั้นก็ทำได้เพียงเดินบนเส้นทางมืดมิด ไม่มีหลักการให้ย้อนกลับอีก“องค์ชายเก้า ท่านและข้า ตั้งแต่เริ่มจนจบก็คือไร้วาสนาต่อกัน!”“ท่านมีพรสวรรค์สูงมากเพียงใด ทั้งต่อบ้านเมืองและราษฎร์ ล้วนมีเพียงโทษไร้ประโยชน์!”“ข้าทำได้เพียงยอมเจ็บปวด ทำลายท่าน...”ภายในสายตาเสิ่นช
หรือว่าเขายังสามารถฆ่าขุนนางทั้งใต้หล้าได้กันเล่า?หากฮ่องเต้หวู่เผด็จการถึงเพียงนี้จริงบทสรุปก็มีเพียงอย่างเดียว นั่นคือทุกคนทรยศครอบครัวออกห่าง!สีหน้าเสิ่นชิงโจวไม่สบอารมณ์ เอ่ยว่า “แต่ หลังหนังสือพิมพ์วิชาการต้าเซี่ยเผยแพร่ออกไป เป็นได้ทั้งการรุกและรับ พลิกแผ่นดินได้!”“พวกเราตระกูลชนชั้นสูง ไม่มีฐานะสูงส่งอีกต่อไป!”“ฮ่องเต้หวู่กุมอาวุธเทพ ที่สามารถทำร้ายพวกเราเอาไว้!”สีหน้าโจวซิงตกตะลึงพรึงเพริด “อาจารย์ฮ่องเต้หมายถึง...หนังสือพิมพ์วิชาการต้าเซี่ยนั้น?”เรื่องมาถึงขั้นนี้ เขายังไม่เชื่อ หนังสือพิมพ์วิชาการต้าเซี่ยมีภัยคุกคามถึงเพียงนี้เสิ่นชิงโจวพรูลมหายใจยาวเหยียดออกมาเฮือกหนึ่ง “เจ้ารู้เส้นทางขุนนาง กลับไม่รู้หัวใจราษฎร์!”“หากหลี่หลงหลินนำหลักฐานของเจ้า เขียนไว้บนหนังสือพิมพ์ จะเกิดอันใดขึ้น?”“ราษฎร์จะต้องโมโหอย่างรุนแรง ความไม่พอใจของราษฎร์เดือดพล่าน!”“ถึงตอนนั้น ชื่อเสียงของเจ้าฉาวโฉ่ไปแล้ว ใครยังกล้าปกป้องเจ้า?”“ชนิดที่ว่าบัณฑิตมีคุณธรรม จะเขียนประณามเจ้าอีกด้วย!”“เจ้าคิดว่าจะได้ลาออกจากราชการอีกหรือ?”“ไม่ตายย่อมไม่อาจปลอบประโลมความโกรธแค้นของราษฎร์ได้
หลี่หลงหลินกลับถึงบ้านสกุลซู บัดนี้ใกล้ค่ำแล้วบนถนนมีคนสัญจรไปมา ร้านรวงประดับไฟสว่างไสวกลับมีกลิ่นอายความเจริญรุ่งเรืองหลายส่วนหลี่หลงหลินยืนหน้าประตู มองควันไฟบนโลกมนุษย์ ใบหน้าเผยรอยยิ้มขมปร่าอย่างอดไม่ได้ท่ามกลางเหล่าผู้คนมากมายในโลกนี้ มีกี่คนล่วงรู้ว่า ความเจริญรุ่งเรืองของเมืองหลวง กลับมีคลื่นพายุแฝงอยู่ ซ่อนเร้นอันตรายใหญ่หลวงนับๆ เวลาดูแล้ว ศพของเซียวเซวียนเช่อและเซียวเม่ยเอ๋อร์ ส่งถึงชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือแล้วกระมังหัวหน้าชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือท่านนั้น ได้เห็นศพลูกสาวและราชครู จะต้องพิโรธมากอย่างแน่นอนคนผมขาวส่งคนผมดำ ความเจ็บปวดเสียใจนี้ หลี่หลงหลินเคยเห็นจากฮ่องเต้หวู่มาก่อนความโหดร้ายของหัวหน้าชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือ อยู่ห่างไกลกว่าฮ่องเต้หวู่มากนักเขาจะต้องทำทุกวิธี ประกาศสงครามกับต้าเซี่ยในทันทีแน่ทว่า สงครามก็ส่วนสงครามชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือขาดแคลนธัญพืชและหญ้า อย่างน้อยก่อนช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิปีหน้า ก็ไม่สามารถโจมตีต้าเซี่ยได้“ก็หมายความว่า...”“ข้าเหลือเวลาว่างเพียงสองสามเดือน เก็บกวาดราชสำนัก”“ระหว่างนั้น ยังมีเรื่องงานแต่งกับซ
อย่างไรเสีย ไปดูมหรสพที่หอนางโลม ไม่เพียงเสียเงิน ยังต้องถูกสหายร่วมสำนักหัวเราะเยาะอีกด้วยหากถูกบิดามารดารู้เข้า ถูกหักขายังนับว่าเบาภายใต้ความเบื่อหน่ายอย่างที่สุดของพวกเขา ได้อ่านนวนิยายวาทกรรม ‘ดอกเหมยในหอแดง’ ของหลิ่วหรูเยียนเป็นครั้งแรก ผ่านหนังสือพิมพ์วิชาการต้าเซี่ย เทียบกับหลักการสั่งสอนคน ยากอย่างยิ่งยวดของสำนักศึกษาแล้วช่างต่างกันนิยายเล่มนี้ ล้วนคือความสนุกเพลิดเพลินยิ่งไปกว่านั้นยังแตกต่างจากนิยายน้ำเน่าผู้มีพรสวรรค์และสาวงาม โดยอิงตามมุมมองของสตรี เขียนพรรณนาคนในสวนต้ากวน ได้อย่างสมจริงกอปรกับชื่อด้านความงามอันเลื่องชื่อลือไกลของหลิ่วหรูเยียน รวมถึงความรักระหว่างชายหญิงคราวนี้ บัณฑิตเหล่านี้ได้เปิดประตูสู่โลกใบใหม่แล้วใต้หล้ามีหนังสือสนุกถึงเพียงนี้ด้วยหรือ?‘ดอกเหมยในหอแดง’ โด่งดังขึ้นมา ได้รับเสียงชื่นชมจากบัณฑิต!หนังสือพิมพ์วิชาการต้าเซี่ยหนึ่งพันฉบับ กลายเป็นสิ่งที่คนต่างพากันแย่งชิงทว่า คนส่วนใหญ่ ล้วนมุ่งเป้าไปที่ ‘ดอกเหมยในหอแดง’ ไม่ใช่เรื่องใหญ่ของบ้านเมือง อย่างเรียงความของปราชย์ผู้ทรงคุณธรรมมนุษย์นั้นหนา ล้วนกินข้าวเหมือนกัน ใครบ้างมิใช่คน
“องค์ชาย”หลิ่วหรูเยียนน้ำตาเอ่อคลอเต็มหน้า คุกเข่าต่อหน้าหลี่หลงหลิน อ้อนวอนอย่างขมขื่น “ขอร้ององค์ชายออกหน้าแทนหม่อมฉันด้วย!”“ขอเพียงหม่อมฉันสามารถสังหารโจวซิงคนชั่วช้านี้เองกับมือ ล้างแค้นแทนชายหญิงคนแก่เด็กเจ็ดสิบสามคนของตระกูลหลิ่วได้”“หม่อมฉัน...ร่างกายของหม่อมฉัน ขอมอบให้องค์ชายได้เชยชมตามใจ...”หลิ่วหรูเยียนตกอยู่ในโลกีย์มาก่อน อย่างไรเสียก็เป็นคุณหนูใหญ่เกิดในตระกูลขุนนางนางได้ยินมาตั้งแต่เด็ก รู้ว่าแวดวงขุนนางต้าเซี่ยดำมืดมากเพียงใดต่อให้ส่งมอบหลักฐานความผิดของโจวซิงให้ราชสำนัก แต่ขุนนางก็ปกป้องขุนนางด้วยกันเอง เรื่องใหญ่กลายเป็นเล็ก เรื่องเล็กสลายหายไปโจวซิงบ้างก็อาจติดคุกหลายปี บ้างก็ถูกยึดทรัพย์ลงท้าย เขาก็สามารถหลุดพ้นจากการจองจำ ได้รับอิสระคืนมา กลับไปอยู่บ้านเกิด ใช้วิถีชีวิตเรียบง่าย ใช้ชีวิตบั้นปลายอย่างสงบสุขชนิดที่ว่าสำหรับโจวซิงแล้ว ความทุกข์หลายปีนั้น กลับกลายเป็นประสบการณ์อย่างหนึ่ง กลายเป็นช่วยสร้างชื่อเสียงตลอดชีวิตให้แก่เขา!หลิ่วหรูเยียนยิ่งคิด ภายในใจก็ยิ่งไม่อาจหักใจได้!ทว่านางเป็นสตรีคนหนึ่ง จะทำอันใดได้เล่า?ที่พึ่งเดียวของนาง ก็คือหลี
บางเรื่องหลี่หลงหลินไม่เคยชินที่จะลงมือทำเอง เพราะไม่อยากทำให้มือตัวเองเปื้อนแล้วจะนับประสาอะไรกับหญิงอ่อนแอคนหนึ่งอย่างหลิ่วหรูเยียน?แม้จะจับตัวโจวซิงมามัดไว้ต่อหน้าหลิ่วหรูเยียน จริงๆ นางจะมีความกล้าเพียงพอที่จะลงมือด้วยตัวเองหรือไม่?นอกจากความสงสัยแล้ว สิ่งที่หลี่หลงหลินมีมากกว่าก็คือความห่วงใยหลิ่วหรูเยียนมีมือเรียวเล็กดุจหยก ควรคู่กับการเขียนบทกวีหรือเล่นพิณ มิใช่ต้องมามัวหมองไปกับกลิ่นคาวเลือด…แต่แววตาของหลิ่วหรูเยียนเต็มไปด้วยความแน่วแน่ และเปล่งประกายไปด้วยความเกลียดชัง “หากข้าไม่ได้ลงมือสังหาร โจวซิง ขุนนางชั่วช้าด้วยมือของตัวเอง ข้า…คงยากที่จะลบล้างความแค้นในใจนี้ได้!”หลี่หลงหลินจ้องมองหลิ่วหรูเยียนอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าอย่างหนักแน่น “ได้! ข้าจะไปจัดการให้!”“แต่ก่อนหน้านั้น…”“คืนนี้เรามาจัดการหนังสือพิมพ์วิชาการต้าเซี่ย ฉบับต่อไปให้เสร็จกันก่อน!”หลิ่วหรูเยียนรีบพยักหน้ารับ “แน่นอนอยู่แล้ว!”ด้วยการช่วยเหลือจากหลี่หลงหลิน ทำให้งานของหลิ่วหรูเยียนมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัวท้ายที่สุด สำหรับหลิ่วหรูเยียน การทำหนังสือพิมพ์ยังเป็นสิ่งใหม่และแปลกไปส
หลี่หลงหลินไม่ได้หลับทั้งคืน จนร่างกายอ่อนล้าแทบหมดแรง เขามอบหมายให้ลั่วอวี้จู๋นำต้นฉบับของหนังสือพิมพ์วิชาการต้าเซี่ยไปส่งที่เขาทิศประจิม ส่วนตัวเขาเองกลับห้องไปพักผ่อนณ เขาทิศประจิม“พี่สะใภ้ใหญ่ ท่านพูดว่าอะไรนะ?”“หนึ่งแสนฉบับ?”กงซูหว่านหญิงงามผู้เยือกเย็นในชุดกระโปรงสีดำถึงกับตกใจอย่างมาก จนแทบไม่เชื่อหูตัวเองลั่วอวี้จู๋ถอนหายใจด้วยความจนใจ “การกระทำขององค์รัชทายาทในครั้งนี้ อาจดูเหมือนเหลวไหลอยู่บ้าง! แต่เขายืนกรานหนักแน่นมาก ข้าก็ไม่อาจพูดให้เขาเปลี่ยนใจได้”กงซูหว่านพยักหน้าเล็กน้อย มีข่าวลือแพร่สะพัดไปทั่วว่าหลี่หลงหลินกำลังจะแต่งงานกับลั่วอวี้จู๋ดังคำที่ว่า ไม่มีลมก็ไม่มีคลื่นความสัมพันธ์ระหว่างหลี่หลงหลินกับพี่สะใภ้ใหญ่ก็สนิทสนมกว่าใครอื่นจริงในเมื่อสะใภ้ใหญ่โน้มน้าวเขาไม่ได้ การที่ตนจะเปิดปากพูดก็คงเปล่าประโยชน์ถ้าจะให้พิมพ์หนึ่งแสนฉบับ ก็ให้พิมพ์ไปเถิดนี่เป็นโอกาสที่ดีสำหรับช่างฝีมือที่จะได้สะสมประสบการณ์เพิ่มเติมในการใช้วิธีพิมพ์แบบหล่อแม่พิมพ์จากดินเหนียว ซึ่งนับว่าเป็นประโยชน์ในระยะยาวลั่วอวี้จู๋มองไปที่กงซูหว่านก่อนเอ่ยถามว่า “การพิมพ์หนึ่งแส
“ตงอิ๋ง? ก็แค่แคว้นเล็กๆ เท่านั้น ไม่ควรค่าให้เอ่ยถึง!”สายตาหลี่หลงหลินเผยแววหมิ่นแคลน“ตงอิ๋งเล็กๆ เป็นเพียงเกาะแห่งหนึ่งเท่านั้น เดิมทีก็ไม่คู่ควรต่อคำว่าทวีปใหม่สองคำนี้”ทุกคนตกตะลึงภายในความรู้ของเหล่าสะใภ้ ตงอิ๋งก็คือจุดสิ้นสุดของมหาสมุทรอันเวิ้งว้าง เหนือตงอิ๋งก็ไม่มีอันใดอีกคำพูดของหลี่หลงหลินทำให้ความรู้ที่พวกนางมีอยู่เปลี่ยนไปทั้งหมด!กงซูหว่านพูดเสียงสั่นๆ “องค์ชาย ความนัยของท่านคือนอกจากตงอิ๋งแล้วยังมีทวีปใหญ่อีกหรือ?”หลี่หลงหลินพยักหน้าและพูดว่า “ไม่เพียงมีทวีปใหญ่ แต่ยังเป็นดินแดนอันอุดมสมบูรณ์อย่างมากอีกด้วย!”พูดไป สายตาหลี่หลงหลินก็ทอดมองไปยังทิศทางหนึ่งกงซูหว่านพูดด้วยความแปลกใจ “อุดมสมบูรณ์อย่างมาก? อุดมสมบูรณ์มากเพียงใด เทียบกับต้าเซี่ยแล้วเป็นเช่นไร?”สายตาทุกคนล้วนเปี่ยมความแปลกใจ วางตะเกียบและชามข้าวในมือลงรับฟังหลี่หลงหลินเล่าเรื่องทวีปใหม่เงียบๆหลี่หลงหลินส่ายหน้าและพูดว่า “แผ่นดินต้าเซี่ยกว้างใหญ่และอุดมสมบูรณ์ มีผลผลิตและทรัพยากรมากมาย เป็นดินแดนอันอุดมสมบูรณ์แห่งหนึ่ง แต่ทวีปใหม่มีที่ราบมาก แผ่นดินอันอุดมสมบูรณ์ทอดยาวนับพันลี้ ทุกหนแห่งล้วนค
น้ำ...น้ำ!หลิ่วหรูเยียนถูกความเผ็ดทำให้หน้าแดงก่ำ มุกเหงื่อผุดพราวเต็มหน้าผาก ทำให้ผิวพรรณขาวดุจหิมะถูกแต้มด้วยสีแดงเรื่อหลี่หลงหลินยื่นน้ำเย็นที่เตรียมไว้ดีแล้วให้หลิ่วหรูเยียนหลิ่วหรูเยียนดื่มลงไปหนึ่งอึก จากนั้นเอ่ยปากชม “องค์ชาย! อร่อยเหลือเกิน หม่อมฉันไม่เคยกินของอร่อยถึงเพียงนี้มาก่อนเลย มีความสุขยิ่งนัก!”เวลาเพียงชั่วพริบตา หัวปลาจานใหญ่ก็หายไปจนหมดเหล่าสะใภ้แต่ละคนหน้าแดงก่ำ เหงื่อเม็ดเล็กผุดพราวเต็มศีรษะ ปอยผมติดบนหน้าผาก ขับให้ดูมีเสน่ห์มากเป็นพิเศษซูเฟิ่งหลิงถูกความเผ็ดทำให้ริมฝีปากแดงเจ่อ ความสงสัยที่มีต่อหลี่หลงหลินเมื่อครู่มลายหายไปราวกับหมอกผ่านตาซุนชิงไต้ยกชามข้าว จับจ้องหลี่หลงหลินและเอ่ยถาม “องค์ชาย ยังมีหัวปลาอีกหรือไม่ เมื่อครู่กินเร็วเกินไป ยังไม่รู้รสเพคะ”หลี่หลงหลินเผยสีหน้าเอือมระอาพี่สะใภ้สามคิดว่ากำลังกินโสมกระมัง จึงกินได้ไม่รู้รสก็แค่ตะกละเท่านั้นหลี่หลงหลินพยักหน้าและตอบว่า “พี่สะใภ้สาม ท่านวางใจได้ หากท่านชอบ ภายภาคหน้าจะทำให้พวกพี่สะใภ้กินจนพอใจ!”ซุนชิงไต้เผยสีหน้าดีใจ คีบผลสีแดงเข้าปาก จากนั้นถูกความเผ็ดทำให้หน้าบิดเบี้ยว แต่นาง
ที่ต้าเซี่ย นับตั้งแต่โบราณมาไม่คุ้นชินกับการกินหัวปลา ปกติแล้วจะตัดหัวตัดหางเลือกเพียงลำตัว หัวปลาย่อมถูกทิ้งไปแต่บัดนี้หลี่หลงหลินถึงขั้นนำหัวปลาที่เหลือมาทำอาหารหนึ่งชนิดทำให้ทุกคนรู้สึกเหลือจะเชื่ออยู่บ้างยิ่งไปกว่านั้นหัวปลาหวงฮื้อใหญ่ยังมีขนาดใหญ่มาก ขนาดเล็กที่สุดก็ราวฝ่ามือ มองดูแล้วน่ากลัว ชนิดที่ว่าทำให้คนรู้สึกขนหัวลุกอยู่บ้างเหล่าสะใภ้ตกใจจนใบหน้างดงามเผือดซีดนิ้วเรียวยาวของซูเฟิ่งหลิงปิดปากไว้ อุทานออกมาด้วยความตกตะลึง “องค์ชาย เจ้าสิ่งนี้กินเยี่ยงไร? มองดูแล้วน่ากลัวมากเหลือเกิน!”ลั่วอวี้จู๋เผยสีหน้าลำบากใจ “หัวปลานี้กินได้แน่หรือ?”ตอนนี้ทุกคนไม่เพียงสงสัยหลี่หลงหลิน แต่ยังสงสัยต่อหัวปลานี้หลี่หลงหลินหัวเราะเบาๆ “ปลาหวงฮื้อล้ำค่าทั้งตัว หัวปลาย่อมสามารถกินได้ ไม่เพียงแค่นี้ หัวปลายังเป็นส่วนที่มีคุณค่าทางอาหารมากที่สุด!”“จริงหรือ?” ซูเฟิ่งหลิงยังสงสัยดังเดิม ในสายตาของนาง หลี่หลงหลินกำลังปลอบตน ต้องการเห็นเรื่องตลกของตนซุนชิงไต้มองซูเฟิ่งหลิงด้วยสีหน้าจริงจังและเปล่งเสียงเคร่งขรึม “องค์ชายไม่พูดความเท็จ หัวปลาหวงฮื้อใหญ่นี้กินได้จริงๆ ยิ่งไปกว่านั้นยัง
ลั่วอวี้จู๋พูดอยู่ทางด้านข้าง “ใช่แล้ว องค์ชาย เรื่องเหล่านี้ยกให้สะใภ้สามเถอะเพคะ”หลี่หลงหลินกลับยืดอกตรงดุจต้นไผ่ พูดเสียงเรียบๆ ว่า “พวกพี่สะใภ้วางใจก็พอ ถึงตอนนั้นจะต้องถูกปากพวกพี่สะใภ้แน่”.....พลบค่ำเหล่าสะใภ้และซูเฟิ่งหลิงรอในห้องอาหารนานแล้ว ล้วนแปลกใจตกลงหลี่หลงหลินจะนำความแปลกใจอันใดมาอีกแต่ไหนแต่ไรมาหลี่หลงหลินไม่เคยทำให้ทุกคนผิดหวัง เรื่องที่เขาทำล้วนไม่เคยได้ยินมาก่อน แต่ก็แปลกใหม่ไม่เหมือนผู้ใดสองมือของซูเฟิ่งหลิงยกขึ้นเท้าคาง คนหิวแทบแย่ “ก็ไม่รู้ว่าองค์ชายเล่นพิเรนทร์อันใดอีก จะต้องลงมือเข้าครัวด้วยตนเองให้ได้ สำคัญที่สุดคือองค์ชายทำอาหารเป็นแน่หรือ?”ซูเฟิ่งหลิงรู้จักหลี่หลงหลินดีมาก แม้พูดว่าฉลาดหลักแหลม แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาจะเชี่ยวชาญทุกอย่าง ยิ่งไปกว่านั้นนับตั้งแต่เกิดก็มีคนคอยปรนนิบัติ จนกระทั่งตอนนี้ก็ไม่เคยมีเรื่องให้กังวล น่ากลัวว่าแม้แต่ประตูห้องครัวก็ไม่เคยเฉียดเข้าไป นับประสาอะไรกับฆ่าปลาทำอาหารเล่า?ซูเฟิ่งหลิงส่ายหน้า สีหน้าหมดอาลัยตายอยาก “ดูท่าแล้ว คืนนี้ข้าจะต้องหิวตาย”ลั่วอวี้จู๋อ่านความคิดของซูเฟิ่งหลิงออกจึงเอ่ยปลอบ “น้องหญิงเล็ก ผ
หลังผ่านไปหนึ่งชั่วยามหลี่หลงหลินเปิดฝาโอ่งน้ำใหญ่ด้วยใบหน้าลึกลับเหล่าสะใภ้ต่างคาดหวัง เตรียมเป็นพยานความอัศจรรย์ซี้ด!ไอเย็นเสียดแทงกระดูกสายหนึ่งส่งเข้ามา ทำให้เหล่าสะใภ้ไม่เพียงตัวสั่น ภาพเบื้องหน้ายังชวนให้คนตกตะลึงพรึงเพริด!มองเห็นน้ำในโอ่งน้ำใหญ่ทั้งหมดกลายเป็นก้อนน้ำแข็ง เย็นจนคนรู้สึกหนาว!ทุกคนกลับหายใจเย็นเฮือกหนึ่ง หันมองทางหลี่หลงหลินด้วยสายตาตกตะลึงพรึงเพริด สีหน้าเผือดซีด!ใบหน้ากงซูหว่านล้วนคือความตกตะลึง ในสายตาของนางหลี่หลงหลินไม่ต่างอันใดจากตำนานเสกหินให้เป็นทอง เพียงใช้เกลือหมางเซียวก็สามารถทำให้น้ำกลายเป็นน้ำแข็งได้แล้วหรือ? นี่เหลือจะเชื่อเกินไปแล้ว!กงซูหว่านเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ “องค์ชาย นี่ทำได้เยี่ยงไร? นี่หรือว่าเป็นวิชาเซียนจริง?”หลี่หลงหลินหยิบถุงเกลือหมางเซียวในมือออกมาและพูดว่า “ตอนผสมเกลือหมางเซียวนี้กับน้ำจะสามารถดูดความร้อนมหาศาลได้ สามารถทำให้อุณหภูมิลดลงจนเหลือศูนย์องศา ดังนั้นภายใต้สถานการณ์เช่นนี้น้ำย่อมกลายเป็นน้ำแข็ง”หลี่หลงหลินไม่ปกปิด เล่าหลักการทั้งหมดให้กงซูหว่านฟัง อย่างไรเสียภายภาคหน้ายังต้องการให้มีคนไปสอนราษฎร์ตงไห่ทำน้ำแข็
ทุกคนล้วนตกตะลึง ไม่เคยได้ยินมาก่อน ทั้งยังไม่เคยพบเห็นแต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยได้ยินผู้ใดเอ่ยถึงเจ้าสิ่งนี้ซูเฟิ่งหลิงแปลกใจอยู่บ้าง “องค์ชาย เหตุใดคนสามารถทำน้ำแข็งได้เล่า? ไม่ใช่ขุดมาจากพื้นที่หนาวแดนเหนือหรอกหรือ หรือว่าสามารถทำให้อุณหภูมิของตงไห่ลดลงได้?”ซูเฟิ่งหลิงรู้ว่าน้ำแข็งเป็นผลผลิตของฤดูหนาว แต่นางนึกไม่ออกว่าคนทำน้ำแข็งที่หลี่หลงหลินพูดคือสถานการณ์เช่นไร ในสายตานางมันเป็นเรื่องเพ้อฝัน และไม่มีวันเป็นจริงได้หลี่หลงหลินยิ้มน้อยๆ และพูดว่า “อีกเดี๋ยวเจ้าจะได้รู้”ทุกคนมองหลี่หลงหลินด้วยสายตาตกตะลึง คิดว่าเขาอาจเป็นเทพเซียนกลับชาติมาเกิด หาไม่แล้วจะทำเรื่องชวนให้คนรู้สึกเหลือจะเชื่อได้เยี่ยงไร?หลี่หลงหลินมองซุนชิงไต้และพูดว่า “พี่สะใภ้สาม ไม่รู้ท่านที่นั่นมีเกลือหมางเซียวหรือไม่?”เกลือหมางเซียวหรืออีกชื่อคือดินประสิว เป็นของสำคัญที่หลี่หลงหลินใช้รักษาโรคอยู่ที่ต้าเซี่ย เกลือหมางเซียวมิใช่ของหายาก เพียงแต่ถูกคนนำมาทำเป็นยาระบายขับพิษ ชนิดที่ว่ามีคนนำไปให้สัตว์ใช้แรงกิน สามารถเพิ่มความแข็งของเปลือกไข่ในสัตว์ปีกได้ สามารถพบเห็นได้ทั่วไปและราคาถูกมากซุนชิงไต้มองหลี่หลง
จวนอ๋องตงไห่ ลั่วอวี้จู๋มองเหล่าทหารที่ลำเลียงปลาหวงฮื้อใหญ่เข้ามาในวังทีละคันรถ ในดวงตาเต็มไปด้วยความยินดี “องค์รัชทายาท ท่านช่างยอดเยี่ยมจริงๆ! มีวิธีการจับปลานี้แล้ว ชาวบ้านทะเลตงไห่ทุกครัวเรือนก็จะได้กินเนื้อ ไม่ต้องกังวลเรื่องอาหารอีกต่อไป” ความกังวลก่อนหน้านี้ของลั่วอวี้จู๋มลายหายไปสิ้น ขอเพียงชาวบ้านมีกินมีใช้ ก็จะไม่เกิดเรื่องราววุ่นวายขึ้นอีก ทุกคนอยู่อย่างสงบสุข ทะเลตงไห่ก็จะปรองดองสามัคคี การก่อกบฏก็จะสงบลงไปเอง มิเช่นนั้นหากมีคนชั่วก่อความวุ่นวาย คอยขัดขวางอยู่เบื้องหลัง สุดท้ายผู้ที่ได้รับผลกระทบก็คือเหล่าชาวบ้านอยู่ดี ซุนชิงไต้จ้องมองปลาหวงฮื้อใหญ่รถแล้วรถเล่าตาไม่กะพริบ น้ำลายไหลออกมาอย่างควบคุมไม่ได้: “ปลาหวงฮื้อใหญ่นี้ทั้งอ้วนทั้งอร่อย ชาวทะเลตงไห่คราวนี้จะได้ลิ้มรสของอร่อยแล้ว!” หลังจากได้ปลาหวงฮื้อใหญ่กลับมา ซุนชิงไต้ก็ลงครัวด้วยตนเอง ไม่ว่าจะทอด ผัด ต้ม ตุ๋น ล้วนเป็นรสเลิศแห่งโลกมนุษย์ เพียงแต่หากปลาหวงฮื้อใหญ่ไม่ได้รับการเก็บรักษาที่ดี ด้วยอุณหภูมิของทะเลตงไห่ในตอนนี้ ยิ่งปลาอ้วนเท่าใด ปริมาณโปรตีนในตัวก็ยิ่งสูง อัตราการเน่าเสียก็ยิ่งเร็วขึ้นเท่านั้น
“เปิดยุ้งฉางแจกข้าวหรือขอรับ?” พ่อบ้านชราประหลาดใจอย่างยิ่ง ข้าวสารเหล่านี้ซื้อมาเป็นพิเศษเพื่อปั่นราคา หลายวันก่อนหลู่จงหมิงเพิ่งจะกำชับไว้ว่า หากไม่มีคำสั่งของตน ห้ามผู้ใดเปิดฉางข้าวเป็นอันขาด เพียงไม่กี่วัน สถานการณ์ก็พลิกผัน การเปลี่ยนแปลงรวดเร็วจนน่าตกใจ ทำให้คนตั้งตัวไม่ติด พ่อบ้านยังไม่เข้าใจเจตนาของหลู่จงหมิง หลู่จงหมิงเอ่ยเสียงเข้ม: “ฉวยโอกาสตอนที่พวกตระกูลขุนนางยังไม่เริ่มเทขายข้าวสารในมือ ชิงลงมือก่อนได้เปรียบ! มิฉะนั้นราคาจะยิ่งต่ำลงไปอีก!” “บัดนี้จงนำข้าวสารในมือพวกเราทั้งหมดเทขายออกไปในราคาต่ำสุด! ขอเพียงขายออกไปได้ จะต่ำเพียงใดก็ได้!” หลู่จงหมิงกลัวสถานการณ์เช่นนี้ที่สุด หลี่หลงหลินสอนชาวบ้านจับปลา ไม่เพียงแต่ได้ใจประชาชน แต่ยังแก้ปัญหาเรื่องอาหารที่คับขันได้อีกด้วย สุดท้าย ก็เหลือเพียงตนเองที่ขาดทุนย่อยยับไม่เหลือแม้แต่กางเกงใน หลู่จงหมิงเอ่ยเสียงเข้ม: “ไม่ได้! ข้าจะไปขายข้าวด้วยตนเอง!” ผู้ได้ใจประชาชนย่อมได้ครอบครองแผ่นดิน ในความคิดของหลู่จงหมิง บัดนี้ขอเพียงยอมขายข้าวให้ชาวบ้าน ก็จะเป็นผู้ช่วยให้รอดในใจของชาวบ้านแล้วแม้ว่าจะช้ากว่าหลี่หลงหลิ
หญิงชรามองสุ่ยเซิง เอ่ยอย่างจริงจัง: “สุ่ยเซิง เจ้าบอกความจริงกับแม่มา เจ้าไปลักขโมยปลาของผู้อื่นมาพร้อมกับเถี่ยจู้ใช่หรือไม่?” ในความคิดของหญิงชรา หากไม่ใช่การลักขโมย วันเดียวจะหาปลาได้มากมายเช่นนี้ได้อย่างไร? สุ่ยเซิงยิ้มแล้วชี้ไปยังชาวประมงที่บรรทุกปลาเต็มลำกลับมา: “ท่านแม่! ลูกจะไปลักขโมยปลาของผู้อื่นได้อย่างไร ปลาเหล่านี้ล้วนจับมาได้จากทะเลตามวิธีที่องค์รัชทายาททรงสอนด้วยพระองค์เอง ท่านดูสิ ทุกคนก็จับมาได้ไม่น้อย” หญิงชรามองไป พบว่าชาวประมงที่กลับมาต่างก็มีปลาหวงฮื้อใหญ่ติดมือมาไม่มากก็น้อย เพียงแต่สุ่ยเซิงโชคดีกว่า จับปลาได้มากกว่าเล็กน้อย “องค์รัชทายาททรงสอนพวกเจ้าด้วยพระองค์เองหรือ?” หญิงชรามีสีหน้าลังเล สุ่ยเซิงพยักหน้า ชี้ไปยังท่าเทียบเรือที่ไม่ไกลนัก: “เมื่อวานก็ที่ตรงนั้น องค์รัชทายาทไม่เพียงแต่แบ่งปลาให้พวกเรา ยังทรงสอนวิธีการจับปลาให้พวกเราโดยเฉพาะ ถ่ายทอดเคล็ดวิชาให้พวกเราอย่างไม่ปิดบัง” ฟุบ! หญิงชราทรุดตัวลงนั่งกับพื้น พนมมือ ดวงตาพร่ามัวด้วยน้ำตา: “สวรรค์มีตา สวรรค์มีตาโดยแท้! ต้าเซี่ยมีองค์รัชทายาทเช่นนี้ วันคืนอันแสนลำบากของพวกเราชาวบ้าน ในที่สุดก็จ