หรือพูดอีกอย่างซูเฟิ่งหลิงประชดประชัน มาที่นี่ก็เพื่อหาเรื่องหากตนเองไม่ตอบโต้ ผ่านสถานการณ์น่าอึดอัดนี้ไปให้ได้ ก็จะยังสามารถรักษาชื่อเสียงเอาไว้ได้!ดังนั้น หลี่หลงหลินก้มหน้า ตั้งใจกินข้าว ไม่ตอบโต้ถ้อยคำหาเรื่องของซูเฟิ่งหลิงคิดไม่ถึงเลยว่าหลี่หลงหลินอดทนได้นางคณิกาสามคนข้างกายเขากลับทำไม่ได้ ตอบโต้กลับไป “คุณชายซู ถ้อยคำนี้พูดไม่ถูกแล้ว! ไม่ว่าพูดอย่างไร องค์ชายเก้าก็เป็นจอมกวีแห่งต้าเซี่ย! ท่านเล่า?”“ท่านเป็นบทกวีหรือไม่?”ซูเฟิ่งหลิงพูดเสียงเย็น “ไม่เป็น”นางคณิกาหัวเราะออกมาแล้ว พูดเยาะหยัน “ที่แท้ก็เป็นคนไร้ความสามารถคนหนึ่ง! รูปร่างหน้าตาดีแต่กลับไร้ประโยชน์!”ได้ยินถ้อยคำนี้ นางคณิกาข้างกายซูเฟิ่งหลิงทั้งสามคน สีหน้าเก้อกระดากอยู่บ้างแม้พวกนางชอบคนที่หน้าตาแต่หากซูเฟิ่งหลิงเป็นพวกหน้าตาดีแต่ไร้ประโยชน์ จะต้องเทียบองค์ชายเก้าไม่ได้แน่“คุณชายซู มิสู้...”นางคณิกาตีกลองถอนทัพ ต้องการกลับไปอยู่ข้างกายหลี่หลงหลิน“ช้าก่อน!”ความมุ่งมั่นอยากจะเอาชนะของซูเฟิ่งหลิงถูกกระตุ้นขึ้นมาแล้ว ยื่นมือออกไปขวางนางคณิกาไว้ เปล่งเสียงเย็น “เป็นเพียงบัณฑิตจะมีประโยชน์อะไ
แรงเกินไป ร้อนเกินไป!ดื่มเพียงอึกเดียว ก็รู้สึกได้ว่าโลหิตทั่วทั้งสรรพางค์กายกำลังพลุ่งพล่าน กำลังเผาไหม้!ตกลงนี่คือสุราอะไร?หลี่หลงหลินยิ้มน้อยๆ เอ่ยปากว่า “นี่คือสุราเหินเวหาที่ภูเขาทิศประจิมกลั่นเอง! พวกแม่นางล้วนรู้จักสุราเป็นอย่างดี ข้าตั้งใจนำมา ให้พวกเจ้าลิ้มลอง! ใช่หรือไม่ว่าสามารถเทียบกับสุราเทพเมามายของพวกเจ้าได้!”นางคณิกาคนแรกพูดยิ้มๆ “องค์ชายเก้า ท่านล้อเล่นแล้ว! สุราเทพเมามาย เป็นสุราหายากในใต้หล้า!”นางคณิกาอีกท่าน “กลิ่นของสุราเหินเวลาของท่านนี้ก็ไม่เลว แต่น่าจะเทียบกับสุราเทพเมามายไม่ได้!”หลี่หลงหลินยิ้มน้อยๆ พูดว่า “พวกเจ้าลองดูก่อนแล้วค่อยวิจารณ์เถอะ!”เหล่านางคณิกาเองก็แปลกใจมาก ตกลงเป็นสุราอะไร ทำให้คุณชายซูพูดว่าแสบร้อนได้พวกนางสั่งสาวใช้ให้รินสุราลงถ้วยของตน เม้มปากเบาๆ ดื่มลงไป“สุราดี!”ดวงตาของเหล่านางคณิกาทอประกายระยับ ต่างพากันอุทานออกมาอย่างตกตะลึงผู้เชี่ยวชาญลงมือเอง ย่อมรู้ว่าดีหรือไม่!พวกนางดื่มสุราเป็นเพื่อนลูกค้าทุกวัน เคยดื่มสุรามีชื่อเสียงทั้งหมดในใต้หล้า เชี่ยวชาญในด้านนี้ตั้งนานแล้วทว่าพวกนางไม่เคยดื่ม สุราหอมถึงเพียงนี้ แรงถ
ทั่วทั้งสำนักการสังคีต เงียบกริบไร้เสียงทุกคนล้วนตกตะลึงเหม่อไป ชะงักงันมองทางหลี่หลงหลินพวกเขาล้วนถูกกวีอมตะบทนี้ทำให้ตกตะลึง!โดยเฉพาะเหล่านางคณิกา สายตายามทอดมองหลี่หลงหลิน เปี่ยมความหลงใหลอย่างลึกซึ้งซูเฟิ่งหลิงอึ้งงันอยู่กับที่!จับจ้องหลี่หลงหลินตาเขม็ง!แม้ว่าเจ้าชั่วคนนี้ไม่ได้เรื่อง เป็นพวกเจ้าชู้คนหนึ่ง แต่แต่งกวีได้ดีจริงๆ สมเป็นจอมกวีแห่งต้าเซี่ย!หลี่หลงหลินมิได้ปล่อยให้ทุกคนรอนานมากจนเกินไป เสียงทุ้มต่ำแผ่วเบา เปล่งเสียงพรูลมหายใจยาวเหยียดออกมา“ท่านไม่เห็นหรือ ที่น่าโศกเศร้าคือผมหงอกขาวในคันฉ่องภายในห้องโถง ยามทิวาดุจเส้นไหมยามราตรีไซร้ดุจหิมะ”“ฟ้าประทานความสามารถให้ข้าจักต้องมีประโยชน์ ทองพันชั่งมลายไปก็ยังหวนคืนได้”หลี่หลงหลินยกถ้วยสุรา คารวะจันทราที่ห่างไกล เงยหน้าขึ้นอีกครั้ง จิบสุราในมือพู่กันของหนิงชิงโหวไหลลื่นดุจมังกร บทกวีดุจแม่น้ำสายยาว หลั่งไหลออกมาขอบตาแดง จมูกปวดแสบกวีสองท่อนนี้ ช่างไพเราะยิ่งนัก!หนิงชิงโหวสัมผัสได้อย่างลึกซึ้ง!เขาถึงขั้นคิดว่า บทกวีสองท่อนนี้เขียนขึ้นเพื่อตนเอง!ทั้งหมดล้วนสะท้อนภาพชีวิตที่เต็มไปด้วยความยากลำบากของ
ชื่อเสียงของพวกเขาเองก็เหมือนกันต่อให้ผ่านไปอีกหลายพันปี ก็ยังได้รับการจดจำจากคนรุ่นหลัง ได้รับการยกย่องจากคนรุ่นหลัง!นี่คือชื่อเสียงโด่งดังตลอดกาล!มีฮ่องเต้มากน้อยเพียงใดร้องขอแต่กลับไม่ได้รับมา!มีบัณฑิตมากน้อยเพียงใดใฝ่ฝันถึงแม้กระทั่งในยามหลับฝัน!หนิงชิงโหวตื่นเต้นมากเกินไป น้ำตาคลอหน่วยแม้เขาได้ชื่อว่าบัณฑิตหยิ่งยโสอันดับหนึ่งของใต้หล้า มีชื่อเสียงอยู่บ้างในต้าเซี่ยแต่หนิงชิงโหวรู้ตนเองเป็นเพียงคนตัวเล็กๆ คนหนึ่งภายในสายธารแห่งประวัติศาสตร์ ไม่นับว่ามีความสำคัญอะไร!เขาเองก็เป็นบัณฑิต หวังจะฝากชื่อไว้ในหน้าประวัติศาสตร์ ให้คนรุ่นหลังยกย่อง! ทว่า ไฉนเลยจะง่ายดายถึงเพียงนั้น!ฝากชื่อไว้ในหน้าประวัติศาสตร์ มีเพียงฮ่องเต้ประทานให้คนใหญ่คนโตตนเองเป็นเพียงคนมดปลวกเท่านั้น!จากนั้นหลี่หลงหลินกลับใช้วิธีเช่นนี้ เขียนชื่อของตนลงในบทกวีนับตั้งแต่นี้ไป ชื่อของตน จะอยู่เป็นอมตะไปกับบทกวี!นี่คือเกียรติยิ่งใหญ่เพียงใด!หนิงชิงโหวลุกขึ้น คารวะหลี่หลงหลินอย่างลึกซึ้งบุญคุณเช่นนี้ ไม่สามารถสะท้อนออกมาผ่านวาจาได้ทางฝั่งซูเฟิ่งหลิง รู้สึกตื้นตันสะเทือนอารมณ์เฉกเดีย
เหล่านางคณิกาต่างพากันลุกขึ้น มีทั้งร้องเพลง มีทั้งเต้นรำ มีทั้งหัวเราะเสียงดังอย่างมีความสุขสำนักการสังคีตกลายเป็นทะเลแห่งความสุข!ซูเฟิ่งหลิงตื่นเต้นเป็นพิเศษ มือกำหมัดแน่นนี่ต่างหากภาพที่ต้าเซี่ยพึงมี!กลับมาแล้ว!ทุกอย่างล้วนกลับมาแล้ว!ถัดจากเสียงหัวเราะมีความสุข หลี่หลงหลินร้องเพลงเสียงดัง“มีหนึ่งบทเพลง ขอทุกท่านเอียงหูฟัง!“ฆ้องกลองอาหารเลิศรสใดล้วนไม่สำคัญ ปรารถนาเพียงดื่มให้เมาไม่ฟื้น”“นับตั้งแต่โบราณปราชญ์บัณฑิตล้วนเงียบเหงา เว้นเสียแต่นักดื่มยังมีชื่อ”“งานเลี้ยงหอผิงเล่อของเฉินอ๋อง ดื่มสุราหมื่นถังสนุกสนานอย่างเต็มที่”“เหตุใดเจ้าของร้านเอ่ยว่าข้าไม่มีเงิน มีสุรามากน้อยเพียงใดก็เอามาให้หมด”ร้องถึงตรงนี้ เห็นได้ชัดว่ายังขาดประโยคสุดท้ายไป แต่หลี่หลงหลินกลับหยุดอย่างอย่างกะทันหันทุกคนหยุดชะงักนิ่งไป ทั้งหมดล้วนร้อนใจมากหนิงชิงโหวเกาหัวงุนงง “ต่อไปเล่า...คงไม่ใช่ว่าไม่มีแล้วหรอกกระมัง?”บทกวีอมตะ เหลือเพียงประโยคสุดท้ายแล้วหรือว่า หลี่หลงหลินใช้พรสวรรค์จนหมดไป เขียนไม่ออกแล้ว?หรือว่า เขาดื่มมากเกินไป เมาจนไม่ได้สติ?แต่งกวี ไม่คล้ายเขียนเรียงความ สาม
ตัวอย่างมีมากมายนักสำหรับการแสดงของตนนี้ หลี่หลงหลินสามารถให้ได้ถึงเก้าคะแนนหักหนึ่งคะแนน เพราะกลัวตนเองโอหังมากเกินไปหากไม่ผิดไปจากที่คาด พรุ่งนี้บทกวี ‘เชิญดื่มสุรา’ นี้จะเผยแพร่ไปทั่วทั้งเมืองหลวง ชนิดที่ว่าโด่งดังตั้งแต่เหนือจรดใต้ที่จะโด่งดังไปพร้อมกัน ยังมีสุราเหินเวหาอีกด้วยไปจนถึงประโยคนี้ “สุราดี กวีดียิ่งขึ้น” หนิงชิงโหวได้ยินก็ดีใจมาก รีบลงจากหอไป อยู่ใต้รถม้าไม่ผิดไปดังคาด หาสุราไหสุดท้ายพบแล้ว วิ่งอุ้มกลับมาอย่างระมัดระวังและหยุดต่อหน้าหลี่หลงหลินหลี่หลงหลินเปิดฝาไหสุรา ดื่มด่ำรสชาติหอมหวานอย่างเต็มที่“ม้าห้าดอก”“เสื้อขนสัตว์ทองพันชั่ง”“เรียกลูกเจ้านำไปแลกสุราเลิศรส”“ร่วมดื่มลืมเศร้าทั้งมวลเถิด”หลังพูดจบ หลี่หลงหลินกอดไหสุรา นอนหลับไปครั้งนี้ เขาเอาชนะฤทธิ์สุราไม่ได้ เมาล้มลงไปแล้วจริงๆ!ทุกคนล้วนตกตะลึง อ้าปากกว้าง พูดไม่ออกอยู่นานประโยคสุดท้าย เติมเต็มได้อย่างสมบูรณ์งดงาม!ร่วมดื่มลืมเศร้าทั้งมวลเถิด!หลุดพ้นมากเพียงใด กล้าหาญมากเพียงใด เด็ดเดี่ยวมากเพียงใด!กวีบทนี้อยู่เหนือขอบเขตของมนุษย์ ทะยานสู่แดนเซียนแล้ว!องค์ชายเก้าสมเป็นจอมกวีแห่
ปัง!พวกนางคณิกาทะเลาะกันจนซูเฟิ่งหลิงปวดหัว ตบโต๊ะดังปัง พูดเสียงโกรธขึ้ง “พวกเจ้าไม่ต้องแย่งกันแล้ว! องค์ชายเก้าเป็นของข้า!”เหล่านางคณิกาอึ้งงัน มองซูเฟิ่งหลิงอย่างแปลกใจพี่ชายน้อยคนนี้ หล่อเหลาอย่างแท้จริง คล้ายทั้งชายและหญิงแต่ หว่างคิ้วนั้น ความองอาจเช่นนั้นของบุรุษ กลับเป็นสิ่งที่สตรีไม่สามารถเลียนแบบได้เขาบุรุษตัวโตคนหนึ่ง จะแย่งองค์ชายเก้า?เรื่องบ้าอะไรกัน?หรือว่า ต้องการต้อนรับบุรุษ บุรุษอยู่เหนือบุรุษ?แม้พูดว่าภายในสำนักการสังคีต พวกนางเคยเห็นเรื่องไร้สาระหมดทุกอย่างมาก่อนแต่นึกภาพชายหล่อเหลาสองคนอยู่ด้วยกัน พวกนางหายใจถี่กระชั้นขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ ใบหน้าแดงเรื่อ“ใช่แล้ว!”“ก่อนหน้านี้ได้ยินข่าวลือ องค์ชายเก้าเป็นตะวันพันมังกร!”“อ๊าย เขามิได้ชมชอบบุรุษจริงหรอกกระมัง?”“เป็นไปไม่ได้! อย่างน้อยก็ต้องเป็นได้ทั้งบุรุษและสตรี!”เหล่านางคณิกานึกถึงข่าวลือในอดีต สีหน้าแดงยิ่งขึ้นอย่างสุดระงับซูเฟิ่งหลิงคร้านจะอธิบาย แบกหลี่หลงหลินออกไปแล้วคณิกาเหล่านั้นย่อมไม่ยอม รีบเข้ามาขวางไว้ซูเฟิ่งหลิงหยิบทวนเงินออกมา เปล่งเสียงเยียบเย็น “ใครขวัญกล้าขวางทางข้า! อย่
“หาไม่แล้ว จะต้องขายดีแน่!”แม่เล้ามองกลุ่มคนหัวดำทะมึน สลดใจภายในใจทว่า นี่เป็นเรื่องช่วยไม่ได้ของดีย่อมคุ้มค่าต่อการรอคอย!สุราต้องหมักนานถึงจะหอม!ภูเขาทิศประจิมหมักออกมาไม่ได้ ก็ทำได้เพียงรออีกสองสามวันขณะเดียวกันภูเขาทิศประจิมเองก็ครึกครื้นมากรถม้าหรูหราแต่ละคัน แล่นเข้าภูเขาทิศประจิมเจ้าของร้านและเถ้าแก่ร้านอาหารมีหน้ามีตาภายในเมืองหลวง ล้วนมาทั้งหมดแล้วพวกเขาเองก็ได้ยินเรื่องที่สำนักการสังคีตเมื่อวานนี้แล้ว นอกจากความตกใจต่อบทกวีของหลี่หลงหลิน ยังมีไหวพริบพบช่องทางทำการค้าอีกด้วยไม่ว่าเป็นใคร ได้อ่าน ‘เชิญดื่มสุรา’ แล้ว นอกจากตกตะลึงต่อพรสวรรค์ขององค์ชายเก้า จะต้องแปลกใจมากแน่ เชิญดื่มสุรานี้ ดื่มสุราอะไรเล่า?ฟังให้ดีอีกครั้ง!สุราเหินเวหา!สุราดี กวีดียิ่งขึ้น!ประโยคโฆษณานี้ ยอดเยี่ยมเกินไปแล้ว!สุราเหินเวหา จะต้องโด่งดังแน่!ดังนั้น เถ้าแก่ร้านเจ้าของร้านเหล่านี้ รีบเดินทางมายังภูเขาทิศประจิม ต้องการเจรจาทำความร่วมมือหลี่หลงหลินย่อมไม่ออกหน้าด้วยตนเอง พบเถ้าแก่เหล่านี้ลั่วอวี้จู๋พบพวกเขา ยิ่งไปกว่านั้นยังลงนามในสัญญาแล้วอีกสองสามวันสุราเหินเว
เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น เว่ยซวินเดินเท้าอย่างรวดเร็วรีบเข้าตำหนักหยั่งซิน ร้องเรียกฮ่องเต้ที่ยังงัวเงียอยู่ให้ตื่นขึ้น “ฝ่าบาท แย่แล้ว...” ฮ่องเต้ขมวดคิ้วถาม “เกิดอะไรขึ้น? องค์หญิงชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือหนีไปหรือ?” เว่ยซวินกระซิบบางอย่างข้างหูฮ่องเต้หวู่ สีหน้าฮ่องเต้เปลี่ยนไปทันที “แล้วเรียกองค์ชายเก้าเข้ามาในวังทันที!” หลังจากนั้นครึ่งชั่วโมง หลี่หลงหลินก็มาถึงตำหนักหยั่งซิน โค้งตัวทำความเคารพ “ลูกถวายบังคมเสด็จพ่อ!” ฮ่องเต้หวู่หันไปมองเว่ยซวินแวบหนึ่ง “องค์ชายเก้ามาแล้ว! เจ้าพูดอีกทีว่าเซียวเม่ยเอ๋อร์เป็นอะไร?” หลี่หลงหลินเอ่ยอย่างประหลาดใจ “เกิดอะไรขึ้น? เซียวเม่ยเอ๋อร์หนีไปหรือ? ที่จริงก็ไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่โตอะไร” สำหรับหญิงสาวที่ที่ชั่วร้ายและไร้สาระอย่างเซียวเม่ยเอ๋อร์ หลี่หลงหลินไม่มีความรู้สึกดีๆ อะไรเลย ถ้าเป็นไปได้ หลี่หลงหลินตั้งใจจะให้เซียวเม่ยเอ๋อร์อยู่เป็นตัวประกันในต้าเซี่ย เพื่อให้มหาข่านแห่งชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือกลัวจนไม่กล้าส่งทัพมาตี แม้นางหนีไป ก็ไม่เป็นไร นางเป็นแค่หญิงสาวคนหนึ่ง ที่อาศัยความสาว ความสวย แล
ชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือไม่ได้เป็นแค่หมาก แต่เป็นหมากที่ถูกใช้แล้วทิ้ง! “แต่...แต่...” เซียวเม่ยเอ๋อร์เอ่ยเสียงสั่น “ท่านจริงใจและพยายามอย่างเต็มที่ในการจัดเตรียมเสบียงให้กับชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือ” เสิ่นชิงโจวเผยยิ้ม แล้วมองไปที่เซียวเม่ยเอ๋อร์ “เจ้าคงไม่คิดจริง ๆ หรอกนะว่าพวกเสบียงพวกนั้นเตรียมไว้ให้ชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือ? ตามแผนเดิม เรือขนส่งเสบียงเมื่อถึงตงไห่ จะต้องหายไปอย่างไร้ร่องรอย!” “จริง ๆ แล้ว เสบียงเหล่านั้นก็ต้องตกอยู่ในมือขององค์ชายใหญ่นานแล้ว!” “แต่ความผิดนี้ จะต้องให้พวกเจ้าชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือเป็นผู้รับผิดชอบ!” “ความแค้นนี้ ข่านจะต้องกลืนไม่ลงแน่ จะต้องส่งทัพเพื่อมาโจมตีต้าเซี่ยอีกครั้ง!” “เมื่อถึงเวลาที่ทั้งสองฝ่ายต่างได้รับบาดเจ็บ องค์ชายใหญ่จะออกทัพ เข้ามาเก็บผลประโยชน์!” เซียวเม่ยเอ๋อร์ตัวสั่นเทา ใบหน้าของนางแสดงออกถึงความกลัวอย่างที่สุด ใบหน้าสวยซีดเซียวจนเห็นได้ชัดเจน เป็นอย่างนี้นี่เอง... ตั้งแต่แรกเริ่ม ชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือก็ถูกเสิ่นชิงโจววางแผนเอาไว้แล้ว! แม้แต่เซียวเซวียนเช่อก็ยังมองถึงความคิดของเสิ่นชิงโจวไม่อ
เซียวเม่ยเอ๋อร์ตกตะลึงอยู่ตรงนั้น แล้วพึมพำว่า “ชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือเป็นเพียงหมาก... แต่ข้ายังไม่เข้าใจ! อาจารย์ฮ่องเต้ไม่ได้วางแผนเพื่อทำลายกองทัพตระกูลซูหรอกหรือ?” เสิ่นชิงโจวถอนหายใจแล้วตอบว่า “ใช่แล้ว! แต่ชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือของพวกเจ้านั้นช่างไม่เอาไหน! ที่พ่ายแพ้ต่อทัพตระกูลซูก็ช่างเถอะ แต่แค่คนอย่างจางไป่เจิงเพียงคนเดียว ก็ยังกันพวกเจ้าอยู่นอกประตูเมืองซั่วเป่ย ได้เป็นปีๆ!” “จนทำให้เสบียงของชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือหมดลง ต้องถอยทัพกลับและขอสงบศึกกับต้าเซี่ย และวางแผนยึดเอาเสบียง!” เซียวเม่ยเอ๋อร์หน้าแดงหูแดง และเอ่ยโต้แย้งว่า“ที่จริงชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือสามารถทำลายจางไป่เจิงได้ตั้งนานแล้ว! เป็นเพราะเจ้าเก้าที่อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมด ทั้งการส่งเสื้อผ้ากันหนาวและยาสมุนไพร รวมถึงชัยชนะทั้งสองครั้ง ล้วนเกี่ยวข้องกับเขาโดยตรง!” เสิ่นชิงโจวตอบรับอย่างเปิดเผย “ถูกต้อง องค์ชายเก้าเป็นปัจจัยที่ไม่แน่นอนที่สุด! ข้าเองก็ไม่ได้คาดคิดว่าเขาจะทำเรื่องน่าประหลาดใจมากมายขนาดนี้มา! แต่ ถ้าเจ้าเชื่อว่าข้าจะอยู่เคียงข้างชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือ ก็ผิดมหันต์
จางอี้รีบพาทหารองครักษ์เสื้อแพรบุกเข้ามาในจวนขององค์ชายสี่เพื่อตรวจค้นที่อยู่ของเซียวเม่ยเอ๋อร์ อย่างไรก็ตาม ที่นั่นกลับเงียบเหงา ไร้ผู้คนนานแล้ว หลังจากสอบถามสาวใช้และคนรับใช้แล้ว ก็ได้รู้ว่าเซียวเม่ยเอ๋อร์ที่เห็นสถานการณ์ไม่ดี จึงรีบหนีออกจากจวนขององค์ชายสี่ ตอนนี้ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน “ค้นหา!” จางอี้ออกคำสั่ง “ประตูเมืองได้ปิดลงแล้ว เซียวเม่ยเอ๋อร์เป็นเพียงผู้หญิงคนหนึ่ง หนีไปได้ไม่ไกลแน่ นางต้องยังอยู่ในเมืองหลวง! ถึงต้องพลิกแผ่นดินหาก็ต้องหานางให้พบ!” ค่ำคืนมาถึง ทหารองครักษ์เสื้อแพรถืออาวุธ บุกค้นบ้านเรือนทุกหลังเพื่อตามหาเซียวเม่ยเอ๋อร์ ค่ำคืนมาถึง ในคุกใต้ดิน จู่ๆเสิ่นชิงโจวก็มีแขกไม่รับเชิญมาเยือน หญิงสาวในชุดคลุมสีดำ ไม่สามารถปกปิดรูปร่างที่เพรียวบางได้ ภายใต้ผ้าปิดหน้า ใบหน้าสวยของนางงดงามจนสะดุดตา ดวงตาเปล่งประกายราวกับดอกท้อที่ดึงดูดใจ เสิ่นชิงโจวนั่งขัดสมาธิ จ้องมองไปที่กระดานหมาก หมากดำและขาวสลับกันไปมาดูเหมือนจะเป็นหมากล้อม แต่แท้จริงแล้วคือหมากห้าแถว เสิ่นชิงโจวเป็นคนที่มีความมุ่งมั่นมาก
เพียงแค่พริบตาเดียว เหยลวี่เกอนักรบอันดับหนึ่งของชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือ ถูกซูเฟิ่งหลิงตัดหัว ศีรษะที่เปื้อนเลือดของเขาถูกทวนเงินยกขึ้นสูง การจับกุมผู้นำท่ามกลางกองทัพนับหมื่นนั้น เหมือนหยิบของในถุง! หืม... ฉากการฆ่าที่น่าสยดสยองนี้ทำให้คนจำนวนมากถอนหายใจด้วยความตกใจ เหล่าขุนนางข้าราชการต่างก็ตกตะลึง มองไปที่ซูเฟิ่งหลิงด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเคารพ แม่เสือโคร่งช่างน่ากลัว! โชคดีที่นางเป็นผู้หญิง ถ้าเป็นผู้ชายล่ะก็ จะน่ากลัวขึ้นอีกเท่าไหร่ ฮ่องเต้หวู่ดวงตาเป็นประกายขึ้นมา แล้วเอ่ยชมว่า “หญิงแกร่งที่ไม่แพ้ชาย เป็นเทพีสงครามที่แท้จริง!” แต่มีเพียงเว่ยซวินเท่านั้นที่มองไปที่หลี่หลงหลินด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเห็นใจ และเอ่ยด้วยเบาว่า “องค์ชายเก้าลำบากท่านแล้ว” ในทันใดนั้น หลี่หลงหลินก็รู้สึกอยากจะร้องไห้ เพื่อนรู้ใจจริงๆ! เขาอยากเชิญเว่ยซวินไปที่หอเซียนเมามาย และดื่มกันสักสามร้อยจอกเพื่อให้ลืมทุกข์! เมื่อเห็นเหยลวี่เกอรบจนตัวตาย กองทัพชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือก็เสียขวัญทันที! ทหารใหม่ตระกูลซูบดขยี้ไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่อง สังหารคนไปนับไม่ถ้วน เลือดไหลนอ
หลี่จือหน้าซีดเผือด! จบแล้ว! ลูกธนูอยู่บนสายธนู ต้องยิงออกไปแล้ว! เขาไม่อยากก่อการกบฏ แต่ตอนนี้ก็ต้องทำแล้ว! “ฆ่า” เหยลวี่เกอยกดาบงอสูงขึ้น ตะโกนเสียงดัง พลางนำทัพม้าฝ่าไปข้างหน้า มุ่งตรงไปยังซูเฟิ่งหลิง! ทหารชั้นยอดของชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือจำนวนหนึ่งพันนายตามหลังมาด้วยความเร็วและพลังที่น่าทึ่ง ราวกับคลื่นยักษ์! จางเฉวียนตาเบิกกว้าง ขมวดคิ้วและตะโกนเสียงดังว่า “ยิงธนู!” พรวดๆๆ... ลูกธนูพุ่งลงมาเหมือนพายุฝนที่โหมกระหน่ำ ทหารชั้นยอดแถวแรกของชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือล้มลงราวกับต้นข้าวที่ถูกเคียวเกี่ยว อย่างไรก็ตาม ทหารชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือที่อยู่ข้างหลัง ก็ต้องเหยียบศพของสหายร่วมรบ ยังคง เดินหน้าบุกเข้าอย่างไม่เกรงกลัวความตาย ฉากนี้ทำให้ทหารห้าพันนายของจางเฉวียนรู้สึกขนลุกซู่ นี่คือชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือหรือ? แค่พันนาย แต่มีพลังเหมือนกับกองทัพล้านนาย! สิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่านั้นคือ พวกเขาไม่กลัวความตาย! นี่มันยังเป็นคนอยู่หรือ? แทบจะเหมือนสัตว์ประหลาดแล้ว! กองทัพตระกูลซูที่ปกป้องเขตเหนือมาหลายปี ต้องต่อสู้กับศัตรูที่น่ากล
เซียวเซวียนเช่อมองหลี่จือด้วยสายตาเย็นชาและดูถูก เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว องค์ชายสี่ท่านคิดจะถอยแล้วหรือ? มันสายเกินไปแล้ว!ถึงแม้ฮ่องเต้หวู่อาจจะยังมีใจอ่อนและปล่อยท่านไป แต่หลี่หลงหลินล่ะ? ตอนนี้เขาคือรัชทายาทที่ตัดสินโทษอย่างเด็ดขาด เขาจะต้องชำระบัญชีกับท่านจนหมดสิ้น ถอยไปก็เท่ากับตาย! ไม่สู้ลองต่อสู้ไป! อาจจะยังมีโอกาสรอด! หลี่จือตัวสั่นสะท้าน สีหน้าแสดงความโลภออกมา ใช่แล้ว! บัลลังก์ฮ่องเต้ใกล้แค่เอื้อม แค่ฆ่าฮ่องเต้หวู่และเจ้าเก้า เขาก็สามารถขึ้นครองบัลลังก์ได้แล้ว ส่วนการฆ่าพ่อหรือ? ตอนนี้หลี่จือไม่สนใจแล้ว ประวัติศาสตร์จะถูกเขียนโดยผู้ชนะ ยิ่งไปกว่านั้น เหล่าขุนนางข้าราชการทั้งหมดล้วนสนับสนุนเขา รวมทั้งผู้บันทึกเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ด้วยแค่สาดน้ำสกปรกโยนความผิดไปที่หลี่หลงหลิน แล้วยืนยันว่าเขาคือคนที่ฆ่าพ่อ เป็นขุนนางกบฏ ส่วนตนเองเป็นผู้บริสุทธิ์! อย่างไรก็ตาม ด้วยทหารชั้นยอดของชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือเพียงหนึ่งพันนาย ยังไม่พอที่จะสู้กับทหารใหม่จากตระกูลซูสองพันนายได้ หลี่จือจึงรู้สึกไม่มั่นใจ ดีที่สุดคือขอความช่วยเหลือจากจางเฉวียนที่มีท
โดยเฉพาะขุนนางกลุ่มข้าราชการ สีหน้าของพวกเขาซีดเหมือนกระดาษ พวกเขายืนข้างผิดแล้ว! หากหลี่หลงหลินขึ้นครองราชย์ สำหรับพวกเขาก็จะมีแต่ความเดือดร้อน! หลี่จือมึนงงไปหมด ตัวเขาเสียสติไปครู่หนึ่งและพูดออกมา “ทำไม? เสด็จพ่อ ทำไมพระองค์ถึงลำเอียงขนาดนี้ ประกาศให้เจ้าเก้าเป็นองค์รัชทายาท? พระองค์โดนเจ้าเก้าขู่หรือเปล่า ถ้าเป็นเช่นนั้น พระองค์ก็เพียงแค่กะพริบตาให้ข้าหน่อย!” ฮ่องเต้หวู่โกรธจัด และตะคอกออกมา “กะพริบตาหรือ? ไปตายซะ! เจ้าบอกว่าข้าลำเอียง! เจ้าเก้าได้ทำความดีมา ผลงานของพวกองค์ชายไร้ประโยชน์ทั้งแปดคนรวมกันแล้ว ยังไม่เท่าผลงานของเขาเลย!” “ไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่นเลย เพียงแค่ครั้งนี้ ข้าถูกพิษของสารหนู!” “หากไม่ใช่เพราะเจ้าเก้ามีฝีมือการแพทย์สูงส่ง ช่วยให้ฟื้นคืนชีพได้!” “ข้าคงจะสิ้นไปแล้ว!” เหล่าขุนนางข้าราชการทั้งหลายต่างตกตะลึง แท้จริงแล้ว ฮ่องเต้หวู่ถูกพิษสารหนูจริงๆ! ข่าวลือนี้ไม่ผิด! สิ่งที่น่าตกใจที่สุดคือ หลี่หลงหลินสามารถแก้พิษสารหนูได้ด้วย? นี่มันไม่น่าเชื่อเลย! การช่วยชีวิตคนคนหนึ่งเป็นการสร้างคุณงามความดีที่ยิ่งใหญ่ โดยเฉพาะก
ฮ่องเต้หวู่ยังไม่ตาย? เหล่าขุนนางข้าราชการทั้งหลายแทบไม่เชื่อหูตัวเอง พวกเขาได้รับข่าวที่แน่ชัดว่า ฮ่องเต้หวู่ถูกวางยาพิษจากยาพิษสารหนู ใครเป็นคนวางยานั้นไม่สำคัญ สิ่งที่สำคัญคือ ยาพิษสารหนูไม่มีทางรักษาได้ และต้องตายอย่างแน่นอน! เพียงแค่ฮ่องเต้หวู่สิ้นพระชนม์ หลี่หลงหลินก็จะกลายเป็นกบฏ! แต่... ถ้าฮ่องเต้หวู่ยังไม่ตาย นั่นก็จะเป็นปัญหาใหญ่แล้ว! หลี่จือหัวเราะลั่น “เจ้าเก้า เจ้ากำลังจะตายแล้ว ยังทำอวดเก่งอยู่หรือ! เสด็จพ่อของข้าเสวยยาพิษและสิ้นพระชนม์ไปแล้ว เจ้าจะอวดเก่งอะไร? ยังจะพาเสด็จพ่อมาออกมาอีกหรือ? คงจะเป็นแค่ร่างไร้วิญญาณที่ถูกพามาใช่หรือไม่? ฮ่าฮ่าฮ่า…” ทันใดนั้น เสียงเอ่ยอย่างโกรธจัดก็ดังขึ้น “เจ้าสี่ ข้าตายแล้วเจ้าดูมีความสุขมากนะ!” ทุกคนหันไปมอง ต่างก็ตกตะลึง เห็นชายคนหนึ่งในชุดมังกรเดินออกมาช้าๆ โดยมีเว่ยซวินคอยพยุง ใบหน้าขมวดคิ้วเต็มไปด้วยความโกรธ ฮ่องเต้หวู่? เหล่าขุนนางข้าราชการทั้งหมดต่างตกตะลึง แม้สีหน้าจะซีดเซียวและดูอ่อนเพลีย แต่ก็ชัดเจนว่าเป็นฮ่องเต้หวู่! และไม่ใช่ใครมาปลอมเป็นคนอื่น รูปลักษณ์อาจสามารถปลอมได้ แต่ความย