เสนาบดีศาลต้าหลี่สั่งนักการว่า “พวกเจ้าพาใต้เท้าตู้กลับไปส่งเข้าคุก และดูแลให้ดีด้วย!”นักการพยักหน้า แล้วคุมตัวตู้เหวินยวนจากไปแต่พวกเขาเพิ่งจะออกจากประตูใหญ่ฟรึ่บ!แสงเย็นเยียบจู่โจมเข้ามา กระบี่อาญาสิทธิ์อันแหลมคมชี้ไปที่คอของตู้เหวินยวนผู้ถือดาบสวมกระโปรงสีแดงเพลิง องอาจสง่างาม ผู้นั้นก็คือซูเฟิ่งหลิงหลี่หลงหลินเดินเข้ามาด้วยรอยยิ้ม “ใต้เท้าตู้ พวกเราพบหน้ากันอีกแล้ว!”ที่แท้หลี่หลงหลินกับซูเฟิ่งหลิงที่เดินออกมาก่อน ก็ซ่อนตัวนั่งรอคอยกระต่ายอยู่แถวๆ นั้น รอให้ตู้เหวินยวนปรากฏตัวตู้เหวินยวนมีสีหน้าตกใจจนเกือบฉี่ราด กล่าวเสียงสั่นเครือ “องค์ชายเก้า เจ้าจะเอาอย่างไร? ที่นี่ศาลต้าหลี่ เจ้ากล้าดีนัก กล้าสังหารคนเลยหรือ?”หลี่หลงหลินกล่าวเย็นชา “พูดไร้สาระอะไร! เฟิ่งหลิง ลงมือ!”ซูเฟิ่งหลิงหยิบเชือกออกมา มัดไพล่หลังรั้งคอของตู้เหวินยวนอย่างรวดเร็ว แล้วโยนขึ้นไปบนรถม้าหลี่หลงหลินขึ้นไปบนรถม้าติดตามไปอย่างใกล้ชิด ตะโกนไปยังพวกนักการที่ตะลึงอ้าปากค้าง “ไปบอกใต้เท้าทั้งสามคนของพวกเจ้า ข้าจะพาตู้เหวินยวนไปไต่สวนที่เขาทิศประจิมเอง ให้พวกเขาไม่ต้องกังวล...”เหล่านักการพากันตะล
ล้อรถหมุนไปเรื่อยๆตู้เหวินยวนถูกมัดไพล่หลังรั้งคอ ถูกปิดตา นอนอยู่บนรถม้า ในใจเต็มไปด้วยความกังวลองค์ชายเก้าคิดจะทำอะไรกันแน่?เขากำลังจะพาข้าไปไหน?หรือว่าเขาต้องการฆ่าข้าจริงๆ?เป็นไปไม่ได้!เขาเป็นองค์ชาย ไม่ใช่จอมยุทธพเนจรที่บ่อนทำลายกฎเกณฑ์ถ้าเขาแตะต้องเส้นขนข้าแม้เพียงเส้นเดียว ฮ่องเต้ไม่มีทางปล่อยเขาไปเด็ดขาด!ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหนเส้นทางที่โคลงเคลงนี้ เกือบทำให้ตู้เหวินยวนอาเจียนออกมาในที่สุดรถม้าก็หยุดลง“ลงจากรถ!” ซูเฟิ่งหลิงเอาตัวตู้เหวินยวนลงจากรถ แล้วแก้เชือกออกตู้เหวินยวนแทบรอไม่ไหว รีบถอดผ้าปิดตาออก“เขาทิศประจิม?”ตู้เหวินยวนจำได้ในทันที ที่นี่คือเขาทิศประจิมสถานที่ห่างไกลบริเวณรอบๆ เต็มไปด้วยป่าเขียวชอุ่ม มีชาวบ้านผ่านไปผ่านมาไม่มากนักด้านหน้าเป็นถ้ำที่ดูเหมือนเพิ่งจะถูกขุดออกมาตู้เหวินยวนสับสน “องค์ชายเก้า เจ้าพาข้ามาที่นี่ทำไม?”หลี่หลงหลินยิ้มบาง “ตู้เหวินยวน เจ้ายังมีโอกาสสุดท้ายที่จะสารภาพผิดและคายเงินที่เจ้ายักยอกไปออกมา! ไม่อย่างนั้นข้าจะให้เจ้าอยู่อย่างตายทั้งเป็น!”ใบหน้าของตู้เหวินยวนซีดขาว เอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “เจ้า... เจ้
แม้แต่ซูเฟิ่งหลิง หญิงสาวรูปร่างอรชรเดินเข้าไป ก็ยังยืนตัวตรงไม่ได้ ทำได้แค่ม้วนตัวเอนกายครึ่งหนึ่งบนพื้นซูเฟิ่งหลิงเข้าไปสัมผัสกับประสบการณ์ ก็ตะลึงงัน “นี่...นี่คืออะไร?”หลี่หลงหลินยิ้ม “นี่เป็นการลงโทษที่น่ากลัวที่สุดในโลก...ห้องมืดเล็กๆ!”ซูเฟิ่งหลิงมีสีหน้าสับสนก็แค่ห้องเล็กๆ คับแคบเท่านั้นเองไม่ใช่หรือ?ต่างจากห้องขังอย่างไร?มีนักโทษที่ถูกคุมขังอยู่ในคุกใหญ่กรมอาญากี่คน?ผู้ที่ทำความผิดร้ายแรงถูกจำคุกตลอดชีวิต ไม่ใช่ว่าเอาตัวรอดไปวันๆ เหมือนกันหรือ?เรื่องนี้ไม่มีอะไรน่ากลัว!“ฮ่าๆๆ...”ตู้เหวินยวนเงยหน้าขึ้นหัวเราะ น้ำตาแตก “องค์ชายเก้า เจ้านี่ช่างพูดอะไรน่าขันนัก! ก็แค่ถูกขังไม่ใช่หรือ? มีอะไรให้น่ากลัว? แล้วการลงโทษที่น่ากลัวที่สุดในโลกคืออะไร? ขู่ให้กลัวมากกว่าสิไม่ว่า!”หลี่หลงหลินขี้เกียจจะพูดเรื่องไร้สาระ ผลักตู้เหวินยวนเข้าไปห้องมืด“เฮอะ!”“ต่างจากคุกตรงไหน?”ตู้เหวินยวนแค่นเสียงเย็นชา กว่าจะหาท่านั่งสบายๆ พบไม่ใช่ง่ายๆ ก่อนจะนั่งลงบนพื้น“โอ้!”“แถมยังนุ่มสบายด้วย!”เมื่อตู้เหวินยวนสัมผัส เขาก็พบว่าพื้นและผนังของห้องมืดเล็กๆ นี้ถูกปูด้วยผ้าฝ้ายดูเ
ตำแหน่งที่ตั้งของห้องมืดเล็กๆ อยู่ไม่ไกลจากโรงเรียนทหารซีซานเวลาเดินทางก็ใช้เวลาเพียงครึ่งก้านธูปเท่านั้นหลี่หลงหลินสั่งให้คนย้ายโต๊ะและเก้าอี้ ตักน้ำพุบนภูเขามาต้มน้ำชา และดื่มชาพูดคุยกับสตรีที่ยอดเยี่ยมทั้งสองคนอย่างซูเฟิ่งหลิงและกงซูหว่าน ชื่นชมพระจันทร์และสายลมที่พัดผ่านป่าไม้ มีความสุขยิ่งนักในเวลานี้ เสียงทุบประตูและเสียงร้องไห้ก็ดังมาจากถ้ำ ทำลายภาพอันงดงามนี้ลงซูเฟิ่งหลิงวางถ้วยชาลงแล้วถามด้วยความไม่เข้าใจ “นี่เกิดอะไรขึ้น?”หลี่หลงหลินยิ้มบาง “สติหลุดแล้ว”ซูเฟิ่งหลิงและกงซูหว่านต่างก็มองไปที่หลี่หลงหลินด้วยความประหลาดใจในเวลาเพียงครึ่งวัน ตู้เหวินยวนก็สติหลุดแล้วหรือ?”ห้องมืดเล็กๆ น่ากลัวขนาดนั้นเลยหรือ?หรือว่าภายในนั้นจะมีปีศาจอะไรซ่อนอยู่จริงๆ?หลี่หลงหลินเม้มปากจิบชา “ข้าเคยพูดเอาไว้แล้ว ห้องมืดเล็กๆ นี่เป็นหนึ่งในการลงโทษที่น่ากลัวที่สุดในโลก! พวกเจ้าไม่เชื่อ! ตอนนี้เชื่อแล้วใช่หรือไม่! อย่างไรก็ตาม ตู้เหวินยวน สุนัขแก่ตัวนี้ ช่างไม่มีอนาคตเลยจริงๆ อดทนได้แค่ครึ่งวันเท่านั้น...”คำพูดเหล่านี้ ไม่ใช่คำพูดที่พูดไปเรื่อยของหลี่หลงหลิน แต่เป็นเรื่องจริงคนก
ในตอนแรก ตู้เหวินยวนยังร้องไห้โวยวายอยู่ในห้องมืดเล็กๆ นั่นต่อมา ตู้เหวินยวนเริ่มใช้สิ่งที่เรียนรู้มาตลอดชีวิต สาปแช่งหลี่หลงหลินจากนั้น ตู้เหวินยวนก็เริ่มขอร้องให้หลี่หลงหลินปล่อยเขาออกไปสุดท้าย ในห้องมืดเล็กๆ กลับไม่มีเสียงใดๆ แม้แต่น้อย มันเงียบสงัดหากไม่ใช่ว่าได้ยินเสียงหายใจอันหนักอึ้งของตู้เหวินยวนจากภายนอก ก็คงคิดว่าเขาตายไปแล้ว!พระราชวังต้องห้ามภายในห้องหนังสือเจ้ากรมกรมอาญา เสนาบดีศาลต้าหลี่และผู้ตรวจการราชสำนักราวกับเด็กที่ทำผิดพลาด ยืนก้มหน้าอยู่หน้าฮ่องเต้หวู่เพลียะ!ฮ่องเต้หวู่ขว้างฎีกาใส่หน้าพวกเขา พร้อมตะคอก “พวกเจ้ามันเลี้ยงเสียข้าวสุก! ตู้เหวินยวนถูกลักพาตัวมาสามวันแล้ว แต่ก็เพิ่งมาบอกข้าเอาป่านนี้!”ฟรึ่บ!ขุนนางใหญ่ทั้งสามรีบคุกเข่าลง โขกศีรษะราวโขกกระเทียม “ฝ่าบาทโปรดระงับโทสะด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”เสนาบดีศาลต้าหลี่ก้มศีรษะลง พร้อมกับพูดเสียงแหบแห้ง “ฝ่าบาท กระหม่อมนึกไม่ถึงเลยว่าองค์ชายเก้าจะกล้าบ้าบิ่นถึงเพียงนี้ ถึงขนาดลักพาตัวนักโทษไปจากหน้าประตูศาลต้าหลี่! นี่เป็นความประมาทเลินเล่อของกระหม่อม ฝ่าบาทโปรดลงโทษกระหม่อมด้วย!”ฮ่องเต้หวู่โกรธมาก อกของเ
“สหาย!”ใบหน้าของฮ่องเต้หวู่เย็นชา สั่งเว่ยซวินว่า “รวบรวมทหารม้าหนึ่งร้อยนาย! ข้าอยากรู้ว่าเจ้าเก้ากำลังเล่นอะไรอยู่!”เว่ยซวินตกใจจนเหงื่อแตกคราวนี้ฮ่องเต้หวู่โกรธมากจริงๆ!แม้ว่าเขาจะไม่ได้พูดออกมาชัดๆ ก็ตามแต่ในใจของเขาคิดว่า องค์ชายเก้าทำผิด!ไม่อย่างนั้นเหตุใดฮ่องเต้หวู่ถึงอยากรวบรวมทหารม้า?ด้านหนึ่งเพื่อปิดข่าวอีกด้านหนึ่งเพื่อกดดันองค์ชายเก้า“กระหม่อมรับบัญชา!”เว่ยซวินโค้งตัวทำความเคารพ ไปรวบรวมทหารม้าหลังจากนั้นครึ่งชั่วยามฮ่องเต้หวู่ขี่เกี้ยวมังกร มีทหารม้านับร้อยคุ้มกัน มุ่งหน้าไปทางเขาทิศประจิมอย่างยิ่งใหญ่ขุนนางใหญ่สามศาลนั่งเกี้ยวตามไปด้านหลังแม้ว่าเขาทิศประจิมจะเป็นพื้นที่ทางทหารที่สำคัญ ห้ามคนที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปแต่เมื่อฮ่องเต้เสด็จมาด้วยตนเองเช่นนี้ ใครจะกล้าหยุดเขา?ขบวนเสด็จมาถึงโรงเรียนทหารซีซาน ฮ่องเต้หวู่ลงจากรถ ตรัสด้วยความโกรธ “เจ้าเก้าล่ะ? ออกมาเดี๋ยวนี้!”เหล่านักเรียนในโรงเรียนทหารซีซานก็มองหน้ากันองค์ชายเก้าทำอะไร?ถึงได้ทำให้ฮ่องเต้พิโรธถึงเพียงนี้?ดูจากท่าทางของฮ่องเต้ เกรงว่าคงต้องการรื้อเขาทิศประจิม ถึงจะระงับความพิโร
ตราบใดที่หลี่หลงหลินคุกเข่ายอมรับผิดอย่างมากฮ่องเต้ก็ตำหนิเขาเท่านั้น หลังจากคิดไปได้สักพักหนึ่ง เรื่องใหญ่ก็จะกลายเป็นเรื่องเล็กพูดตามตรงสิ่งที่ฮ่องเต้ต้องการนั้น มีเพียงทัศนคติหนึ่งของหลี่หลงหลิน!หลี่หลงหลินขมวดคิ้ว “เว่ยกงกง ข้าทำอะไรผิด เหตุใดต้องยอมรับผิดด้วย?”เว่ยซวินก็สำลักความโกรธครู่หนึ่งองค์ชายเก้า เจ้าฉลาดมาเป็นชาติ แต่กลับเลอะเลือนชั่วขณะหนึ่ง!เจ้าลักพาตัวตู้เหวินยวนไป ขังเอาไว้ในเขาทิศประจิมมาสามวัน หากไม่ลงโทษเองโดยพลการก็แปลกแล้ว!นี่เป็นความผิดอันร้ายแรง!เจ้ายังไม่ยอมรับผิดอีกหรือ?ก็ได้!คนรนหาที่ตายก็จะได้ตาย!ข้าอุตส่าห์มีความเมตตาต่อเจ้ามาก ก็ช่วยเจ้าไม่ได้แล้ว!เมื่อฮ่องเต้หวู่เห็นว่าหลี่หลงหลินไม่ยอมรับผิด สีหน้าก็มืดมนมาก “เจ้าเก้า เรื่องมันมาถึงขั้นนี้แล้ว เจ้ายังไม่ยอมรับผิดอีกหรือ?”หลี่หลงหลินโค้งคำนับ “เสด็จพ่อ ลูกผิดอะไรพ่ะย่ะค่ะ?”ฮ่องเต้หวู่มีใบหน้าเคร่งขรึม พูดกับขุนนางใหญ่ทั้งสามศาลว่า “พวกเจ้าสามคน ตอบเจ้าเก้า ให้เขายอมรับผิด!”ขุนนางใหญ่ทั้งสามจึงโค้งคำนับ “กระหม่อมรับบัญชา!”ขุนนางศาลต้าหลี่เป็นคนแรกที่เดินออกมาแล้วกล่าวว่า “
“ใต้เท้าตู้ เจ้า...”ฮ่องเต้หวู่มองหน้าตาของตู้เหวินยวน ในใจก็รู้สึกขนลุกอยู่บ้างบนร่างกายของเขา ไม่เห็นรอยแผลชัดเจนนักแต่หน้าเขียวและซีด แววตาฟุ้งซ่าน เห็นได้ชัดว่าต้องทนทุกข์ทรมานมากจึงได้กลายเป็นแบบนี้ชั่วขณะหนึ่ง ฮ่องเต้หวู่ก็อดรนทนไม่ไหวอย่างไรตู้เหวินยวนก็เป็นขุนนางในราชสำนักมาหลายปี แม้ไม่มีความสำเร็จ แต่ก็ทำงานหนักและที่ทำให้ฮ่องเต้หวู่ตกใจก็คือคำว่าปีศาจคำนี้เจ้าเก้าทำอะไรกันแน่ถึงได้ทำให้ตู้เหวินยวนหวาดกลัวเพียงนี้?ฮ่องเต้กลืนน้ำลายลง “เจ้าพูดมาสิ เจ้าเก้าทำอะไรเจ้ากันแน่?”ตู้เหวินยวนกัดฟัน “เขา... เขาทารุณกระหม่อมพ่ะย่ะค่ะ!”ฮ่องเต้หวู่ถามว่า “ตีเจ้าหรือ?”ตู้เหวินยวนส่ายหัว “ไม่พ่ะย่ะค่ะ”ฮ่องเต้หวู่ถามอีกว่า “ด่าเจ้าหรือ?”ตู้เหวินยวนส่ายหัว “ไม่พ่ะย่ะค่ะ”ฮ่องเต้หวู่ขมวดคิ้วกล่าวว่า “หรือว่าไม่ให้เจ้ากินข้าวกินน้ำ?”ตู้เหวินยวนยังคงส่ายหัว “ก็ไม่ใช่เช่นกันพ่ะย่ะค่ะ”ฮ่องเต้หวู่สับสนแล้ว สีหน้าของเขาดูงุนงง “แล้วเขาทารุณเจ้าอย่างไร?”ตู้เหวินยวนคิดอยู่นานก่อนจะตอบว่า “เขาขังกระหม่อมไว้ในห้องมืดเล็กๆ ไม่คุยกับกระหม่อม...”คราวนี้ไม่ใช่เพียงฮ่องเต
โรงกลั่นขนาดเล็กใช้เวลาเพียงสี่ถึงเจ็ดวันในการกลั่นสุรา แต่โรงกลั่นขนาดใหญ่ต้องใช้เวลาถึงสองเดือน เพราะระยะเวลากลั่นที่นานขึ้นทำให้สุรามีรสชาติกลมกล่อม หอม และมีความเข้มข้นของฤทธิ์เมาสูงขึ้น หลี่หลงหลินไม่มีเวลามากขนาดนั้น เขาจึงใช้เวลาเพียงสี่วันในการหมักสุราชุดแรกออกมา สถานที่หมักสุรานั้นอยู่ในสถาบันวิจัยภูเขาประจิม แม้ว่าหลี่หลงหลินจะดื่มสุรา แต่เขาไม่ได้เป็นคนติดสุรา ดังนั้น เพื่อทดสอบคุณภาพของสุรา เขาจึงเชิญผู้เชี่ยวชาญด้านสุราอย่างหนิงชิงโหวมา หนิงชิงโหวที่ได้รับฉายาว่า บัณฑิตหยิ่งยโสอันดับหนึ่งแห่งใต้หล้า แท้จริงแล้วในยามปกติเป็นคนสุขุมอ่อนโยน แต่เมื่อเมา เขากลับแสดงความคลุ้มคลั่ง ด่าทอฟ้าดิน และหัวเราะเยาะทุกสิ่งไม่เว้นแม้แต่ขงจื๊อ ไม่เห็นใครอยู่ในสายตา หนิงชิงโหวเป็นคนติดสุรา เคยลิ้มรสสุราชั้นเลิศจากทั่วหล้า เขาจึงมีสิทธิ์ออกความเห็นมากที่สุด เมื่อได้ยินว่าหลี่หลงหลินจะกลั่นสุราที่ดีที่สุดในโลก และขอให้เขามาชิม แม้เขาจะไม่ค่อยเชื่อ แต่ก็ตอบตกลงอย่างง่ายดาย “องค์ชายเก้า!” “ข้ามาตรฐานสูงเรื่องสุรานะ!” “ท่านบอกว่าสุราเหินเวหาเพียงดื่มคำเดียวก
สุรานี้สามารถเปลี่ยนแปลงอนาคตและโชคชะตาของแคว้นได้! นี่แหละคือสิ่งที่มีประโยชน์ที่สุด! หลี่หลงหลินกล่าวด้วยความมั่นใจว่า “สิ่งนี้มีชื่อว่าระเบิดขวด เพียงใช้สุราที่มีฤทธิ์เมาผสมกับดินปืน ก็สามารถสร้างได้ ไม่เพียงแต่ต้นทุนต่ำ แต่ยังมีอานุภาพการทำลายล้างที่น่าทึ่ง! จำได้หรือไม่ว่าข้าเคยพูดถึงรถถังให้เจ้าฟัง?” กงซูหว่านพยักหน้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า แน่นอนว่านางจำได้ หลี่หลงหลินเคยบอกว่า รถถังคือราชาแห่งสงครามบนบกอย่างแท้จริง! หากรถถังถือกำเนิดขึ้น ม้าศึกก็จะถูกขับออกจากเวทีประวัติศาสตร์โดยสิ้นเชิง หากราชวงศ์ต้าเซี่ยมีรถถัง การทำลายล้างชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือ หรือแม้แต่การพิชิตโลกก็จะไม่ใช่เรื่องเพ้อฝัน! หลี่หลงหลินพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “แม้ว่ารถถังจะทรงพลัง แต่ระเบิดขวดนี่แหละคือศัตรูตัวฉกาจของมัน! ลองคิดดูสิว่า ระเบิดขวดจะมีพลังทำลายล้างมากแค่ไหน!” คำพูดนี้ของหลี่หลงหลินไม่ได้พูดเกินจริง ในความเป็นจริง ระเบิดขวดถูกสร้างขึ้นมาเพื่อใช้ต่อกรกับรถถังโดยเฉพาะ กงซูหว่านตื่นเต้นมาก และพูดออกมาด้วยความใจจดใจจ่อ “ทำไมท่านไม่บอกข้าให้เร็วกว่านี้! รีบบอกข้ามาเถอะว่าการกลั
เมื่อพูดแล้ว ก็ลงมือทันที หลี่หลงหลินสั่งให้ลั่วอวี้จู๋เรียกกงซูหว่านและซุนชิงไต้เข้ามา การกลั่นสุรานั้นต้องใช้อุปกรณ์หลากหลาย อีกทั้งทุกกระบวนการยังต้องให้กงซูหว่านเป็นผู้ดูแล ส่วนซุนชิงไต้ พี่สะใภ้สาม ซึ่งเป็นหมอเทวดา นางมีความรู้เกี่ยวกับกระบวนการหมักดอง เพราะในชีวิตประจำวัน นางก็มักกลั่นสุราสมุนไพรเพื่อใช้รักษาผู้ป่วย ด้วยการช่วยเหลือของนาง สุราเหินเวหาที่ผลิตออกมาย่อมต้องมีรสชาติที่ไม่ธรรมดา ไม่นานนัก กงซูหว่านและซุนชิงไต้ก็มาถึงยอดเขาทิศประจิม “องค์ชายเก้า คราวนี้ท่านจะทำของอร่อยอะไรอีกล่ะ?” ซุนชิงไต้ในชุดกระโปรงสีเขียวล้วน ผูกผมหางม้าสองข้าง พอมาถึงก็รื้อค้นตู้ไปทั่ว มองหาของกิน ขณะที่กงซูหว่านในชุดกระโปรงสีดำ ใบหน้างดงามเรียบเฉย กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เรียกข้ามา ท่านต้องการให้ทำอะไร? จะมีสิ่งประดิษฐ์ใหม่อีกหรือ?” หลี่หลงหลินยิ้มเจ้าเล่ห์ “พี่สะใภ้ทั้งสอง ข้ามีเรื่องเล็กน้อยอยากขอให้ช่วย! ข้าตั้งใจจะกลั่นสุรา...” เมื่อได้ยินเรื่องสุรา ทั้งซุนชิงไต้และกงซูหว่านที่ตอนแรกดูสนใจ ก็หมดความสนใจลงทันที กงซูหว่านหาวออกมาเบา ๆ “หากท่านต้องการกลั่นสุรา ไปหาโ
แต่แล้วเมื่อคิดหาวิธีที่ดีกว่าได้ สายตาของหลี่หลงหลินก็สว่างวาบขึ้น “พี่สะใภ้!” “ข้านึกอะไรดีๆ ออกแล้ว!” หลี่หลงหลินตบหน้าผากตัวเองด้วยความตื่นเต้นและพูดว่า“ธัญพืชเก่าเก็บที่กองอยู่เต็มยุ้งฉาง เราสามารถนำไปกลั่นเป็นสุราได้! ไม่เพียงแต่จะขายได้เงิน ยังมีประโยชน์ในด้านอื่นอีกด้วย!” ลั่วอวี้จู๋นิ่งอึ้งไปครู่หนึ่งก่อนจะส่ายหัวพลางยิ้มเจื่อน “องค์ชาย ท่านคิดง่ายเกินไปแล้ว! เรื่องการกลั่นสุรานั้นไม่มีทางเป็นไปได้!” หลี่หลงหลินแปลกใจ “ทำไมถึงไม่ได้ล่ะ?” ลั่วอวี้จู๋พูดด้วยสีหน้าจำใจ “องค์ชาย ท่านไม่ทราบหรือว่าในดินแดนต้าเซี่ย เกลือ เหล็ก และสุรา ล้วนอยู่ภายใต้การควบคุมของราชสำนัก? หากเป็นการกลั่นไว้ดื่มเองย่อมไม่มีปัญหา แต่หากนำออกขายล่ะก็ ถือเป็นโทษถึงตาย!” หลี่หลงหลินพลันนึกขึ้นได้ ในประวัติศาสตร์ มีหลายราชวงศ์ที่มีกฎหมายห้ามกลั่นสุราเอง เนื่องจากเหตุผลสองประการ ประการแรก สุราเหมือนกับเกลือและเหล็ก สามารถเก็บภาษีในอัตราสูงได้ ประการที่สอง การกลั่นสุราใช้ธัญพืชเป็นวัตถุดิบ หากเป็นยุคที่ธัญพืชเหลือเฟือ การนำมากลั่นสุราย่อมไม่ใช่ปัญหา แต่ต้าเซี่ยในปัจจุบันกลับอยู่
ลั่วอวี้จู๋ถอนหายใจ “ปัญหาหนี้สินยังพอถ่วงเวลาได้! แต่ปัญหาคือเงินทุนหมุนเวียนของพวกเราเหลืออยู่ไม่มากแล้ว! ไม่ว่าจะเป็นค่าอาหารของนักเรียนในโรงเรียนที่ภูเขาทิศประจิม หรือค่าเลี้ยงดูทหารใหม่ แค่ค่าใช้จ่ายในการกินอยู่ประจำวัน ก็เป็นจำนวนเงินที่มากพอสมควรแล้ว!” หลี่หลงหลินครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนถามว่า “แล้วธุรกิจอื่น ๆ ล่ะ?” หลังจากที่หลี่หลงหลินบริหารจัดการมาอย่างดีแล้ว ตอนนี้ตระกูลซูก็มีธุรกิจและอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นมากมาย แต่ละวันมีรายรับเท่าไหร่ และมีค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ ล้วนอยู่ภายใต้การดูแลของลั่วอวี้จู๋แม่บ้านคนนี้ หลี่หลงหลินในฐานะเจ้าของที่ไม่ลงมือทำงานด้วยตัวเอง กลับทำตัวเหมือนผู้จัดการที่ปล่อยปละละเลย เอาแต่พักผ่อน ลั่วอวี้จู๋หยิบสมุดบัญชีออกมายื่นให้หลี่หลงหลิน “องค์ชาย ท่านลองตรวจสอบเองเถิด!” หลังจากที่หลี่หลงหลินตรวจสอบบัญชีเสร็จ ก็ขมวดคิ้วเป็นปม แม้ตอนนี้เขาจะมีธุรกิจอยู่มากมาย ทั้งน้ำตาลทรายขาวและเหล็กกล้าที่ตีหนึ่งร้อยครั้งที่มีมูลค่ามหาศาล แต่สิ่งเหล่านี้เป็นวัตถุดิบเชิงกลยุทธ์ที่ไม่สะดวกในการขาย ส่วนน้ำหอมดอกไม้และแว่นสายตายาวกลับมีปริมาณการผลิต
หลิ่วหรูเยียนถึงกับตกใจ นางมองหลี่หลงหลินด้วยความประหลาดใจ “ท่านทำงานยุ่งทุกวัน ยังมีเวลามาศึกษาเรื่องพวกนี้อีกหรือ? แล้วยังเขียนเค้าโครงนิยายด้วย? หรือว่าไปคัดลอกจากหนังสือเล่มอื่นมา?” หลี่หลงหลินกะพริบตาแล้วยิ้มอย่างมีเลศนัย “เจ้าลองดูเองสิ!” หลิ่วหรูเยียนหยิบเค้าโครงขึ้นมาอ่านด้วยความกังขา สิ่งที่เรียกว่าเค้าโครง ก็คือบทสรุปเรื่องราว หลี่หลงหลินใช้เรื่องความฝันในหอแดงเป็นต้นแบบ พร้อมกับเพิ่มองค์ประกอบยอดนิยมของนิยายแนวโลกีย์เข้าไป กลายเป็นนิยายผสม ชื่อเรื่องก็ง่าย ๆ และตรงไปตรงมา เรียกว่าดอกเหมยในหอแดง เพื่อเป็นการเคารพผู้เขียนต้นฉบับ พูดตามตรง นิยายผสมแบบนี้ย่อมไม่อาจเทียบต้นฉบับได้ แต่หลิ่วหรูเยียนกลับอ่านแล้วราวกับตกอยู่ในภวังค์ สุดท้ายนางอดไม่ได้ที่จะร้องไห้ออกมา หยดน้ำตาของนางราวกับไข่มุกที่ร่วงหล่น “องค์ชาย...” “เรื่องราวนี้ ท่านเขียนขึ้นมาเพื่อบ่าวใช่หรือไม่?” “บ่าวมองเห็นเงาของตัวเองในเรื่องราวนี้!” “บ่าวซาบซึ้งใจเหลือเกิน!” หลิ่วหรูเยียนซบลงในอ้อมอกของหลี่หลงหลิน จนเสื้อของเขาเปียกชุ่มไปด้วยน้ำตา หลี่หลงหลินตอบด้วยท่าทีกึ่งเล่นกึ่งจริง “ก็ถือว่
หลิ่วหรูเยียนรู้สึกซาบซึ้งใจ มองไปที่หลี่หลงหลิน “องค์ชาย ท่านมาที่หอละอองฝน คงไม่ได้มาพูดเรื่องนี้กับบ่าวโดยเฉพาะกระมัง?”หลี่หลงหลินพูดด้วยรอยยิ้ม “วันนี้ข้าอารมณ์ไม่ดี เลยอยากมาพูดคุยเรื่องวรรณกรรมกับเจ้า...”หลิ่วหรูเยียนดีใจมาก ยิ้มราวกับดอกไม้ พยักหน้าแล้วพูดว่า “องค์ชาย โปรดรอสักครู่... ข้าขอไปเปลี่ยนชุดก่อน!”หรือจะให้หลิ่วหรูเยียนพูดคุยเรื่องวรรณกรรมกับหลี่หลงหลินในชุดคลุมอาบน้ำเช่นนี้แบบนั้นจะไม่เหมาะเกินไปแล้วบนฉากกั้น เผยให้เห็นรูปร่างอรชรเผยส่วนนูนของ หลิ่วหรูเยียนออกมา เต็มไปด้วยเสน่ห์และทำให้คนจินตนาการไปไกลในอนาคตอันใกล้นี้หลิ่วหรูเยียนเดินออกมาจากด้านหลังฉากกั้น ผมของนางถูกรวบมัดขึ้นสูง สวมกระโปรงยาวลากพื้น งดงามจนหาที่เปรียบไม่ได้ชั่วขณะหนึ่ง หลี่หลงหลินมองจนตะลึงไปแล้ว!หลิ่วหรูเยียนหน้าแดง ยิ่งทำให้นางมีเสน่ห์มากขึ้น “องค์ชาย วันนี้ท่านอยากจะพูดอะไร? บทกวีหรือบทเพลง?”หลี่หลงหลินกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ข้าอยากคุยเรื่องนิยายกับเจ้า เจ้าคิดอย่างไร?”สีหน้าของหลิ่วหรูเยียนพลันมืดมนลง นางยิ้มอย่างขมขื่น “นิยาย เขียนยากกว่าที่ข้าคิดเอาไว้ ไม่ใช่ว่าข้าไม่มีเรื่อ
หอละอองฝนท่ามกลางห้องนอนที่หรูหราและสง่างามบนชั้นสองหลังฉากกั้นภูเขาและแม่น้ำ ไอน้ำม้วนตัวลอยขึ้นมาในอ่างอาบน้ำเคลือบสีแดง มีเสียงน้ำ “ซ่าๆ” และมีกลีบดอกไม้จำนวนมากลอยอยู่บนน้ำหลังจากก้าวออกจากอ่างอาบน้ำด้วยขาหยกสีขาวเหมือนงูหลามสีขาว หลิ่วหรูเยียนที่ห่อตัวตัวเองด้วยเสื้อคลุมอาบน้ำผ้าไหม คลุมร่างกายที่สวยงามของนางเอาไว้แน่นหนา นางมองไปรอบๆ ตรวจดูให้แน่ใจว่าประตูและหน้าต่างถูกปิดแน่นแล้ว ค่อยเดินออกไปตั้งแต่คราวก่อน ที่ถูกหลี่หลงหลินพบอุปกรณ์เล็กๆ ที่หลิ่วหรูเยียนจะใช้ในการปลิดชีพนางก็ถึงได้รู้ว่าความลับของนางถูกหลี่หลงหลินพบแล้ว!โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่ออาบน้ำ หลิ่วหรูเยียนจะระแวงและระวังมากอย่างไรก็ตามทันทีที่นางเดินออกจากฉากกั้น นางก็พบร่างของชายคนหนึ่งนั่งอยู่ที่โต๊ะ กำลังดื่มชาอย่างช้าๆ“อ๊า!”หลิ่วหรูเยียนตกใจมากจนหน้าซีด แล้วเกือบจะเป็นลมมีชายแปลกหน้าแอบเข้ามาในห้องของนางตอนที่นางอาบน้ำอยู่เขาคิดจะทำอะไร?ต้องคิดไม่ดีไม่ร้อยกับตนเป็นแน่!หลิ่วหรูเยียนเสียใจมาก ที่เชื่อฟังหลี่หลงหลินทิ้งกรรไกรและมีดทั้งหมดไป ตอนนี้ไม่เหลืออะไรจะปกป้องตัวเองแล้ว!จะทำอย่าง
เผื่อไว้ก่อนหลี่หลงหลินขอให้ซุนชิงไต้พี่สะใภ้สามให้มาช่วย ขอให้นางรับผิดชอบในการตรวจสอบเมล็ดข้าว“องค์ชายเก้า!”ทันทีที่ซุนชิงไต้เห็นหลี่หลงหลิน นางก็เริ่มบ่นว่า “มันเทศพวกนั้นจะสุกเมื่อไร ข้ามองดูทุ่งมันเทศทุกวัน จับแมลง กำจัดวัชพืช ก็เพิ่งจะงอกขึ้นมา”ด้วยประสบการณ์ของผงปรุงรสไก่และน้ำตาลทรายขาว ซุนชิงไต้น้ำลายไหลเพราะมันเทศมานานแล้วถึงอย่างไรหลี่หลงหลินเป็นทั้งสิ่งของเทพ เป็นทั้งยาอายุวัฒนะ โม้เรื่องมันเทศจนลอยขึ้นฟ้า ให้ความรู้สึกเหมือนกับลูกท้อที่หวางหมู่เหนียงเหนียงปลูกการเอ่ยถึงมันเทศทำให้ซุนชิงไต้ผู้ที่เป็นนักชิมถึงกับน้ำลายไหลหากหลี่หลงหลินไม่เตือนซุนชิงไต้ ว่ามันเทศชอบความแห้งแล้งและกลัวน้ำขัง อย่าได้รดน้ำมากเกินไปล่ะก็นางคงรดน้ำทุ่งมันเทศไม่วันละสิบรอบก็แปดรอแน่นอนหลี่หลงหลินคำนวณวัน “มันเทศต้องใช้เวลาสามเดือนหรือครึ่งปีกว่าจะสุก! สิ่งที่เราปลูกในเทศกาลไหว้พระจันทร์ อย่างไรก็ต้องรอจนฤดูหนาวถึงจะเก็บเกี่ยวได้! จริงๆ แล้วก็รออีกหนึ่งหรือสองเดือนเท่านั้น พี่สะใภ้อดทนเอาไว้ก่อน”“ก็ได้!”เมื่อซุนชิงไต้ได้ยินว่านางต้องรอหนึ่งหรือสองเดือนก่อนถึงจะได้กินมันเทศย่า