แสงจันทร์สว่างไสวหลี่หลงหลินมายังหอละอองฝน ใบหน้าประดับยิ้มอ่อน เพลิดเพลินกับการดีดพิณของหลิ่วหรูเยียนนางสวมชุดบาง สะท้อนแสงจันทร์ งดงามเกินบรรยาย ดุจนางเซียนลงมาจากสวรรค์งดงามมีเสน่ห์ เย้ายวนชวนหลงใหล!นี่คือความแตกต่างที่ใหญ่ที่สุดระหว่างหลิ่วหรูเยียนและเซียวเม่ยเอ๋อร์!ตึกตัก...หลี่หลงหลินไม่เข้าใจเสียงดนตรี เพียงเพลิดเพลินกับความงามของหลิ่วหรูเยียน ราบกับกำลังหลงใหลและเมามายสตรีคนนี้งดงามเกินไปแล้ว มีเสน่ห์เกินไปแล้ว!มิน่าเล่าสำนักการสังคีตจึงยอมรับเป็นนางคณิกาอันดับหนึ่ง!แน่นอนนอกเหนือจากความงามของหลิ่วหรูเยียน ความสามารถของนางเองก็น่าประทับใจมากพิณนี้ ขาวเหลือเกิน...สายตาของหลี่หลงหลิน ตกลงใต้กระโปรงอย่างสุดจะหักห้ามใจ เท้าสีขาวราวหยกหิมะดุจผลึกใสประกายแวววาวนางไม่เพียงงดงาม รู้ความชอบของบุรุษ จับเอาไว้ได้อย่างง่ายดายก็คือของขวัญจากสวรรค์จริงๆ!เล่นจบหนึ่งบทเพลง หลี่หลงหลินยังเคลิบเคลิ้มกับความงามของหลิ่วหรูเยียน ไม่สามารถพาตนเองออกมาได้อยู่นานใบหน้าของหลิ่วหรู่เยียน ผลิยิ้มงดงามเย้ายวนชวนหลงใหลออกมา “องค์ชาย บทเพลงนี้ของหม่อมฉัน ท่านพึงพอใจหรือไม่?”
สมองของหลี่หลงหลินดังหึ่งๆเขาไม่ใช่คนมีจิตใจมั่นคงมีคนนั่งในอ้อมกอดแล้วจะไม่หวั่นไหว!พี่สะใภ้สี่ ท่านยั่วยวนข้าเช่นนี้ ข้าทนไม่ไหวนะ!หลี่หลงหลินกอดร่างนุ่มนิ่มดุจหยกมีชีวิต ใช้สติที่ยังเหลืออยู่พูดว่า “พี่สะใภ้สี่ ทำเช่นนี้ไม่ดี...”หลิ่วหรูเยียนเงยหน้า ขบเม้มกลีบปากพูดว่า “หม่อมฉันเคยสาบานมาก่อน ใครช่วยข้าฆ่าตู้เหวินยวนได้! ก็จะมอบร่างกายนี้ให้เขา!”หลี่หลงหลินชะงัก ได้สติขึ้นมาแล้ว “ท่านอยากให้ข้าฆ่าตู้เหวินยวน?”หลิ่วหรูเยียนพยักหน้า ดวงตาสะท้อนไอเย็น “ถูกต้อง! ขอเพียงฆ่าเขาได้ หม่อมฉันจะเป็นของท่าน!”หลี่หลงหลินยิ้มขมปร่า “นี่คือการแลกเปลี่ยนหรือ?”หลิ่วหรูเยียนชะงัก กดร่างกายหลี่หลงหลินลงกับพื้น กลีบปากแดงแนบลงบนแก้มของเขา ใช้สุ้มเสียงเย้ายวนพูดว่า “การแลกเปลี่ยนมีอะไรไม่ดีหรือ? คืนฤดูใบไม้ผลิผ่านไปอย่างไร้ร่องรอย! ท่านก็คิดว่าข้าเป็นนางคณิกาของสำนักการสังคีต อย่างน้อยก็ไม่ต้องกังวลจะทำผิดต่อน้องหญิงเล็ก!”“ไม่ได้!”หลี่หลงหลินส่ายหน้า ดันร่างกายของหลิ่วหรูเยียนออกมือขวาลูบจมูก ด้านบนยังมีกลิ่นหอมของนางติดอยู่ร่างกายของนาง ทุกส่วนล้วนงดงามสมบูรณ์แบบหลิ่วหรูเยียน
ณ หอละอองฝนภายใต้แสงจันทร์ หลิ่วหรูเยียนน่าสงสารมาก “องค์ชาย หม่อมฉันเป็นสตรีในโลกีย์..”หลี่หลงหลินส่ายหน้าเบาๆ “ข้าไม่ใส่”หลิ่วหรูเยียนกัดกลีบปาก “ข้าเป็นพี่สะใภ้ของท่าน”หลี่หลงหลินเอ่ยปากว่า “ข้าก็ไม่สนใจ”หลิ่วหรูเยียนตกตะลึง น้ำตาคลอหน่วย สะอื้นพูดว่า “องค์ชาย เพราะเหตุใด?”หลี่หลงหลินยื่นมือออกไป เผยเอวคอดกิ่วของหลิ่วหรูเยียน พูดเสียงนุ่มนวล “รักใครสักคน ต้องการเหตุผลด้วยหรือ?”ทันใดนั้นหลิ่วหรูเยียนน้ำตาแตกแล้ว ร้องไห้กลายเป็นคนเจ้าน้ำตานับตั้งแต่เข้าสำนักการสังคีต ก็ไม่มีใคร พูดกับนางอย่างอ่อนโยนเช่นนี้อีก!ต่อให้เป็นคุณชายสี่สกุลซูที่หลงใหล ตั้งแต่เริ่มจนจบ ก็ทำให้ความรักของกลายเป็นการแลกเปลี่ยน!ทว่าอย่างไรเสียหลิ่วหรูเยียนก็เป็นคน ไม่ใช่สินค้า!จากหลี่หลงหลินที่นี่ หลิ่วหรูเยียนตามหาศักดิ์ศรีของตนพบใหม่อีกครั้ง!“ใช่แล้ว...”หลี่หลงหลินลุกขึ้นอย่างกะทันหัน มาหยุดหน้าโต๊ะเครื่องแป้งของหลิ่วหรูเยียน ดึงเปิดลิ้นชักชั้นล่างสุดออก หากล่องหยกขาวเล็กๆ ใบหนึ่งออกมาใบหน้าของหลิ่วหรูเยียน ทันใดนั้นกลายเป็นเผือดซีดดุจกระดาษ จับแขนของหลี่หลงหลินไว้แน่นๆ “องค์ชาย ท่านร
หลี่หลงหลินส่ายหัว “เจ้าจะฆ่าตู้เหวินยวนได้ด้วยดาบเดียวหรือไม่ไม่สำคัญ? แต่หากไม่มีเงิน เงินชดเชยของพวกหญิงม่ายจะทำอย่างไร?”สีหน้าของซูเฟิ่งหลิงแย่ลง “แล้วจะทำอย่างไร?”หลี่หลงหลินยิ้มเบาๆ “อีกเดี๋ยว เจ้าดูข้าทำงาน! ข้าจะทำให้ตู้เหวินยวนกลายเป็นสุนัขแก่ รับผิดชอบผลที่ตามมา!”เมื่อพูดจบแล้วหลี่หลงหลินพาซูเฟิ่งหลิงสวมเครื่องแบบทหาร ที่เอวแขวนวิหคมังกรแห่งต้าเซี่ย เดินมาที่ราชสำนัก“องค์ชายเก้า!”“องค์ชาย ท่านมาแล้ว!”“เชิญนั่ง!”เมื่อขุนนางใหญ่สามศาลเห็นหลี่หลงหลินมาแล้ว ก็รีบก้าวไปข้างหน้าด้วยใบหน้ายิ้มแย้มตู้เหวินยวนสวมชุดคลุมสีเทา แม้ว่าจะถูกลดขั้นเป็นนักโทษ แต่ท่าทียังคงหยิ่งผยอง ไม่สนใจหลี่หลงหลิน เอามือไพล่หลง เงยหน้ามองฟ้าหลี่หลงหลินยิ้มกว้าง นั่งอยู่บนตำแหน่งตรงกลางที่สูงที่สุด หรี่ตามองขุนนางใหญ่สามศาล “การไต่สวนของเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?”ขุนนางใหญ่สามศาลมองหน้ากันแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ทูลองค์ชาย พวกเราเพิ่งจะเริ่มไต่สวน”หลี่หลงหลินโบกมือ กล่าวด้วยความรำคาญ ข้าไม่สนใจ! เงินที่ตู้เหวินยวนยักยอกไปอยู่ที่ไหน? สืบดูแล้วได้เท่าไหร่?”เจ้ากรมอาญากล่าวด้วยสีหน้าขมขื่น “
“การลงโทษไม่นับเป็นหมอ!”“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้!”หลี่หลงหลินยิ้มอย่างเย็นชาแท้จริงแล้ว เขาเองก็รู้แต่แรกแล้วว่าการลงโทษตู้เหวินยวนแทบเป็นไปไม่ได้นี่เป็นความมั่นใจที่ทำให้ตู้เหวินยวนเย่อหยิ่ง!แต่ถ้าทำโทษไม่ได้ แล้วจะทำอย่างไร?หรือว่าจะถ่วงเวลาไปกับตู้เหวินยวนไปแบบนี้?ด้วยนิสัยโลภมากของตู้เหวินยวน แม้ว่าจะถ่วงเวลาไปจนตาย ก็ไม่มีทางคายเงินออกมาแม้แต่ตำลึงเดียวเขาถ่วงเวลาไปได้แต่หญิงม่ายและเด็กกำพร้าที่กำลังหิวโหย ไม่อาจจะถ่วงเวลาได้แล้ว!“เฮอะ!”“ในเมื่อลงโทษไม่ได้!”“ถ้าอย่างนั้นพวกเจ้าก็ค่อยๆ ไต่สวนเถอะ!”หลี่หลงหลินแค่นเสียงเย็นชา สะบัดแขนเสื้อจากไป เข้าไปในห้องโถงทันทีซูเฟิ่งหลิงรีบตามไปจนทัน แล้วพูดด้วยความประหลาดใจ “นี่เป็นวิธีการของเจ้าหรือ?”หลี่หลงหลินยักไหล่ “ใช่ แล้วยังไง? ในเมื่อไม่สามารถลงโทษได้ หรือจะให้แทงตู้เหวินยวนตายทันทีด้วยดาบเดียว?”ซูเฟิ่งหลิงมองหลี่หลงหลินด้วยความตกใจ “เมื่อกี้เจ้าไม่ได้พูดแบบนี้!”หลี่หลงหลินยิ้ม กล่าวว่า “เชื่อข้า! ภายในสามวัน ข้าจะทำให้ตู้เหวินยวนสารภาพความผิดออกมา!”ซูเฟิ่งหลิงมุ่ยปาก สีหน้าไม่เชื่อ “โม้อีกแล้ว...”แม้ว
เสนาบดีศาลต้าหลี่สั่งนักการว่า “พวกเจ้าพาใต้เท้าตู้กลับไปส่งเข้าคุก และดูแลให้ดีด้วย!”นักการพยักหน้า แล้วคุมตัวตู้เหวินยวนจากไปแต่พวกเขาเพิ่งจะออกจากประตูใหญ่ฟรึ่บ!แสงเย็นเยียบจู่โจมเข้ามา กระบี่อาญาสิทธิ์อันแหลมคมชี้ไปที่คอของตู้เหวินยวนผู้ถือดาบสวมกระโปรงสีแดงเพลิง องอาจสง่างาม ผู้นั้นก็คือซูเฟิ่งหลิงหลี่หลงหลินเดินเข้ามาด้วยรอยยิ้ม “ใต้เท้าตู้ พวกเราพบหน้ากันอีกแล้ว!”ที่แท้หลี่หลงหลินกับซูเฟิ่งหลิงที่เดินออกมาก่อน ก็ซ่อนตัวนั่งรอคอยกระต่ายอยู่แถวๆ นั้น รอให้ตู้เหวินยวนปรากฏตัวตู้เหวินยวนมีสีหน้าตกใจจนเกือบฉี่ราด กล่าวเสียงสั่นเครือ “องค์ชายเก้า เจ้าจะเอาอย่างไร? ที่นี่ศาลต้าหลี่ เจ้ากล้าดีนัก กล้าสังหารคนเลยหรือ?”หลี่หลงหลินกล่าวเย็นชา “พูดไร้สาระอะไร! เฟิ่งหลิง ลงมือ!”ซูเฟิ่งหลิงหยิบเชือกออกมา มัดไพล่หลังรั้งคอของตู้เหวินยวนอย่างรวดเร็ว แล้วโยนขึ้นไปบนรถม้าหลี่หลงหลินขึ้นไปบนรถม้าติดตามไปอย่างใกล้ชิด ตะโกนไปยังพวกนักการที่ตะลึงอ้าปากค้าง “ไปบอกใต้เท้าทั้งสามคนของพวกเจ้า ข้าจะพาตู้เหวินยวนไปไต่สวนที่เขาทิศประจิมเอง ให้พวกเขาไม่ต้องกังวล...”เหล่านักการพากันตะล
ล้อรถหมุนไปเรื่อยๆตู้เหวินยวนถูกมัดไพล่หลังรั้งคอ ถูกปิดตา นอนอยู่บนรถม้า ในใจเต็มไปด้วยความกังวลองค์ชายเก้าคิดจะทำอะไรกันแน่?เขากำลังจะพาข้าไปไหน?หรือว่าเขาต้องการฆ่าข้าจริงๆ?เป็นไปไม่ได้!เขาเป็นองค์ชาย ไม่ใช่จอมยุทธพเนจรที่บ่อนทำลายกฎเกณฑ์ถ้าเขาแตะต้องเส้นขนข้าแม้เพียงเส้นเดียว ฮ่องเต้ไม่มีทางปล่อยเขาไปเด็ดขาด!ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหนเส้นทางที่โคลงเคลงนี้ เกือบทำให้ตู้เหวินยวนอาเจียนออกมาในที่สุดรถม้าก็หยุดลง“ลงจากรถ!” ซูเฟิ่งหลิงเอาตัวตู้เหวินยวนลงจากรถ แล้วแก้เชือกออกตู้เหวินยวนแทบรอไม่ไหว รีบถอดผ้าปิดตาออก“เขาทิศประจิม?”ตู้เหวินยวนจำได้ในทันที ที่นี่คือเขาทิศประจิมสถานที่ห่างไกลบริเวณรอบๆ เต็มไปด้วยป่าเขียวชอุ่ม มีชาวบ้านผ่านไปผ่านมาไม่มากนักด้านหน้าเป็นถ้ำที่ดูเหมือนเพิ่งจะถูกขุดออกมาตู้เหวินยวนสับสน “องค์ชายเก้า เจ้าพาข้ามาที่นี่ทำไม?”หลี่หลงหลินยิ้มบาง “ตู้เหวินยวน เจ้ายังมีโอกาสสุดท้ายที่จะสารภาพผิดและคายเงินที่เจ้ายักยอกไปออกมา! ไม่อย่างนั้นข้าจะให้เจ้าอยู่อย่างตายทั้งเป็น!”ใบหน้าของตู้เหวินยวนซีดขาว เอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “เจ้า... เจ้
แม้แต่ซูเฟิ่งหลิง หญิงสาวรูปร่างอรชรเดินเข้าไป ก็ยังยืนตัวตรงไม่ได้ ทำได้แค่ม้วนตัวเอนกายครึ่งหนึ่งบนพื้นซูเฟิ่งหลิงเข้าไปสัมผัสกับประสบการณ์ ก็ตะลึงงัน “นี่...นี่คืออะไร?”หลี่หลงหลินยิ้ม “นี่เป็นการลงโทษที่น่ากลัวที่สุดในโลก...ห้องมืดเล็กๆ!”ซูเฟิ่งหลิงมีสีหน้าสับสนก็แค่ห้องเล็กๆ คับแคบเท่านั้นเองไม่ใช่หรือ?ต่างจากห้องขังอย่างไร?มีนักโทษที่ถูกคุมขังอยู่ในคุกใหญ่กรมอาญากี่คน?ผู้ที่ทำความผิดร้ายแรงถูกจำคุกตลอดชีวิต ไม่ใช่ว่าเอาตัวรอดไปวันๆ เหมือนกันหรือ?เรื่องนี้ไม่มีอะไรน่ากลัว!“ฮ่าๆๆ...”ตู้เหวินยวนเงยหน้าขึ้นหัวเราะ น้ำตาแตก “องค์ชายเก้า เจ้านี่ช่างพูดอะไรน่าขันนัก! ก็แค่ถูกขังไม่ใช่หรือ? มีอะไรให้น่ากลัว? แล้วการลงโทษที่น่ากลัวที่สุดในโลกคืออะไร? ขู่ให้กลัวมากกว่าสิไม่ว่า!”หลี่หลงหลินขี้เกียจจะพูดเรื่องไร้สาระ ผลักตู้เหวินยวนเข้าไปห้องมืด“เฮอะ!”“ต่างจากคุกตรงไหน?”ตู้เหวินยวนแค่นเสียงเย็นชา กว่าจะหาท่านั่งสบายๆ พบไม่ใช่ง่ายๆ ก่อนจะนั่งลงบนพื้น“โอ้!”“แถมยังนุ่มสบายด้วย!”เมื่อตู้เหวินยวนสัมผัส เขาก็พบว่าพื้นและผนังของห้องมืดเล็กๆ นี้ถูกปูด้วยผ้าฝ้ายดูเ
สำหรับหนิงชิงโหวแล้ว สำนักการสังคีตก็เหมือนบ้านของเขา ทันทีที่ก้าวเข้ามา แม่เล้าแห่งหอนางโลมผู้ยังคงดูมีเสน่ห์แม้อายุเริ่มมากก็เดินเข้ามาต้อนรับด้วยรอยยิ้มเปื้อนหน้า “บัณฑิตหนิง มาแล้วหรือ! วันนี้จะดื่มเหล้าอะไรดีเจ้าคะ แล้วอยากพบยอดคณิกาคนไหนหรือเปล่า? หนิงชิงโหวหัวเราะ “ให้คนขนเหล้าที่อยู่บนรถม้าของข้าลงมา! เหล้านี่ล้ำค่ามาก หากทำแตกไปแม้แต่ไหเดียว เจ้าจะต้องขายทรัพย์สินจนหมดตัวเพื่อชดใช้แน่นอน! แล้วก็เรียกยอดคณิกาทั้งเจ็ดมาที่นี่ด้วย!” ยอดคณิกาของสำนักการสังคีต เดิมทีมีเพียงหลิ่วหรูเยียนคนเดียว แต่หลังจากที่หลิ่วหรูเยียนไถ่ตัวออกไปใช้ชีวิตเรียบง่าย คนอื่น ๆ จึงได้เผยตัวขึ้นมา และกลายเป็นยอดคณิกาคนใหม่ทั้งเจ็ด อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับหลิ่วหรูเยียนที่เชี่ยวชาญทั้งดนตรี หมากล้อม การเขียน และการวาดภาพ อีกทั้งยังมีความงามเป็นเลิศ ยอดคณิกาทั้งเจ็ดนี้ยังไม่สมบูรณ์แบบขนาดนั้น บางคนเก่งการเต้น บางคนเล่นดนตรีได้ดี บางคนเชี่ยวชาญบทกวีและเพลง บางคนมีเสียงร้องที่ไพเราะ... รูปแบบแตกต่างกันไป มีเสน่ห์ในแบบของตัวเอง ปกติหนิงชิงโหวจะเลือกนางคณิกาเพียงคนเดียวมาร่วมดื่ม แต่ว
มีเพียงซุนชิงไต้ที่กำลังอยู่ในครัว มือถือชามข้าว กินข้าวอย่างเอร็ดอร่อย “พี่สะใภ้สาม องค์ชายเก้าหายไปไหน?” ซูเฟิ่งหลิงถามขึ้น “เขาไม่ได้กลับมาพร้อมพี่หรือ?” ซุนชิงไต้ตอบแบบไม่ชัดเพราะกำลังเคี้ยวข้าว “อ๋อ เขาไปขายสุรากับบัณฑิตหนิง บอกว่าคืนนี้อาจจะไม่กลับมา!” ซูเฟิ่งหลิงขมวดคิ้วแน่น”คืนนี้ไม่กลับมา?” ด้วยสัญชาตญาณของผู้หญิง นางรู้สึกถึงบางสิ่งที่ไม่ชอบมาพากล ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อมีเพื่อนจอมเจ้าเล่ห์อย่างบัณฑิตหนิงแล้ว คำตอบมันก็แทบจะชัดเจนอยู่แล้ว! ซูเฟิ่งหลิงโกรธจนตัวสั่น “ไอ้สองตัวสารเลวนี้! อย่าบอกนะว่าแอบไปมั่วที่สำนักการสังคีต!” ซุนชิงไต้ประหลาดใจ “น้องสาว เจ้าฉลาดเหมือนพี่สะใภ้รองเลย! พี่สะใภ้รองก็พูดว่าองค์ชายเก้ากับบัณฑิตหนิงต้องไปสำนักการสังคีตแน่ ๆ! มีแต่ข้าที่โง่ ไม่ทันคิดเลย!” ซูเฟิ่งหลิงโมโหถึงขั้นหยิบหอกเงินขึ้นมา “สันดานเสียแก้ไม่หายจริง ๆ! ข้าจะไปที่สำนักการสังคีตเดี๋ยวนี้ แล้วเจาะรูบนตัวของไอ้จอมเจ้าชู้นั่นให้พรุน!” ซุนชิงไต้ตกใจจนหน้าซีดเผือด นางเป็นคนไร้เล่ห์เหลี่ยม ไม่เข้าใจเรื่องของชายหญิงเลย ไม่คาดคิดว่าเพียงคำพูดไม่กี่คำของตนเอง จะทำให้ซูเฟิ
อย่างไรก็ตาม เมื่อหลี่หลงหลินตัดสินใจจะทำสุราแล้ว เขาย่อมวางแผนการขายไว้ล่วงหน้าแล้ว สุราหอมกลิ่นดีแต่กลัวซอยลึก? ไม่มีทางเป็นไปได้! หลี่หลงหลินโอบไหล่หนิงชิงโหว พลางพูดด้วยรอยว่า “บัณฑิต! เรื่องดื่มสุรา ข้าไม่ถนัด แต่เรื่องค้าขาย ท่านก็ไม่ถนัด!” หนิงชิงโหวฟังแล้วรู้สึกประหลาดใจ “องค์ชายเก้า ท่านมีวิธีแล้วหรือ? หรือว่า...เป็นวิธีเดิม...” วิธีเดิมที่เขาหมายถึง คือวิธีที่หลี่หลงหลินใช้ตอนขายน้ำหอมดอกไม้ เริ่มต้นจากการส่งไปยังวังหลวงให้เหล่าสนมทดลองใช้ เพียงแค่ทำให้เป็นที่นิยมในวังหลวง จากนั้นก็จะมีคนเลียนแบบมากมายดุจปลาตะเพียนข้ามแม่น้ำ แต่หลี่หลงหลินส่ายหน้าแล้วพูดด้วยน้ำเสียงขบขัน “วิธีเดิม ใช้ครั้งนี้ไม่ได้ผล” หนิงชิงโหวได้ยินก็ประหลาดใจยิ่งขึ้น “ทำไมล่ะ?” หลี่หลงหลินอธิบายว่า “สุรานั้น! มีคนที่หลงใหลคลั่งไคล้ แต่ก็มีคนที่เกลียดเหมือนยาพิษ ความแตกต่างในรสนิยมนั้นใหญ่กว่า! แม้แต่เสด็จพ่อของข้าเอง ก็ไม่ได้โปรดปรานสุรานัก!”“ “ขุนนางทั้งหลายก็เช่นกัน ดื่มสุราเพียงเพื่อสร้างความสนุก ใช้เจรจากิจการงานต่างๆ หรือผูกสัมพันธ์เท่านั้น!” “ในราชสำนัก คนที่นับว่าเป็นคอส
หนิงชิงโหวเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านสุรา เขาไม่ได้ดื่มสุราแบบรวดเดียวหมด เขายกถ้วยสุราขึ้นมา สูดกลิ่นที่ปลายจมูกก่อน “หอมมาก!” หนิงชิงโหวกล่าวชม “กลิ่นหอมของสุรานี้เทียบได้กับสุราเทพเมามายของสำนักการสังคีตเลย! ไม่สิ กลิ่นนี้หอมและเข้มข้นยิ่งกว่าสุราเทพเมามายอีก!” กงซูหว่านกลับใช้แขนเสื้อปิดจมูก พลางขมวดคิ้วเล็กน้อย นางมองว่าสุราทำให้เส้นประสาทชาและบั่นทอนสติสัมปชัญญะ นางจึงแทบไม่ดื่มสุรา กลิ่นของเหล้าขาวสำหรับนางนั้น ฉุนจนทนไม่ได้ ซุนชิงไต้กลับไม่มีปัญหาอะไร เพราะนางมักต้มยาสมุนไพรบ่อย ๆ ซึ่งกลิ่นสมุนไพรนั้นฉุนยิ่งกว่าสุรา หนิงชิงโหวเมื่อดมกลิ่นเสร็จ เขาก็อดใจไม่ไหว ดื่มสุราจากถ้วยจนหมดในรวดเดียว “สุราดี!” สุรารสชาติเช่นนี้เขาไม่เคยลิ้มลองมาก่อน ใบหน้าของเขาแดงก่ำทันที ขนลุกซุ่ไปทั้วทั้งร่าง เขาถึงกับกระโดดโลดเต้นด้วยความตื่นเต้น เหล้าข้าวทั่วไปมีฤทธิ์เมาพอ ๆ กับเบียร์ คนที่ดื่มเหล้าได้ ดื่มแปดชามสิบชามก็ไม่เมา แต่สุรากลั่นมีฤทธิ์เมาสูงกว่าเหล้าข้าวสิบเท่า แม้แต่คนดื่มเก่งอย่างหนิงชิงโหว เพียงถ้วยเดียวก็รู้สึกมึนเมาราวกับลอยละล่องขึ้นไปบนฟ้า “เหล้ารสช
โรงกลั่นขนาดเล็กใช้เวลาเพียงสี่ถึงเจ็ดวันในการกลั่นสุรา แต่โรงกลั่นขนาดใหญ่ต้องใช้เวลาถึงสองเดือน เพราะระยะเวลากลั่นที่นานขึ้นทำให้สุรามีรสชาติกลมกล่อม หอม และมีความเข้มข้นของฤทธิ์เมาสูงขึ้น หลี่หลงหลินไม่มีเวลามากขนาดนั้น เขาจึงใช้เวลาเพียงสี่วันในการหมักสุราชุดแรกออกมา สถานที่หมักสุรานั้นอยู่ในสถาบันวิจัยภูเขาประจิม แม้ว่าหลี่หลงหลินจะดื่มสุรา แต่เขาไม่ได้เป็นคนติดสุรา ดังนั้น เพื่อทดสอบคุณภาพของสุรา เขาจึงเชิญผู้เชี่ยวชาญด้านสุราอย่างหนิงชิงโหวมา หนิงชิงโหวที่ได้รับฉายาว่า บัณฑิตหยิ่งยโสอันดับหนึ่งแห่งใต้หล้า แท้จริงแล้วในยามปกติเป็นคนสุขุมอ่อนโยน แต่เมื่อเมา เขากลับแสดงความคลุ้มคลั่ง ด่าทอฟ้าดิน และหัวเราะเยาะทุกสิ่งไม่เว้นแม้แต่ขงจื๊อ ไม่เห็นใครอยู่ในสายตา หนิงชิงโหวเป็นคนติดสุรา เคยลิ้มรสสุราชั้นเลิศจากทั่วหล้า เขาจึงมีสิทธิ์ออกความเห็นมากที่สุด เมื่อได้ยินว่าหลี่หลงหลินจะกลั่นสุราที่ดีที่สุดในโลก และขอให้เขามาชิม แม้เขาจะไม่ค่อยเชื่อ แต่ก็ตอบตกลงอย่างง่ายดาย “องค์ชายเก้า!” “ข้ามาตรฐานสูงเรื่องสุรานะ!” “ท่านบอกว่าสุราเหินเวหาเพียงดื่มคำเดียวก
สุรานี้สามารถเปลี่ยนแปลงอนาคตและโชคชะตาของแคว้นได้! นี่แหละคือสิ่งที่มีประโยชน์ที่สุด! หลี่หลงหลินกล่าวด้วยความมั่นใจว่า “สิ่งนี้มีชื่อว่าระเบิดขวด เพียงใช้สุราที่มีฤทธิ์เมาผสมกับดินปืน ก็สามารถสร้างได้ ไม่เพียงแต่ต้นทุนต่ำ แต่ยังมีอานุภาพการทำลายล้างที่น่าทึ่ง! จำได้หรือไม่ว่าข้าเคยพูดถึงรถถังให้เจ้าฟัง?” กงซูหว่านพยักหน้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า แน่นอนว่านางจำได้ หลี่หลงหลินเคยบอกว่า รถถังคือราชาแห่งสงครามบนบกอย่างแท้จริง! หากรถถังถือกำเนิดขึ้น ม้าศึกก็จะถูกขับออกจากเวทีประวัติศาสตร์โดยสิ้นเชิง หากราชวงศ์ต้าเซี่ยมีรถถัง การทำลายล้างชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือ หรือแม้แต่การพิชิตโลกก็จะไม่ใช่เรื่องเพ้อฝัน! หลี่หลงหลินพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “แม้ว่ารถถังจะทรงพลัง แต่ระเบิดขวดนี่แหละคือศัตรูตัวฉกาจของมัน! ลองคิดดูสิว่า ระเบิดขวดจะมีพลังทำลายล้างมากแค่ไหน!” คำพูดนี้ของหลี่หลงหลินไม่ได้พูดเกินจริง ในความเป็นจริง ระเบิดขวดถูกสร้างขึ้นมาเพื่อใช้ต่อกรกับรถถังโดยเฉพาะ กงซูหว่านตื่นเต้นมาก และพูดออกมาด้วยความใจจดใจจ่อ “ทำไมท่านไม่บอกข้าให้เร็วกว่านี้! รีบบอกข้ามาเถอะว่าการกลั
เมื่อพูดแล้ว ก็ลงมือทันที หลี่หลงหลินสั่งให้ลั่วอวี้จู๋เรียกกงซูหว่านและซุนชิงไต้เข้ามา การกลั่นสุรานั้นต้องใช้อุปกรณ์หลากหลาย อีกทั้งทุกกระบวนการยังต้องให้กงซูหว่านเป็นผู้ดูแล ส่วนซุนชิงไต้ พี่สะใภ้สาม ซึ่งเป็นหมอเทวดา นางมีความรู้เกี่ยวกับกระบวนการหมักดอง เพราะในชีวิตประจำวัน นางก็มักกลั่นสุราสมุนไพรเพื่อใช้รักษาผู้ป่วย ด้วยการช่วยเหลือของนาง สุราเหินเวหาที่ผลิตออกมาย่อมต้องมีรสชาติที่ไม่ธรรมดา ไม่นานนัก กงซูหว่านและซุนชิงไต้ก็มาถึงยอดเขาทิศประจิม “องค์ชายเก้า คราวนี้ท่านจะทำของอร่อยอะไรอีกล่ะ?” ซุนชิงไต้ในชุดกระโปรงสีเขียวล้วน ผูกผมหางม้าสองข้าง พอมาถึงก็รื้อค้นตู้ไปทั่ว มองหาของกิน ขณะที่กงซูหว่านในชุดกระโปรงสีดำ ใบหน้างดงามเรียบเฉย กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เรียกข้ามา ท่านต้องการให้ทำอะไร? จะมีสิ่งประดิษฐ์ใหม่อีกหรือ?” หลี่หลงหลินยิ้มเจ้าเล่ห์ “พี่สะใภ้ทั้งสอง ข้ามีเรื่องเล็กน้อยอยากขอให้ช่วย! ข้าตั้งใจจะกลั่นสุรา...” เมื่อได้ยินเรื่องสุรา ทั้งซุนชิงไต้และกงซูหว่านที่ตอนแรกดูสนใจ ก็หมดความสนใจลงทันที กงซูหว่านหาวออกมาเบา ๆ “หากท่านต้องการกลั่นสุรา ไปหาโ
แต่แล้วเมื่อคิดหาวิธีที่ดีกว่าได้ สายตาของหลี่หลงหลินก็สว่างวาบขึ้น “พี่สะใภ้!” “ข้านึกอะไรดีๆ ออกแล้ว!” หลี่หลงหลินตบหน้าผากตัวเองด้วยความตื่นเต้นและพูดว่า“ธัญพืชเก่าเก็บที่กองอยู่เต็มยุ้งฉาง เราสามารถนำไปกลั่นเป็นสุราได้! ไม่เพียงแต่จะขายได้เงิน ยังมีประโยชน์ในด้านอื่นอีกด้วย!” ลั่วอวี้จู๋นิ่งอึ้งไปครู่หนึ่งก่อนจะส่ายหัวพลางยิ้มเจื่อน “องค์ชาย ท่านคิดง่ายเกินไปแล้ว! เรื่องการกลั่นสุรานั้นไม่มีทางเป็นไปได้!” หลี่หลงหลินแปลกใจ “ทำไมถึงไม่ได้ล่ะ?” ลั่วอวี้จู๋พูดด้วยสีหน้าจำใจ “องค์ชาย ท่านไม่ทราบหรือว่าในดินแดนต้าเซี่ย เกลือ เหล็ก และสุรา ล้วนอยู่ภายใต้การควบคุมของราชสำนัก? หากเป็นการกลั่นไว้ดื่มเองย่อมไม่มีปัญหา แต่หากนำออกขายล่ะก็ ถือเป็นโทษถึงตาย!” หลี่หลงหลินพลันนึกขึ้นได้ ในประวัติศาสตร์ มีหลายราชวงศ์ที่มีกฎหมายห้ามกลั่นสุราเอง เนื่องจากเหตุผลสองประการ ประการแรก สุราเหมือนกับเกลือและเหล็ก สามารถเก็บภาษีในอัตราสูงได้ ประการที่สอง การกลั่นสุราใช้ธัญพืชเป็นวัตถุดิบ หากเป็นยุคที่ธัญพืชเหลือเฟือ การนำมากลั่นสุราย่อมไม่ใช่ปัญหา แต่ต้าเซี่ยในปัจจุบันกลับอยู่
ลั่วอวี้จู๋ถอนหายใจ “ปัญหาหนี้สินยังพอถ่วงเวลาได้! แต่ปัญหาคือเงินทุนหมุนเวียนของพวกเราเหลืออยู่ไม่มากแล้ว! ไม่ว่าจะเป็นค่าอาหารของนักเรียนในโรงเรียนที่ภูเขาทิศประจิม หรือค่าเลี้ยงดูทหารใหม่ แค่ค่าใช้จ่ายในการกินอยู่ประจำวัน ก็เป็นจำนวนเงินที่มากพอสมควรแล้ว!” หลี่หลงหลินครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนถามว่า “แล้วธุรกิจอื่น ๆ ล่ะ?” หลังจากที่หลี่หลงหลินบริหารจัดการมาอย่างดีแล้ว ตอนนี้ตระกูลซูก็มีธุรกิจและอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นมากมาย แต่ละวันมีรายรับเท่าไหร่ และมีค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ ล้วนอยู่ภายใต้การดูแลของลั่วอวี้จู๋แม่บ้านคนนี้ หลี่หลงหลินในฐานะเจ้าของที่ไม่ลงมือทำงานด้วยตัวเอง กลับทำตัวเหมือนผู้จัดการที่ปล่อยปละละเลย เอาแต่พักผ่อน ลั่วอวี้จู๋หยิบสมุดบัญชีออกมายื่นให้หลี่หลงหลิน “องค์ชาย ท่านลองตรวจสอบเองเถิด!” หลังจากที่หลี่หลงหลินตรวจสอบบัญชีเสร็จ ก็ขมวดคิ้วเป็นปม แม้ตอนนี้เขาจะมีธุรกิจอยู่มากมาย ทั้งน้ำตาลทรายขาวและเหล็กกล้าที่ตีหนึ่งร้อยครั้งที่มีมูลค่ามหาศาล แต่สิ่งเหล่านี้เป็นวัตถุดิบเชิงกลยุทธ์ที่ไม่สะดวกในการขาย ส่วนน้ำหอมดอกไม้และแว่นสายตายาวกลับมีปริมาณการผลิต