“องค์ชายเก้า ท่านเองก็ไม่ถูกตลอดไปหรอก!”ลั่วอวี้จู๋สบมองหลี่หลงหลิน สายตามืดมนเดิมทีนางคิดว่า หลี่หลงหลินเป็นบุรุษแปลกหาได้ยากบนโลกใบนี้ ไม่มีสิ่งใดทำไม่ได้ ไม่มีสิ่งใดไม่รู้จักสรุปคือ หลี่หลงหลินได้รับสืบทอดความมั่นใจในตนเองจากฝ่าบาท คิดว่าเป็นฝ่ายถูกอยู่ตลอดทั้งๆ ที่ตนเองผิดไปแล้ว กลับปากแข็ง ไม่ยอมรับบุรุษเช่นนี้ คู่ควรให้ฝากฝังแน่หรือ?ฮูหยินผู้เฒ่าซูผิดหวังมาก ทอดถอนใจ “เฮ้อ กลับเถอะ...”ตอนนี้เอง เสียงกีบเท้าม้าระลอกหนึ่งดังขึ้นจากไกลๆหมอกและควันคละคลุ้งบนภูเขา ราวกับมีอาชานับหมื่นตัวกำลังควบตะบึงมา งดงามเป็นอย่างมากเห็นรถม้าหรูหรานับสิบกว่าคัน ประชันขันแข่งกัน ไม่มีใครยอมใคร มุ่งหน้ามายังภูเขาทิศประจิมครู่ต่อมารถม้ามาถึงหน้าประตูภูเขาทิศประจิมในที่สุดขุนนางชนชั้นสูงแต่ละคน พาลูกสาวงดงามอรชรของตน ลงจากรถม้าในบรรดาคนเหล่านั้น ไม่เพียงมีคุณหนูสูงศักดิ์ ยังมีท่านหญิง องค์หญิง...แต่ละคนล้วนคือกิ่งทองใบหยก งดงามเป็นอย่างมาก!“นี่ นี่ นี่...”ฮูหยินผู้เฒ่าซูตื่นเต้นมาก พูดจาไม่คล่องแล้ว “ตกลงนี่เกิดเรื่องอันใดขึ้น?”ลั่วอวี้จู๋ หลิ่วหรูเยียน ซูเฟิ่งหลิงไปจน
แค่กๆ...หลี่หลงหลินไอสองที กระแอมเสียงให้ใสดีแล้ว สองมือไพล่หลัง มาหยุดต่อหน้าทุกคน สีหน้าบึ้งตึงด้านหน้าภูเขาทิศประจิม บรรยากาศเงียบสงัดหลายร้อยคนปิดปากสนิท ไม่กล้าเปล่งเสียงเหล่าชนชั้นสูงไม่มีกฎไม่มีระเบียบเหล่านั้น แต่ละคนขบเม้มกลีบปาก สั่นเบาๆไม่มีสาเหตุอื่นใดเรื่องแปลกขององค์ชายเก้า โด่งดังไปทั่วทั้งเมืองหลวง ต่างรู้กันอย่างถ้วนทั่ว!เดิมที เป็นเพียงองค์ชายไร้ประโยชน์ไม่ร่ำเรียนไม่มีความสามารถคนหนึ่งผ่านไปไม่ถึงหนึ่งปี เขาก็ผงาดขึ้นมา กลายเป็นดาวเด่นดวงใหม่ของต้าเซี่ยปราบความไม่สงบขององค์ชายหก ก่อตั้งโรงเรียนทหารซีซาน ยังมีสงครามภูเขาทิศประจิม ใช้ความอ่อนแอเอาชนะความแข็งแกร่ง โจมตีทหารม้าหุ้มเกราะซีเหลียงสามพันนาย!กวีชายแดนสามบท เอาชนะใจบัณฑิตในใต้หล้า ยังสอนจอหงวนออกมาอีกหนึ่งคน!แม้แต่ตัวไร้ประโยชน์จางอี้ ก็เป็นบัณฑิตชั้นสูงได้ ยังถูกแนะนำเป็นรองผู้บัญชาการองครักษ์เสื้อแพร อำนาจสูงเทียมฟ้า!แน่นอนว่า ที่ทำให้เหล่าคุณหนูต่างกริ่งเกรง ยังเป็นชื่อเสียงของหลี่หลงหลิน!ไฟไหม้ตำหนักเย็น ฉินกุ้ยเฟยตายอยู่ภายใน!ได้ยินมาว่าตอนฉินกุ้ยเฟยตาย หลี่หลงหลินเองก็อยู่ในตำ
มาสายปรับหนึ่งร้อยตำลึง?หลี่หลงหลินเองก็โหดเกินไปแล้วกระมัง!หนึ่งร้อยตำลึง เพียงพอให้เลี้ยงดูครอบครัวสามัญชนในเมืองหลวงหลายปีเชียวนะ!หลี่หลงหลินยิ้มเย็น พูดกับหนิงชิงโหว “ไม่มีกฎระเบียบ ไม่มีวันสำเร็จ! หนิงเซิง หยิบกฎระเบียบของโรงเรียนแพทย์ซีซานออกมา!”หนิงชิงโหวเตรียมไว้พรักพร้อมตั้งนานแล้ว ติดไว้บนผนังทุกคนแหงนหน้ามอง สูดหายใจเย็นอย่างอดไม่ได้กฎระเบียบหลักเก้าข้อของโรงเรียน!กฎระเบียบย่อยแปดสิบเอ็ดข้อของโรงเรียน!โทษเบาคือปรับเงิน โทษหนักคือไล่ออก!หนังศีรษะจางเฉวียนชาแล้ว ใบหน้าโศกเศร้าน้ำตาคลอหน่วย “องค์ชายเก้า นี่คือโรงเรียนแพทย์ หรือสถานพินิจกันแน่! ต่อให้เป็นนักโทษภายในคุก ก็ไม่ต้องรักษากฎมากเพียงนี้!”หลี่หลงหลินยิ้มเย็นพูดว่า “พวกเจ้าอยากเรียนก็เรียน ไม่อยากเรียนก็ไป! ข้ามิได้บังคับพวกเจ้าเสียหน่อย! ตรงข้ามกัน พวกเจ้าต้องคิดให้ดี เข้าภูเขาทิศประจิมแล้ว ต้องรักษากฎระเบียบของภูเขาทิศประจิม!”“นี่ก็เพื่อลูกสาวของพวกเจ้าเอง!”แท้จริงแล้ว มิใช่หลี่หลงหลินเข้มงวด จงใจสร้างความลำบากให้คุณหนูชนชั้นสูงเหล่านี้พวกนางล้วนเติบโตในไหน้ำผึ้ง เกียจคร้านยังนับว่าเบา อุปนิสั
หากเป็นซูเฟิ่งหลิง ได้เห็นท่าทางคนถ่อยได้ใจเช่นนี้ของหลี่หลงหลิน จะต้องโมโห เปลี่ยนสีหน้าเป็นฝ่ายคิดบัญชีอย่างแน่นอนลั่วอวี้จู๋ทัดเส้นผมยาวไว้หลังใบหู เผยพวงแก้มงดงามนุ่มนวล ชี้ไปที่ตั๋วเงินบนโต๊ะ “องค์ชายเก้า นี่คือค่าธรรมเนียมที่หาได้ในวันนี้! ทั้งหมดหนึ่งแสนหนึ่งหมื่นสองพันหนึ่งร้อยตำลึง ท่านนับๆ ดู...”ไม่พูดไม่ได้ ค้าขายการศึกษาทำนองนี้ กำไรมหาศาลโดยแท้มิน่าเล่านับพันปีที่ผ่านมาลัทธิขงจื๊อจึงควบคุมสำนักศึกษาเอาไว้ ไม่ยอมแบ่งปันให้ผู้อื่นหนึ่งวันหาเงินได้หนึ่งแสนตำลึง เหลือเชื่อจริงๆ!หลี่หลงหลินไม่มองตั๋วเงิน พูดยิ้มๆ “พี่สะใภ้ใหญ่ ท่านทำงาน ข้าย่อมวางใจ! แต่ท่านตั้งใจเบี่ยงเบนหัวข้อสนทนา คงไม่คิดเบี้ยวหนี้หรอกกระมัง!”ลั่วอวี้จู๋ถอนหายใจอย่างเอือมระอา “ในเมื่อองค์ชายตอแยไม่เลิก หม่อมฉันทำได้เพียงยอมรับความพ่ายแพ้แล้วเพคะ”สีหน้าหลี่หลงหลินดีใจมาก “เช่นนั้นท่านเลือกพูดความจริง หรือเสี่ยงดีเล่า?”ลั่วอวี้จู๋ครุ่นคิด พูดว่า “พูดความจริง!”ล้วนเป็นคนครอบครัวเดียวกัน ไม่มีอะไรพูดไม่ได้หรอกกระมังส่วนเสี่ยง หากหลี่หลงหลินให้ตนเองไปทำเรื่องน่าอายอะไร นั่นก็แย่แล้ว!หลี่หลง
ลั่วอวี้จู๋อึ้งงันอยู่กับที่ มองหลี่หลงหลินอย่างเหลือจะเชื่อสมองของนางคิดตามไม่ทันอยู่บ้างหมายความว่ากระไร?ฮูหยินผู้เฒ่าซูให้พวกนางสะใภ้สองสามคนนี้แต่งงานใหม่กับหลี่หลงหลิน?นี่นับเป็นอะไร?จากพี่สู่น้อง?แม้เรื่องพรรค์นี้ผิดหลักจรรยาบรรณ แต่ภายในราชวงศ์ของต้าเซี่ย กลับมิใช่เรื่องแปลกใหม่อะไรปัญหาคือ...แม้ตนเองอิจฉาซูเฟิ่งหลิงมาก มีสามีที่ดีอย่างหลี่หลงหลินทว่าแต่งงานกับหลี่หลงหลินเรื่องพรรค์นี้ นางไม่เคยคิดมาก่อนไม่ใช่ไม่คิด แต่ไม่กล้าคิด!หลี่หลงหลินอาศัยว่าตีเหล็กต้องตีตอนร้อนๆ สืบเท้าขึ้นไปข้างหน้าหนึ่งก้าว จับมืองามดุจหยกของลั่วอวี้จู๋เอาไว้แน่น “ท่านยินดีแต่งงานกับข้าหรือไม่?”ลั่วอวี้จู๋น้ำตาคลอหน่วย ร้องไห้ออกมาแล้ว “องค์ชาย หม่อมฉันเป็นดาวหายนะคนหนึ่ง ทำให้ทั้งครอบครัวต้องตาย...”หลี่หลงหลินส่ายหน้า “ข้าไม่ใส่ใจ!”ลั่วอวี้จู๋สะอื้น “ร่างกายหม่อมฉันไม่สมบูรณ์ เป็นหญิงออกเรือนแล้ว”หลี่หลงหลินพูดยิ้มๆ “หญิงออกเรือนแล้วถึงจะมีรสชาติ!”ลั่วอวี้จู๋ส่ายหน้า “แต่ หม่อมฉันเป็นพี่สะใภ้ของท่าน หากแต่งกับท่าน น้องหญิงเล็กต้องไม่ดีใจอย่างแน่นอน...”หลี่หลงหลินเอ่ยป
“เอ่อ...”หลี่หลงหลินชะงักเบาๆก็หมายความว่า ก่อนตนเองแต่งซูเฟิ่งหลิงเข้าบ้าน จะไม่สามารถแตะต้องลั่วอวี้จู๋ได้?หากแตะต้องไป ใครเป็นภรรยาเอก ใครเป็นอนุ นั่นก็วุ่นวายแล้วมิใช่หรือ?ใครยังพูดได้ชัดเจนอีกเล่า?มองเช่นนี้ดูแล้ว นับว่ามีเหตุผลหลายส่วนปัญหาคือ หญิงงามอยู่ตรงหน้า ทำได้เพียงมอง กลับกินไม่ได้นี่มิใช่กำลังทรมานคนหรือ?กระนั้นหลี่หลงหลินมิใช่วิญญาณหิวโหยอะไรในเมื่อลั่วอวี้จู๋รับปากแล้ว ย่อมไม่รีบร้อนอาหารเลิศรสย่อมไม่สายเกินกิน!หากทนไม่ได้ หลี่หลงหลินสามารถนัดหนิงชิงโหว ไปเที่ยวสำนักการสังคีต มีนางคณิกาอยู่เป็นเพื่อน ส่งมอบอ้อมกอดก่อนได้!“ได้!”หลี่หลงหลินยื่นมือออกไป บีบบั้นท้ายอวบอิ่มของลั่วอวี้จู๋แรงๆ หนึ่งทีเงินต้นไม่อาจแตะต้อง ก็ต้องเก็บดอกเบี้ยสักหน่อยกระมัง!ร่างอรชรของลั่วอวี้จู๋สั่นเทิ้ม ใบหน้าเขินอายแดงเรื่อ ใกล้จะล้มลงบนโต๊ะเต็มทีท่าทีตอบสนองของนางนี้ น่าสนใจยิ่งกว่าซูเฟิ่งหลิงมากนัก!หลี่หลงหลินหัวเราะฮาๆ เตรียมหมุนตัวจากไป“องค์...องค์ชาย...”เสียงลั่วอวี้จู๋สั่นเครือ เรียกหลี่หลงหลินไว้หลี่หลงหลินมองลั่วอวี้จู๋อย่างแปลกใจ “พี่สะใภ้ให
“ทำอย่างสุดกำลัง ฟังลิขิตฟ้า!”หลี่หลงหลินแหงนมองฟ้า พ่นลมหายใจยาวเหยียดออกมาเฮือกหนึ่งไม่ว่าอย่างไร พยายามอย่างสุดกำลังก็พอ!หวังว่าสวรรค์จะไม่ทำลายต้าเซี่ย ทั้งหมดยังทันเวลา!วันต่อมาข่าวสำคัญเรื่องหนึ่งลือสะพัดไปทั่วเมืองหลวงโดยเฉพาะค่ายผู้ลี้ภัยนอกเมือง บัดนี้กำลังดุเดือดองค์ชายเก้าหลี่หลงหลินจ่ายหนักรับซื้อชิงฮวาชิงฮวาสิบจินสามารถขายได้หนึ่งตำลึง!ยิ่งไปกว่านั้น มิใช่ตากแห้ง แต่เป็นชิงฮวาสดใหม่เดิมทีชีวิตของเหล่าผู้ลี้ภัย ก็ลำบากมากอยู่แล้วระยะนี้เกิดโรคระบาด คนไม่น้อยติดโรคมาลาเรีย เหล่าผู้ลี้ภัยไม่มีเงินไปซื้อยา ทำได้เพียงนอนรอความตายเท่านั้นข่าวนี้ ดุจดั่งยารักษาใจ ทำให้เหล่าผู้ลี้ภัยมีชีวิตชีวา ดวงตามืดมนเปล่งประกายใหม่อีกครั้ง!แตกต่างจากซ่อมแซมบ้านเรือน รวมถึงเข้าร่วมทหาร นี่ล้วนต้องการคนหนุ่มร่างกายกำยำแข็งแรงขุดชิงฮวา ช่างง่ายดายมากนัก!ภายในทุ่งนา ต่างพากันก้มหน้าก้มตาเก็บต่อให้เป็นคนอ่อนแอผู้ชรา ก็สามารถทำงานนี้ได้หนึ่งวันนี้ หากวาสนาดี ต่อให้เป็นเด็กเจ็ดแปดขวบ ขุดสิบกว่าจินก็ล้วนสามารถเป็นไปได้!ชิงฮวาสิบจินขายได้หนึ่งตำลึง?นี่เป็นไปได้จริ
หลี่หลงหลินไม่ว้าวุ่นใจแม้แต่น้อย ยิ้มเย็นพูดว่า “ไม่เรียนแล้ว? เช่นนั้นก็ให้พวกนางไสหัวไป!”เขารู้ดีภายในใจคุณหนูสูงศักดิ์เหล่านี้ มีกี่คนสามารถเรียนหนังสือได้?ให้พวกนางไปรักษาคน นั่นเป็นเรื่องขบขันไร้สาระเหตุที่หลี่หลงหลินรับสมัครคุณหนูสูงศักดิ์ ด้านหนึ่งเพราะพวกนางมีชาติกำเนิดบริสุทธิ์ ภายภาคหน้าเข้าวังรักษาสนม ฝ่าบาทย่อมวางพระทัยอีกด้านหนึ่ง ต้องการหลอกเอาเงินพวกขุนนางชนชั้นสูง!เส้นทางบนโลกก็เป็นเช่นนี้ หลี่หลงหลินต้องการทำเพื่อราษฎร์ ไม่มีเงินย่อมเป็นไปไม่ได้!หลอกเอาเงินชนชั้นสูง ย่อมดีกว่าหลอกเอาเงินราษฎร์มากนัก!เดิมทีก็คือเลือดเนื้อของราษฎร์ ต่อให้รับจากราษฎร์ แต่ก็ใช้กับราษฎร์ภายในบรรดาคุณหนูสูงศักดิ์สิบคน สุดท้ายเหลือเพียงสองสามคน ก็นับว่าไม่เลวแล้วส่วนที่เหลือ รีบไสหัวไป ไม่เพียงเกิดปัญหาน้อยลงได้ ยังประหยัดข้าวที่ภูเขาทิศประจิมได้อีกด้วยหนิงชิงโหวก้มหน้า “แต่ พวกนางพูดว่าต้องการให้องค์ชายคืนเงิน...”หลี่หลงหลินโมโหมากขึ้นสามจั้งลาออกย่อมได้ ข้าร้องขอแทบไม่ทัน!คืนเงิน ฝันหรือ?ชนชั้นสูงแล้วอย่างไร?ข้าก็หลอกชนชั้นสูงนั่นล่ะ!สีหน้าหลี่หลงหลินเข้มข
หญิงชรามองสุ่ยเซิง เอ่ยอย่างจริงจัง: “สุ่ยเซิง เจ้าบอกความจริงกับแม่มา เจ้าไปลักขโมยปลาของผู้อื่นมาพร้อมกับเถี่ยจู้ใช่หรือไม่?” ในความคิดของหญิงชรา หากไม่ใช่การลักขโมย วันเดียวจะหาปลาได้มากมายเช่นนี้ได้อย่างไร? สุ่ยเซิงยิ้มแล้วชี้ไปยังชาวประมงที่บรรทุกปลาเต็มลำกลับมา: “ท่านแม่! ลูกจะไปลักขโมยปลาของผู้อื่นได้อย่างไร ปลาเหล่านี้ล้วนจับมาได้จากทะเลตามวิธีที่องค์รัชทายาททรงสอนด้วยพระองค์เอง ท่านดูสิ ทุกคนก็จับมาได้ไม่น้อย” หญิงชรามองไป พบว่าชาวประมงที่กลับมาต่างก็มีปลาหวงฮื้อใหญ่ติดมือมาไม่มากก็น้อย เพียงแต่สุ่ยเซิงโชคดีกว่า จับปลาได้มากกว่าเล็กน้อย “องค์รัชทายาททรงสอนพวกเจ้าด้วยพระองค์เองหรือ?” หญิงชรามีสีหน้าลังเล สุ่ยเซิงพยักหน้า ชี้ไปยังท่าเทียบเรือที่ไม่ไกลนัก: “เมื่อวานก็ที่ตรงนั้น องค์รัชทายาทไม่เพียงแต่แบ่งปลาให้พวกเรา ยังทรงสอนวิธีการจับปลาให้พวกเราโดยเฉพาะ ถ่ายทอดเคล็ดวิชาให้พวกเราอย่างไม่ปิดบัง” ฟุบ! หญิงชราทรุดตัวลงนั่งกับพื้น พนมมือ ดวงตาพร่ามัวด้วยน้ำตา: “สวรรค์มีตา สวรรค์มีตาโดยแท้! ต้าเซี่ยมีองค์รัชทายาทเช่นนี้ วันคืนอันแสนลำบากของพวกเราชาวบ้าน ในที่สุดก็จ
เถี่ยจู้เริ่มเหนื่อยล้า อยากจะโยนไม้ท่อนสองอันในมือทิ้งลงทะเลเสียเดี๋ยวนี้ ไม่อยากเชื่อเรื่องเหลวไหลว่าจะมีโชคหล่นจากฟ้าอีกต่อไป แต่พอนึกถึงรสชาติอันโอชะของปลาหวงฮื้อใหญ่ ก็ทำให้เขายังคงยืนหยัดต่อไปได้ ตึง ตึง ตึง... สุ่ยเซิงพลันหรี่ตาลง ชี้ไปยังที่ไกลๆ แล้วเอ่ยว่า: “ทางนั้นดูเหมือนมีความเคลื่อนไหว!” ทุกคนพลันมีชีวิตชีวาขึ้นมา มองไปยังทิศที่สุ่ยเซิงชี้ ก็เอ่ยอย่างประหลาดใจว่า: “มีคลื่นนี่ หรือว่าลมใหญ่กำลังจะมา?” ไร้ลมไหนเลยจะมีคลื่น เพียงแค่ทะเลมีคลื่นซัดสาดขึ้นมากะทันหัน ก็บ่งบอกว่าอีกไม่นานลมใหญ่จะพัดมาถึง สุ่ยเซิงส่ายหน้า สีหน้าแน่วแน่ แล้วเอ่ยว่า: “ไม่...ไม่ใช่คลื่น แต่เป็นปลา!” “ฝูงปลา!” “ไม่! คือคลื่นปลา!” ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นต่างตกตะลึงตาค้าง ราวกับอยู่ในความฝัน ปลาแหวกว่ายถาโถมเข้ามาหาพวกเขาราวกับกระแสน้ำ นานๆ ครั้งก็จะมีปลาใหญ่กระโดดขึ้นเหนือผิวน้ำ ดุจดังเกลียวคลื่นที่ม้วนตัว สุ่ยเซิงตะโกน: “เร็วเข้า! ตักปลา!” เพียงชั่วพริบตา ฝูงปลาก็เข้ามาล้อมเรือประมงไว้แล้ว เหวี่ยงอวน สาวอวน ทุกคนไม่กล้าลังเลแม้แต่น้อย ต่างกลั้นหายใจรวบรวมสมาธิ ออกเรี่ยวแรงทั้
รุ่งเช้า ณ ท่าเทียบเรือตงไห่ อรุณรุ่งตะวันออกฉาย แสงทองสาดส่องนภา เหล่าชาวประมงต่างแย่งกันเข็นเรือประมงลงสู่ทะเล ใบหน้าเปี่ยมไปด้วยความคาดหวังต่ออนาคต “ท่านแม่ ไม่ต้องมาส่งแล้ว ข้าไปกับเถี่ยจู้ไม่เป็นอันใดหรอก วางใจเถิด” สุ่ยเซิงเอ่ยลามารดา วิ่งเหยาะๆ มายังท่าเทียบเรือ ขึ้นเรือประมงไปพร้อมกับเถี่ยจู้และชาวประมงเพื่อนบ้านอีกสองสามคน “สุ่ยเซิง เร็วเข้าสิ เหลือแค่เจ้าแล้ว!” สุ่ยเซิงยิ้มซื่อๆ พลางล้วงห่อกระดาษเคลือบน้ำมันสองห่อออกมาจากอกเสื้อ ส่งให้เถี่ยจู้ เถี่ยจู้สงสัยเล็กน้อย: “นี่คืออันใด?” สุ่ยเซิงยิ้มแล้วเอ่ยว่า: “นี่เป็นสิ่งที่ท่านแม่ยัดเยียดให้ข้าตอนจะออกมา บอกว่าเป็นปลาทอดกรอบที่ทำจากปลาหวงฮื้อใหญ่เมื่อวานนี้ เก็บไว้หลายวันก็ไม่เสีย ให้พวกเราเอาไว้กินเป็นเสบียงแห้งในทะเล” เถี่ยจู้ทำหน้าอิจฉา: “สุ่ยเซิง ท่านแม่ของเจ้าช่างรอบคอบนัก ยังเตรียมเสบียงแห้งให้เจ้าด้วย แต่ว่าปลาที่องค์รัชทายาทแจกเมื่อวานหอมจริงๆ! เมื่อวานข้ากินไปตั้งสามตัว ทำเอาท้องที่หิวมาหลายวันของข้าอิ่มแปล้ไปเลย” คนอื่นๆ ที่มาด้วยกันต่างพูดคุยถึงวิธีการปรุงปลาหวงฮื้อใหญ่กันเซ็งแซ่ ทุกคนต่างบอกเป็นเส
หลู่จงหมิงไม่เคยเห็นปลามากมายเช่นนี้มาก่อน ช่างเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อเกินไป! เหล่าขุนนางที่อยู่รอบๆ ก็ยืนนิ่งตะลึงงัน พูดไม่ออก “องค์รัชทายาท แจกปลาเถิด!” “พวกเราต้องการกินปลา!” ชาวบ้านชูแขนโห่ร้อง แม้ว่าหลี่หลงหลินจะนำปลาทั้งหมดมากองไว้บนท่าเทียบเรือแล้ว แต่ก็ยังคงให้ทหารตระกูลซูเฝ้าไว้ ยังไม่มีทีท่าว่าจะแจกจ่ายปลาให้แก่ชาวบ้าน หลี่หลงหลินเอ่ยเสียงเข้ม: “ข้าเคยพูดเมื่อใด ว่าจะแจกปลาเหล่านี้ให้เปล่าๆ?” ทุกคนต่างส่งเสียงฮือฮา ชาวบ้านมองหลี่หลงหลินด้วยสีหน้าตกตะลึง ในแววตาเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ ไม่ใช่ว่าหลี่หลงหลินรับปากเองหรอกหรือ ว่าจะทำให้ชาวบ้านได้กินเนื้อกันถ้วนหน้า? บัดนี้เหตุใดจึงกลับคำเล่า? “ทุกคนเห็นหรือไม่? นี่แหละองค์รัชทายาท ปากก็พร่ำบอกว่าจะให้ชาวบ้านได้กินเนื้อ แต่บัดนี้กลับตระบัดสัตย์!” หลู่จงหมิงเดินมาหน้าชาวบ้าน ใบหน้าเต็มไปด้วยการเย้ยหยัน หลู่จงหมิงฉวยโอกาสทันที ไม่อาจปล่อยให้หลี่หลงหลินชนะใจประชาชนไปง่ายๆ เช่นนี้ได้ หลี่หลงหลินเอ่ยเสียงเข้ม: “ข้าพูดเมื่อใดว่าจะไม่ให้ชาวบ้านกินเนื้อ?” หลู่จงหมิงขมวดคิ้วเล็กน้อย ไม่รู้ว่าในน้ำเต้าของหลี
ยามเย็น ณ ท่าเรือตงไห่ เรือลำใหญ่ค่อยๆ แล่นเข้าสู่ท่าเรือ บนท่าเทียบเรือมีผู้คนเนืองแน่น ล้วนเป็นชาวบ้านที่มามุงดูเรื่องสนุก ทั้งยังมีขุนนางผู้มีอำนาจไม่น้อยที่มารอสมน้ำหน้าหลี่หลงหลิน หลู่จงหมิงได้ยินว่าวันนี้หลี่หลงหลินออกทะเลไปจับปลา จึงมารออยู่ที่ท่าเทียบเรือตลอดทั้งวัน เพื่อรอที่จะหยามเกียรติหลี่หลงหลิน หลู่จงหมิงมองเรือใหญ่ที่กำลังเทียบท่า ใบหน้าเต็มไปด้วยความดูแคลน: “ยังกล้าคุยโวโอ้อวด ว่าจะทำให้ชาวบ้านได้กินเนื้อกันถ้วนหน้า? ช่างเพ้อฝันลมๆ แล้งๆ ปลาที่จับได้ในทะเลตงไห่แค่นั้น ยังไม่พอให้ตดด้วยซ้ำ!” ขุนนางผู้หนึ่งเอ่ยสมทบ: “พระเชษฐภาดา เดี๋ยวรอตอนที่เอาปลาออกมา พวกเราต้องหยามเกียรติเขาสักครา ต้องระบายความแค้นนี้ให้ได้!” พระเชษฐภาดาแค่นเสียงหัวเราะเย็นชา: “ชาวบ้านมากมายขนาดนี้กำลังจ้องมองอยู่ที่ท่าเรือ ถึงเวลานั้นหากหลี่หลงหลินเอาปลาออกมาไม่ได้ ดูสิว่าเขาจะจัดการอย่างไร!” เรือใหญ่เทียบท่า ชาวบ้านกรูกันเข้ามา ล้อมเรือใหญ่ไว้แน่นขนัด “กลิ่นคาวปลาแรงมาก!” พอชาวบ้านเข้าใกล้เรือใหญ่ กลิ่นคาวปลาก็ปะทะเข้าหน้าทันที “กลิ่นคาวปลาขนาดนี้ ต้องจับปลามาได้มากเท่าใดกัน?”
เหล่าทหารต่างพากันคุกเข่าคำนับหลี่หลงหลิน ในสายตาของเหล่าทหาร วิธีการของหลี่หลงหลินไม่ต่างอันใดกับวิชาเซียน เหล่าทหารเคยประสบพบเจอเหตุการณ์เช่นนี้ที่ไหนกัน? ต่างมองหลี่หลงหลินเป็นดั่งเทพเจ้า หลี่หลงหลินยิ้มบางๆ: “กลับเรือ” หลี่หลงหลินยืนเอามือไพล่หลัง ท่าทางสงบนิ่ง ราวกับว่าปลามากมายเพียงนี้เป็นเรื่องธรรมดาสำหรับเขา ซูเฟิ่งหลิงประหลาดใจเล็กน้อย: “องค์รัชทายาท กลับเรือเลยหรือ? ในทะเลตอนนี้ยังมีปลาอีกกว่าครึ่งที่ยังไม่ได้จับ หรือว่าจะไปเช่นนี้?” ซูเฟิ่งหลิงรู้สึกเสียดายอยู่บ้าง ปลาเหล่านี้หากต้องการ ก็สามารถจับขึ้นมาได้อย่างง่ายดาย หลี่หลงหลินเอ่ยเรียบๆ: “กลับเรือเดี๋ยวนี้ ชักช้าไม่ได้แม้แต่น้อย” “ทำสิ่งใดให้พอประมาณ อีกอย่างปลาเหล่านี้ก็เพียงพอสำหรับบรรเทาความเดือดร้อนเฉพาะหน้าของชาวบ้านทะเลตงไห่แล้ว การจับปลาเพิ่มขึ้นอีกมีแต่จะเพิ่มภาระในการเก็บรักษา” “ปลาเหล่านี้เมื่อพ้นน้ำ ไม่นานก็จะตาย หลังจากตายก็จะเน่าเสีย เช่นนั้นมิใช่เป็นการสิ้นเปลืองหรอกหรือ?” “ดังนั้นจึงต้องรีบกลับถึงท่าเรือตงไห่ก่อนที่ปลาจะเน่าเสีย” ซูเฟิ่งหลิงพยักหน้ารับ ถ่ายทอดคำสั่งของหลี่หลงหลิน ให้ก
ทุกคนมองหลี่หลงหลินด้วยความตกตะลึง ราวกับอยู่ในความฝัน ปลาบนผิวน้ำราวกับคลุ้มคลั่ง พุ่งชนเรือไม่หยุด หากเป็นเรือลำเล็ก เกรงว่าปลาเหล่านี้คงทำให้เรือล่มได้ หลี่หลงหลินเอ่ยเสียงเข้ม: “พี่สะใภ้รอง นำอวนที่ข้าให้ท่านทำมา” กงซูหว่านเพิ่งจะเข้าใจว่าเหตุใดก่อนหน้านี้หลี่หลงหลินจึงให้นางเสริมความแข็งแรงให้อวนเป็นสองชั้น หากเป็นอวนธรรมดา เกรงว่าจะทนรับน้ำหนักฝูงปลาที่หนาแน่นเช่นนี้ไม่ไหว กงซูหว่านยังคงสงสัยอยู่ว่า อวนนี้จะทนทานได้จริงหรือ ซูเฟิ่งหลิงไม่กล้าล่าช้าแม้แต่น้อย ออกคำสั่งให้ทหารกองทัพตระกูลซูร่วมแรงกันตักปลา ในที่สุดซูเฟิ่งหลิงก็เข้าใจแล้วว่าเหตุใดหลี่หลงหลินจึงยืนกรานที่จะนำทหารสามร้อยนายนี้มาด้วย หากอาศัยเพียงเหล่าพี่สะใภ้ไม่กี่คน เกรงว่าไม่รู้เมื่อใดจะจับปลาเหล่านี้ให้แล้วเสร็จ เพียงแค่สาวอวนครั้งเดียว ก็สามารถจับปลาได้หลายพันชั่ง! เหล่าทหารเคยเห็นภาพเช่นนี้ที่ไหนกัน! พวกเขาต่างออกแรงทั้งหมดที่มี เร่งจับปลาอย่างสุดกำลัง หลี่หลงหลินยิ้มบางๆ มองดูปลาที่จับขึ้นมาอวนแล้วอวนเล่า รู้สึกพอใจยิ่งนัก เพียงครู่เดียว ความเคลื่อนไหวปั่นป่วนในทะเลก็สงบลงมาก ปลาบนดาดฟ้าเรื
ช่างเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อเสียจริง กงซูหว่านพอจะมีความรู้เรื่องการจับปลาอยู่บ้าง แต่ก็ไม่เคยเห็นวิธีการเช่นนี้ของหลี่หลงหลินมาก่อน: “องค์รัชทายาท พระองค์กำลังทำสิ่งใดอยู่หรือ?” ซูเฟิ่งหลิงแค่นเสียงเย็นชา: “ดูคล้ายพิธีขอพรจากพญามังกร ข้าว่าให้ข้ากลับไปนำกองทัพตระกูลซูเข้าป่าล่าสัตว์ยังจะดีกว่า อย่างน้อยพวกสัตว์ป่าก็ยังมองเห็นจับต้องได้ ทะเลกว้างใหญ่เช่นนี้ แม้แต่เงาปลายังไม่เห็นสักตัว” หลี่หลงหลินยังคงเคาะต่อไปตามจังหวะ ไม่หยุดแม้แต่วินาทีเดียว: “ถูกต้อง ข้ากำลังขอพรจากพญามังกร ให้เขาประทานปลาลงมาจากฟ้าให้ข้า” ซูเฟิ่งหลิงเอ่ยเสียงเข้ม: “องค์รัชทายาท บนฟ้าแม้แต่ขนมเปี๊ยะก็ไม่หล่นลงมา ยิ่งไม่มีทางที่จะมีปลาหล่นลงมา ข้าว่าพวกเรารีบกลับเรือกันเถอะ วันนี้พญามังกรคงไม่อยู่” หลี่หลงหลินเอ่ยเรียบๆ: “ในเมื่อเขาไม่อยู่ ข้าก็คือเขา!” ทุกคนตกตะลึง ไม่รู้เลยว่าหลี่หลงหลินต้องการจะเล่นอะไรกันแน่ กงซูหว่านเอ่ยเบาๆ: “องค์รัชทายาท แม้ท่านจะมีเชื้อสายมังกร แต่เรื่องในทะเลนี้ไม่เหมือนกับเรื่องในราชสำนักที่จะคาดเดาได้ง่ายนัก อย่างไรเสียฝูงปลาเหล่านี้ก็ไม่ได้อยู่ภายใต้การควบคุมของผู้คน มิเช
เช้าวันรุ่งขึ้นทะเลคราม ฟ้าสีฟ้า ท้องฟ้าปลอดโปร่งไร้เมฆ ไกลสุดสายตาเรือใหญ่ลำหนึ่งแล่นออกจากท่าเรือตงไห่อย่างโอ่อ่า ท่วงทีองอาจไม่ธรรมดาการออกทะเลครั้งนี้ หลี่หลงหลินไม่เพียงแต่พาเหล่าพี่สะใภ้มาด้วยหลายคน แต่ยังคัดเลือกทหารยอดฝีมือของตระกูลซูมาเป็นพิเศษอีกสามร้อยนายซูเฟิ่งหลิงยืนอยู่บนดาดฟ้าเรือ ทอดสายตามองไปยังเส้นขอบฟ้าที่ผืนน้ำจรดกับผืนฟ้า แววตาเต็มไปด้วยความกังวล ลมทะเลพัดผ่าน ผ้าคลุมสีแดงสดด้านหลังนางปลิวสะบัดพลิ้วไหว!หลี่หลงหลินบิดขี้เกียจ กระทืบเท้าลงบนดาดฟ้าเรือเบาๆเรือของเมืองตงไห่แข็งแรงกว่าที่ข้าคิดไว้มากตอนนี้หลี่หลงหลินทำได้เพียง มีอะไรก็ใช้อย่างนั้นไปก่อนแม้จะเทียบไม่ได้กับเรือประมงหมื่นตันในจินตนาการแต่แค่จับปลาหลายพันชั่งขึ้นมาก็ยังถือว่าสบายมากหลี่หลงหลินหยิบคันเบ็ดออกมานั่งลงข้างๆ ซูเฟิ่งหลิง ด้วยท่าทางสบายๆ ราวกับไม่ได้กังวลแม้แต่น้อยซูเฟิ่งหลิงขมวดคิ้วงาม กล่าวเสียงขรึม "รัชทายาท ท่านบอกว่าจะพาพวกเราออกมาจับปลา คงไม่ได้คิดจะใช้แค่คันเบ็ดนี่ตกปลาหรอกนะเพคะ?"เหล่าพี่สะใภ้ก็รู้สึกว่ามันเหลือเชื่ออยู่บ้างอาศัยเพียงคันเบ็ดคันเดียวของหลี่หลงหลิน