ซูเฟิ่งหลิงยืนอยู่บนเวที มือถือศีรษะของเจ้าแม่กวนอิม ดวงตาทั้งคู่จ้องมองไปที่หลี่หลงหลิน น้ำตาไหลพรากอย่างไม่พอใจ “เจ้าเกลียดข้าขนาดนี้เลยหรือ! อยากให้ข้าตายให้ได้เลยหรืออย่างไร?”“หลี่หลงหลิน ข้ามองเจ้าผิดไปจริงๆ!”สามีของตนกลับหักหลังตนได้!มีชีวิตอยู่แล้วจะมีความหมายอะไร?ชั่วขณะนั้น ซูเฟิ่งหลิงอยากจะตายจริงๆแน่นอนว่าก่อนที่นางจะตาย นางจะต้องฆ่าหลี่หลงหลินก่อน ถือเป็นการขจัดความชั่วร้ายแทนประชาชน!ชายผู้นี้ช่างต่ำช้าและหน้าไม่อายจริงๆ...หลี่หลงหลินยิ้มบาง แล้วกล่าวว่า “โบยสี่สิบไม้ ข้ายอมรับ! แต่คนที่จะโดนไม่ใช่ซูเฟิ่งหลิง แต่เป็นพี่สาม!”หลี่เฟิงอวิ๋นขมวดคิ้วแน่น แล้วกล่าวด้วยเสียงหัวเราะเย็นชา “เจ้าเก้า เรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับข้า?”หลี่หลงหลินกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เกี่ยวสิ และเกี่ยวข้องกับใต้หล้าด้วย! ทุกคนลองคิดดูนะ หยกไขมันแกะแข็งมาก! แม้ว่าซูเฟิ่งหลิงจะมีแรงเยอะรวมกับวัว แต่ก็ไม่มีทางหักหัวของเจ้าแม่กวนอิมลงออกมาได้!”“ยิ่งไปกว่านั้นแล้ว นางเป็นเพียงสตรีผู้บอบบางเพียงคนหนึ่งเท่านั้น!”ซูเฟิ่งหลิงกล่าวด้วยความไม่พอใจ “ข้าบอกบางตรงไหนมิทราบ? แค่มือข้างเดียวของข้า ก็สามารถ
หลี่เฟิงอวิ๋นเผชิญหน้าต่อเสียงคำรามของฮ่องเต้หวู่ เขาไม่ได้ส่งเสียงใดๆชีวิตที่แข็งแกร่งและกล้าหาญ ไม่จำเป็นต้องมีเหตุผล!ยิ่งไปกว่านั้น เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว วิธีการของตนเองก็ถูกหลี่หลงหลินเปิดโปงแล้ว หากยังดันทุรังต่อไป ก็มีแต่จะขายหน้า!“เจ้าเก้า!”แววตาของหลี่เฟิงอวิ๋นนั้นดุร้ายมาก เขาจ้องไปที่หลี่หลงหลินอย่างเอาเป็นเอาตาย!ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้ว ว่าเหตุใดเจ้าสี่ถึงได้เกลียดชังเจ้าเก้าเข้ากระดูกเช่นนี้!คนผู้นี้ไม่ใช่คนไร้ประโยชน์ที่ตนคิดเอาไว้ มันได้เปลี่ยนไปนานแล้ว ราวกับงูพิษที่ซ่อนอยู่ในเงามืด ดุร้ายเป็นอย่างยิ่ง!ตนไม่ระวังเพียงเล็กน้อย ก็จะตกหลุมพรางของเขา!“หลี่เฟิงอวิ๋น!”“เจ้าหูหนวกหรือ?”“ยังไม่รีบคุกเข่าขอโทษเสด็จย่าอีก!”“หรือว่าเจ้าอยากให้ข้าลากเจ้าออกไปโบยสี่สิบไม้จริงๆ?”ฮ่องเต้หวู่เห็นว่าหลี่เฟิงอวิ๋นไม่พูด ก็ยิ่งเดือดดาล และเรียกชื่อของเขาออกมาทันทีหลี่เฟิงอวิ๋นยังคงเงียบ“เจ้าๆๆ...”ร่างมังกรของฮ่องเต้หวู่สั่นเทา ริมฝีปากสั่นเทา แม้แต่พูดก็พูดไม่ออกไทเฮาจึงเอ่ยเกลี้ยกล่อม “ฮ่องเต้ ช่างเถอะ ช่างเถอะ! วันนี้อย่างไรก็เป็นวันเกิดของข้า พวกเจ้าสองพ่
แม้ว่าฮ่องเต้จะทรงประทานมงคลสมรสแล้วแต่อย่างไรทั้งคู่ก็ยังไม่ได้จัดพิธีแต่งงาน และซูเฟิ่งหลิงก็ยังไม่ได้แต่งเข้าตระกูลคนอื่นเรียกนางว่าพระชายา นั่นไม่ผิดแต่หลักการเรียกของฮองเฮานั้น เห็นได้ชัดว่าเข้มงวดมาก!แต่สิ่งที่ทำให้หลี่หลงหลินประหลาดใจก็คือ เหตุใดฮองเฮาหลู่ต้องเรียกซูเฟิ่งหลิงไปด้วย นางคิดจะทำอะไรกันแน่?เมื่อซูเฟิ่งหลิงได้ยินว่าฮองเฮาทรงเรียกเข้าเฝ้า ก็ตื่นตระหนกยิ่งกว่าหลี่หลงหลินเสียอีก “องค์ชายเก้า เหตุใดฮองเฮาถึงอยากพบข้า? นี่ไม่ใช่แผนของเจ้าใช่หรือไม่ หรือว่าว่าเจ้าคิดจะหลอกข้าอีกแล้ว?”จนกระทั่งตอนนี้ ซูเฟิ่งหลิงถึงได้เข้าใจ เมื่อครู่นี้หลี่หลงหลินตั้งใจหลอกตน เพื่อจะได้ใส่ร้ายหลี่เฟิงอวิ๋นแม้ว่าสุดท้ายตนจะไม่ได้รับอันตรายใดๆแต่ซูเฟิ่งหลิงยังคนรู้สึกกลัวอยู่ในใจ!แต่โชคดีที่หลี่หลงหลินยังมีมโนธรรมอยู่บ้างที่พูดช่วยตน!หากเขาไม่มีมโนธรรม ตั้งใจทำร้ายตนตนคงตายโดยไม่มีที่ฝังจริงๆ!หลี่หลงหลินส่ายหัว “ความคิดของฮองเฮาลึกล้ำมาก ไม่ใช่คนดีอะไร ข้าเองก็ไม่ค่อยรู้ชัดเจนนัก! พอเจ้าขึ้นไปกับข้าแล้ว ก็อย่าพูดอะไรไร้สาระ จำไว้!”ซูเฟิ่งหลิงพยักหน้า แล้วเดินตามหลังห
เสด็จพ่อจะพระราชทานอภัยโทษหรือ?หลี่หลงหลินตะลึงงันเล็กน้อย แต่ไม่ได้แปลกใจกับข่าวนี้เท่าไหร่วันพระราชสมภพของไทเฮา การพระราชทานอภัยโทษนั้นถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติแต่หลี่หลงหลินคิดไม่ถึงเลยว่า พี่หกก็จะได้รับการพระราชทานอภัยโทษด้วยมีความผิดมากมายที่ควรได้รับการอภัยโทษ แต่หนึ่งในนั้นไม่รวมการก่อกบฏ“เฮ้อ”“ต่างก็บอกว่าเสด็จพ่อใจคอโหดเหี้ยม แม้แต่ลูกชายของตัวเองก็ยังแคลงใจ!”“แต่ความจริงแล้ว เขาเป็นคนดีคนหนึ่ง!”หลี่หลงหลินทอดถอนใจ เขาส่งบัตรคนดีให้ฮ่องเต้หวู่ในใจแล้วฮ่องเต้หวู่เป็นคนดี แต่ไม่ใช่ฮ่องเต้ที่ดี!เขาใช้อารมณ์มากเกินไป ใจอ่อนเหมือนสตรี!สำหรับแคว้นแล้ว นี่ไม่ใช่เรื่องดีอะไรส่วนการที่ฉินกุ้ยเฟยได้รับการพระราชทานอภัยโทษปล่อยตัวออกมาจากตำหนักเย็นมันก็อยู่ในการคาดเดาของหลี่หลงหลินแล้วประการแรก เพราะภูมิหลังตระกูลของฉินกุ้ยเฟย ประการที่สองเพราะความกดดันจากตู้เหวินยวนและเหล่าขุนนาง ประการที่สามก็คือองค์ชายสี่หลี่จือและแน่นอนว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ ฉินกุ้ยเฟยไม่ได้ทำความผิดใหญ่หลวงอะไร นอกจากเลี้ยงดูเจ้าหกลูกทรพีผู้นี้มันก็แค่การซ่อมสวนผลาญเงินเท่านั้นไม่ใช
“ไม่เพียงเท่านั้น พวกเรายังกลายเป็นคนไม่ดี และถูกองค์ชายสี่เกลียดชัง!” “และพวกเรายังเป็นหนี้บุญคุณของฮองเฮา ต้องขอบคุณนางอย่างสุดซึ้ง!” หลี่หลงหลินพยักหน้า: “ถูกต้อง! นี่แหละคือความสามารถของฮองเฮา!” ซูเฟิ่งหลิงตกใจมาก: “มิน่าล่ะ ที่ท่านบอกว่าฮองเฮาไม่ใช่คนดี นางร้ายกาจเกินไปแล้วรึเปล่า! พวกเราถูกนางใช้เป็นเครื่องมือโดยไม่รู้ตัว!” “แต่พวกเรากลับไม่มีทางต่อต้านได้เลย!” หลี่หลงหลินถอนหายใจ: “ก็ใช่น่ะสิ! วังหลังเป็นสถานที่ที่น่ากลัวที่สุดในโลก! เหล่าพระสนมทุกคนดูเหมือนจะรักใคร่กลมเกลียว ยิ้มแย้มแจ่มใสให้กัน แต่จริงๆ แล้วลับหลังต่างคนต่างก็แทงมีดใส่กัน...” “ด้วยนิสัยของเสด็จแม่แล้ว ในสภาพแวดล้อมเช่นนี้ ข้าเป็นห่วงนางจริงๆ!” “แต่ข้าเองก็ไม่มีวิธีอื่นที่ดีกว่านี้!” “ได้แต่หวังว่าความโปรดปรานของเสด็จพ่อจะสามารถปกป้องนางได้!” ซูเฟิ่งหลิงรู้สึกโชคดีมาก ที่นางไม่ต้องตกอยู่ในสภาพแวดล้อมแบบนั้น ทุกคนต่างก็เป็นคนหน้าเนื้อใจเสือ ปากหวานก้นเปรี้ยว ไม่สามารถไว้ใจใครได้เลย! มันน่ากลัวเกินไปแล้ว! “แต่ทว่า...” หลี่หลงหลินมองไปยังองค์ชายสี่หลี่จือที่อยู่ไกลๆ: “ฝ่ายขององค์ชายสี่
“ฮองเฮา...” ในแววตาหลีเฟิงอวิ๋นเต็มไปด้วยความโกรธแค้น คนที่เขาเกลียดที่สุดจริงๆ แล้วไม่ใช่ฮ่องเต้ แต่เป็นฮองเฮา! ผู้หญิงใจร้ายคนนี้ ทำลายทั้งชีวิตของเขา! “เจ้าจะให้ข้าทำยังไง?” หลีเฟิงอวิ๋นถามอย่างเย็นชา: “ช่วยฉินกุ้ยเฟย และเจ้าหกหรือ?” หลี่จือรีบพยักหน้า: “ใช่!” หลีเฟิงอวิ๋นเพ่งมองหลี่จือ และพูดว่า: “ใช่ว่าข้าจะไม่มีวิธี! แต่ข้าช่วยได้แค่คนเดียว! เจ้าเลือกใคร?” หลี่จือไม่ลังเล: “แน่นอนว่าต้องเลือกเสด็จแม่!” หลีเฟิงอวิ๋นหัวเราะ: “น้องชายแท้ๆ ก็ไม่ช่วยหรือ? ดูเหมือนว่าถึงแม้เจ้ากับเจ้าหกถึงจะเป็นพี่น้องกัน แต่ความสัมพันธ์ก็ไม่ถือว่าดีเท่าไหร่ คำลือนี่ไม่ใช่เรื่องเล่าไร้สาระ! ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าตกลง!” “แต่ เจ้าก็ต้องช่วยข้าทำเรื่องหนึ่งนะ!” หลีเฟิงอวิ๋นโน้มตัวลงข้างหูของหลี่จือ แล้วกระซิบแผนการของเขา เวลาผ่านไป สีหน้าของหลี่จือยิ่งแย่ลงเรื่อยๆ เขาเอ่ยด้วยเสียงสั่นเครือ: “พี่สาม ต้องทำถึงขนาดนั้นเลยหรือ?” หลีเฟิงอวิ๋นพูดอย่างเย็นชา: “คนที่ใจแคบไม่ใช่ผู้มีคุณธรรมสูงส่ง คนที่ไม่โหดเหี้ยมก็ไม่ใช่บุรุษที่เด็ดเดี่ยว! นี่เป็นโอกาสเดียวที่เราจะพลิกสถานการณ์ได้! หรือว
หลีเฟิงอวิ๋นเอ่ยด้วยสีหน้าเย็นชา: “เรื่องที่เจ้าไม่ควรรู้ อย่าถาม!” หลี่เสวียนก้มหน้า วิ่งมาถึงหน้าประตูคุกอย่างสุดชีวิต ชายชุดดำโค้งคำนับหลีเฟิงอวิ๋น: “ท่านอ๋อง เรื่องเรียบร้อยแล้ว! คนของแปดหอการค้าใหญ่ไม่เหลือแม้แต่คนเดียว!” หลีเฟิงอวิ๋นเอ่ยอย่างเย็นชา: “ดีมาก! จุดไฟ!” ตูม! ชายชุดดำที่เตรียมน้ำมันไว้อยู่แล้ว จุดไฟเผาคุกจนวอดทันที! เปลวไฟพุ่งทะยานขึ้นฟ้า! “ไฟไหม้! ไฟไหม้...” “ทุกคนตื่นเร็ว ช่วยกันดับไฟ” ทหารยามที่กำลังลาดตระเวนพบว่าคุกเกิดไฟไหม้ จึงรีบหยิบฆ้องทองแดงมาเคาะจนเสียงดัง พร้อมกับตะโกนลั่น ผู้คนนับไม่ถ้วนพากันตื่นจากความฝัน รีบหยิบถังน้ำไปช่วยดับไฟ เสียงร้องไห้ เสียงตะโกน เสียงสาปแช่งดังระงมไปทั่ว ครึ่งหนึ่งของเมืองหลวงวุ่นวายไปหมด! หลีเฟิงอวิ๋นและคนอื่น ๆ ฉวยโอกาสหนีออกจากเมือง จนมาถึงภูเขาที่รกร้างได้ก่อนฟ้าสาง! ตึกตัก... เสียงกีบม้าดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทหารม้าซีเหลียงสามพันนายได้มาถึงที่นี่แล้ว “รอดแล้ว! ในที่สุดก็รอดแล้ว!” “ในที่สุดข้าก็หนีออกจากคุกนั่นได้!” “ฮ่าฮ่าฮ่า!” “จากนี้ไป นกจะได้บินอยู่บนฟ้า ปลาจะว่ายอยู่ในทะเล!” องค์ชายห
แสงแรกแห่งรุ่งอรุณสาดส่องลงมา หลี่หลงหลินถือถังน้ำ เสื้อผ้าขาดรุ่งริ่ง ยืนอยู่บนถนนที่เต็มไปด้วยซากปรักหักพัง สีหน้าดูแย่มาก! ทหารพ่ายศึกของตระกูลซู นอนเกลื่อนกลาดไม่ขยับเขยื้อนอยู่ในแอ่งน้ำ ซูเฟิ่งหลิงก็ไม่ต่างกัน นางนั่งหอบหายใจอยู่บนแท่นหิน เมื่อคืนนี้ หลี่หลงหลินเพิ่งจะนอนหลับไป ก็ถูกเสียงดังปลุกให้ตื่นขึ้น เมื่อสอบถามดู จึงรู้ว่าเกิดไฟไหม้ ยิ่งไปกว่านั้น สถานที่เกิดเหตุไฟไหม้ก็ห่างกันเพียงสองเส้นถนน ไม่ได้ไกลจากจวนตระกูลซูเท่าไหร่นัก ฤดูใบไม้ผลิผ่านไปฤดูร้อนมาถึง เป็นช่วงที่อากาศแห้งแล้ง เกิดไฟไหม้ได้ง่าย อาคารในยุคนี้ส่วนใหญ่ทำจากไม้ เมื่อเกิดไฟไหม้ จะลุกลามเป็นวงกว้าง เมืองครึ่งเมืองอาจได้รับผลกระทบ! หลี่หลงหลินไม่พูดพร่ำทำเพลง เขารีบพุ่งเข้าไปในห้องของซูเฟิ่งหลิง ลากนางออกจากความฝัน ระดมพลที่เหลือจากวังหลวง ไปเริ่มดับไฟ! โชคดีที่มีทหารพ่ายศึกของตระกูลซูเหล่านี้ ต่อสู้กับไฟอย่างไม่กลัวตาย เพลิงจึงถูกควบคุมอยู่ในย่านใกล้เคียง และไม่ลุกลามออกไป ไม่อย่างนั้น ทั่วทั้งเมืองหลวงก็จะกลายเป็นทะเลเพลิง ความเสียหายไม่อาจประเมินได้ แต่ถึงกระนั้น ก็ยังมีชา