จิตใจขององค์หญิงใหญ่สับสน ว้าวุ่น แววตาหลุกหลิก “หรือว่าองค์ชายสามจะยังไม่ตายจริงๆ?” หากหลี่เฟิงอวิ๋นยังมีชีวิตอยู่ แล้วเหตุใดซีเหลียงจึงมีข่าวการก่อกบฏส่งมาเล่า? ประกายแสงวาบขึ้นในดวงตาขององค์หญิงใหญ่ ไม่มีลม คลื่นย่อมไม่เกิด นางพลันมีกำลังใจขึ้นมาทันที “เสด็จพ่อ ตามที่ลูกเห็น บัดนี้สถานการณ์ชัดเจนมาก การที่องค์รัชทายาทก่อกวนอย่างไร้เหตุผลอยู่ที่นี้ไม่ได้มีความหมายใดอีกต่อไป” “เรื่องการก่อกบฏที่ซีเหลียงเป็นที่แน่นอนแล้ว หากเสด็จพ่อไม่ทรงเชื่อ ก็ทรงนำทัพออกศึกไปยังซีเหลียงด้วยพระองค์เอง แล้วดูว่าคำพูดของลูกเป็นความจริงหรือไม่!” “หากองค์ชายสามไม่ได้สิ้นชีพ แล้วเหตุใดจึงมีข่าวการก่อกบฏที่ซีเหลียงส่งมาเล่า?” “องค์รัชทายาท เรื่องนี้ท่านจะอธิบายว่าอย่างไร!” หลี่หลงหลินแย้มยิ้มเล็กน้อย เหล่าขุนนางร้อยกรมพลันตื่นจากภวังค์ เมื่อครู่เกือบจะถูกหลี่หลงหลินหลอกล่อเข้าแล้ว หากองค์ชายสามยังมีชีวิตอยู่ แล้วเหตุใดจะเฝ้ามองซีเหลียงก่อกบฏ นั่งดูเฉยๆโดยไม่ทำอะไรได้เล่า? ฮ่องเต้หวู่ครุ่นคิดเล็กน้อย แล้วพยักหน้า ตรรกะขององค์หญิงใหญ่ก็ไม่ได้มีปัญหาใหญ่อะไรนัก อย่างน้อยในตอนน
“หากเขาพูดไม่ออก ก็แสดงว่ามีความผิดติดตัว!” ฮ่องเต้หวู่พยักหน้า องค์ชายสามถูกหลี่หลงหลินพาตัวไปจริงๆ หลังจากนั้น ก็ไม่มีข่าวคราวขององค์ชายสามอีกเลย ฮ่องเต้หวู่เอ่ยเสียงเข้ม: “รัชทายาท เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเรื่องใหญ่ ข้าต้องการฟังข้อมูลที่เป็นประโยชน์จากปากของเจ้า” หลี่หลงหลินแย้มยิ้มเล็กน้อย เหตุผลที่เขายังไม่ลงสนามก่อนหน้านี้นั้นง่ายมาก ฟ้าพิโรธย่อมมีฝนตก คนโอหังย่อมมีภัย! หลี่หลงหลินต้องการบีบให้องค์หญิงใหญ่เผยแผนสำรองทั้งหมดออกมา มีเพียงวิธีนี้เท่านั้นจึงจะสามารถถอนรากถอนโคนนางได้ ดูเหมือนว่า บัดนี้เวลาได้มาถึงแล้ว หลี่หลงหลินแย้มยิ้มเล็กน้อย: “เสด็จพ่อ คืนนั้นหลังจากองค์ชายสามที่หมดสติกลับมาถึงจวนตระกูลซูพร้อมกับลูกแล้ว ลูกได้ใช้ฝีมือทางการแพทย์เล็กน้อย ทำให้เขาฟื้นคืนสติขึ้นมา” “อะไรนะ?” องค์หญิงใหญ่ยืนตะลึงอยู่กับที่ นางเกิดลางสังหรณ์ที่ไม่ดีขึ้นมาอย่างกะทันหัน ฮ่องเต้หวู่ค่อยๆ ขยับพระวรกายประทับนั่งตรง: “แล้วอย่างไรต่อ?” หลี่หลงหลินเอ่ยเสียงเข้ม: “องค์ชายสามได้อธิบายเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นในตำหนักเฟิ่งซีให้ลูกฟังอย่างละเอียดชัดเจน” “เป็นองค์ห
ทุกคนในที่นั้นต่างฮือฮา ฮ่องเต้หวู่ค่อยๆ ลุกขึ้นยืน สีหน้าเต็มไปด้วยความตกตะลึง: “เจ้าบอกว่าซีเหลียงอ๋องปราบกบฏแล้วรึ?” หลี่หลงหลินเอ่ยเสียงเข้ม: “ใช่พ่ะย่ะค่ะ เพียงแต่ลูกไม่ทราบรายละเอียดของเรื่องนี้ หากเสด็จพ่อทรงต้องการทราบรายละเอียดเพิ่มเติม เกรงว่าคงต้องรอให้ซีเหลียงอ๋องเข้าเฝ้าครั้งต่อไป” หลี่หลงหลินมองไปยังองค์หญิงใหญ่ มือถือรายงานศึกที่มีตราประทับของซีเหลียงอ๋อง เอ่ยเสียงเย็นชา: “องค์หญิงใหญ่ ในเมื่อท่านต้องการให้ข้าแสดงหลักฐานพิสูจน์ว่าซีเหลียงอ๋องยังมีชีวิตอยู่ นี่เพียงพอหรือไม่?” องค์หญิงใหญ่พูดไม่ออก สีหน้าสับสนงุนงง นางคิดคำนวณนับพันนับหมื่นครั้ง ก็ไม่เคยคำนวณได้ว่าตนเองกระโดดลงไปในกับดักของหลี่หลงหลิน ถูกเขาปั่นหัวจนหมุนไปหมด องค์หญิงใหญ่เอ่ยเสียงเข้ม: “ต่อให้องค์ชายสามยังมีชีวิตอยู่แล้วจะอย่างไรเล่า ก็แค่พิสูจน์ว่าเจ้ามิได้ลงมือกับเขา!” “แต่เรื่องการก่อกบฏที่ซีเหลียง เจ้าจะอธิบายว่าอย่างไร! อย่างไรเสียเรื่องที่ซีเหลียงอ๋องเข้าเมืองหลวงก็เป็นเจ้าที่ทูลขอต่อเสด็จพ่อ! เรื่องนี้ยังไงก็ต้องเกี่ยวข้องกับเจ้าใช่หรือไม่!” องค์หญิงใหญ่เห็นแผนการของตนถูกเปิดโปง ร
หลี่หลงหลินพูดเสียงเครียด “หากเสด็จพ่อไม่เชื่อ ในมือลูกยังมีจดหมายรักลับ ๆ ที่ส่งมาจากซีเหลียง เชิญเสด็จพ่อผ่านตาพ่ะย่ะค่ะ”หลี่หลงหลินยื่นจดหมายลับส่งให้ฮ่องเต้หวู่สายตาฮ่องเต้หวู่กวาดมองจดหมายลับใบหน้าองค์หญิงใหญ่หมดอาลัยตายอยาก นางคิดไม่ถึงเลยว่าของขวัญใหญ่ที่หลี่หลงหลินมอบให้จะเป็นความตกตะลึงระคนประหลาดใจเช่นนี้!นางรู้สึกคล้ายถูกภูเขาทับร่างของตนก็มิปานทันใดนั้นหายใจไม่ออกอยู่บ้างพึ่บ!ขาสองข้างขององค์หญิงใหญ่อ่อนแรง ทรุดนั่งลงบนพื้น ใบหน้าไร้สีเลือดหลี่หลงหลินพูดเสียงเครียด “เสด็จพ่อโปรดตัดสินแทนลูกด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”สีหน้าฮ่องเต้หวู่แข็งทื่อดุจเหล็กเทียบกับตอนได้รู้ว่าหลี่หลงหลินไม่มีความผิด ตอนนี้ใบหน้าของเขาไม่สบอารมณ์จนน่ากลัว!นั่นเพราะมือมืดที่เกี่ยวข้องกับเบื้องหลังของเรื่องนี้ก็คือ...ฮองเฮาหลู่!ฮ่องเต้หวู่ไม่พูดจา นั่งบนที่สูงภายในท้องพระโรง พิโรธโกรธา รัศมีน่าเกรงขามแผ่ออกจากกาย“ขอฝ่าบาททรงพระเจริญหมื่นปีหมื่นหมื่นปี!”ขุนนางในราชสำนักไม่อาจทนต่อแรงกดดันนี้ได้ รีบก้มตัวทำความเคารพอย่างเต็มพิธีการภายในท้องพระโรงอันกว้างใหญ่เงียบสงัดถึงขั้นสามารถได้ยิน
ห้องทรงพระอักษรแสงจันทร์สว่างไสวภายนอกหน้าต่าง ลมหนาวพัดผ่านอย่างเงียบงันแสงจันทร์สายหนึ่งสะท้อนผ่านหน้าต่างกระทบใบหน้าฮ่องเต้หวู่ฮ่องเต้หวู่ยกจอกสุรา ดื่มสุราเข้มๆ ในจอกรวดเดียวจนหมด!เดิมทีวันนี้เป็นวันแต่งงานของรัชทายาทบัดนี้สมควรเริ่มงานเลี้ยงต้อนรับญาติมิตร มีความสุขกันทั่วแคว้น!แต่ตอนนี้มีเพียงฮ่องเต้หวู่กำลังดื่มสุราเว่ยซวินยืนเงียบงันอยู่ข้างกาย ไม่กล้ากระทั่งหายใจแรงแต่ลงท้ายเขายังไม่อาจอดทนไหว สืบเท้าขึ้นมาข้างหน้า “ฝ่าบาท พระวรกายสำคัญยิ่ง ท่านดื่มลงไปเช่นนี้จะส่งผลต่อร่างกายเอาได้พ่ะย่ะค่ะ!”เว่ยซวินเป็นสหายข้างกายฮ่องเต้หวู่มานานหลายปี ไม่เคยเห็นเขาทุกข์ใจเช่นนี้มาก่อนสามารถมองออกได้ว่าเรื่องซีเหลียงในครั้งนี้เพียงพอให้เขารู้สึกทุกข์ใจอย่างมากภายในใจฮ่องเต้หวู่พูดเสียงเย็นชา “เว่ยซวิน เราถามเจ้า! หากเจ้าเป็นเรา เจ้าจะจัดการคนทรยศเยี่ยงไร?”แม้ว่าเว่ยซวินไม่รู้ว่ารายงานการศึกที่หลี่หลงหลินมอบขึ้นมาพูดว่าอะไรแต่เขาอยู่ในราชสำนักมานานหลายปี สัญชาตญาณที่สมควรมีก็ยังมีอยู่เว่ยซวินคุกเข่าบนพื้น หมอบตัวแนบพื้น “ฝ่าบาท กระหม่อมจะสามารถเทียบกับฝ่าบาทท่านได้
ฮ่องเต้หวู่เข้าใจอย่างลึกซึ้ง หากยังไม่จัดการเรื่องนี้ภายภาคหน้าจะต้องเกิดปัญหาใหญ่ตามมาอย่างแน่นอน!จู่ๆ สายตาองค์หญิงใหญ่ก็ตกลงบนลายพระนามของฮองเฮาหลู่ ไหวพริบทำงานในทันใดคล้ายหญ้าช่วยชีวิตกำลังพลิ้วไหวอยู่เบื้องหน้า“เสด็จพ่อ! ลูกถูกปรักปรำเพคะ!”“ปรักปรำ? ล้วนมาถึงขั้นนี้แล้วเจ้ายังแก้ตัว ข้าว่าเจ้าไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา ไม่เจอทางตันก็ไม่คิดหันหลังกลับ!”องค์หญิงใหญ่ยกจดหมายลับตัวสั่นเทา พูดว่า “เสด็จพ่อ ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นแผนของเสด็จแม่ ไม่เกี่ยวอันใดกับลูกเพคะ!”“อะไรนะ?”ฮ่องเต้หวู่ขมวดคิ้วองค์หญิงใหญ่อธิบายต่อ “ลูกออกไปเป็นทูตมานานหลายปี ต่อให้มีความสามารถยิ่งใหญ่ ก็ไม่สามารถสมคบคิดกับรองแม่ทัพโจวทงแห่งซีเหลียงได้ ลูกโจมตีหลี่หลงหลินในราชสำนัก ก็เพื่อระบายโทสะให้องค์ชายสามเท่านั้น”“แต่คิดไม่ถึงเลยว่า...”องค์หญิงใหญ่บีบน้ำตาออกมาสองสาย พูดพลางสะอื้นไห้ “แต่คิดไม่ถึงเลยว่าลูกจะถูกเสด็จแม่หลอกใช้...”“นี่ล้วนเป็นแผนของเสด็จแม่เพียงคนเดียวเพคะ”ฮ่องเต้หวู่ขมวดคิ้วแน่น “เจ้ากำลังจะบอกว่าเจ้าถูกฮองเฮาหลู่บงการกระนั้น?”องค์หญิงใหญ่ส่ายหน้า “ลูกไม่ได้หมายความเช่นน
เว่ยซวินปรนนิบัติฮ่องเต้หวู่มานานหลายปีรู้อุปนิสัยใจคอของเขาอย่างลึกซึ้งแม้ว่าฮองเฮาหลู่ถูกขังในตำหนักเย็นแล้วแต่ก็เคยเป็นสนมรักที่สุดมาก่อนบัดนี้จุดจบที่ดีที่สุดของฮองเฮาหลู่ก็คือหายไปจากสายตาทุกคนอย่างเงียบๆฮ่องเต้หวู่สบถเสียงเย็น “จำไว้ว่าจัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อย”เว่ยซวินประสานมือถอยออกไปอย่างเชื่องช้าเขาเชี่ยวชาญเรื่องพรรค์นี้ยิ่งนักฮ่องเต้หวู่ทอดสายตามองสีท้องฟ้ายามราตรีอันมืดมิดดุจสายน้ำ สุราเริ่มออกฤทธิ์“ช่างเถอะ เตรียมเกี้ยว! เราจะไปตำหนักฉางเล่อ!”สุดท้ายบางคนก็เป็นเพียงอดีต.....จวนสกุลซูภายในห้องหอเทียนมงคลลายดอกไม้สว่างไสว สะท้อนลงบนใบหน้ารูปไข่ที่กำลังแดงก่ำของซูเฟิ่งหลิง ขับเน้นให้งดงามดุจเทพธิดาหลี่หลงหลินยิ้มน้อยๆ ทอดสายตามองซูเฟิ่งหลิงอย่างลึกซึ้ง ภายในสายตาเปี่ยมความรักใคร่เอ็นดูซูเฟิ่งหลิงพยักหน้าน้อยๆ พลางเอ่ยปาก “องค์ชาย ไม่ได้เห็นท่านยิ้มดีใจเช่นนี้มานานมากแล้ว”งานราชการรัดตัว ต่อให้หลี่หลงหลินอยากอารมณ์ดี ก็มีเรื่องทำให้เขาไม่อาจอารมณ์ดีขึ้นได้แต่วันนี้ต่างออกไปหลี่หลงหลินพูดยิ้มๆ “สนมรัก เจ้ารู้ว่าสี่เรื่องน่ายินดียิ่งใหญ่ท
พูดว่าไม่แปลกใจ ก็ดูจะโกหกแสงเทียนมงคลในคืนเข้าหอ ยามมังกรขี่หงส์แต่จะให้สะใภ้เหล่านี้ไปฟังความเคลื่อนไหวหน้าห้องหอนี่ยากจะเอื้อนเอ่ยออกมาได้อยู่บ้างทว่าเดิมทีหลิ่วหรูเยียนก็คือนางคณิกาในสำนักการสังคีต ย่อมรู้เรื่องระหว่างชายหญิงเหล่านี้อยู่บ้างดังนั้นนางจึงแปลกใจมาก!คืนนี้จะต้องไปสำรวจดูให้ได้ลั่วอวี้จู๋หน้าแดงด้วยความเขินอาย ก้มหน้าลงพลางพูด “น้องหญิงสี่ หากเจ้าอยากไป เจ้าก็ไปด้วยตนเองเถอะ!”หลิ่วหรูเยียนรับคำ “ข้าต้องไปแน่นอน อย่างไรเสียเรื่องรักใคร่ระหว่างชายหญิงก่อนคืนแต่งงานก็เป็นข้าชี้แนะน้องหญิงเล็กเอง”“ในฐานะอาจารย์ข้าย่อมต้องรับประกันคุณภาพการบ้านของนักเรียน ไม่สามารถเรียนรู้เพียงทฤษฎีได้ จะต้องปฏิบัติจริงถึงจะใช้ได้”“ปฏิบัติจริง?”กงซูหว่านหน้าแดงก่ำ พูดไม่ออกแล้วสายตาหลิ่วหรูเยียนกวาดมองสะใภ้เหล่านี้ ใบหน้าแต่ละคนล้วนแดงก่ำ“พี่สะใภ้ทั้งหลาย ตอนนี้พวกท่านตัดสินใจไปก็ยังทัน หากยังช้ากว่านี้ก็สายไปแล้ว!”ท่าทีของลั่วอวี้จู๋หนักแน่น ส่ายหน้าคล้ายป๋องแป๋งก็มิปาน “ไม่ไปๆ!”สะใภ้รองกงซูหว่านขบเม้มกลีบปากสีอิงเบาๆ สายตาลังเลอยู่บ้าง แต่สุดท้ายนางก็ส่ายหน้า
เช้าวันรุ่งขึ้นทะเลคราม ฟ้าสีฟ้า ท้องฟ้าปลอดโปร่งไร้เมฆ ไกลสุดสายตาเรือใหญ่ลำหนึ่งแล่นออกจากท่าเรือตงไห่อย่างโอ่อ่า ท่วงทีองอาจไม่ธรรมดาการออกทะเลครั้งนี้ หลี่หลงหลินไม่เพียงแต่พาเหล่าพี่สะใภ้มาด้วยหลายคน แต่ยังคัดเลือกทหารยอดฝีมือของตระกูลซูมาเป็นพิเศษอีกสามร้อยนายซูเฟิ่งหลิงยืนอยู่บนดาดฟ้าเรือ ทอดสายตามองไปยังเส้นขอบฟ้าที่ผืนน้ำจรดกับผืนฟ้า แววตาเต็มไปด้วยความกังวล ลมทะเลพัดผ่าน ผ้าคลุมสีแดงสดด้านหลังนางปลิวสะบัดพลิ้วไหว!หลี่หลงหลินบิดขี้เกียจ กระทืบเท้าลงบนดาดฟ้าเรือเบาๆเรือของเมืองตงไห่แข็งแรงกว่าที่ข้าคิดไว้มากตอนนี้หลี่หลงหลินทำได้เพียง มีอะไรก็ใช้อย่างนั้นไปก่อนแม้จะเทียบไม่ได้กับเรือประมงหมื่นตันในจินตนาการแต่แค่จับปลาหลายพันชั่งขึ้นมาก็ยังถือว่าสบายมากหลี่หลงหลินหยิบคันเบ็ดออกมานั่งลงข้างๆ ซูเฟิ่งหลิง ด้วยท่าทางสบายๆ ราวกับไม่ได้กังวลแม้แต่น้อยซูเฟิ่งหลิงขมวดคิ้วงาม กล่าวเสียงขรึม "รัชทายาท ท่านบอกว่าจะพาพวกเราออกมาจับปลา คงไม่ได้คิดจะใช้แค่คันเบ็ดนี่ตกปลาหรอกนะเพคะ?"เหล่าพี่สะใภ้ก็รู้สึกว่ามันเหลือเชื่ออยู่บ้างอาศัยเพียงคันเบ็ดคันเดียวของหลี่หลงหลิน
ลั่วอวี้จู๋ก็ตกตะลึงไปเช่นกัน นางส่ายหน้าไม่หยุดกล่าวว่า “ไม่ได้ น้องหญิง เจ้าอย่าพูดอะไรพล่อยๆ บัญชีมันไม่ได้คำนวณแบบนั้น! ตอนนี้ประชาชนหลายแสนคนในตงไห่กำลังรอเสบียงอาหารอยู่ นี่ไม่ใช่จำนวนน้อยๆ เพียงแค่พึ่งพาการล่าสัตว์ อย่างไรก็ไม่พอ!”ตอนนี้ไม่เพียงแต่ต้องคำนึงถึงค่ากินอยู่ใช้สอยของเหล่าทหารกองทัพตระกูลซูทั้งหมด แต่ที่สำคัญกว่าคือการแก้ปัญหาความต้องการเสบียงอาหารของประชาชนตงไห่ทั้งหมดซูเฟิ่งหลิงขมวดคิ้วเรียวงาม “ถ้าไม่ไหวจริงๆ ข้าจะนำกองทัพตระกูลซูไปปล้นยุ้งฉางของพวกพ่อค้าเหล่านั้นเสียเลย! แบบนี้พวกเราก็จะมีเสบียงอาหารแล้วไม่ใช่รึ?”ลั่วอวี้จู๋ตกใจ รีบกล่าวว่า “น้องหญิง! เจ้าอย่าทำเรื่องเหลวไหล!”“เจ้าทำเรื่องเหลวไหลเช่นนี้ แล้วชื่อเสียงของกองทัพตระกูลซูจะทำอย่างไร! ชื่อเสียงอันดีงามที่ตระกูลซูผู้จงรักภักดีสืบทอดกันมาจากบรรพบุรุษจะถูกทำลายในพริบตาได้อย่างไร?”“อีกอย่าง ท่านย่าก็คงไม่อนุญาตให้เจ้าทำตามอำเภอใจเช่นนี้แน่!”ซูเฟิ่งหลิงเบ้ปาก พึมพำว่า “ข้าก็แค่พูดไปอย่างนั้นเอง...”ตระกูลซูรับราชการทหารมาหลายชั่วอายุคน ทั้งตระกูลจงรักภักดี ไม่เคยทำเรื่องผิดต่อมโนธรรมใดๆ แม้กระทั
ตกเย็น จวนอ๋องตงไห่สว่างไสวไปด้วยแสงไฟเหล่าพี่สะใภ้รวมตัวกันอยู่ในห้อง ใบหน้างดงามซีดเผือด ดวงตาเต็มไปด้วยความกังวล ทุกคนต่างกลัดกลุ้มกับสถานการณ์ปัจจุบันของตงไห่ลั่วอวี้จู๋ขมวดคิ้วเรียวเล็กน้อย ถอนหายใจแล้วเอ่ยว่า “รัชทายาท ตอนนี้พวกเราควรทำเช่นไรดี? ท่านสัญญาว่าจะทำให้ราษฎรตงไห่ทุกคนได้กินเนื้อสัตว์ภายในเจ็ดวัน แต่ตอนนี้อย่าว่าแต่เนื้อเลย เกรงว่าแม้แต่การกินให้อิ่มท้องธรรมดาๆ ก็ยังยาก”เมื่อตอนเย็น ลั่วอวี้จู๋ได้ส่งคนไปสืบราคาเสบียงอาหารในตลาดแล้วและก็เป็นไปตามคาด หลังจากที่ราษฎรตื่นตระหนก ราคาเสบียงอาหารก็ยิ่งพุ่งสูงขึ้นไปอีก ถึงขนาดที่ว่าในตลาดตงไห่ไม่มีข้าวสารขายในทันทีแล้ว หากต้องการซื้อทันทีก็ต้องจ่ายเงินเพิ่มพิเศษ!เหล่าราษฎรต่างพากันส่งเสียงก่นด่าอย่างคับแค้น สถานการณ์เริ่มจะดำเนินไปในทิศทางที่ควบคุมไม่ได้แล้วลั่วอวี้จู๋มองไปยังหลี่หลงหลิน ถอนหายใจกล่าวว่า “รัชทายาท ตอนนี้วิธีที่ง่ายที่สุดคือการขายทรัพย์สมบัติทั้งหมด แล้วนำเงินไปแลกเป็นเสบียงอาหารเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย”“แต่ข้าคำนวณดูแล้ว ต่อให้ขายทรัพย์สินทั้งหมดของตระกูลซู ก็ทำได้เพียงแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเท่านั้น
เหล่าราษฎรจ้องเขม็งไปยังหลี่หลงหลิน ต้องการคำอธิบายจากเขา หากไม่ได้ความในวันนี้ พวกเขาสาบานว่าจะไม่ยอมเลิกรา!หลี่หลงหลินเชิดหน้าอกผาย กล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “ปากท้องของราษฎรคือเรื่องสำคัญที่สุด ในเมื่อตงไห่เป็นดินแดนในอาณัติของข้า เช่นนั้นพวกท่านก็คือราษฎรของข้า หลี่หลงหลิน”“แม้จะมีภัยพิบัติทางธรรมชาติและภัยจากมนุษย์ แต่ข้ารับรองว่าจะไม่ปล่อยให้พวกท่านต้องอดอยากหิวโหยเป็นอันขาด เรื่องเสบียงอาหารนั้นขอให้ราษฎรวางใจ ภายในเจ็ดวัน ข้าจะทำให้พวกท่านได้กินอิ่มท้องอย่างแน่นอน!”น้ำเสียงของหลี่หลงหลินทรงพลังอย่างยิ่ง ถ้อยคำดังก้องกังวานอยู่ในโสตประสาทของเหล่าราษฎรผู้คนต่างส่งเสียงฮือฮา“ขี้โม้!”“พี่น้องทั้งหลาย อย่าได้หลงเชื่อคำโอ้อวดของเขาเลย! ดูสิ ยุ้งฉางเหล่านี้ล้วนว่างเปล่า! จะเอาข้าวที่ไหนมาให้พวกเรา!”“หากวันนี้ไม่ให้คำตอบที่ชัดเจนกับพวกเรา แล้วอีกเจ็ดวันพวกเราจะไปเรียกร้องความเป็นธรรมกับใคร!”“ใช่แล้ว!”“หากวันนี้ไม่ยอมมอบเสบียงอาหารออกมา ก็อย่าหวังว่าจะได้ก้าวเท้าออกจากยุ้งฉางนี้ไปได้!”ชายฉกรรจ์ผู้เป็นหัวหน้าโบกแขนตะโกนปลุกระดมเหล่าราษฎร ผู้คนต่างขานรับเป็นเสียงเดี
เหล่าราษฎรที่อยู่ด้านนอกยุ้งฉางต่างชูกำปั้นตะโกนก้อง เสียงดังสะท้อนไปทั่วฟ้า “แจกจ่ายเสบียง! แจกจ่ายเสบียง!”ข่าวราคาเสบียงอาหารในเมืองตงไห่พุ่งสูงขึ้นได้แพร่กระจายออกไปแล้ว ราษฎรต่างตื่นตระหนกหวาดกลัว จึงนัดหมายกันมารวมตัวที่หน้ายุ้งฉางเพื่อเรียกร้องขอเสบียง ก่อเกิดเป็นพลังมหาศาลหากไม่ใช่เพราะเหล่าทหารที่คอยขัดขวางไว้ เกรงว่าป่านนี้เหล่าราษฎรคงบุกเข้าไปในยุ้งฉางแล้วลั่วอวี้จู๋ขมวดคิ้วเล็กน้อย กล่าวเสียงเบา “รัชทายาท เช่นนี้จะทำอย่างไรดี ตอนนี้ยังไม่ได้ขาดแคลนเสบียงอาหารถึงที่สุด แต่ความโกรธแค้นของราษฎรก็รุนแรงถึงเพียงนี้แล้ว หากมีวันใดที่เสบียงหมดลงจริงๆ...”ใบหน้างามของลั่วอวี้จู๋ซีดขาว ริมฝีปากแดงเม้มแน่น ยืนนิ่งตะลึงงันอยู่กับที่ นางไม่อาจจินตนาการถึงภาพนั้นได้ราษฎรที่ก่อความวุ่นวายนอกยุ้งฉางมีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ เสียงก็ดังขึ้นเรื่อยๆเหล่าทหารยามเริ่มชักดาบประจำกายออกมา แต่สำหรับเหล่าราษฎรแล้ว หากไม่มีเสบียงให้กิน ในภายภาคหน้าก็มีแต่ความตายสถานเดียว!ซูเฟิ่งหลิงขมวดคิ้วงามเล็กน้อย แววตาหงส์ฉายประกายดุดัน “รัชทายาท หากปล่อยให้พวกเขาอาละวาดต่อไปเช่นนี้ ต้องเกิดเรื่องแน่เพค
ลั่วอวี้จู๋เดินเข้ามาก่อนสองก้าว กล่าวว่า “องค์รัชทายาท ตอนนี้แม้จะจัดการกับพวกพ่อค้าเศรษฐี แต่ก็ยังต้องหาวิธีแก้ไขปัญหาเรื่องเสบียงอาหารก่อน มิฉะนั้นเมื่อถึงเวลา ราษฎรอาจตื่นตระหนก ซึ่งจะเป็นผลเสียต่อพวกเราได้”หลี่หลงหลินเพียงแค่แย้มยิ้มบางเบาซูเฟิ่งหลิงกล่าวว่า “องค์รัชทายาท ยุ้งฉางเมืองตงไห่ถือเป็นสถานที่สำคัญยิ่งของต้าเซี่ย ข้างในย่อมต้องมีเสบียงเก็บไว้แน่นอน ตอนนี้สามารถนำเสบียงในยุ้งฉางออกมาแจกจ่ายช่วยเหลือราษฎร เพื่อให้พวกเขาคลายกังวลได้แล้วเพคะ”ลั่วอวี้จู๋พยักหน้าเห็นด้วย “ใช่แล้วเพคะ องค์รัชทายาท ทำให้ราษฎรคลายกังวลลงก่อน แล้วค่อยว่ากันถึงแผนขั้นต่อไป”หลี่หลงหลินส่ายหน้า กล่าวเสียงเรียบ “ไม่ต้องเสียแรงเปล่าแล้ว ยุ้งฉางเมืองตงไห่ถูกขนย้ายไปจนหมดสิ้นนานแล้ว ไม่เหลือแม้แต่เมล็ดเดียว ตอนนี้เหลือเพียงแค่ยุ้งฉางเปล่าๆ เท่านั้น”ทั้งสองคนตกตะลึง“เป็นไปได้อย่างไร? ยุ้งฉางนั้นเป็นเสบียงช่วยชีวิตที่ราชสำนักเก็บไว้ เพื่อรับประกันว่าราษฎรจะไม่อดตายในปีที่เกิดภัยพิบัติ จะมีคนกล้าบ้าบิ่นถึงเพียงนี้ มาคิดการใหญ่กับมันได้อย่างไร?”ซูเฟิ่งหลิงไม่อยากจะเชื่อคำพูดของหลี่หลงหลินหลี่
ตำหนักอ๋องตงไห่หลี่หลงหลินเดินออกจากห้องก็พบกับลั่วอวี้จู๋และซูเฟิ่งหลิงที่รีบร้อนเข้ามาพอดีลั่วอวี้จู๋มีสีหน้าตื่นตระหนก รีบกล่าวว่า “องค์รัชทายาท เกิดเรื่องใหญ่แล้วเพคะ!”หลี่หลงหลินหาว กล่าวเรียบๆ ว่า “พี่สะใภ้ ไม่ต้องรีบร้อน มีอะไรค่อยๆ พูด”ลั่วอวี้จู๋หอบหายใจเล็กน้อย กล่าวว่า “เมื่อครู่ข้ากับน้องหญิงกำลังดูแลร้านค้าของตระกูลซูในตงไห่ที่ถนน ได้ยินเถ้าแก่บอกว่า ตอนนี้ราคาธัญพืชในตงไห่พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว วันเดียวเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว!”“เรื่องผิดปกติย่อมมีเบื้องหลัง ดังนั้นจึงรีบกลับมารายงานองค์รัชทายาท”ปากท้องของประชาชนคือเรื่องสำคัญที่สุดราคาธัญพืชเกี่ยวข้องกับชีวิตความเป็นอยู่ของราษฎร หากราคาธัญพืชผิดปกติ ผลที่ตามมาจะร้ายแรงมาก!ซูเฟิ่งหลิงพยักหน้า ตอบว่า “องค์รัชทายาท ตอนนี้เป็นปีแห่งภัยพิบัติอยู่แล้ว เกิดภัยแล้งติดต่อกันหลายปี ผลผลิตธัญพืชลดลงทุกปี บ้านเรือนของราษฎรแทบไม่มีเสบียงสำรอง ต้องอาศัยการซื้อธัญพืชประทังชีวิตทั้งสิ้น”“แต่ตอนนี้ถ้าหากราคาธัญพืชพุ่งสูงขึ้น แล้วราษฎรในตงไห่เหล่านี้จะทำอย่างไร?”หลี่หลงหลินมองลั่วอวี้จู๋ กล่าวเรียบๆ ว่า “พี่สะใภ้ใหญ่ ท่าน
“แต่ทุกท่านกลับมองข้ามเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่งไป นั่นคือโอกาสที่จะร่ำรวยมหาศาล”แววตาละโมบปรากฏขึ้นในดวงตาของหลู่จงหมิง“นั่นก็คือเสบียงอาหาร”พอหลู่จงหมิงกล่าวคำนี้ออกมา ทั่วทั้งห้องก็เกิดเสียงฮือฮา พูดคุยวิพากษ์วิจารณ์กันเซ็งแซ่พ่อค้าร่ำรวยไม่อาจปิดบังความดีใจอย่างบ้าคลั่งในใจ “ท่านพระเชษฐภาดา ท่านหมายความว่าจะลงมือกับราคาธัญพืชหรือ?”หลู่จงหมิงเผยรอยยิ้มเย็นชา “ถูกต้อง”ปัจจุบันต้าเซี่ยประสบภัยแล้งติดต่อกันหลายปี ผลผลิตธัญพืชลดลงทุกปี แม้แต่ดินแดนที่อุดมสมบูรณ์อย่างตงไห่ ยุ้งฉางก็ร่อยหรอเต็มทีแล้วยิ่งไปกว่านั้น หลี่หลงหลินนำกองทัพใหญ่มาปักหลักที่ตงไห่ ค่ากินอยู่ใช้สอยล้วนต้องเบิกจ่ายจากท้องพระคลังตงไห่แม้ว่ากบฏจะถูกปราบปรามจนสงบ ก็จะยิ่งเพิ่มแรงกดดันด้านเสบียงอาหารให้กับตงไห่มากขึ้นเท่านั้นยิ่งไปกว่านั้น อาจมีสถานการณ์กบฏที่รุนแรงกว่าเกิดขึ้นได้อีกถึงตอนนั้น เสบียงอาหารของตงไห่ก็จะยิ่งน้อยลงเรื่อยๆของยิ่งน้อยยิ่งมีค่า ราคาธัญพืชย่อมต้องถูกปั่นสูงขึ้นปากท้องของประชาชนคือเรื่องสำคัญที่สุดพ่อค้าร่ำรวยย่อมรู้หนทางสู่ความร่ำรวยด้วยการกักตุนธัญพืช ปั่นราคา แต่ไม่มีใครกล
จวนตระกูลหลู่คานแกะสลัก เสากรอบวาดลวดลาย วิจิตรตระการตา ทองเหลืองเรืองรอง หลู่จงหมิงมีสีหน้าเคร่งขรึม สายตากวาดมองเหล่าพ่อค้าที่มาถึง “มากันครบแล้วหรือ?”เงียบสงั ดจนได้ยินแม้กระทั่งเสียงเข็มตกพ่อค้าเหล่านี้หูตาสว่าง รู้เรื่องที่พระเชษฐภาดาเจอในจวนอ๋องนานแล้ว ไม่กล้าราดน้ำมันบนกองไฟในจังหวะสำคัญนี้ พ่อค้าที่ปกติหยิ่งยโสโอหังต่างก็สงบเสงี่ยมเจียมตัวต่อหน้าหลู่จงหมิง ไม่กล้าพูดมาก เกรงว่าจะล่วงเกินแม้หลู่จงหมิงจะเสียหน้าอย่างหนักในจวนอ๋อง แต่ก็ไม่ใช่คนที่พ่อค้าอย่างพวกเขาจะดูเบาได้พ่อบ้านจวนตระกูลหลู่เดินเข้ามากล่าวเสียงเบา “นายท่าน ยังมีคนจากตระกูลซุนและตระกูลจ้าวที่ยังไม่มา ท่านจะว่าอย่างไร...”หลู่จงหมิงโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ตวาดว่า “ไม่มาก็ไม่ต้องมาแล้ว! กล้าดีอย่างไรไม่เห็นคำพูดของข้าผู้เป็นพระเชษฐภาดาอยู่ในสายตา”หลู่จงหมิงมองเหล่าพ่อค้ามั่งคั่งที่อยู่ ณ ที่นั้น กล่าวเสียงเย็นชา “นับแต่นี้ไป ทุกท่านที่อยู่ที่นี่ห้ามทำการค้าใดๆ กับสองตระกูลนี้ หากข้าพบเข้า... หึหึ!”แววตาอำมหิตวาบผ่านดวงตาของหลู่จงหมิงนี่คือเขาต้องการแสดงอำนาจ สร้างบารมี กู้หน้าตาที่เสียไปกลับคืนมาพ่อค