เว่ยซวินปรนนิบัติฮ่องเต้หวู่มานานหลายปีรู้อุปนิสัยใจคอของเขาอย่างลึกซึ้งแม้ว่าฮองเฮาหลู่ถูกขังในตำหนักเย็นแล้วแต่ก็เคยเป็นสนมรักที่สุดมาก่อนบัดนี้จุดจบที่ดีที่สุดของฮองเฮาหลู่ก็คือหายไปจากสายตาทุกคนอย่างเงียบๆฮ่องเต้หวู่สบถเสียงเย็น “จำไว้ว่าจัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อย”เว่ยซวินประสานมือถอยออกไปอย่างเชื่องช้าเขาเชี่ยวชาญเรื่องพรรค์นี้ยิ่งนักฮ่องเต้หวู่ทอดสายตามองสีท้องฟ้ายามราตรีอันมืดมิดดุจสายน้ำ สุราเริ่มออกฤทธิ์“ช่างเถอะ เตรียมเกี้ยว! เราจะไปตำหนักฉางเล่อ!”สุดท้ายบางคนก็เป็นเพียงอดีต.....จวนสกุลซูภายในห้องหอเทียนมงคลลายดอกไม้สว่างไสว สะท้อนลงบนใบหน้ารูปไข่ที่กำลังแดงก่ำของซูเฟิ่งหลิง ขับเน้นให้งดงามดุจเทพธิดาหลี่หลงหลินยิ้มน้อยๆ ทอดสายตามองซูเฟิ่งหลิงอย่างลึกซึ้ง ภายในสายตาเปี่ยมความรักใคร่เอ็นดูซูเฟิ่งหลิงพยักหน้าน้อยๆ พลางเอ่ยปาก “องค์ชาย ไม่ได้เห็นท่านยิ้มดีใจเช่นนี้มานานมากแล้ว”งานราชการรัดตัว ต่อให้หลี่หลงหลินอยากอารมณ์ดี ก็มีเรื่องทำให้เขาไม่อาจอารมณ์ดีขึ้นได้แต่วันนี้ต่างออกไปหลี่หลงหลินพูดยิ้มๆ “สนมรัก เจ้ารู้ว่าสี่เรื่องน่ายินดียิ่งใหญ่ท
พูดว่าไม่แปลกใจ ก็ดูจะโกหกแสงเทียนมงคลในคืนเข้าหอ ยามมังกรขี่หงส์แต่จะให้สะใภ้เหล่านี้ไปฟังความเคลื่อนไหวหน้าห้องหอนี่ยากจะเอื้อนเอ่ยออกมาได้อยู่บ้างทว่าเดิมทีหลิ่วหรูเยียนก็คือนางคณิกาในสำนักการสังคีต ย่อมรู้เรื่องระหว่างชายหญิงเหล่านี้อยู่บ้างดังนั้นนางจึงแปลกใจมาก!คืนนี้จะต้องไปสำรวจดูให้ได้ลั่วอวี้จู๋หน้าแดงด้วยความเขินอาย ก้มหน้าลงพลางพูด “น้องหญิงสี่ หากเจ้าอยากไป เจ้าก็ไปด้วยตนเองเถอะ!”หลิ่วหรูเยียนรับคำ “ข้าต้องไปแน่นอน อย่างไรเสียเรื่องรักใคร่ระหว่างชายหญิงก่อนคืนแต่งงานก็เป็นข้าชี้แนะน้องหญิงเล็กเอง”“ในฐานะอาจารย์ข้าย่อมต้องรับประกันคุณภาพการบ้านของนักเรียน ไม่สามารถเรียนรู้เพียงทฤษฎีได้ จะต้องปฏิบัติจริงถึงจะใช้ได้”“ปฏิบัติจริง?”กงซูหว่านหน้าแดงก่ำ พูดไม่ออกแล้วสายตาหลิ่วหรูเยียนกวาดมองสะใภ้เหล่านี้ ใบหน้าแต่ละคนล้วนแดงก่ำ“พี่สะใภ้ทั้งหลาย ตอนนี้พวกท่านตัดสินใจไปก็ยังทัน หากยังช้ากว่านี้ก็สายไปแล้ว!”ท่าทีของลั่วอวี้จู๋หนักแน่น ส่ายหน้าคล้ายป๋องแป๋งก็มิปาน “ไม่ไปๆ!”สะใภ้รองกงซูหว่านขบเม้มกลีบปากสีอิงเบาๆ สายตาลังเลอยู่บ้าง แต่สุดท้ายนางก็ส่ายหน้า
ใบหน้าลั่วอวี้จู๋แดงเรื่อ ไม่อาจรับมือในทันทีเลยได้ยามตนเองเพิ่งมาถึง ยังไม่ได้เริ่มแอบดูก็ถูกหลิ่วหรูเยียนจับได้แล้วหลิ่วหรูเยียนจับจ้องลั่วอวี้จู๋อย่างสงสัย ลดเสียงให้เบาลง “พี่สะใภ้ใหญ่ ท่านคงไม่ใช่อยากมาแอบดูหรอกกระมัง?”ใบหน้าลั่วอวี้จู๋แดงยิ่งขึ้น พูดอ้ำอึ้ง “ข้าเพียงดื่มชาตอนกลางคืนมากไปจึงตื่นขึ้นมากลางดึกก็เท่านั้น! บังเอิญผ่านมา!”หลิ่วหรูเยียนเผยรอยยิ้มมีเลศนัย “พี่สะใภ้ใหญ่ หากข้าจำไม่ผิด ห้องที่ท่านอยู่คล้ายไม่ได้มาทางนี้กระมัง?”ลั่วอวี้จู๋ทำเป็นไม่รับรู้ แสร้งไม่ได้ยิน ย่อตัวลงข้างหลิ่วหรูเยียน “ในเมื่อมาแล้ว แอบฟังสักหน่อยจะเป็นไรไป”หลิ่วหรูเยียนยิ้มน้อยๆ หลีกทางให้ลั่วอวี้จู๋อย่างรู้ความสองคนได้ยินเสียงหยอกเย้าภายในห้องหอ เพลิดเพลินอย่างมาก“หรูเยียน ยังเป็นเจ้ารู้จักเลือกที่ คิดไม่ถึงเลยว่าที่นี่จะได้ยินชัดถึงเพียงนี้”ฟังเพียงเสียงที่ดังออกมาจากห้องหอ ทั้งสองคนก็สามารถนึกภาพออกได้ว่าเกิดอันใดขึ้นภายในห้องหอแล้วเพียะ!เสียงอิฐบนกำแพงด้านหนึ่งหล่นลงมา“มีคน!”เสียงร้องเตือนของซูเฟิ่งหลิงภายในห้องหอดังขึ้นหลิ่วหรูเยียนและลั่วอวี้จู๋ต่างตึงเครียดขึ้นม
กงซูหว่านสำรวจลั่วอวี้จู๋และหลิ่วหรูเยียน “เหตุใดทั้งสองท่านถึงมาอยู่ที่นี่...”หลิ่วหรูเยียนพูดว่า “ข้ามาเก็บผลการเรียนของนักเรียน...”ใบหน้าลั่วอวี้จู๋แดงเรื่อ “ข้าเพียงตื่นกลางดึก บังเอิญผ่านมา เจ้าอย่าเข้าใจผิดเล่า”หลิ่วหรูเยียนพูดยิ้มๆ “ตอนนี้ก็เหลือเพียงพี่สะใภ้สามแล้ว...”กงซูหว่านส่ายหน้าและพูดว่า “ชิงไต้ไม่มีวันทำเรื่องเช่นนี้อย่างแน่นอน น่ากลัวว่านางคงนอนหลับฝันไปตั้งนานแล้ว...”“ชู่ว์!”“อย่าดัง!”“ข้าได้ยินไม่ชัดว่าพวกเขาสองคนกำลังพูดอะไร!”เสียงคุ้นหูสายหนึ่งดังขึ้นทางด้านบนแต่กลับได้ยินเพียงเสียง มองไม่เห็นคนหลิ่วหรูเยียนพูดเสียงเครียด “ข้าได้ยินไม่ผิดไปกระมัง เมื่อครู่คล้ายเสียงของพี่สะใภ้สาม”ลั่วอวี้จู๋พยักหน้าลง ชี้ไปด้านหลังต้นไม้ใหญ่ต้นนั้น “เจ้าได้ยินไม่ผิดจริงนั่นล่ะ คนก็อยู่บนนั้นอย่างไรเล่า...”หันมองตามนิ้วมือของลั่วอวี้จู๋ไม่รู้ซุนชิงไต้ปรากฏตัวบนต้นไม้ตั้งแต่ยามใด บัดนี้อยู่เหนือศีรษะตนหลิ่วหรูเยียนพูดเบาๆ “เลื่อมใส เลื่อมใสจริงๆ ยังเป็นพี่สะใภ้สามฝีมือเหนือชั้น”ซุนชิงไต้กระโดดลงจากต้นไม้ มาหยุดข้างกายทั้งสามคนสบสายตากัน ทำเพียงยิ้มรับ
หลังสะใภ้ทั้งสี่จากไปภายนอกห้องหอก็กลับมาเงียบลงดังเดิมหลี่หลงหลินยิ้มน้อยๆ “เห็นทีพวกพี่สะใภ้ล้วนไปทั้งหมดแล้ว”ภายใต้แสงเทียนพลิ้วไหว ใบหน้ารูปไข่ของซูเฟิ่งหลิงมองดูแล้วอ่อนโยนงดงามมากยิ่งขึ้นหลี่หลงหลินเป่าเทียน โอบซูเฟิ่งหลิงไว้ในอ้อมกอดซูเฟิ่งหลิงอิงแอบอยู่ภายในอ้อมกอดของหลี่หลงหลิน พูดพึมพำ “พวกพี่สะใภ้นี่จริงๆ เลย...ทำให้ข้าอายแทบแย่”หลี่หลงหลินหัวเราะ “พวกพี่สะใภ้ก็แค่กังวล หวังว่าพวกเราจะมีทายาทสืบสกุลให้สกุลหลี่โดยเร็วก็เท่านั้น”มีทายาทสืบสกุลคือเรื่องใหญ่ของการแต่งงานก่อนแต่งงานซูเฟิ่งหลิงเคยได้ยินพี่สะใภ้สี่กำชับมาก่อนซูเฟิ่งหลิงช้อนดวงตาใสซื่อไร้พิษสงขึ้นและถามว่า “จะทำเช่นไร จูบปากตอนนี้หรือ?”หลี่หลงหลินมีเหงื่อผุด รู้สึกระอาภายในใจ “หรือว่าพี่สะใภ้สี่สอนเพียงแค่นี้? ดูท่าแล้วยังต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญอย่างข้าสอนด้วยตนเอง”คืนนั้นทั้งคู่เกี่ยวกระหวัดรัดรึงกันตลอดคืน เสียงเตียงสั่นไหวไม่หยุดตำหนักเย็นตำหนักเย็นที่เคยถูกไฟไหม้มาก่อนมีซากปรักหักพังทั่วทุกหนแห่งฮ่องเต้หวู่ตัดสินใจลืมที่แห่งนี้ไปจนสิ้นไม่มีวันส่งคนมาซ่อมแซมนอกจากตำหนักเย็นแล้ว พระร
พูดพลาง ฮองเฮาหลู่เดินออกไปภายนอกด้วยตนเองชั่วขณะนั้น นางรู้สึกราวกับได้อำนาจกลับคืนมา!ชิ้ง!แสงเงินสายหนึ่งวูบไหวองครักษ์เสื้อแพรสองคนชักดาบออกจากฝัก คมดาบขวางหน้าฮองเฮาหลู่เอาไว้สีหน้าฮองเฮาหลู่ตกตะลึงพรึงเพริด “เว่ยกงกง นี่หมายความอะไร?”เว่ยซวินยิ้มจางๆ “ฮองเฮาหลู่ น่ากลัวว่าท่านเข้าใจความนัยของกระหม่อมผิดไปแล้ว”เสียงฮองเฮาหลูสั่นเครือ “เจ้าไม่ได้มารับข้ากลับตำหนักเฟิ่งซีหรือ?”เว่ยซวินส่ายหน้า “เปล่าพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมมาส่งท่านออกเดินทาง”“เดิน...เดินทาง?”ฮองเฮาหลู่เซถลาไปหนึ่งก้าว ล้มลงบนพื้นแสงเทียนสลัวตัดกับแสงเย็นของดวงจันทร์สะท้อนลงบนใบหน้าเผือดซีดของฮองเฮาหลู่“นี่เป็นไปไม่ได้!”“ใครส่งเจ้ามา!”“บังอาจ! เจ้าเป็นเพียงสุนัขตัวหนึ่งข้างกายข้าเท่านั้น เจ้าก็กล้าคิดเอาชีวิตฆ่า! หรือเจ้าไม่กลัวฮ่องเต้หวู่ลงโทษเจ้า?”เว่ยซวินผลิยิ้มขมปร่า โยนผ้าแพรขาวยาวสามฉื่อลงบนตัวฮองเฮาหลู่“ฮองเฮาหลู่ เป็นท่านลงมือด้วยตนเอง หรือจะให้กระหม่อมช่วยท่าน?”ยามได้เห็นผ้าแพรขาวพระราชทานนั้นสมองของฮองเฮาหลู่ขาวโพลนในทันใดนางไม่เข้าใจ ยิ่งคิดก็ยิ่งไม่เข้าใจตกลงเกิดเรื่องใดข
วันต่อมาเว่ยซวินจัดการงานเรียบร้อยอย่างมากแต่เรื่องฮองเฮาหลู่หายตัวไปกลับแพร่สะพรัดไปทั่วโดยที่ไม่มีผู้ใดเอ่ยถึง ทันใดนั้นกลายเป็นเรื่องที่เหล่าขุนนางในราชสำนักซุบซิบนินทากันอย่างสนุกปากย่อมมีคนไม่น้อยปะติดปะต่อเรื่องนี้เข้ากับงานแต่งของหลี่หลงหลินเมื่อวานราชสำนักกำลังเอะอะอึกทึกครึกโครมภายในตำหนักข้างแห่งหนึ่งของพระราชวังต้องห้ามหลี่เทียนฉี่เดินเล่นภายในสวนไม่นับว่าใหญ่เหมือนที่ผ่านมาหากไม่เกิดเหตุไม่คาดฝัน สวนเล็กนี้ไปจนถึงตำหนักข้างจะกลายเป็นที่พำนักของหลี่เทียนฉี่ในช่วงบั้นปลายชีวิตตอนนี้เขาถูกริบอำนาจทั้งหมดไปแล้ว เว้นเสียแต่อำนาจในการมีชีวิตอยู่ที่ไม่ถูกลิดรอนไปนี่คือวิธีโหดเหี้ยมอย่างที่สุดฆ่าคนยังไม่โหดร้ายเท่าทำลายจิตใจหลี่เทียนฉี่ขมวดคิ้วแน่น อิงตามจดหมายลับที่ส่งมาจากวังเมื่อหลายวันก่อนเป็นไปตามคาดหลังงานแต่งของหลี่หลงหลิน องค์หญิงใหญ่จะขยายอำนาจสู่จุดสูงสุดจะตัดรากถอนโคนหลี่หลงหลินถึงตอนนั้นความผิดโทษฐานกบฏของหลี่เทียนฉี่จะถูกลบล้างเขาจะได้รับสิ่งที่สมควรเป็นของเขาทั้งหมดใหม่อีกครั้งหลี่เทียนฉี่กำลังรอรอข่าวดีที่ไม่มีวันมาถึงตึกตึกตึก!
แผนการที่เดิมทีนางเห็นว่าไร้ช่องโหว่โดยสิ้นเชิง กลับไร้ผลต่อหลี่หลงหลินไม่เพียงแต่แผนจะล้มเหลวไม่เป็นท่า ซ้ำร้ายยังย้อนกลับมาทำร้ายตนเององค์หญิงใหญ่ขมวดคิ้ว นางถอนหายใจยาวเฮือกหนึ่ง “หรือว่าชั่วชีวิตนี้ข้าถูกลิขิตให้ต้องพ่ายแพ้แก่หลี่หลงหลินผู้นี้หรือ? ข้าไม่ยอม!”“องค์หญิง! มีสาส์นลับจากในวังส่งมาเพคะ”แม้ว่าองค์หญิงใหญ่จะเพิ่งเสด็จกลับจากตงอิ๋ง แต่ในราชสำนักก็มีสายสืบของนางแทรกซึมอยู่ก่อนแล้ว หากไม่เป็นเช่นนั้น นางคงไม่กล้าพอที่จะงัดข้อกับหลี่หลงหลิน ถึงกระนั้น นางก็ยังคงพ่ายแพ้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไม่เคยได้เปรียบจากเงื้อมมือของหลี่หลงหลินเลยแม้แต่น้อยองค์หญิงใหญ่ใช้มือกุมหน้าผาก เอ่ยเสียงเข้ม “มีข่าวร้ายอันใดมาให้ข้าอีกแล้ว”คนสนิทส่งสาส์นลับขึ้นมา “องค์หญิง โปรดทอดพระเนตรด้วยพระองค์เองเพคะ”องค์หญิงใหญ่เปิดสาส์นลับตรงหน้า ข้อความปรากฏสู่สายตาอย่างรวดเร็ว แต่นางกลับนิ่งค้างราวกับกลายเป็นหิน อ้าปากค้าง ไม่อาจเอื้อนเอ่ยคำใดออกมาได้เป็นนานในสาส์นลับมีเพียงตัวอักษรไม่กี่คำ ฮองเฮาหลู่...หายสาบสูญ“นี่...นี่มันเป็นไปไม่ได้”องค์หญิงใหญ่มิได้แปลกใจกับเรื่องนี้เลยแม้แต่น้อย อั
เช้าวันรุ่งขึ้นทะเลคราม ฟ้าสีฟ้า ท้องฟ้าปลอดโปร่งไร้เมฆ ไกลสุดสายตาเรือใหญ่ลำหนึ่งแล่นออกจากท่าเรือตงไห่อย่างโอ่อ่า ท่วงทีองอาจไม่ธรรมดาการออกทะเลครั้งนี้ หลี่หลงหลินไม่เพียงแต่พาเหล่าพี่สะใภ้มาด้วยหลายคน แต่ยังคัดเลือกทหารยอดฝีมือของตระกูลซูมาเป็นพิเศษอีกสามร้อยนายซูเฟิ่งหลิงยืนอยู่บนดาดฟ้าเรือ ทอดสายตามองไปยังเส้นขอบฟ้าที่ผืนน้ำจรดกับผืนฟ้า แววตาเต็มไปด้วยความกังวล ลมทะเลพัดผ่าน ผ้าคลุมสีแดงสดด้านหลังนางปลิวสะบัดพลิ้วไหว!หลี่หลงหลินบิดขี้เกียจ กระทืบเท้าลงบนดาดฟ้าเรือเบาๆเรือของเมืองตงไห่แข็งแรงกว่าที่ข้าคิดไว้มากตอนนี้หลี่หลงหลินทำได้เพียง มีอะไรก็ใช้อย่างนั้นไปก่อนแม้จะเทียบไม่ได้กับเรือประมงหมื่นตันในจินตนาการแต่แค่จับปลาหลายพันชั่งขึ้นมาก็ยังถือว่าสบายมากหลี่หลงหลินหยิบคันเบ็ดออกมานั่งลงข้างๆ ซูเฟิ่งหลิง ด้วยท่าทางสบายๆ ราวกับไม่ได้กังวลแม้แต่น้อยซูเฟิ่งหลิงขมวดคิ้วงาม กล่าวเสียงขรึม "รัชทายาท ท่านบอกว่าจะพาพวกเราออกมาจับปลา คงไม่ได้คิดจะใช้แค่คันเบ็ดนี่ตกปลาหรอกนะเพคะ?"เหล่าพี่สะใภ้ก็รู้สึกว่ามันเหลือเชื่ออยู่บ้างอาศัยเพียงคันเบ็ดคันเดียวของหลี่หลงหลิน
ลั่วอวี้จู๋ก็ตกตะลึงไปเช่นกัน นางส่ายหน้าไม่หยุดกล่าวว่า “ไม่ได้ น้องหญิง เจ้าอย่าพูดอะไรพล่อยๆ บัญชีมันไม่ได้คำนวณแบบนั้น! ตอนนี้ประชาชนหลายแสนคนในตงไห่กำลังรอเสบียงอาหารอยู่ นี่ไม่ใช่จำนวนน้อยๆ เพียงแค่พึ่งพาการล่าสัตว์ อย่างไรก็ไม่พอ!”ตอนนี้ไม่เพียงแต่ต้องคำนึงถึงค่ากินอยู่ใช้สอยของเหล่าทหารกองทัพตระกูลซูทั้งหมด แต่ที่สำคัญกว่าคือการแก้ปัญหาความต้องการเสบียงอาหารของประชาชนตงไห่ทั้งหมดซูเฟิ่งหลิงขมวดคิ้วเรียวงาม “ถ้าไม่ไหวจริงๆ ข้าจะนำกองทัพตระกูลซูไปปล้นยุ้งฉางของพวกพ่อค้าเหล่านั้นเสียเลย! แบบนี้พวกเราก็จะมีเสบียงอาหารแล้วไม่ใช่รึ?”ลั่วอวี้จู๋ตกใจ รีบกล่าวว่า “น้องหญิง! เจ้าอย่าทำเรื่องเหลวไหล!”“เจ้าทำเรื่องเหลวไหลเช่นนี้ แล้วชื่อเสียงของกองทัพตระกูลซูจะทำอย่างไร! ชื่อเสียงอันดีงามที่ตระกูลซูผู้จงรักภักดีสืบทอดกันมาจากบรรพบุรุษจะถูกทำลายในพริบตาได้อย่างไร?”“อีกอย่าง ท่านย่าก็คงไม่อนุญาตให้เจ้าทำตามอำเภอใจเช่นนี้แน่!”ซูเฟิ่งหลิงเบ้ปาก พึมพำว่า “ข้าก็แค่พูดไปอย่างนั้นเอง...”ตระกูลซูรับราชการทหารมาหลายชั่วอายุคน ทั้งตระกูลจงรักภักดี ไม่เคยทำเรื่องผิดต่อมโนธรรมใดๆ แม้กระทั
ตกเย็น จวนอ๋องตงไห่สว่างไสวไปด้วยแสงไฟเหล่าพี่สะใภ้รวมตัวกันอยู่ในห้อง ใบหน้างดงามซีดเผือด ดวงตาเต็มไปด้วยความกังวล ทุกคนต่างกลัดกลุ้มกับสถานการณ์ปัจจุบันของตงไห่ลั่วอวี้จู๋ขมวดคิ้วเรียวเล็กน้อย ถอนหายใจแล้วเอ่ยว่า “รัชทายาท ตอนนี้พวกเราควรทำเช่นไรดี? ท่านสัญญาว่าจะทำให้ราษฎรตงไห่ทุกคนได้กินเนื้อสัตว์ภายในเจ็ดวัน แต่ตอนนี้อย่าว่าแต่เนื้อเลย เกรงว่าแม้แต่การกินให้อิ่มท้องธรรมดาๆ ก็ยังยาก”เมื่อตอนเย็น ลั่วอวี้จู๋ได้ส่งคนไปสืบราคาเสบียงอาหารในตลาดแล้วและก็เป็นไปตามคาด หลังจากที่ราษฎรตื่นตระหนก ราคาเสบียงอาหารก็ยิ่งพุ่งสูงขึ้นไปอีก ถึงขนาดที่ว่าในตลาดตงไห่ไม่มีข้าวสารขายในทันทีแล้ว หากต้องการซื้อทันทีก็ต้องจ่ายเงินเพิ่มพิเศษ!เหล่าราษฎรต่างพากันส่งเสียงก่นด่าอย่างคับแค้น สถานการณ์เริ่มจะดำเนินไปในทิศทางที่ควบคุมไม่ได้แล้วลั่วอวี้จู๋มองไปยังหลี่หลงหลิน ถอนหายใจกล่าวว่า “รัชทายาท ตอนนี้วิธีที่ง่ายที่สุดคือการขายทรัพย์สมบัติทั้งหมด แล้วนำเงินไปแลกเป็นเสบียงอาหารเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย”“แต่ข้าคำนวณดูแล้ว ต่อให้ขายทรัพย์สินทั้งหมดของตระกูลซู ก็ทำได้เพียงแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเท่านั้น
เหล่าราษฎรจ้องเขม็งไปยังหลี่หลงหลิน ต้องการคำอธิบายจากเขา หากไม่ได้ความในวันนี้ พวกเขาสาบานว่าจะไม่ยอมเลิกรา!หลี่หลงหลินเชิดหน้าอกผาย กล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “ปากท้องของราษฎรคือเรื่องสำคัญที่สุด ในเมื่อตงไห่เป็นดินแดนในอาณัติของข้า เช่นนั้นพวกท่านก็คือราษฎรของข้า หลี่หลงหลิน”“แม้จะมีภัยพิบัติทางธรรมชาติและภัยจากมนุษย์ แต่ข้ารับรองว่าจะไม่ปล่อยให้พวกท่านต้องอดอยากหิวโหยเป็นอันขาด เรื่องเสบียงอาหารนั้นขอให้ราษฎรวางใจ ภายในเจ็ดวัน ข้าจะทำให้พวกท่านได้กินอิ่มท้องอย่างแน่นอน!”น้ำเสียงของหลี่หลงหลินทรงพลังอย่างยิ่ง ถ้อยคำดังก้องกังวานอยู่ในโสตประสาทของเหล่าราษฎรผู้คนต่างส่งเสียงฮือฮา“ขี้โม้!”“พี่น้องทั้งหลาย อย่าได้หลงเชื่อคำโอ้อวดของเขาเลย! ดูสิ ยุ้งฉางเหล่านี้ล้วนว่างเปล่า! จะเอาข้าวที่ไหนมาให้พวกเรา!”“หากวันนี้ไม่ให้คำตอบที่ชัดเจนกับพวกเรา แล้วอีกเจ็ดวันพวกเราจะไปเรียกร้องความเป็นธรรมกับใคร!”“ใช่แล้ว!”“หากวันนี้ไม่ยอมมอบเสบียงอาหารออกมา ก็อย่าหวังว่าจะได้ก้าวเท้าออกจากยุ้งฉางนี้ไปได้!”ชายฉกรรจ์ผู้เป็นหัวหน้าโบกแขนตะโกนปลุกระดมเหล่าราษฎร ผู้คนต่างขานรับเป็นเสียงเดี
เหล่าราษฎรที่อยู่ด้านนอกยุ้งฉางต่างชูกำปั้นตะโกนก้อง เสียงดังสะท้อนไปทั่วฟ้า “แจกจ่ายเสบียง! แจกจ่ายเสบียง!”ข่าวราคาเสบียงอาหารในเมืองตงไห่พุ่งสูงขึ้นได้แพร่กระจายออกไปแล้ว ราษฎรต่างตื่นตระหนกหวาดกลัว จึงนัดหมายกันมารวมตัวที่หน้ายุ้งฉางเพื่อเรียกร้องขอเสบียง ก่อเกิดเป็นพลังมหาศาลหากไม่ใช่เพราะเหล่าทหารที่คอยขัดขวางไว้ เกรงว่าป่านนี้เหล่าราษฎรคงบุกเข้าไปในยุ้งฉางแล้วลั่วอวี้จู๋ขมวดคิ้วเล็กน้อย กล่าวเสียงเบา “รัชทายาท เช่นนี้จะทำอย่างไรดี ตอนนี้ยังไม่ได้ขาดแคลนเสบียงอาหารถึงที่สุด แต่ความโกรธแค้นของราษฎรก็รุนแรงถึงเพียงนี้แล้ว หากมีวันใดที่เสบียงหมดลงจริงๆ...”ใบหน้างามของลั่วอวี้จู๋ซีดขาว ริมฝีปากแดงเม้มแน่น ยืนนิ่งตะลึงงันอยู่กับที่ นางไม่อาจจินตนาการถึงภาพนั้นได้ราษฎรที่ก่อความวุ่นวายนอกยุ้งฉางมีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ เสียงก็ดังขึ้นเรื่อยๆเหล่าทหารยามเริ่มชักดาบประจำกายออกมา แต่สำหรับเหล่าราษฎรแล้ว หากไม่มีเสบียงให้กิน ในภายภาคหน้าก็มีแต่ความตายสถานเดียว!ซูเฟิ่งหลิงขมวดคิ้วงามเล็กน้อย แววตาหงส์ฉายประกายดุดัน “รัชทายาท หากปล่อยให้พวกเขาอาละวาดต่อไปเช่นนี้ ต้องเกิดเรื่องแน่เพค
ลั่วอวี้จู๋เดินเข้ามาก่อนสองก้าว กล่าวว่า “องค์รัชทายาท ตอนนี้แม้จะจัดการกับพวกพ่อค้าเศรษฐี แต่ก็ยังต้องหาวิธีแก้ไขปัญหาเรื่องเสบียงอาหารก่อน มิฉะนั้นเมื่อถึงเวลา ราษฎรอาจตื่นตระหนก ซึ่งจะเป็นผลเสียต่อพวกเราได้”หลี่หลงหลินเพียงแค่แย้มยิ้มบางเบาซูเฟิ่งหลิงกล่าวว่า “องค์รัชทายาท ยุ้งฉางเมืองตงไห่ถือเป็นสถานที่สำคัญยิ่งของต้าเซี่ย ข้างในย่อมต้องมีเสบียงเก็บไว้แน่นอน ตอนนี้สามารถนำเสบียงในยุ้งฉางออกมาแจกจ่ายช่วยเหลือราษฎร เพื่อให้พวกเขาคลายกังวลได้แล้วเพคะ”ลั่วอวี้จู๋พยักหน้าเห็นด้วย “ใช่แล้วเพคะ องค์รัชทายาท ทำให้ราษฎรคลายกังวลลงก่อน แล้วค่อยว่ากันถึงแผนขั้นต่อไป”หลี่หลงหลินส่ายหน้า กล่าวเสียงเรียบ “ไม่ต้องเสียแรงเปล่าแล้ว ยุ้งฉางเมืองตงไห่ถูกขนย้ายไปจนหมดสิ้นนานแล้ว ไม่เหลือแม้แต่เมล็ดเดียว ตอนนี้เหลือเพียงแค่ยุ้งฉางเปล่าๆ เท่านั้น”ทั้งสองคนตกตะลึง“เป็นไปได้อย่างไร? ยุ้งฉางนั้นเป็นเสบียงช่วยชีวิตที่ราชสำนักเก็บไว้ เพื่อรับประกันว่าราษฎรจะไม่อดตายในปีที่เกิดภัยพิบัติ จะมีคนกล้าบ้าบิ่นถึงเพียงนี้ มาคิดการใหญ่กับมันได้อย่างไร?”ซูเฟิ่งหลิงไม่อยากจะเชื่อคำพูดของหลี่หลงหลินหลี่
ตำหนักอ๋องตงไห่หลี่หลงหลินเดินออกจากห้องก็พบกับลั่วอวี้จู๋และซูเฟิ่งหลิงที่รีบร้อนเข้ามาพอดีลั่วอวี้จู๋มีสีหน้าตื่นตระหนก รีบกล่าวว่า “องค์รัชทายาท เกิดเรื่องใหญ่แล้วเพคะ!”หลี่หลงหลินหาว กล่าวเรียบๆ ว่า “พี่สะใภ้ ไม่ต้องรีบร้อน มีอะไรค่อยๆ พูด”ลั่วอวี้จู๋หอบหายใจเล็กน้อย กล่าวว่า “เมื่อครู่ข้ากับน้องหญิงกำลังดูแลร้านค้าของตระกูลซูในตงไห่ที่ถนน ได้ยินเถ้าแก่บอกว่า ตอนนี้ราคาธัญพืชในตงไห่พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว วันเดียวเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว!”“เรื่องผิดปกติย่อมมีเบื้องหลัง ดังนั้นจึงรีบกลับมารายงานองค์รัชทายาท”ปากท้องของประชาชนคือเรื่องสำคัญที่สุดราคาธัญพืชเกี่ยวข้องกับชีวิตความเป็นอยู่ของราษฎร หากราคาธัญพืชผิดปกติ ผลที่ตามมาจะร้ายแรงมาก!ซูเฟิ่งหลิงพยักหน้า ตอบว่า “องค์รัชทายาท ตอนนี้เป็นปีแห่งภัยพิบัติอยู่แล้ว เกิดภัยแล้งติดต่อกันหลายปี ผลผลิตธัญพืชลดลงทุกปี บ้านเรือนของราษฎรแทบไม่มีเสบียงสำรอง ต้องอาศัยการซื้อธัญพืชประทังชีวิตทั้งสิ้น”“แต่ตอนนี้ถ้าหากราคาธัญพืชพุ่งสูงขึ้น แล้วราษฎรในตงไห่เหล่านี้จะทำอย่างไร?”หลี่หลงหลินมองลั่วอวี้จู๋ กล่าวเรียบๆ ว่า “พี่สะใภ้ใหญ่ ท่าน
“แต่ทุกท่านกลับมองข้ามเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่งไป นั่นคือโอกาสที่จะร่ำรวยมหาศาล”แววตาละโมบปรากฏขึ้นในดวงตาของหลู่จงหมิง“นั่นก็คือเสบียงอาหาร”พอหลู่จงหมิงกล่าวคำนี้ออกมา ทั่วทั้งห้องก็เกิดเสียงฮือฮา พูดคุยวิพากษ์วิจารณ์กันเซ็งแซ่พ่อค้าร่ำรวยไม่อาจปิดบังความดีใจอย่างบ้าคลั่งในใจ “ท่านพระเชษฐภาดา ท่านหมายความว่าจะลงมือกับราคาธัญพืชหรือ?”หลู่จงหมิงเผยรอยยิ้มเย็นชา “ถูกต้อง”ปัจจุบันต้าเซี่ยประสบภัยแล้งติดต่อกันหลายปี ผลผลิตธัญพืชลดลงทุกปี แม้แต่ดินแดนที่อุดมสมบูรณ์อย่างตงไห่ ยุ้งฉางก็ร่อยหรอเต็มทีแล้วยิ่งไปกว่านั้น หลี่หลงหลินนำกองทัพใหญ่มาปักหลักที่ตงไห่ ค่ากินอยู่ใช้สอยล้วนต้องเบิกจ่ายจากท้องพระคลังตงไห่แม้ว่ากบฏจะถูกปราบปรามจนสงบ ก็จะยิ่งเพิ่มแรงกดดันด้านเสบียงอาหารให้กับตงไห่มากขึ้นเท่านั้นยิ่งไปกว่านั้น อาจมีสถานการณ์กบฏที่รุนแรงกว่าเกิดขึ้นได้อีกถึงตอนนั้น เสบียงอาหารของตงไห่ก็จะยิ่งน้อยลงเรื่อยๆของยิ่งน้อยยิ่งมีค่า ราคาธัญพืชย่อมต้องถูกปั่นสูงขึ้นปากท้องของประชาชนคือเรื่องสำคัญที่สุดพ่อค้าร่ำรวยย่อมรู้หนทางสู่ความร่ำรวยด้วยการกักตุนธัญพืช ปั่นราคา แต่ไม่มีใครกล
จวนตระกูลหลู่คานแกะสลัก เสากรอบวาดลวดลาย วิจิตรตระการตา ทองเหลืองเรืองรอง หลู่จงหมิงมีสีหน้าเคร่งขรึม สายตากวาดมองเหล่าพ่อค้าที่มาถึง “มากันครบแล้วหรือ?”เงียบสงั ดจนได้ยินแม้กระทั่งเสียงเข็มตกพ่อค้าเหล่านี้หูตาสว่าง รู้เรื่องที่พระเชษฐภาดาเจอในจวนอ๋องนานแล้ว ไม่กล้าราดน้ำมันบนกองไฟในจังหวะสำคัญนี้ พ่อค้าที่ปกติหยิ่งยโสโอหังต่างก็สงบเสงี่ยมเจียมตัวต่อหน้าหลู่จงหมิง ไม่กล้าพูดมาก เกรงว่าจะล่วงเกินแม้หลู่จงหมิงจะเสียหน้าอย่างหนักในจวนอ๋อง แต่ก็ไม่ใช่คนที่พ่อค้าอย่างพวกเขาจะดูเบาได้พ่อบ้านจวนตระกูลหลู่เดินเข้ามากล่าวเสียงเบา “นายท่าน ยังมีคนจากตระกูลซุนและตระกูลจ้าวที่ยังไม่มา ท่านจะว่าอย่างไร...”หลู่จงหมิงโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ตวาดว่า “ไม่มาก็ไม่ต้องมาแล้ว! กล้าดีอย่างไรไม่เห็นคำพูดของข้าผู้เป็นพระเชษฐภาดาอยู่ในสายตา”หลู่จงหมิงมองเหล่าพ่อค้ามั่งคั่งที่อยู่ ณ ที่นั้น กล่าวเสียงเย็นชา “นับแต่นี้ไป ทุกท่านที่อยู่ที่นี่ห้ามทำการค้าใดๆ กับสองตระกูลนี้ หากข้าพบเข้า... หึหึ!”แววตาอำมหิตวาบผ่านดวงตาของหลู่จงหมิงนี่คือเขาต้องการแสดงอำนาจ สร้างบารมี กู้หน้าตาที่เสียไปกลับคืนมาพ่อค