ลำดับถัดมาเป็นการมอบคำอวยพรของบิดามารดา ฉู่เนี่ยนซีประคองเหยียนจือซินไปที่ห้องโถงหลักเพื่อพบกับเจ้าบ่าวมองแวบแรก รูปร่างหน้าตาเขาดูคุ้นเคยราวกับเคยเห็นมาก่อนฉู่เนี่ยนซีไม่ได้อยู่ต่อ นางออกจากห้องโถงหลักและเดินไปตามทางเดิน ขณะนั้นเสี่ยวเถาก็วิ่งหอบหายใจตามมาพร้อมดึงฉู่เนี่ยนซีมาที่บริเวณหนึ่งแล้วพูดด้วยสีหน้าลึกลับ “พระชายา ท่านรู้หรือไม่เพคะว่าเจ้าบ่าวของตระกูลเหยียนมาจากตระกูลใด?”“ข้าไม่เคยถาม” ฉู่เนี่ยนซีมองเสี่ยวเถาวิ่งมาและมีเหงื่อไหลลงมาที่ปลายจมูก “เหตุใดเจ้าถึงรีบวิ่งออกมาเช่นนี้? เหงื่อออกตั้งมากมายทั้งยังฝ่าลมหนาวมาอีก”แต่เห็นได้ชัดว่าเสี่ยวเถาไม่ได้สนใจเรื่องนี้ นางมีท่าทีตกใจและพูดว่า “เขาเป็นบุตรชายของเถ้าแก่จ้าวเฉิงไฉจากหอหุยชุนเพคะ”“เป็นเขาหรือนี่?” ฉู่เนี่ยนซีก็ตกใจเช่นกัน คาดไม่ถึงจริง ๆ ว่าจอหงวนคนใหม่นี้จะเป็นบุตรชายของคนรู้จักจอหงวนคนใหม่คือบุตรชายของจ้าวเฉิงไฉที่ทางหอหุยชุนกำลังตามหา ตอนนั้นฉู่เนี่ยนซีก็เคยพูดถึงเรื่องนั้นอยู่บ้าง แต่หลังจากนั้นก็ไม่เคยพูดถึงอีก ถึงอย่างไรตอนนี้ก็ยังไม่รู้สึกหิว อีกทั้งฉู่เนี่ยนซีก็ไม่อยากสุงสิงกับคนที่จ้องจะเข้ามาหาผล
“พระชายา ทางนี้ยังอีกไกลกว่าจะถึงจวน ให้เสี่ยวเถาไปเรียกรถม้ามาดีไหมเพคะ”หลังจากเดินออกจากจวนตระกูลเหยียน ขบวนเจ้าสาวก็หายลับไปแล้ว และถนนด้านนอกก็กลับเข้าสู่ความเงียบสงบเสี่ยวเถามองไปยังพ่อค้าแม่ค้าบนถนนที่กำลังปิดแผงขายของ พลางคิดว่าไม่อยากให้พระชายาหลีต้องทนหิว“ยังไม่กลับจวนอ๋องหรอก ข้าจะพาเจ้าไปที่หอจุ้ยเยว่” ฉู่เนี่ยนซียิ้มเบา ๆ ให้เสี่ยวเถาพลางลากนางไปยังหอจุ้ยเยว่ฉู่เนี่ยนซีและเสี่ยวเถาเดินมาถึงสถานที่อันห่างไกล พนักงานถือผ้าพาดแขนเดินมาถามด้วยรอยยิ้มกว้าง “ท่านทั้งสองรับอะไรดีขอรับ? ช่วงนี้ทางเราได้เชิญพ่อครัวฝีมือดีมาทำขนมฝูหรงกรอบ ไม่ทราบว่าท่านทั้งสองอยากลองชิมหรือไม่?”“ได้” หลังจากที่ฉู่เนี่ยนซีพยักหน้าเล็กน้อย นางก็สั่งอาหารห่อกลับเพิ่มอีกสองชุดหลังจากรับประทานอาหารเสร็จแล้ว เสี่ยวเถาก็ถือขนมฝูหรงกรอบพร้อมกับเรียกรถม้าจากหอจุ้ยเยว่เพื่อกลับไปจวนอ๋องหลีกับฉู่เนี่ยนซีซุนจื่อซีที่กำลังเอนกายท่องจำหนังสือการแพทย์อยู่บนตั่งอย่างตั้งใจก็ได้ยินสี่เชว่ที่อยู่นอกประตูส่งเสียงเชื้อเชิญอย่างรีบร้อนยังไม่ทันที่ซุนจื่อซีจะทำความเคารพ ฉู่เนี่ยนซีก็ห้ามนางไว้ นางดึงซุนจื่
ฉู่เนี่ยนซีนึกถึงขนมฝูหรงกรอบที่นางนำไปให้ ตอนนั้นซุนจื่อซีกัดเพียงคำเล็ก ตนคิดว่าคงไม่ถูกปากนางหรือนางคงชินจากกฎระเบียบในวัง แต่ตอนนี้พอมาคิด ๆ ดู…“เสี่ยวเถา หาโอกาสไปสอบถามดูว่าสิ่งที่สาวใช้พวกนั้นพูด เป็นเรื่องจริงหรือเท็จ”เสี่ยวเถามองใบหน้าด้านข้างอันงดงามของฉู่เนี่ยนซีแล้วตอบรับ จากนั้นก็กลับไปพร้อมฉู่เนี่ยนซีก่อนอีกด้านหนึ่ง สี่เชว่มองขนมที่ฉู่เนี่ยนซีส่งมาให้พลางพูดอย่างเหยียดหยาม “มีของอะไรก็ส่งมาให้คณหนูเสียหมด ตอนอยู่ในวังของดี ๆ ที่ไหนบ้างที่คุณหนูไม่เคยได้ทาน นี่นางเอาขนมฝูหรงกรอบจากที่ไหนมาให้ก็ไม่รู้”“เจ้าเอาไปเถอะ” สายตาของซุนจื่อซียังคงจับจ้องไปที่เนื้อหาในหนังสือโดยไม่ละสายตา“เจ้าค่ะ”ตกเย็น เย่เฟยหลีดีใจมากเมื่อเห็นขนมฝูหรงกรอบที่ฉู่เนี่ยนซีนำกลับมา แม้ปกติเขาจะไม่ชอบขนมหวานแต่ก็กินไปหลายชิ้นเสี่ยวเถายกเชิงเทียนไปวางไว้ตรงหน้าฉู่เนี่ยนซีเพื่อไม่ให้นางเสียสายตาขณะที่กำลังตรวจสมุดบัญชีเงาจากแสงเทียนสั่นไหวไปมาบนโต๊ะ ในที่สุดก็นิ่งลง เหลือเพียงควันสีเทาเพียงเล็กน้อย“พระชายาเพคะ หม่อมฉันไปสอบถามมาแล้วได้ความว่าคุณหนูจื่อซีไม่ทานขนมฝูหรงกรอบที่วันนี้เราไปส
หลังจากเข้าไปในโรงพนันอันมืดมิดแล้ว ฉู่เนี่ยนซีก็ให้ซุนจื่อซีอยู่ข้าง ๆ นางไว้เมื่ออวี๋เป่ยเห็นฉู่เนี่ยนซีกำลังมา เขาก็นึกถึงคำสั่งที่เย่เฟยหลีสั่งไว้ด้วยตัวเอง จึงส่งคนคุ้มกันสองสามคนคอยติดตามอยู่รอบ ๆ ฉู่เนี่ยนซี เพื่อที่ฉู่เนี่ยนซีจะได้เที่ยวสนุกไปพร้อม ๆ กับการได้รับความปลอดภัยมีมุมหนึ่งที่เสียงดังเป็นพิเศษ ซึ่งฟังดูไม่เหมือนเสียงตะโกนจากการเล่นพนันตามปกติ ฉู่เนี่ยนซีจึงหันไปมองดูชายอ้วนสวมหน้ากากทองแดงยืนอยู่บนที่สูงกำลังตะโกนโหวกเหวกใส่ชายที่ทำหน้าที่เขย่าลูกเต๋าของโรงพนันหุยหุนหลังจากได้ฟังคร่าว ๆ ฉู่เนี่ยนซีก็พาซุนจื่อซีเดินเข้าไปและพูดว่า “ในเมื่อท่านผู้นี้คิดว่าเจ้าโกง เล่นพรรคเล่นพวก เช่นนั้นข้าจะเป็นคนทำหน้าที่เขย่าถ้วยเอง จะได้รู้ว่าปัญหาเกิดจากใครกันแน่”เมื่อทุกคนเห็นชายาหลีปรากฏตัว สีหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนไป บางคนก็ชื่นชมนาง บางคนก็มองด้วยความตื่นเต้น และบางคนก็หมางเมินทุกคนรวมตัวกันรอบ ๆ ฉู่เนี่ยนซีเพื่อดูว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป“พระชายาหลี ทุกคนที่นี่ล้วนเคารพฐานะของท่าน อีกทั้งพวกเขาก็มาที่นี่เพื่อเล่นสนุก แต่เห็นได้ชัดว่าคนที่นี่ดูเหมือนจะลำเอียงเข้าข้างพ
ซุนจื่อซีมาหาฉู่เนี่ยนซีพลางจับมือของนางและเอ่ยชม “พระชายาเล่นพนันเก่งมาก หากมีเวลาช่วยสอนหม่อมฉันทีนะเพคะ”ฉู่เนี่ยนซีสั่งคนให้นำหีบไม้และลูกเต๋าสองสามลูกมามอบให้ซุนจื่อซีเพื่อไว้เล่นแก้เบื่อซุนจื่อซีถูกใจมาก หลังจากเที่ยวเล่นที่โรงพนันหุยหุนมาทั้งวัน นางก็ยังคงถือมันไว้และเขย่ามันตลอดทางกลับจวนอ๋องฉู่เนี่ยนซีพิงผนังรถม้าพลางสอนซีวิธีเขย่าหีบไม้ให้ซุนจื่อซี ในใจก็ครุ่นคิดถึงสาเหตุที่นางไม่ทานอาหาร ซุนจื่อซีรู้สึกเหนื่อยเล็กน้อยจากการเที่ยวเล่น ดังนั้นฉู่เนี่ยนซีจึงสั่งให้คนขับเร่งความเร็วเพื่อที่นางจะได้กลับไปพักผ่อนที่จวนเร็ว ๆในขณะที่แผ่นหลังแนบกับผนังรถม้า ฉู่เนี่ยนซีก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ จึงยื่นมือลากซุนจื่อซีพุ่งไปที่ประตูรถซุนจื่อซีมองฉู่เนี่ยนซีที่ลุกขึ้นมาครึ่งตัวโดยไม่รู้เหตุผล นางจึงนั่งอยู่ตรงมุมห้องโดยสารแล้วถามว่า “พระชายาจะทำอะไรเพคะ?”ก่อนที่ฉู่เนี่ยนซีจะได้อธิบาย จู่ ๆ รถม้าทั้งคันก็เอียงไปทางขวา ทำเอาพ่อค้าหาบเร่ที่อยู่ข้าง ๆ ตะลึงงัน ล้อหนึ่งหลุดออกจากเพลาและกลิ้งไปจนมาหยุดลงที่เท้าของบรรดาพ่อค้าแม่ขายข้างทางแม้อวี๋หนานจะตอบสนองอย่างรวดเร็วพอ แต่เ
หลังทำการตรวจ โชคดีที่ไม่ได้รับบาดเจ็บที่กระดูก ดังนั้นการรักษาและการฟื้นตัวจะง่ายกว่ากันมากฉู่เนี่ยนซีวางเข็มเงินที่มีความยาวต่างกัน สอดเข้าไปในจุดฝังเข็มของซุนจื่อซี พลางรู้สึกถึงกระแสความอุ่นที่พุ่งขึ้นมาจากเอวของนาง ตอนนี้ความเจ็บปวดได้บรรเทาเบาบางลงไปมากแล้วเย่เฟยหลีนั่งตัวตรงอยู่ในห้องโถงหลัก ฟังเสี่ยวเถาและสี่เชว่อธิบายถึงสิ่งที่เกิดขึ้น ดวงตาของลึกล้ำดุจสระน้ำเต็มไปด้วยความน่ากลัว ด้านอวี๋หนาน หลังจากตรวจสอบรถม้าแล้ว เขาก็เข้ามารายงาน“รถม้าถูกงัดแงะจริง ๆ พ่ะย่ะค่ะ ตลับลูกปืนถูกคลายโดยเจตนา ตัวรถม้าเองก็ด้วย ดังนั้นมันจึงพังเป็นเสี่ยง ๆ ได้ง่ายดาย ทว่าแม้ที่โรงพนันหุยหุนจะมีหูมีตามากมาย แต่สอบถามอยู่นานก็ไม่ได้ความว่าเป็นฝีมือของใครพ่ะย่ะค่ะ”ความโกรธในใจของเย่เฟยหลีค่อย ๆ เพิ่มขึ้น คนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้พยายามใช้วิธีที่ยุ่งยากทุกวิถีทางในการลอบสังหารฉู่เนี่ยนซี แต่สุดท้ายตอนนี้ก็หาเบาะแสไม่พบในเวลาเพียงพริบตา ฉู่เนี่ยนซีก็ดึงเข็มเงินทั้งหมดที่อยู่รอบเอวของซุนจื่อซีออกมา และจัดระเบียบเสื้อผ้าให้นางก่อนมาที่ห้องโถงหลัก“โชคดีที่นางไม่ได้รับบาดเจ็บไปถึงกระดูก ตอนน
“เจ้าจะยอมส่งนางกลับวังหรือ?”เหมือนไทเฮาจะหยอกล้อเย่เฟยหลีราวกับทรงรู้ทุกอย่าง“เหตุใดหลานถึงจะไม่ยอมล่ะพ่ะย่ะค่ะ?”ไทเฮาตบไหล่เย่เฟยหลี “มีอะไรที่เจ้าไม่กล้าพูดต่อหน้าข้าหรือ ในเมื่อตอนนี้มีใจเสน่หาต่อกันแล้วก็ควรจะรีบจัดงานอภิเษกโดยไว ไยจึงเอาแต่ผัดวันประกันพรุ่ง? ข้ารู้มาว่าเจ้าเป็นคนอุ้มซีเอ๋อร์กลับเรือนของนาง เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้วเจ้ายังจะปิดบังข้าอยู่อีกหรือ?”คาดไม่ถึงว่าไทเฮาจะทรงเข้าใจผิดเช่นนี้ ทำเอาความสุขุมในแววตาของเย่เฟยหลีสั่นไหว“เสด็จย่าได้ยินข่าวลือนี้มาจากไหนพ่ะย่ะค่ะ แม้นั่นจะเป็นเรื่องจริง แต่ก็ไม่ใช่อย่างที่เสด็จย่าทรงคิดอย่างแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ”ไทเฮาทอดพระเนตรมองเย่เฟยหลีแปลก ๆ คิ้วของพระนางขมวดด้วยความสับสน “แล้วเรื่องเป็นอย่างไร?”เย่เฟยหลีอธิบายเรื่องทั้งหมดให้ไทเฮาทรงทราบ และสุดท้ายได้ย้ำว่าฉู่เนี่ยนซีอยู่เฝ้านางตลอดทั้งคืนเพื่อให้แน่ใจว่าซุนจื่อซีจะไม่ป่วยเป็นอะไรไป“นั่นเป็นเรื่องสมควรอยู่แล้วที่นางจะต้องคอยเฝ้า ซีเอ๋อร์ของข้าต้องเจ็บตัวแทนนาง แล้วนางยังจะนอนหลับลงหรือ? กลับไปบอกฉู่เนี่ยนซีด้วยว่าหากซีเอ๋อร์ของข้าเป็นอะไรไป นางจะต้องดูแลรักษาซีเอ๋อร์
สี่เชว่พาเด็กสาวคนหนึ่งเข้ามา นางกำนัลผู้นั้นคุกเข่าลงและพูดด้วยความหวาดกลัวว่า “เป็นไทเฮาเพคะ ไทเฮาทรงมีรับสั่งให้หม่อมฉันคอยรายงานสถานการณ์ทุกอย่าง เมื่อคืนหม่อมฉันเห็นท่านอ๋องหลี... คิดว่าหากหม่อมฉันรีบไปรายงานก็คงจะได้รางวัล หม่อมฉันจึงรีบร้อนออกไปโดยไม่รู้ว่าคุณหนูได้รับบาดเจ็บเพคะ”“คราวนี้ท่านอ๋องเข้าใจหรือยังเพคะ?”น้ำเสียงของซุนจื่อซีมีความเย็นชา พลางทอดสายตาไปบนพรมที่ถักทอเป็นลายดอกไม้ แต่ฝ่ามือของนางกลับมีเหงื่อออกเล็กน้อยดวงตาของเย่เฟยหลีเป็นประกาย เขาพูดกับซุนจื่อซีว่า “ข้าแค่สงสัยเท่านั้น ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าก็ต้องขอโทษเจ้าด้วย อย่าได้โกรธเคืองข้าเลย”แม้ฉู่เนี่ยนซีจะนอนอยู่บนเตียง แต่กลับไม่รู้สึกง่วง เมื่อได้ยินเสี่ยวเถามารายงานว่าเย่เฟยหลีกลับมาจากการเยี่ยมซุนจื่อซีแล้ว ใจของนางที่ตอนนี้เปรียบดั่งทะเลสาบที่ปั่นป่วน รู้สึกราวกับมีสายลมพัดมาทำให้ระลอกคลื่นขยายวงกว้างขึ้นกว่าเดิมอีกหนึ่งวันก็จะถึงวันส่งท้ายปีเก่าแล้ว พ่อค้าแม่ค้าตามท้องถนนต่างพากันเก็บแผงขายของ กลับบ้านแต่หัววันอาการบาดเจ็บที่เอวของซุนจื่อซีหายดีแล้ว พอรุ่งเช้านางก็เข้าไปในพระราชวังเพื่อเตรียมก