“ท่านอ๋อง หมอหลวงจะดูแลอาการบาดเจ็บของพระชายาอย่างดี อีกทั้งยารักษาโรคมากมายในวังก็ดีที่สุดในใต้หล้า ท่านอ๋องไม่จำเป็นต้องกังวลหรอกพ่ะย่ะค่ะ”ขันทีเฉินพยุงเย่เฟยหลีให้ยืนขึ้นพร้อมพูดกระซิบ “เคราะห์ร้ายอาจให้โชค เคราะห์ดีอาจให้ทุกข์ หากเห็นว่าพระชายาหลีได้รับบาดเจ็บ องค์หญิงห้าคงไม่ทรงรบกวนนางมากเกินไปแน่พ่ะย่ะค่ะ”หลังจากที่เย่เฟยหลีส่งขันทีเฉินกลับไป เขาก็นำพระราชโองการไปยังหอนอนของฉู่เนี่ยนซี ส่วนฉู่เนี่ยนซีกำลังให้เสี่ยวเถาเปลี่ยนผ้าพันแผลให้ แม้ว่าจะเป็นยาที่นางคิดค้นขึ้นเอง แต่ก็ยังรู้สึกเจ็บมากจนนางขมวดคิ้ว“ข้าทำเอง” เย่เฟยหลีเดินเข้ามาหยิบขวดยาจากมือของเสี่ยวเถา เมื่อมองไปที่บาดแผล ดวงตาของเขาก็ฉายแววดุร้าย เขาจัดการโรยผงยาลงบนบาดแผลจนทั่วโดยไม่พูดอะไร แล้วใช้ผ้าพันแผลค่อย ๆ พันไปรอบ ๆฉู่เนี่ยนซีรู้สึกว่าเย่เฟยหลีมีบางอย่างผิดปกติ นางจึงส่งสายตาให้เสี่ยวเถาออกไป นางเอียงศีรษะเล็กน้อยแล้วมองไปยังใบหน้าด้านข้างของเย่เฟยหลี จากนั้นก็ยื่นนิ้วเย็น ๆ ไปเกลี่ยรอยย่นระหว่างคิ้วของเขาให้เรียบ“ข้าได้ยินจากคนข้างนอกว่าขันทีเฉินมาที่นี่ เขามาทำไมหรือ?” เสียงของฉู่เนี่ยนซีแผ่วเบาราวใ
วันรุ่งขึ้น ฉู่เนี่ยนซีตื่นแต่เช้าและรับประทานอาหารเช้าที่จวนอ๋องหลี จากนั้นก็มุ่งหน้าไปยังพระราชวังกับเย่เฟยหลีระหว่างทาง เย่เฟยหลียังคงกำชับฉู่เนี่ยนซีว่าดูแลตัวเองให้ดี ฉู่เนี่ยนซีมองเขาอย่างจนใจพลางพูดว่า “ข้าไม่ยักรู้มาก่อนว่าท่านเป็นคนช่างพูดขนาดนี้”เย่เฟยหลียิ้มอย่างรักใคร่ เพียงแค่จับมือนางไว้และไม่พูดอะไรอีกหลังจากที่ทั้งสองมาถึงก็แยกย้ายกัน คนหนึ่งไปเข้าเฝ้าอย่างเป็นทางการ อีกคนหนึ่งนั่งรถม้าไปยังตำหนักโซ่วคังเมื่อนางกำนัลประจำตำหนักโซ่วคังเห็นรถม้าเคลื่อนเข้ามาจากระยะไกลก็รีบกลับไปทูลฉู่กุ้ยเฟยในทันทีหลังจากที่ฉู่กุ้ยเฟยได้ยินข่าว หยางเหอก็ช่วยประคองนางออกจากหอนอน และพบกับฉู่เนี่ยนซีที่มาถึงแล้ว“ท่านป้า” ฉู่เนี่ยนซีดีใจมากที่ได้เห็นฉู่กุ้ยเฟย แต่นางก็ยังคงทำความเคารพเพื่อรักษามารยาท “ถวายความเคารพกุ้ยเฟยเพคะ”“รีบลุกขึ้นเถิด”ฉู่กุ้ยเฟยยิ้มด้วยความรักและเอ็นดูพลางโบกมือเรียกฉู่เนี่ยนซีให้รีบเข้ามาหาหลังจากที่ฉู่เนี่ยนซีจับแขนของฉู่กุ้ยเฟย พวกนางก็พูดคุยหัวเราะพร้อมเดินไปที่ศาลาอุ่นร้อนทางฝั่งตะวันออกด้วยกันฉู่กุ้ยเฟยเปิดม่านใสและเดินผ่านห้องโถงหลักไปยังหอนอ
“สองคนนี้ได้รับมอบหมายมาจากกรมวัง หากพวกนางปรนนิบัติเจ้าไม่ดีก็บอกได้เลย”ฉู่กุ้ยเฟยชี้ไปที่นางกำนัลทั้งสองแล้วพูดกับฉู่เนี่ยนซีทันใดนั้นก็มีนางกำนัลผู้หนึ่งเข้ามาจากด้านนอกตำหนัก นางทำความเคารพฉู่กุ้ยเฟยและฉู่เนี่ยนซีแล้วกล่าวว่า “ถวายความเคารพฉู่กุ้ยเฟยและพระชายาหลี หม่อมฉันเป็นคนสนิทขององค์หญิงห้า องค์หญิงทรงตรัสว่าหากพระชายาหลีเข้าวังมาแล้วให้มาพบที่ศาลาจิ่งอวิ๋นเพคะ”ฉู่เนี่ยนซีและฉู่กุ้ยเฟยมองหน้ากันราวกับว่านี่เป็นสิ่งที่พวกนางคาดการณ์เอาไว้ฉู่เนี่ยนซีพูดกับนางกำนัลผู้น้อย “ได้ ไปกันเถอะ”ฉู่เนี่ยนซีพูดอีกสองสามคำกับฉู่กุ้ยเฟย จากนั้นนางและเสี่ยวเถาก็ตามนางกำนัลผู้น้อยที่นำทางไปยังศาลาจิ่งอวิ๋นศาลาจิ่งอวิ๋นแตกต่างจากตำหนักโซ่วคัง เย่เซวียนเล่อ ได้รับความโปรดปรานอย่างสุดซึ้งจากทั้งฮองเฮาและองค์จักรพรรดิ ดังนั้นจึงมีรับสั่งให้ตกแต่งศาลาจิ่งอวิ๋นอย่างงดงามเป็นพิเศษแค่ผ้าที่ใช้ทำม่านแขวนตรงทางเข้าห้องโถงใหญ่ก็ใช้ทองคำและเงินเป็นจำนวนมากฉู่เนี่ยนซีที่เข้าไปในห้องโถงใหญ่ก็เห็นองค์หญิงห้านั่งอยู่ตรงที่นั่งเจ้าบ้านพลางมองนางอย่างอวดดีนางเพียงมองกลับไปด้วยสีหน้าสงบ ไม่ทำท่
จนกระทั่งเย่เซวียนเล่อสั่งให้นางกำนัลหยิบพู่กันและกระดาษมาให้ ฉู่เนี่ยนซีจึงหันมาสนใจอีกเรื่องแทนเย่เซวียนเล่อจดบันทึกสูตรอาหารบำรุงกระเพาะอาหารทีละรายการตามที่ฉู่เนี่ยนซีพูด ทว่าหลังจากที่เขียนสูตรอาหารไปแล้วห้าอย่างแต่ฉู่เนี่ยนซีก็ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดฉู่เนี่ยนซีที่กำลังพูดถึงอาหารอย่างที่หกก็หยุดกะทันหันและพูดกับเย่เซวียนเล่อ “สิ่งที่หม่อมฉันพูดเมื่อครู่นี้ผิดไปองค์หญิงทรงจดใหม่อีกครั้งนะเพคะ”เย่เซวียนเล่อจ้องฉู่เนี่ยนซี แต่ฉู่เนี่ยนซีเพียงมองไปที่ชาสีเข้มในถ้วยและทำทีไม่สนใจนาง“หม่อมฉันพูดผิดอีกแล้ว องค์หญิงห้าทรงจดใหม่นะเพคะ”“องค์หญิงห้าทรงจดใหม่อีกครั้ง…”……“ฉู่เนี่ยนซี นี่เจ้าล้อข้าเล่นรึ!”ในที่สุดเย่เซวียนเล่อก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป นางโยนพู่กันในมือทิ้ง ดวงตาของนางเบิกกว้างราวกับเถาองุ่นขึ้น“จะเป็นไปได้อย่างไรล่ะเพคะ แต่จริง ๆ สิ่งที่เขียนไปก็เพียงพอแล้วสำหรับหลายวันต่อจากนี้ องค์หญิงห้าสามารถเขียนเพิ่มไว้อีกสองฉบับ เก็บไว้กับตัวท่านหนึ่งฉบับ มอบให้ไทเฮาหนึ่งฉบับ และอีกหนึ่งฉบับส่งไปที่ตำหนักโซ่วคัง องค์จักรพรรดิจะได้ทรงทราบถึงความกตัญญูขององค์หญิงห้า นั่นคงจะเป็นเรื
ฉู่กุ้ยเฟยตอบอย่างอ่อนโยน “ตลอดทางมาที่นี่อากาศหนาวเย็น เพราะการมาของเหล่าสนม เช่นนั้นข้าจึงเตรียมอ่างถ่านเพิ่มไว้ในตำหนักโซ่วคังเป็นพิเศษ ซีเอ๋อร์นางได้รับบาดเจ็บที่แขนจึงไม่เหมาะที่จะอยู่ในสถานที่ที่ร้อนเกินไป เพราะอาจติดเชื้อได้ง่าย เช่นนั้นข้าจึงไม่ได้ให้นางมา”“เป็นเช่นนี้นี่เอง เดิมทีหม่อมฉันมีเรื่องที่อยากจะถามชายาหลีเพราะนางเป็นหมอมีฝีมือ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าคงไม่สะดวกจะรบกวนนาง” นางสนมพยักหน้าและกล่าวอย่างเสียดาย“มีเรื่องอะไรหรือ?” ฉู่กุ้ยเฟยถาม“หม่อมฉันเข้าวังมาปีกว่าแล้ว แต่ท้องของหม่อมฉันกลับไม่มีการเคลื่อนไหวเลย ไม่กี่เดือนก่อนพระชายาฉิงให้กำเนิดองค์ชาย หม่อมฉันจึงรู้สึกอิจฉามากน่ะเพคะ”“นอกจากนี้ แม้ว่าพระชายาฉิงจะได้รับการเลื่อนตำแหน่ง แต่สุขภาพของนางก็ไม่ดีขึ้นเลย ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา หม่อมฉันเห็นนางไม่ถึงสองครั้งด้วยซ้ำ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการรวมตัวพบปะตอนเช้าและตอนเย็นเลยเพคะ”นางสนมสูงอายุในชุดสีฟ้าน้ำทะเลคนหนึ่งกล่าวขึ้น“ก่อนหน้านี้หม่อมฉันไปเยี่ยมพระชายาฉิง ร่างกายของนางดูอ่อนแอลงมากจริง ๆ แต่ก็มีการกำชับกับหมอหลวงให้ดูแลนางเป็นพิเศษแล้ว ช่วงนี้อากาศเริ
“เจ้ายังจำพระชายาฉิงผู้ที่เจ้าผ่าคลอดเพื่อช่วยลูกชายของนางเมื่อสองสามเดือนก่อนได้หรือไม่?”น้ำเสียงของฉู่กุ้ยเฟยนั้นอ่อนโยนเสมือนสายลมฤดูใบไม้ผลิที่พัดผ่านในเดือนเมษายน“จำได้เพคะ”“ช่วงนี้สุขภาพของนางย่ำแย่ลงมาก ถึงจะดื่มยาสมุนไพรแล้วก็ไม่เป็นผล ข้าเห็นนางแล้วก็รู้สึกสงสาร เช่นนั้นจึงอยากรบกวนซีเอ๋อร์ผู้มีความเชี่ยวชาญด้านการแพทย์ช่วยไปดูนางให้ข้าที”แม้ว่าศีรษะจะคลุมด้วยผ้าม่านสีแดงเข้มที่ปักลวดลายละเอียดอ่อนเช่นเมล็ดบัวและเถาวัลย์ แต่ก็ยังสะท้อนให้เห็นถึงความอ่อนแรงบนใบหน้าของฉู่กุ้ยเฟยฉู่เนี่ยนซีพยักหน้าและกุมนิ้วเรียวยาวของฉู่กุ้ยเฟยพลางกำชับขึ้นว่า “ท่านป้าอย่าทรงหักโหมมากเกินไป ท่านทรงตั้งครรภ์อยู่นะเพคะ”หลังจากพูดคุยกับฉู่กุ้ยเฟยอีกครู่ ฉู่เนี่ยนซีก็ให้ฉู่กุ้ยเฟยได้พักผ่อนหลังจากที่นางหลับไป ฉู่เนี่ยนซีก็ออกจากห้องบรรทม ก่อนจะเรียกเสี่ยวเถาและหยางเหอพร้อมกับบอกหยางเหอให้เฝ้าดูฉู่กุ้ยเฟยอย่างใกล้ชิด หากนางรู้สึกไม่สบายจะได้ตามหาคนได้ทันเวลาหยางเหอรับคำสั่ง และได้ยินว่าฉู่เนี่ยนซีต้องการไปเยี่ยมพระชายาฉิง เช่นนั้นจึงสั่งให้หวนเอ๋อร์นำทางไปที่นั่นจะได้ไม่หลงทางในสภาพอา
พวกเขาทั้งสองเดินไปที่ประตูพระราชวัง เย่เหลียนก็เหลือบมองเย่เฟยหลีอย่างมีความหมาย“ข้าจะไม่แตะต้องนาง”หลังจากพูดจบเย่เหลียนก็ขึ้นเกี้ยวไป ยามที่อยู่ด้านข้างลดม่านลง ก่อนจะพยักหน้าทำความเคารพเย่เฟยหลีแล้วจากไปเย่เฟยหลีขี่ม้าตัวสูงหันหลังให้กลุ่มคน เหลียงหยวนขี่ม้าตามมาที่ด้านข้างก่อนจะกระซิบเสียงต่ำ “ท่านอ๋อง กระหม่อมตรวจสอบแล้ว ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่ฝีมือของท่านอ๋องเหลียนพ่ะย่ะค่ะ เพียงแต่...”“อะไร?”ใบหน้าที่เย็นชาของเย่เฟยหลีไม่ได้ผ่อนคลาย คิ้วของเขาขมวดและดูเย่อหยิ่ง แต่รัศมีอันเยือกเย็นที่เล็ดลอดออกมาจากร่างกายของเขานั้นก็ทำให้เขาดูภูมิฐานมาก“ช่วงนี้ท่านอ๋องเหลียนไปมาหอการแพทย์บ่อยครั้ง เขาส่งของบางสิ่งไปเป็นครั้งคราว รวมถึงเงิน เครื่องประดับ และวัสดุยาล้ำค่า ส่วนหอการแพทย์ก็รับไว้ตามคำสั่งโดยไม่ปฏิเสธด้วยขอรับ” เหลียงหยวนพูดกับเย่เฟยหลีอย่างเป็นกังวล“ตรวจสอบอย่างละเอียด”“ขอรับ”ฉู่เนี่ยนซี เสี่ยวเถา และหวนเอ๋อร์มาถึงตำหนักเต๋อซิ่งของพระชายาฉิง เมื่อแม่นมที่รออยู่ด้านข้างเห็นฉู่เนี่ยนซีจึงรีบโค้งคำนับแล้วกล่าวกับนางว่า “น่าเสียดายที่พระชายาหลีเสด็จมาที่นี่เวลานี้ ตอนนี้
นางกำนัลอาวุโสคนนั้นเป็นหญิงชราที่ฉลาด นางอธิบายเรื่องนี้อย่างชัดเจน และเห็นได้ชัดว่านางเป็นห่วงพระชายาฉิงจริง ๆฉู่เนี่ยนซีโน้มตัวไปข้างหน้าและจับแขนของนางไว้ เมื่อเสี่ยวเถาและหวนเอ๋อร์ที่อยู่ด้านข้างเห็นเช่นนั้นรีบพยุงนางกำนัลอาวุโสให้ลุกขึ้นทันทีเมื่อเห็นนางกำนัลอาวุโสร้องไห้น้ำตาไหลอาบแก้ม ฉู่เนี่ยนซีก็ทนไม่ไหว“วันนี้ที่ข้ามาที่นี่ก็เพราะคำขอจากฉู่กุ้ยเฟย ท่านป้าของข้า ท่านไม่ต้องกังวล ในเมื่อข้ามาที่นี่แล้ว ข้าก็จะพยายามรักษาพระชายาฉิงอย่างเต็มที่แน่นอน”“ขอบพระทัยพระชายามากเพคะ”นางกำนัลอาวุโสดีใจมาก ขณะที่กำลังปาดน้ำตาก็เห็นสาวใช้ตัวน้อยวิ่งเข้ามา“ทูลพระชายา ชายาฉิงทรงตื่นจากบรรทมแล้วเพคะ พอทราบว่าพระชายาเสด็จมาที่นี่ จึงสั่งให้บ่าวรีบเชิญพระชายาไปที่ตำหนักเพคะ”ทันทีที่ฉู่เนี่ยนซีเข้ามาในพระตำหนักนางก็รู้สึกถึงความร้อนไปทั่วร่างกาย ช่องมังกรดินในตำหนักร้อนแรงเป็นพิเศษ แต่พระชายาฉิงก็ยังวางอ่างถ่านเพิ่มอีกสองอ่างราวกับนางกลัวความหนาวนางเดินไปที่ข้างเตียงและมองพระชายาฉิงที่ครั้งหนึ่งเคยมีเนื้อหนัง แต่ตอนนี้กลับผอมแห้ง จนแม้แต่ชุดนอนก็ดูหลวมโพรกนางทักทายพระชายาฉิงก่อ