“ไม่เป็นไร ไม่ตายหรอก!”หยุนเจิงยิ้มมุมปาก “เจ้าได้รับบาดเจ็บหรือไม่?”“ข้าไม่เป็นไร”เมี่ยวอินส่ายหน้า จากนั้นก็ถลึงตาใส่หยุนเจิงอย่างหงุดหงิด “เสียแรงเจ้าเป็นแม่ทัพหลักของกองทัพ ตอนที่บุกเข้าขบวนศัตรู อย่างกับคนบ้า! ยังดีที่เจ้าไม่ได้ขี่ย่ำเหมันต์ มิฉะนั้น พวกเราคงตามเจ้าไม่ทันแล้ว...”หยุนเจิงหัวเราะ กล่าวอย่างไม่เห็นด้วย “บุกมาถึงตรงนี้แล้ว อย่าว่าแต่แม่ทัพหลักเลย ต่อให้เป็นจักรพรรดิมาเองก็ต้องบุกฆ่าเหมือนกัน!”ผู้ชาย ย่อมต้องมีเวลาหุนหันพลันแล่นไม่ใช่บนเตียง ก็ต้องบนสนามรบบุกมาถึงขั้นนี้แล้ว ใครจะสนว่าจะสมเหตุสมผลหรือไม่!เวลานี้ มีเพียงเจ้าตายข้าอยู่!ทุกคนล้วนกำลังฆ่าอย่างบ้าคลั่งต่อให้เขาหลบบัญชาการอยู่ด้านหลัง ก็ไม่ได้มีความหมายใดมากนักคนฆ่าจนตาแดง เกรงว่าแม้แต่คำสั่งกองทัพล้วนไม่ฟังแล้ว อย่าว่าแต่ปฏิบัติตามคำสั่งทหารเลยสองสนามรบใหญ่ติดต่อกัน ตั้งแต่เวลาช่วงเที่ยงจนถึงยามตะวันรอนหลังการพังทลายของทหารม้าเป่ยหวน หยุนเจิงจัดคนช่วยเหลือผู้บาดเจ็บอย่างรวดเร็วในใจเขารู้ดี สงครามใหญ่ที่ปะทะกันโดยตรงติดต่อกันสองครั้ง ความเสียหายของพวกเขาหนักมากถึงที่สุดนี่ไม่เหม
“เจ้าคิดจะหลอกล่อทิศทางการไล่ล่าของทัพศัตรู?”เมี่ยวอินด้านหนึ่งพันแผลให้หยุนเจิง ด้านหนึ่งไถ่ถาม“อืม!”หยุนเจิงพยักหน้าเบาๆ “ทันทีที่ทัพศัตรูได้ข่าวการตายของฮูเจี๋ย เป็นไปได้มากว่าจะส่งคนมาไล่ล่าพวกเรา! หากสามารถล่อทัพศัตรูไปยังทิศทางตรงกันข้ามไห้ ต่อให้พวกเราถูกศัตรูไล่ล่า ต้องปะทะกับพวกเขาอีกสนาม โอกาสชนะก็จะมีมากขึ้นหน่อย“พวกเราต้องต่อสู้ต่อไป เช่นนั้น...”เมี่ยวอินอยากจะกล่าวแต่ก็หยุดไว้“ข้ารู้”หยุนเจิงพยักหน้า กล่าวด้วยความจนใจ “ข้าไม่อยากสู้กับทัพศัตรูอีก แต่เกรงว่าทัพศัตรูจะบ้าคลั่ง ต้องตามมาสู้กับเราให้ได้ วางแผนเอาไว้ก่อน อย่างน้อยก็มีความหวังเพิ่มขึ้นอีกหน่อยไม่ใช่หรือ?”เวลานี้แล้ว นอกจากพวกคลั่งสงครามอย่างฉินชีหู่ ใครบ้างคิดจะไปปะทะกับทัพศัตรู!ผลลัพธ์ของสงครามครั้งนี้พวกเขาได้มามากเพียงพอแล้วแน่นอน ความเสียหายก็มากเกินพอเช่นกันต่อไป ไม่มีผลสงครามใด ให้คนเหล่านี้ที่เหลือแยกย้ายกลับไปใช้ชีวิต ก็นับว่าเป็นชัยชนะยิ่งใหญ่ที่สุดแล้วแต่พวกเขาคิดอยากถอย ทัพศัตรูอาจไม่อยากให้พวกเขาถอย!ถึงเช่นไร ประมุขใหญ่เป่ยหวนล้วนถูกกำจัดแล้ว“ก็จริง!”เมี่ยวอินพยักหน้า จา
“ไม่ได้รับบาดเจ็บก็แปลกแล้ว!”ฉินชีหู่หัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้มองฉินชีหู่ “รีบพันแผลก่อน! ข้าเห็นว่าเจ้าได้รับบาดเจ็บแล้ว!”กล่าวจบ เสิ่นลั่วเยี่ยนชี้บาดแผลที่หลังของฉินชีหู่“ข้าได้รับบาดเจ็บหรือ?”ฉินชีหู่สีหน้ามึนงง จากนั้นก็ขยับแผ่นหลังเมื่อขยับ แผ่นหลังพลันรู้สึกเจ็บออกมา“ได้รับบาดเจ็บจริงด้วย?”ฉินชีหู่สีหน้าสับสน “มารดาสิ ข้าได้รับบาดเจ็บเช่นไร?”เมื่อได้ฟังคำของฉินชีหู่ ทุกคนสีหน้าดำอึมครึมอย่างควบคุมไม่อยู่แม้แต่บาดเจ็บได้เช่นไรเขาล้วนไม่รู้?หยุนเจิงแม้ไม่รู้ว่าเขาถูกใครทำให้บาดเจ็บ แต่อย่างน้อยเขาก็ยังรู้ว่าตัวเองได้รับบาดเจ็บเพียงแต่ตอนนั้นกำลังตะลุมบอนกับคนอื่น เขาไม่มีจิตใจไปดูอาการเท่านั้นส่วนเจ้านี่ แม้กระทั่งตัวเองได้รับบาดเจ็บยังไม่รู้ตัว?ยังหน้าชื่นตาบานอยู่ตรงนี้เสิ่นลั่วเยี่ยนมองเขาด้วยรอยยิ้มฝืน จากนั้นก็กล่าวด้วยความสำนึกผิด “ใต้สังกัดฮูเจี๋ยมีนายพลกล้าคนหนึ่ง ตอนที่ข้าปะทะเขา ข้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา เจ้ารีบเข้ามาช่วยข้า ถูกคนผู้นั้นลอบโจมตีที่แผ่นหลัง...”ตอนนั้นนางเห็นเข้าในช่วงเวลาคลุมเครือแต่สถานการณ์โดยรวม นางเองก็เห็นไม่ชัดถึงเช
แม้ระยะยังห่างไกล ทว่าหยุนเจิงยังจำเอกลักษณ์ประจำตัวของคนผู้นี้ได้ตู้กุยหยวน!คนที่ถูกทหารกองทหารโลหิตผู้นั้นกอดเอาไว้ ไม่ใช่ตู้กุยหยวนแล้วจะเป็นใคร?ชั่วพริบตา รอยยิ้มเสิ่นลั่วเยี่ยนและฉินชีหู่แข็งค้างหยุนเจิงเหมอลอยไปเล็กน้อย จากนั้นก็ลุกขึ้นยืนทันที รีบเดินไปหาทหารกองทหารโลหิตผู้นั้น ส่วนคนที่เหลือก็วิ่งเข้าไปหาอย่างรวดเร็วทันทีที่เขาไปถึงหน้าทหารผู้นั้น คนผู้นั้นลุกเข่าลง“องค์ชาย...”เสียงร้องไห้ น้ำตาของต่งกังพรั่งพรูออกมาหยุนเจิงก้มหน้าคนที่ต่งกงกอดอยู่ ไม่ใช่ตู้กุยหยวนแล้วจะเป็นผู้ใด?ตู้กุยหยวนเวลานี้ ไม่มีลมหายใจแล้วตามร่างกายเขามีบาดแผลที่สะดุดตาอยู่หลายแห่ง หน้าอกยุบลงไปควรจะเป็นไปได้ว่าเขาได้รับบาดเจ็บสาหัสและถูกม้าศึกเหยียบย่ำหลังจากตกจากหลังม้าตู้กุยหยวนต่อสู้จนตายไปเงียบๆการตายที่ไม่เหลือคำพูดสั่งเสียไว้สักประโยคเช่นเดียวกับทหารส่วนใหญ่ท่ามกลางสงครามดุเดือด ทุกคนกำลังตะลุมบอนกับทัพศัตรูสุดชีวิต ไม่มีผู้ใดสังเกตว่าหยุนเจิงตายเมื่อใดตอนที่เห็นร่างของตู้กุยหยวน ดวงตาหยุนเจิงเริ่มร้อนผ่าว“ทหาร!”เวลานี้ หยุนเจิงพลันอาละวาดออกมา คำรามด้วยแรงอา
แต่ต่งกงกลับไม่ยอมลุกขึ้น เพียงแค่นั่งก้นกระแทกลงกับพื้น มองร่างตู้กุยหยวนอย่างเหม่อลอย“ก่อนตู้กุยหยวนตายได้ฝากฝังสิ่งใด?”เนิ่นนาน หยุนเจิงถามต่งกงโดยที่หันหลังให้กับทุกคนต่งกงดึงสติกลับมาด้วยความยากเย็น สำลักด้วยเสียงสะอื้น “ก่อนตายพี่ใหญ่ตู้ฝากฝังกับเหล่าพี่น้อง หากเขาตายในสงคราม สถานที่แห่งความตาย ก็คือสถานที่หวนคืนกลับ...”สถานที่แห่งความตาย ก็คือสถานที่หวนคืนกลับ...ภายในใจหยุนเจิงนึกย้อนประโยคนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่ากระดูกผู้ภักดีฝังไว้ทุกแห่งหน ใยต้องห่อศพไว้บนหลังม้าเพื่อส่งคืนคำพูดของตู้กุยหยวน คงมีความหมายเดียวกับประโยคนี้กระมัง?หยุนเจิงพยายามปรับอารมณ์ บังคับให้ตัวเองสงบลงผ่านไปเนิ่นนาน หยุนเจิงจึงเดินทางยังตรงที่พวกเขานั่งเมื่อครู่ หยิบดาบใหญ่ที่แตกหักของฉินชีหู่เล่มนั้นหน้าดาบหักครึ่ง เหมาะกับการนำมาขุดดินเมื่อเห็นการกระทำของหยุนเจิง ทุกคนเดาได้แล้วว่าหยุนเจิงต้องการทำสิ่งใดเสิ่นลั่วเยี่ยนและเมี่ยวอินรีบเข้ามา อยากจะรับดาบในมือหยุนเจิง ทว่าหยุนเจิงปฏิเสธ“เจ้าบาดเจ็บ ให้ข้าทำเถอะ!”เมี่ยวอินกล่าวเสียงเบากับหยุนเจิง“ไม่เป็นไร”หยุนเจิงพยักหน้าเบาๆ “ไร้หน
เผชิญหน้ากับคำถามของหยุนเจิง บอกเล่าเรื่องราวด้วยสีหน้าเศร้าหมองหลังจากสืบข่าวจากทัพหลังศัตรู ได้รู้ว่าครั้งนี้เป็นฮูเจี๋ยนำทัพด้วยตัวเองบุกโจมตีโปหลวน ตู้กุยหยวนรีบกลับมาที่ชายแดนเว่ย อยากจะรายงายหยุนเจิงปรากฎว่ากลับมาถึงชายแดนเว่ย หยุนเจิงได้นำทัพเข้าสู่ทุ่งหญ้ามู่หม่าแล้วหลังจากตู้กุยหยวนส่งคนไปรายงายอวี๋ซื่อจง ก็รีบนำทัพมาทันที“พวกเข้าข้ามแม่น้ำเช่นไร?”หยุนเจิงถามอีกครั้ง “เหตุใดสวมเสื้อกันเช่นนี้?”ต่งกังตอบ “พวกเราคนน้อย ให้คนที่ว่ายน้ำเก่งนำเชือกหนาๆ ไปผูกไว้อีกฝั่ง คนที่เหลือเกาะเชือกน้ำข้ามแม่น้ำมา”คนของกองทหารโลหิตมีจำนวนไม่น้อยที่ว่ายน้ำไม่เป็นแต่ช่วยไม่ได้ ทหารทางเหนือก็เป็นเช่นนี้ ไม่คุ้นเคยกับการว่ายน้ำเมื่อก่อนล้วนเป็นฤดูหนาวที่หนาวเหน็บ แม้แต่แม่น้ำไป๋สุ่ยล้วนกลายเป็นน้ำแข็ง ต่อให้ฝึกฝนกองทหารโลหิตเช่นไร ก็ไม่อาจเจาะแม่น้ำที่เป็นน้ำแข็งเพื่อฝึกฝนได้!ความจริง วิธีการข้ามแม่น้ำนี้ พวกเขาเคยใช้ตอนที่โจมตีก่อกวนบนทุ่งหญ้ามู่หม่าแต่ตอนนั้นหลังจากพวกเขาข้ามแม่น้ำไป ก็ยังมีเวลาหาสถานที่นำเสื้อผ้าผิงไฟให้แห้งแต่ครั้งนี้ พวกเขารีบร้อนมาช่วยเหลือหยุนเจิง ไม
ม้าล้ำค่าทั้งสองตัวนี้ล้วนไม่ได้รับบาดเจ็บ กลายเป็นอาวุธยุทธภัณฑ์ของพวกเขาความเสียของสงครามครั้งนี้ มีมากกว่าที่หยุนเจิงคิดเอาไว้มากประมุขใหญ่ฮูเจี๋ยนำทัพบุกมาด้วยตนเอง เพิ่มขวัญกำลังใจของกองทหารศัตรูอย่างมากต่อให้ฮูเจี๋ยสยบกองกำลังโปหลวนชั่วคราว แต่ก็ยังระเบิดกำลังการต่อสู้ออกมาได้ขั้นสุดไม่ว่าภายในเป่ยหวนจะต่อสู้ขัดแย้งกันเช่นไร สำหรับเป่ยหวนแล้ว พวกเขาคือศัตรูที่แท้จริงทั้งสองฝ่ายต่อสู้กันอย่างหนักโดยหมายจะเอาชีวิตแม่ทัพหลักของอีกฝ่ายสู้กันจนสภาพเป็นเช่นนี้ ชนะหรือแพ้ล้วนไม่แตกต่างกันมากความเสียหายรุนแรงเช่นนี้ ทั้งยังทำให้เสียผู้ใต้บังคับบัญชาคนโปรดอย่างตู้กุยหยวนไป หยุนเจิงไม่ดีใจเลยสักนิดกระดูกสีขาวดุจเม็ดทรายและหิมะ แม่ทัพวาดหวังได้เกษียณกลับสู่บ้านเกิดเวลานี้ หยุนเจิงรับรู้ความหมายของกวีบทนี้ท่วมท้นไปทั้งตัวนอกจากความโหดร้าย ก็มีแต่ความโหดร้ายการต่อสู้ที่โหดร้ายเช่นนี้ ทั้งชีวิตเขาไม่อยากทำสงครามเช่นนี้อีกแล้ว!รอจนกองกำลังห้าร้อยคนของนักรบภูตสิบเจ็ดกลับมา หยุนเจิงสั่งคนพาผู้บาดเจ็บและอาวุธยุทธภัณฑ์เริ่มทำการถอยทัพ……กลางดึก ทหารเลือดท่วมตัวเข้ามาในกระ
เพียงไม่นาน เกออาซูและทัวน่าเกอก็รีบร้อนวิ่งเข้ามาทันทีที่ทั้งสองคนเข้ามาในกระโจม ก็เห็นทหารองครักษ์ของฮูเจี๋ยทั้งสองคนใจเต้นกระตุก ถามหยั่งเชิง “องค์หญิง เกิดเรื่องใดขึ้นแล้ว?”เจียเหยาหายใจแรง ความโศกเศร้าในใจเหลือคนา ทำได้เพียงให้สองทหารองครักษ์บอกเล่าเรื่องราวทั้งหมดที่พวกเขารู้กับเกออาซูและทัวน่าเกอเมื่อรู้ว่าฮูเจี๋ยและไห่เจ๋อตายในสงครามทั้งคู่ ในสมองของทั้งสองคนเกิดเสียงหึ่งๆไม่รอให้ทั้งสองคนได้สติกลับมา เจียเหยาคำรามเสียงต่ำอย่างโหดร้าย “ข้าจะนำทัพทหารม้าหนึ่งหมื่นไล่ตามกองกำลังหยุนเจิงไป! พวกเจ้าอยู่เฝ้าค่ายเอาไว้ นำทุกอย่างบรรจุใส่เกวียน ทันทีที่ทัพศัตรูเข้ามาระยะประชิด พวกเจ้านำกำลังพลที่เหลือถอยล่นไปยังราชสำนัก!”แม้เจียเหยาจะโศกเศร้าเพียงใด แต่ก็ไม่ได้สูญเสียสติสัมปชัญญะไปในใจนางรู้ดี พวกเขารักษาทุ่งหญ้ามู่หม่าไว้ไม่ได้แล้วตอนนี้ พวกเขาจำเป็นต้องละทิ้งทุ่งหญ้ามู่หม่า ล่าถอยเต็มรูปแบบ เพื่อรักษากำลังที่เหลือเอาไว้ภายในสามปี พวกเขาไม่มีแรงกำลังทำสงครามอีกแล้ว!มีเพียงต้องรักษาแรงที่เหลือเอาไว้ ต่อไปจึงจะไปหาต้าเฉียนเพื่อล้างความอัปยศได้!แต่พวกเขาไม่อาจล่าถอ