“ไม่ได้รับบาดเจ็บก็แปลกแล้ว!”ฉินชีหู่หัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้มองฉินชีหู่ “รีบพันแผลก่อน! ข้าเห็นว่าเจ้าได้รับบาดเจ็บแล้ว!”กล่าวจบ เสิ่นลั่วเยี่ยนชี้บาดแผลที่หลังของฉินชีหู่“ข้าได้รับบาดเจ็บหรือ?”ฉินชีหู่สีหน้ามึนงง จากนั้นก็ขยับแผ่นหลังเมื่อขยับ แผ่นหลังพลันรู้สึกเจ็บออกมา“ได้รับบาดเจ็บจริงด้วย?”ฉินชีหู่สีหน้าสับสน “มารดาสิ ข้าได้รับบาดเจ็บเช่นไร?”เมื่อได้ฟังคำของฉินชีหู่ ทุกคนสีหน้าดำอึมครึมอย่างควบคุมไม่อยู่แม้แต่บาดเจ็บได้เช่นไรเขาล้วนไม่รู้?หยุนเจิงแม้ไม่รู้ว่าเขาถูกใครทำให้บาดเจ็บ แต่อย่างน้อยเขาก็ยังรู้ว่าตัวเองได้รับบาดเจ็บเพียงแต่ตอนนั้นกำลังตะลุมบอนกับคนอื่น เขาไม่มีจิตใจไปดูอาการเท่านั้นส่วนเจ้านี่ แม้กระทั่งตัวเองได้รับบาดเจ็บยังไม่รู้ตัว?ยังหน้าชื่นตาบานอยู่ตรงนี้เสิ่นลั่วเยี่ยนมองเขาด้วยรอยยิ้มฝืน จากนั้นก็กล่าวด้วยความสำนึกผิด “ใต้สังกัดฮูเจี๋ยมีนายพลกล้าคนหนึ่ง ตอนที่ข้าปะทะเขา ข้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา เจ้ารีบเข้ามาช่วยข้า ถูกคนผู้นั้นลอบโจมตีที่แผ่นหลัง...”ตอนนั้นนางเห็นเข้าในช่วงเวลาคลุมเครือแต่สถานการณ์โดยรวม นางเองก็เห็นไม่ชัดถึงเช
แม้ระยะยังห่างไกล ทว่าหยุนเจิงยังจำเอกลักษณ์ประจำตัวของคนผู้นี้ได้ตู้กุยหยวน!คนที่ถูกทหารกองทหารโลหิตผู้นั้นกอดเอาไว้ ไม่ใช่ตู้กุยหยวนแล้วจะเป็นใคร?ชั่วพริบตา รอยยิ้มเสิ่นลั่วเยี่ยนและฉินชีหู่แข็งค้างหยุนเจิงเหมอลอยไปเล็กน้อย จากนั้นก็ลุกขึ้นยืนทันที รีบเดินไปหาทหารกองทหารโลหิตผู้นั้น ส่วนคนที่เหลือก็วิ่งเข้าไปหาอย่างรวดเร็วทันทีที่เขาไปถึงหน้าทหารผู้นั้น คนผู้นั้นลุกเข่าลง“องค์ชาย...”เสียงร้องไห้ น้ำตาของต่งกังพรั่งพรูออกมาหยุนเจิงก้มหน้าคนที่ต่งกงกอดอยู่ ไม่ใช่ตู้กุยหยวนแล้วจะเป็นผู้ใด?ตู้กุยหยวนเวลานี้ ไม่มีลมหายใจแล้วตามร่างกายเขามีบาดแผลที่สะดุดตาอยู่หลายแห่ง หน้าอกยุบลงไปควรจะเป็นไปได้ว่าเขาได้รับบาดเจ็บสาหัสและถูกม้าศึกเหยียบย่ำหลังจากตกจากหลังม้าตู้กุยหยวนต่อสู้จนตายไปเงียบๆการตายที่ไม่เหลือคำพูดสั่งเสียไว้สักประโยคเช่นเดียวกับทหารส่วนใหญ่ท่ามกลางสงครามดุเดือด ทุกคนกำลังตะลุมบอนกับทัพศัตรูสุดชีวิต ไม่มีผู้ใดสังเกตว่าหยุนเจิงตายเมื่อใดตอนที่เห็นร่างของตู้กุยหยวน ดวงตาหยุนเจิงเริ่มร้อนผ่าว“ทหาร!”เวลานี้ หยุนเจิงพลันอาละวาดออกมา คำรามด้วยแรงอา
แต่ต่งกงกลับไม่ยอมลุกขึ้น เพียงแค่นั่งก้นกระแทกลงกับพื้น มองร่างตู้กุยหยวนอย่างเหม่อลอย“ก่อนตู้กุยหยวนตายได้ฝากฝังสิ่งใด?”เนิ่นนาน หยุนเจิงถามต่งกงโดยที่หันหลังให้กับทุกคนต่งกงดึงสติกลับมาด้วยความยากเย็น สำลักด้วยเสียงสะอื้น “ก่อนตายพี่ใหญ่ตู้ฝากฝังกับเหล่าพี่น้อง หากเขาตายในสงคราม สถานที่แห่งความตาย ก็คือสถานที่หวนคืนกลับ...”สถานที่แห่งความตาย ก็คือสถานที่หวนคืนกลับ...ภายในใจหยุนเจิงนึกย้อนประโยคนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่ากระดูกผู้ภักดีฝังไว้ทุกแห่งหน ใยต้องห่อศพไว้บนหลังม้าเพื่อส่งคืนคำพูดของตู้กุยหยวน คงมีความหมายเดียวกับประโยคนี้กระมัง?หยุนเจิงพยายามปรับอารมณ์ บังคับให้ตัวเองสงบลงผ่านไปเนิ่นนาน หยุนเจิงจึงเดินทางยังตรงที่พวกเขานั่งเมื่อครู่ หยิบดาบใหญ่ที่แตกหักของฉินชีหู่เล่มนั้นหน้าดาบหักครึ่ง เหมาะกับการนำมาขุดดินเมื่อเห็นการกระทำของหยุนเจิง ทุกคนเดาได้แล้วว่าหยุนเจิงต้องการทำสิ่งใดเสิ่นลั่วเยี่ยนและเมี่ยวอินรีบเข้ามา อยากจะรับดาบในมือหยุนเจิง ทว่าหยุนเจิงปฏิเสธ“เจ้าบาดเจ็บ ให้ข้าทำเถอะ!”เมี่ยวอินกล่าวเสียงเบากับหยุนเจิง“ไม่เป็นไร”หยุนเจิงพยักหน้าเบาๆ “ไร้หน
เผชิญหน้ากับคำถามของหยุนเจิง บอกเล่าเรื่องราวด้วยสีหน้าเศร้าหมองหลังจากสืบข่าวจากทัพหลังศัตรู ได้รู้ว่าครั้งนี้เป็นฮูเจี๋ยนำทัพด้วยตัวเองบุกโจมตีโปหลวน ตู้กุยหยวนรีบกลับมาที่ชายแดนเว่ย อยากจะรายงายหยุนเจิงปรากฎว่ากลับมาถึงชายแดนเว่ย หยุนเจิงได้นำทัพเข้าสู่ทุ่งหญ้ามู่หม่าแล้วหลังจากตู้กุยหยวนส่งคนไปรายงายอวี๋ซื่อจง ก็รีบนำทัพมาทันที“พวกเข้าข้ามแม่น้ำเช่นไร?”หยุนเจิงถามอีกครั้ง “เหตุใดสวมเสื้อกันเช่นนี้?”ต่งกังตอบ “พวกเราคนน้อย ให้คนที่ว่ายน้ำเก่งนำเชือกหนาๆ ไปผูกไว้อีกฝั่ง คนที่เหลือเกาะเชือกน้ำข้ามแม่น้ำมา”คนของกองทหารโลหิตมีจำนวนไม่น้อยที่ว่ายน้ำไม่เป็นแต่ช่วยไม่ได้ ทหารทางเหนือก็เป็นเช่นนี้ ไม่คุ้นเคยกับการว่ายน้ำเมื่อก่อนล้วนเป็นฤดูหนาวที่หนาวเหน็บ แม้แต่แม่น้ำไป๋สุ่ยล้วนกลายเป็นน้ำแข็ง ต่อให้ฝึกฝนกองทหารโลหิตเช่นไร ก็ไม่อาจเจาะแม่น้ำที่เป็นน้ำแข็งเพื่อฝึกฝนได้!ความจริง วิธีการข้ามแม่น้ำนี้ พวกเขาเคยใช้ตอนที่โจมตีก่อกวนบนทุ่งหญ้ามู่หม่าแต่ตอนนั้นหลังจากพวกเขาข้ามแม่น้ำไป ก็ยังมีเวลาหาสถานที่นำเสื้อผ้าผิงไฟให้แห้งแต่ครั้งนี้ พวกเขารีบร้อนมาช่วยเหลือหยุนเจิง ไม
ม้าล้ำค่าทั้งสองตัวนี้ล้วนไม่ได้รับบาดเจ็บ กลายเป็นอาวุธยุทธภัณฑ์ของพวกเขาความเสียของสงครามครั้งนี้ มีมากกว่าที่หยุนเจิงคิดเอาไว้มากประมุขใหญ่ฮูเจี๋ยนำทัพบุกมาด้วยตนเอง เพิ่มขวัญกำลังใจของกองทหารศัตรูอย่างมากต่อให้ฮูเจี๋ยสยบกองกำลังโปหลวนชั่วคราว แต่ก็ยังระเบิดกำลังการต่อสู้ออกมาได้ขั้นสุดไม่ว่าภายในเป่ยหวนจะต่อสู้ขัดแย้งกันเช่นไร สำหรับเป่ยหวนแล้ว พวกเขาคือศัตรูที่แท้จริงทั้งสองฝ่ายต่อสู้กันอย่างหนักโดยหมายจะเอาชีวิตแม่ทัพหลักของอีกฝ่ายสู้กันจนสภาพเป็นเช่นนี้ ชนะหรือแพ้ล้วนไม่แตกต่างกันมากความเสียหายรุนแรงเช่นนี้ ทั้งยังทำให้เสียผู้ใต้บังคับบัญชาคนโปรดอย่างตู้กุยหยวนไป หยุนเจิงไม่ดีใจเลยสักนิดกระดูกสีขาวดุจเม็ดทรายและหิมะ แม่ทัพวาดหวังได้เกษียณกลับสู่บ้านเกิดเวลานี้ หยุนเจิงรับรู้ความหมายของกวีบทนี้ท่วมท้นไปทั้งตัวนอกจากความโหดร้าย ก็มีแต่ความโหดร้ายการต่อสู้ที่โหดร้ายเช่นนี้ ทั้งชีวิตเขาไม่อยากทำสงครามเช่นนี้อีกแล้ว!รอจนกองกำลังห้าร้อยคนของนักรบภูตสิบเจ็ดกลับมา หยุนเจิงสั่งคนพาผู้บาดเจ็บและอาวุธยุทธภัณฑ์เริ่มทำการถอยทัพ……กลางดึก ทหารเลือดท่วมตัวเข้ามาในกระ
เพียงไม่นาน เกออาซูและทัวน่าเกอก็รีบร้อนวิ่งเข้ามาทันทีที่ทั้งสองคนเข้ามาในกระโจม ก็เห็นทหารองครักษ์ของฮูเจี๋ยทั้งสองคนใจเต้นกระตุก ถามหยั่งเชิง “องค์หญิง เกิดเรื่องใดขึ้นแล้ว?”เจียเหยาหายใจแรง ความโศกเศร้าในใจเหลือคนา ทำได้เพียงให้สองทหารองครักษ์บอกเล่าเรื่องราวทั้งหมดที่พวกเขารู้กับเกออาซูและทัวน่าเกอเมื่อรู้ว่าฮูเจี๋ยและไห่เจ๋อตายในสงครามทั้งคู่ ในสมองของทั้งสองคนเกิดเสียงหึ่งๆไม่รอให้ทั้งสองคนได้สติกลับมา เจียเหยาคำรามเสียงต่ำอย่างโหดร้าย “ข้าจะนำทัพทหารม้าหนึ่งหมื่นไล่ตามกองกำลังหยุนเจิงไป! พวกเจ้าอยู่เฝ้าค่ายเอาไว้ นำทุกอย่างบรรจุใส่เกวียน ทันทีที่ทัพศัตรูเข้ามาระยะประชิด พวกเจ้านำกำลังพลที่เหลือถอยล่นไปยังราชสำนัก!”แม้เจียเหยาจะโศกเศร้าเพียงใด แต่ก็ไม่ได้สูญเสียสติสัมปชัญญะไปในใจนางรู้ดี พวกเขารักษาทุ่งหญ้ามู่หม่าไว้ไม่ได้แล้วตอนนี้ พวกเขาจำเป็นต้องละทิ้งทุ่งหญ้ามู่หม่า ล่าถอยเต็มรูปแบบ เพื่อรักษากำลังที่เหลือเอาไว้ภายในสามปี พวกเขาไม่มีแรงกำลังทำสงครามอีกแล้ว!มีเพียงต้องรักษาแรงที่เหลือเอาไว้ ต่อไปจึงจะไปหาต้าเฉียนเพื่อล้างความอัปยศได้!แต่พวกเขาไม่อาจล่าถอ
อวี๋ซื่อจงขมวดคิ้ว ทว่าไม่ได้กล่าวโทษหน่วยสอดแนมมืดมิดไม่มีไฟ ทัพศัตรูยังมีสายลับเคลื่อนไหวอยู่ภายนอก พวกเขามองไม่เห็นก็เป็นเรื่องธรรมดาได้ยินทางนั้นมีการเคลื่อนไหว ก็นับว่าไม่เลวแล้วทัพศัตรูต้องการทำสิ่งใดกัน?ฉวยโอกาสออกจากค่ายตอนกลางคืน มีความเป็นไปได้สองอย่างหากไม่ใช่ทัพศัตรูตั้งใจแสดงออก ลวงหลอกว่าภายในค่ายของทัพศัตรูพวกเขาว่างเปล่า เปิดโอกาสให้เขาไปโจมตี ในความเป็นจริงแล้วสร้างกับดักล่อพวกเขา รอให้พวกเขาเข้าไปติดกับเช่นนั้น ก็คือทัพศัตรูทางนั้นมีปฏิบัติการอื่นอาจเป็นการลอบโจมตีพวกเขา หรืออาจมีภารกิจอื่นคิดไปคิดมา อวี๋ซื่อจงหนักตากระตุกก่อนหน้าพี่ใหญ่ตู้ส่งคนมารายงาน!ครั้งนี้เป็นประมุขใหญ่ฮูเจี๋ยนำทัพไปจัดการโปหลวนด้วยตัวเอง!พี่ใหญ่ตู้นำกองทหารโลหิตข้ามแม่น้ำไปร่วมรบด้วยตนเองแล้ว!มารดาเขาสิ!พวกองค์ชายคงไม่ใช่กำลังไล่ล่าประมุขใหญ่ฮูเจี๋ย คนเหล่านั้นกำลังไปช่วยเหลือประมุขฮูเจี๋ย?หรือบางที ฮูเจี๋ยอาจถูกฆ่าตายแล้ว? หากเป็นเช่นนี้คนเหล่านั้นของเป่ยหวนต้องกำลังคลั่งไปล้างแค้นพวกองค์ชาย!ไม่ได้!นั่งดูละครต่อไปเช่นนี้ไม่ได้แล้ว!อวี๋ซื่อสีหน้าเปลี่ยนไป ตะโ
เวลาเดียวกัน กองกำลังหยุนเจิงพักผ่อนหนึ่งคืนเริ่มทำการล่าถอยผ่านการพักผ่อนหนึ่งคืน ศักยภาพร่างกายทหารของพวกเขาฟื้นกลับมาไม่น้อย หยุนเจิงค่อยๆ สลัดความคิดด้านลบออก ฟื้นคืนความสงบบนสนามรบ สามารถเศร้าเสียใจได้ แต่ไม่อาจเศร้าเสียใจไปตลอด!เขาเป็นแม่ทัพหลักของกองทัพ ต่อให้เศร้าเสียใจ เขาจำเป็นต้องปลุกใจขึ้นมาทว่า หนึ่งคืนผ่านไป คนบาดเจ็บสาหัสหลายสิบคนทนไม่ไหวด้วยสถานการณ์เช่นนี้ คนบาดเจ็บสาหัสเหล่านี้อยากให้รอดชีวิตทั้งหมด ความเป็นไปได้เป็นศูนย์สมรรถภาพของม้าศึกพวกเขากลับไม่อาจตามทันแม้ทางนี้มีน้ำและหญ้าอุดมสมบูรณ์ ทว่าม้าศึกเหล่านั้นผ่านการเดินทางไกลและทำสงครามติดต่อกัน ไม่มีธัญพืชเติมท้อง อาศัยแค่การกินหญ้า เดิมก็เพิ่มพูนพลังกายได้ไม่มากอีกมั้ง พวกเขายังยึดมาศึกมาไม่น้อยม้าศึกมากมายเช่นนี้ บริเวณที่พวกเขาพักผ่อนก็ไม่ได้มีหญ้ามากมายให้ม้าศึกกินม้าศึกหลานตัวคงกินอิ่มแค่สามส่วน มีเพียงม้าไม่กี่พันตัวที่หยุนเจิงให้คนดูแลอย่างให้ความสำคัญได้กินอิ่มแปดส่วนพวกเขาจำเป็นต้องรักษาพลังการรบที่แน่นอน หากทัพศัตรูไล่ตามมา เมื่อถึงยามจำเป็นต้องรบ พวกเขายังคงต้องพึ่งพาม้าศึกเหล่านี้เ