ฮูหลัวคิดจะหลบแต่ไม่ทันแล้ว“ฟู่...”ลูกศรยิงทะลุลำคอของฮูหลัวอย่างแม่นยำธนูอีกสองดอก ดอกหนึ่งยิงตัดธงของฮูหลัวขาด อีกดอกหนึ่งยิงทหารคนสนิทที่ชูธงฮูหลัวมองลูกธนูที่เจาะผ่านลำคอเขาโดยไม่รู้ตัว นัยน์ตาเต็มไปด้วยความไม่อยากเชื่อเขานึกไม่ถึงเลย เจียเหยาจะกล้ายิงเขาจริงๆเขาเป็นลูกพี่ลูกน้องของจั่วเสียนอ๋อง!นางกล้าฆ่าเขาต่อหน้าทุกคน?หรือนางไม่กลัวอาหลู่ไถก่อกบฎหรือ?“……”ฮูหลัวอ้าปาก ไม่มีคำพูดได้หลุดออกมา ในปากเต็มไปด้วยเลือด จากนั้น ร่างกายโอนเอียงร่วงจากหลังม้าไป“แม่ทัพฮูหลัว!”เห็นฮูหลัวตกจากหลังม้า ทหารคนสนิทของฮูหลัวโกรธจัดขึ้นมาทันใดทหารคนสนิทคนหนึ่งกระโดดลงจากหลังม้า พยุงฮูหลัวที่ยังมีลมหายใจอยู่ฮูหลัวมีเลือดเต็มปาก ยกมือขึ้นด้วยความยากลำบาก ชี้ไปทางเจียเหยา“ฆ่าพวกเขา แก้แค้นให้แม่ทัพฮูหลัว!”หลังจากเหม่อไปชั่วครู่ ทหารคนสนิทของฮูหลัวส่งเสียงคำรามด้วยความโกรธเสียงคำรามนั้น ในที่สุดก็ดึงสติทหารคนสนิทของฮูหลัวที่ยังยืนอึ้งอยู่ให้กลับมาอยู่กับความจริงรอได้สติกลับมา ทุกคนง้างธนูทันที ตั้งใจต่อสู้กลับทว่า ทหารคนสนิทของเจียเหยาลงมือเร็วกว่าก้าวหนึ่งเจียเ
เจียเหยาหากไม่ทำก็คือไม่ทำ แต่ถ้าทำก็ไม่หยุดฟังในเมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว เช่นนั้นก็จัดการรวบกองทัพสนับสนุนที่อาหลู่ไถส่งมา!นางให้โอกาสฮูหลัวอีกครั้ง แต่ฮูหลัวกลับหมกมุ่นยึดติด!ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็อย่าโทษที่นางใจร้ายแล้ว!ถัดไป ควรเป็นตาของอาหลู่ไถและลูกชายของเขาแล้ว!จัดการกองกำลังจั่วเสียนอ๋องให้ราบคราบก่อน ค่อยจัดการกองกำลังโย่วเสียนอ๋อง!เป่ยหวน ห้ามขัดแย้งภายใน!……“กองกำลังเจียเหยาผิดปกติ?”เมื่อได้รับข่าวจากหน่วยสอดแนม หยุนเจิงหนักตากระตุก จากนั้นก็ถามทันที “ผิดปกติเช่นไร?”หน่วยสอดแนมตอบ “ทัพกลางจำนวนมากของเจียเหยาเคลื่อทัพอย่างรวดเร็วไปยังทัพถนนทางขวาตั้งแต่รุ่งสาง เหลือทหารจำนวน้อยไว้เฝ้าค่ายใหญ่เท่านั้น”“พวกเขาเหลือคนไว้เท่าใด?”หยุนเจิงถามอีกครั้ง“เรื่องนี้ไม่แน่ใจ”หน่วยสอดแนมตอบ “แต่ว่า พวกเขาเคลื่อพลออกไปเยอะมาก ดำทะมึนกองใหญ่ อย่างน้อยจำนวนนับหมื่น....”เคลื่อนพลจำนวนมากเพียงนั้น?ทั้งยังเข้าใหญ่กองทัพเส้นทางขวาของพวกเขา?นี่มันเรื่องใดกัน?หรือว่า อาหลู่ไถก่อการกบฏ?เจียเหยาต้องนำทัพไปต่อต้านการโจมตีของอาหลู่ไถที่มาจากทางซ้าย?ไม่มีเหตุผล!หากก่อ
เช้าวันที่สอง หยุนเจิงพาฉินชีหู่นำทหารสองหมื่นคนออกเดินทางแต่ว่า พวกเขาไม่ได้เคลื่อนทัพไปยังทิศทางค่ายใหญ่ของเจียเหยา แต่ตรงไปที่ชายแดนชิงเวลาพลบค่ำ พวกเขามาถึงชายแดนชิงพวกเขาเดินทางสัมภาระเบา พกแค่อาหารแห้งและธัญพื้นจำนวนน้อยเท่านั้น ทั้งยังแบ่งคนออกเป็นกลุ่มไปยังรอบๆ บริเวณทุ่งหญ้ามู่หม่า พยายามทำให้ม้าศึกท้องอิ่ม ลดปริมาณการใช้ธัญพืชดีที่ตอนนี้อากาสอุ่นขึ้นแล้ว หญ้าอ่อนจำนวนมากโผล่ขึ้นมาแล้ว มากน้อยก็ยังใช้เป็นอาหารสัตว์ได้ชายแดนชิงแม้จะเผชิญกับความเสียหายหนัก แต่ก็ยังสามารถหาสถานที่กันลมกันฝนได้หยุนเจิงสั่งคนให้พักผ่อนและเฝ้าระวังที่ชายแดนชิง จากนั้นก็รอข่าวจากหน่วยสอดแนมด้วยความอดทนรอจนฟ้ามืดแล้ว หน่วยสอดแนมที่ส่งออกไปตามเส้นทางต่างๆ พากันทยอยกลับมาแล้วกองทัพพวกเขาออกเคลื่อนไหว สายสืบของเป่ยหวนคงพบการเคลื่อนไหวของพวกเขาแล้วปัจจุบัน ค่ายทั้งหมดของเจียเหยาย้ายสถานที่ตั้งไปยังบริเวณทิศตะวันออกเฉียงเหนือห่างจากพวกเขาประมาณหกสิบลี้“เห็นได้ชัดว่าเจียเหยากำลังป้องกันพวกเรา!”เสิ่นลั่วเยี่ยนขมวดคิ้วเล็กน้อย “ดูเหมือนเจ้าเดาไม่ผิด ทางเป่ยหวนคงเกิดเรื่องแล้ว”“ศัตรูมีป
หยุนเจิงตัดสินใจเงียบๆเวลานี้ เมี่ยวอินนำอาหารแห้งและถุงน้ำเดินเข้ามา“กินก่อนเถอะ!”เมี่ยวอินนำอาหารแห้งยกมาไว้หน้าหยุนเจิง กล่าวหลอกล้อ “ดูท่าทางแล้ว ความกดดันที่เจียเหยามอบให้เจ้าใหญ่มาก!”“ใช่!”เจียเหยาพยักหน้าเล็กน้อย “ผู้หญิงคนนี้เป็นคู่ต่อสู้ที่น่าเกรงขาม ปะมือกับนาง ความเสียหายไม่แน่นอน”เขาไม่กลัวสู้กับเจียเหยาตั้งแต่ต้นจนจบสิ่งที่เขากังวลคือความเสียหายมากเกินไปวันข้างหน้ายังอีกยาวไกล!ไม่ใช่ว่าสู้กับจบหนึ่งสนามแล้วไม่จำเป็นต้องสู้อีกเรื่องฆ่าศัตรูนับพันตัวเองเสียหายแปดร้อย แต่ไหนแต่ไรมาไม่ใช่สิ่งที่เขาชอบทำแม้ตอนนี้เป่ยหวนกำลังอันเข็มแข็งเกรียงไกรนั้นเสื่อมทรุดจนเป็นม้าตีนปลายแล้ว หากต้องเล่นถึงชีวิต ก็ทำให้พวกเขาติดขัดได้เช่นกันหากเป่ยหวนมีความคิดที่จะคว่ำโต๊ะ เรียกรับสมัครกองทัพสองสามหมื่นคนสู้ตายกับพวกเขา พวกเขาคงจบไม่สวยสิ่งที่เขาคิดคือสร้างความขัดแย้งภายในให้เป่ยหวน เขาฉวยโอกาสจากสถานการณ์ให้คนของพวกเขาไปสู้กันจนตาย เขาเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ นี่จึงสบกับเรื่องที่เจ้าหกทำ “เช่นนั้นเจ้าก็คิดเปิดกว้างหน่อย”เสิ่นลั่วเยี่ยนยื่นหน้ามา “พวกเราไม่จำเป็นต้
ด้วยการบอกเล่าของทั้งสองคน หยุนเจิงก็เข้าใจสถานการณ์ทั้งหมดแล้วหลังจากเจียเหยาสังหารฮูหลัวที่ขนเสบียงอาหารหลบหนี จากนั้นก็ใช้วิธีสายฟ้าแลบล้อมกองทหารม้าหนึ่งหมื่นคนที่มาสนับสนุนฮูหลัว และทันใดนั้นก็ลอบโจมตีขบวนหน้า ฆ่าแม่ทัพหลักของกองทหารม้าหนึ่งหมื่นคนนั่นแต่ว่า ทหารม้าหนึ่งหมื่นอยู่ใต้สังกัดตรงของอาหลู่ไถแม้แม่ทัพหลักจะถูกยิงตาย กองทหารม้าหนึ่งหมื่นก็ยังคงลุกขึ้นมาต่อต้านหลังสงครามดุเดือด ทหารม้านับหมื่นที่กำลังใจไม่มั่นคงหลังจากสูญเสียไปหนึ่งพันกว่าคนสุดท้ายก็พ่ายแพ้ คนส่วนใหญ่ถูกเจียเหยาบังคับรวมไว้ด้วยกัน ยังมีมากกว่าพันคนบุกฝ่าวงล้อมออกไปได้เจียเหยานำทหารห้าพันคนมุ่งหน้าไปที่กระโจมของอาหลู่ไถ สั่งแม่ทัพใหญ่เกออาซูบัญชาการทหารเกือบสามหมื่นนายที่เหลือ ด้านหนึ่งตัดขาดด้านหลัง ด้านหนึ่งมาเข้ารวมกับนาง พยายามป้องการการจู่โจมของต้าเฉียนให้มากที่สุดหลังจากเข้าใจสถานการณ์แล้ว หยุนเจิงอดไม่ได้ที่จะถอนใจด้วยความโล่งอกเข้าใจสถานการณ์ได้ก็ดีแล้ว!คราวนี้ สามาถลงมือได้อย่างวางใจแล้ว!มารดาเขา!เจียเหยาสตรีผู้นี้มีความกล้า นึกไม่ถึงว่าจะฮุบรวมกองกำลังของอาหลู่ไถแล้วอีกทั้ง ส
ฉินชีหู่ถามอย่างทนไม่ไหว“นี่ยังต้องพูดหรือ?”หยุนเจิงหัวเราะ “เจ้าลืมเรื่องก่อนหน้านี่ที่พวกเราจู่โจมชายแดนเว่ยแล้วหรือ?”ตอนที่จู่โจมชายแดนเว่ย?ฉินชีหู่นิ่งไปเล็กน้อย จากนั้นก็หัวเราะเสียงดังออกมา “หากพวกเขาไม่แบ่งทหาร พวกเราก็กุมหัวใจพวกเขาโดยตรง!”“ใช่!”หยุนเจิงพยักหน้าหัวเราะหากเกออาซูไม่แบ่งทหาร พวกเขาก็จู่โจมชนเผ่าเป่ยหวนตามทางไปราชสำนักโดยตรงเช่นนี้ พวกเขายังได้รับเสบียงอย่างรวดเร็ว!ไม่ว่าเกออาซูจะเลือกเช่นไร พวกเราล้วนตอบโต้ได้หลังจากปรึกษากับคร่าวๆ แล้ว หยุนเจิงเริ่มออกคำสั่ง “ฉินชีหู่ ชวีเจิ้ง สั่งเจ้าสองคนบัญชาการทหารม้าหนึ่งหมื่นคนเป็นทัพหน้า พรุ่งนี้เช้าออกเดินทาง เคลื่อนทัพไปยังราชสำนักเป่ยหวน!”“เสิ่นลั่วเยี่ยน เจ้ากับข้าบัญชาการทหารม้าหนึ่งหมื่นคนที่เหลือเป็นทัพหลัง!”“อวี๋ซื่อจง ส่งคนไปถ่ายทอดคำสั่งให้ตู้กุยหยวน กองทหารโลหิตพรุ่งนี้เช้าเคลื่อนย้ายมาที่ปีกขวาของพวกเรา ให้ความร่วมมือการเคลื่อนไหวก้าวต่อไปของพวกเรา!”“อีกอย่าง สั่งคนเดินทางกลางคืนไปถ่ายทอดคำสั่งให้เติ่งเป่าและหลูซิ่งที่คุ้มกันเสบียงอยู่ด้านหลัง ภารกิจคือเร่งความเร็วในการคุ้มกันขนสั่งเส
“ก่อกวนและจู่โจม?”เมื่อได้รับข่าวจากคนที่ฉินชีหู่ส่งมา หยุนเจิงอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วเกออาซูผู้นี้ค่อนข้างมีลู่ทาง!สถานการณ์เช่นนี้ นึกไม่ถึงจะส่งคนนับพันมาก่อกวนทัพหน้าของฉินชีหู่?มารดาเขาสิ!คำนวณพลาดแล้ว!เห็นได้ชัดว่าเกออาซูกำลังยื้อเวลาให้เจียเหยาสยบชนเผ่าของอาหลู่ไถ!เมื่อพวกเขาถูกถ่วงเวลา รอเจียเหยาจัดการงานในมือนางเรียบร้อยแล้ว ขวัญกำลังใจกองทัพพวกเขามั่นคงแล้ว ถึงเวลานั้น เจียเหยาจะต้องนำทัพมาโจมตีพวกเขา!เจ้าคนชั่วนี่รู้ว่าเขาไม่ยอมใช้ไม้แข็งปะทะไม้แข็งกับเขา!แต่ว่า การกระทำของเกออาซู เป็นการเตือนสติเขาแล้ว!“ตอนนี้ควรทำเช่นไร?”เสิ่นลั่วเยี่ยนขมวดคิดถามแผนการกับหยุนเจิง“เจ้าคิดว่าพวกเราควรทำเช่นไร?”หยุนเจิงถามกลับเสิ่นลั่วเยี่ยน“นี่...”เห็นได้ชัดว่าเสิ่นลั่วเยี่ยนนึกไม่ถึงว่าหยุนเจิงจะทดสอบนางในเวลานี้ ฉับพลันนั้นไม่รู้ควรกล่าวเช่นไร ทำได้เพียงส่ายหน้าเบาๆ “ข้าก็ไม่รู้ควรทำเช่นไร หากทำตามนิสัยข้า ข้าจะสั่งให้ฉินชีหู่รวมทหารกับพวกเรา ฉวยโอกาสตอนทัพศัตรูขวัญกำลังใจไม่มั่นจง โจมตีโดนตรง! แต่เจ้าคงไม่ทำเช่นนี้...”นางรู้ หยุนเจิงทำงานหากเลี่ยงการปะทะได้ก็
“สั่งตู้กุยหยวน จับตากองทัพเกออาซู ทันทีที่กองกำลังเกออาซูไล่โจมตีพวกเรา หาโอกาสเผาเสบียงพวกเขา!”เกออาซูคิดจะถ่วงเวลาพวกเขา เขาก็จะไม่ให้โอกาสเกออาซูถ่วงเวลา!ฉวยโอกาสตอนที่ด้านหลังทัพศัตรูยังไม่ได้ระดมกำลังทหาร จู่โจมโดยเร็ว เอาชนะไปทีละคน!“องค์ชาย คิดอีกหน่อยดีหรือไม่? หรือว่า ให้ข้าบัญชาการ?”อวี๋ซื่อจงลังเล ถามด้วยความระมัดระวังหยุนเจิงทำเช่นนี้ แม้สถานการณ์ตรงหน้าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด แต่ก็ยังมีความเสี่ยงอันตรายเมื่อถูกทัพศัตรูครอบงำ เป็นไปได้สูงว่าพวกเขาจะถูกเป่ยหวนไล่ตามล้อมปิดกั้นเอาไว้อย่าเอาแต่มองว่าตอนนี้เป่ยหวนเสบียงอาหารไม่พอ ไม่กล้ารักษากองทัพประจำการไว้มากเกินไป แต่เมื่อหยุนเจิงนำกองทหารไปอาละวาดข้างหลังพวกเขา เป่ยหวนต่อให้ฆ่าม้าศึกมาเป็นเสบียงให้กองทัพ ก็ต้องสู้ตายไปข้างหนึ่งกับหยุนเจิงถึงเช่นไร หยุนเจิงกำลังกุมหัวใจของพวกเขาแล้ว!ปศุสัตว์และม้าศึกเหล่านั้น ต่อให้พวกเขาไม่ฆ่า หยุนเจิงก็ต้องช่วยพวกเขาฆ่า!แทนที่จะเป็นเช่นนี้ ไม่สู้ผลาญสมบัติให้หมด สู้จนตายไปข้างหนึ่งกับหยุนเจิงหากเกออาซูนำทัพขัดขวางเส้นทางถอยกลับของพวกเขา เกรงว่าพวกเขาต้องซ้ำรอยเดิม
หากมิใช่เพราะจักรพรรดิเหวินทรงเตือน เขาคงมิได้คำนึงถึงปัญหานี้เลย “พอแล้ว!” จักรพรรดิเหวินโบกพระหัตถ์ “ข้าจะออกเดินทางในไม่ช้า เจ้าอย่ามาติดตามข้าเลย ไปจัดการธุระของเจ้าเถิด!” “เสด็จพ่อจะเสด็จตอนนี้หรือพ่ะย่ะค่ะ?” หยุนเจิงรู้สึกแปลกใจ“ข้าควรไปแล้ว! การปล่อยให้พี่สามของเจ้าติดอยู่ที่ฟู่โจวตลอดก็ไม่ดี” จักรพรรดิเหวินตรัสด้วยน้ำเสียงเรียบๆ “เจ้าอย่ามาส่งข้าเลย ไปๆ มาๆ จะเสียเวลาไม่น้อย” “เอ่อ…” หยุนเจิงรู้สึกกระดากใจเล็กน้อย “ลูกขอส่งเสด็จพ่อออกจากด่านเถิดพ่ะย่ะค่ะ!” เขายังต้องไปที่ค่ายใหญ่บนเขาห่านป่าหวนกลับอีกครั้ง หากออกเดินทางจากชายแดนชิงจะช่วยประหยัดเวลาไปไม่น้อย ทว่าหากจักรพรรดิเหวินจะเสด็จจากไป แล้วเขาไม่ส่งเสด็จ ดูเหมือนจะมิใช่เรื่องสมควร “ไม่ต้องแล้ว!” จักรพรรดิเหวินทรงปฏิเสธทันที “อย่างไรเสียเจ้าก็ยังต้องพาเจียเหยาไปที่ฟู่โจวอยู่ดี! เรื่องในมือเจ้าก็ยังมีอีกมากมาย อย่าเสียเวลาเลย เรื่องบ้านเมืองสำคัญกว่า!” เป็นเช่นนี้หรือ? หยุนเจิงลังเลอยู่ชั่วขณะ ก่อนกล่าวว่า “ถ้าเช่นนั้น ลูกขอส่งเสด็จพ่อไปถึงชายแดนกู้เถิดพ่ะย่ะค่ะ!” “ก็ได้!” จักรพ
จักรพรรดิเหวินอาจอยู่ในเมืองหลวงนานเกินไป หรืออาจเป็นเพราะอยากสำรวจความมั่งคั่งของหยุนเจิง ในไม่กี่วันที่ผ่านมา จักรพรรดิเหวินให้หยุนเจิงพาไปชมสถานที่หลายแห่ง เยี่ยจื่อและเสิ่นลั่วเยี่ยนตั้งครรภ์อยู่ ส่วนเมี่ยวอินไม่อยากพบกับจักรพรรดิเหวินบ่อยนัก จักรพรรดิเหวินจึงเลือกให้หยุนเจิงเป็นผู้ติดตามเพียงคนเดียว ในช่วงหลายวันนั้น จักรพรรดิเหวินได้ไปชมเหมืองถ่านหิน โรงงานผลิตถ่านน้ำผึ้ง โรงงานปูนซีเมนต์ และเตาเผาต่างๆ อย่างครบถ้วน โชคดีอย่างเดียวคือ จักรพรรดิเหวินไม่ได้ไปดูโรงงานผลิตเกลือบริสุทธิ์ ไม่แน่ชัดว่าจักรพรรดิเหวินตั้งใจหรือไม่ แต่ครั้งนี้พระองค์ไม่ได้ไปชมกองทัพซั่วเป่ย สิ่งที่พระองค์สนใจล้วนเป็นเรื่องเศรษฐกิจและความเป็นอยู่ของประชาชน ในที่สุด หยุนเจิงก็ไม่อาจขัดขวางจักรพรรดิเหวินไม่ให้เดินทางไปยังชายแดนชิงเปียนได้ หยุนเจิงนำกองทัพองครักษ์ของตน พร้อมด้วยทหารองครักษ์ส่วนพระองค์ที่นำโดยโจวไต้ เดินทางไปยังชิงเปียนพร้อมจักรพรรดิเหวิน ระหว่างทางไปยังชิงเปียน หิมะหนาแน่นราวขนนกก็เริ่มตกลงมา จักรพรรดิเหวินยืนอยู่บนกำแพงเมืองชิงเปียน มือไขว้หลังโดยไม่ขยับเขยื้อน
พวกเขาล้วนเป็นคนใกล้ชิดของหยุนลี่ หยุนลี่จึงมิได้ปิดบัง ตั้งใจบอกเรื่องที่ต้องการซุ่มโจมตีหยุนเจิงในหัวเมืองสี่ทิศให้พวกเขารับรู้ เมื่อทราบแผนการของหยุนลี่ มีเพียงหยวนกุยที่ยังคงสงบนิ่ง ขณะที่คนอื่นต่างตกใจไปตามๆ กัน หยวนกุยหลังจากชดเชยความผิด ก็ได้รับตำแหน่งที่ปรึกษาด้านการทหารในสำนักไทจื่อ แม้จะมิได้บัญชาทหารมากมาย แต่เขามีความภักดีอย่างยิ่ง ในการเดินทางครั้งนี้ หยุนลี่จึงพาหยวนกุยมาด้วย เฉียวเหยียนเซียน หัวหน้าทหารรักษาการณ์ซ้ายของไทจื่อขมวดคิ้ว กล่าวขึ้นว่า “ฝ่าบาท ด้วยฐานะของหยุนเจิง หากไร้พระราชโองการ ใครเล่าจะ…” “เรื่องนี้ เจ้าต้องคอยเตือนข้าด้วยหรือ?” หยุนลี่ขัดจังหวะเฉียวเหยียนเซียน “เรื่องนี้ ข้าจะหารือกับเสด็จพ่อเอง! อย่างไรก็ดี พวกเราต้องเตรียมพร้อมสำหรับกรณีที่เสด็จพ่อไม่เห็นชอบ! นี่คือโอกาสทองในการซุ่มโจมตีหยุนเจิง หลังจากนี้ คงไม่มีโอกาสเช่นนี้อีก!” ครั้งนี้ หยุนลี่ตัดสินใจแน่วแน่ ไม่ว่าองค์จักรพรรดิเหวินจะทรงเห็นด้วยหรือไม่ เขาก็คิดจะลองสังหารหยุนเจิงอยู่ดี ในตอนนี้ หยุนเจิงเปรียบดั่งดาบที่แขวนอยู่บนคอเขา หากหยุนเจิงยังมีชีวิตอยู่ เขาย่อ
บรรยากาศในมื้ออาหารนี้ไม่สู้ดีนัก หยุนลี่มีความขุ่นเคืองในใจ แต่ไม่อาจระบายออกได้ ต้องพยายามปลอบประโลมบรรดาแม่ทัพ จึงไม่มีทางจะอารมณ์ดีได้เลย หลังอาหาร หยุนลี่ได้เอ่ยปากเชิญโจวเต้ากงให้เดินพูดคุยเป็นการส่วนตัว โจวเต้ากงก็ไม่รู้ว่าหยุนลี่ต้องการสิ่งใด แต่ก็จำต้องตอบรับ หยุนลี่กอดอก เดินนำโจวเต้ากงไปยังลานกว้างในค่ายทหาร “เจ้าคิดเห็นอย่างไรกับหยุนเจิง?” ขณะเดินอยู่ หยุนลี่ก็เอ่ยถามขึ้นมาอย่างกะทันหัน คิดเห็นต่อหยุนเจิงหรือ?โจวเต้ากงสะดุ้งในใจ รีบตอบกลับไปว่า “องค์ชายหกทรงเป็นโอรสสวรรค์ ข้าน้อยไม่บังอาจแสดงความคิดเห็นโดยพลการ” “ไม่เป็นไร กล่าวตามที่เจ้าคิดเถิด” หยุนลี่กล่าวอย่างเรียบเฉย เมื่อเห็นหยุนลี่ยืนกรานจะถาม โจวเต้ากงก็จำต้องตอบไปด้วยความหวั่นเกรง “องค์ชายหกทรงมีฝีมือในการศึก ปราบปรามศัตรูอย่างกล้าหาญ นับเป็นคุณูปการใหญ่หลวงต่อแผ่นดินต้าฉวน! แต่การที่ทรงมีอำนาจทหารอยู่ในพระหัตถ์และไม่เชื่อฟังราชโองการนั้น กลายเป็นภัยใหญ่หลวงต่อราชสำนัก...” เมื่ออยู่ต่อหน้าหยุนลี่ในฐานะรัชทายาท โจวเต้ากงจึงจำต้องกล่าวเช่นนี้ หยุนลี่รู้สึกพอใจกับคำตอบของโจวเต้ากง จ
เมื่อได้ฟังโจวเต้ากงบ่นอย่างนี้ หยุนลี่ก็เดาได้ทันทีว่าเจ้านี่ต้องการพูดอะไรต่อไป ชัดเลย เขาคงจะมาขอเกราะจากตนแน่ๆ ใช่ไหม? “พอแล้วๆ!” หยุนลี่ขัดจังหวะคำพูดของโจวเต้ากง “ที่นี่ยังขาดเกราะอีกเท่าไหร่?” “หนึ่งหมื่นสามพันชุด” โจวเต้ากงตอบทันที “ขาดมากขนาดนี้เลย?” ใบหน้าของหยุนลี่กระตุกเล็กน้อย “ตามที่เจ้าพูด คนหนึ่งหมื่นที่ประจำอยู่ห่างออกไปสิบห้าลี้ก็แทบไม่มีเกราะเลยใช่ไหม?” “พ่ะย่ะค่ะ!” โจวเต้ากงพยักหน้า “หนึ่งหมื่นนั้นล้วนเป็นทหารที่เพิ่งเกณฑ์ใหม่ และตอนนี้กำลังฝึกซ้อมอยู่ที่นั่น…” ฝึกซ้อม? ใบหน้าของหยุนลี่มืดครึ้ม เกือบจะสบถออกมา ไม่มีเกราะป้องกัน นี่ก็เรียกว่าฝึกซ้อมหรือไงวะ? นี่มันเรียกว่าทิ้งข้าวเปลืองเบี้ยเลี้ยงมากกว่า! ถ้าเจ้าหกยกพลบุกมา จะหวังพึ่งคนพวกนี้ได้ไหม? พวกทหารนี่คงเป็นแค่เป้าซ้อมมือให้เจ้าหกไม่ใช่หรือไง? บ้าบอคอแตก! แนวป้องกันนี่ ไม่มีเสียยังจะดีกว่า! อย่างนี้ ราชสำนักยังประหยัดค่าใช้จ่ายได้มหาศาลอีกด้วย! หยุนลี่โมโหจนแทบจะระเบิด แต่ก็ไม่อาจระบายความโกรธใส่โจวเต้ากงได้ เรื่องนี้จะไปโทษโจวเต้ากงก็ไม่ได้! เกรา
ฟู่โจวหัวเมืองเมืองสี่ทิศนี่คือพื้นที่ที่ใกล้กับซั่วเป่ยที่สุดของฟู่โจว หยุนเจิงจะจัดพิธีสมรสกับเจียเหยาที่ฟู่โจว การสร้างจวนอ๋องใหม่ในเวลาสั้นๆ เป็นไปไม่ได้ จึงต้องซื้อจวนจากเหล่าขุนนางใหญ่ในหัวเมืองสี่ทิศแทน เดิมทีเรื่องนี้ควรเป็นหน้าที่ของหยุนลี่ องค์รัชทายาท ที่จะช่วยดูแลจัดการ แต่หยุนลี่ไม่ใส่ใจเลยแม้แต่น้อย สั่งให้ขุนนางในกรมพิธีการตัดสินใจกันเอง เขาเกลียดชังหยุนเจิงจนแทบอยากสับร่างหยุนเจิงเป็นชิ้นๆ แล้วจะให้เขามาช่วยเลือกจวนให้อย่างนั้นหรือ? ถ้าให้ช่วยเลือกโลงศพแทน เขาคงรีบทำอย่างกระตือรือร้นแน่! หลังจากโยนเรื่องวุ่นวายเหล่านี้ให้ขุนนางระดับล่างจัดการ หยุนลี่ก็พาคนเดินทางไปยังค่ายใหญ่หัวเมืองสี่ทิศ นับตั้งแต่จ้าวจี๋นำทัพไปยังเขตตะวันตกเฉียงเหนือ ฟู่โจวก็เหลือเพียงกองกำลังสามหมื่นนาย และกองกำลังทั้งสามหมื่นนายนี้ก็เกือบทั้งหมดประจำอยู่ในหัวเมืองสี่ทิศ หยุนลี่ไม่หวั่นเกรงที่จะถูกตำหนิเรื่องการติดต่อกับแม่ทัพในกองทัพโดยพลการ การตรวจสอบค่ายใหญ่ในหัวเมืองสี่ทิศ เป็นภารกิจที่จักรพรรดิเหวินมอบหมายให้เขาก่อนที่จะเดินทางไปยังซั่วเป่ย เมื่อหยุนลี่พาคนมา
“เสด็จพ่อ ที่ซั่วเป่ยขาดแคลนอาหารอย่างหนัก!” หยุนเจิงกล่าวด้วยสีหน้าทุกข์ใจ “ตอนนี้ลูกไม่ได้ดูแลแค่ชาวซั่วเป่ย แต่ยังต้องเลี้ยงดูคนในเขตปกครองทหารตะวันตกเฉียงเหนือ อีกทั้งเป่ยหมัวถัว กุ่ยฟาง เป่ยหวน ทุกพื้นที่เหล่านี้…” “คำพูดพวกนี้ไปบอกพี่สามของเจ้าสิ อย่ามาพูดกับข้า!” จักรพรรดิเหวินไม่ฟังคำพร่ำบ่นของหยุนเจิง ตัดบทอย่างไร้เยื่อใย บอกกับเจ้าสาม? หยุนเจิงเบะปาก แค่มันเทศในห้องใต้ดินนี้ เจ้าสามจะซื้อไหวหรือ? ตามราคาที่ตนตั้งไว้ก่อนหน้า ถ้าเจ้าสามไม่จ่ายเงินออกมาสักหลายล้านตำลึง คงไม่มีทางซื้อมันเทศในห้องนี้ได้ ถ้าถึงขั้นนั้น เจ้าสามคงต้องกลายเป็นหัวหน้าแผนกปล้นบ้านประจำราชสำนักต้าเฉียนแน่! มองเห็นสีหน้าขัดใจของหยุนเจิง จักรพรรดิเหวินวางมันเทศในมือ พลางตบไหล่หยุนเจิงอย่างแรง “จงจำไว้ ประชาชนในเขตในก็ล้วนเป็นราษฎรในความดูแลของเจ้า!” นั่นไง! เริ่มมาล้างสมองกันอีกแล้ว! หยุนเจิงบ่นในใจ พลางเปลี่ยนเรื่องถาม “เสด็จพ่ออยากลองชิมรสมันเทศนี่ไหม?” “ตอนนี้เลย?” จักรพรรดิเหวินแปลกใจเล็กน้อย “อื้ม” หยุนเจิงพยักหน้า “มันเทศนี่ปอกเปลือกแล้วกินดิบได้ กินน้อ
ผ่านไปไม่กี่วัน พวกเขาก็เดินทางกลับถึงเมืองติ้งเป่ยจนได้ ด้วยเหตุที่จักรพรรดิเหวินทรงกำชับไว้ล่วงหน้า การเสด็จมายังเมืองติ้งเป่ยครั้งนี้จึงถูกปิดเป็นความลับอย่างเข้มงวด มีเพียงผู้คนในจวนอ๋องเท่านั้นที่รับทราบ ครั้นถึงเมืองติ้งเป่ย จักรพรรดิเหวินก็ไม่ได้รีบไปยังจวนอ๋องในทันที แต่กลับยืนกรานให้หยุนเจิงพาไปชมมันเทศเสียก่อน ถึงกับดึงตัวไปก็ยังไม่ยอม หยุนเจิงถึงกับเอ่ยว่าให้คนยกมันเทศมาถวายให้ทอดพระเนตรที่จวนก็ยังไม่ยอม ทั้งยังยืนกรานจะไปดูด้วยพระองค์เองที่ห้องใต้ดินเก็บมันเทศ หยุนเจิงเริ่มระแวงหนักว่าตาแก่นี้คงกลัวว่าตนจะยกมันเทศไม่กี่หัวมาหลอกให้พอพระทัย จึงต้องการไปตรวจดูคลังสำรองเสียก่อนว่าจะสามารถยึดมันเทศไปจากตนได้สักเท่าใด ด้วยการยืนกรานของจักรพรรดิเหวิน หยุนเจิงจึงจำต้องพาไปยังสถานที่เก็บมันเทศแห่งหนึ่ง แม้ว่ามันเทศจะถูกแบ่งเก็บไว้ในห้องใต้ดินหลายแห่ง แต่สถานที่เหล่านั้นก็อยู่ติดกัน เพื่อให้สะดวกต่อการจัดการยามเฝ้ารักษา จักรพรรดิเหวินเพียงลงจากรถม้า ก็เห็นกองทหารจำนวนมากสวมเกราะพร้อมอาวุธครบมือ “เจ้าช่างเฝ้าแน่นหนาดีจริง! หรือเจ้ากลัวใครจะมาขโมยมันเทศของเจ
“จะใช้เงินมากมายขนาดไหนกัน?” “ก็เยอะจริงพ่ะย่ะค่ะ แม้แต่ลูกเองยังไม่อยากเชื่อเลยว่าลูกใช้เงินไปมากขนาดนี้” หยุนเจิงทำหน้ามุ่ยเหมือนคนมีทุกข์ จนเยี่ยจื่อที่อยู่ข้างๆ แทบอยากจะตีเขา เจ้าคนนี้นี่! พูดเกินจริงก็ต้องมีขอบเขตบ้างสิ! เสด็จพ่ออย่างไรก็เป็นถึงกษัตริย์ แม้จะไม่ทราบรายละเอียดว่าการสร้างเมืองใช้เงินเท่าไร แต่ก็น่าจะพอรู้คร่าวๆ อยู่บ้าง สิบล้านตำลึงขึ้นไป เขากล้าพูดออกมาได้อย่างไร? นี่มันก็เหมือนกับการโกหกเสด็จพ่ออย่างโจ่งแจ้งเลยไม่ใช่หรือ? “พอแล้ว อย่ามาทำตัวพล่ามเป็นคนจนให้ข้าฟังเลย!” จักรพรรดิเหวินเหลือบมองหยุนเจิงด้วยหางตา “ข้าไม่ได้อยากได้เงินของเจ้าหรือธุรกิจทำเงินของเจ้า! และเจ้าก็อย่าหวังจะได้สักตำลึงจากข้าเลย ท้องพระคลังตอนนี้ไม่มีเงินให้เจ้าแล้ว!” พล่ามว่าจนหรือ? เขาอยากพล่ามว่าจนนักหรือ! ในปีนี้ ต้าเฉียนก็ถือว่าเจอภัยพิบัติไม่น้อย ใช้เงินไปเหมือนน้ำไหล ถ้าไม่ใช่เพราะเงินสะสมจากหลายปีที่ผ่านมา ราชสำนักคงอดอยากไปแล้ว! “ก็ได้ๆ!” หยุนเจิงพยักหน้ารับหลายครั้ง ในใจโล่งอกอย่างยิ่ง เขายังกลัวว่าเสด็จพ่อจะมาที่นี่เพื่อมารีดไถ โดยเ