สายัณห์ยามตะวันรอน เกออาซูได้รับข่าวอีกครั้งง รับรู้การเคลื่อนไหวของทหารม้าต้าเฉียนสีหน้าเกออาซูเปลี่ยนไป ในใจเกิดความกระวนกระวายทัพหลังของศัตรูมากดดันด้วย?สองทัพรวมตัวกันบุกมา กำลังบุกไปไปยังราชสำนัก?เจตนาของเขาถูกศัตรูดูออกแล้ว!ทัพศัตรูโจมตีรวดเร็ว เพื่อไม่ปล่อยให้พวกเขามีเวลาระดมกำลังทหารด้านหลัง!ทำเช่นไร?ต่อไปควรทำเช่นไร?ด้านหลังพวกเขามีกำลังทหารไม่น้อยเลย!แต่เกิดเรื่องฮูหลัวขึ้นกะทันหัน!พวกเขาไม่มีเวลาเพียงพอที่จะไประดมกำลังทหารเหล่านั้น!ตอนนี้กองทัพต้าเฉียนโจมจีด้านหลังของพวกเขาโดยตรง หากรวบรวมกำลังทหาร ไม่เพียงพอที่จะไปสู้กับต้าเฉียน เช่นนั้นก็เป็นการส่งคนไปตายโดยแท้!ช่วงเวลาฉุกละหุก เกออาซูอยากจะตบตัวเองสักฉากอยู่ดีไม่ว่าดี เขาส่งคนไปถ่วงความเร็วในการเคลื่อนทัพของพวกเขาเพื่อสิ่งใดหากเขาไม่ส่งคนไปทำเรื่องนี้ หยุนเจิงคงกังวลว่าด้านหลังของพวกเขามีแผน ไม่กล้าเสี่ยงบุกเช่นนี้เขาส่งคนไปทำเรื่องนี้ ไม่เท่ากับเป็นการบอกกับหยุนเจิง ด้านหลังของพวกเขา จำเป็นต้องใช้เวลาในการระดมกำลังหรือ?การกระทำเกินจำเป็น!โง่เขลา!เหตุใดเขาจึงโง่เพียงนี้!เกออาซูปวดหัวม
สองทหารคนสนิทรู้ว่าเฆี่ยนเช่นไรคนจึงจะเจ็บ จงใจแช่แส้เฆี่ยนม้าในน้ำเพี๊ยะ!แส้ฟาดลงไป ฟางหยุนซื่อร้องออกมาอย่างอนาถทันที เจ็บจนสั่นไปทั้งตัวเพี๊ยะ!แส้ที่สองฟาดลงไปอีกครั้งฟางหยุนซื่อร้องโหยหวนอีกครั้ง บนหลังเขาถูกเฆี่ยนจนมีบาดแผลแดงสดอยู่สองเส้นเพี๊ยะๆๆ!แส้ในมือทหารคนสนิททั้งสองคนเฆี่ยนตีหลังฟางหยุนซื่อไม่หยุดไม่นาน แผ่นหลังของหยุนซื่อก็ถูกเฆี่ยนจนหนังเปิดเนื้อปริออกอย่างไรก็ตาม ไม่ว่าฟางหยุนซื่อจะอ้อนวอนอย่างอนาถเช่นไร เกออาซูก็ไม่ขยับ ยังสั่งให้คนเฆี่ยนรุนแรงต่อไปแส้ฟาดไปสิบกว่าที ในที่สุดฟางหยุนซื่อก็ทนไม่ไหว ร้องไห้ด้วยใบหน้าบิดเบี้ยว “แม่ทัพ ข้า... ข้ามีวิธีแล้ว แม่ทัพ...อ๊าก...”ฟางหยุนซื่อด้านหนึ่งกล่าว ด้านหนึ่งร้องเจ็บปวดเขาไม่กล้าไม่พูดนี่แค่แส้กว่าทีเท่านั้น เขาก็ทนไม่ไหวแล้วหากฟาดห้าสิบแส้จริง เกรงว่าเขาคงถูกตีจนตาย“หยุด!”เกออาซูหยุดทหารคนสนิททั้งสอง จากนั้นก็เดินมาข้างหน้าฟางหยุนซื่อ “พูด มีวิธีใด?”ฟางหยุนซื่อพยายามสูดหายใจลึกๆ ค่อยๆ เรียกสติกลับมา จากนั้นก็กล่าวอย่างไร้เรี่ยวแรง “พวกเราสามารถแบ่งทหารเป็นสองเส้นทาง...”“พูดเหลวไหล!”เกออาซ
วันถัดมา ตอนที่พวกหยุนเจิงกำลังเตรียมจู่โจมชนเผ่าของเป่ยหวนประมาณสิบลี้ระยะห่าง หน่วยสอดแนมมารายงานทางปีกขวาของพวกเขาสามสิบลี้ ปรากฏทหารม้าเป่ยหวนจำนวนมาก มีจำนวนนับหมื่น“คิดจะตรึงกำลังพวกเราหรือ?”หยุนเจิงยิ้มกับตัวเอง ทันใดนั้นก็สั่งอวี๋ซื่อจง “ถ่ายทอดคำสั่งให้ฉินชีหู่และชวีเจิ้ง บัชการทหารหมื่นคนของพวกเขาบุกโจมตีชนเผ่าด้านหน้า ห้ามปล่อยให้คนในชนเผ่าหนีออกไปส่งข่าว! สั่งคนของข้า เปิดฉากทันที ตั้งขบวนโจมตี!”“ขอรับ!”อวี๋ซื่อจงรับคำสั่งทันที“รู้ว่าข้าต้องการทำสิ่งใด?”หยุนเจิงถามเสิ่นลั่วเยี่ยนที่อยู่ข้างกายเสิ่นลั่วเยี่ยนเอียงศีรษะคิด ตอบ “เจ้าอยากให้ทัพศัตรูคิดว่าพวกเราต้องการโจมตีพวกเขา ให้ฉินชีหู่ยื้อเวลากับชนเผ่าแห่งนั้น?”“ไม่เลวเลย! ช่วงนี้ก้าวหน้าเร็วมาก! เรื่องนี้ก็ดูออกแล้ว!”หยุนเจิงพยักหน้ายิ้มเล็กน้อย หลอกเย้าเสิ่นลั่วเยี่ยนใบหน้าของเสิ่นลั่วเยี่ยน กล่าวด้วยความอาย “เอาข้างกายเจ้าทุกวัน หากไม่ก้าวหน้าแม้แต่น้อย เจ้าคงด่านข้าในใจว่าโง่!”“ต้องบอกว่าตอนนี้เจ้าฉลาดแล้ว” หยุนเจิงหัวเราะเสียงดังเสิ่นลั่วเยี่ยนใบหน้ากระตุกเล็กน้อย จ้องคนสารเลวด้วยความโกรธเคือ
ปล่อยให้ทหารม้าเป่ยหวนติดตามพวกเขาเช่นนี้ ไม่ใช่เรื่องดี!ครั้งนี้พวกเขาถ่วงเวลากองทหารม้านี่ การโจมตีชนเผ่าแรกสำเร็จแล้ว ครั้งต่อไปเล่า?แม่ทัพบัญชาการของเป่ยหวนไม่ใช่คนโง่วิธีนี้ใช้ได้เพียงครั้งเดียวหากใช้อีกครั้งต่อไป เป็นไปได้มากว่าศัตรูคงเข้ามากดดันโดยตรงแล้วไม่ได้!ต้องคิดหาวิธีให้ทหารม้ากองนี้ถอยหนี!มิฉะนั้นทุกการเคลื่อนไหวของพวกเขาล้วนอยู่ใต้สายตาของอีกฝ่ายไม่เป็นประโยชน์กับแผนการขั้นต่อไปของพวกเขา!บนทางระหว่างถอย หยุนเจิงสังเกตสภาพสถานที่โดยรอบไม่หยุด ทั้งยังคิดหากลยุทธทำลายศัตรูคิดไปคิดมา หยุนเจิงก็ยังหาวิธีที่ดีไม่ได้ถึงเช่นไรที่นี่ก็ไม่ใช่สถานที่เหมือนหุบผาชันช่องลมหรือหุบเขามรณะคิดจะให้ประโยชน์จากสถานที่ทำให้พวกเขาสามารถตีทัพศัตรูได้ แต่ทัพศัตรูไม่อาจโจมตีพวกเขา โดยพื้นฐานแล้วเป็นไปไม่ได้คิดจัดการกองทัพทหารม้านี้ เกรงว่าต้องเผชิญหน้าโดยตรงสักครั้งแล้ว!หยุนเจิงกำลังครุ่นคิด เห็นว่าไม่ไกลมีเนินดินอยู่ จึงตัดสินใจทันที เรียกคนไปถ่ายทอดคำสั่งให้ฉินชีหู่ “สั่งกองกำลังฉินชีหู่ รีบกลับมาช่วยสนับสนุน อ้อมไปยังเนินดินด้านข้างของงพวกเรา ทันทีที่หน่วยข้าทำศึก
“ฆ่า!”สิ้นเสียงฆ่าที่ดังสะเทือนไปทั่วบริเวร ในที่สุดทหารม้าทั้งสองฝ่ายก็เผชิญหน้ากันสู้กันตอนที่ทั้งสองฝ่ายเข้าใกล้อาณาบริเวณสามลี้ ทหารม้าเป่ยหวนแบ่งออกเป็นสองอย่างรวดเร็ว บุกมาที่ด้านข้างของพวกเขานี่เป็นทักษะการรบที่ทหารม้าไปหวนคุ้นเคยที่สุด อ้อมไปด้านข้างของศัตรู จัดการทหารที่ไม่มีก็กันบ้าง รอให้ศัตรูเสียหาย คอย ดำเนินการล่าเหยื่อตรงหน้าเมื่อเห็นการแปรขบวนทัพของศัตรู หยุนเจิงอดนึกดีใจไหมสุดท้ายก็มาลูกไม้นี้!ยังดีที่พวกเขาบุกโจมตีที่ปีกขวาของทัพศัตรูหากพวกเขาเลือกโจมตีข้างหน้าโดยตรง ไม่นานก็จะตกอยู่กลางวงล้อมซ้ายขวาของทัพศัตรูพวกเขาออกโจมตีสัมภาระเบา ไม่ใช่ทหารม้าทุกคนจะมีโล่ในมือ มีเพียงคนจำนวนน้อยที่มีม้าศึกที่ค่อนข้างดีและโล่ป้องกันการโจมตีด้วยขอบเขตกว้างขวาง ล้วนเป็นทหารที่มีโล่กันบังในมืออยู่ข้างหน้า ทำลายแนวรบของศัตรูก่อนเมื่อกองกำลังศัตรูมาถึงทั้งสองข้างพวกเขาจะโจมตีแบบกองโจร ทหารม้ามากมายไม่มีโล่กันบังล้วนตกอยู่ในอาณาเขตการโจมตีของศัตรู ก็จะเกิดความเสียหายหนักมากเนื่องจากทั้งสองฝ่ายอยู่ใกล้กัน แม่ทัพของศัตรูเข้าใจเจตนาของพวกเขาหยุนเจิงแล้วตรงหน้าเห็นว่
พวกเขานำทหารออกรบ ไม่มีใครสวมชุดเกราะที่จักรพรรดิเหวินมอบให้ใช้คำพูดของหยุนเจิง แต่งตัวงามหยาดเยิ้มเช่นนั้น บนสนามรบ ก็เหมือนเป็นเป้ายิงที่มีชีวิต!แต่พวกเขาละลายม้าศึก!ย่ำเหมันต์ที่หยุนเจิงขี่ เป็นสัตว์พาหนะของปานปู้ราชครูเป่ยหวน!ตอนที่หยุนเจิงแลกเปลี่ยนม้ากับปานปู้ที่หุบผาชันช่องผม ทหารเป่ยหวนมากมายล้วนอยู่ในเหตุการณ์พวกเขาอาศัยย่ำเหมันต์ทำให้แยกตัวตนของหยุนเจิงได้!ถูกเสิ่นลั่วเยี่ยนเตือนสติ เมี่ยวอินมีปฏิกริยาตอบโต้ทันที!“เข้ามา! ทุกคนเข้ามาใกล้ข้า! โจมตี!”“ทุคนเข้ามาใกล้พวกเรา!”เสิ่นลั่วเยี่ยนและเมี่ยวอินบุกไปยังสถานที่ที่หยุนเจิงอยู่ ด้านหนึ่งร้องตะโกน อีกด้านรวบรวมทหารต้าเฉียนต่อสู้กับศัตรูอย่างต่อเนื่อง รีบมุ่งหน้าไปหาหยุนเจิงเวลานี้ หยุนเจิงก็รับรู้ถึงความผิดปกติแล้วศัตรูรอบกายพวกเขามีมากขึ้นเรื่อยๆความรู้สึกเหมือน ชาวเป่ยหวนพวกนี้กำลังฉีดเลือดไก่ยังดีที่ทหารองครักษ์ของอวี๋ซื่อจงล้วนเป็นทหารชั้นยอด ต่อให้ศัตรูมีจำนวนเป็นเท่าตัว ก็ยังไม่เพรี้ยงพร้ำในตอนที่ทั้งสองฝ่าต่อสู้กันดุเดือน กองทหารฉินชีหู่บุกออกมาจากเนินเดินที่อยู่ไม่ไกลหน่วยของฉินชีหู่แบ่งทห
เวลาเดียวกัน เสิ่นลั่วเยี่ยนและเมี่ยวอินรวบรวมคนจำนวนมาก ตามหยุนเจิงไป พากันพุ่งหาเจียเจียปูไม่หยุดภายใต้ดวงอาทิตย์อัสดง หยุนเจิงและเสิ่นลั่วเยี่ยนนำกำลังทหารร้อยกว่าคน ไล่ติดตามทิศทางที่เจียเจียปูอยู่ไม่หยุดไม่นาน คนที่เร็วที่สุดคือฉินชีหู่ฉินชีหู่ขี่มานำเป็นคนแรก ด้วยท่าทีสังหารเจ็ดในเจ็ดนอกแนวรบของศัตรูด้วยม้าหนึ่งหอกเดียวเพียงลำพังเลือดแดงสดย้อมเกราะของฉินชีหู่ ทว่าฉินชีหู่ยิ่งฆ่ายิ่งตื่นเต้นเวลานี้ ทุกคนราวกับเครื่องจักรสังหารหยุนเจิงเองก็นำกองทัพไล่ล่าไม่หยุดแม้ว่าดาบแตกร้าวหลายรอยแล้ว ก็ยังไล่ล่าไม่หยุดบนสนามรบ เสียงร้องอนาถของคนและเสียงม้าร้องดังขึ้นระงม ภายใต้เงาสะท้อนของอาทิตย์ยามเย็น ทั้งสนามรบเหมือนกับนรกเลือดไม่ปานท้องฟ้าค่อยๆ มืดลง ในที่สุดสงครามครั้งนี้ก็สิ้นสุดลงแล้วทหารม้าหนึ่งหมื่นห้าพันคนของเป่ยหวน นอกจากคนจำนวนน้อยที่ฉวยโอกาสหลบนี้ไปตอนช่วงโกลาหลแล้ว คนจำนวนมากอยู่ที่นี่ทหารต้าเฉียนพากันจุดคบเพลิงบางส่วนกำลังช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ บางส่วนกำลังแทงดาบซ้ำตามความต้องการของหยุนเจิงสำหรับทหารม้าเป่ยหวนที่บาดเจ็บสาหัสแต่ยังไม่ตาย แทงดาบลงไป ก็สามารถเ
เวลานี้ ฉินชีหู่มาถึงข้างกายหยุนเจิงเพิ่งผ่านสนามรบเลือด ฉินชีหู่ร่างเต็มไปด้วยเลือดเช่นกันแต่ว่า เจ้าหมอนี่ห้าวหาญจริง มองดูแล้วไม่มีบาดแผลสักนิดขณะนี้ กลิ่นอายการสังหารบนตัวเขายังไม่หายไปทั้งหมด บวกกับเลือดบนตัวเขา เหมือนเทพความตายมาเยือนยังโลกยังดีที่หยุนเจิงเคยชินกับกลิ่นคาวเลือดบนสนามรบแล้ว มิฉะนั้นคนโดนกลิ่นอายสังหารของเจ้าหมอนี่ซัดซาดแล้ว“เจ้าคิดว่าควรทำเช่นไร?”หยุนเจิงเงยหน้ามองฉินชีหู่“ฆ่า!”น้ำเสียงของฉินชีหูเย็นชาเป็นพิเศษ ไม่มีความเมตตาใด“……”หยุนเจิงสีหน้ามืดครึ้ม “ฆ่าเชลยเหล่านี้แล้ว เจ้าข้าไปขุดเหมืองหรือ?”เจ้านี่ ฆ่าจนบ้าไปแล้วกระมัง?ตอนนี้เขาต้องการกรรมกรขุดเหมือง!ต่อไปเรื่องซ่อมถนนสร้างสะพาน ล้วนต้องการเชลยศึกเหล่านี้“แต่ว่า...”ฉินชีหู่ขมวดคิ้ว “พวกเรายังต้องจู่โจมด้านหลังของทัพศัตรู พาเชลยเหล่านี้ไป พวกเราก็เพิ่มความเร็วไม่ได้แล้ว! ไม่ง่ายเลยกว่าพวกเราจะคว้าโอกาสบุกเข้าด้านหลังของศัตรูได้ คงไม่อาจถอนทัพตอนนี้ได้กระมัง?”มีอย่างที่ไหนบุกจู่โจมแล้วยังพาเชลยไปด้วย?ต่อให้มีเมตตาก็ไม่ใช่วิธีเมตตาเช่นนี้!เมี่ยวอินและเสิ่นลั่วเยี่ยนพยักหน้าต