ข้างในห้อง ฉินลิ่วก่านกำลังนั่งอยู่ตรงนั้นด้วยสีหน้าเคร่งขรึมเมื่อเห็นหยุนเจิงเข้ามาตามลำพัง นัยน์ตาจึงเผยแววสงสัยออกมา“ไอ้ระยำนั่นล่ะ?”หยุนเจิงยังไม่ทันเดินเข้าไป ฉินลิ่วก่านก็ถามขึ้น“ข้าสั่งให้เด็กไปเรียกแล้ว”หยุนเจิงยิ้มตอบ แล้วเดินไปยกกาน้ำชามารินชาร้อนให้กับฉินลิ่วก่านแก้วหนึ่ง “ข้ารู้ว่าท่านเตรียมตัวจะก่นด่าแล้ว ดื่มชาร้อนเปิดเส้นเสียงสักหน่อยดีกว่า!”“…”ฉินลิ่วก่านชะงักเล็กน้อย ทั้งโกรธทั้งน่าขัน “องค์ชายรู้ตัวดีจริงๆ!”กล่าวจบ ฉินลิ่วก่านจึงยกแก้วชาขึ้นมาแล้วดื่ม ‘อึกๆ’ ลงไปจนหมดตุบ!ฉินลิ่วก่านวางแก้วชาบนโต๊ะแรงๆ แล้วหยิบราชโองการออกมาจากอกมอบให้กับหยุนเจิง “ดูเอาเอง!”ราชโองการ?หยุนเจิงสงสัยหมายความว่าอย่างไร?เหตุใดตาเฒ่าโรคจิตนี่ถึงได้มาพร้อมกับราชโองการล่ะ?เสด็จพ่อคงไม่ออกราชโองการให้ตนยอมแพ้หรอกกระมัง?รู้ทั้งรู้ว่าเป็นไปไม่ได้ แล้วจะออกราชโองการทำไมกัน?หยุนเจิงรีบเปิดอ่านราชโองการด้วยความอยากรู้อยากเห็นเมื่ออ่านเนื้อหาในราชโองการแล้ว หยุนเจิงจำต้องปั้นหน้าขรึมทันใดชื่อเรียกมรณกรรม อู่เลี่ย!สงสัยเสด็จพ่อจะคิดว่าตนตายไปแล้วจริงๆ!แม้แต่ชื
รวมถึงแม่ทัพของด่านเป่ยลู่ที่ถูกจับตัวพวกนั้นด้วย ล้วนแต่เป็นหมากที่เขาจะนำไปต่อรองกับจักรพรรดิเหวินทั้งนั้นเขาจะใช้คนเหล่านี้ไปแลกครอบครัวของตู๋กูเช่อและคนอื่นๆ กลับมา“เจ้าคิดว่าพ่อเจ้าจะตกลงหรือ?”ฉินลิ่วก่านตอบอย่างไม่พอใจนัก “ส่งครอบครัวของตู๋กูเช่อพวกเขามาที่ซั่วเป่ย เช่นนั้นพวกเขาก็จะไม่เป็นพะวงใดๆ อีก และจะจงรักภักดีต่อเจ้าไปตลอดน่ะสิ?”“ข้าคิดว่าเสด็จพ่อน่าจะตกลง!”หยุนเจิงยิ้ม “หากพระองค์ฆ่าครอบครัวของตู๋กูเช่อพวกเขา เช่นนั้นก็เท่ากับจงใจทำให้พวกเขาเกิดความคิดก่อกบฏไม่ใช่หรือ?”“อีกอย่าง เว่ยเหวินจงทำให้คนตายไปมากเพียงนี้ เสด็จพ่อไม่อยากจัดการเว่ยเหวินจงด้วยพระองค์เองเลยหรือ?”“แล้วก็หันจิ้นพวกเขาต่างก็เป็นคนที่ติดตามพระองค์มานานหลายปี พระองค์จะยอมให้ข้าจับตัวคนเหล่านี้ไว้ตลอดจริงหรือ?”“พวกข้าไม่คิดจะก่อกบฏเสียหน่อย ซ้ำยังช่วยพระองค์ยึดดินแดนที่เสียไปกลับมา และขยายอาณาเขตอีกด้วย พระองค์คงไม่พระทัยดำเพียงนั้นหรอกกระมัง?”เมื่อได้ยินคำพูดของหยุนเจิงแล้ว ฉินลิ่วก่านก็ทำหน้าบึ้งอย่างอดไม่ได้ไอ้สารเลวนี่คิดไว้ตั้งนานแล้วนี่!เขาคิดจะทำให้พ่อของเขาหมดหนทางจริงๆ นั้นหร
มุมปากของฉินลิ่วก่านกระตุกเล็กน้อย แววตาที่มองไปที่หยุนเจิงก็แปลกๆเจ้าเด็กนี่ กล้าใช้วิธีนี้ในการเพิ่มเสบียงนั่นรึ?แต่จะว่าไปก็เป็นวิธีที่ดีเช่นกัน!เพียงแต่ไม่รู้ว่ารัชทายาทจะตกลงหรือไม่“ตามหลักแล้ว เขาไม่มีทางตกลงแน่นอน”หยุนเจิงกล่าวยิ้มๆ “เพราะอย่างไร สำหรับเขาแล้ว การส่งเสบียงมาให้พวกเขานั้นถือเป็นการเลี้ยงเสือให้เกิดปัญหา! แต่ข้าคิดว่า เขายอมเลี้ยงเสือให้เกิดปัญหา ก็ไม่ยอมเสียตำแหน่งองค์รัชทายาทไปหรอก ทันทีที่เว่ยเหวินจงเปิดโปงเขาออกมา อย่าว่าแต่ตำแหน่งองค์รัชทายาทเลย แม้แต่ชีวิตน้อยๆ ของเขาก็ยากที่จะปกป้องไว้ได้”ฉินลิ่วก่านได้ยินดังนั้นพลันตกอยู่ในภวังค์อีกครั้งจริง!เลี้ยงเสือให้เกิดปัญหา ก็แค่เลี้ยงเสือดื้อรั้นตัวหนึ่งเท่านั้น!ต่อจากนี้ยังมีโอกาสเชือดอีกมากมาย!แต่หากรัชทายาทไม่ตกลง ทันทีที่เว่ยเหวินจงเปิดโปงเขาออกมา เช่นนั้นผลที่จะตามมาไม่ใช่เรื่องที่เขาจะรับไหวได้แน่นอน!“เจ้ามั่นใจขนาดนั้นเชียวหรือว่าเว่ยเหวินจงจะเปิดโปงเขาน่ะ?”ฉินลิ่วก่านสงสัย “หากข้าเป็นเว่ยเหวินจง ข้ายอมตายก็ไม่ยอมเปิดโปงองค์รัชทายาทแน่นอน! เพราะอย่างไรก็ต้องตายอยู่ดี เหตุใดข้าถึงต้องช
ขอแค่มีชีวิตรอดก็พอ!“เอ่อ…”หยุนเจิงมองฉินลิ่วก่านอย่างกลืนไม่เข้าคายไม่ออก “หรงกั๋วกง ท่านไม่ต้องกังวลเรื่องนี้เลย คนที่จะคุ้มกันเว่ยเหวินจงไป ข้าจัดการไว้แต่แรกแล้ว ข้าส่งคนให้ไปส่งจดหมายที่เมืองจักรพรรดิแล้วด้วย และข้ายังเพิ่มเงื่อนไขให้กับเสด็จพ่อข้อหนึ่งด้วย!”“เงื่อนไขอะไร?”ฉินลิ่วก่านจ้องหยุนเจิงอย่างไม่สบอารมณ์ “เจ้าไม่สร้างปัญหาให้พ่อเจ้าสักวันจะตายหรือไงกัน?”“ไม่ได้สร้างปัญหาจริงๆ!”หยุนเจิงกล่าวด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “ข้ากำลังแบ่งเบาภาระให้กับพระองค์ต่างหาก!”“แบ่งเบาภาระ?”ฉินลิ่วก่านไม่เข้าใจ “เจ้าเพิ่มเงื่อนไขให้กับเขา แล้วยังช่วยแบ่งเบาภาระกับเขาด้วยนั้นหรือ?”“ข้าพูดจริง!”หยุนเจิงกล่าวยิ้มๆ “ข้าขอให้เสด็จพ่อสั่งให้เสด็จพี่สามนำทหารมาคุ้มกันเว่ยเหวินจงที่ด่านเป่ยลู่กลับไปด้วยตนเอง!”อะไรนะ?เมื่อได้ยินคำพูดของหยุนเจิงแล้ว สีหน้าของฉินลิ่วก่านก็ดูตื่นเต้นขึ้นมาผ่านไปนาน ในที่สุดฉินลิ่วก่านก็อดหัวเราะลั่นออกมาไม่ได้เขาหัวเราะอยู่นาน ถึงจะกล่าวด้วยสีหน้ายิ้มแย้มว่า “ดี ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าก็จะเขียนจดหมายให้พ่อเจ้าอีกฉบับหนึ่ง พยายามให้เขาตอบตกลงเงื่อนไขของ
แม้ว่าฉินลิ่วก่านจะตีฉินชีหู่อยู่ แต่ก็พอรู้ขอบเขตบ้างเพียงแค่ต้องการให้ฉินชีหู่เจ็บที่ผิวหนังเท่านั้น ไม่ได้เจ็บไปถึงกระดูหรือปราณภายในหลังจากตีไปยกใหญ่ ฉินลิ่วก่านก็ลากตัวฉินชีหู่กลับไปในห้อง“เรื่องเว่ยเหวินจงจริงแท้แค่ไหน?”ทันทีที่เข้ามาในห้อง ฉินลิ่วก่านก็ถามด้วยสีหน้าเรียบนิ่งทันที“จริงแท้แน่นอน”ฉินชีหู่มองฉินลิ่วก่านแวบหนึ่ง แล้วตอบว่า “ตอนที่องค์หญิงเจียเหยาแห่งเป่ยหวนมอบจดหมายให้กับองค์ชายหก ข้ากับตู๋กูเช่อก็อยู่ด้วย! ถึงแม้ว่าจดหมายฉบับนั้นจะไม่ใช่ลายมือของเว่ยเหวินจง แต่มีเพียงเว่ยเหวินจงเท่านั้นที่จะทำเรื่องพรรค์นั้นได้…”กล่าวจบ ฉินชีหู่ก็เล่าเนื้อหาในจดหมายให้เขาฟังหลังจากฟังจบแล้ว ฉินลิ่วก่านก็ขมวดคิ้วมุ่นขึ้นอย่างอดไม่ได้เมื่อพูดเช่นนี้แล้ว ก็เป็นฝีมือของเว่ยเหวินจงแท้แน่นอน!เพราะอย่างไร การเคลื่อนย้ายกำลังพลทหารขนส่งเสบียงเหล่านั้น มีเพียงเว่ยเหวินจงเท่านั้นที่จะทำได้หลังจากครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง ฉินลิ่วก่านก็ถามขึ้น “เหตุใดองค์หญิงอ่อนหัดของเป่ยหวนนั่นถึงต้องมอบจดหมายให้องค์ชายหกด้วย?”“ก็เพราะคิดว่าชัยชนะอยู่ในมือแล้วน่ะสิ!”ฉินชีหู่ฟุดฟิดจมูก แล้
ฉินลิ่วก่านสีหน้าอึมครึม ด่ากราดรุนแรง “จับตาแก่สารเลวบ้านเจ้าสิ!”“……”ฉินชีหู่สีหน้าเอือมระอาและกล่าวพึมพำ “ท่านไม่ใช่ตาแก่ของข้าหรือไร?”“ข้า...”ฉินลิ่วก่านโกรธตัวสั่น ยกมือขึ้นหมายจะตบศีรษะฉินชีหู่อีกครั้งฉินชีหู่หนังตากระตุก กุมศีรษะไว้ทันทีแต่ว่า เขารออยู่นานสองนาน มือของฉินลิ่วก่านก็ยังไม่หวดลงมาฉินชีหู่เงยหน้า มองบิดาด้วยสายตาผิดปกติมือของฉินลิ่วก่านยกค้างไว้เช่นนั้น ทว่าก็ไม่ฟาดลงมา ราวกับถูกคนร่ายเวทมนต์ใส่ฉินชีหู่เห็นดังนั้น ในใจยิ่งรู้สึกผิดปกติตาแก่ ผิดปกติ!เนิ่นนาน ฉินลิ่วก่านค่อยๆ เก็บมือของตน จากนั้นก็ถอนหายใจอย่างไร้เรี่ยวแรง “ข้าจับตัวเขาไปได้หรือไม่ก็ยังไม่แน่! เจ้าหนุ่มนี่นับว่าเป็นวีรบุรุษของต้าเฉียนเรา หากข้าจับเขาจริง ชาตินี้ทั้งชาติข้าคงไม่สงบใจ...”“ใช่ๆ!”ฉินชีหู่ดีใจ พยักหน้าหงึกๆ “ข้าก็คิดเช่นนี้! เขารบชนะมากมาย ทำลายชาวเป่ยหวนไปมากมายเพียงนั้น ทั้งยังใกล้ช่วยต้าเฉียนพิชิตดินแดนกลับมาได้แล้ว หากท่านลักพาตัวเขา เช่นนั้นก็ไม่เป็นโจรเฒ่าทรราชหรือ?”“โจรเฒ่าทรราชยายเจ้าสิ!”ฉินลิ่วก่านผรุสวาทด้วยสีหน้าบึ้งตึง แทบจะยกมือขึ้นมาตกอีกครั้งคร
เป่ยหวนตั้งแต่หยุนเจิงบุกฝ่าวงล้อมสำเร็จ ปานปู้ป่วยจนลุกไม่ขึ้นอีกครั้งครั้งนี้ รุนแรงกว่าก่อนหน้านี้ปานปู้เข้าใจ อาการเขาดีขึ้นก่อนหน้านี้ เป็นเพียงผลข้างเคียงเป็นเพราะเขาอยากเอาชนะหยุนเจิงมาก อยากจับเป็นหยุนเจิงมากจึงกลายเป็นความเชื่อมั่นที่สนับสนุนเขา ทำให้รางกายของเขาดีขึ้นอย่างอัศจรรย์แต่ตอนนี้ ความหวังของเขาหมดสิ้นแล้วด้วยความคิดความเชื่อมั่นหายไปแล้ว ชีวิตของเขาก็เดินมาถึงสุดทางแล้วมองดูอาจารย์ที่เป็นดั่งตะเกียงใกล้ดับไฟ เจียเหยาน้ำตาไหลเป็นสายอาจารย์เมื่อหกปีก่อน ภาคภูมิสูงส่งเพียงใด!เขาในตอนนั้น เป็นวีรบุรุษของทั่วทั้งเป่ยหวน!วันนี้ อาจารย์กลับมีตัวเล็กลีบซีดเซียวในชั่วเวลานั้น สมองของนางปรากฎภาพอาจารย์เมื่อสิบปีก่อนนางในเวลานั้น เพิ่งอายุครบเก้าขวบ“อาจารย์ ข้ากราบท่านเป็นอาจารย์ได้หรือไม่?”“เอ๋? องค์หญิงหลายวันก่อนเพิ่งกราบปู้ตูเป็นอาจารย์ไม่ใช่หรือ เหตุใดจึงคิดจะกราบข้าเป็นอาจารย์อีก?”“ข้ากราบปู้ตูเป็นอาจารย์ เป็นเพราะอยากเรียนวิชาธนูกับเขา ข้ากราบราชครูเป็นอาจารย์ เพราะอยากเรียนการทหารทำศึก! เสด็จพ่อกล่าวว่า ราชครูเป็นคนที่ฉลาดทที่สุดในทุ่งหญ
หากขวัญกำลังใจทหารของพวกเขาฮึกเหิม วิธีที่อาจารย์กล่าวก็อาจทำได้แต่สถานการณ์ตรงหน้า ขวัญกำลังใจทหารของพวกเขาไม่มีหลงเหลือเวลาแค่ไม่กี่วัน ภายในค่ายเกิดการหนีทัพจำนวนนับพันแล้วเวลานี้ ความจริงก็ไม่นับว่าเป็นปัญหาร้ายแรงแล้วปัญหาที่ร้ายแรงที่สุดคือ ตอนนี้ทหารเหล่านี้ถูกต้าเฉียนทำร้ายจนกลัวแล้ว เหมือนกับเชือกธนูที่ถูกขึงไว้แน่นเพียงลมเล็กน้อยพัดหญ้าไหว เชือกธนูก็สามารถขาดได้ทุกเมื่อเวลานี้ ปัญหาไม่ใช่ป้องกันได้หรือไม่!แต่เป็นปัญหาว่าค่ายจะแตกหรือไม่!หากเปลี่ยนเป็นนาง นางมีวิธีมากมายทำให้ค่ายของทัพศัตรูแตก!นางเชื่อ คนเจ้าเล่ห์อย่างหยุนเจิง ต้องมีวิธีแน่นอนผลของการที่ค่ายแตก ไม่ใช่สิ่งที่พวกเขารับได้เมื่อได้ฟังการวิเคราะห์ของเจียเหยา ปานปู้อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาอย่างไร้เรี่ยวแรง“เห้อ...”ใช่แล้ว!ค่ายแตก!กองทัพเป่ยหวนตอนนี้ อาจค่ายแตกได้ทุกเวลาแค่ทัพศัตรูส่งคนสักหลายสิบคนแอบเข้ามากลางดึก การที่ค่ายแตกก็สามารถบอกได้ว่าเป็นเรื่องหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทันทีที่ค่ายพวกเขาแตก คาดว่าชาวต้าเฉียนคงดีใจจนเป็นบ้าไม่ต้องป้องกันแล้ว!จำเป็นต้องถอยจริงด้วย!ไม่สร้างขวัญ
หากมิใช่เพราะจักรพรรดิเหวินทรงเตือน เขาคงมิได้คำนึงถึงปัญหานี้เลย “พอแล้ว!” จักรพรรดิเหวินโบกพระหัตถ์ “ข้าจะออกเดินทางในไม่ช้า เจ้าอย่ามาติดตามข้าเลย ไปจัดการธุระของเจ้าเถิด!” “เสด็จพ่อจะเสด็จตอนนี้หรือพ่ะย่ะค่ะ?” หยุนเจิงรู้สึกแปลกใจ“ข้าควรไปแล้ว! การปล่อยให้พี่สามของเจ้าติดอยู่ที่ฟู่โจวตลอดก็ไม่ดี” จักรพรรดิเหวินตรัสด้วยน้ำเสียงเรียบๆ “เจ้าอย่ามาส่งข้าเลย ไปๆ มาๆ จะเสียเวลาไม่น้อย” “เอ่อ…” หยุนเจิงรู้สึกกระดากใจเล็กน้อย “ลูกขอส่งเสด็จพ่อออกจากด่านเถิดพ่ะย่ะค่ะ!” เขายังต้องไปที่ค่ายใหญ่บนเขาห่านป่าหวนกลับอีกครั้ง หากออกเดินทางจากชายแดนชิงจะช่วยประหยัดเวลาไปไม่น้อย ทว่าหากจักรพรรดิเหวินจะเสด็จจากไป แล้วเขาไม่ส่งเสด็จ ดูเหมือนจะมิใช่เรื่องสมควร “ไม่ต้องแล้ว!” จักรพรรดิเหวินทรงปฏิเสธทันที “อย่างไรเสียเจ้าก็ยังต้องพาเจียเหยาไปที่ฟู่โจวอยู่ดี! เรื่องในมือเจ้าก็ยังมีอีกมากมาย อย่าเสียเวลาเลย เรื่องบ้านเมืองสำคัญกว่า!” เป็นเช่นนี้หรือ? หยุนเจิงลังเลอยู่ชั่วขณะ ก่อนกล่าวว่า “ถ้าเช่นนั้น ลูกขอส่งเสด็จพ่อไปถึงชายแดนกู้เถิดพ่ะย่ะค่ะ!” “ก็ได้!” จักรพ
จักรพรรดิเหวินอาจอยู่ในเมืองหลวงนานเกินไป หรืออาจเป็นเพราะอยากสำรวจความมั่งคั่งของหยุนเจิง ในไม่กี่วันที่ผ่านมา จักรพรรดิเหวินให้หยุนเจิงพาไปชมสถานที่หลายแห่ง เยี่ยจื่อและเสิ่นลั่วเยี่ยนตั้งครรภ์อยู่ ส่วนเมี่ยวอินไม่อยากพบกับจักรพรรดิเหวินบ่อยนัก จักรพรรดิเหวินจึงเลือกให้หยุนเจิงเป็นผู้ติดตามเพียงคนเดียว ในช่วงหลายวันนั้น จักรพรรดิเหวินได้ไปชมเหมืองถ่านหิน โรงงานผลิตถ่านน้ำผึ้ง โรงงานปูนซีเมนต์ และเตาเผาต่างๆ อย่างครบถ้วน โชคดีอย่างเดียวคือ จักรพรรดิเหวินไม่ได้ไปดูโรงงานผลิตเกลือบริสุทธิ์ ไม่แน่ชัดว่าจักรพรรดิเหวินตั้งใจหรือไม่ แต่ครั้งนี้พระองค์ไม่ได้ไปชมกองทัพซั่วเป่ย สิ่งที่พระองค์สนใจล้วนเป็นเรื่องเศรษฐกิจและความเป็นอยู่ของประชาชน ในที่สุด หยุนเจิงก็ไม่อาจขัดขวางจักรพรรดิเหวินไม่ให้เดินทางไปยังชายแดนชิงเปียนได้ หยุนเจิงนำกองทัพองครักษ์ของตน พร้อมด้วยทหารองครักษ์ส่วนพระองค์ที่นำโดยโจวไต้ เดินทางไปยังชิงเปียนพร้อมจักรพรรดิเหวิน ระหว่างทางไปยังชิงเปียน หิมะหนาแน่นราวขนนกก็เริ่มตกลงมา จักรพรรดิเหวินยืนอยู่บนกำแพงเมืองชิงเปียน มือไขว้หลังโดยไม่ขยับเขยื้อน
พวกเขาล้วนเป็นคนใกล้ชิดของหยุนลี่ หยุนลี่จึงมิได้ปิดบัง ตั้งใจบอกเรื่องที่ต้องการซุ่มโจมตีหยุนเจิงในหัวเมืองสี่ทิศให้พวกเขารับรู้ เมื่อทราบแผนการของหยุนลี่ มีเพียงหยวนกุยที่ยังคงสงบนิ่ง ขณะที่คนอื่นต่างตกใจไปตามๆ กัน หยวนกุยหลังจากชดเชยความผิด ก็ได้รับตำแหน่งที่ปรึกษาด้านการทหารในสำนักไทจื่อ แม้จะมิได้บัญชาทหารมากมาย แต่เขามีความภักดีอย่างยิ่ง ในการเดินทางครั้งนี้ หยุนลี่จึงพาหยวนกุยมาด้วย เฉียวเหยียนเซียน หัวหน้าทหารรักษาการณ์ซ้ายของไทจื่อขมวดคิ้ว กล่าวขึ้นว่า “ฝ่าบาท ด้วยฐานะของหยุนเจิง หากไร้พระราชโองการ ใครเล่าจะ…” “เรื่องนี้ เจ้าต้องคอยเตือนข้าด้วยหรือ?” หยุนลี่ขัดจังหวะเฉียวเหยียนเซียน “เรื่องนี้ ข้าจะหารือกับเสด็จพ่อเอง! อย่างไรก็ดี พวกเราต้องเตรียมพร้อมสำหรับกรณีที่เสด็จพ่อไม่เห็นชอบ! นี่คือโอกาสทองในการซุ่มโจมตีหยุนเจิง หลังจากนี้ คงไม่มีโอกาสเช่นนี้อีก!” ครั้งนี้ หยุนลี่ตัดสินใจแน่วแน่ ไม่ว่าองค์จักรพรรดิเหวินจะทรงเห็นด้วยหรือไม่ เขาก็คิดจะลองสังหารหยุนเจิงอยู่ดี ในตอนนี้ หยุนเจิงเปรียบดั่งดาบที่แขวนอยู่บนคอเขา หากหยุนเจิงยังมีชีวิตอยู่ เขาย่อ
บรรยากาศในมื้ออาหารนี้ไม่สู้ดีนัก หยุนลี่มีความขุ่นเคืองในใจ แต่ไม่อาจระบายออกได้ ต้องพยายามปลอบประโลมบรรดาแม่ทัพ จึงไม่มีทางจะอารมณ์ดีได้เลย หลังอาหาร หยุนลี่ได้เอ่ยปากเชิญโจวเต้ากงให้เดินพูดคุยเป็นการส่วนตัว โจวเต้ากงก็ไม่รู้ว่าหยุนลี่ต้องการสิ่งใด แต่ก็จำต้องตอบรับ หยุนลี่กอดอก เดินนำโจวเต้ากงไปยังลานกว้างในค่ายทหาร “เจ้าคิดเห็นอย่างไรกับหยุนเจิง?” ขณะเดินอยู่ หยุนลี่ก็เอ่ยถามขึ้นมาอย่างกะทันหัน คิดเห็นต่อหยุนเจิงหรือ?โจวเต้ากงสะดุ้งในใจ รีบตอบกลับไปว่า “องค์ชายหกทรงเป็นโอรสสวรรค์ ข้าน้อยไม่บังอาจแสดงความคิดเห็นโดยพลการ” “ไม่เป็นไร กล่าวตามที่เจ้าคิดเถิด” หยุนลี่กล่าวอย่างเรียบเฉย เมื่อเห็นหยุนลี่ยืนกรานจะถาม โจวเต้ากงก็จำต้องตอบไปด้วยความหวั่นเกรง “องค์ชายหกทรงมีฝีมือในการศึก ปราบปรามศัตรูอย่างกล้าหาญ นับเป็นคุณูปการใหญ่หลวงต่อแผ่นดินต้าฉวน! แต่การที่ทรงมีอำนาจทหารอยู่ในพระหัตถ์และไม่เชื่อฟังราชโองการนั้น กลายเป็นภัยใหญ่หลวงต่อราชสำนัก...” เมื่ออยู่ต่อหน้าหยุนลี่ในฐานะรัชทายาท โจวเต้ากงจึงจำต้องกล่าวเช่นนี้ หยุนลี่รู้สึกพอใจกับคำตอบของโจวเต้ากง จ
เมื่อได้ฟังโจวเต้ากงบ่นอย่างนี้ หยุนลี่ก็เดาได้ทันทีว่าเจ้านี่ต้องการพูดอะไรต่อไป ชัดเลย เขาคงจะมาขอเกราะจากตนแน่ๆ ใช่ไหม? “พอแล้วๆ!” หยุนลี่ขัดจังหวะคำพูดของโจวเต้ากง “ที่นี่ยังขาดเกราะอีกเท่าไหร่?” “หนึ่งหมื่นสามพันชุด” โจวเต้ากงตอบทันที “ขาดมากขนาดนี้เลย?” ใบหน้าของหยุนลี่กระตุกเล็กน้อย “ตามที่เจ้าพูด คนหนึ่งหมื่นที่ประจำอยู่ห่างออกไปสิบห้าลี้ก็แทบไม่มีเกราะเลยใช่ไหม?” “พ่ะย่ะค่ะ!” โจวเต้ากงพยักหน้า “หนึ่งหมื่นนั้นล้วนเป็นทหารที่เพิ่งเกณฑ์ใหม่ และตอนนี้กำลังฝึกซ้อมอยู่ที่นั่น…” ฝึกซ้อม? ใบหน้าของหยุนลี่มืดครึ้ม เกือบจะสบถออกมา ไม่มีเกราะป้องกัน นี่ก็เรียกว่าฝึกซ้อมหรือไงวะ? นี่มันเรียกว่าทิ้งข้าวเปลืองเบี้ยเลี้ยงมากกว่า! ถ้าเจ้าหกยกพลบุกมา จะหวังพึ่งคนพวกนี้ได้ไหม? พวกทหารนี่คงเป็นแค่เป้าซ้อมมือให้เจ้าหกไม่ใช่หรือไง? บ้าบอคอแตก! แนวป้องกันนี่ ไม่มีเสียยังจะดีกว่า! อย่างนี้ ราชสำนักยังประหยัดค่าใช้จ่ายได้มหาศาลอีกด้วย! หยุนลี่โมโหจนแทบจะระเบิด แต่ก็ไม่อาจระบายความโกรธใส่โจวเต้ากงได้ เรื่องนี้จะไปโทษโจวเต้ากงก็ไม่ได้! เกรา
ฟู่โจวหัวเมืองเมืองสี่ทิศนี่คือพื้นที่ที่ใกล้กับซั่วเป่ยที่สุดของฟู่โจว หยุนเจิงจะจัดพิธีสมรสกับเจียเหยาที่ฟู่โจว การสร้างจวนอ๋องใหม่ในเวลาสั้นๆ เป็นไปไม่ได้ จึงต้องซื้อจวนจากเหล่าขุนนางใหญ่ในหัวเมืองสี่ทิศแทน เดิมทีเรื่องนี้ควรเป็นหน้าที่ของหยุนลี่ องค์รัชทายาท ที่จะช่วยดูแลจัดการ แต่หยุนลี่ไม่ใส่ใจเลยแม้แต่น้อย สั่งให้ขุนนางในกรมพิธีการตัดสินใจกันเอง เขาเกลียดชังหยุนเจิงจนแทบอยากสับร่างหยุนเจิงเป็นชิ้นๆ แล้วจะให้เขามาช่วยเลือกจวนให้อย่างนั้นหรือ? ถ้าให้ช่วยเลือกโลงศพแทน เขาคงรีบทำอย่างกระตือรือร้นแน่! หลังจากโยนเรื่องวุ่นวายเหล่านี้ให้ขุนนางระดับล่างจัดการ หยุนลี่ก็พาคนเดินทางไปยังค่ายใหญ่หัวเมืองสี่ทิศ นับตั้งแต่จ้าวจี๋นำทัพไปยังเขตตะวันตกเฉียงเหนือ ฟู่โจวก็เหลือเพียงกองกำลังสามหมื่นนาย และกองกำลังทั้งสามหมื่นนายนี้ก็เกือบทั้งหมดประจำอยู่ในหัวเมืองสี่ทิศ หยุนลี่ไม่หวั่นเกรงที่จะถูกตำหนิเรื่องการติดต่อกับแม่ทัพในกองทัพโดยพลการ การตรวจสอบค่ายใหญ่ในหัวเมืองสี่ทิศ เป็นภารกิจที่จักรพรรดิเหวินมอบหมายให้เขาก่อนที่จะเดินทางไปยังซั่วเป่ย เมื่อหยุนลี่พาคนมา
“เสด็จพ่อ ที่ซั่วเป่ยขาดแคลนอาหารอย่างหนัก!” หยุนเจิงกล่าวด้วยสีหน้าทุกข์ใจ “ตอนนี้ลูกไม่ได้ดูแลแค่ชาวซั่วเป่ย แต่ยังต้องเลี้ยงดูคนในเขตปกครองทหารตะวันตกเฉียงเหนือ อีกทั้งเป่ยหมัวถัว กุ่ยฟาง เป่ยหวน ทุกพื้นที่เหล่านี้…” “คำพูดพวกนี้ไปบอกพี่สามของเจ้าสิ อย่ามาพูดกับข้า!” จักรพรรดิเหวินไม่ฟังคำพร่ำบ่นของหยุนเจิง ตัดบทอย่างไร้เยื่อใย บอกกับเจ้าสาม? หยุนเจิงเบะปาก แค่มันเทศในห้องใต้ดินนี้ เจ้าสามจะซื้อไหวหรือ? ตามราคาที่ตนตั้งไว้ก่อนหน้า ถ้าเจ้าสามไม่จ่ายเงินออกมาสักหลายล้านตำลึง คงไม่มีทางซื้อมันเทศในห้องนี้ได้ ถ้าถึงขั้นนั้น เจ้าสามคงต้องกลายเป็นหัวหน้าแผนกปล้นบ้านประจำราชสำนักต้าเฉียนแน่! มองเห็นสีหน้าขัดใจของหยุนเจิง จักรพรรดิเหวินวางมันเทศในมือ พลางตบไหล่หยุนเจิงอย่างแรง “จงจำไว้ ประชาชนในเขตในก็ล้วนเป็นราษฎรในความดูแลของเจ้า!” นั่นไง! เริ่มมาล้างสมองกันอีกแล้ว! หยุนเจิงบ่นในใจ พลางเปลี่ยนเรื่องถาม “เสด็จพ่ออยากลองชิมรสมันเทศนี่ไหม?” “ตอนนี้เลย?” จักรพรรดิเหวินแปลกใจเล็กน้อย “อื้ม” หยุนเจิงพยักหน้า “มันเทศนี่ปอกเปลือกแล้วกินดิบได้ กินน้อ
ผ่านไปไม่กี่วัน พวกเขาก็เดินทางกลับถึงเมืองติ้งเป่ยจนได้ ด้วยเหตุที่จักรพรรดิเหวินทรงกำชับไว้ล่วงหน้า การเสด็จมายังเมืองติ้งเป่ยครั้งนี้จึงถูกปิดเป็นความลับอย่างเข้มงวด มีเพียงผู้คนในจวนอ๋องเท่านั้นที่รับทราบ ครั้นถึงเมืองติ้งเป่ย จักรพรรดิเหวินก็ไม่ได้รีบไปยังจวนอ๋องในทันที แต่กลับยืนกรานให้หยุนเจิงพาไปชมมันเทศเสียก่อน ถึงกับดึงตัวไปก็ยังไม่ยอม หยุนเจิงถึงกับเอ่ยว่าให้คนยกมันเทศมาถวายให้ทอดพระเนตรที่จวนก็ยังไม่ยอม ทั้งยังยืนกรานจะไปดูด้วยพระองค์เองที่ห้องใต้ดินเก็บมันเทศ หยุนเจิงเริ่มระแวงหนักว่าตาแก่นี้คงกลัวว่าตนจะยกมันเทศไม่กี่หัวมาหลอกให้พอพระทัย จึงต้องการไปตรวจดูคลังสำรองเสียก่อนว่าจะสามารถยึดมันเทศไปจากตนได้สักเท่าใด ด้วยการยืนกรานของจักรพรรดิเหวิน หยุนเจิงจึงจำต้องพาไปยังสถานที่เก็บมันเทศแห่งหนึ่ง แม้ว่ามันเทศจะถูกแบ่งเก็บไว้ในห้องใต้ดินหลายแห่ง แต่สถานที่เหล่านั้นก็อยู่ติดกัน เพื่อให้สะดวกต่อการจัดการยามเฝ้ารักษา จักรพรรดิเหวินเพียงลงจากรถม้า ก็เห็นกองทหารจำนวนมากสวมเกราะพร้อมอาวุธครบมือ “เจ้าช่างเฝ้าแน่นหนาดีจริง! หรือเจ้ากลัวใครจะมาขโมยมันเทศของเจ
“จะใช้เงินมากมายขนาดไหนกัน?” “ก็เยอะจริงพ่ะย่ะค่ะ แม้แต่ลูกเองยังไม่อยากเชื่อเลยว่าลูกใช้เงินไปมากขนาดนี้” หยุนเจิงทำหน้ามุ่ยเหมือนคนมีทุกข์ จนเยี่ยจื่อที่อยู่ข้างๆ แทบอยากจะตีเขา เจ้าคนนี้นี่! พูดเกินจริงก็ต้องมีขอบเขตบ้างสิ! เสด็จพ่ออย่างไรก็เป็นถึงกษัตริย์ แม้จะไม่ทราบรายละเอียดว่าการสร้างเมืองใช้เงินเท่าไร แต่ก็น่าจะพอรู้คร่าวๆ อยู่บ้าง สิบล้านตำลึงขึ้นไป เขากล้าพูดออกมาได้อย่างไร? นี่มันก็เหมือนกับการโกหกเสด็จพ่ออย่างโจ่งแจ้งเลยไม่ใช่หรือ? “พอแล้ว อย่ามาทำตัวพล่ามเป็นคนจนให้ข้าฟังเลย!” จักรพรรดิเหวินเหลือบมองหยุนเจิงด้วยหางตา “ข้าไม่ได้อยากได้เงินของเจ้าหรือธุรกิจทำเงินของเจ้า! และเจ้าก็อย่าหวังจะได้สักตำลึงจากข้าเลย ท้องพระคลังตอนนี้ไม่มีเงินให้เจ้าแล้ว!” พล่ามว่าจนหรือ? เขาอยากพล่ามว่าจนนักหรือ! ในปีนี้ ต้าเฉียนก็ถือว่าเจอภัยพิบัติไม่น้อย ใช้เงินไปเหมือนน้ำไหล ถ้าไม่ใช่เพราะเงินสะสมจากหลายปีที่ผ่านมา ราชสำนักคงอดอยากไปแล้ว! “ก็ได้ๆ!” หยุนเจิงพยักหน้ารับหลายครั้ง ในใจโล่งอกอย่างยิ่ง เขายังกลัวว่าเสด็จพ่อจะมาที่นี่เพื่อมารีดไถ โดยเ