ทุ่งหญ้าเลี้ยงม้า!นี่มันพื้นที่ฝึกม้าศึกที่ใหญ่เป็นอันดับสองของเป่ยหวนเชียวนะตอนยังอยู่ซั่วฟาง เขาก็คิดจะโจมตีทุ่งหญ้าเลี้ยงม้านี้หลายหนแล้วบัดนี้ เขามาถึงที่นี่แล้ว หากไม่ไปอ้อมที่ทุ่งหญ้าเลี้ยงม้าสักหน่อยคงจะเสียโอกาสน่าดู!ทุ่งหญ้าเลี้ยงม้ามีม้าศึกคุณภาพดีอยู่จำนวนมาก พวกเขาทั้งสามารถได้รับม้าศึกเพิ่ม และยังสามารถได้รับเสบียงจากบริเวณรอบๆ ทุ่งหญ้าเลี้ยงม้าด้วย ขณะเดียวกัน ผู้คนยังสามารถหยุดพักผ่อนได้อีกด้วย!ยิงปืนนัดเดียวได้นกหลายตัว!สิ่งเดียวที่ต้องกังวลคือทหารที่ไล่ตามมาจากข้างหลังเท่านั้นหากทหารที่ไล่ตามมาไม่กลัวตาย แล้วมุ่งไปที่บริเวณตรงข้ามหุบผาชันช่องลมอย่างสุดชีวิต รอให้พวกเขายึดม้าศึกจากทุ่งหญ้าเลี้ยงม้าได้สำเร็จ ค่อยฆ่าไปที่บริเวณตรงข้ามของหุบผาชันช่องลม เกรงว่าที่นั่นจะถูกทหารไล่ตามปิดกั้นไว้แล้วดังนั้น เขาถึงอยากซุ่มโจมตีทหารที่ไล่ตามแต่ทว่าไม่มีพื้นทีซุ่มโจมตีต้องคิดหาวิธีใหม่จะไปโจมตีทุ่งหญ้าเลี้ยงม้า ต้องจัดการทหารไล่ตามเสียก่อน ไม่เช่นนั้น ทันทีที่ทหารไล่ตามไปรวมตัวกับทหารที่อยู่บริเวณตรงข้ามหุบผาชันช่องลมเข้า พวกเขาก็จะถูกปิดตายทันทีสามารถโจมตีได
หลังจากได้ยินคำพูดของฉินชีหู่แล้ว หยุนเจิงและเมี่ยวอินพลันสะดุ้งพร้อมกันในใจสุดท้ายก็มาถึงแล้วหรือนี่?รู้อยู่แล้วว่าอย่างไรฉินชีหู่ก็จะถามเรื่องนี้“ท่านคงไม่ได้จะถามข้าว่าคิดจะก่อกบฏหรือเปล่าหรอกนะ?”หยุนเจิงถามฉินชีหู่ด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง“ใช่!”ฉินชีหู่เองก็ไม่อ้อมค้อม “เจ้าดูสิ เจ้าเองก็ถือว่าครบคุณสมบัติแล้วไม่ใช่หรือ? ในแง่ของกลยุทธ์ แม้แต่แม่ทัพผ่านศึกอย่างแม่ทัพตู๋กูก็ยังสู้เจ้าไม่ได้ แต่เจ้ากลับแกล้งทำเป็นคนไร้ประโยชน์ในเมืองจักรพรรดิ แล้วยังจะมานำทัพที่ซั่วเป่ยอีก คิดอย่างไรก็ไม่ปกติ”ฉินชีหู่ตรงไปตรงมา แต่ไม่โง่เขลาตอนนี้เขาเองก็เข้าใจแล้วว่ากลยุทธ์แปลกๆ มากมายก่อนหน้านี้ต้องเป็นฝีมือของหยุนเจิงแน่นอน!ไม่เกี่ยวอะไรกับตู้หยวนกุยและเสิ่นลั่วเยี่ยนเลยสักนิด!หยุนเจิงซ่อนตัวเช่นนี้ หากจะบอกว่าไม่มีความคิดก่อกบฏเลย ตีให้ตายฉินชีหู่ก็ไม่เชื่อหรอก!บัดนี้ เขาเพียงแค่อยากได้คำตอบจากหยุนเจิงเท่านั้น!คำตอบที่แน่ชัด!“หากข้าตอบว่าไม่ก่อกบฏ ท่านจะเชื่อหรือไม่?”หยุนเจิงถามยิ้มๆ“เชื่อ!”ฉินชีหู่พยักหน้าโดยไม่คิด“หา?”คำพูดนี้ ทำให้หยุนเจิงมึนงง “ท่านเชื่อใจข้าเพีย
เขาเชื่อว่าหยุนเจิงมีความสามารถในการยึดดินแดนใหม่แน่นอนอีกอย่าง เป่ยหวนในตอนนี้ก็เสียหายอย่างหนักสามารถพูดได้ว่า การที่หยุนเจิงจะยึดดินแดนใหม่มาให้กับต้าเฉียนนั้นเป็นเรื่องที่แน่นอนอยู่แล้ว“หากพ่อเจ้ายกทัพโจมตีเจ้าล่ะ เจ้าจะทำอย่างไร?”ฉินชีหูถามต่อ“แน่นอนว่าต้องเฝ้าด่านเป่ยลู่ให้ได้อยู่แล้ว!”หยุนเจิงยิ้มเบาๆ “ขอแค่ข้าเฝ้าด่านเป่ยลู่ได้ เขาจะยกทัพโจมตีข้า ก็ทำไม่ได้อยู่แล้ว! เขาคงไม่สั่งให้คนโจมตีด่านเป่ยลู่หรอกกระมัง?”“เอ่อ…ก็จริง!”ฉินชีหู่พยักหน้า เขากุมคางครู่หนึ่งแล้วมองหยุนเจิงอย่างจริงจัง “เจ้าสาบานต่อสวรรค์ว่าเจ้าจะไม่ก่อกบฏ! ขอแค่เจ้าไม่ก่อกบฏ ถึงแม้เจ้าจะยึดอำนาจทหารปกป้องตัวเอง ข้าก็ยังจะนับว่าเจ้าเป็นน้อง!”“คำสาบานเป็นสิ่งที่ไร้สาระที่สุด”หยุนเจิงส่ายหน้าหัวเราะ “แต่ข้าสามารถพูดได้ว่า ข้าไม่อยากเป็นจักรพรรดิขนาดนั้นจริงๆ”“จริงหรือ?”ฉินชีหู่สงสัยเขาไม่อยากเป็นจักรพรรดิ?“จริงสิ”หยุนเจิงเอ่ยจริงจัง “จักรพรรดิ ไม่ได้เป็นง่ายขนาดนั้น! ข้าไม่อาจทำตัวเคร่งขรึมเหมือนจักรพรรดิ หากไม่มีใครคิดจะฆ่าข้า ข้าอยากจะเป็นท่านอ๋องสบายๆ เที่ยวเล่นกินดีตลอดชีวิต”วั
รอให้กลุ่มเกออาซูมาถึง หยุนเจิงพวกเขาก็หนีไปแล้วบนพื้นยังมีร่างศพของม้าขนส่งและทหารขนส่งอยู่มากมายทหารเป่ยหวนที่รับหน้าที่ขนส่งเครื่องยิงหินก็ตายกันหมดเกออาซูหน้าเย็นชา ตะคอกเสียงดุดันว่า “ถ่ายทอดคำสั่งลงไป ไล่ตามศัตรูให้เร็ว ต้องทำให้ทหารม้าต้าเฉียนพวกนี้ติดอยู่ในพื้นที่ของเราให้ได้! ต้องใช้เลือดของพวกมันมาล้างมลทินให้กับเรา!”“แม่ทัพไม่สามารถขอรับ!”ทันใดนั้น ที่ปรึกษาฟางหยุนซื่อที่อยู่ข้างกายเกออาซูรีบส่งเสียงห้ามฟางหยุนซื่อเป็นทหารต้าเฉียนที่ยอมจำนนหลังจากสงครามครั้งนั้นถึงแม้ฟางหยุนซื่อจะไม่ได้รับโอกาสในการนำทัพ แต่กลับเป็นที่ปรึกษาให้กับกองทหารเป่ยหวนมาโดยตลอดก่อนหน้านี้เป่ยหวนพ่ายไปสามครั้งติด ทหารในกองทหารเป่ยหวนเกลียดชังคนของต้าเฉียนเข้าไส้ แม้แต่ฟางหยุนซื่อที่เป็นที่ปรึกษาคนนี้ก็ถูกเหมารวมไปด้วยช่วงเวลานั้น ฟางหยุนซื่อตกอับมากอย่าว่าแต่แม่ทัพเป่ยหวนเหล่านั้นเลย แม้แต่ทหารธรรมดาทั่วไปก็มากลั่นแกล้งเขาด้วยหากไม่ระวัง ก็จะถูกโบยด้วยเชือกคุมม้าหลังจากที่เจียเหยานำทัพกองหน้าถึงจะได้ใช้งานฟางหยุนซื่ออีกครั้งฟางหยุนซื่อจึงซาบซึ้งใจต่อเจียเหยามาก“ไม่สามารถ?”
บัดนี้ เกออาซูไม่มีความคิดอยากหยุดพักเลยเขาคิดแต่อยากไล่ตามทหารม้าต้าเฉียน แล้วหั่นพวกเขาเป็นชิ้นๆ ซะ…อีกฝั่งหนึ่ง เจียเหยาออกคำสั่งให้หยุดไล่ตามฝั่งอาหลู่ไถถูกโจมตีเสียหายหนักทหารต้าเฉียนได้โจมตีผ่านเส้นทางแนวป้องกันของอาหลู่ไถ แล้วกลับไปที่โขดเป่ยหยวนได้สำเร็จถึงแม้นางจะไม่พอใจแค่ไหน นางก็ทำได้เพียงสั่งให้หยุดไล่ตามถึงแม้นางต้องการจะนำทัพคนหกหมื่นคนไปโจมตีที่โขดเป่ยหยวน แต่นางก็รู้ดีว่าตนทำเช่นนั้นไม่ได้เพราะหากทำเช่นนี้ แม้ว่าพวกเขาจะกำจัดทหารต้าเฉียนที่หนีไปจากชายแดนกู้ได้ทั้งหมด กองทหารใหญ่หกหมื่นนายของพกวเขา เกรงว่าก็คงเหลืออยู่ไม่กี่คนเช่นกันแพ้แล้ว!ตั้งแต่วินาทีที่ฝ่ายอาหลู่ไถถูกโจมตีอย่างหนัก พวกเขาก็แพ้แล้ว!เจียเหยายืนอยู่ตรงหน้าหลุมที่อาหลู่ไถสั่งให้คนขุด นางกำหมัดตนแน่น ในใจเต็มไปด้วยความโกรธสงครามที่ต้องชนะอยู่แล้ว สุดท้ายกลับเป็นจุดจบที่แพ้อย่างอนาถผลลัพธ์เช่นนี้ เจียเหยาไม่สามารถยอมรับได้เลยจริงๆวินาทีนี้ เจียเหยาที่มั่นใจมาโดยตลอดเริ่มสงสัยในตนเองที่สำคัญคือ แม้จะแพ้แล้ว แต่นางก็ไม่รู้ว่าพวกเขาแพ้ที่ไหนขณะที่เจียเหยากำลังโกรธจัด ทหารข้างก
ขณะเดียวกัน ตู๋กูเช่อและเสิ่นลั่วเยี่ยนพวกเขาเองก็นำทัพฝ่าวงล้อมไปตั้งหลักอยู่ที่โขดเป่ยหยวนได้แล้วถึงแม้พวกเขาจะฝ่าวงล้อมออกมาได้สำเร็จ แต่พวกเขาก็บาดเจ็บไปไม่น้อยเช่นกันคนนับสามหมื่นเหลือรอดมาได้ไม่ถึงสองหมื่นห้าพันนายนี่เป็นจำนวนการเสียหายที่มากที่สุดตั้งแต่ที่หยุนเจิงนำทัพมาแต่ก็เป็นสิ่งที่ช่วยไม่ได้พวกเขาสามารถนำทัพพาคนฝ่าวงล้อมออกมาได้มากเพียงนี้ ก็ถือว่าเป็นชัยชนะที่ยิ่งใหญ่แล้วยิ่งไปกว่านั้น ฝ่ายอาหลู่ไถยังเจ็บหนักกว่าพวกเขาด้วยทหารม้าหนึ่งพันนายที่อวี๋ซื่อจงดูแลก็เสียหายไปครึ่งหนึ่ง คนที่เหลือแทบจะบาดเจ็บทุกคน แม้แต่อวี๋ซื่อจงเองก็ด้วย เขาถูกยิงไปสองที่ แต่โชคดีที่มีเกราะบังเอาไว้ ทำให้ไม่ถึงกับชีวิต“ยังขยับได้หรือไม่?”เสิ่นลั่วเยี่ยนตามหาอวี๋ซื่อจงจนพบ“ไม่เป็นอะไร!”อวี๋ซื่อจงยิ้ม “แผลเล็กน้อย ไม่เป็นอะไรมาก”“ดี เช่นนั้นต้องวานให้เจ้าเดินทางอีกสักหน่อยนะ!’เสิ่นลั่วเยี่ยนเองก็ไม่มีเวลามาสนใจอวี๋ซื่อจง นางรีบลงจากม้า “รีบขี่ท่าเสวี่ยไปที่ซั่วฟางให้เร็วที่สุด บอกให้ทหารที่หุบผาชันช่องลมเตรียมตัวรับมือไว้เสมอ! อีกอย่างส่งมอบจดหมายนี้ให้กับตู้กุยหยวนด้วย!”
“เจ้าคิดว่าเจ้าจะพาข้าไปได้หรือ?” เสิ่นลั่วเยี่ยนถากถาง“หากพาพระชายาไปไม่ได้ เช่นนั้นพวกเรากับพระชายาก็พินาศไปด้วยกัน!” หานจิ้นสายตาเย็นชาดุดัน “จิ้งเป่ยอ๋องหากต้องการแย่งอำนาจ ข้าในฐานะราชองครักษ์ ไม่อาจมองดูจิ้งเป่ยอ๋องแย่งอำนาจทางทหารกองทหารมณฑลทางเหนือไปได้หน้าตาเฉย!”หานจิ้นไม่ใช่คนโง่การแสดงออกทั้งหมดของหยุนเจิง เห็นได้ชัดว่าต้องการแย่งอำนาจปัจจุบัน ขอแค่จับเสิ่นลั่วเยี่ยนได้ จับกุมเสิ่นลั่วเยี่ยนกลับเมืองจักรพรรดิ จึงสามารถทำให้หยุนเจิงติดกับดักได้“เจ้ากล้าลงมือหรือ?”เสิ่นลั่วเยี่ยนไม่กระวนกระวาย เพียงมองหานจิ้งด้วยสายตาเย็นชา “ข้าบอกเจ้าได้อย่างชัดเจน ขอแค่เหล่าลูกน้องของเจ้ากล้าจับอาวุธ พวกเจ้าต้องมีจุดจบคือถูกสังหารเก้าชั่วคน!”“หากพวกเรานั่งดูโดยไม่สนใจ นั่นคงต้องถูกประหารเก้าชั่วคนของจริงแล้ว!” หานจิ้งไม่เห็นด้วยกับการกระทำทั้งหมด“ไร้สาระ!”“หากไม่มีทางอ๋อง พวกเจ้าสุนัขทั้งหลายยังสามารถรอดตายจากชายแดนกู้ได้หรือ?”“หากพวกเจ้ามีความสามารถก็ไปจับเว่ยเหวินจงสิ!”“หากพวกเจ้ากล้าขยับ ข้าจะสับพวกเจ้าเป็นชิ้นๆ จนไม่เหลือ!”“คิดแตะต้องพระชายา ต้องข้าศพข้าไปกัน!”เ
“ห๊า?”ตู๋กูเช่อแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง “เจตนาใด?”“เสแสร้ง เสแสร้งต่อไป!”เสิ่นลั่วเยี่ยนมองตู๋กูเช่อ “พวกเขาเป็นราชองครักษ์ ในเมื่อเขารู้ว่าหยุนเจิงคิดจะแย่งอำนาจ ย่อมต้องทำสิ่งใดแน่! ห้ามไม่ได้กับไม่ได้ห้าม เป็นคนละเรื่องกัน ใช่หรือไม่?”หานจิ้งกล่าวว่าพังพินาศไปพร้อมนาง ล้วนเป็นเรื่องไร้สาระหยุนเจิงต่างหากเป็นตัวละครสำคัญ!พวกเขาคิดพังพินาศไปพร้อมนางจะมีประโยชน์ใด?แต่พวกเขาจำเป็นต้องแสดงท่าที พิสูจน์ว่าพวกเขาไม่ใช่พวกเดียวกับหยุนเจิงหากจักรพรรดิเหวินสืบสาวราวเรื่องขึ้นมา พวกเขาก็พยายามแล้ว เพียงแต่จนปัญญาขัดขวางเท่านั้นฆ่านางแล้ว บีบบังคับหยุนเจิงก่อกบฏ พวกหานจิ้งจะต้องถูกประหารเก้าชั่วคนแน่นอนแต่หากพวกเขาไม่ทำสิ่งใดเลย กลับถึงเมืองจักรพรรดิ แม้จะไม่ถึงขั้นถูกประหารเก้าชั่วคน แต่ก็อันตรายถึงชีวิตคนที่สามารถเป็นรองผู้บัญชาการทหารราชองครักษ์ได้ ย่อมรู้ถึงความร้ายแรงในความสัมพันธ์ดังนั้น หานจิ้งจำเป็นต้องทำสิ่งใดสักหน่อยเมื่อได้ฟังคำของเสิ่นลั่วเยี่ยน ตู๋กูเช่อยิ้มแห้งขึ้นมาทันทีเขานึกว่าเสิ่นลั่วเยี่ยนดูไม่ออก!เสิ่นลั่วเยี่ยนหัวเราะ จากนั้นก็ถามตู๋กูเช่อ “เจ้
“ตกลง เช่นนั้นข้าจะให้โอกาสพวกเจ้าอีกครั้ง!” เจียเหยากล่าวพลางค่อยๆ ลุกขึ้นยืน กุ่ยฟางต้องยอมสวามิภักดิ์และถวายบรรณาการอย่างแน่นอน แต่จำนวนบรรณาการต้องเพิ่มขึ้นอีกร้อยละห้าสิบพร้อมกันนี้ กุ่ยฟางต้องเปิดการค้าเสรีกับต้าเฉียนและเป่ยหวน นอกจากนี้ กุ่ยฟางต้องชดเชยความเสียหายที่เป่ยหวนและต้าเฉียนได้รับจากศึกครั้งนี้ โดยจ่ายชดเชยเป็นทองคำ 100,000 ตำลึง แกะ 100,000 ตัว วัว 30,000 ตัว ม้า 10,000 ตัว และเสบียงอาหาร 4 ล้านตัน และเพื่อเป็นการตอบแทน เจียเหยาจะไม่เรียกร้องให้กุ่ยฟางยกดินแดน 500 ลี้ แต่ลดลงเหลือเพียง 300 ลี้เท่านั้น! ส่วนข้อที่ให้กุ่ยฟางถวายหญิงงาม 100 คนแก่ต้าเฉียนนั้น เจียเหยาได้ยกเว้นให้โดยตรง สำหรับเงื่อนไขปลีกย่อยอื่นๆ เจียเหยาก็ยอมรับตามที่กุ่ยฟางเสนอมา เมื่อได้ยินเงื่อนไขของเจียเหยา อาเคอถูรู้สึกราวกับสมองของตนกำลังอื้ออึง การเพิ่มบรรณาการขึ้นร้อยละห้าสิบยังพอว่า แต่เจียเหยากลับเรียกร้องให้กุ่ยฟางจ่ายค่าชดเชยจำนวนมหาศาลในคราวเดียว? อย่าว่าแต่ปศุสัตว์และเสบียงเลย เพียงแค่ทองคำ 100,000 ตำลึง กุ่ยฟางก็แทบจะสิ้นเนื้อประดาตัว ทองคำ 100,000 ตำลึง
กุ่ยฟางแม้ว่าขณะนี้ดินแดนกุ่ยฟางจะเต็มไปด้วยหิมะที่ปกคลุมไปทั่ว แต่เจียเหยาก็ยังไม่หยุดการเคลื่อนทัพ ด้วยผลจากสิ่งที่พวกเขายึดได้ระหว่างทาง กองทัพของพวกเขาจึงไม่มีใครต้องทนหนาว ทว่าความหนาวเย็นของอากาศยังคงสร้างความลำบากไม่น้อยให้กับพวกเขา ทัวฮวนและจู่หลู่ได้เสนอให้เจียเหยารับคำขอเจรจาของชื่อเหยียนหลายครั้ง แต่เจียเหยาก็ไม่ได้สนใจในตอนนี้ กองทัพของพวกเขาอยู่ห่างจากเมืองหลวงของกุ่ยฟางไม่ถึงหนึ่งร้อยลี้แล้ว! เมื่อเผชิญกับกองทัพที่ประชิดเข้ามา ชื่อเหยียนจึงส่งคนมาเจรจาขอสงบศึกอีกครั้ง ครั้งนี้ เจียเหยาไม่ได้ขับไล่คนที่ชื่อเหยียนส่งมาอีก เจียเหยาได้พบกับอาเคอถูในกระโจมใหญ่ เมื่ออาเคอถูถูกนำตัวเข้ามา เจียเหยากำลังใช้มีดเล็กๆ ตัดเนื้อแกะชิ้นร้อนๆ จากขาแกะส่งเข้าปาก ข้างกายของนาง เกออาซูยืนอยู่พร้อมถือดาบในมือ อาเคอถูไม่ทราบว่าเนื้อแกะนั้นอร่อยเพียงใด แต่เจียเหยากลับดูเหมือนกำลังเพลิดเพลินอย่างมาก “ข้าน้อยคารวะองค์หญิงเจียเหยา!” อาเคอถูคุกเข่าลงข้างหนึ่งเพื่อถวายคำนับเจียเหยา เจียเหยาช้อนตามองเล็กน้อย มองอาเคอถูอย่างเรียบเฉย “เจ้าควรเรียกข้าว่า ‘องค์หญิ
ฤดูหนาวอันยาวนาน พวกเขามีสิ่งที่ต้องเตรียมการมากมาย หยุนเจิงเดินหาอยู่ในค่ายอยู่นาน จึงเจอฉินชีหู่ในโรงตีเหล็กของค่าย เมื่อเห็นหยุนเจิง ฉินชีหู่ก็รีบถือกระบองหนามที่เขาสั่งการตีด้วยตัวเองเข้ามาหา พลางกล่าวด้วยความภูมิใจ “น้องชาย เจ้าช่างมาถูกเวลา! มาดูอาวุธใหม่ของข้าหน่อยสิ!” “ข้าดูซิ” หยุนเจิงรับกระบองหนามมาจากมือของฉินชีหู่ เพียงแค่จับก็รู้สึกได้ถึงน้ำหนักมหาศาล แม้หยุนเจิงจะฝึกฝนร่างกายร่วมกับเมี่ยวอินมานาน แต่เมื่อถือกระบองหนามนี้ไว้ในมือก็ยังรู้สึกว่าหนักเกินกำลังเล็กน้อย “นี่คงหนักเจ็ดสิบจินได้กระมัง?” หยุนเจิงมองฉินชีหู่ด้วยความตกตะลึง “เจ็ดสิบแปดจิน!” ฉินชีหู่หัวเราะพลางกล่าวอย่างภาคภูมิใจ “นี่คืออาวุธที่หนักที่สุดในกองทัพแน่นอน!” ตอนนี้ฉินชีหู่หลงใหลในกระบองหนามชนิดนี้อย่างถอนตัวไม่ขึ้น ไม่ว่าจะเป็นดาบใหญ่หรือหอกยาว เมื่อเจอกระบองหนามของเขา ก็ต้องยอมแพ้ทั้งนั้น เพียงแค่ฟาดลงไปครั้งเดียว เกราะใดก็ป้องกันไม่ได้! เรียกได้ว่าเทพมาขวางก็กำจัดเทพ พระมาขวางก็กำจัดพระ!” “เจ้ามันแน่!” หยุนเจิงกล่าวเหน็บแนมพลางคืนกระบองหนามให้ฉินชีหู่ “ช่ว
เรื่องการอภิเษกสมรสกับเจียเหยา หยุนเจิงไม่ได้ให้ความสำคัญนัก พลังงานทั้งหมดของเขาทุ่มเทไปกับการเตรียมการกองทัพใหม่ สำหรับกองทัพกุยอี้ หยุนเจิงยังคงยึดหลักการเดิม คือ ในหนึ่งกองทัพต้องประกอบด้วยคนจากหลายแคว้น เพื่อให้พวกเขาตรวจสอบกันเองและป้องกันความวุ่นวายที่อาจเกิดขึ้น กองทัพกุยอี้สี่หมื่นนาย ถูกขยายมาจากกองกำลังหนึ่งหมื่นกว่าคนของฟู่เทียนเหยียนและพรรคพวก ผู้ที่สร้างผลงานจากศึกก่อนหน้านี้จะถูกแต่งตั้งให้เป็นนายทหารระดับกลางและล่าง ฟู่เทียนเหยียน ฮั่วกู้ จั่วเหริน และเกาเหอ ต่างก็นำกองกำลังหนึ่งหมื่นนาย ด้วยผลงานที่ยอดเยี่ยมของพวกเขาในศึกก่อนหน้า หยุนเจิงจึงจัดสรรม้าให้กองทัพกุยอี้หนึ่งหมื่นตัว และจัดตั้งกองทหารม้าห้าพันนาย ซึ่งสังกัดในกองกำลังของฟู่เทียนเหยียน หลังจากจัดการเรื่องกองทัพใหม่เรียบร้อย หยุนเจิงจึงพาคนไปเคารพหลุมศพของตู้กุยหยวน ระหว่างทางกลับ หยุนเจิงครุ่นคิดถึงเรื่องราวในอนาคต เมื่อการเตรียมการเบื้องต้นเสร็จสิ้น กองทัพกุยอี้ทั้งสี่หมื่นนายจะต้องแยกกันไปฝึก ส่วนกองทัพประจำการใหม่สองหมื่นนาย เรื่องนี้ค่อนข้างง่าย กองกำลังสองหมื่นนี้เดิมทีเป็
หากมิใช่เพราะจักรพรรดิเหวินทรงเตือน เขาคงมิได้คำนึงถึงปัญหานี้เลย “พอแล้ว!” จักรพรรดิเหวินโบกพระหัตถ์ “ข้าจะออกเดินทางในไม่ช้า เจ้าอย่ามาติดตามข้าเลย ไปจัดการธุระของเจ้าเถิด!” “เสด็จพ่อจะเสด็จตอนนี้หรือพ่ะย่ะค่ะ?” หยุนเจิงรู้สึกแปลกใจ“ข้าควรไปแล้ว! การปล่อยให้พี่สามของเจ้าติดอยู่ที่ฟู่โจวตลอดก็ไม่ดี” จักรพรรดิเหวินตรัสด้วยน้ำเสียงเรียบๆ “เจ้าอย่ามาส่งข้าเลย ไปๆ มาๆ จะเสียเวลาไม่น้อย” “เอ่อ…” หยุนเจิงรู้สึกกระดากใจเล็กน้อย “ลูกขอส่งเสด็จพ่อออกจากด่านเถิดพ่ะย่ะค่ะ!” เขายังต้องไปที่ค่ายใหญ่บนเขาห่านป่าหวนกลับอีกครั้ง หากออกเดินทางจากชายแดนชิงจะช่วยประหยัดเวลาไปไม่น้อย ทว่าหากจักรพรรดิเหวินจะเสด็จจากไป แล้วเขาไม่ส่งเสด็จ ดูเหมือนจะมิใช่เรื่องสมควร “ไม่ต้องแล้ว!” จักรพรรดิเหวินทรงปฏิเสธทันที “อย่างไรเสียเจ้าก็ยังต้องพาเจียเหยาไปที่ฟู่โจวอยู่ดี! เรื่องในมือเจ้าก็ยังมีอีกมากมาย อย่าเสียเวลาเลย เรื่องบ้านเมืองสำคัญกว่า!” เป็นเช่นนี้หรือ? หยุนเจิงลังเลอยู่ชั่วขณะ ก่อนกล่าวว่า “ถ้าเช่นนั้น ลูกขอส่งเสด็จพ่อไปถึงชายแดนกู้เถิดพ่ะย่ะค่ะ!” “ก็ได้!” จักรพ
จักรพรรดิเหวินอาจอยู่ในเมืองหลวงนานเกินไป หรืออาจเป็นเพราะอยากสำรวจความมั่งคั่งของหยุนเจิง ในไม่กี่วันที่ผ่านมา จักรพรรดิเหวินให้หยุนเจิงพาไปชมสถานที่หลายแห่ง เยี่ยจื่อและเสิ่นลั่วเยี่ยนตั้งครรภ์อยู่ ส่วนเมี่ยวอินไม่อยากพบกับจักรพรรดิเหวินบ่อยนัก จักรพรรดิเหวินจึงเลือกให้หยุนเจิงเป็นผู้ติดตามเพียงคนเดียว ในช่วงหลายวันนั้น จักรพรรดิเหวินได้ไปชมเหมืองถ่านหิน โรงงานผลิตถ่านน้ำผึ้ง โรงงานปูนซีเมนต์ และเตาเผาต่างๆ อย่างครบถ้วน โชคดีอย่างเดียวคือ จักรพรรดิเหวินไม่ได้ไปดูโรงงานผลิตเกลือบริสุทธิ์ ไม่แน่ชัดว่าจักรพรรดิเหวินตั้งใจหรือไม่ แต่ครั้งนี้พระองค์ไม่ได้ไปชมกองทัพซั่วเป่ย สิ่งที่พระองค์สนใจล้วนเป็นเรื่องเศรษฐกิจและความเป็นอยู่ของประชาชน ในที่สุด หยุนเจิงก็ไม่อาจขัดขวางจักรพรรดิเหวินไม่ให้เดินทางไปยังชายแดนชิงเปียนได้ หยุนเจิงนำกองทัพองครักษ์ของตน พร้อมด้วยทหารองครักษ์ส่วนพระองค์ที่นำโดยโจวไต้ เดินทางไปยังชิงเปียนพร้อมจักรพรรดิเหวิน ระหว่างทางไปยังชิงเปียน หิมะหนาแน่นราวขนนกก็เริ่มตกลงมา จักรพรรดิเหวินยืนอยู่บนกำแพงเมืองชิงเปียน มือไขว้หลังโดยไม่ขยับเขยื้อน
พวกเขาล้วนเป็นคนใกล้ชิดของหยุนลี่ หยุนลี่จึงมิได้ปิดบัง ตั้งใจบอกเรื่องที่ต้องการซุ่มโจมตีหยุนเจิงในหัวเมืองสี่ทิศให้พวกเขารับรู้ เมื่อทราบแผนการของหยุนลี่ มีเพียงหยวนกุยที่ยังคงสงบนิ่ง ขณะที่คนอื่นต่างตกใจไปตามๆ กัน หยวนกุยหลังจากชดเชยความผิด ก็ได้รับตำแหน่งที่ปรึกษาด้านการทหารในสำนักไทจื่อ แม้จะมิได้บัญชาทหารมากมาย แต่เขามีความภักดีอย่างยิ่ง ในการเดินทางครั้งนี้ หยุนลี่จึงพาหยวนกุยมาด้วย เฉียวเหยียนเซียน หัวหน้าทหารรักษาการณ์ซ้ายของไทจื่อขมวดคิ้ว กล่าวขึ้นว่า “ฝ่าบาท ด้วยฐานะของหยุนเจิง หากไร้พระราชโองการ ใครเล่าจะ…” “เรื่องนี้ เจ้าต้องคอยเตือนข้าด้วยหรือ?” หยุนลี่ขัดจังหวะเฉียวเหยียนเซียน “เรื่องนี้ ข้าจะหารือกับเสด็จพ่อเอง! อย่างไรก็ดี พวกเราต้องเตรียมพร้อมสำหรับกรณีที่เสด็จพ่อไม่เห็นชอบ! นี่คือโอกาสทองในการซุ่มโจมตีหยุนเจิง หลังจากนี้ คงไม่มีโอกาสเช่นนี้อีก!” ครั้งนี้ หยุนลี่ตัดสินใจแน่วแน่ ไม่ว่าองค์จักรพรรดิเหวินจะทรงเห็นด้วยหรือไม่ เขาก็คิดจะลองสังหารหยุนเจิงอยู่ดี ในตอนนี้ หยุนเจิงเปรียบดั่งดาบที่แขวนอยู่บนคอเขา หากหยุนเจิงยังมีชีวิตอยู่ เขาย่อ
บรรยากาศในมื้ออาหารนี้ไม่สู้ดีนัก หยุนลี่มีความขุ่นเคืองในใจ แต่ไม่อาจระบายออกได้ ต้องพยายามปลอบประโลมบรรดาแม่ทัพ จึงไม่มีทางจะอารมณ์ดีได้เลย หลังอาหาร หยุนลี่ได้เอ่ยปากเชิญโจวเต้ากงให้เดินพูดคุยเป็นการส่วนตัว โจวเต้ากงก็ไม่รู้ว่าหยุนลี่ต้องการสิ่งใด แต่ก็จำต้องตอบรับ หยุนลี่กอดอก เดินนำโจวเต้ากงไปยังลานกว้างในค่ายทหาร “เจ้าคิดเห็นอย่างไรกับหยุนเจิง?” ขณะเดินอยู่ หยุนลี่ก็เอ่ยถามขึ้นมาอย่างกะทันหัน คิดเห็นต่อหยุนเจิงหรือ?โจวเต้ากงสะดุ้งในใจ รีบตอบกลับไปว่า “องค์ชายหกทรงเป็นโอรสสวรรค์ ข้าน้อยไม่บังอาจแสดงความคิดเห็นโดยพลการ” “ไม่เป็นไร กล่าวตามที่เจ้าคิดเถิด” หยุนลี่กล่าวอย่างเรียบเฉย เมื่อเห็นหยุนลี่ยืนกรานจะถาม โจวเต้ากงก็จำต้องตอบไปด้วยความหวั่นเกรง “องค์ชายหกทรงมีฝีมือในการศึก ปราบปรามศัตรูอย่างกล้าหาญ นับเป็นคุณูปการใหญ่หลวงต่อแผ่นดินต้าฉวน! แต่การที่ทรงมีอำนาจทหารอยู่ในพระหัตถ์และไม่เชื่อฟังราชโองการนั้น กลายเป็นภัยใหญ่หลวงต่อราชสำนัก...” เมื่ออยู่ต่อหน้าหยุนลี่ในฐานะรัชทายาท โจวเต้ากงจึงจำต้องกล่าวเช่นนี้ หยุนลี่รู้สึกพอใจกับคำตอบของโจวเต้ากง จ
เมื่อได้ฟังโจวเต้ากงบ่นอย่างนี้ หยุนลี่ก็เดาได้ทันทีว่าเจ้านี่ต้องการพูดอะไรต่อไป ชัดเลย เขาคงจะมาขอเกราะจากตนแน่ๆ ใช่ไหม? “พอแล้วๆ!” หยุนลี่ขัดจังหวะคำพูดของโจวเต้ากง “ที่นี่ยังขาดเกราะอีกเท่าไหร่?” “หนึ่งหมื่นสามพันชุด” โจวเต้ากงตอบทันที “ขาดมากขนาดนี้เลย?” ใบหน้าของหยุนลี่กระตุกเล็กน้อย “ตามที่เจ้าพูด คนหนึ่งหมื่นที่ประจำอยู่ห่างออกไปสิบห้าลี้ก็แทบไม่มีเกราะเลยใช่ไหม?” “พ่ะย่ะค่ะ!” โจวเต้ากงพยักหน้า “หนึ่งหมื่นนั้นล้วนเป็นทหารที่เพิ่งเกณฑ์ใหม่ และตอนนี้กำลังฝึกซ้อมอยู่ที่นั่น…” ฝึกซ้อม? ใบหน้าของหยุนลี่มืดครึ้ม เกือบจะสบถออกมา ไม่มีเกราะป้องกัน นี่ก็เรียกว่าฝึกซ้อมหรือไงวะ? นี่มันเรียกว่าทิ้งข้าวเปลืองเบี้ยเลี้ยงมากกว่า! ถ้าเจ้าหกยกพลบุกมา จะหวังพึ่งคนพวกนี้ได้ไหม? พวกทหารนี่คงเป็นแค่เป้าซ้อมมือให้เจ้าหกไม่ใช่หรือไง? บ้าบอคอแตก! แนวป้องกันนี่ ไม่มีเสียยังจะดีกว่า! อย่างนี้ ราชสำนักยังประหยัดค่าใช้จ่ายได้มหาศาลอีกด้วย! หยุนลี่โมโหจนแทบจะระเบิด แต่ก็ไม่อาจระบายความโกรธใส่โจวเต้ากงได้ เรื่องนี้จะไปโทษโจวเต้ากงก็ไม่ได้! เกรา