“ยังไม่มี! แต่กำลังคิดหาวิธีอยู่!”เว่ยเหวินจงส่ายศีรษะ "เราต้องทำลายการล้อมป้อมเมืองสุยหนิง และต้องรักษาความแข็งแกร่งของเราด้วย!""ข้าจะบอกเจ้า ข้าได้รับข่าวที่เชื่อถือได้มา เป่ยหวนเริ่มสังหารม้าศึกเพื่อเติมเสบียงแก่ทหารแล้ว!"“พวกเขาเตรียมตัวทำให้เสียเปรียบทั้งสองอย่าง แต่เราจะสู้โดยไม่มีกลยุทธ์ไม่ได้!”“หากการโจมตีโดยไร้กลยุทธ์สามารถแก้ปัญหาได้ ข้าคงสั่งกองทัพให้ออกไปโจมตีแล้ว ไม่รอให้ท่านอ๋องมาถึงหรอก!”เมื่อฟังคำพูดของเว่ยเหวินจงแล้ว เสิ่นลั่วเยี่ยนก็อดไม่ได้ที่จะมองหยุนเจิงด้วยความประหลาดใจเป็นสิ่งที่พวกเขาเดาไว้จริงๆ!เป่ยหวนเริ่มสังหารม้าศึกเพื่อเติมเสบียงให้กับทหารแล้วจริงๆ!ดูเหมือนว่าเป้าหมายที่แท้จริงของเป่ยหวนคือซั่วฟางจริงๆ ด้วย!หยุนเจิงจงใจแสร้งทำเป็นโกรธแล้วพูดอย่างเคร่งขรึมว่า “เจ้าไม่มีทางเลือก แต่ก็ไม่อยากลองใช้วิธีของข้า เจ้าจะคอยดูกองทหารสี่หมื่นนายของป้อมเมืองสุยหนิงติดอยู่ในนั้นจนตายหรือไง? ”“ข้าบอกแล้วว่าจะช่วย!”เว่ยเหวินจงขึ้นเสียงและตะโกนด้วยความโกรธ " ข้าคือผู้บัญชาการกองทหารมณฑลฝ่ายเหนือ! เจ้าไม่ถึงตาเจ้ามาสั่งข้า! ข้าขอสั่งให้เจ้ากลับไปที่ซั่
“เว่ยเหวินจงเป็นเพียงไอ้สารเลวที่โลภชีวิตและกลัวความตายเท่านั้น!”“ข้าต้องทำให้เสด็จพ่อลงโทษไอ้สารเลวนี่อย่างสาหัสให้ได้!”“คนขี้ขลาดอย่างเขาน่ะหรือคิดจะเป็นผู้บัญชาการกองทหารมณฑลฝ่ายเหนือ?”หยุนเจิงสาปเว่ยเหวินจงตลอดทางออกจากเมืองติ้งเป่ยเมื่อได้ยินหยุนเจิงด่าเว่ยเหวินจงแล้ว หลายๆ คนต่างมองไปด้านข้าง แล้วเดากันไปต่างๆ นานาว่าเกิดอะไรขึ้นกับท่านอ๋องและเว่ยเหวินจงกันแน่ทั้งซั่วเป่ยนี้ คนเดียวที่กล้าก่นด่าเว่ยเหวินจงตลอดทางเช่นนี้ ก็คงมีแต่ท่านอ๋องคนนี้แล้ว“เอาล่ะ ออกจากเมืองแล้ว หยุดแสดงได้แล้ว!”เมื่อออกจากติ้งเป่ย เสิ่นลั่วเยี่ยนก็หยุดหยุนเจิงไว้อย่างน่าขันไอ้สารเลวคนนี้แสดงเก่งจริงๆเขาโวยวายเช่นนี้ ก็เพื่ออยากให้เว่ยเหวินจงปฎิเสธคำแนะนำของเขาไม่ใช่หรือ?เขาก่นด่าจนสะใจแล้วจริงๆ!เว่ยเหวินจงคงจะเกลียดเขาจนตายแน่นอน!แต่ทว่า พวกเขาไม่ถูกกับเว่ยเหวินจงแต่ไหนแต่ไรแล้วดังนั้นจึงไม่ต้องกังวลมากนัก“ออกจากเมืองแล้วหรือ?”หยุนเจิงหยุดด่า แล้วเอ่ยด้วยสีหน้าเศร้าโศก “ข้ายังด่าไม่หน่ำใจเลย!”“…”เสิ่นลั่วเยี่ยนได้ยินดังนั้นพลันปั้นหน้านิ่งทันใดยังด่าไม่หน่ำใจ?เขาเหลือ
ส่วนรวมก็เรื่องส่วนรวม บุญคุณความแค้นส่วนตัวก็เรื่องบุญคุณความแค้นส่วนตัวการจัดรูปแบบของเว่ยเหวินจงใจแคบไปแล้ว!เทียบกับความปลอดภัยของซั่วเป่ยแล้ว บุญคุณความแค้นส่วนตัวจะนับประสาอะไร?ทว่า กล่าวไปแล้ว หากรูปแบบของเว่ยเหวินจงใจกว้างสักหน่อย แผนของพวกเขาก็ต้องล้มเหลวแล้วดังนั้น รูปแบบของเว่ยเหวินจงใจแคบสักหน่อย สำหรับพวกเขาแล้ว ก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้าย!กล่าวได้เพียง สายพระเนตรมองคนของจักรพรรดิเหวินไม่เลวเลยใช้งานคนเช่นนี้เฝ้าเมือง ไม่ช้าก็เร็วก็จะนำไปสู่ภัยพิบัติ “ขอให้การตัดสินของเจ้าถูกต้องแล้วกัน!”เสิ่นลั่วเยี่ยนถอนหายใจช้าๆ “หากการตัดสินใจของเจ้าผิดพลาด ด้วยนิสัยขี้ขลาดตาขาวของเว่ยเหวินจง กองทัพใหญ่สี่พันคนที่ป้อมเมืองสุยหนิง กลัวว่าคงอันตรายแล้ว” “เรื่องนี้ไม่ต้องกังวลใจ”หยุนเจิงยิ้มอย่างมั่นใจ “ตอนนี้เว่ยเหวินจงเหลือเพียงแค่สองทางเลือก เขาไม่เลือกทำตามข้อเสนอแนะของข้า ก็เหลือเพียงทางเส้นนั้นให้เดินแล้ว”เหตุผลสำคัญคือกองทหารมณฑลทางเหนือไม่สามารถโจมตีเผชิญหน้าได้ด้วยสถานการณ์เช่นนี้ เว่ยเหวินจงเดิมทีก็ไม่มีทางเลือกอื่นแล้วเสิ่นลั่วเยี่ยนครุ่นคิด พยักหน้าเบาๆทว่
หมาป่าเจ้าเล่ห์ที่ซ่อนตัวลึกสุด!นี่ไม่ใช่ครั้งแรกเจียเหยาได้ยินคำวิจารณ์หยุนเจิงนี้จากปากปานปู้เจียเหยาเงยใบหน้าสวยแปลกตาขึ้นมอง ยิ้มเล็กน้อยกล่าว “หยุนเจิ้งผู้นี้สามารถทำให้อาจารย์หวาดกลัวได้ ดูเหมือนว่า ข้าต้องระวังไว้หน่อยแล้ว!”“ใช่แล้วต้องระวังไว้”ปานปู้พยักหน้ากล่าว “ก่อนหน้านี้ข้าประมาทหยุนเจิงเกินไป จึงเสียเปรียบเขามากมาย”กล่าวถึงหยุนเจิง ปานปู้อดไม่ได้ที่จะขบเคี้ยวเขี้ยวฟันถึงแม้ไม่มีหลักฐานว่าเรื่องเทพลงทัณฑ์ที่หุบเขามรณะเกี่ยวข้องกับหยุนเจิง แต่เขายังคงยืนกรานว่าเป็นหยุนเจิงที่เล่นตุกติกเจียเหยาพยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นก็เอ่ยถาม “ติ้งเป่ยและป้อมเมืองสุยหนิงทางนั้น ยังคงไม่มีความเคลื่อนไหวหรือ?”“ไม่มี”ปานปู้ส่ายหน้า “เป็นไปได้มากกว่าครึ่งว่าเว่ยเหวินจงคิดจะถ่วงเวลาพวกเรา รอจนกว่าพวกเราจะทนทุกข์ทรมานจากลมและหิมะก่อนที่จะเริ่มเคลื่อนไหว”เรื่องนี้ไม่ยากคาดเดาหากนางเป็นเว่ยเหวินจง ย่อมต้องทำเช่นนี้“เว่ยเหวินจงนับว่าระงับอารมณ์ได้อยู่”เจียเหยาหัวเราะยิ้มมุมปาก “น่าเสียดาย เขาไม่รู้ เป้าหมายที่แท้จริงของพวกเราคือซั่วฟาง!”ปานปู้พยักหน้าเล็กน้อย “แผนขององค์ห
ปานปู้นิ่งเงียบ ส่ายหน้ากล่าว “ข้าไม่เข้าใจ เหตุใดองค์หญิงจึงต้องละทิ้งสามเมืองชายแดน? ข้าไม่เข้าใจแม้แต่น้อย แล้วก็ไม่ยอมด้วย! ข้าเชื่อ ท่านประมุขใหญ่ย่อมไม่ยอมเช่นกัน!”หากต้องละทิ้งสามเมืองชายแดน ก่อนหน้านี้ทำเพื่อสิ่งใด?หากต้องละทิ้งเมืองชายแดน ก่อนหน้านี้นำสามเมืองชายแดนแลกกับเสบียงอาหารต้าเฉียน ไม่ดีกว่าหรือ?อ้อมกันไปมา จ่ายด้วยความเสียหายมากมาย ตอนนี้จะบอกให้ละทิ้งสามเมืองชายแดน?จะให้พวกเขายอมรับได้เช่นไร!“รู้ว่าพวกท่านไม่ยอมรับ ดังนั้นคือจึงต้องทำศึกครั้งนี้!”เจียเหยาส่ายหน้ากล่าว “ให้ต้าเฉียนเสียหายนักเช่นกัน ทุกคนก็จะพอใจแล้ว!”ปานปู้ขมวดคิ้วเล็กน้อย จากนั้นก็ส่ายหน้า “พวกเราชนะแล้ว ต้าเฉียนเสียหายมากมายแล้ว พวกเรายังต้องละทิ้งสามเมืองชายแดน ทุกคนคงไม่ยินยอมกระมัง?”เจียเหยามองปานปู้ด้วยสายตาผิดหวัง “อาจารย์ ท่านเหน็ดเหนื่อยเพราะชื่อเสียง สายตาสู้ในอดีตไม่ได้แล้ว”“คงเป็นเช่นนั้น!”ปานปู้ไม่ปฏิเสธ “แต่ข้าอยากรู้เหตุผลที่องค์หญิงต้องละทิ้งสามเมืองชายแดน!”เสียเหยาถอนหายใจเบาๆ กล่าวถาม “สิ่งใดคือข้อได้เปรียบของเราในการต่อสู้กับต้าเฉียน?”“แน่นอนว่าเป็นการโจมตีก
ช่วงเวลาเพียงพริบตา วันส่งท้ายปีก็มาถึงแล้วแน่นอน ทั้งซั่วเป่ยไม่มีการฉลองส่งท้ายปีผู้คนจำนวนมากกังวลเกี่ยวกับสงครามที่กำลังจะเกิดขึ้นภายในค่ายทหารของซั่วฟางก็เช่นเดียวกัน ไม่มีบรรยากาศรื่นเริงใดแม้แต่น้อยคนมากมายลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าวันนี้เป็นวันส่งท้ายปีเป็นหยุนเจิงสั่งให้ทหารสูทกรรมทำอาหารข้ามปีให้กับทุกคน คนจำนวนมากจึงนึกได้ว่าวันส่งท้ายปีมาถึงแล้วเดิมทีหยุนเจิงวางแผนจะร่วมฉลองส่งท้ายปีกับทหารภายในค่ายแต่เวลาช่วงบ่าย เยี่ยจื่อกลับพาคนใช้และองครักษ์ภายในจวนมาถึงภายในค่ายสิ่งที่พวกเขานำมา มีเกี๊ยวแช่แข็งมากมาย“พี่สะใภ้ ท่านดีมากเลย!”เมื่อเห็นเกี๊ยวจำนวนมาก เสิ่นลั่วเยี่ยนกอดเยี่ยจื่อด้วยท่าทางเกินจริงเยี่ยจื่อหัวเราะมุมปาก เคาะหน้าผากเสิ่นลั่วเยี่ยนเบาๆ “พอแล้ว รีบปล่อยข้า เป็นคนแต่งงานแล้ว เหตุใดยังทำท่าทางเหมือนเด็กอีก”เสิ่นลั่วเยี่ยนหัวเราะสดใจปล่อยเยี่ยจื่อ “เป็นเด็กมีสิ่งใดไม่ดีกันเล่า? ไร้กังวลไร้ความกลัว ไม่เหมือนพวกเราตอนนี้ ทั้งวันกังวลผมแทบจะขาวโพลนหมดแล้ว”“เจ้ากังวลสิ่งใด?”เยี่ยจื่อกรอกตาบนมองนาง จากนั้นก็กล่าวเสียดสีหยุนเจิง “คนที่ควรกังวลที่สุดย
สถานการณ์ตรงหน้า วิกฤตเช่นนี้เลยหรือ?เมื่อเห็นท่าทางเยี่ยจื่อ หยุนเจิงอดไม่ได้ที่จะส่ายหน้าหัวเราะ “สถานการณ์ไม่ได้เลวร้ายเหมือนที่เจ้าคิด ข้าแค่พยายามทำให้แน่ใจว่าไม่มีอะไรผิดพลาดเท่านั้น!”“อื้ม ข้าเชื่อเจ้า!”เยี่ยจื่อฝืนยิ้มออกมา “พวกเจ้าเองก็ต้องระวัง เจ้าเป็นแม่ทัพหลัก ภารกิจสำคัญของเจ้าคือการจัดกำลังพล ไม่ใช่การบุกพิชิตข้าศึก! นอกจากนี้ เจ้าต้องห้ามเสิ่นลั่วเหยาไว้ด้วย เด็กคนนั้นสู้กันขึ้นมาก็รู้จักแต่วู่วาม”“ได้!”หยุนเจิงพยักหน้าขณะที่ทั้งสองคนสนทนากัน ร่างหนึ่งสวมชุดขนสัตว์สีขาวปรากฏตัวขึ้นทั้งร่างปกปิดอย่างแน่นหนา โผล่ออกมาแค่ดวงตาคู่เดียวครั้งแรกที่เห็นคนเช่นนี้ เยี่ยจื่ออดไม่ได้ที่จะตกใจ คิดว่ามีนักฆ่าโผล่มาจากที่ใด กำลังจะร้องตะโกนเรียกคน กลับถูกหยุนเจิงห้ามเอาไว้“คาราวะองค์ชาย!”ผู้มาก้มโค้งคาราวะหยุนเจิง“ไป คุยทางนั้น!”หยุนเจิงส่งสายตาให้ผู้มา เดินตามเขาไปด้านข้างอย่างรวดเร็ว กระซิบถาม “มีสถานการณ์ใด?”ผู้มาก้มหน้า กล่าวด้วยความละอาย “ตอนนี้ไม่มีมีสถานการณ์ ทัพใหญ่เป่ยหวนเส้นทางใต้จุดไฟอยู่เสมอ เมื่อคืนสวางไสวทั้งคืน พวกเรากลัวถูกพบเห็น จึงไม่กล้าเข
“อวี้กั๋วกงมาเพื่อสิ่งใด?”ตอนที่กำลังรอยู่ที่ประตูค่าย เสิ่นลั่วเยี่ยนถามด้วยความสงสัยหยุนเจิงยกยิ้มมุมปาก ตอบกลับ “ยังจะมาเพื่อสิ่งใด? ย่อมต้องมาเพื่อประกาศพระราชโองการ! ผลงานใหญ่ของพวกเราก่อนหน้านี้ เสด็จพ่อยังไม่ได้พระราชทานรางวัลเลย!”“รางวัล?”เสิ่นลั่วเยี่ยนตาเป็นประกาย “วันนี้เป็นวันส่งท้ายปี! อวี้กั๋วกงเร่งมาถึงในวันนี้ ดูเหมือนจงใจไปหน่อย!”“ย่อมต้องจงใจ!”หยุนเจิงพยักหน้ายิ้ม “บางที นี่อาจเป็นเรื่องประหลาดใจที่เสด็จพ่อเตรียมไว้ให้พวกเรากระมัง!”เรื่องประหลาดใจหรือ?เสิ่นลั่วเยี่ยนหัวเราะสดใจเรื่องประหลาดใจ นางไม่อยากคิดขอแค่ไม่ใช่เรื่องน่าตกใจกลัวก็พอแล้ว!พวกเขายืนรออยู่หน้าประตูค่ายประมาณสองเค่อ เซียวว่านโฉวในที่สุดก็พาขบวนคนและม้ามาถึงหยุนเจิงและเสิ่นลั่วเยี่ยนมองตากันเงียบๆ รีบเข้าไปต้อนรับ“ข้าน้อยหยุนเจิง คาราวะอวี๋กั๋วกง!”หยุนเจิงทำความเคารพเซียวว่านโฉวสำหรับเซียวว่านโฉวทหารผ่านศึกผู้ยืนหยัดในสงครามหลัก หยุนเจิงเลื่อมใสนัก“องค์ชาย ไม่ได้!”เซียวว่านโฉวรีบพยุงหยุนเจิง “ควรเป็นข้าที่คาราวะองค์ชายและพระชายาถึงจะถูก!”“อย่า อย่า!”หยุนเจิงโบกมือ
โดยไม่ทันรู้ตัว เทศกาลปีใหม่ก็ใกล้เข้ามาแล้ว คนในจวนอ๋องก็เริ่มยุ่งวุ่นวายมากขึ้นเรื่อยๆ อย่างไรก็ตาม ความยุ่งวุ่นวายนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับหยุนเจิง หยุนเจิงยังคงดื่มด่ำอยู่ในความสุขของครอบครัว และแวะไปโรงงานอาวุธทุกๆ สองสามวัน ปัจจุบัน โรงงานอาวุธได้ขยายขนาดเพิ่มขึ้นเกือบครึ่ง จำนวนศิษย์ฝึกงานในโรงงานก็เพิ่มขึ้นมาก ด้วยความพยายามของทุกคน ในที่สุด "ปืนยาวแบบนก" ที่หยุนเจิงตั้งใจพัฒนาก็สามารถผลิตได้สองกระบอกที่ดูสมบูรณ์แบบ แต่ก็เพียงแค่สองกระบอกเท่านั้น หนึ่งกระบอกยาว หนึ่งกระบอกสั้น กระบอกสั้น คุณภาพถือว่าดีมาก แต่กระบอกยาว คุณภาพพอใช้ได้เท่านั้น อย่างไรก็ตาม นี่ก็ยังถือเป็นข่าวดี เมื่อมีชิ้นงานสำเร็จ อย่างน้อยกระบวนการผลิตทั้งหมดก็ชัดเจนแล้ว สิ่งที่ต้องทำต่อไปคือปรับปรุงกระบวนการผลิตและพัฒนาเทคนิค เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตอย่างต่อเนื่อง หยุนเจิงคิดจะใช้กังหันน้ำและชุดเฟืองหลายชุดเพื่อสร้างเครื่องกลึงแบบง่ายๆ แต่ปัญหาเรื่องดอกสว่านยังแก้ไม่ได้ หากไม่มีดอกสว่านคุณภาพดี เครื่องกลึงแม้สร้างขึ้นมาก็ไม่เกิดประโยชน์มากนัก อีกทั้ง ที่นี่ก็ไม่มีแหล่งน้ำ
องครักษ์เงาไม่ได้อยู่ในจวนอ๋องนานนัก หลังจากส่งมอบพระราชสาส์นลับจากจักรพรรดิเหวินให้หยุนเจิงแล้ว องครักษ์เงาก็รีบจากไป เมื่อเสิ่นลั่วเยี่ยนและพวกตามหาหยุนเจิงพบ เขากำลังอ่านพระราชสาส์นลับของจักรพรรดิเหวิน บนใบหน้าของเขายังมีรอยยิ้มเย้ยหยันเล็กน้อย เมื่อเห็นสีหน้าของหยุนเจิง หญิงทั้งสามก็รู้สึกโล่งใจขึ้นเล็กน้อย ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่เรื่องร้ายแรง อย่างน้อยก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ "ใครส่งจดหมายมา?" เสิ่นลั่วเยี่ยนก้าวขึ้นไปถาม "ไปกันเถอะ ไปพูดกันในห้อง" หยุนเจิงยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะลุกขึ้นและพาหญิงทั้งสามเข้าไปในห้อง เมื่อมาถึงห้อง หยุนเจิงส่งพระราชสาส์นลับของจักรพรรดิเหวินให้พวกนางอ่าน หญิงทั้งสามมารวมตัวกันอ่านเนื้อหาอย่างละเอียด เมื่อได้เห็นเนื้อหาในจดหมาย พวกนางก็รู้สึกโกรธเคืองอย่างยิ่ง แต่ในความโกรธก็มีความขันเจือปน "แค่หยุนลี่คนโง่เง่านั่น ยังกล้าคิดจะวางแผนร้ายต่อเจ้าอีกหรือ?" เสิ่นลั่วเยี่ยนกล่าวอย่างดูถูกพร้อมใช้คำพูดที่ได้ยินจากหยุนเจิง ในขณะที่หยุนลี่วางแผนอย่างรอบคอบ จักรพรรดิเหวินก็ลอบส่งคนมาแจ้งข่าวให้หยุนเจิง หยุนลี่ในตอนนี้ยังไ
เมื่อกล่าวจบ เสิ่นลั่วเยี่ยนก็เริ่มลองสวมทันที เมื่อเสิ่นลั่วเยี่ยนเป็นคนเริ่ม เมี่ยวอินและเยี่ยจื่อก็ค่อยๆ ลองสวมตาม หยุนเจิงไม่อยู่นิ่ง เดี๋ยวช่วยคนนี้ เดี๋ยวช่วยคนนั้น ในที่สุด หญิงทั้งสามก็สวมชุดชั้นในแบบใหม่เสร็จเรียบร้อย ก่อนจะสวมเสื้อนอกทับอีกชั้น เมื่อไม่มีผ้ารัดอกให้รู้สึกอึดอัด อีกทั้งยังมีชุดชั้นในแบบใหม่ช่วยเสริมรูปร่าง หญิงทั้งสามที่รูปร่างร้อนแรงอยู่แล้วก็ดูยิ่งดึงดูดสายตา ทำเอาหยุนเจิงพยักหน้าไม่หยุด หญิงทั้งสามหันมามองกันและกัน ใบหน้าของแต่ละคนต่างแดงระเรื่อ "ตอนนี้เจ้าพอใจหรือยัง? เจ้าชู้ตัวดี!" เสิ่นลั่วเยี่ยนยื่นปากพร้อมกับจ้องหยุนเจิงด้วยสายตา "พอใจสิ พอใจมาก!" หยุนเจิงหัวเราะเบาๆ ก่อนจะเดินเข้าไปกอดเอวอวบอิ่มของเสิ่นลั่วเยี่ยน แล้วจูบเบาๆ ที่ใบหน้าของนางที่อ้วนขึ้นเพราะตั้งครรภ์ พลางถามด้วยความคาดหวัง "เป็นอย่างไร ใส่แล้วสบายหรือไม่?" เสิ่นลั่วเยี่ยนขยับตัวเล็กน้อย ก่อนจะบิดตัวหยุนเจิงเบาๆ แล้วตอบด้วยใบหน้าแดงระเรื่อ "ถึงจะเขินอยู่บ้าง แต่ใส่แล้วสบายดีจริงๆ" ในจุดนี้ เสิ่นลั่วเยี่ยนไม่ได้โกหก สำหรับนางในตอนนี้ การใช้ผ้ารัดอกนั้นช
“ใส่แบบนี้ได้จริงหรือ? มันน่าอายจะตาย…” “ใช่แล้ว ดูก็อายแทนแล้ว…” “ท่านพี่ อย่าให้ข้าใส่อันนี้เลยนะ ได้หรือไม่…” ในจวนอ๋องติ้งเป่ย สตรีสามคนของหยุนเจิงต่างหน้าแดงด้วยความอาย แม้แต่เมี่ยวอิน ผู้ที่ปกติกล้าหาญในเรื่องเช่นนี้ ยังถึงกับเขินอายจนทำอะไรไม่ถูก เสิ่นลั่วเยี่ยนถึงกับใช้เสียงแหลมเล็กซึ่งแม้แต่ตัวนางเองยังไม่ชอบ เอาอกเอาใจหยุนเจิง เพื่อหลีกเลี่ยงการลองสวมเสื้อชั้นในแบบใหม่ที่เขาประดิษฐ์ขึ้น สิ่งนี้เพียงแค่หยิบขึ้นมาก็รู้สึกน่าอายแล้ว สตรีในต้าเฉียนส่วนใหญ่มักจะใช้ผ้าพันอก โดยเฉพาะบรรดาคุณหนูจากตระกูลใหญ่ มิฉะนั้น ในฤดูหนาวคงไม่เท่าไร แต่หากเป็นช่วงที่ต้องแต่งกายเบาบาง สตรีที่มีรูปร่างดีเวลาเดินแล้วทรวงอกกระเพื่อม จะไม่ทำให้ผู้คนอายจนแทบแทรกแผ่นดินหนีหรือ? แต่เสื้อชั้นในแบบใหม่นี้ไม่เพียงแต่ไม่ช่วยพันอก กลับยิ่งทำให้รูปร่างเด่นชัดขึ้น เมื่อไม่นานมานี้ ภายในจวนได้สร้างเตาผิงหลายแห่งตามคำสั่งของหยุนเจิง ทำให้ห้องหลายห้องอบอุ่นมาก พวกนางพอเข้ามาก็ถอดเสื้อผ้าออกถึงสองชั้น หากสวมใส่สิ่งนี้ต่อหน้าหยุนเจิงก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าต้องสวมสิ่งนี้ออกไปข้างนอก แล
เมื่อเห็นว่าจักรพรรดิเหวินทรงตัดสินพระทัยได้แล้ว หยุนลี่ถึงกับดีใจจนแทบกลั้นไว้ไม่อยู่ พยายามเก็บอาการตื่นเต้นไว้ หยุนลี่กล่าวขึ้นว่า “ขอเสด็จพ่อโปรดมีพระบัญชา ให้โจวเต้ากงนำกองกำลังเตรียมพร้อม และเมื่อเจ้าหกมาถึงหัวเมืองสี่ทิศ ให้เข้าควบคุมตัวเจ้าหกทันที! อีกทั้ง ขอพระบัญชาให้จ้าวจี้ทางตะวันตกเฉียงเหนือ นำทัพทหาร 30,000 นายที่ฝีมือเยี่ยม เข้าประจำการในหุบเขาทางตะวันตกเฉียงเหนือของหัวเมืองสี่ทิศอย่างลับๆ” เมื่อได้ฟังคำพูดของหยุนลี่ หัวใจของจักรพรรดิเหวินพลันเย็นเยือก เจ้าลูกทรพี! คิดจะระดมกองทัพจากตะวันตกเฉียงเหนือเพื่อจัดการเจ้าหกอย่างนั้นหรือ? เขาคิดจะจุดชนวนสงครามกลางเมืองในต้าเฉียนหรืออย่างไร? “การระดมพลจากตะวันตกเฉียงเหนือในตอนนี้ เกรงว่าจะไม่ทันการ” จักรพรรดิเหวินทรงพยายามระงับพระอารมณ์ ก่อนตรัสว่า “กองกำลังจากตะวันตกเฉียงเหนือส่วนใหญ่เป็นทหารราบ ต่อให้รีบเร่งเดินทัพมา คงต้องใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งเดือนครึ่ง” หยุนลี่ถึงกับพูดไม่ออก หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง หยุนลี่จึงกล่าวต่อ “เช่นนั้น ขอพระบัญชาให้จ้าวจี้นำทัพทหารม้าชั้นยอดหนึ่งหมื่นนายมาแทนพ่ะย่ะค่ะ!
“ลูก…ไม่ทราบพ่ะย่ะค่ะ” หยุนลี่ตอบอย่างตะกุกตะกัก เขาไม่รู้จริงๆ ว่าหยุนเจิงมีกำลังทหารในมือมากเพียงใด คนที่เขาส่งไปซั่วเป่ยแทบไม่ได้รับข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องในกองทัพเลย “ข้าจะบอกเจ้าเอง!” จักรพรรดิเหวินทรงลูบพระนลาฏเบาๆ พระพักตร์เต็มไปด้วยความกังวล “น้องหกของเจ้ามีกำลังพลในมือมากกว่าสองแสนนาย และหากเขาต้องการ ก็สามารถรวบรวมทหารเพิ่มได้อีกหนึ่งแสนนายทันที! ยิ่งไปกว่านั้น กองทัพของชนเผ่าเป่ยหวนและเป่ยหมัวถัวยังอยู่ภายใต้การควบคุมของเขา! ข้ากระทั่งสงสัยว่า หากเขาต้องการ เขาสามารถเรียกกองทัพห้าแสนนายมาได้ทันที!” “ห้า…ห้าแสน?” หยุนลี่อ้าปากค้าง แทบไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน กองทัพห้าแสน? เจ้าหก เจ้าคนเลวนั่นสามารถเรียกกองทัพห้าแสนได้ตลอดเวลา? นี่…เป็นไปได้อย่างไร! เจ้าหกจะเลี้ยงกองทัพห้าแสนไหวหรือ? จักรพรรดิเหวินทรงถอนหายใจยาว “เจ้าต้องการนำเจ้าหกกลับเมืองหลวง ข้าไม่ขัดข้อง! แต่เจ้าต้องพิจารณาดู หากเจ้าไม่ประสบความสำเร็จ และยังทำให้เจ้าหก เจ้าลูกทรพีนั่นโกรธขึ้นมา เจ้าจะรับมือกับสถานการณ์นั้นอย่างไร?” “นี่…” หยุนลี่ไม่รู้จะตอบคำถามของจักรพรรดิเหวินอย่าง
ไม่นาน มู่ซุ่นก็พาหยุนลี่เข้ามา “ลูกขอคารวะเสด็จพ่อพ่ะย่ะค่ะ” ทันทีที่หยุนลี่เข้ามา เขาก็คำนับอย่างนอบน้อม จักรพรรดิเหวินทรงพยักหน้าให้หยุนลี่นั่งลง พลางตรัสยิ้มๆ ว่า “ครั้งหน้า หากมีธุระก็ให้มู่ซุ่นปลุกข้าเถิด อย่ายืนรออยู่ด้านนอกนานนัก” “เสด็จพ่อทรงเหนื่อยจากการเดินทาง ลูกยืนรออีกสักหน่อยก็ไม่เป็นไรพ่ะย่ะค่ะ” “ตอนนี้เจ้าก็เริ่มเหมือนรัชทายาทแล้วล่ะ” จักรพรรดิเหวินทรงมองหยุนลี่ด้วยความพอพระทัย “พูดมาเถอะ เจ้าจะมีเรื่องอันใด? บอกมาให้จบก่อน แล้วข้าจะได้สั่งงานเจ้าบ้าง” “ขอเสด็จพ่อทรงบัญชาลูกก่อนเถิดพ่ะย่ะค่ะ” จักรพรรดิเหวินทรงนิ่งตรองเล็กน้อย ก่อนจะทรงโบกพระหัตถ์ให้มู่ซุ่นและนางกำนัลที่คอยรับใช้ในห้องออกไป เมื่อไม่มีผู้ใดเหลืออยู่ จักรพรรดิเหวินจึงตรัสว่า “ครั้งนี้ที่ข้าไปซั่วเป่ย ข้าตั้งใจไปดูมันเทศที่จางซูพูดถึง ข้าถามผู้คนหลายคนแล้ว และมั่นใจว่ามันเทศนั้นให้ผลผลิตสูงมาก! ข้าตั้งใจจะนำมันเทศนั้นเข้ามาปลูกในเขตใน แต่เจ้าหก เจ้าลูกทรพีนั่นกลับบอกว่าต้องมาคุยเรื่องนี้กับเจ้า…” ต้องมาคุยกับตนเอง? เปลือกตาของหยุนลี่กระตุกทันที เขารับรู้ได้ในทันทีว่า เจ้าหก
ในขณะที่หยุนเจิงกำลังยุ่งอยู่กับการอุทิศตนเพื่อสุขภาพของสตรีทั่วหล้า จักรพรรดิเหวินก็กลับมาถึงหัวเมืองสี่ทิศ มู่ซุ่นเดินทางกลับมาพร้อมกับจักรพรรดิเหวิน เมื่อหยุนลี่ทราบข่าว เขาก็นำคณะขุนนางมารับเสด็จทันที “จากราชสำนักมีใครส่งรายงานมาไหม?” จักรพรรดิเหวินทรงถามถึงเรื่องสำคัญทันทีที่เสด็จกลับมา “มีพ่ะย่ะค่ะ” หยุนลี่รีบรายงาน “เซียวว่านโฉวนำทัพไปช่วยเจียวลู่อ๋องซื่อจื่อปราบปรามกบฏสำเร็จแล้ว แต่พวกเขาช้าก้าวหนึ่ง กัวซื่อนำกองกำลังหลายพันคนหลบหนีไปยังเผ่าต่างๆ ทางหมอซี เจียวลู่อ๋องซื่อจื่อได้ถวายฎีกาต่อราชสำนัก ขอพระราชทานพระราชโองการแต่งตั้งให้เขาสืบตำแหน่งเจียวลู่อ๋อง…” หลังจากการปราบกบฏของกัวซื่อสำเร็จ หนานจ้าวและอวี้หนานในปีนี้ก็แสดงความจงรักภักดีได้ดีขึ้นมาก ทั้งสองแคว้นได้ส่งบรรณาการเข้ามา โดยจำนวนสิ่งของบรรณาการมากกว่าปีก่อนถึงสามส่วน ราชาหนานจ้าวยังได้กราบทูลขอส่งองค์ชายรัชทายาทมายังเมืองหลวงต้าเฉียนเพื่อศึกษาเล่าเรียน การฟื้นฟูหลังภัยพิบัติในทางใต้กำลังดำเนินไปอย่างเป็นระเบียบ เพียงแต่มีกลุ่มผู้ประสบภัยบางคนจุดไฟในหุบเขาเพื่อให้ความอบอุ่น จนเกิดไฟป่าครั
แต่ที่น่าเสียดายคือ เจียเหยาไม่ใช่สตรีแบบนั้น! ทุกความยินยอมและการประนีประนอมของเจียเหยาต่อเขาล้วนเกิดจากสถานการณ์บีบบังคับ เยี่ยจื่อย่อมชื่นชมเจียเหยาอย่างแน่นอน เรื่องนี้ไม่มีข้อสงสัยใดๆ แต่หากเจียเหยาเป็นสตรีที่หลงใหลในความรักอย่างเดียว เยี่ยจื่ออาจไม่รู้สึกชื่นชมนาง และคงไม่ต้องคิดถึงเรื่องที่ว่านางกับหยุนเจิงจะได้อยู่ด้วยกันหรือไม่ "ไม่แน่หรอก" เยี่ยจื่อยิ้มบาง "เรื่องของความรัก ไม่มีใครในโลกนี้สามารถอธิบายได้ชัดเจน! เช่นเดียวกับข้า ข้าไม่เคยคิดเลยว่าวันหนึ่งข้าจะไม่สนใจสายตาของผู้คนในแผ่นดิน และรักชายคนหนึ่งอย่างไม่ลังเล พร้อมทั้งให้กำเนิดบุตรธิดาแก่เขา..." "เรื่องของพวกเจ้ามันไม่เหมือนกัน" หยุนเจิงบีบเบาๆ ที่ตัวเยี่ยจื่อ "พอแล้ว อย่าคิดถึงเรื่องพวกนี้เลย! รีบลุกขึ้นเถิด ไม่เช่นนั้นพอคนในจวนมาเรียกเราไปกินข้าวเย็น เจ้าคงอายอีกแน่" "ก็เพราะเจ้านั่นแหละ!" เยี่ยจื่อเอ่ยตำหนิด้วยความอาย ก่อนจะค่อยๆ ลุกขึ้นและสวมเสื้อผ้า เมื่อเห็นเยี่ยจื่อสวมชุดชั้นใน หยุนเจิงก็เกิดความคิดบางอย่างขึ้นมาอีก "ยังมองอยู่อีกหรือ?" เยี่ยจื่อปรายตามองหยุนเจิงด้วยความเข