“ยังไม่มี! แต่กำลังคิดหาวิธีอยู่!”เว่ยเหวินจงส่ายศีรษะ "เราต้องทำลายการล้อมป้อมเมืองสุยหนิง และต้องรักษาความแข็งแกร่งของเราด้วย!""ข้าจะบอกเจ้า ข้าได้รับข่าวที่เชื่อถือได้มา เป่ยหวนเริ่มสังหารม้าศึกเพื่อเติมเสบียงแก่ทหารแล้ว!"“พวกเขาเตรียมตัวทำให้เสียเปรียบทั้งสองอย่าง แต่เราจะสู้โดยไม่มีกลยุทธ์ไม่ได้!”“หากการโจมตีโดยไร้กลยุทธ์สามารถแก้ปัญหาได้ ข้าคงสั่งกองทัพให้ออกไปโจมตีแล้ว ไม่รอให้ท่านอ๋องมาถึงหรอก!”เมื่อฟังคำพูดของเว่ยเหวินจงแล้ว เสิ่นลั่วเยี่ยนก็อดไม่ได้ที่จะมองหยุนเจิงด้วยความประหลาดใจเป็นสิ่งที่พวกเขาเดาไว้จริงๆ!เป่ยหวนเริ่มสังหารม้าศึกเพื่อเติมเสบียงให้กับทหารแล้วจริงๆ!ดูเหมือนว่าเป้าหมายที่แท้จริงของเป่ยหวนคือซั่วฟางจริงๆ ด้วย!หยุนเจิงจงใจแสร้งทำเป็นโกรธแล้วพูดอย่างเคร่งขรึมว่า “เจ้าไม่มีทางเลือก แต่ก็ไม่อยากลองใช้วิธีของข้า เจ้าจะคอยดูกองทหารสี่หมื่นนายของป้อมเมืองสุยหนิงติดอยู่ในนั้นจนตายหรือไง? ”“ข้าบอกแล้วว่าจะช่วย!”เว่ยเหวินจงขึ้นเสียงและตะโกนด้วยความโกรธ " ข้าคือผู้บัญชาการกองทหารมณฑลฝ่ายเหนือ! เจ้าไม่ถึงตาเจ้ามาสั่งข้า! ข้าขอสั่งให้เจ้ากลับไปที่ซั่
“เว่ยเหวินจงเป็นเพียงไอ้สารเลวที่โลภชีวิตและกลัวความตายเท่านั้น!”“ข้าต้องทำให้เสด็จพ่อลงโทษไอ้สารเลวนี่อย่างสาหัสให้ได้!”“คนขี้ขลาดอย่างเขาน่ะหรือคิดจะเป็นผู้บัญชาการกองทหารมณฑลฝ่ายเหนือ?”หยุนเจิงสาปเว่ยเหวินจงตลอดทางออกจากเมืองติ้งเป่ยเมื่อได้ยินหยุนเจิงด่าเว่ยเหวินจงแล้ว หลายๆ คนต่างมองไปด้านข้าง แล้วเดากันไปต่างๆ นานาว่าเกิดอะไรขึ้นกับท่านอ๋องและเว่ยเหวินจงกันแน่ทั้งซั่วเป่ยนี้ คนเดียวที่กล้าก่นด่าเว่ยเหวินจงตลอดทางเช่นนี้ ก็คงมีแต่ท่านอ๋องคนนี้แล้ว“เอาล่ะ ออกจากเมืองแล้ว หยุดแสดงได้แล้ว!”เมื่อออกจากติ้งเป่ย เสิ่นลั่วเยี่ยนก็หยุดหยุนเจิงไว้อย่างน่าขันไอ้สารเลวคนนี้แสดงเก่งจริงๆเขาโวยวายเช่นนี้ ก็เพื่ออยากให้เว่ยเหวินจงปฎิเสธคำแนะนำของเขาไม่ใช่หรือ?เขาก่นด่าจนสะใจแล้วจริงๆ!เว่ยเหวินจงคงจะเกลียดเขาจนตายแน่นอน!แต่ทว่า พวกเขาไม่ถูกกับเว่ยเหวินจงแต่ไหนแต่ไรแล้วดังนั้นจึงไม่ต้องกังวลมากนัก“ออกจากเมืองแล้วหรือ?”หยุนเจิงหยุดด่า แล้วเอ่ยด้วยสีหน้าเศร้าโศก “ข้ายังด่าไม่หน่ำใจเลย!”“…”เสิ่นลั่วเยี่ยนได้ยินดังนั้นพลันปั้นหน้านิ่งทันใดยังด่าไม่หน่ำใจ?เขาเหลือ
ส่วนรวมก็เรื่องส่วนรวม บุญคุณความแค้นส่วนตัวก็เรื่องบุญคุณความแค้นส่วนตัวการจัดรูปแบบของเว่ยเหวินจงใจแคบไปแล้ว!เทียบกับความปลอดภัยของซั่วเป่ยแล้ว บุญคุณความแค้นส่วนตัวจะนับประสาอะไร?ทว่า กล่าวไปแล้ว หากรูปแบบของเว่ยเหวินจงใจกว้างสักหน่อย แผนของพวกเขาก็ต้องล้มเหลวแล้วดังนั้น รูปแบบของเว่ยเหวินจงใจแคบสักหน่อย สำหรับพวกเขาแล้ว ก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้าย!กล่าวได้เพียง สายพระเนตรมองคนของจักรพรรดิเหวินไม่เลวเลยใช้งานคนเช่นนี้เฝ้าเมือง ไม่ช้าก็เร็วก็จะนำไปสู่ภัยพิบัติ “ขอให้การตัดสินของเจ้าถูกต้องแล้วกัน!”เสิ่นลั่วเยี่ยนถอนหายใจช้าๆ “หากการตัดสินใจของเจ้าผิดพลาด ด้วยนิสัยขี้ขลาดตาขาวของเว่ยเหวินจง กองทัพใหญ่สี่พันคนที่ป้อมเมืองสุยหนิง กลัวว่าคงอันตรายแล้ว” “เรื่องนี้ไม่ต้องกังวลใจ”หยุนเจิงยิ้มอย่างมั่นใจ “ตอนนี้เว่ยเหวินจงเหลือเพียงแค่สองทางเลือก เขาไม่เลือกทำตามข้อเสนอแนะของข้า ก็เหลือเพียงทางเส้นนั้นให้เดินแล้ว”เหตุผลสำคัญคือกองทหารมณฑลทางเหนือไม่สามารถโจมตีเผชิญหน้าได้ด้วยสถานการณ์เช่นนี้ เว่ยเหวินจงเดิมทีก็ไม่มีทางเลือกอื่นแล้วเสิ่นลั่วเยี่ยนครุ่นคิด พยักหน้าเบาๆทว่
หมาป่าเจ้าเล่ห์ที่ซ่อนตัวลึกสุด!นี่ไม่ใช่ครั้งแรกเจียเหยาได้ยินคำวิจารณ์หยุนเจิงนี้จากปากปานปู้เจียเหยาเงยใบหน้าสวยแปลกตาขึ้นมอง ยิ้มเล็กน้อยกล่าว “หยุนเจิ้งผู้นี้สามารถทำให้อาจารย์หวาดกลัวได้ ดูเหมือนว่า ข้าต้องระวังไว้หน่อยแล้ว!”“ใช่แล้วต้องระวังไว้”ปานปู้พยักหน้ากล่าว “ก่อนหน้านี้ข้าประมาทหยุนเจิงเกินไป จึงเสียเปรียบเขามากมาย”กล่าวถึงหยุนเจิง ปานปู้อดไม่ได้ที่จะขบเคี้ยวเขี้ยวฟันถึงแม้ไม่มีหลักฐานว่าเรื่องเทพลงทัณฑ์ที่หุบเขามรณะเกี่ยวข้องกับหยุนเจิง แต่เขายังคงยืนกรานว่าเป็นหยุนเจิงที่เล่นตุกติกเจียเหยาพยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นก็เอ่ยถาม “ติ้งเป่ยและป้อมเมืองสุยหนิงทางนั้น ยังคงไม่มีความเคลื่อนไหวหรือ?”“ไม่มี”ปานปู้ส่ายหน้า “เป็นไปได้มากกว่าครึ่งว่าเว่ยเหวินจงคิดจะถ่วงเวลาพวกเรา รอจนกว่าพวกเราจะทนทุกข์ทรมานจากลมและหิมะก่อนที่จะเริ่มเคลื่อนไหว”เรื่องนี้ไม่ยากคาดเดาหากนางเป็นเว่ยเหวินจง ย่อมต้องทำเช่นนี้“เว่ยเหวินจงนับว่าระงับอารมณ์ได้อยู่”เจียเหยาหัวเราะยิ้มมุมปาก “น่าเสียดาย เขาไม่รู้ เป้าหมายที่แท้จริงของพวกเราคือซั่วฟาง!”ปานปู้พยักหน้าเล็กน้อย “แผนขององค์ห
ปานปู้นิ่งเงียบ ส่ายหน้ากล่าว “ข้าไม่เข้าใจ เหตุใดองค์หญิงจึงต้องละทิ้งสามเมืองชายแดน? ข้าไม่เข้าใจแม้แต่น้อย แล้วก็ไม่ยอมด้วย! ข้าเชื่อ ท่านประมุขใหญ่ย่อมไม่ยอมเช่นกัน!”หากต้องละทิ้งสามเมืองชายแดน ก่อนหน้านี้ทำเพื่อสิ่งใด?หากต้องละทิ้งเมืองชายแดน ก่อนหน้านี้นำสามเมืองชายแดนแลกกับเสบียงอาหารต้าเฉียน ไม่ดีกว่าหรือ?อ้อมกันไปมา จ่ายด้วยความเสียหายมากมาย ตอนนี้จะบอกให้ละทิ้งสามเมืองชายแดน?จะให้พวกเขายอมรับได้เช่นไร!“รู้ว่าพวกท่านไม่ยอมรับ ดังนั้นคือจึงต้องทำศึกครั้งนี้!”เจียเหยาส่ายหน้ากล่าว “ให้ต้าเฉียนเสียหายนักเช่นกัน ทุกคนก็จะพอใจแล้ว!”ปานปู้ขมวดคิ้วเล็กน้อย จากนั้นก็ส่ายหน้า “พวกเราชนะแล้ว ต้าเฉียนเสียหายมากมายแล้ว พวกเรายังต้องละทิ้งสามเมืองชายแดน ทุกคนคงไม่ยินยอมกระมัง?”เจียเหยามองปานปู้ด้วยสายตาผิดหวัง “อาจารย์ ท่านเหน็ดเหนื่อยเพราะชื่อเสียง สายตาสู้ในอดีตไม่ได้แล้ว”“คงเป็นเช่นนั้น!”ปานปู้ไม่ปฏิเสธ “แต่ข้าอยากรู้เหตุผลที่องค์หญิงต้องละทิ้งสามเมืองชายแดน!”เสียเหยาถอนหายใจเบาๆ กล่าวถาม “สิ่งใดคือข้อได้เปรียบของเราในการต่อสู้กับต้าเฉียน?”“แน่นอนว่าเป็นการโจมตีก
ช่วงเวลาเพียงพริบตา วันส่งท้ายปีก็มาถึงแล้วแน่นอน ทั้งซั่วเป่ยไม่มีการฉลองส่งท้ายปีผู้คนจำนวนมากกังวลเกี่ยวกับสงครามที่กำลังจะเกิดขึ้นภายในค่ายทหารของซั่วฟางก็เช่นเดียวกัน ไม่มีบรรยากาศรื่นเริงใดแม้แต่น้อยคนมากมายลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าวันนี้เป็นวันส่งท้ายปีเป็นหยุนเจิงสั่งให้ทหารสูทกรรมทำอาหารข้ามปีให้กับทุกคน คนจำนวนมากจึงนึกได้ว่าวันส่งท้ายปีมาถึงแล้วเดิมทีหยุนเจิงวางแผนจะร่วมฉลองส่งท้ายปีกับทหารภายในค่ายแต่เวลาช่วงบ่าย เยี่ยจื่อกลับพาคนใช้และองครักษ์ภายในจวนมาถึงภายในค่ายสิ่งที่พวกเขานำมา มีเกี๊ยวแช่แข็งมากมาย“พี่สะใภ้ ท่านดีมากเลย!”เมื่อเห็นเกี๊ยวจำนวนมาก เสิ่นลั่วเยี่ยนกอดเยี่ยจื่อด้วยท่าทางเกินจริงเยี่ยจื่อหัวเราะมุมปาก เคาะหน้าผากเสิ่นลั่วเยี่ยนเบาๆ “พอแล้ว รีบปล่อยข้า เป็นคนแต่งงานแล้ว เหตุใดยังทำท่าทางเหมือนเด็กอีก”เสิ่นลั่วเยี่ยนหัวเราะสดใจปล่อยเยี่ยจื่อ “เป็นเด็กมีสิ่งใดไม่ดีกันเล่า? ไร้กังวลไร้ความกลัว ไม่เหมือนพวกเราตอนนี้ ทั้งวันกังวลผมแทบจะขาวโพลนหมดแล้ว”“เจ้ากังวลสิ่งใด?”เยี่ยจื่อกรอกตาบนมองนาง จากนั้นก็กล่าวเสียดสีหยุนเจิง “คนที่ควรกังวลที่สุดย
สถานการณ์ตรงหน้า วิกฤตเช่นนี้เลยหรือ?เมื่อเห็นท่าทางเยี่ยจื่อ หยุนเจิงอดไม่ได้ที่จะส่ายหน้าหัวเราะ “สถานการณ์ไม่ได้เลวร้ายเหมือนที่เจ้าคิด ข้าแค่พยายามทำให้แน่ใจว่าไม่มีอะไรผิดพลาดเท่านั้น!”“อื้ม ข้าเชื่อเจ้า!”เยี่ยจื่อฝืนยิ้มออกมา “พวกเจ้าเองก็ต้องระวัง เจ้าเป็นแม่ทัพหลัก ภารกิจสำคัญของเจ้าคือการจัดกำลังพล ไม่ใช่การบุกพิชิตข้าศึก! นอกจากนี้ เจ้าต้องห้ามเสิ่นลั่วเหยาไว้ด้วย เด็กคนนั้นสู้กันขึ้นมาก็รู้จักแต่วู่วาม”“ได้!”หยุนเจิงพยักหน้าขณะที่ทั้งสองคนสนทนากัน ร่างหนึ่งสวมชุดขนสัตว์สีขาวปรากฏตัวขึ้นทั้งร่างปกปิดอย่างแน่นหนา โผล่ออกมาแค่ดวงตาคู่เดียวครั้งแรกที่เห็นคนเช่นนี้ เยี่ยจื่ออดไม่ได้ที่จะตกใจ คิดว่ามีนักฆ่าโผล่มาจากที่ใด กำลังจะร้องตะโกนเรียกคน กลับถูกหยุนเจิงห้ามเอาไว้“คาราวะองค์ชาย!”ผู้มาก้มโค้งคาราวะหยุนเจิง“ไป คุยทางนั้น!”หยุนเจิงส่งสายตาให้ผู้มา เดินตามเขาไปด้านข้างอย่างรวดเร็ว กระซิบถาม “มีสถานการณ์ใด?”ผู้มาก้มหน้า กล่าวด้วยความละอาย “ตอนนี้ไม่มีมีสถานการณ์ ทัพใหญ่เป่ยหวนเส้นทางใต้จุดไฟอยู่เสมอ เมื่อคืนสวางไสวทั้งคืน พวกเรากลัวถูกพบเห็น จึงไม่กล้าเข
“อวี้กั๋วกงมาเพื่อสิ่งใด?”ตอนที่กำลังรอยู่ที่ประตูค่าย เสิ่นลั่วเยี่ยนถามด้วยความสงสัยหยุนเจิงยกยิ้มมุมปาก ตอบกลับ “ยังจะมาเพื่อสิ่งใด? ย่อมต้องมาเพื่อประกาศพระราชโองการ! ผลงานใหญ่ของพวกเราก่อนหน้านี้ เสด็จพ่อยังไม่ได้พระราชทานรางวัลเลย!”“รางวัล?”เสิ่นลั่วเยี่ยนตาเป็นประกาย “วันนี้เป็นวันส่งท้ายปี! อวี้กั๋วกงเร่งมาถึงในวันนี้ ดูเหมือนจงใจไปหน่อย!”“ย่อมต้องจงใจ!”หยุนเจิงพยักหน้ายิ้ม “บางที นี่อาจเป็นเรื่องประหลาดใจที่เสด็จพ่อเตรียมไว้ให้พวกเรากระมัง!”เรื่องประหลาดใจหรือ?เสิ่นลั่วเยี่ยนหัวเราะสดใจเรื่องประหลาดใจ นางไม่อยากคิดขอแค่ไม่ใช่เรื่องน่าตกใจกลัวก็พอแล้ว!พวกเขายืนรออยู่หน้าประตูค่ายประมาณสองเค่อ เซียวว่านโฉวในที่สุดก็พาขบวนคนและม้ามาถึงหยุนเจิงและเสิ่นลั่วเยี่ยนมองตากันเงียบๆ รีบเข้าไปต้อนรับ“ข้าน้อยหยุนเจิง คาราวะอวี๋กั๋วกง!”หยุนเจิงทำความเคารพเซียวว่านโฉวสำหรับเซียวว่านโฉวทหารผ่านศึกผู้ยืนหยัดในสงครามหลัก หยุนเจิงเลื่อมใสนัก“องค์ชาย ไม่ได้!”เซียวว่านโฉวรีบพยุงหยุนเจิง “ควรเป็นข้าที่คาราวะองค์ชายและพระชายาถึงจะถูก!”“อย่า อย่า!”หยุนเจิงโบกมือ