ส่วนรวมก็เรื่องส่วนรวม บุญคุณความแค้นส่วนตัวก็เรื่องบุญคุณความแค้นส่วนตัวการจัดรูปแบบของเว่ยเหวินจงใจแคบไปแล้ว!เทียบกับความปลอดภัยของซั่วเป่ยแล้ว บุญคุณความแค้นส่วนตัวจะนับประสาอะไร?ทว่า กล่าวไปแล้ว หากรูปแบบของเว่ยเหวินจงใจกว้างสักหน่อย แผนของพวกเขาก็ต้องล้มเหลวแล้วดังนั้น รูปแบบของเว่ยเหวินจงใจแคบสักหน่อย สำหรับพวกเขาแล้ว ก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้าย!กล่าวได้เพียง สายพระเนตรมองคนของจักรพรรดิเหวินไม่เลวเลยใช้งานคนเช่นนี้เฝ้าเมือง ไม่ช้าก็เร็วก็จะนำไปสู่ภัยพิบัติ “ขอให้การตัดสินของเจ้าถูกต้องแล้วกัน!”เสิ่นลั่วเยี่ยนถอนหายใจช้าๆ “หากการตัดสินใจของเจ้าผิดพลาด ด้วยนิสัยขี้ขลาดตาขาวของเว่ยเหวินจง กองทัพใหญ่สี่พันคนที่ป้อมเมืองสุยหนิง กลัวว่าคงอันตรายแล้ว” “เรื่องนี้ไม่ต้องกังวลใจ”หยุนเจิงยิ้มอย่างมั่นใจ “ตอนนี้เว่ยเหวินจงเหลือเพียงแค่สองทางเลือก เขาไม่เลือกทำตามข้อเสนอแนะของข้า ก็เหลือเพียงทางเส้นนั้นให้เดินแล้ว”เหตุผลสำคัญคือกองทหารมณฑลทางเหนือไม่สามารถโจมตีเผชิญหน้าได้ด้วยสถานการณ์เช่นนี้ เว่ยเหวินจงเดิมทีก็ไม่มีทางเลือกอื่นแล้วเสิ่นลั่วเยี่ยนครุ่นคิด พยักหน้าเบาๆทว่
หมาป่าเจ้าเล่ห์ที่ซ่อนตัวลึกสุด!นี่ไม่ใช่ครั้งแรกเจียเหยาได้ยินคำวิจารณ์หยุนเจิงนี้จากปากปานปู้เจียเหยาเงยใบหน้าสวยแปลกตาขึ้นมอง ยิ้มเล็กน้อยกล่าว “หยุนเจิ้งผู้นี้สามารถทำให้อาจารย์หวาดกลัวได้ ดูเหมือนว่า ข้าต้องระวังไว้หน่อยแล้ว!”“ใช่แล้วต้องระวังไว้”ปานปู้พยักหน้ากล่าว “ก่อนหน้านี้ข้าประมาทหยุนเจิงเกินไป จึงเสียเปรียบเขามากมาย”กล่าวถึงหยุนเจิง ปานปู้อดไม่ได้ที่จะขบเคี้ยวเขี้ยวฟันถึงแม้ไม่มีหลักฐานว่าเรื่องเทพลงทัณฑ์ที่หุบเขามรณะเกี่ยวข้องกับหยุนเจิง แต่เขายังคงยืนกรานว่าเป็นหยุนเจิงที่เล่นตุกติกเจียเหยาพยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นก็เอ่ยถาม “ติ้งเป่ยและป้อมเมืองสุยหนิงทางนั้น ยังคงไม่มีความเคลื่อนไหวหรือ?”“ไม่มี”ปานปู้ส่ายหน้า “เป็นไปได้มากกว่าครึ่งว่าเว่ยเหวินจงคิดจะถ่วงเวลาพวกเรา รอจนกว่าพวกเราจะทนทุกข์ทรมานจากลมและหิมะก่อนที่จะเริ่มเคลื่อนไหว”เรื่องนี้ไม่ยากคาดเดาหากนางเป็นเว่ยเหวินจง ย่อมต้องทำเช่นนี้“เว่ยเหวินจงนับว่าระงับอารมณ์ได้อยู่”เจียเหยาหัวเราะยิ้มมุมปาก “น่าเสียดาย เขาไม่รู้ เป้าหมายที่แท้จริงของพวกเราคือซั่วฟาง!”ปานปู้พยักหน้าเล็กน้อย “แผนขององค์ห
ปานปู้นิ่งเงียบ ส่ายหน้ากล่าว “ข้าไม่เข้าใจ เหตุใดองค์หญิงจึงต้องละทิ้งสามเมืองชายแดน? ข้าไม่เข้าใจแม้แต่น้อย แล้วก็ไม่ยอมด้วย! ข้าเชื่อ ท่านประมุขใหญ่ย่อมไม่ยอมเช่นกัน!”หากต้องละทิ้งสามเมืองชายแดน ก่อนหน้านี้ทำเพื่อสิ่งใด?หากต้องละทิ้งเมืองชายแดน ก่อนหน้านี้นำสามเมืองชายแดนแลกกับเสบียงอาหารต้าเฉียน ไม่ดีกว่าหรือ?อ้อมกันไปมา จ่ายด้วยความเสียหายมากมาย ตอนนี้จะบอกให้ละทิ้งสามเมืองชายแดน?จะให้พวกเขายอมรับได้เช่นไร!“รู้ว่าพวกท่านไม่ยอมรับ ดังนั้นคือจึงต้องทำศึกครั้งนี้!”เจียเหยาส่ายหน้ากล่าว “ให้ต้าเฉียนเสียหายนักเช่นกัน ทุกคนก็จะพอใจแล้ว!”ปานปู้ขมวดคิ้วเล็กน้อย จากนั้นก็ส่ายหน้า “พวกเราชนะแล้ว ต้าเฉียนเสียหายมากมายแล้ว พวกเรายังต้องละทิ้งสามเมืองชายแดน ทุกคนคงไม่ยินยอมกระมัง?”เจียเหยามองปานปู้ด้วยสายตาผิดหวัง “อาจารย์ ท่านเหน็ดเหนื่อยเพราะชื่อเสียง สายตาสู้ในอดีตไม่ได้แล้ว”“คงเป็นเช่นนั้น!”ปานปู้ไม่ปฏิเสธ “แต่ข้าอยากรู้เหตุผลที่องค์หญิงต้องละทิ้งสามเมืองชายแดน!”เสียเหยาถอนหายใจเบาๆ กล่าวถาม “สิ่งใดคือข้อได้เปรียบของเราในการต่อสู้กับต้าเฉียน?”“แน่นอนว่าเป็นการโจมตีก
ช่วงเวลาเพียงพริบตา วันส่งท้ายปีก็มาถึงแล้วแน่นอน ทั้งซั่วเป่ยไม่มีการฉลองส่งท้ายปีผู้คนจำนวนมากกังวลเกี่ยวกับสงครามที่กำลังจะเกิดขึ้นภายในค่ายทหารของซั่วฟางก็เช่นเดียวกัน ไม่มีบรรยากาศรื่นเริงใดแม้แต่น้อยคนมากมายลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าวันนี้เป็นวันส่งท้ายปีเป็นหยุนเจิงสั่งให้ทหารสูทกรรมทำอาหารข้ามปีให้กับทุกคน คนจำนวนมากจึงนึกได้ว่าวันส่งท้ายปีมาถึงแล้วเดิมทีหยุนเจิงวางแผนจะร่วมฉลองส่งท้ายปีกับทหารภายในค่ายแต่เวลาช่วงบ่าย เยี่ยจื่อกลับพาคนใช้และองครักษ์ภายในจวนมาถึงภายในค่ายสิ่งที่พวกเขานำมา มีเกี๊ยวแช่แข็งมากมาย“พี่สะใภ้ ท่านดีมากเลย!”เมื่อเห็นเกี๊ยวจำนวนมาก เสิ่นลั่วเยี่ยนกอดเยี่ยจื่อด้วยท่าทางเกินจริงเยี่ยจื่อหัวเราะมุมปาก เคาะหน้าผากเสิ่นลั่วเยี่ยนเบาๆ “พอแล้ว รีบปล่อยข้า เป็นคนแต่งงานแล้ว เหตุใดยังทำท่าทางเหมือนเด็กอีก”เสิ่นลั่วเยี่ยนหัวเราะสดใจปล่อยเยี่ยจื่อ “เป็นเด็กมีสิ่งใดไม่ดีกันเล่า? ไร้กังวลไร้ความกลัว ไม่เหมือนพวกเราตอนนี้ ทั้งวันกังวลผมแทบจะขาวโพลนหมดแล้ว”“เจ้ากังวลสิ่งใด?”เยี่ยจื่อกรอกตาบนมองนาง จากนั้นก็กล่าวเสียดสีหยุนเจิง “คนที่ควรกังวลที่สุดย
สถานการณ์ตรงหน้า วิกฤตเช่นนี้เลยหรือ?เมื่อเห็นท่าทางเยี่ยจื่อ หยุนเจิงอดไม่ได้ที่จะส่ายหน้าหัวเราะ “สถานการณ์ไม่ได้เลวร้ายเหมือนที่เจ้าคิด ข้าแค่พยายามทำให้แน่ใจว่าไม่มีอะไรผิดพลาดเท่านั้น!”“อื้ม ข้าเชื่อเจ้า!”เยี่ยจื่อฝืนยิ้มออกมา “พวกเจ้าเองก็ต้องระวัง เจ้าเป็นแม่ทัพหลัก ภารกิจสำคัญของเจ้าคือการจัดกำลังพล ไม่ใช่การบุกพิชิตข้าศึก! นอกจากนี้ เจ้าต้องห้ามเสิ่นลั่วเหยาไว้ด้วย เด็กคนนั้นสู้กันขึ้นมาก็รู้จักแต่วู่วาม”“ได้!”หยุนเจิงพยักหน้าขณะที่ทั้งสองคนสนทนากัน ร่างหนึ่งสวมชุดขนสัตว์สีขาวปรากฏตัวขึ้นทั้งร่างปกปิดอย่างแน่นหนา โผล่ออกมาแค่ดวงตาคู่เดียวครั้งแรกที่เห็นคนเช่นนี้ เยี่ยจื่ออดไม่ได้ที่จะตกใจ คิดว่ามีนักฆ่าโผล่มาจากที่ใด กำลังจะร้องตะโกนเรียกคน กลับถูกหยุนเจิงห้ามเอาไว้“คาราวะองค์ชาย!”ผู้มาก้มโค้งคาราวะหยุนเจิง“ไป คุยทางนั้น!”หยุนเจิงส่งสายตาให้ผู้มา เดินตามเขาไปด้านข้างอย่างรวดเร็ว กระซิบถาม “มีสถานการณ์ใด?”ผู้มาก้มหน้า กล่าวด้วยความละอาย “ตอนนี้ไม่มีมีสถานการณ์ ทัพใหญ่เป่ยหวนเส้นทางใต้จุดไฟอยู่เสมอ เมื่อคืนสวางไสวทั้งคืน พวกเรากลัวถูกพบเห็น จึงไม่กล้าเข
“อวี้กั๋วกงมาเพื่อสิ่งใด?”ตอนที่กำลังรอยู่ที่ประตูค่าย เสิ่นลั่วเยี่ยนถามด้วยความสงสัยหยุนเจิงยกยิ้มมุมปาก ตอบกลับ “ยังจะมาเพื่อสิ่งใด? ย่อมต้องมาเพื่อประกาศพระราชโองการ! ผลงานใหญ่ของพวกเราก่อนหน้านี้ เสด็จพ่อยังไม่ได้พระราชทานรางวัลเลย!”“รางวัล?”เสิ่นลั่วเยี่ยนตาเป็นประกาย “วันนี้เป็นวันส่งท้ายปี! อวี้กั๋วกงเร่งมาถึงในวันนี้ ดูเหมือนจงใจไปหน่อย!”“ย่อมต้องจงใจ!”หยุนเจิงพยักหน้ายิ้ม “บางที นี่อาจเป็นเรื่องประหลาดใจที่เสด็จพ่อเตรียมไว้ให้พวกเรากระมัง!”เรื่องประหลาดใจหรือ?เสิ่นลั่วเยี่ยนหัวเราะสดใจเรื่องประหลาดใจ นางไม่อยากคิดขอแค่ไม่ใช่เรื่องน่าตกใจกลัวก็พอแล้ว!พวกเขายืนรออยู่หน้าประตูค่ายประมาณสองเค่อ เซียวว่านโฉวในที่สุดก็พาขบวนคนและม้ามาถึงหยุนเจิงและเสิ่นลั่วเยี่ยนมองตากันเงียบๆ รีบเข้าไปต้อนรับ“ข้าน้อยหยุนเจิง คาราวะอวี๋กั๋วกง!”หยุนเจิงทำความเคารพเซียวว่านโฉวสำหรับเซียวว่านโฉวทหารผ่านศึกผู้ยืนหยัดในสงครามหลัก หยุนเจิงเลื่อมใสนัก“องค์ชาย ไม่ได้!”เซียวว่านโฉวรีบพยุงหยุนเจิง “ควรเป็นข้าที่คาราวะองค์ชายและพระชายาถึงจะถูก!”“อย่า อย่า!”หยุนเจิงโบกมือ
“ได้!”เซียวว่านโฉวตอบรับอย่างสบายรู้ว่าเซียวว่านโฉวร้อนใจ หยุนเจิงเองก็ไม่อ้อมค้อมกับเขาตอนที่เซียวว่านโฉวกำลังกินเกี๊ยว หยุนเจิงบอกเรื่องที่เขากับเสิ่นลั่วเยี่ยนไปติ้งเป่ยแนะนำแผนให้กับเว่ยเหวินจงโดยตรง รวมทั้งความขัดแย้งของพวกเขา ก็บอกกับเซียวว่านโฉวด้วยเช่นกันเมื่อได้ฟังคำของหยุนเจิง เซียวว่านโฉววางชามลง ครุ่นคิดเงียบๆหลังชั่วครู่ เซียวว่านโฉวสีหน้าจริงจังกล่าว “ด้วยมุมมองข้า เรื่องนี้ องค์ชายและเว่ยเหวินจงล้วนไม่ผิด! แผนที่องค์ชายเสนอปฏิบัติได้จริง แต่เวลาเพียงครึ่งเดียวทัพกำลังเสริมของราชสำนักไม่มีทางมาถึงทัน เว่ยเหวินจงยังต้องคิดถึงเรื่องภายหลัง เขาคิดถึงความเสียหาย ก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้”“ตอนนั้นเป็นข้าที่วู่วาวเกินไป”หยุนเจิงพยักหน้าเล็กน้อย “แต่สถานการณ์วิกฤติตรงหน้า หากเว่ยเหวินจงไม่มีวิธีที่ดีกว่านี้ ข้ากังวลว่ากองทัพสี่หมื่นของสุยหนิงคงเลือกที่จะฝ่าวงล้อม!”“อื้อ นี่ก็เป็นปัญหาใหญ่เช่นกัน!”เซียวว่านโฉวพยักหย้า “ข้าเข้าใจความหมายขององค์ชายแล้ว! ข้าจะรีบไปติ้งเป่ย หากไม่มีวิธีที่ดี ข้าจะโน้มน้าวให้เว่ยเหวินจงทำตามแผนการขององค์ชาย!”“เช่นนั้นก็ขอบคุณอวี๋กั๋
รางวัลของจักรพรรดิเหวิน ไม่นับว่าอลังการแต่ก็นับได้ว่าไม่เลวเหตุผลสำคัญคือ พวกตู้กุยหยวนล้วนเป็นทหารจวนหยุนเจิงต่อให้จักรพรรดิเหวินประทานรางวัลให้เพียงใด ก็ไม่สามารถประทานรางวัลให้พวกตู้กุยหยวนในฐานะแม่ทัพมิฉะนั้น หยุนเจิงเป็นท่านอ๋องและเป็นแม่ทัพที่มีอำนาจกุมทหาร เช่นนั้นจะกลายเป็นอะไร?รางวัลของจักรพรรดิเหวิน รวบรวมอยู่บนหัวของหยุนเจิงเป็นสำคัญ แล้วก็มีของพวกหลูซิ่งที่ไม่ใช่ทหารจวนหยุนเจิง ก็ได้รับรางวัลกันไม่น้อยตำแหน่งอย่างเป็นทางการของหยุนเจิงเปลี่ยนขั้นสามเป็นแม่ทัพผิงเป่ย บวกกับทรัพย์สมบัติมากมายพวกอวี๋ซื่อจงได้รับประทานรางวัลให้แค่ชุดเกราะชั้นดีเท่านั้น เสิ่นลั่วเยี่ยนได้ได้รับประทานรางวัลเป็นชุดคลุมขนสัตว์ที่ละเอียดปราณีตงดงามความหมายของจักรพรรดิเหวินนั้นชัดเจนมากตามผลงาน อวี๋ซื่อจง ตู้กุยหยวนและคนอื่น ล้วนสามารถได้รับประทานรางวัลดังเช่นแม่ทัพแต่เขาไม่สามารถเลื่อนตำแหน่งคนเหล่านั้น ทำได้เพียงประทานชุดเกราะขุนนางตามสมควรเท่านั้นนี่นับว่าเป็นการยอมรับผลงานของพวกเขาแล้วเงินทองเหล่านั้น ย่อมต้องให้หยุนเจิงเป็นผู้มอบให้กับพวกเขาตามผลงานน้อยใหญ่ของพวกหลู่ซิ่
“ลูก…ลูกสาวเพคะ”หมอตำแยที่ตกใจกับท่าทางของหยุนเจิงก่อนหน้านี้ เอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ“ลูกสาวดี! ลูกสาวดี!”หยุนเจิงพึมพำกับตัวเอง ก่อนก้มลงมองเด็กน้อยที่ยังคงร้องไห้เสียงดังไม่เหมือนหยุนชางเลย เด็กหญิงตัวน้อยคนนี้เกิดมาโดยแทบไม่มีริ้วรอยบนผิวเลย เพียงแค่ตัวแดงระเรื่อเท่านั้น“เจ้าตัวน้อย เจ้านี่เกือบทำให้แม่ของเจ้าสิ้นชีวิตเลยนะ…”เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ หัวใจของหยุนเจิงยังคงสั่นไหวเขาไม่อาจจินตนาการได้เลยว่า หากเขาสูญเสียเยี่ยจื่อไป เขาจะต้องเจ็บปวดเพียงใดโชคดีที่มันเป็นเพียงความหวาดกลัวลวงตา!“อุแว๊ๆ…”เด็กน้อยยังคงร้องไห้ และดูเหมือนเสียงของนางจะแจ่มชัดขึ้นเรื่อยๆหยุนเจิงลูบแผ่วเบาบนผ้าห่อตัวของนาง ก่อนหันไปมองหมอตำแยทั้งสามที่ยังยืนไม่มั่นใจ “ให้รางวัล! ให้รางวัลทุกคน! คนละห้าร้อยตำลึง!”ห้าร้อยตำลึง!?หมอตำแยทั้งสามแทบไม่เชื่อหูตัวเองท่านอ๋องผู้นี้ ช่างใจกว้างนัก!แค่เอ่ยปาก ก็แจกเงินรางวัลมากมายถึงเพียงนี้!“เอาล่ะ พวกเจ้าทำความสะอาดให้เรียบร้อยเถิด”หยุนเจิงเรียกสติหมอตำแย “เสร็จแล้วก็ไปรับรางวัลได้เลย”หยุนเจิงกล่าวจบ ก็กอดลูกสาวไปนั่งลงที่
“อ๊าก…”เสียงกรีดร้องของเยี่ยจื่อสะท้อนก้องอยู่ในหูของหยุนเจิง ราวกับสามารถฉีกหัวใจของเขาออกเป็นเสี่ยงๆ“พอแล้ว! อย่าคลอดแล้ว! ข้าไม่ต้องการลูกแล้ว! ข้าต้องการแค่เจ้า!”หยุนเจิงน้ำตาคลอเบ้า ส่ายศีรษะไปมาอย่างร้อนรน ก่อนจะหันไปตะโกนลั่นใส่หมอตำแยข้างๆ “ช่วยนางไว้! อย่าไปสนใจเด็ก!”เขากลัว!เขากลัวจริงๆ!แม้ว่าเขาจะไม่ใช่หมอ แต่เขาก็รู้ดีว่า หากพลาดแม้แต่นิดเดียว นางอาจตกเลือดหนักได้แม้แต่ในยุคปัจจุบัน การตกเลือดมากก็ยังยากที่จะรักษา แล้วนี่เป็นยุคโบราณ“ออกมาแล้ว! ออกมาแล้ว!”ขณะนั้นเอง หมอตำแยก็ร้องขึ้นด้วยเสียงตื่นเต้น“อุแว๊…”เสียงร้องแหลมใสของทารกดังขึ้นภายในห้องคลอด แต่ในขณะเดียวกัน เสียงของเยี่ยจื่อกลับเงียบลงอย่างกะทันหัน!หมอตำแยคนหนึ่งรีบเช็ดเลือดที่เปรอะเปื้อนตัวทารก ขณะที่อีกคนเตรียมห่อทารกในผ้าห่ม และหันไปแสดงความยินดีกับหยุนเจิง “ขอแสดงความยินดีด้วยพ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง เด็กน้อยเป็น…”“ช่างลูกก่อน! ดูจื่อเอ๋อร์ก่อนว่านางเป็นอย่างไรบ้าง!”หยุนเจิงตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยโทสะและความหวาดหวั่น มือของเขาที่กุมมือเยี่ยจื่อไว้สั่นเทาอย่างรุนแรงตอน
เสียงร้องของเยี่ยจื่อ ทำให้หัวใจของหยุนเจิงบีบรัดตามไปด้วย“จื่อเอ๋อร์! ข้ากลับมาแล้ว!”หยุนเจิงไม่สนใจพูดคุยกับเสิ่นลั่วเยี่ยนและคนอื่นๆ เขารีบพุ่งไปที่ประตู แล้วตะโกนเข้าไปข้างใน“สามี!”เสียงร้องเจ็บปวดของเยี่ยจื่อดังขึ้นอีกครั้งแม้หยุนเจิงจะมองไม่เห็นสถานการณ์ภายในห้อง แต่เขาก็นึกภาพออกว่าเยี่ยจื่อต้องเจ็บปวดเพียงใดหากเป็นไปได้ เขาอยากจะแบ่งเบาความเจ็บปวดของนาง“จื่อเอ๋อร์ อย่ากลัว! สามีอยู่ที่นี่กับเจ้า!”หยุนเจิงกล่าวปลอบ แล้วรีบหันไปถามเสิ่นลั่วเยี่ยน “จื่อเอ๋อร์เป็นอย่างไรบ้าง?”เสิ่นลั่วเยี่ยนที่ดวงตาแดงก่ำ แอบมองไปทางประตูห้อง ก่อนจะตอบเสียงแผ่วเบา “หมอตำแยบอกว่า ตำแหน่งของทารกไม่ค่อยปกติ อาจคลอดได้ยาก เมี่ยวอินก็กำลังช่วยอยู่ เราเองก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ยืนร้อนใจอยู่ข้างนอก……”ตำแหน่งทารกผิดปกติ!เมื่อได้ยินคำนี้ หัวใจของหยุนเจิงพลันเต้นรัวขึ้นมาทันที เขาหันขวับไปมองฮูหยินเสิ่นและเว่ยซวงที่ยืนอยู่ใกล้ๆพบว่าทั้งสองต่างมีดวงตาแดงก่ำ ใบหน้าหม่นหมอง เห็นได้ชัดว่ากระวนกระวายใจไม่น้อยหยุนเจิงเข้าใจทันทีว่า เสิ่นลั่วเยี่ยนคงไม่อยากให้เขากังวลเกินไป จึงบอกเพียงว่าคลอ
ไม่กี่วันต่อมา ขณะที่หยุนเจิงอยู่ที่จิงหยางฝู่ เขาได้รับข่าวสารฮั่วเหวินจิ้งตายแล้ว!ไม่ได้ถูกฆ่าปิดปาก แต่ตายเพราะป่วย!หยุนเจิงคาดว่า ฮั่วเหวินจิ้งคงเสียชีวิตเพราะบาดแผลติดเชื้อเมื่อได้รับข่าวนี้ หยุนเจิงแทบอยากจะด่าหยุนลี่ว่าโง่เง่าเป็นหมูเสียจริงทำไมเขาถึงไม่ใช้วิธีทรมานก่อน แล้วค่อยให้หมอรักษาไว้ล่ะ?อีกแค่ก้าวเดียว เขากำลังจะสาวไปถึงตัวการเบื้องหลังได้อยู่แล้วแท้ๆ แต่ฮั่วเหวินจิ้งกลับมาตายเสียก่อนมันเหมือนกับฟ้ากำลังเล่นตลกกับเขา!สิ่งเดียวที่พอทำให้โล่งใจได้บ้างคือ อีกาดำและอีกาขาวต่างได้รับความเสียหายหนัก คนของเขาที่แทรกซึมอยู่ในอีกาดำ น่าจะสามารถก้าวขึ้นไปอีกขั้นหนึ่งได้หากสามารถทำให้คนของเขากลายเป็นหัวหน้าของอีกาดำได้ ก็คงดี!แต่ไม่รู้ว่าเงาสอง ที่ร่วมเดินทางไปเมืองหลวงเพื่อฆ่าปิดปาก ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ขอให้รอดปลอดภัยเถอะ!หยุนเจิงถอนหายใจเงียบๆ ก่อนลุกขึ้นยืนในเมื่อฮั่วเหวินจิ้งตายไปแล้ว เขาก็ไม่ต้องรอสอบสวนอะไรอีกเรื่องที่เหลือ ก็ปล่อยให้ทัวฮวนจัดการไปก็แล้วกัน!“ส่งคำสั่งถึงอวี่ซื่อจง ให้เหลือทหารห้าพันนายประจำการอยู่ที่นี่ ภายใต้การบัญชาของรองแม่ท
“ลูกเข้าใจพ่ะย่ะค่ะ!”หยุนลี่รีบรับคำสั่ง“จำไว้! ฮั่วเหวินจิ้งถูกนักฆ่าสังหาร ไม่ใช่ตายเพราะป่วย!”จักรพรรดิเหวินกล่าวเตือนหยุนลี่ด้วยใบหน้าเย็นชา ก่อนเสด็จออกจากจวนองค์รัชทายาทแม้จะนั่งอยู่ในเกี้ยวแล้ว แต่เพลิงโทสะของจักรพรรดิเหวินยังคงลุกโชนไม่มอดอย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความโกรธเกรี้ยวในพระทัย ก็ยังมีความรู้สึกซับซ้อนบางอย่างซ่อนอยู่เขารู้ดีว่าฮั่วเหวินจิ้งไม่ใช่คนของหยุนเจิงหากสามารถเค้นเอาความจริงจากฮั่วเหวินจิ้งได้ จนรู้ว่าใครอยู่เบื้องหลัง บางทีพระองค์เองอาจไม่รู้ว่าควรจัดการอย่างไรหากเป็นพระโอรสองค์ใดองค์หนึ่ง หรือแม้แต่นางสนมคนใดคนหนึ่งของพระองค์ พระองค์จะต้องลงพระอาญาสังหารพวกเขาด้วยพระองค์เองอย่างนั้นหรือ?หากเรื่องนี้ทำให้คนที่รอดพ้นจากเคราะห์ครั้งนี้ได้สำนึกและเลิกล้มความคิดที่จะก่อความวุ่นวาย นั่นก็คงเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับตัวการเบื้องหลังของฮั่วเหวินจิ้ง จักรพรรดิเหวินเองก็พอมีข้อสันนิษฐานอยู่ในพระทัยแต่เป็นเพียงแค่ข้อสันนิษฐาน พระองค์ยังไม่สามารถสรุปได้แน่ชัดยิ่งไปกว่านั้น คนที่พระองค์สงสัยมีอยู่หลายคน ทำให้ไม่อาจฟันธงได้ว่าเป็นผู้ใดกันแน่ดูเหมือ
ภายในพระราชวัง จักรพรรดิเหวินและหยุนลี่กำลังตรวจสอบข่าวเร่งด่วนจากเมืองฝูโจวอย่างไรก็ตาม ทั้งสองเพียงกวาดตามองก็ขว้างเอกสารฉบับนั้นทิ้งด้วยความโกรธอย่าว่าแต่หยุนลี่เลย แม้แต่จักรพรรดิเหวินก็อดด่าหยุนเจิงในใจไม่ได้ลูกอกตัญญูผู้นี้ ชักจะเหลวไหลขึ้นทุกวันเรื่องเล็กน้อยแค่ไหนก็กล้าใช้ชื่อข่าวเร่งด่วนทางทหารส่งมาถึงเมืองหลวงนี่เป็นครั้งที่สองแล้ว!ข่าวเร่งด่วนทางทหารถูกเขาใช้เป็นของเล่นไปแล้ว!คราวหน้า ถ้าเจอตัวเจ้าเด็กเหลือขอนั่น ข้าจะเตะมันให้กระอักสองทีแน่!“กราบทูลฝ่าบาท องค์รัชทายาทฝ่าบาท กองกำลังของกระหม่อมถูกลอบโจมตีโดยนักฆ่าที่ถนนเป่ยเจีย……”ขณะที่จักรพรรดิเหวินและหยุนลี่กำลังเดือดดาลกับหยุนเจิง เฉียวเหยียนเซียนก็ส่งคนมาแจ้งข่าวนักฆ่าหลายสิบคนที่ร่วมมือกันสังหารฮั่วเหวินจิ้งและครอบครัว ถูกสังหารหรือถูกจับกุมเป็นส่วนใหญ่มีเพียงไม่กี่คนที่ฉวยโอกาสความชุลมุนหลบหนีไปได้ครั้งนี้ การวางแผนของพวกเขารัดกุมยิ่งนักหากไม่ใช่เพราะพลส่งสารข่าวเร่งด่วนโผล่มาขัดจังหวะ คงไม่มีทางที่นักฆ่าจะรอดไปได้เลยนอกจากนี้ พวกเขายังพบหน้าไม้ทรงอานุภาพจำนวนมากในที่เกิดเหตุเมื่อรายงานมาถ
ขณะที่เฉียวเหยียนเซียนนำกำลังคุมตัวนักโทษผ่านถนนเป่ยเจีย หน้าต่างบนหอคอยของอาคารสองหลังที่อยู่สองฟากถนนค่อยๆ เปิดออกเล็กน้อยหน้าไม้จำนวนมากถูกเล็งออกมาจากช่องหน้าต่างโดยไร้เสียง เพียงแค่รอให้กรงนักโทษเข้าสู่ระยะยิง พวกเขาก็จะลงมือทันทีขบวนคุ้มกันเข้าใกล้พวกเขามากขึ้นเรื่อยๆ เงาสองก็เตรียมพร้อมเช่นกันเขาไม่รู้ว่าฮั่วเหวินจิ้งมีความสำคัญต่อหยุนเจิงเพื่อให้ได้รับความไว้วางใจจากอีกาดำมากขึ้น เขาจำเป็นต้องร่วมมือสังหารเหล่านักโทษเหล่านี้แต่เขาก็รู้ดีว่า หากลงมือแล้ว การจะหลบหนีออกจากเมืองหลวงไม่ใช่เรื่องง่ายแต่เขาต้องรอด!ส่วนหนึ่งเพราะเขาไม่ต้องการตาย อีกส่วนหนึ่งก็เพราะ หากเขารอด เขาจะมีโอกาสพบกับผู้ที่คอยสนับสนุนการหลบหนีของพวกเขาและบุคคลนี้ อาจเป็นกุญแจสำคัญในการเปิดโปงผู้อยู่เบื้องหลังตัวจริง!เงาสองครุ่นคิดเงียบๆ พร้อมเหลือบมองหน้าไม้ในมือพวกเขาปลอมตัวเป็นพ่อค้าเพื่อแฝงตัวเข้าเมืองหลวง ย่อมไม่สามารถพกพาอาวุธเหล่านี้มาเองได้หน้าไม้เหล่านี้ถูกเตรียมไว้ล่วงหน้า ถูกซุกซ่อนไว้ที่เนินเขาเหมียวเอ่อร์ซานสิ่งเหล่านี้เป็นอาวุธของกองทัพ!แม้ทางราชสำนักจะควบคุมอาวุธประเภทนี
“ฝ่าบาท เงาสามแจ้งข่าวด่วน!”จิงหยางฟู่ เสิ่นควานถือจดหมายฉบับหนึ่ง รีบรุดเข้ามาด้วยท่าทีเร่งรีบเงาสาม?นี่เป็นหนึ่งในคนที่สามารถแทรกซึมเข้าไปในอีกาดำได้สำเร็จเงาสามส่งข่าวด่วนมา ดูท่าแล้ว อีกาดำคงจะลงมือแล้วแน่หากไม่มีอะไรผิดพลาด อีกาดำน่าจะต้องการสังหารฮั่วเหวินจิ้งเพื่อกำจัดภัยร้ายอย่างสิ้นซาก!หยุนเจิงครุ่นคิดไปพลาง รับจดหมายจากเสิ่นควานและเปิดออกดูเมื่อเห็นเนื้อหาในจดหมาย หยุนเจิงก็ขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัวข่าวที่เงาสามส่งมา ตรงกับที่เขาคาดการณ์ไว้ไม่มีผิดหัวหน้าอีกาดำและอีกาขาวนำทัพมาด้วยตนเอง ต้องการฆ่าฮั่วเหวินจิ้งให้ได้!แม้แต่เงาสองก็ถูกเลือกให้เข้าร่วมภารกิจลอบสังหารครั้งนี้ตอนนี้ พวกเขาได้รับเพียงคำสั่งให้เตรียมพร้อม แต่ยังไม่รู้เวลาและสถานที่ลงมือที่แน่ชัดหัวหน้าอีกาดำและอีกาขาวตั้งใจปกปิดข้อมูล ไม่ให้ผู้ใดซักถาม ใครที่ร่วมภารกิจก็แค่ทำตามคำสั่งในขณะลงมือเท่านั้นพวกเขากลัวว่าจะถูกสงสัย จึงไม่กล้าไต่ถามอะไรมากข่าวที่เงาสามส่งกลับมา สำหรับหยุนเจิงแล้ว ไม่ใช่ข่าวดีเลยเขายอมจ่ายเงินกว่าล้านตำลึงเพื่อให้ครอบครัวฮั่วเหวินจิ้งปลอดภัยและมาถึงมือเขาแต่ตอนนี
หญิงสาวนิ่งเงียบ ทำอย่างไรดี? นางเองก็อยากหาคนมาปรึกษา ว่าควรทำเช่นไรในสถานการณ์นี้ แต่เวลานี้… เกรงว่าคงไม่มีผู้ใดสามารถให้คำตอบแก่นางได้ ไม่นึกเลยว่า… แผนการที่นางวางมาอย่างรอบคอบมายาวนาน กลับจะพังทลายลงในมือของหยุนลี่! เฮ้อ! นางทอดถอนใจยาวในใจ แต่ในดวงตากลับปรากฏประกายเย็นยะเยือก "ไม่ว่าอย่างไร… ฮั่วเหวินจิ้งต้องไม่มีชีวิตรอดไปถึงมือหยุนเจิง! หากไร้ซึ่งความกังวลเรื่องครอบครัว ฮั่วเหวินจิ้งจะต้องเปิดโปงเราทั้งหมดแน่!" นางรู้ดีว่าฮั่วเหวินจิ้งกำลังกังวลสิ่งใด สิ่งที่ฮั่วเหวินจิ้งกังวลที่สุดในตอนนี้ คือความปลอดภัยของครอบครัว เขาจึงไม่กล้าเปิดโปงนางออกไป แต่หากครอบครัวของฮั่วเหวินจิ้งถูกส่งไปถึงมือหยุนเจิงอย่างปลอดภัย เช่นนั้น เขาย่อมไม่มีเหตุผลใดให้ปิดปากอีกต่อไป! ระหว่างหยุนลี่กับหยุนเจิง นางเกรงกลัวหยุนเจิงมากกว่า เพราะหยุนเจิงคือผู้กุมอำนาจกองทัพ… หากหยุนเจิงรู้ว่า ผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดนี้คือตัวนางเอง เช่นนั้น… นางคงหนีไม่พ้นความตาย! ไม่ใช่แค่หยุนเจิง… แม้แต่หยุนลี่ หรือแม้กระทั่งองค์จักรพรรดิ… ก็คงไม่ปล่อยนางไปเช่นกัน! เมื่อได้ยินเช่