ช่วงเวลาเพียงพริบตา วันส่งท้ายปีก็มาถึงแล้วแน่นอน ทั้งซั่วเป่ยไม่มีการฉลองส่งท้ายปีผู้คนจำนวนมากกังวลเกี่ยวกับสงครามที่กำลังจะเกิดขึ้นภายในค่ายทหารของซั่วฟางก็เช่นเดียวกัน ไม่มีบรรยากาศรื่นเริงใดแม้แต่น้อยคนมากมายลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าวันนี้เป็นวันส่งท้ายปีเป็นหยุนเจิงสั่งให้ทหารสูทกรรมทำอาหารข้ามปีให้กับทุกคน คนจำนวนมากจึงนึกได้ว่าวันส่งท้ายปีมาถึงแล้วเดิมทีหยุนเจิงวางแผนจะร่วมฉลองส่งท้ายปีกับทหารภายในค่ายแต่เวลาช่วงบ่าย เยี่ยจื่อกลับพาคนใช้และองครักษ์ภายในจวนมาถึงภายในค่ายสิ่งที่พวกเขานำมา มีเกี๊ยวแช่แข็งมากมาย“พี่สะใภ้ ท่านดีมากเลย!”เมื่อเห็นเกี๊ยวจำนวนมาก เสิ่นลั่วเยี่ยนกอดเยี่ยจื่อด้วยท่าทางเกินจริงเยี่ยจื่อหัวเราะมุมปาก เคาะหน้าผากเสิ่นลั่วเยี่ยนเบาๆ “พอแล้ว รีบปล่อยข้า เป็นคนแต่งงานแล้ว เหตุใดยังทำท่าทางเหมือนเด็กอีก”เสิ่นลั่วเยี่ยนหัวเราะสดใจปล่อยเยี่ยจื่อ “เป็นเด็กมีสิ่งใดไม่ดีกันเล่า? ไร้กังวลไร้ความกลัว ไม่เหมือนพวกเราตอนนี้ ทั้งวันกังวลผมแทบจะขาวโพลนหมดแล้ว”“เจ้ากังวลสิ่งใด?”เยี่ยจื่อกรอกตาบนมองนาง จากนั้นก็กล่าวเสียดสีหยุนเจิง “คนที่ควรกังวลที่สุดย
สถานการณ์ตรงหน้า วิกฤตเช่นนี้เลยหรือ?เมื่อเห็นท่าทางเยี่ยจื่อ หยุนเจิงอดไม่ได้ที่จะส่ายหน้าหัวเราะ “สถานการณ์ไม่ได้เลวร้ายเหมือนที่เจ้าคิด ข้าแค่พยายามทำให้แน่ใจว่าไม่มีอะไรผิดพลาดเท่านั้น!”“อื้ม ข้าเชื่อเจ้า!”เยี่ยจื่อฝืนยิ้มออกมา “พวกเจ้าเองก็ต้องระวัง เจ้าเป็นแม่ทัพหลัก ภารกิจสำคัญของเจ้าคือการจัดกำลังพล ไม่ใช่การบุกพิชิตข้าศึก! นอกจากนี้ เจ้าต้องห้ามเสิ่นลั่วเหยาไว้ด้วย เด็กคนนั้นสู้กันขึ้นมาก็รู้จักแต่วู่วาม”“ได้!”หยุนเจิงพยักหน้าขณะที่ทั้งสองคนสนทนากัน ร่างหนึ่งสวมชุดขนสัตว์สีขาวปรากฏตัวขึ้นทั้งร่างปกปิดอย่างแน่นหนา โผล่ออกมาแค่ดวงตาคู่เดียวครั้งแรกที่เห็นคนเช่นนี้ เยี่ยจื่ออดไม่ได้ที่จะตกใจ คิดว่ามีนักฆ่าโผล่มาจากที่ใด กำลังจะร้องตะโกนเรียกคน กลับถูกหยุนเจิงห้ามเอาไว้“คาราวะองค์ชาย!”ผู้มาก้มโค้งคาราวะหยุนเจิง“ไป คุยทางนั้น!”หยุนเจิงส่งสายตาให้ผู้มา เดินตามเขาไปด้านข้างอย่างรวดเร็ว กระซิบถาม “มีสถานการณ์ใด?”ผู้มาก้มหน้า กล่าวด้วยความละอาย “ตอนนี้ไม่มีมีสถานการณ์ ทัพใหญ่เป่ยหวนเส้นทางใต้จุดไฟอยู่เสมอ เมื่อคืนสวางไสวทั้งคืน พวกเรากลัวถูกพบเห็น จึงไม่กล้าเข
“อวี้กั๋วกงมาเพื่อสิ่งใด?”ตอนที่กำลังรอยู่ที่ประตูค่าย เสิ่นลั่วเยี่ยนถามด้วยความสงสัยหยุนเจิงยกยิ้มมุมปาก ตอบกลับ “ยังจะมาเพื่อสิ่งใด? ย่อมต้องมาเพื่อประกาศพระราชโองการ! ผลงานใหญ่ของพวกเราก่อนหน้านี้ เสด็จพ่อยังไม่ได้พระราชทานรางวัลเลย!”“รางวัล?”เสิ่นลั่วเยี่ยนตาเป็นประกาย “วันนี้เป็นวันส่งท้ายปี! อวี้กั๋วกงเร่งมาถึงในวันนี้ ดูเหมือนจงใจไปหน่อย!”“ย่อมต้องจงใจ!”หยุนเจิงพยักหน้ายิ้ม “บางที นี่อาจเป็นเรื่องประหลาดใจที่เสด็จพ่อเตรียมไว้ให้พวกเรากระมัง!”เรื่องประหลาดใจหรือ?เสิ่นลั่วเยี่ยนหัวเราะสดใจเรื่องประหลาดใจ นางไม่อยากคิดขอแค่ไม่ใช่เรื่องน่าตกใจกลัวก็พอแล้ว!พวกเขายืนรออยู่หน้าประตูค่ายประมาณสองเค่อ เซียวว่านโฉวในที่สุดก็พาขบวนคนและม้ามาถึงหยุนเจิงและเสิ่นลั่วเยี่ยนมองตากันเงียบๆ รีบเข้าไปต้อนรับ“ข้าน้อยหยุนเจิง คาราวะอวี๋กั๋วกง!”หยุนเจิงทำความเคารพเซียวว่านโฉวสำหรับเซียวว่านโฉวทหารผ่านศึกผู้ยืนหยัดในสงครามหลัก หยุนเจิงเลื่อมใสนัก“องค์ชาย ไม่ได้!”เซียวว่านโฉวรีบพยุงหยุนเจิง “ควรเป็นข้าที่คาราวะองค์ชายและพระชายาถึงจะถูก!”“อย่า อย่า!”หยุนเจิงโบกมือ
“ได้!”เซียวว่านโฉวตอบรับอย่างสบายรู้ว่าเซียวว่านโฉวร้อนใจ หยุนเจิงเองก็ไม่อ้อมค้อมกับเขาตอนที่เซียวว่านโฉวกำลังกินเกี๊ยว หยุนเจิงบอกเรื่องที่เขากับเสิ่นลั่วเยี่ยนไปติ้งเป่ยแนะนำแผนให้กับเว่ยเหวินจงโดยตรง รวมทั้งความขัดแย้งของพวกเขา ก็บอกกับเซียวว่านโฉวด้วยเช่นกันเมื่อได้ฟังคำของหยุนเจิง เซียวว่านโฉววางชามลง ครุ่นคิดเงียบๆหลังชั่วครู่ เซียวว่านโฉวสีหน้าจริงจังกล่าว “ด้วยมุมมองข้า เรื่องนี้ องค์ชายและเว่ยเหวินจงล้วนไม่ผิด! แผนที่องค์ชายเสนอปฏิบัติได้จริง แต่เวลาเพียงครึ่งเดียวทัพกำลังเสริมของราชสำนักไม่มีทางมาถึงทัน เว่ยเหวินจงยังต้องคิดถึงเรื่องภายหลัง เขาคิดถึงความเสียหาย ก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้”“ตอนนั้นเป็นข้าที่วู่วาวเกินไป”หยุนเจิงพยักหน้าเล็กน้อย “แต่สถานการณ์วิกฤติตรงหน้า หากเว่ยเหวินจงไม่มีวิธีที่ดีกว่านี้ ข้ากังวลว่ากองทัพสี่หมื่นของสุยหนิงคงเลือกที่จะฝ่าวงล้อม!”“อื้อ นี่ก็เป็นปัญหาใหญ่เช่นกัน!”เซียวว่านโฉวพยักหย้า “ข้าเข้าใจความหมายขององค์ชายแล้ว! ข้าจะรีบไปติ้งเป่ย หากไม่มีวิธีที่ดี ข้าจะโน้มน้าวให้เว่ยเหวินจงทำตามแผนการขององค์ชาย!”“เช่นนั้นก็ขอบคุณอวี๋กั๋
รางวัลของจักรพรรดิเหวิน ไม่นับว่าอลังการแต่ก็นับได้ว่าไม่เลวเหตุผลสำคัญคือ พวกตู้กุยหยวนล้วนเป็นทหารจวนหยุนเจิงต่อให้จักรพรรดิเหวินประทานรางวัลให้เพียงใด ก็ไม่สามารถประทานรางวัลให้พวกตู้กุยหยวนในฐานะแม่ทัพมิฉะนั้น หยุนเจิงเป็นท่านอ๋องและเป็นแม่ทัพที่มีอำนาจกุมทหาร เช่นนั้นจะกลายเป็นอะไร?รางวัลของจักรพรรดิเหวิน รวบรวมอยู่บนหัวของหยุนเจิงเป็นสำคัญ แล้วก็มีของพวกหลูซิ่งที่ไม่ใช่ทหารจวนหยุนเจิง ก็ได้รับรางวัลกันไม่น้อยตำแหน่งอย่างเป็นทางการของหยุนเจิงเปลี่ยนขั้นสามเป็นแม่ทัพผิงเป่ย บวกกับทรัพย์สมบัติมากมายพวกอวี๋ซื่อจงได้รับประทานรางวัลให้แค่ชุดเกราะชั้นดีเท่านั้น เสิ่นลั่วเยี่ยนได้ได้รับประทานรางวัลเป็นชุดคลุมขนสัตว์ที่ละเอียดปราณีตงดงามความหมายของจักรพรรดิเหวินนั้นชัดเจนมากตามผลงาน อวี๋ซื่อจง ตู้กุยหยวนและคนอื่น ล้วนสามารถได้รับประทานรางวัลดังเช่นแม่ทัพแต่เขาไม่สามารถเลื่อนตำแหน่งคนเหล่านั้น ทำได้เพียงประทานชุดเกราะขุนนางตามสมควรเท่านั้นนี่นับว่าเป็นการยอมรับผลงานของพวกเขาแล้วเงินทองเหล่านั้น ย่อมต้องให้หยุนเจิงเป็นผู้มอบให้กับพวกเขาตามผลงานน้อยใหญ่ของพวกหลู่ซิ่
ชานเจียงเคยได้ยิน ชานอี้เคยได้ฟัง!อันหนึ่งตำแหน่งขุนนางบุ๋น อันหนึ่งตำแหน่งขุนนางบู้แต่ชานจือนี่ พวกเขาไม่เคยได้ยินมาก่อนรู้แค่ชานจือ แต่ทำสิ่งใดนั้น ราชโองการจักรพรรดิเหวินก็ไม่ได้บอกเอาไว้!เมื่อเห็นทุกคนล้วนไม่รู้จักตำแหน่งขุนนางนี้ทำสิ่งใด จางซูอดไม่ได้ที่จะตกใจ “ฝ่าบาทเพื่อประทานตำแหน่งขุนนางให้ข้า คงไม่ตั้งตำแหน่งขุนนางโดยเฉพาะออกมาหรอกกระมัง?”“นี่...อาจเป็นไปได้!”หยุนเจิงยิ้มด้วยความประหลาดใจ “เจ้าได้เป็นข้าราชการก็พอแล้ว!”จางซูชะงักเล็กน้อย กล่าวด้วยความตกใจ “พูดเช่นนี้ ข้าคงไม่ใช่คนเดียวที่ได้ขุนนางตำแหน่งนี้ของต้าเฉียนเรา?”หยุนเจิงพยักหน้าเล็กน้อย “น่าจะใช่!”จางซูเมื่อได้ฟัง ทันใดนั้นก็หัวเราะออกมาเสียงดัง “นี่ฝ่าบาทตั้งตำแหน่งขุนนางให้ข้าโดยเฉพาะเชียวนะ! ดีกว่ามีใบรับรองบัณฑิตจากสำนักศึกษาหัวเหวินเยอะเลย! วะฮ่าๆ...”จางซูหัวเราะเสียงดังอย่างสะใจ ทำเอาคนมองหน้าเป็นแถบสีดำทว่า เมื่อคิดถี่ถ้วน เรื่องนี้ก็นับว่ามีหน้ามีตามากแม้ตำแหน่งขุนนางนี้ไม่มีอำนาจใด แต่จักรพรรดิเหวินจงใจสร้างขึ้นให้จางซูโดยเฉพาะ!คำพูดนี้กล่าวออกไป นับว่ามีหน้ามีตาเช่นกัน!“เอาล่ะ เ
หลังจากการรวมตัวกันอย่างเรียบง่าย หยุนเจิงสั่งให้พวกเยี่ยจื่อกลับไปก่อนก่อนออกเดินทางก็กำชับอีกครั้ง ให้พวกนางรีบเดินทางไปยังถ้ำซ่อนทหารกลางคืน เสิ่นลั่วเยี่ยนและเมี่ยวอินนั่งประกบหยุนเจิงซ้ายขวาทั้งสามครล้วนไม่พูดจา แค่นั่งโง่ๆ อยู่เช่นนั้นหากมีคนโผล่เข้ามา คงคิดว่าสามคนนี้ล้วนเอ๋อไปแล้ว!เพียงแต่ ในสมองของหยุนเจิงกำลังคิดการวางกำลังอย่างสมบูรณ์ ส่วนเสิ่นลั่วเยี่ยนและเมี่ยวอินคิดสิ่งใดอยู่ เขาเองก็ไม่รู้เช่นกันหยุนเจิงทบทวนแผนการทั้หมดภายในสมองอีกรอบ จึงจะสลัดความคิดของตัวเองออกไปหันหน้ามองไป หญิงสาวทั้งสองต่างก็เบิกตากว้าง ทว่าดวงตาทั้งสองข้างกลับเหม่อลอยเห็นได้ชัด หญิงทั้งสองกำลังคิดเรื่องในใจ“ข้าว่า พวกเจ้ากำลังทำสิ่งใด?”หยุนเจิงโอบกอดหญิงสาวคนละข้าง “พวกเจ้าคงไม่ได้กำลังคิดถึงครอบครัวตัวเองหรอกกระมัง?”ถูกหยุนเจิงถาม ทั้งสองสาวจึงหลุดออกจากความคิดเสิ่นลั่วเยี่ยนไม่ได้ปัดมือหยุนเจิงที่วางไว้ที่เอวออก จากนั้นก็กล่าวพึมพำ “ไม่รู้ว่าท่านแม่และพวกพี่สะใภ้จะฉลองวันส่งท้ายปีกันสนุกหรือไม่?”“น่าจะไม่สนุกกระมัง?”หยุนเจิงกล่าว “พวกนางคงกำลังเป็นห่วงพวกเรา”“เจ้าพู
เจียเหยายืนอยู่ตรงทางเข้ากระโจม มองดูทหารเหล่านั้นแข่งขันกันอย่างเงียบๆ ในใจผิดหวังเล็กน้อยดูเหมือน กองทัพที่ป้อมเมืองสุยหนิงจะไม่มาโจมตีค่ายแล้วเดิมนางคิดว่า หากกองทัพเมืองสุยหนิงคิดจะจัดการพวกเขา พวกเขาก็จะเอาชนะกองทัพของเมืองสุยหนิงได้ในคราวเดียว จากนั้นก็ยึดครองเมืองสุยหนิงเช่นนี้ ก็ไม่จำเป็นต้องเปลืองเวลาไปบุกโจมตีซั่วฟางแล้วแต่กองทัพของเมืองสุยหนิงไม่ให้โอกาสนางต่อไป คงต้องไปสนใจเมืองซั่วฟางแล้ว!ช่างเถอะ!พอดีเลย นางก็อยากเจอกับหยุนเจิงที่ทำให้อาจารย์หมดความมั่นใจ!หากสามารถจับหยุนเจิงได้ ย่อมดีที่สุดขณะที่เจียเหยากำลังวางแผนเงีนยๆ ปานปู้ก็รีบร้อนเดินเข้ามาเมื่อเห็นสีหน้าของปานปู้ เจียงเหยาก็รู้ว่าเขามีเรื่องสำคัญจะรายกงาน จึงเชิญปานปู้เข้าไปคุยกันในกระโจม“องค์หญิง หน่วยสอดแนมของพวกเราได้รับข่าวสำคัญ!”เมื่อเดินเข้าไปในกระโจม ปานปู้กล่าวอย่างร้อนใจ “เมื่อคืนหยุนเจิงไปที่ติ้งเป่ย เหมือนจะเกิดความขัดแย้งกับเว่ยเหวิจง ด่าเว่ยเหวินจงตลอดเส้นทางที่ออกจากเมืองติ้งเป่ย”“เขาด่าสิ่งใด?” เจียเหยาถามด้วยความสนใจปานปู้ตอบ “ด่าเว่ยเหวินจงขี้ขลาดกลัวตาย ใจเสาะ”เช่นนั