เมื่อสิ้นเสียงของหยุนเจิง ในกระโจมพลันเงียบสงัดไร้เสียงทุกคนต่างพากันนึกถึงสิ่งที่หยุนเจิงพูด และความเป็นไปได้ของสิ่งที่หยุนเจิงพูดไม่ต้องสงสัยเลยว่าสำหรับเป่ยหวน การโจมตีกองทหารสายหนึ่งย่อมง่ายกว่าการโจมตีกองทัพที่เตรียมพร้อมอยู่แล้วของกองทหารมณฑลฝ่ายเหนือแน่นอนยิ่งกว่านั้น เป่ยหวนยังเสียเปรียบให้กับหยุนเจิงอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นจึงมีเหตุผลที่ต้องการกำจัดหยุนเจิงแน่นอนเป่ยหวนวางท่าล้อมป้อมเมืองสุยหนิง และบังคับให้กองทหารทหารมณฑลฝ่ายเหนือออกมาช่วย เพียงแค่ทำให้พวกเขาดูเท่านั้น!ความทะเยอทะยานของเป่ยหวนไม่ใช่แค่ต้องการทำให้เสียเปรียบทั้งสองอย่างเท่านั้น!แต่เป่ยหวนต้องการเอาชนะกองทหารมณฑลฝ่ายเหนือในคราวเดียว และยังต้องการสังหารหยุนเจิงที่ทำให้พวกเขาต้องเสียเปรียบซ้ำแล้วซ้ำเล่าด้วย!“การวิเคราะห์ขององค์ชายเป็นไปได้อย่างยิ่ง!”“ใช่ นี่อาจเป็นสิ่งที่เป่ยหวนคิด!”“แม้ว่าพวกเขาจะยึดป้อมเมืองสุยหนิงไม่ได้ ตราบใดที่พวกเขาเอาชนะเราได้ ก็ล้วนสามารถโจมตีเราจากหุบผาชันช่องลมแล้วกลับสู่ดินแดนเป่ยหวนได้!”"มีเพียงเรื่องคาดไม่ถึงเท่านั้นที่จะได้ผลลัพธ์อันน่าอัศจรรย์..."ฝูงชนวิจารณ์กัน
แต่เจ้ากลับไล่พวกเขาออกไปโดยไม่ทำอะไรเลย เช่นนั้นในใจเจ้าก็ต้องไม่พอใจอยู่แล้ว!อย่างน้อยเจ้าก็ต้องเก็บก้อนหินมาสักสองสามก้อนแล้วปาใส่ศีรษะของโจรพวกนั้นให้นูนออกมาเป็นก้อน!ฟังคำอุปมาของหยุนเจิงแล้ว ทุกคนก็อดหัวเราะไม่ได้เมื่อมีกลยุทธ์ที่ดีในการบังคับให้กองทหารใหญ่เป่ยหวนถอยทัพแล้ว ทุกคนรู้สึกกดดันน้อยลง“องค์ชาย หากเป่ยหวนฆ่าม้าศึกเพื่อเติมเสบียงให้กับกองทัพจริงๆ เช่นนั้นตอนนี้พวกเขาก็เสียเปรียบมากแล้ว! หากถอยทัพโดยไม่ได้โจมตีเลย เช่นนั้นเป่ยหวนก็เสียเปรียบไปถึงรุ่นย่าทวดแล้ว คนเป่ยหวนน่ะสิต้องหดหู่”“ถูกต้อง! พวกเขาโจมตีโขดเป่ยหยวนและมีผู้เสียชีวิตจำนวนไม่น้อยเช่นกัน!”"ตราบใดที่เราสามารถบังคับให้เป่ยหวนถอยทัพได้โดยสูญเสียน้อยที่สุด เช่นนั้นเราก็ชนะแล้ว!""ใช่ๆ…”ทุกคนต่างปลอบโยนหยุนเจิงที่ไม่สบายใจหากทุกอย่างเป็นไปตามที่หยุนเจิงคาดไว้ ผู้บัญชาการหลักของเป่ยหวนถึงต้องเป็นคนที่ต้องกระอักเลือด"ไม่ได้!"หยุนเจิงส่ายศีรษะแล้วพูดหนักแน่นว่า "ข้าต้องได้ฉีกเนื้อคนเป่ยหวนให้ได้!"เมื่อเห็นแววตามุ่งมั่นของหยุนเจิง ทุกคนต่างกลืนไม่เข้าคายไม่ออกเขาไม่ยอมปล่อยโดยไม่เอาเปรียบคนอื
เมืองติ้งเป่ย ณ จวนแม่ทัพใหญ่เจิ้นเป่ยถูกกองทหารใหญ่เป่ยหวนเล่นงานอย่างไม่ทันตั้งตัวเข้า หลังจากประสบกับความตื่นตระหนกและความโกรธในช่วงแรก ในที่สุดเว่ยเหวินจงก็สงบลงได้อย่างรวดเร็วเขารู้ดีว่าเป่ยหวนกำลังล้อมป้อมเมืองสุยหนิงโดยไม่โจมตี เพื่อรอเขาส่งคนไปช่วยเหลือกองทหารรักษาการณ์ของป้อมเมืองสุยหนิงเป่ยหวนเองก็รู้ดีว่าราคาที่ต้องจ่ายจากการโจมตีโดยไร้กลยุทธ์นั้นสูงเกินไป และอาจไม่สามารถพิชิตเมืองนั้นได้สำเร็จการล้อมเมืองสุยหนิงเพื่อบังคับให้เขาส่งทหารไปช่วยเหลือนั้นเป็นวิธีที่ชาญฉลาดมากจริงๆแต่แม่ทัพเป่ยหวนมั่นใจเกินไปว่ากองทหารใหญ่สายหนึ่งจะต้านการโจมตีของกองทหารมณฑลฝ่ายเหนือได้!ความมั่นใจเป็นสิ่งที่ดี!แต่ถ้ามั่นใจเกินไปนั่นเรียกว่าโอหัง!หากพวกเขาเอาชนะกองทหารเป่ยหวนทางตะวันตกเฉียงเหนือของป้อมเมืองจิ้งอันและยึดคืนโขดเป่ยหยวนได้สำเร็จ เช่นนั้นเส้นทางหลังและเสบียงของกองทหารใหญ่เป่ยหวนจะถูกตัดขาดทันทีถึงตอนนั้น พวกเขาสามารถวางใจปิดประตูทุบตีสุนัขได้ทันที!หากคนที่เข้ามาจากเป่ยหวนถูกรวบหมด ไม่จำเป็นต้องรอถึงฤดูใบไม้ผลิหน้า เป่ยหวนก็จะสูญเสียความสามารถในการต่อสู้อีกครั้งโดยส
แม้ว่ากองทหารใหญ่สามหมื่นกองร้อยจะยืนหยัดต่อไปอีกครึ่งชั่วโมง แต่สถานการณ์ตอนนี้ก็คงไม่เป็นเช่นนั้นเมื่อนึกถึงสถานการณ์ตรงหน้า เว่ยเหวินจงก็อยากจะฉีกหยางเจิงออกเป็นชิ้นๆฟู่เทียนเหยียนขมวดคิ้วและพูดว่า "เป่ยหวนคงเดาได้ว่าเราพยายามจะตัดเส้นทางหลังของพวกเขาและจะยึดโขดเป่ยหยวนกลับมา เกรงว่าเราต้องคิดระยะยาว ห้ามตกหลุมพรางเป่ยหวนเด็ดขาด”โขดเป่ยหยวนคือประตูชีวิตของกองทหารใหญ่เป่ยหวนเป่ยหวนไม่มีเหตุผลที่จะไม่เพิ่มระดับการป้องกันกองทหารมณฑลฝ่ายเหนือประลองมือกับเป่ยหวนมาหลายปีแล้ว ดังนั้นจึงค่อนข้างเข้าใจวิธีการรบของเป่ยหวนดีกองทัพที่ยืนหยัดของกองทหารมณฑลฝ่ายเหนือมีเพียงสองแสนคนเท่านั้นรวมกองทหารใหญ่สามหมื่นนายที่มาสนับสนุนก่อนหน้านี้แล้ว ก็มีแค่สองแสนสามหมื่นนายเท่านั้นนอกจากกำลังคนในการป้องกันเมืองต่างๆ และสถานที่ทางยุทธศาสตร์ของด่านเป่ยลู่และหม่าอี้แล้ว กองทหารมณฑลฝ่ายเหนือสามารถระดมกองทหารใหญ่ไปสู้ที่แนวหน้าได้เพียงหนึ่งแสนหกถึงหนึ่งแสนเจ็ดคนเท่านั้น!การรบในช่วงสองวันที่ผ่านมา กองทหารมณฑลฝ่ายเหนือได้สูญเสียกองทหารทหารใหญ่ไปแล้วกว่าสามหมื่นนายถ้านับกองทหารใหญ่ที่ติดอยู่ใน
ไม่นาน หยุนเจิงและเสิ่นลั่วเยี่ยนก็ถูกพาเข้ามา“ท่านอ๋อง สถานการณ์ในซั่วเป่ยกำลังวิกฤต ท่านไม่อยู่เฝ้าซั่วฟางดีๆ มาที่ติ้งเป่ยทำไมกัน?”ทันทีที่เห็นไปหยุนเจิงและเสิ่นลั่วเยี่ยน เว่ยเหวินจงก็เริ่มโกรธหยุนเจิงพูดเบาๆ "ข้าอยากจะถามแม่ทัพใหญ่ว่ามีแผนแก้ปัญหาป้อมเมืองสุยหนิงถูกล้อมอย่างไร?"เว่ยเหวินจงขมวดคิ้วและพูดว่า "งานของท่านอ๋องคือเฝ้าซั่วฟางให้ดี! วิธีแก้ปัญหาป้อมเมืองสุยหนิงข้ามีแผนของข้าเอง ท่านอ๋องไม่ต้องห่วง!"หยุนเจิงพูดอย่างจริงจังว่า "ฉินชีหู่มีความสัมพันธ์ส่วนตัวใกล้ชิดกับข้า บิดาของเขาฉินลิ่วก่านมีความสัมพันธ์อย่างไรกับเสด็จพ่อ เจ้าน่าจะรู้ดี! บัดนี้ ฉินชีหู่ติดอยู่ในป้อมเมืองสุยหนิง ข้าจะไม่เป็นห่วงไม่กังวลได้อย่างไร!”เมื่อพูดถึงฉินลิ่วก่าน ท่าทีของเว่ยเหวินจงก็อ่อนลงเล็กน้อยเขาเคยได้ยินชื่อเสียงอันธพาลอันดับหนึ่งของต้าเฉียนมาบ้างความสัมพันธ์ระหว่างฉินลิ่วก่านและจักรพรรดิเหวินเป็นอย่างไรนั้น เขาเองก็รู้ดีหากเขาบังอาจไม่ไปช่วยเหลือฉินชีหู่ที่ติดอยู่ในป้อมเมืองสุยหนิง แม้ว่าฉินลิ่วก่านจะไม่เอาเรื่องเขา แต่จักรพรรดิเหวินไม่มีทางปล่อยเขาไปแน่นอนยิ่งไปกว่านั้น ป้
“ยังไม่มี! แต่กำลังคิดหาวิธีอยู่!”เว่ยเหวินจงส่ายศีรษะ "เราต้องทำลายการล้อมป้อมเมืองสุยหนิง และต้องรักษาความแข็งแกร่งของเราด้วย!""ข้าจะบอกเจ้า ข้าได้รับข่าวที่เชื่อถือได้มา เป่ยหวนเริ่มสังหารม้าศึกเพื่อเติมเสบียงแก่ทหารแล้ว!"“พวกเขาเตรียมตัวทำให้เสียเปรียบทั้งสองอย่าง แต่เราจะสู้โดยไม่มีกลยุทธ์ไม่ได้!”“หากการโจมตีโดยไร้กลยุทธ์สามารถแก้ปัญหาได้ ข้าคงสั่งกองทัพให้ออกไปโจมตีแล้ว ไม่รอให้ท่านอ๋องมาถึงหรอก!”เมื่อฟังคำพูดของเว่ยเหวินจงแล้ว เสิ่นลั่วเยี่ยนก็อดไม่ได้ที่จะมองหยุนเจิงด้วยความประหลาดใจเป็นสิ่งที่พวกเขาเดาไว้จริงๆ!เป่ยหวนเริ่มสังหารม้าศึกเพื่อเติมเสบียงให้กับทหารแล้วจริงๆ!ดูเหมือนว่าเป้าหมายที่แท้จริงของเป่ยหวนคือซั่วฟางจริงๆ ด้วย!หยุนเจิงจงใจแสร้งทำเป็นโกรธแล้วพูดอย่างเคร่งขรึมว่า “เจ้าไม่มีทางเลือก แต่ก็ไม่อยากลองใช้วิธีของข้า เจ้าจะคอยดูกองทหารสี่หมื่นนายของป้อมเมืองสุยหนิงติดอยู่ในนั้นจนตายหรือไง? ”“ข้าบอกแล้วว่าจะช่วย!”เว่ยเหวินจงขึ้นเสียงและตะโกนด้วยความโกรธ " ข้าคือผู้บัญชาการกองทหารมณฑลฝ่ายเหนือ! เจ้าไม่ถึงตาเจ้ามาสั่งข้า! ข้าขอสั่งให้เจ้ากลับไปที่ซั่
“เว่ยเหวินจงเป็นเพียงไอ้สารเลวที่โลภชีวิตและกลัวความตายเท่านั้น!”“ข้าต้องทำให้เสด็จพ่อลงโทษไอ้สารเลวนี่อย่างสาหัสให้ได้!”“คนขี้ขลาดอย่างเขาน่ะหรือคิดจะเป็นผู้บัญชาการกองทหารมณฑลฝ่ายเหนือ?”หยุนเจิงสาปเว่ยเหวินจงตลอดทางออกจากเมืองติ้งเป่ยเมื่อได้ยินหยุนเจิงด่าเว่ยเหวินจงแล้ว หลายๆ คนต่างมองไปด้านข้าง แล้วเดากันไปต่างๆ นานาว่าเกิดอะไรขึ้นกับท่านอ๋องและเว่ยเหวินจงกันแน่ทั้งซั่วเป่ยนี้ คนเดียวที่กล้าก่นด่าเว่ยเหวินจงตลอดทางเช่นนี้ ก็คงมีแต่ท่านอ๋องคนนี้แล้ว“เอาล่ะ ออกจากเมืองแล้ว หยุดแสดงได้แล้ว!”เมื่อออกจากติ้งเป่ย เสิ่นลั่วเยี่ยนก็หยุดหยุนเจิงไว้อย่างน่าขันไอ้สารเลวคนนี้แสดงเก่งจริงๆเขาโวยวายเช่นนี้ ก็เพื่ออยากให้เว่ยเหวินจงปฎิเสธคำแนะนำของเขาไม่ใช่หรือ?เขาก่นด่าจนสะใจแล้วจริงๆ!เว่ยเหวินจงคงจะเกลียดเขาจนตายแน่นอน!แต่ทว่า พวกเขาไม่ถูกกับเว่ยเหวินจงแต่ไหนแต่ไรแล้วดังนั้นจึงไม่ต้องกังวลมากนัก“ออกจากเมืองแล้วหรือ?”หยุนเจิงหยุดด่า แล้วเอ่ยด้วยสีหน้าเศร้าโศก “ข้ายังด่าไม่หน่ำใจเลย!”“…”เสิ่นลั่วเยี่ยนได้ยินดังนั้นพลันปั้นหน้านิ่งทันใดยังด่าไม่หน่ำใจ?เขาเหลือ
ส่วนรวมก็เรื่องส่วนรวม บุญคุณความแค้นส่วนตัวก็เรื่องบุญคุณความแค้นส่วนตัวการจัดรูปแบบของเว่ยเหวินจงใจแคบไปแล้ว!เทียบกับความปลอดภัยของซั่วเป่ยแล้ว บุญคุณความแค้นส่วนตัวจะนับประสาอะไร?ทว่า กล่าวไปแล้ว หากรูปแบบของเว่ยเหวินจงใจกว้างสักหน่อย แผนของพวกเขาก็ต้องล้มเหลวแล้วดังนั้น รูปแบบของเว่ยเหวินจงใจแคบสักหน่อย สำหรับพวกเขาแล้ว ก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้าย!กล่าวได้เพียง สายพระเนตรมองคนของจักรพรรดิเหวินไม่เลวเลยใช้งานคนเช่นนี้เฝ้าเมือง ไม่ช้าก็เร็วก็จะนำไปสู่ภัยพิบัติ “ขอให้การตัดสินของเจ้าถูกต้องแล้วกัน!”เสิ่นลั่วเยี่ยนถอนหายใจช้าๆ “หากการตัดสินใจของเจ้าผิดพลาด ด้วยนิสัยขี้ขลาดตาขาวของเว่ยเหวินจง กองทัพใหญ่สี่พันคนที่ป้อมเมืองสุยหนิง กลัวว่าคงอันตรายแล้ว” “เรื่องนี้ไม่ต้องกังวลใจ”หยุนเจิงยิ้มอย่างมั่นใจ “ตอนนี้เว่ยเหวินจงเหลือเพียงแค่สองทางเลือก เขาไม่เลือกทำตามข้อเสนอแนะของข้า ก็เหลือเพียงทางเส้นนั้นให้เดินแล้ว”เหตุผลสำคัญคือกองทหารมณฑลทางเหนือไม่สามารถโจมตีเผชิญหน้าได้ด้วยสถานการณ์เช่นนี้ เว่ยเหวินจงเดิมทีก็ไม่มีทางเลือกอื่นแล้วเสิ่นลั่วเยี่ยนครุ่นคิด พยักหน้าเบาๆทว่
ด้วยการนำทางของหยุนเจิง เจียเหยามาถึงเรือนเล็กที่เคยกักบริเวณนางก่อนหน้านี้ภายในห้อง เมี่ยวอินรออยู่ตรงนั้นแล้ว“เรียกคนยกอาหารได้แล้ว”หยุนเจิงเดินเข้าห้องก็สั่งเมี่ยวอินเมี่ยวอินยิ้ม สั่งคนเริ่มยกอาหารเข้ามาเวลาไม่นาน อาหารก็ทยอยยกขึ้นโต๊ะหยุนเจิงยังสั่งคนทำมันเทศนึ่งหนึ่งจาน“นี่คือ...”สายตาเจียเหยาทอดมองอาหารจานนั้น“ยอดมันเทศ เป็นยอดจากใบของมันเทศดิน”หยุนเจิงยิ้มเล็กน้อย “ตอนนี้แม้จะแก่ไปหน่อย แต่ก็ไม่ใช่ว่ากินไม่ได้”“นี่สามารถกินได้?”เจียเหยาตกใจ นัยน์ตาไหววูบแววแปลกประหลาด“กินได้แน่นอน”หยุนเจิงพยักหน้าหัวเราะ “พวกเรากินมาหลายเดือนแล้ว”ข้อนี้ เขาไม่ได้หลอกลวงเจียเหยาของสิ่งนี้ ตอนชาติก่อน นับว่าเป็นอาหารจานผักสีขาวที่หายากเขาจำได้ ตอนเขายังเด็ก ไม่มีคนกินของสิ่งนี้ของเหล่านี้ล้วนนำไปเป็นอาหารหมูแต่หลังโตแล้ว จึงได้รู้ว่าคนมีเงินมากมายชอบกินของสิ่งนี้ในตอนแรก พวกเยี่ยจื่อกลัวว่าเขาเด็ดกิ่งยอดมันเทศจะส่งผลกระทบต่อการเจริญเติบโตของมันเทศดิน จึงห้ามไม่ให้เขาเด็ดยอดมันเทศมากินมากมายปรากฏว่ามันเทศดินที่ขุดออกมาเมื่อสองวันก่อน พบว่ามันเทศดินที่ถูกเด
องค์ชายสี่?เป็นองค์ชายสี่ผู้นี้อีกแล้ว?ข่างที่พวกเขาได้รับ เรื่องที่โฉวฉื่อและแคว้นต้าเย่ว์ระดมกำลังทหารที่ชายแดนทั้งสองแคว้น ก็เกี่ยวข้องการองค์ชายสี่ผู้นี้สุดท้าย แม้แต่แผนการปิดล้อมตีกำลังเสริมก็เป็นฝีมือของคนผู้นี้?โหลวอี้!หยุนเจิงจำชื่อนี้ไว้แล้วหากวันหน้าเขาพบกันในสนามรบ เขาต้องทำความรู้จึกคนผู้นี้ให้ดีถือโอกาสถามเจ้าชั่วนี่ว่ากินอิ่มจนว่างไปหรือไม่ ต้าเฉียนกับแคว้นต้าเย่ว์ไม่มีเรื่องใดกัน เขามาร่วมเรื่องครึกครื้นใดด้วย?เขายังไม่อยากตีแคว้นต้าเย่ว์ แคว้นต้าเย่ว์เป็นฝ่ายกระโดดออกมาแล้วโหลวอี้ผู้นี้ ไม่เป็นคนสายตายาวไกลเช่นนั้น ก็เป็นคนที่สมองมีปัญญาโดยแท้หยุนเจิงครุ่นคิด สายตาทอดมองเจียเหยา “ในเมื่อเจ้าต้องการเจรจากับข้า เจ้าคงมีความคิดบางอย่างกระมัง?”“ข้ายังมีความคิดใดได้?”เจียเหยาส่ายหน้า “ข้าแค่มารายงานข่าวกับเจ้าเท่านั้น ดูว่าเจ้าทางนี้มีแผนการใด! มีเจ้าจิ้งเป่ยอ๋องผู้ชำนาญการรบอยู่ ข้าไม่จำเป็นต้องมีความคิดเห็นใด เจ้ามีแผนการ ข้าทำตามก็พอแล้ว”“ดีเลย! เจ้าพูดเองนะ!”หยุนเจิงยิ้มนิ่งๆ “เช่นนี้ พวกเจ้าส่งทหารไปตายก่อนหนึ่งแสนคน! เจ้าทำตามนี้เถอะ!”“
หยุนเจิงเดาได้แล้วแม้กระทั่งกุ่ยฟางคิดจะจู่โจมด้านหลังพวกเขาจากทางเดินทะเลทรายตะวันตกก็ถูกเขาเดาได้แล้ว!เขาเดาได้เช่นไร?หรือบางที เขาส่งสายมาอยู่ข้างกายนาง?ไม่มีเหตุผล!แต่ให้อยู่ที่เป่ยหวน คนที่รู้เรื่องนี้มีน้อยมากคนที่รู้เรื่องนี้ ต่างก็เป็นคนที่นางเชื่อใจคนพวกนั้น ไม่มีทางเป็นหูเป็นตาให้หยุนเจิงหลังจากตกใจอยู่นาน เจียเหยาถามด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “เจ้าเดาได้เช่นไร?ไ“เจ้าคิดว่าเรื่องนี้ยากคาดเดาหรือ?”หยุนเจิงจ้องเจียเหยาด้วยรอยยิ้ม “โฉวฉือและแคว้นต้าเย่ว์ตอนนี้กำลังใช้เรื่องความขัดแย้งกันระดมกำลังทหารบริเวณชายแดนสองแคว้น พวกเขาหากไม่เปิดศึก ก็มีเพียงแค่แสดงละครแล้ว...”จุดประสงค์การแสดงละครของโฉวฉือและแคว้นต้าเฉียน ย่อมเพื่อร่วมมือกันส่งทหารจู่โจมเป่ยหมัวถัวหลังจากพวกเขาโจมตีเป่ยหมัวถัวสายฟ้าแล่บแล้ว แนวหน้าของพวกเขาก็สามารถคุกคามทุ่งหญ้ามู่หม่าได้แล้วคนของโฉวฉือและแคว้นต้าเย่ว์ไม่ใช่คนโง่อาศัยแค่แคว้นทั้งสองของพวกเขา คิดจะเอาชนะกองทหารมณฑลทางเหนือ เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้พวกเขารู้ดีว่าเป็นไปไม่ได้ ทว่าก็ยังทำเช่นนี้ เช่นนั้นก็ทำได้เพียงตรึงกำลังด้านหน้ากับ
สองวันให้หลัง หยุนเจิงพบกันเจียเหยาที่ชายแดนกู้ตอนที่เจียเหยาถูกคนพาเข้ามา หยุนเจิงกำลังเผามันเทศดินกลิ่นหอมหวนทันทีที่เจียเหยาเข้ามา ก็ได้กลิ่นหอมของมันเทศดินทันใดนั้น หยุนเจิงรู้สึกได้ถึงสายตาคมกริบยิงมาที่เขา“องค์ชาย องค์หญิงเจียเหยามาถึงแล้ว”ต่งกังก้มโค้งตัวกล่าว“องค์หญิงเจียเหยาอะไร?”หยุนเจิงเงยหน้าขึ้น ถลึงตาใส่ต่งกัง “เรียกฮูหยินเจียเหยา!”“ขอรับ!”ต่งกังรับคำสั่ง จากนั้นก็เปลี่ยนคำเรียนทันที “ฮูหยินเจียเหยา”ฮูหยินเจียเหยา?เมื่อได้ยินคำเรียกนี้ เจียเหยารู้สึกถากถางเหลือเกิน แต่ก็รู้สึกจนปัญญาภายในใจนางรู้ดี หยุนเจิงและต่งกังจงใจแสดงละครต่อหน้านางส่วนจุดประสงค์คือ เพื่อเตือนสตินาง ให้นางจำสถานะของตัวเอง“ต่อไประวังหน่อย!”หยุนเจิงกวาดตามองต่งกัง จากนั้นก็โบกมือกล่าว “เจ้าออกไปก่อนเถอะ!”ต่งกังรับคำสั่ง โค้งตัวแล้วบอกลา“นั่งเถอะ อย่าเอาแต่ยืนตรงนั้นเลย”หยุนเจิงยิ้มให้เจียเหยาเล็กน้อย “ล้วนเป็นครอบครัวเดียวกัน ต้องให้ข้าเชิญเจ้านั่งลง?”“อนุไม่กล้ารบกวนท่านอ๋อง” เจียเหยาตอบหนึ่งประโยคด้วยความหงุดหงิด เดินไปนั่งลงตรงข้ามหยุนเจิง “เจ้าจงใจทำให้ข้าสะอิด
เพราะตั้งครรภ์ นางจึงพลาดโอกาสขี่ม้าย่ำสู่ราชสำนักเป่ยหวนแล้วสงครามใหญ่ครั้งต่อไป นางก็ต้องอดเข้าร่วมทุกครั้งที่นึกถึงการต่อสู้อันดุเดือดที่แนวหน้า ภายในใจนางก็รู้สึกเหมือนแมวข่วน“ข้าก็หวังอยากให้พวกเขาโจมตีปีหน้า”หยุนเจิงยักไหล่ ดึงเสิ่นลั่วเยี่ยนลุกขึ้นยืน “ไปเถอะ เรียนจื่อเอ๋อร์และเมี่ยวอิน พวกเราไปเตรียมของขวัญให้เจียเหยา!”“ของขวัญ?”เสิ่นลั่วเยี่ยนมองหยุนเจิงอย่างผิดปกติ “ของขวัญใด?”“เจ้าว่าเช่นไรเล่า?”หยุนเจิงใบหน้าเผยรอยยิ้มชั่วร้ายกวนประสาทออกไปจากจวนอ๋อง พวกเขาไม่นานก็มาถึงสถานที่เพราะปลูกมันเทศดินเวลาฤดูใบไม้ร่วงค่อยๆ เข้าใกล้มาแล้ว มันเทศดินเหล่านี้ไม่นานก็ถึงเวลาเก็บเกี่ยวแล้วหยุนเจิงจูงเสิ่นลั่วเยี่ยนเข้าไปในสถานที่ปลูกมันเทศดินปัดใบของมันเทศดินออก ภายในดินเบื้องล่างปรากฎรอยแยกใหญ่น้อยออกมาแล้วหยุนเจิงพบรอยแยกที่ใหญ่กว่านั้นและดึงดินที่อยู่ด้านบนออกไป รากของมันเทศดินสะท้อนสู่รูม่านตาของพวกเขาทว่า มันเทศดินเหล่านี้เล็กใหญ่ไม่เหมือนกันขนาดใหญ่ใหญ่กว่าประมาณกำปั้นของผู้ใหญ่ ขนาดเล็กมีขนาดประมาณนิ้วหัวแม่โป้ง“เยอะเพียงนี้เชียว?”ในเมื่อเป็นเช่นน
เวลาถัดไป ซั่วเป่ยเริ่มเข้าสู่ช่วงการพัฒนาและสร้างบ้านเรือนหลังจากหยุนกิจการบ่มสุราไปชั่วคราว กิจการค้าเกลือละเอียดกลายเป็นการค้าที่ทำเงินที่สุดของซั่วเป่ยอาศัยการขายตำแหน่งขุนนาง พวกเขายังหาเงินได้อีกเล็กน้อย สามารถช่วยเหลือสถานการณ์ทางงานเงินที่ย่ำแย่ของซั่วเป่ยได้คนเหล่านี้ซื้อตำแหน่งขุนนางแล้ว ก็มารายงานตัวอย่างต่อเนื่องหลังจากตรวจสอบสักพัก คนจำนวนมากถูกทิ้งไปยังสามเมืองชายแดนช่วยเหลือจัดกรชาวเป่ยหวนที่อพยพมาและเชลยศึกเหล่านั้นคนเหล่านั้นคิดจะก่อความวุ่นวายทางนั้นเช่นไรก็ได้ทั้งนั้นถึงเวลานั้น คนที่สมควรตายก็ต้องตาย ควรเนรเทศไปชายแดนก็เนรเทศไปชายแดนเช่นไรคนเขาก็จ่ายเงินซื้อตำแหน่งขุนนางจริง เช่นไรก็ควรให้เขาเป็นขุนนางที่อยากเป็นก่อนไม่ใช่หรือ?ภายในคนที่ซื้อตำแหน่งขุนนาง นอกจากพวกชอบแอบอ้างแล้ว แต่ก็มีคนฉลาดหลายคนทว่า หยุนเจิงไม่อาจยืนยันได้ชั่วคราวว่าพวกเขาเป้นคนที่เจ้าสามหรือกองกำลังอื่นส่งมาหรือไม่ แม้จะมอบหมายหน้าที่สำคัญให้พวกเขา ทว่ากลับส่งคนแอบสอดส่องพวกเขาหากอาศัยคนเหล่ารี้จุนมือมีดที่อยู่ด้านหลังม่านออกมาได้ เช่นนั้นก็เป็นเรื่องน่ายินดีอย่างมากแล้วด้วย
นี่เป็นวิธีทดสอบหรือ?จักรพรรดิเหวินคงไม่คิดถ่ายทอดตำแหน่งให้หยุนเจิงกระมัง?มองดูสองสาวที่สีหน้าเต็มไปด้วยความตกใจ หยุนเจิงยิ้มอย่างจนใจอีกครั้งเขาไม่รู้ว่าการคาดเดาของเขาถูกหรือไม่ถึงเช่นไรจักรพรรดิเหวินให้เขาตระหนักรู้ด้วยตัวเอง เขาทำได้เพียงตระหนักรู้สิ่งนี้ออกมาบางทีจักรพรรดิเหวินอาจมีความหมายอื่น แต่ตอนนี้เขายังคิดไม่ถึงให้ตายนี่ก็คือสิ่งที่เขาคิดได้ จักรพรรดิเหวินยืมมือเขามากำจัดปัญญาชนหัวคร่ำครึอย่างเกาซื่อเจินทว่า ด้วยความเคารพต่อจักรพรรดิเหวิน น่าจะไม่ถึงขั้นก่อเรื่องเช่นนี้ออกมาเพื่อจัดการเกาซื่อเจินหลังจากตกใจอยู่เนิ่นนาน เยี่ยจื่อได้สติกลับมาอย่างยากเย็นครุ่นคิดชั่วครู่ เยี่ยจื่อกล่าวเสียงต่ำ “เสด็จพ่ออาจทำเพื่ออำพรางบางอย่างหรือไม่?”“อำพรางสิ่งใด?”หยุนเจิงถามอย่างไม่เข้าใจเยี่ยจื่อดึงผ้าม่านขึ้นมองออกไปข้างนอก จากนั้นก็ปล่อยผ้าม่านลง กระซิบกล่าว “หากเสด็จพ่อเดิมมีความคิดในตอนแรก แต่เพราะเรื่องบางอย่าง ตอนนี้ต้องระงับแผนการของเขาไว้ ดังนั้นจึงเป็นฝ่ายยอมรับเรื่องนี้?”เยี่ยจื่อกล่าวอ้อมค้อมทว่าหยุนเจิงเข้าใจความหมายของนางสิ่งที่เยี่ยจื่อกังวลคือเ
จดหมายฉบับนี้ไม่ซับซ้อนในจดหมายจักรพรรดิเหวินดำรัสว่า รัชทายาทหยุนลี่จะย้ายทหารติดอาวุธสามพันคนจากฟู่โจวคุ้มกันส่งจางซูกลับเมืองหลวงต่อให้ถึงเมืองหลวงแล้ว ก็จะส่งคนมาคุ้มครองจางซูมากหน่อย บอกให้หยุนเจิงไม่ต้องกังวลความปลอดภัยของจางซูเห็นได้ชัดว่าเจ้าสามถูกตาแก่หลอกอีกแล้วอีกทั้ง เจ้าสามนับว่าถูกหลอกให้ช่วยนับเงินแล้วอีกอย่าง จักรพรรดิเหวินยังเอ่ยถึงเรื่องชนเผ่าโม่ซีในจดหมายจักรพรรดิเหวินให้หยุนเจิงจัดการพันธมิตรสามแคว้นนั้นอย่างสบายใจ ชนเผ่าโม่ซีทางนั้น มีจ้าวจี๋จับตาดูชั่วคราวแต่ว่า ทันทีที่กองทหารประจำการทางตะวันตกเฉียงเหนือทนไม่ไหว จักรพรรดิเหวินหวังว่าหยุนเจิงจะสามารถโจมตีโฉวฉือ เคลื่อนทัพคุกคามชนเผ่าโม่ซีจากทางโฉวฉือ ลดแรงกดดันของกองทหารประจำการทางตะวันตกเฉียงเหนือแน่นอน นี่เป็นเพียงความคิดของจักรพรรดิเหวินลายละเอียดในการปฏิบัติจริง ต้องดูสถานการณ์ของหยุนเจิงทางนี้แต่หากกองทหารประจำการตะวันตกเฉียงเหนือพ่ายแพ้พังทหลาย กองทหารมณฑลทางเหนือก็จำเป็นต้องช่วยเหลือสนับสนุนข้อนี้ ท่าทางของจักรพรรดิเหวินแข็งขืนมาก ไม่มีที่ให้เจรจาต่อรองในตอนท้ายสุดของจดหมาย จักรพรรดิ
หลังจากส่งจางซูและหมิงเย่ว์แล้ว พวกหยุนเจิงไม่ได้ไปจากด่านเป่ยลู่ผู้ประสบภัยทางตอนใต้ต้องการมาซั่วเป่ย พวกเขาต้องทำมาตรการรับมือไว้ล่วงหน้าคนเหล่านี้ หยุนเจิงไม่อาจไล่ไปได้เด็ดขาดอย่าว่าแต่ผู้ประสบภัยจำนวนนับหมื่นเลย ต่อให้ผู้ประสบภัยนับแสนต้องการมาซั่วเป่ย เขาไม่มีทางขับไล่พวกเขาไปเสบียงอาหารไม่เพียงพอ เช่นนั้นก็คิดวิธีจัดการอาหารหากไม่อาจซื้ออาหารภายในด่านได้ ก็ไปปล้นอาหารจากศัตรู!หากยามคับขัน เขาก็ส่งคนปลอมตัวเป็นโจร ไปปล้นเสบียงอาหารจากคหบดีทรงอิทธิพลร่ำรวยที่ไม่มีมโนธรรมเหล่านั้นก็ได้คนสามรถอึดอัดตายเพราะปัสสาวะหยดเดียวได้หรือ?หากพวกเขาอดทนผ่านสองปีนี้ไปได้ คนเหล่านี้ล้วนกลายเป็นกำลังของกองทัพ!ขอแค่ประชากรเพิ่มขึ้น ซั่วเป่ยก็จะพัฒนาไปได้เร็วขึ้นทหารมาใช้ขุนพลต้านรับ น้ำมาใช้ดินต้านคิดจะให้คนเหล่านี้มาล้างผลาญซั่วเป่ย ไม่มีแม้แต่ประตู!แผนการของหยุนเจิงคือ ระหว่างด่านเป่ยลู่และเมืองสู้ฉวี สร้างสถานที่ชุมนุม ใช้เป็นที่หลบภัยชั่วคราวของผู้ประสบภัยที่ลี้ภัยมายังซั่วเป่ยรอให้คนเหล่านั้นมาถึงแล้ว ซั่วเป่ยก็จะเป็นเวลาเก็บเกี่ยวช่วงฤดูใบไม้ร่วงหรือหลังเวลาเก็บเกี่