ทำไมไม่ให้ตนมอบทหารและม้าทั้งหมดให้เขา ส่วนตนก็พาทหารจวนหนึ่งพันนายเล่นอยู่ในซั่วฟางเลยล่ะ?เว่ยเหวินจงครุ่นคิดเล็กน้อย แล้วพยักหน้า “ที่ท่านอ๋องว่ามา ใช่ว่าจะไม่มีเหตุผล! เช่นนั้นก็โยกย้ายเพียงทหารทั่วไปแก่ชราอ่อนแอหนึ่งหมื่นนายก็พอ! ความปลอดภัยของซั่วฟางต้องขอฝากไว้กับท่านอ๋องแล้ว!”ถึงแม้เว่ยเหวินจงอยากจะทำลายกองกำลังของหยุนเจิงทีเดียว แต่ก็ไม่กล้าทำเกินไปมิเช่นนั้น หากซั่วฟางเสียเปรียบ เขาเองก็เอาตัวรอดยากเช่นกัน“ได้!”หยุนเจิงพยักหน้า“นอกจากนี้ ท่านอ๋องเองก็ต้องเตรียมตัวไปสนับสนุนด้วยเสมอ!”เว่ยเหวินจงกล่าว “หากแนวหน้าติดขัด ข้าอาจต้องออกคำสั่งให้ท่านอ๋องมาสนับสนุนได้ทุกเมื่อ!”หยุนเจิงพยักหน้า “เป็นเรื่องที่ควรทำอยู่แล้ว! ข้ายกโลงศพมาถึงซั่วเป่ย ไม่ได้คิดจะมาเล่นๆ เช่นกัน”“เช่นนั้นต้องขอบพระทัยท่านอ๋องมากแล้ว!” เว่ยเหวินจงบรรลุจุดประสงค์ แล้วรีบลุกขึ้น “ข้ายังต้องกลับไปจัดการการป้องกันของแต่ละฝ่าย ต้องขอตัวก่อน!”“อืม”หยุนเจิงพยักหน้า ขี้เกียจส่งแขกเว่ยเหวินจงกำลังจะจากไป จู่ๆ ก็หยุดฝีเท้าลงรอให้เว่ยเหวินจงออกไปแล้ว คนในกระโจมถึงได้เริ่มสบถด่ามารดาขึ้นมาซั่ว
หลังจากที่เว่ยเหวินจงจากไป หวังชี่ก็สารภาพต่อหยุนเจิงเรื่องคำสัญญาที่เว่ยเหวินจงให้ไว้กับเขา“เช่นนั้นเจ้าไปที่เมืองเทียนหูเถอะ!”หยุนเจิงกล่าวยิ้มๆ “ทหารและม้าหกพันนายก็ถือว่าไม่เลวแล้ว! จริงด้วย ดูเหมือนว่ากำลังคนและม้าของฝ่ายฮั่วกู้ที่รักษาการณ์อยู่ที่ซั่วฟางก่อนหน้านั้นจะอยู่ที่เมืองเทียนหูสายหนึ่งด้วย คนมากมายที่ค่ายของฮั่วกู้ล้วนเคยได้รับความเมตตาจากข้า เจ้าสามารถไปเกลี้ยกล่อมพวกเขาลับๆ ได้! แต่จำไว้ว่าทุกอย่างต้องทำอย่างระมัดระวัง ห้ามให้คนอื่นจับได้เด็ดขาด”กำลังคนและม้าของฮั่วกู้เป็นความล้มเหลวที่สุดของเขาตั้งแต่ที่เข้าซั่วฟางมาหลักๆ คือฮั่วกู้หนีเร็วมาก!ไม่ให้โอกาสเขาในการกลืนกินทหารและม้าเก้าพันนายเลยบัดนี้ หวังชี่เองก็ต้องไปเมืองเทียนหู โอกาสของพวกเขาก็มาถึงแล้วไม่ใช่หรือ?“เข้าใจแล้ว!”หวังชี่พยักหน้าหงึกๆ “ท่านอ๋องวางใจได้ ข้าจะไม่ทำให้ท่านอ๋องผิดหวังแน่นอน!”คำพูดของเขากำลังแสดงความจงรักภักดีต่อหยุนเจิงอย่างไม่ต้องสงสัย“ดี! ข้าไม่ใช้คนไม่ไว้วางใจ หากจะใช้คนย่อมไม่สงสัย!”หยุนเจิงตบบ่าของหวังชี่แรงๆ “เจ้าไม่ทำให้ข้าผิดหวัง ข้าเองก็จะไม่ทำให้เจ้าผิดหวังเช่นก
หยุนเจิงหัวเราะแฮะๆ แล้วรีบโอบกอดเสิ่นลั่วเยี่ยนพร้อมจุมพิตเข้าที่ใบหน้าของนาง“อยากตายหรือไง!”เสิ่นลั่วเยี่ยนผลักหยุนเจิงออกด้วยความเขินอาย “หากคนอื่นเห็นเข้าจะเป็นอย่างไร? ท่านไม่อาย แต่ข้าอายนะ!”หยุนเจิงไม่สนใจ แล้วหัวเราะร่าออกมา “ข้าหอมแก้มพระชายาของตน ใครจะกล้าพูดว่าข้าหน้าไม่อาย?”เสิ่นลั่วเยี่ยนเบะปาก แล้วมองบนใส่เขาอีกทีหนึ่งหลังจากที่แกล้งเสิ่นลั่วเยี่ยนไปพักหนึ่ง หยุนเจิงก็เรียกอวี๋ซื่อจงและตู้กุยหยวนพร้อมทั้งเฝิงอวี้เข้ามาหยุนเจิงกล่าว “พรุ่งนี้เราต้องเริ่มขุดม้าศึกที่อยู่ในหุบเขามรณะออกมา พร้อมรวดขุดศพทหารม้าเป่ยหวนออกมาด้วย!”อวี๋ซื่อจงได้ยินดังนั้น ก็ยิ้มชั่วร้ายออกมา “องค์ชายคงไม่ได้คิดจะใช้ศพเป่ยหวนแลกม้าศึกอีกหรอกใช่หรือไม่?”“เรื่องนี้อย่าเพิ่งคิดเลย”หยุนเจิงส่ายศีรษะ “บัดนี้เป่ยหวนพ่ายแพ้ต่อเนื่องกัน ไม่มีใจอยากแลกศพหรอก! สิ่งที่เราต้องการคือชุดเกราะและอาวุธของทหารม้าเป่ยหวนพวกนั้น ส่วนศพให้ขุดหลุมใหญ่แล้วฝังลงไปเลยแล้วกัน!”ครั้งนี้เหล่าทหารม้าเป่ยหวนที่หุบเขาพวกนั้นล้วนถูกฝังทั้งเป็นชุดเกราะของพวกเขาน่าจะยังสมบูรณ์ไม่เสียหายนักพวกเขาถูกโยกย้ายทห
ฐานค่ายแนวหน้าชายแดนกู้ปานปู้มาดูแลแนวหน้าที่ชายแดนกู้แล้วแต่ทว่า ปานปู้กลับรู้สึกไม่สบายใจเท่าไหร่นักตามหลักแล้ว ฝ่ายอู้เลี่ยควรจะฆ่ามาถึงแนวด้านหลังของกองทหารมณฑลฝ่ายเหนือแล้วกองทหารมณฑลฝ่ายเหนือในตอนนี้ก็ควรจะโกลาหลวุ่นวายถึงจะถูกแต่ทว่าทหารที่พวกเขาส่งไปรายงานว่ากองทหารป้อมเมืองทั้งสองของต้าเฉียนไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆหากไม่ใช่เพราะกองทหารมณฑลฝ่ายเหนือจงใจทำให้ดูเงียบสงบล่ะก็ เช่นนั้นก็มีความเป็นไปได้สูงว่าจะเกิดปัญหากับฝ่ายอู้เลี่ยนั่นมันทหารม้าชั้นยอดสี่หมื่นนายเชียวนะ!ห้ามเกิดอะไรขึ้นเด็ดขาด!ปานปู้ยิ่งคิดยิ่งไม่สบายใจพลางเดินไปมาในกระโจมใหญ่ไม่หยุด“รายงาน! รายงานด่วน!”ทันใดนั้นเอง ก็มีเสียงทหารรายงานดังขึ้นตาปานปู้กระตุก แล้วรีบพุ่งตัวออกจากกระโจมใหญ่ทันทีปานปู้เพิ่งออกไปถึง ทหารรายงานก็มาถึงหน้ากระโจมด้วยท่าทีหอบเหนื่อย หยุดฝีเท้าไม่ทันจึงล้มลงกับพื้นในบัดดล“ราชครู!”หลังจากคำนี้พ่นออกไป ทหารรายงานก็ปล่อยโฮออกมาทันทีปานปู้หน้าถอดสีรีบย่อตัวลงพร้อมจับตัวทหารรายงานเอาไว้พลางตะคอกเสียงโกรธ “รีบพูด เกิดอะไรขึ้น? รีบบอกมา!”ขณะนี้ปานปู้ภาวนาอย่างสุดฤทธ
“เสียงดัง เสียงดังมาจากไหน?” ปานปู้คำรามด้วยความโกรธ“ข้าไม่รู้!”ทหารรายงานข่าวคร่ำครวญว่า “เสียงดังน่ากลัวยิ่งกว่าเสียงฟ้าผ่าเสียอีก คนที่รอดออกมาต่างก็บอกว่าเป็นบทลงโทษศักดิ์สิทธิ์จากพระเจ้า เป็นการลงโทษของเหล่าทวยเทพสำหรับความผิดของเรา…”ไม่มีใครรู้ว่าเสียงดังนั่นคืออะไรกันแน่ไม่มีใครเห็นฟ้าผ่าหรืออะไรเลยสิ่งที่พวกเขาได้ยินก็มีเพียงเสียงดังสะท้านเท่านั้นบทลงโทษศักดิ์สิทธิ์!นอกจากบทลงโทษศักดิ์สิทธิ์แล้ว พวกเขาไม่สามารถอธิบายกับสิ่งที่เกิดขึ้นได้เลยปราณโลหิตในตัวปานปู้พุ่งขึ้นมาอีกครั้ง แทบจะพ่นเลือดออกมาอีกครั้งขณะนี้ ปานปู้มีแต่เสียใจและโกรธจัดทหารม้าชั้นยอดสองหมื่นเจ็ดพันนายหายไปในหุบเขามรณะ แต่พวกเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้นนี่มันสงครามอะไรกัน?นี่มันความอัปยศชัดๆ!ปานปู้พยายามระงับเลือดที่พลุ่งพล่านในร่างกายแล้วถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า “พวกเจ้า...ส่งคนไปรายงานราชสำนักแล้วหรือยัง?”ทหารรายงานข่าวพยักหน้าอย่างอ่อนแรงด้วยความเจ็บปวดบนใบหน้าปานปู้บังคับร่างลุกขึ้นจากพื้นด้วยความยากลำบากแล้วคำรามว่า "ถ่ายทอดคำสั่งลงไปให้ฆ่าแกะและวัวเพื่อเป็นรางวัลแก่ทุกฝ
แม้ว่าเว่ยเหวินจงจะโยกย้ายทหารทั่วไปแปดหมื่นนายไปจากซั่วฟาง ถึงแม้จะมีข้อดี แต่ก็มีข้อเสียเช่นกันทหารทั่วไปแปดหมื่นนาย เท่ากับแรงงานแปดหมื่นคนแม้จะนับรวมกับคนสองพันกว่าคนที่ได้มาจากหวังชี่แล้ว แต่เขาก็มีคนอยู่ในมือเพียงแค่ห้าหมื่นกว่าคนเท่านั้นบัดนี้ เขามีทหารที่สามารถรบได้มากกว่าทหารทั่วไปเสียอีกทหารที่สามารถรบได้ของเขามีอยู่ราวสองหมื่นเจ็ดพันนายแล้วบัดนี้ ทหารทั่วไปที่ทำเรื่องจิปาถะกลับมีน้อยกว่าแถมตอนนี้หยุนเจิงยังจะขุดศพม้าศึกในหุบเขามรณะ และสร้างค่ายทหารถาวรด้วย แถมห้องปฏิบัติการที่ทำร่วมกับจางซูก็ต้องใช้กำลังคนเช่นกันเมื่อเป็นเช่นนี้ กำลังคนในมือเขาก็ค่อนข้างขัดสนแล้วแต่ก็ไม่สามารถทำอะไรกับเรื่องนี้ได้มีทั้งข้อดีและข้อเสีย!ตอนนี้ยังไม่ขาดแคลนคนมากนักถ้าขาดแคลนแรงงานมากจนเกินไป ก็ต้องจ้างคนซั่วฟางมาทำงานแล้วหลังจากจัดการเรื่องทั้งหมดแล้ว หยุนเจิงก็พาผู้คนไปที่เขาลั่วเสียซึ่งเป็นที่ตั้งของค่ายทหารที่กำลังก่อสร้างพูดให้สละสลวยคือไปตรวจสอบความคืบหน้าของการก่อสร้างค่ายทหาร แต่ในความเป็นจริงเพียงแค่ต้องการพาเสิ่นลั่วเยี่ยนและคนอื่นๆ ไปแช่บ่อน้ำพุร้อนเท่านั้น ร
พวกนางไม่เชื่อว่าผักสามารถปลูกได้ในสภาพอากาศหนาวเย็นเช่นนี้“ถึงแม้จะปลูกได้จริงๆ แต่เกรงว่าคงไม่ทันปีใหม่”เยี่ยจื่อเงยหน้าขึ้นแล้วพูดว่า "อีกสิบวันก็จะถึงปีใหม่แล้ว...""หา?"หยุนเจิงถึงกับอึ้ง “เร็วขนาดนั้นเลย?”เสิ่นลั่วเยี่ยนและเมี่ยวอินก็ประหลาดใจไม่แพ้กันใกล้ถึงปีใหม่แล้วหรือ?"ไม่อย่างนั้นล่ะ?"เยี่ยจื่อมองแต่ละคนที่ตกตะลึง “พวกเจ้าเอาแต่คิดว่าจะทำสงครามอย่างไรจนลืมเวลาไปหมดแล้ว!”ทั้งสามมองหน้ากันพวกเขาไม่ได้ตระหนักเรื่องเวลาเลยจริงๆใกล้จะถึงปีใหม่โดยไม่รู้ตัวแล้วหรือนี่?หยุนเจิงส่ายศีรษะยิ้มๆ แล้วพูดว่า “ไม่ทันก็ไม่ทัน! ข้าเอาเมล็ดมาแล้ว! หลังจากแช่น้ำพุร้อนเสร็จก็ปลูกทิ้งไว้ที่นี่ เก็บเกี่ยวได้เมื่อไหร่ค่อยเก็บเมื่อนั้น!"เสิ่นลั่วเยี่ยนพยักหน้าแล้วเลิกคิ้วมองหยุนเจิงและจางซู "พวกท่านสองคน ออกไปได้แล้ว!""อย่าสิ!"หยุนเจิงพูดอย่างจริงจัง "ข้าจะให้คนเอาแผ่นไม้มากั้นไว้ เราแค่แยกกันแช่ก็พอแล้วนี่!""ไสหัวไปซะ!"เสิ่นลั่วเยี่ยน เมี่ยวอิน และเยี่ยจื่อพูดพร้อมกันหยุนเจิงหัวเราะแล้วจากไปพร้อมกับจางซูพวกเขาไม่มีทางแช่น้ำพุร้อนพร้อมกับพวกนางอยู่แล้ว เพียงแค่
หลังจากที่เสิ่นลั่วเยี่ยนและคนอื่นๆ แช่บ่อน้ำพุร้อนเสร็จแล้ว หยุนเจิงและจางซูถึงจะวิ่งเข้าไปในบ่อน้ำพุร้อนข้างนอกหนาวเย็น แต่ข้างในร้อนจนเหงื่อออกความรู้สึกนี้ดีมากจริงๆอย่างไรก็ตาม จางซูยังไม่ทันได้เพลิดเพลินได้เท่าไหร่ เสียงหมิงเย่ว์ก็ดังมาจากด้านนอกแล้วจางซูจึงรีบสวมเสื้อผ้าแล้ววิ่งออกไปทันที“ไอ้อ่อนนี่!”หยุนเจิงยิ้มอย่างช่วยไม่ได้จางซูทหารผ่านศึกแห่งดอกไม้กลับถูกหมิงเย่ว์ควบคุมไว้ซะได้หายากจริงๆ!เห็นได้ชัดว่าจางซูมีความรู้สึกดีๆ กับหมิงเย่ว์จริงๆหมิงเย่ว์ถึงจะดูดุแต่ก็ยังมีจางซูอยู่ในใจตอนที่หยุนเจิงกำลังคิดไปเรื่อยอยู่นั้น จู่ๆ ก็มีร่างหนึ่งข้ามกำแพงเข้ามานักฆ่า?หยุนเจิงรู้สึกหนาวสั่นในใจและเรียกหาใครสักคนโดยไม่รู้ตัวแต่กลับเห็นร่างที่สวยงามผ่านไอน้ำเมี่ยวอิน?หยุนเจิงกลืนคำพูดที่อยู่ที่ปลายลิ้นทันที แล้วหันไปยิ้มร้ายๆ ให้เมี่ยวอิน “เจ้าจะมาอาบน้ำกับข้าหรือ?”ใบหน้าของเมี่ยวอินเปลี่ยนเป็นสีแดงเข้มแล้วพูดด้วยความโกรธว่า “เมื่อครู่ข้ายังแช่ไม่หน่ำใจ อยากแช่ต่ออีกหน่อย ไม่ได้หรือไง?”"ได้ๆ!"หยุนเจิงหัวเราะแล้วมองตรงไปที่เมี่ยวอินเมี่ยวอินมองเขาอย่าง
เมื่อเห็นว่าจักรพรรดิเหวินทรงตัดสินพระทัยได้แล้ว หยุนลี่ถึงกับดีใจจนแทบกลั้นไว้ไม่อยู่ พยายามเก็บอาการตื่นเต้นไว้ หยุนลี่กล่าวขึ้นว่า “ขอเสด็จพ่อโปรดมีพระบัญชา ให้โจวเต้ากงนำกองกำลังเตรียมพร้อม และเมื่อเจ้าหกมาถึงหัวเมืองสี่ทิศ ให้เข้าควบคุมตัวเจ้าหกทันที! อีกทั้ง ขอพระบัญชาให้จ้าวจี้ทางตะวันตกเฉียงเหนือ นำทัพทหาร 30,000 นายที่ฝีมือเยี่ยม เข้าประจำการในหุบเขาทางตะวันตกเฉียงเหนือของหัวเมืองสี่ทิศอย่างลับๆ” เมื่อได้ฟังคำพูดของหยุนลี่ หัวใจของจักรพรรดิเหวินพลันเย็นเยือก เจ้าลูกทรพี! คิดจะระดมกองทัพจากตะวันตกเฉียงเหนือเพื่อจัดการเจ้าหกอย่างนั้นหรือ? เขาคิดจะจุดชนวนสงครามกลางเมืองในต้าเฉียนหรืออย่างไร? “การระดมพลจากตะวันตกเฉียงเหนือในตอนนี้ เกรงว่าจะไม่ทันการ” จักรพรรดิเหวินทรงพยายามระงับพระอารมณ์ ก่อนตรัสว่า “กองกำลังจากตะวันตกเฉียงเหนือส่วนใหญ่เป็นทหารราบ ต่อให้รีบเร่งเดินทัพมา คงต้องใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งเดือนครึ่ง” หยุนลี่ถึงกับพูดไม่ออก หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง หยุนลี่จึงกล่าวต่อ “เช่นนั้น ขอพระบัญชาให้จ้าวจี้นำทัพทหารม้าชั้นยอดหนึ่งหมื่นนายมาแทนพ่ะย่ะค่ะ!
“ลูก…ไม่ทราบพ่ะย่ะค่ะ” หยุนลี่ตอบอย่างตะกุกตะกัก เขาไม่รู้จริงๆ ว่าหยุนเจิงมีกำลังทหารในมือมากเพียงใด คนที่เขาส่งไปซั่วเป่ยแทบไม่ได้รับข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องในกองทัพเลย “ข้าจะบอกเจ้าเอง!” จักรพรรดิเหวินทรงลูบพระนลาฏเบาๆ พระพักตร์เต็มไปด้วยความกังวล “น้องหกของเจ้ามีกำลังพลในมือมากกว่าสองแสนนาย และหากเขาต้องการ ก็สามารถรวบรวมทหารเพิ่มได้อีกหนึ่งแสนนายทันที! ยิ่งไปกว่านั้น กองทัพของชนเผ่าเป่ยหวนและเป่ยหมัวถัวยังอยู่ภายใต้การควบคุมของเขา! ข้ากระทั่งสงสัยว่า หากเขาต้องการ เขาสามารถเรียกกองทัพห้าแสนนายมาได้ทันที!” “ห้า…ห้าแสน?” หยุนลี่อ้าปากค้าง แทบไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน กองทัพห้าแสน? เจ้าหก เจ้าคนเลวนั่นสามารถเรียกกองทัพห้าแสนได้ตลอดเวลา? นี่…เป็นไปได้อย่างไร! เจ้าหกจะเลี้ยงกองทัพห้าแสนไหวหรือ? จักรพรรดิเหวินทรงถอนหายใจยาว “เจ้าต้องการนำเจ้าหกกลับเมืองหลวง ข้าไม่ขัดข้อง! แต่เจ้าต้องพิจารณาดู หากเจ้าไม่ประสบความสำเร็จ และยังทำให้เจ้าหก เจ้าลูกทรพีนั่นโกรธขึ้นมา เจ้าจะรับมือกับสถานการณ์นั้นอย่างไร?” “นี่…” หยุนลี่ไม่รู้จะตอบคำถามของจักรพรรดิเหวินอย่าง
ไม่นาน มู่ซุ่นก็พาหยุนลี่เข้ามา “ลูกขอคารวะเสด็จพ่อพ่ะย่ะค่ะ” ทันทีที่หยุนลี่เข้ามา เขาก็คำนับอย่างนอบน้อม จักรพรรดิเหวินทรงพยักหน้าให้หยุนลี่นั่งลง พลางตรัสยิ้มๆ ว่า “ครั้งหน้า หากมีธุระก็ให้มู่ซุ่นปลุกข้าเถิด อย่ายืนรออยู่ด้านนอกนานนัก” “เสด็จพ่อทรงเหนื่อยจากการเดินทาง ลูกยืนรออีกสักหน่อยก็ไม่เป็นไรพ่ะย่ะค่ะ” “ตอนนี้เจ้าก็เริ่มเหมือนรัชทายาทแล้วล่ะ” จักรพรรดิเหวินทรงมองหยุนลี่ด้วยความพอพระทัย “พูดมาเถอะ เจ้าจะมีเรื่องอันใด? บอกมาให้จบก่อน แล้วข้าจะได้สั่งงานเจ้าบ้าง” “ขอเสด็จพ่อทรงบัญชาลูกก่อนเถิดพ่ะย่ะค่ะ” จักรพรรดิเหวินทรงนิ่งตรองเล็กน้อย ก่อนจะทรงโบกพระหัตถ์ให้มู่ซุ่นและนางกำนัลที่คอยรับใช้ในห้องออกไป เมื่อไม่มีผู้ใดเหลืออยู่ จักรพรรดิเหวินจึงตรัสว่า “ครั้งนี้ที่ข้าไปซั่วเป่ย ข้าตั้งใจไปดูมันเทศที่จางซูพูดถึง ข้าถามผู้คนหลายคนแล้ว และมั่นใจว่ามันเทศนั้นให้ผลผลิตสูงมาก! ข้าตั้งใจจะนำมันเทศนั้นเข้ามาปลูกในเขตใน แต่เจ้าหก เจ้าลูกทรพีนั่นกลับบอกว่าต้องมาคุยเรื่องนี้กับเจ้า…” ต้องมาคุยกับตนเอง? เปลือกตาของหยุนลี่กระตุกทันที เขารับรู้ได้ในทันทีว่า เจ้าหก
ในขณะที่หยุนเจิงกำลังยุ่งอยู่กับการอุทิศตนเพื่อสุขภาพของสตรีทั่วหล้า จักรพรรดิเหวินก็กลับมาถึงหัวเมืองสี่ทิศ มู่ซุ่นเดินทางกลับมาพร้อมกับจักรพรรดิเหวิน เมื่อหยุนลี่ทราบข่าว เขาก็นำคณะขุนนางมารับเสด็จทันที “จากราชสำนักมีใครส่งรายงานมาไหม?” จักรพรรดิเหวินทรงถามถึงเรื่องสำคัญทันทีที่เสด็จกลับมา “มีพ่ะย่ะค่ะ” หยุนลี่รีบรายงาน “เซียวว่านโฉวนำทัพไปช่วยเจียวลู่อ๋องซื่อจื่อปราบปรามกบฏสำเร็จแล้ว แต่พวกเขาช้าก้าวหนึ่ง กัวซื่อนำกองกำลังหลายพันคนหลบหนีไปยังเผ่าต่างๆ ทางหมอซี เจียวลู่อ๋องซื่อจื่อได้ถวายฎีกาต่อราชสำนัก ขอพระราชทานพระราชโองการแต่งตั้งให้เขาสืบตำแหน่งเจียวลู่อ๋อง…” หลังจากการปราบกบฏของกัวซื่อสำเร็จ หนานจ้าวและอวี้หนานในปีนี้ก็แสดงความจงรักภักดีได้ดีขึ้นมาก ทั้งสองแคว้นได้ส่งบรรณาการเข้ามา โดยจำนวนสิ่งของบรรณาการมากกว่าปีก่อนถึงสามส่วน ราชาหนานจ้าวยังได้กราบทูลขอส่งองค์ชายรัชทายาทมายังเมืองหลวงต้าเฉียนเพื่อศึกษาเล่าเรียน การฟื้นฟูหลังภัยพิบัติในทางใต้กำลังดำเนินไปอย่างเป็นระเบียบ เพียงแต่มีกลุ่มผู้ประสบภัยบางคนจุดไฟในหุบเขาเพื่อให้ความอบอุ่น จนเกิดไฟป่าครั
แต่ที่น่าเสียดายคือ เจียเหยาไม่ใช่สตรีแบบนั้น! ทุกความยินยอมและการประนีประนอมของเจียเหยาต่อเขาล้วนเกิดจากสถานการณ์บีบบังคับ เยี่ยจื่อย่อมชื่นชมเจียเหยาอย่างแน่นอน เรื่องนี้ไม่มีข้อสงสัยใดๆ แต่หากเจียเหยาเป็นสตรีที่หลงใหลในความรักอย่างเดียว เยี่ยจื่ออาจไม่รู้สึกชื่นชมนาง และคงไม่ต้องคิดถึงเรื่องที่ว่านางกับหยุนเจิงจะได้อยู่ด้วยกันหรือไม่ "ไม่แน่หรอก" เยี่ยจื่อยิ้มบาง "เรื่องของความรัก ไม่มีใครในโลกนี้สามารถอธิบายได้ชัดเจน! เช่นเดียวกับข้า ข้าไม่เคยคิดเลยว่าวันหนึ่งข้าจะไม่สนใจสายตาของผู้คนในแผ่นดิน และรักชายคนหนึ่งอย่างไม่ลังเล พร้อมทั้งให้กำเนิดบุตรธิดาแก่เขา..." "เรื่องของพวกเจ้ามันไม่เหมือนกัน" หยุนเจิงบีบเบาๆ ที่ตัวเยี่ยจื่อ "พอแล้ว อย่าคิดถึงเรื่องพวกนี้เลย! รีบลุกขึ้นเถิด ไม่เช่นนั้นพอคนในจวนมาเรียกเราไปกินข้าวเย็น เจ้าคงอายอีกแน่" "ก็เพราะเจ้านั่นแหละ!" เยี่ยจื่อเอ่ยตำหนิด้วยความอาย ก่อนจะค่อยๆ ลุกขึ้นและสวมเสื้อผ้า เมื่อเห็นเยี่ยจื่อสวมชุดชั้นใน หยุนเจิงก็เกิดความคิดบางอย่างขึ้นมาอีก "ยังมองอยู่อีกหรือ?" เยี่ยจื่อปรายตามองหยุนเจิงด้วยความเข
เนื่องจากเยี่ยจื่อกำลังตั้งครรภ์ หยุนเจิงจึงไม่กล้าทำอะไรรุนแรงเกินไป อย่างไรก็ตาม พายุที่โหมกระหน่ำมีเสน่ห์ในแบบของมัน และสายฝนที่โปรยปรายก็มีเสน่ห์ไปอีกแบบ หลังจากหยุดยั้งความเร่าร้อน เยี่ยจื่อซบอยู่ในอ้อมอกของหยุนเจิงอย่างแมวน้อยเชื่องๆ "คืนนี้ข้าจะนอนที่ห้องของเจ้า" หยุนเจิงกอดร่างอ่อนนุ่มของเยี่ยจื่อไว้ ด้วยท่าทีที่ดูยังไม่พอใจ "อย่าเลย!" เยี่ยจื่อเอื้อมมือมาตบหน้าอกของหยุนเจิงเบาๆ "หากเจ้ามาอยู่ที่นี่ ข้าก็ต้องโดนเจ้ารังแกอีก หากเกิดอะไรขึ้นกับลูก เราคงร้องไห้ไม่ออก เจ้าไปห้องเมี่ยวอินเถิด!" จากนิสัยของหยุนเจิง ต่อให้ใช้ปลายเท้าคิด นางก็รู้ว่าเขาต้องรังแกนางอีกสักหนึ่งหรือสองรอบหากเขาอยู่ในห้องนี้ แม้ว่าช่วงตั้งครรภ์จะไม่ใช่ว่าจะใกล้ชิดกันไม่ได้ แต่ก็ไม่ควรทำบ่อยเกินไป "ลูกของข้าหยุนเจิง จะอ่อนแอขนาดนั้นได้อย่างไร?" หยุนเจิงหัวเราะเสียงดัง ก่อนจะวางมือลงบนหน้าท้องของเยี่ยจื่อโดยไม่รู้ตัว "เจ้ายังมีหน้ามาพูดอีก!" เยี่ยจื่อเอ่ยตำหนิอย่างเขินอาย "เมื่อสองวันก่อน ลั่วเยี่ยนยังแอบมาบอกข้าเลยว่าเจ้าไปรังแกนางอีก จวนนี้มิใช่มีเพียงข้ากับลั่วเยี่ยนสองค
ชุดนี่มันชั้นแล้วชั้นเล่า ถอดออกแต่ละครั้งช่างเสียเวลาเสียจริง หยุนเจิงบ่นในใจพลางจัดการอยู่นาน กว่าจะถอดอาภรณ์ออกหมด แล้วรีบก้าวลงไปในถังอาบน้ำขนาดใหญ่ด้วยความกระตือรือร้น "ดูท่าทางเจ้าสิ!" เยี่ยจื่อจ้องมองหยุนเจิงด้วยความเขินอาย พลางหัวเราะเบาๆ "หากคนอื่นมาเห็นเข้า คงคิดว่าเจ้าคือโจรขโมยดอกไม้จริงๆ!" "ต่อหน้าเจ้า ข้าก็เป็นโจรขโมยดอกไม้ดีๆ นี่เอง!" หยุนเจิงหัวเราะเสียงดัง แล้วดึงเยี่ยจื่อเข้ามาในอ้อมกอด เกรงว่าเยี่ยจื่อจะหนาว หยุนเจิงจึงราดน้ำอุ่นลงบนตัวนาง แน่นอนว่า ระหว่างนี้มือเจ้าเล่ห์ของหยุนเจิงก็ไม่วายลวนลามบนตัวเยี่ยจื่อ เยี่ยจื่อปล่อยให้หยุนเจิงทำตามใจ พลางยื่นนิ้วเรียวขาวลูบไล้รอยแผลเป็นที่เอวของเขา นางจำได้ว่ารอยแผลนี้เกิดขึ้นจากศึกที่หยุนเจิงสังหารฮูเจี๋ยฉานอวี่ นั่นน่าจะเป็นการบาดเจ็บที่หนักที่สุดของหยุนเจิงนับตั้งแต่คุมทัพมา โชคดีที่เป็นเพียงบาดแผล ไม่ได้ถึงแก่ชีวิต ตอนนี้บาดแผลนั้นสมานแล้ว แต่รอยแผลเป็นยังคงปรากฏอย่างชัดเจน "ข้าหวังว่าเจ้าจะเป็นแบบนี้ตลอดไป" เยี่ยจื่อก้มหน้าพลางพึมพำ "หากวันใดเจ้ามิได้เป็นเช่นนี้ คงเพราะเราชราและห
หลังจากส่งสาวรับใช้หน้าประตูไปแล้ว หยุนเจิงเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ทันที ก่อนจะผลักประตูเข้าไป "อิงเถา ข้าเหมือนจะได้ยินเสียงใครผลักประตูเข้ามา" เสียงของเยี่ยจื่อดังมาจากหลังฉากกั้น "บ่าวก็เหมือนจะได้ยินเหมือนกัน บ่าวจะไปดูเจ้าค่ะ" อิงเถาตอบรับแล้วรีบวิ่งออกมาจากหลังฉากกั้น นางเพิ่งจะออกมาก็เห็นหยุนเจิงยืนอยู่ในห้อง เมื่อแน่ใจว่าไม่ใช่คนอื่นที่บังอาจบุกรุกเข้ามา อิงเถาถึงได้คลายความกังวลก่อนจะรีบคำนับ แต่ก่อนที่อิงเถาจะทันได้พูดอะไร หยุนเจิงก็ทำท่าทางให้เงียบ และโบกมือเบาๆ ส่งสัญญาณให้อิงเถาออกไป ดูเหมือนอิงเถาจะเดาได้ว่าหยุนเจิงตั้งใจจะทำอะไร ใบหน้าของนางพลันขึ้นสีแดงเล็กน้อย ก่อนจะก้าวเท้าออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว หยุนเจิงปิดกลอนประตูจากด้านใน แล้วค่อยๆ ย่องไปทางหลังฉากกั้น "อิงเถา มีคนผลักประตูหรือไม่?" เยี่ยจื่อเอ่ยถาม ความคิดซุกซนของหยุนเจิงเริ่มเล่นงาน เดิมทีเขาตั้งใจจะจู่โจมเยี่ยจื่ออย่างไม่ให้ทันตั้งตัว แต่คิดได้ว่านางกำลังตั้งครรภ์ เกรงว่าจะทำให้นางตกใจจนเกิดเรื่องไม่คาดคิด จึงเอ่ยขึ้นว่า "มีสิ มีโจรขโมยดอกไม้คนหนึ่ง" เมื่อได้ยิน เยี่ยจื่อหน้าถ
หยุนเจิงกลับมาจากโรงงานผลิตอาวุธ เพียงแค่เดินมาถึงหน้าจวนอ๋อง ก็ได้ยินเสียงโหวกเหวกวุ่นวายดังมาจากในจวน พอเข้าไปในจวนตามคาด เขาเห็นเหล่าเด็กซนกำลังเล่นกันอย่างสนุกสนานอยู่ในลานหน้า ลูกชายสองคนกับลูกสาวหนึ่งคนของฉินชีหู่ รวมถึงลูกชายของอดีตรัชทายาท มาที่จวน และกำลังเล่นปาหิมะกับเสิ่นเนี่ยนฉือและฉีเหยียน เด็กๆ เหล่านั้นต่างสวมเสื้อผ้าหนาเตอะเหมือนหมี แม้จะล้มลงบนพื้นหิมะก็ไม่รู้สึกเจ็บ “คารวะฝ่าบาท!” เมื่อเห็นหยุนเจิงกลับมา อาจารย์ที่คอยดูแลเด็กๆ รีบเข้ามาคารวะ “พอเถอะ ข้าบอกกี่ครั้งแล้วว่าอยู่ในจวนไม่ต้องเคร่งขนาดนั้น” หยุนเจิงโบกมือพลางถามว่า “พี่สะใภ้ตระกูลฉินมาที่นี่แล้วหรือ?” “เจ้าค่ะ” ซินเซิงยิ้มบางๆ ขณะช่วยปัดหิมะออกจากเสื้อหยุนเจิง พลางตอบว่า “ช่วงบ่ายฮูหยินฉินก็มากับเด็กๆ ตอนนี้คงเล่นไพ่นกกระจอกกับเหล่าพระชายาอยู่” หยุนเจิงว่า “เช่นนั้นข้าไปดูสักหน่อย เจ้าเฝ้าเด็กๆ ไว้ อย่าให้พวกเขาเล่นจนเหงื่อออกมากนัก” “บ่าวทราบแล้วเจ้าค่ะ” ซินเซิงพยักหน้าเบาๆ หยุนเจิงมองดูเด็กซนที่กำลังเล่นอย่างบ้าคลั่ง และครุ่นคิดในใจว่าจะให้พวกเขาทำ “การบ้านช่วงปิดเทอม