ไม่นาน หยุนเจิงพาคนมาถึงที่ค่ายใหญ่ทางเหนือเวลานี้ หัวหน้าภายในค่ายใหญ่ทางเหนือต่างตื่นตระหนกอย่างมากทหารม้าเป่ยหวนสี่หมื่นคนเชียวนะ!มารดาเขาสิ!คิดไปแล้วก็น่ากลัว“ให้ตายสิ เป่ยหวนหาทหารมากมายเช่นนี้มาจากที่ใด?”“เป่ยหวนบ้าไปแล้วใช่หรือไม่? เขาไม่ต้องการสามเมืองชายแดนแล้ว?”“พวกเขาไม่มีทางละทิ้งสามเมืองชายแดน พวกเขาต้องเรียกรับสมัครนักรบจากชนเผ่าโดยรอบชั่วคราวมาเฝ้าเมืองแน่นอน มิฉะนั้นพวกเขาไม่กล้าทำเช่นนี้!”“อื้ม น่าจะใช่ หากเป่ยหวนเปิดการระดมทหารเต็มรูปแบบ สร้างกองทัพใหญ่สามแสนห้าหมื่นคน ล้วนไม่มีปัญญาแม้แต่น้อย...”หัวหน้าแม่ทัพภายในค่ายปรึกษาหารือกันจนกระทั่งหยุนเจิงเดินเข้ามา ทุกคนจึงหยุดสนทนา พากันยืนขึ้นทำความเคารพ“เอาล่ะ เลิกสนใจมารยาทจอมปลอมเหล่านี้เถอะ!”หยุนเจิงโบกมือ เดินตรงไปนั่งตรงตำแหน่งประมุข “สถานการณ์ข้ารู้แล้ว พวกเจ้าหารือถึงยุทธวิธีรับมือกันต่อ ข้าฟังอยู่!”ห๊า?ให้พวกเขาหารือยุทธวิธีรับมือ?เขาไม่ตัดสินใจหรือ?“บอกความคิดเห็นของตัวเองมาเถอะ!”เสิ่นลั่วเยี่ยนยิ้มมุมปาก “คิดสิ่งใดได้ก็พูดสิ่งนั้น องค์ชายกำลังทดสอบพวกเจ้าอยู่!”นางรู้แผนการของ
“เอาล่ะ เจ้าหุบปากได้แล้ว!”หยุนเจิงยิ้มมองอวี๋ซื่อจง จากนั้นก็สั่งพวกเฝิงอวี้ “พวกเจ้าหารือกันต่อได้!”อวี๋ซื่อจงเดาจุดประสงค์ของกองทัพใหญ่เป่ยหวนได้แล้วมันก็ไม่ใช่เรื่องเข้าใจยากถึงเช่นไร อวี๋ซื่อจงก็เคยติดตามเขาไปหุบเขามรณะเขารู้แล้วว่าหุบเขามรณะไม่ใช่สถานที่อันตรายถึงเพียงนั้นเขาสามารถอนุมานได้ว่ากองทัพใหญ่เป่ยหวนจะบุกโจมตีจากทางหุบเขามรณะ นับว่าไม่ใช่เรื่องแปลกหลังจากอวี๋ซื่อจงปิดปาก พวกเฝิงอวี้ก็หารือกันต่อหยุนเจิงไม่ได้กล่าวสิ่งใด ให้พวกเขาหารือกันตามสบายเขาอยากเลือกรองผู้บัญชาการที่เหมาะสมสักคนพวกเขาตอนนี้ต้องเฝ้าประจำการณ์ที่ซั่วฟางและสู้ฉวีสองเมือง เขาสามารถดูแลได้ทั้งสองเมืองแต่พื้นที่ด้านหลังมากเกินไป เขาคนเดียวไม่สามารถดูแลได้ทั้งหมดจากสถานการณ์ตอนนี้ ตู้กุยหยวนและอวี๋ซื่อจงต่างก็ไม่เลวทว่า ตู้กุยหยวนมีใจอยากสร้างกองทหารโลหิตขึ้นมาใหม่ เขาไม่สนใจตำแหน่งรองผู้บัญชาการเมื่อเป็นเช่นนี้ อวี๋ซื่อจงก็กลายเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุดแล้วอืม ค่อยดูกันต่อไปเถอะ!ความจริง หากเสิ่นลั่วเยี่ยนสุขุมอีกสักหน่อย นิสัยไม่ใจร้อนเช่นนี้ ก็สามารถบ่มเพาะได้ทว่า ห
ปากเขาเขี้ยวหมาป่าอู้เลี่ยได้นำทัพมารวมตัวประจำการที่ปากเขาเขี้ยวหมาป่าแล้วทว่า ตอนนี้พวกเขาเพียงหยุดพักชั่วคราว ทำท่าทางเหมือนจะบุกไปที่เขาเขี้ยวหมาป่าได้ตลอดเวลายังมีคนส่วนหนึ่ง ถูกเขาส่งไปบริเวณทุ่งหญ้าหม่ามู่เพื่อเก็บเกี่ยวอาหารแห้งแล้วพวกเขาครั้งนี้แค่ลอบโจมตี ไม่อาจพกเสบียงอาหารมากมายเกินไปเสบียงของคนเป็นแค่เรื่องรอง ที่สำคัญคือต้องรับประกันว่าเสบียงอาหารม้าศึกเพียงพอยังดีที่ปานปู้ได้ทำการเตรียมการล่วงหน้าแล้ว ทางนี้เตรียมหญ้าแห้งให้ม้าไว้แล้วบริเวณใกล้หุบเขามรณะ ก็มีชนเผ่าเตรียมหญ้าแห้งและธัญพืชแห้งให้ม้าศึกของพวกเขารอทางนั้นพักผ่อนหนึ่งวัน ก็สามารถบุกเข้าข้างหลังกองทหารมณฑลทางเหนือได้อย่างสบายแล้วขอแค่สามารถยึดคูเมืองได้สักแห่ง แย่งชิงเสบียงอาหารมาได้ก่อน ไม่ว่าจะเป็นหญ้าแห้งของม้าศึกหรือเสบียงสำหรับคน ล้วนจัดสรรได้เพียงพอแล้วการจู่โจมกะทันหันสนามนี้ เขาเตรียมพร้อมรอบด้านอย่างดี!ต้องสำเร็จแน่นอน!เมื่อนึกถึงความสำเร็จที่ได้รับจากการจู่โจมกะทันหัน อู้เลี่ยอดไม่ได้ที่จะตื่นเต้นเมื่อแผนการนี้สำเร็จ ทั้งเป่ยหวน นอกจากสถานที่สำคัญอย่างด่านเป่ยลู่ ก็ไม่มีคูเม
เพราะลมหนาวพัดแรงในหุบเขา กองหิมะนับว่าไม่ลึกมากส่วนที่หิมะกองน้อยที่สุดก็ยังลึกถึงเอวหิมะกองลึกเช่นนี้ ต้องส่งผลกระทบต่อความเร็วของทหารม้าพวกเขาจำเป็นต้องผ่านหุบเขามรณะ บุกไปยังข้างหลังของกองทหารมณฑลทางเหนือโดยเร็วที่สุด!หลังจากครุ่นคิดเงียบๆ อู้เลี่ยเรียกนายพันสองคนเข้ามา ออกคำสั่ง “พรุ่งนี้เช้า กองกำลังพวกเจ้าเข้าไปก่อนที่นำทัพใหญ่เคลื่อนตัวเข้าสู่หุบเขามรณะ เมื่อพบกองหิมะ เหยียบกองหิมะให้เรียบ!” “นี่...” นายพันหนึ่งในนั้นทำสีหน้ายากลำบาก กล่าวด้วยความระมัดระวัง “องค์ชายใหญ่ สถานที่ที่มีกองหิมะไม่รู้ว่าจะยาวเพียงใด พวกเราแค่สองพันคน เกรงว่า...”ยังไม่ทันได้กล่าวจบ แสงแวววาวของมีดก็ไหววูบเข้ามาฉับ!มีดโค้งของอู้เลี่ยปาดลงบนคอของนายพันที่กำลังพูดจาผู้นั้นนายพันกุมคอของตัวเองไว้แน่น มองอู้เลี่ยด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อเขานึกไม่ถึง เขาแค่กล่าวเพียงประโยคเดียว ก็ยั่วยุจนความตายมาถึงตัวเขาแล้วร่างนายพันที่ตายอย่างไม่ยุติธรรมกองลงไปกับพื้น “ลากออกไป!”อู้เลี่ยโบกมือให้ทหารคนสนิท มองนายพันอีกคนด้วยสีหน้าเย็นชา “เจ้ามีปัญหาหรือไม่?”เผชิญกับสายตาอู้เลี่ย นายพันรีบส่ายหน
ขณะที่เหลือระยะห่างจากหุบเขามรณะและทางออกประมาณสิบลี้ อู้เลี่ยสั่งให้กองทัพใหญ่หยุดชั่วคราว รอข่าวจากนายร้อยข้างหน้าเวลาเพียงไม่นาน นายร้อยส่งคนกลับมารายงาน “รายงานองค์ชายใหญ่ พวกเราพบทัพศัตรูที่ปากหุบเขา!”เมื่อได้ฟังคนกลับมารายงาน หัวใจของอู้เลี่ยพลันตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม จากนั้นก็ถาม “ทัพศตรูมีกี่คน?”ผู้รายงาน “ไม่ถึงหนึ่งร้อย! กำลังต่อสู้กับกองกำลังของเรา”ไม่ถึงหนึ่งร้อย?อู้เลี่ยยินดีปรีดา ตะโกนลั่น “ถ่ายทอดคำสั่ง กองทัพทั้งหมดบุก!”นายกองจั่วต้าขมวดคิ้วเล็กน้อย กล่าวเสียงเคร่ง “องค์ชายใหญ่ ทัพศัตรูเหมือนจะมีการเตรียมพร้อม พวกเราควรรอดูสถานการณ์ก่อนหรือไม่?” “ไม่จำเป็นต้องดูแล้ว!”อู้เลี่ยส่ายหน้าด้วยความมั่นใจ “คนเหล่านั้นคงประจำการอยู่ที่ปากหุบเขา พวกคนที่ขัดขวางไม่ให้นักโทษเหล่านั้นหนีไป! พวกเราจำเป็นต้องบุกออกไปทันที ห้ามพวกเขามีโอกาสกลับไปรายงาน!”อู้เลี่ยไม่สนใจคำเตือนของหัวนายกองจั่วต้า ออกคำสั่งกองทัพบุกอีกครั้ง!”ภายใต้คำสั่งของอู้เลี่ย กองทัพเริ่มมุ่งหน้าสู่ยังปากหุบเขาตอนที่ส่วนหน้าของกองทัพใหญ่กำลังจะมุ่งออกจากปากหุบเขา หูของพวกเขาพลันได้ยินเสียงดังกึกก้องอ
“หุบเขาแห่งความตาย พวกเขากล้าใช้เส้นทางผ่านหุบเขาแห่งความตายได้เช่นไร?”เว่ยเหวินจงตกอยู่ในความสับสนวุ่นวาย แทบจะไม่กล้าเชื่อทหารส่งสารเขารู้ดีถึงผลที่จะตามมาหากทหารเป่ยหวนบุกเข้าทางด้านหลังของกองทหารมณฑลทางเหนือแต่เขาไม่กล้าเชื่อ เป่ยหวนจะใจกล้าถึงเพียงนี้ นึกไม่ถึงจะกล้าใช้เส้นทางผ่านสถานที่ต้องห้ามอย่างหุบเขามรณะมุ่งสู่ด้านหลังของกองทหารมณฑลทางเหนือเป่ยหวนบ้าไปแล้วกระมัง?พวกเขาไม่รู้หรือว่าหุบเขามรณะเป็นสถานที่เช่นไร?หากพบกับเทพลงทัณฑ์ กองทัพนับหมื่นของพวกเขาจะถูกทำลายอย่างเปล่าประโยชน์ตอนที่เว่ยเหวินจงกำลังสับสน ทหารส่งสารอีกคนหนึ่งก็กระหืดกระหอบวิ่งเข้ามา“รายงานท่านแม่ทัพใหญ่ ท่านอ๋องได้รีบส่งกองทัพไปสนับสนุนกองกำลังทหารของสู้ฉวีที่หุบเขามรณะแล้ว! ท่านอ๋องสั่งให้ข้าน้อยรายงานกับท่านแม่ทัพใหญ่ มีความเป็นไปได้สูงว่ากองทัพใหญ่เป่ยหวนมุ่งหน้าบุกจู่โจมกะทันหันที่ปากเขาเขี้ยวหมาป่า! ท่านอ๋องเกรงจะต้านทานไม่ไหว ขอให้ท่านแม่ทัพใหญ่ส่งกองกำลังไปสนับสนุน!”เว่ยเหวินจงสีหน้าเปลี่ยน “เจ้าบอกว่า เป่ยหวนมี...กองทัพสี่หมื่นคน?”“ขอรับ!”ทหารส่งสารตอบอย่างกระหืดกระหอบ “ท่านอ๋อง
ได้ฟังคำเว่ยเหวินจง แม่ทัพนายกองพากันพยักหน้าใช่แล้ว!เรื่องเร่งด่วน คือต้องป้องกันหม่าอี้!อีกทั้ง จำเป็นต้องป้องกันหม่าอี้!มิฉะนั้น ภายภาคหน้าของกองทหารมณฆลทางเหนือคือความพ่ายแพ้ย่อยยับ“สามารถโยกย้ายทหารม้าสองหมื่นจากป้อมเมืองสุยหนิง เร่งไปสนับสนุนหุบเขามรณะ!”เวลานี้ มีคนเสนอแนะอีกครั้ง“ไม่ได้!เว่ยเหวินจงปฏิเสธโดยไม่ต้องคิด “ทหารและม้าของเมืองแนวหน้า ห้ามขยับเด็ดขาด! เป่ยหวนเพิ่มกำลังคนที่เมืองชายแดนกู้ไม่น้อย ทันทีที่กำลังทหารแนวหน้าว่างเปล่า เป็นไปได้สูงว่าเป่ยหวนจะฉวยโอกาสแย่งชิงสองป้อมเมืองแนวหน้า!”คนผู้นั้นสีหน้าเปลี่ยนไป เอ่ยปากเตือนอีกครั้ง “แต่หากไม่ส่งกำลังสนับสนุนไปหุบเขามรณะ ชีวิตองค์ชายหกก็ไม่อาจรักษาไว้ได้! ถึงเวลานั้นฝ่าบาทไล่เรียงไถ่ถาม...”“เลิกพูดได้แล้ว!”เว่ยเหวินจงตัดบทเขา กดฟันกล่าว “ซั่วฟางมีทหารชาวนาหนึ่งแสนกว่าคน หากไม่ได้จริงๆ องค์ชายกสามารถถอยมาป้องกันเมืองซั่วฟาง! หากองค์ชายหกมีอันต้องสูญเสีย ฝ่าบาทไล่เรียงไถ่ถาม ข้าจะรับผิดชอบเพียงผู้เดียว!”สิ้นเสียงของเว่ยเหวินจง เรื่องนี้ก็ถือว่าตัดสินได้แล้วเว่ยเหวินจงทำเช่นนั้น ก็สามารถเข้าใจได้
หากหยุนเจิงรู้ว่าศัตรูมีน้อยเพียงนี้ ควาเป็นไปได้มากกว่าครึ่งคงใช้โอกาสนี้ฝึกทหารหยุนเจิงสามารถซุ่มโจมตีเป่ยหวนอีกครั้ง คาดการณ์ศัตรูล่วงหน้า ไม่ได้หมายความว่าเขาจะทำได้ทุกครั้งต่อให้หยุนเจิงเทพเพียงใด นั่นก็ต้องดูว่าเป่ยหวนให้เขาโอกาสเขาหรือไม่!หากเป่ยหวนยกทัพใหญ่มาซึ่งๆ หน้า แผนการใดก็ล้วนไร้สาระ!ถึงเวลานั้น สุดท้ายก็ยังต้องสู้กันประชิดตัว!ในใจตู้กุยหยวนรู้ดี อย่ามองว่าพวกเขารบชนะหลายครั้ง ปลิดชีพชาวเป่ยหวนไปไม่น้อย แต่กำลังรบซึ่งๆ หน้าของกองทัพพวกเขาไม่แข็งแกร่ง!หากต่อสู้กับเผชิญหน้ากับทหารม้าเป่ยหวน พวกเขาเหล่านี้ไม่อาจสู้กับทหารม้าหนึ่งหมื่นของเป่ยหวนได้เมื่อได้ฟังคำของตู้กุยหยวน อวี๋ซื่อจงอดไม่ได้ที่จะตกสู่ห้วงความคิด“พี่ใหญ่ตู้พูดมีเหตุผลนัก!”อวี๋ซื่อจงพยักหน้า “จริงอยู่ที่ว่าครั้งนี้ข้าไม่ได้ปรับตัวเข้ากับสถานการณ์”ตู้กุยหยวนพยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นก็กล่าวใบหน้าเคร่งขรึม “พวกเราโชคดี พบกับองค์ชาย! องค์ชายคิดแทนพวกเรา พวกเราก็ต้องคิดแทนองค์ชายเช่นกัน!”“อื้ม!”อวี๋ซื่อจงพยักหน้าอย่างจริงใจ ขณะเดียวกันก็ถามด้วยความสงสัย “พี่ใหญ่ตู้ ท่านรู้หรือไม่ว่าความเคลื่
“ลูก…ลูกสาวเพคะ”หมอตำแยที่ตกใจกับท่าทางของหยุนเจิงก่อนหน้านี้ เอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ“ลูกสาวดี! ลูกสาวดี!”หยุนเจิงพึมพำกับตัวเอง ก่อนก้มลงมองเด็กน้อยที่ยังคงร้องไห้เสียงดังไม่เหมือนหยุนชางเลย เด็กหญิงตัวน้อยคนนี้เกิดมาโดยแทบไม่มีริ้วรอยบนผิวเลย เพียงแค่ตัวแดงระเรื่อเท่านั้น“เจ้าตัวน้อย เจ้านี่เกือบทำให้แม่ของเจ้าสิ้นชีวิตเลยนะ…”เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ หัวใจของหยุนเจิงยังคงสั่นไหวเขาไม่อาจจินตนาการได้เลยว่า หากเขาสูญเสียเยี่ยจื่อไป เขาจะต้องเจ็บปวดเพียงใดโชคดีที่มันเป็นเพียงความหวาดกลัวลวงตา!“อุแว๊ๆ…”เด็กน้อยยังคงร้องไห้ และดูเหมือนเสียงของนางจะแจ่มชัดขึ้นเรื่อยๆหยุนเจิงลูบแผ่วเบาบนผ้าห่อตัวของนาง ก่อนหันไปมองหมอตำแยทั้งสามที่ยังยืนไม่มั่นใจ “ให้รางวัล! ให้รางวัลทุกคน! คนละห้าร้อยตำลึง!”ห้าร้อยตำลึง!?หมอตำแยทั้งสามแทบไม่เชื่อหูตัวเองท่านอ๋องผู้นี้ ช่างใจกว้างนัก!แค่เอ่ยปาก ก็แจกเงินรางวัลมากมายถึงเพียงนี้!“เอาล่ะ พวกเจ้าทำความสะอาดให้เรียบร้อยเถิด”หยุนเจิงเรียกสติหมอตำแย “เสร็จแล้วก็ไปรับรางวัลได้เลย”หยุนเจิงกล่าวจบ ก็กอดลูกสาวไปนั่งลงที่
“อ๊าก…”เสียงกรีดร้องของเยี่ยจื่อสะท้อนก้องอยู่ในหูของหยุนเจิง ราวกับสามารถฉีกหัวใจของเขาออกเป็นเสี่ยงๆ“พอแล้ว! อย่าคลอดแล้ว! ข้าไม่ต้องการลูกแล้ว! ข้าต้องการแค่เจ้า!”หยุนเจิงน้ำตาคลอเบ้า ส่ายศีรษะไปมาอย่างร้อนรน ก่อนจะหันไปตะโกนลั่นใส่หมอตำแยข้างๆ “ช่วยนางไว้! อย่าไปสนใจเด็ก!”เขากลัว!เขากลัวจริงๆ!แม้ว่าเขาจะไม่ใช่หมอ แต่เขาก็รู้ดีว่า หากพลาดแม้แต่นิดเดียว นางอาจตกเลือดหนักได้แม้แต่ในยุคปัจจุบัน การตกเลือดมากก็ยังยากที่จะรักษา แล้วนี่เป็นยุคโบราณ“ออกมาแล้ว! ออกมาแล้ว!”ขณะนั้นเอง หมอตำแยก็ร้องขึ้นด้วยเสียงตื่นเต้น“อุแว๊…”เสียงร้องแหลมใสของทารกดังขึ้นภายในห้องคลอด แต่ในขณะเดียวกัน เสียงของเยี่ยจื่อกลับเงียบลงอย่างกะทันหัน!หมอตำแยคนหนึ่งรีบเช็ดเลือดที่เปรอะเปื้อนตัวทารก ขณะที่อีกคนเตรียมห่อทารกในผ้าห่ม และหันไปแสดงความยินดีกับหยุนเจิง “ขอแสดงความยินดีด้วยพ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง เด็กน้อยเป็น…”“ช่างลูกก่อน! ดูจื่อเอ๋อร์ก่อนว่านางเป็นอย่างไรบ้าง!”หยุนเจิงตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยโทสะและความหวาดหวั่น มือของเขาที่กุมมือเยี่ยจื่อไว้สั่นเทาอย่างรุนแรงตอน
เสียงร้องของเยี่ยจื่อ ทำให้หัวใจของหยุนเจิงบีบรัดตามไปด้วย“จื่อเอ๋อร์! ข้ากลับมาแล้ว!”หยุนเจิงไม่สนใจพูดคุยกับเสิ่นลั่วเยี่ยนและคนอื่นๆ เขารีบพุ่งไปที่ประตู แล้วตะโกนเข้าไปข้างใน“สามี!”เสียงร้องเจ็บปวดของเยี่ยจื่อดังขึ้นอีกครั้งแม้หยุนเจิงจะมองไม่เห็นสถานการณ์ภายในห้อง แต่เขาก็นึกภาพออกว่าเยี่ยจื่อต้องเจ็บปวดเพียงใดหากเป็นไปได้ เขาอยากจะแบ่งเบาความเจ็บปวดของนาง“จื่อเอ๋อร์ อย่ากลัว! สามีอยู่ที่นี่กับเจ้า!”หยุนเจิงกล่าวปลอบ แล้วรีบหันไปถามเสิ่นลั่วเยี่ยน “จื่อเอ๋อร์เป็นอย่างไรบ้าง?”เสิ่นลั่วเยี่ยนที่ดวงตาแดงก่ำ แอบมองไปทางประตูห้อง ก่อนจะตอบเสียงแผ่วเบา “หมอตำแยบอกว่า ตำแหน่งของทารกไม่ค่อยปกติ อาจคลอดได้ยาก เมี่ยวอินก็กำลังช่วยอยู่ เราเองก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ยืนร้อนใจอยู่ข้างนอก……”ตำแหน่งทารกผิดปกติ!เมื่อได้ยินคำนี้ หัวใจของหยุนเจิงพลันเต้นรัวขึ้นมาทันที เขาหันขวับไปมองฮูหยินเสิ่นและเว่ยซวงที่ยืนอยู่ใกล้ๆพบว่าทั้งสองต่างมีดวงตาแดงก่ำ ใบหน้าหม่นหมอง เห็นได้ชัดว่ากระวนกระวายใจไม่น้อยหยุนเจิงเข้าใจทันทีว่า เสิ่นลั่วเยี่ยนคงไม่อยากให้เขากังวลเกินไป จึงบอกเพียงว่าคลอ
ไม่กี่วันต่อมา ขณะที่หยุนเจิงอยู่ที่จิงหยางฝู่ เขาได้รับข่าวสารฮั่วเหวินจิ้งตายแล้ว!ไม่ได้ถูกฆ่าปิดปาก แต่ตายเพราะป่วย!หยุนเจิงคาดว่า ฮั่วเหวินจิ้งคงเสียชีวิตเพราะบาดแผลติดเชื้อเมื่อได้รับข่าวนี้ หยุนเจิงแทบอยากจะด่าหยุนลี่ว่าโง่เง่าเป็นหมูเสียจริงทำไมเขาถึงไม่ใช้วิธีทรมานก่อน แล้วค่อยให้หมอรักษาไว้ล่ะ?อีกแค่ก้าวเดียว เขากำลังจะสาวไปถึงตัวการเบื้องหลังได้อยู่แล้วแท้ๆ แต่ฮั่วเหวินจิ้งกลับมาตายเสียก่อนมันเหมือนกับฟ้ากำลังเล่นตลกกับเขา!สิ่งเดียวที่พอทำให้โล่งใจได้บ้างคือ อีกาดำและอีกาขาวต่างได้รับความเสียหายหนัก คนของเขาที่แทรกซึมอยู่ในอีกาดำ น่าจะสามารถก้าวขึ้นไปอีกขั้นหนึ่งได้หากสามารถทำให้คนของเขากลายเป็นหัวหน้าของอีกาดำได้ ก็คงดี!แต่ไม่รู้ว่าเงาสอง ที่ร่วมเดินทางไปเมืองหลวงเพื่อฆ่าปิดปาก ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ขอให้รอดปลอดภัยเถอะ!หยุนเจิงถอนหายใจเงียบๆ ก่อนลุกขึ้นยืนในเมื่อฮั่วเหวินจิ้งตายไปแล้ว เขาก็ไม่ต้องรอสอบสวนอะไรอีกเรื่องที่เหลือ ก็ปล่อยให้ทัวฮวนจัดการไปก็แล้วกัน!“ส่งคำสั่งถึงอวี่ซื่อจง ให้เหลือทหารห้าพันนายประจำการอยู่ที่นี่ ภายใต้การบัญชาของรองแม่ท
“ลูกเข้าใจพ่ะย่ะค่ะ!”หยุนลี่รีบรับคำสั่ง“จำไว้! ฮั่วเหวินจิ้งถูกนักฆ่าสังหาร ไม่ใช่ตายเพราะป่วย!”จักรพรรดิเหวินกล่าวเตือนหยุนลี่ด้วยใบหน้าเย็นชา ก่อนเสด็จออกจากจวนองค์รัชทายาทแม้จะนั่งอยู่ในเกี้ยวแล้ว แต่เพลิงโทสะของจักรพรรดิเหวินยังคงลุกโชนไม่มอดอย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความโกรธเกรี้ยวในพระทัย ก็ยังมีความรู้สึกซับซ้อนบางอย่างซ่อนอยู่เขารู้ดีว่าฮั่วเหวินจิ้งไม่ใช่คนของหยุนเจิงหากสามารถเค้นเอาความจริงจากฮั่วเหวินจิ้งได้ จนรู้ว่าใครอยู่เบื้องหลัง บางทีพระองค์เองอาจไม่รู้ว่าควรจัดการอย่างไรหากเป็นพระโอรสองค์ใดองค์หนึ่ง หรือแม้แต่นางสนมคนใดคนหนึ่งของพระองค์ พระองค์จะต้องลงพระอาญาสังหารพวกเขาด้วยพระองค์เองอย่างนั้นหรือ?หากเรื่องนี้ทำให้คนที่รอดพ้นจากเคราะห์ครั้งนี้ได้สำนึกและเลิกล้มความคิดที่จะก่อความวุ่นวาย นั่นก็คงเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับตัวการเบื้องหลังของฮั่วเหวินจิ้ง จักรพรรดิเหวินเองก็พอมีข้อสันนิษฐานอยู่ในพระทัยแต่เป็นเพียงแค่ข้อสันนิษฐาน พระองค์ยังไม่สามารถสรุปได้แน่ชัดยิ่งไปกว่านั้น คนที่พระองค์สงสัยมีอยู่หลายคน ทำให้ไม่อาจฟันธงได้ว่าเป็นผู้ใดกันแน่ดูเหมือ
ภายในพระราชวัง จักรพรรดิเหวินและหยุนลี่กำลังตรวจสอบข่าวเร่งด่วนจากเมืองฝูโจวอย่างไรก็ตาม ทั้งสองเพียงกวาดตามองก็ขว้างเอกสารฉบับนั้นทิ้งด้วยความโกรธอย่าว่าแต่หยุนลี่เลย แม้แต่จักรพรรดิเหวินก็อดด่าหยุนเจิงในใจไม่ได้ลูกอกตัญญูผู้นี้ ชักจะเหลวไหลขึ้นทุกวันเรื่องเล็กน้อยแค่ไหนก็กล้าใช้ชื่อข่าวเร่งด่วนทางทหารส่งมาถึงเมืองหลวงนี่เป็นครั้งที่สองแล้ว!ข่าวเร่งด่วนทางทหารถูกเขาใช้เป็นของเล่นไปแล้ว!คราวหน้า ถ้าเจอตัวเจ้าเด็กเหลือขอนั่น ข้าจะเตะมันให้กระอักสองทีแน่!“กราบทูลฝ่าบาท องค์รัชทายาทฝ่าบาท กองกำลังของกระหม่อมถูกลอบโจมตีโดยนักฆ่าที่ถนนเป่ยเจีย……”ขณะที่จักรพรรดิเหวินและหยุนลี่กำลังเดือดดาลกับหยุนเจิง เฉียวเหยียนเซียนก็ส่งคนมาแจ้งข่าวนักฆ่าหลายสิบคนที่ร่วมมือกันสังหารฮั่วเหวินจิ้งและครอบครัว ถูกสังหารหรือถูกจับกุมเป็นส่วนใหญ่มีเพียงไม่กี่คนที่ฉวยโอกาสความชุลมุนหลบหนีไปได้ครั้งนี้ การวางแผนของพวกเขารัดกุมยิ่งนักหากไม่ใช่เพราะพลส่งสารข่าวเร่งด่วนโผล่มาขัดจังหวะ คงไม่มีทางที่นักฆ่าจะรอดไปได้เลยนอกจากนี้ พวกเขายังพบหน้าไม้ทรงอานุภาพจำนวนมากในที่เกิดเหตุเมื่อรายงานมาถ
ขณะที่เฉียวเหยียนเซียนนำกำลังคุมตัวนักโทษผ่านถนนเป่ยเจีย หน้าต่างบนหอคอยของอาคารสองหลังที่อยู่สองฟากถนนค่อยๆ เปิดออกเล็กน้อยหน้าไม้จำนวนมากถูกเล็งออกมาจากช่องหน้าต่างโดยไร้เสียง เพียงแค่รอให้กรงนักโทษเข้าสู่ระยะยิง พวกเขาก็จะลงมือทันทีขบวนคุ้มกันเข้าใกล้พวกเขามากขึ้นเรื่อยๆ เงาสองก็เตรียมพร้อมเช่นกันเขาไม่รู้ว่าฮั่วเหวินจิ้งมีความสำคัญต่อหยุนเจิงเพื่อให้ได้รับความไว้วางใจจากอีกาดำมากขึ้น เขาจำเป็นต้องร่วมมือสังหารเหล่านักโทษเหล่านี้แต่เขาก็รู้ดีว่า หากลงมือแล้ว การจะหลบหนีออกจากเมืองหลวงไม่ใช่เรื่องง่ายแต่เขาต้องรอด!ส่วนหนึ่งเพราะเขาไม่ต้องการตาย อีกส่วนหนึ่งก็เพราะ หากเขารอด เขาจะมีโอกาสพบกับผู้ที่คอยสนับสนุนการหลบหนีของพวกเขาและบุคคลนี้ อาจเป็นกุญแจสำคัญในการเปิดโปงผู้อยู่เบื้องหลังตัวจริง!เงาสองครุ่นคิดเงียบๆ พร้อมเหลือบมองหน้าไม้ในมือพวกเขาปลอมตัวเป็นพ่อค้าเพื่อแฝงตัวเข้าเมืองหลวง ย่อมไม่สามารถพกพาอาวุธเหล่านี้มาเองได้หน้าไม้เหล่านี้ถูกเตรียมไว้ล่วงหน้า ถูกซุกซ่อนไว้ที่เนินเขาเหมียวเอ่อร์ซานสิ่งเหล่านี้เป็นอาวุธของกองทัพ!แม้ทางราชสำนักจะควบคุมอาวุธประเภทนี
“ฝ่าบาท เงาสามแจ้งข่าวด่วน!”จิงหยางฟู่ เสิ่นควานถือจดหมายฉบับหนึ่ง รีบรุดเข้ามาด้วยท่าทีเร่งรีบเงาสาม?นี่เป็นหนึ่งในคนที่สามารถแทรกซึมเข้าไปในอีกาดำได้สำเร็จเงาสามส่งข่าวด่วนมา ดูท่าแล้ว อีกาดำคงจะลงมือแล้วแน่หากไม่มีอะไรผิดพลาด อีกาดำน่าจะต้องการสังหารฮั่วเหวินจิ้งเพื่อกำจัดภัยร้ายอย่างสิ้นซาก!หยุนเจิงครุ่นคิดไปพลาง รับจดหมายจากเสิ่นควานและเปิดออกดูเมื่อเห็นเนื้อหาในจดหมาย หยุนเจิงก็ขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัวข่าวที่เงาสามส่งมา ตรงกับที่เขาคาดการณ์ไว้ไม่มีผิดหัวหน้าอีกาดำและอีกาขาวนำทัพมาด้วยตนเอง ต้องการฆ่าฮั่วเหวินจิ้งให้ได้!แม้แต่เงาสองก็ถูกเลือกให้เข้าร่วมภารกิจลอบสังหารครั้งนี้ตอนนี้ พวกเขาได้รับเพียงคำสั่งให้เตรียมพร้อม แต่ยังไม่รู้เวลาและสถานที่ลงมือที่แน่ชัดหัวหน้าอีกาดำและอีกาขาวตั้งใจปกปิดข้อมูล ไม่ให้ผู้ใดซักถาม ใครที่ร่วมภารกิจก็แค่ทำตามคำสั่งในขณะลงมือเท่านั้นพวกเขากลัวว่าจะถูกสงสัย จึงไม่กล้าไต่ถามอะไรมากข่าวที่เงาสามส่งกลับมา สำหรับหยุนเจิงแล้ว ไม่ใช่ข่าวดีเลยเขายอมจ่ายเงินกว่าล้านตำลึงเพื่อให้ครอบครัวฮั่วเหวินจิ้งปลอดภัยและมาถึงมือเขาแต่ตอนนี
หญิงสาวนิ่งเงียบ ทำอย่างไรดี? นางเองก็อยากหาคนมาปรึกษา ว่าควรทำเช่นไรในสถานการณ์นี้ แต่เวลานี้… เกรงว่าคงไม่มีผู้ใดสามารถให้คำตอบแก่นางได้ ไม่นึกเลยว่า… แผนการที่นางวางมาอย่างรอบคอบมายาวนาน กลับจะพังทลายลงในมือของหยุนลี่! เฮ้อ! นางทอดถอนใจยาวในใจ แต่ในดวงตากลับปรากฏประกายเย็นยะเยือก "ไม่ว่าอย่างไร… ฮั่วเหวินจิ้งต้องไม่มีชีวิตรอดไปถึงมือหยุนเจิง! หากไร้ซึ่งความกังวลเรื่องครอบครัว ฮั่วเหวินจิ้งจะต้องเปิดโปงเราทั้งหมดแน่!" นางรู้ดีว่าฮั่วเหวินจิ้งกำลังกังวลสิ่งใด สิ่งที่ฮั่วเหวินจิ้งกังวลที่สุดในตอนนี้ คือความปลอดภัยของครอบครัว เขาจึงไม่กล้าเปิดโปงนางออกไป แต่หากครอบครัวของฮั่วเหวินจิ้งถูกส่งไปถึงมือหยุนเจิงอย่างปลอดภัย เช่นนั้น เขาย่อมไม่มีเหตุผลใดให้ปิดปากอีกต่อไป! ระหว่างหยุนลี่กับหยุนเจิง นางเกรงกลัวหยุนเจิงมากกว่า เพราะหยุนเจิงคือผู้กุมอำนาจกองทัพ… หากหยุนเจิงรู้ว่า ผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดนี้คือตัวนางเอง เช่นนั้น… นางคงหนีไม่พ้นความตาย! ไม่ใช่แค่หยุนเจิง… แม้แต่หยุนลี่ หรือแม้กระทั่งองค์จักรพรรดิ… ก็คงไม่ปล่อยนางไปเช่นกัน! เมื่อได้ยินเช่