ไม่จำเป็นต้องให้หยุนเจิงพูดเยอะ จางซูนำสมุดบัญชีที่เตรียมไว้นานแล้วมอบให้หวังชี่หวังชี่ตัวสั่นรับสมุดบัญชีมาพลิกดูจางซูหัวเราะ “หากพวกเจ้าคิดว่าสมุดบัญชีเล่มนี้ไม่น่าเชื่อถือ สามารถไปถามที่หม่าอี้และด่านเป่ยลู่ได้ ร้านค้าเหล่านี้นำเหล้าเข้าไปในด่าน ตามท้องถนนน่าจะมีสองแห่งขายเหล้าเหล่านี้...”หวังชี่ใจกระตุก มือที่ถือสมุดบัญชียิ่งสั่นไม่หยุดหากนับตามที่บันทึกไว้ในสมุดบัญชี สุราห้าพันชั่งทั้งหมดหนึ่งแสนห้าหมื่นตำลึงเงินยังน้อยไปด้วยซ้ำ!ราคาขายปลีกของพวกเขา ขายหนึ่งชั่งสี่สิบตำลึงเงินหนึ่งแสนห้าหมื่นตำลึงเงิน!พวกเขาจะไปเอาหนึ่งแสนห้าหมื่นตำลึงเงินมาจากที่ใดเล่า!เห็นหวังชี่ตัวสั่นไม่หยุด เมี่ยวอินและหมิงเย่ว์อดไม่ได้ที่จะมองตากันแล้วยิ้มไอสองคนจอมเจ้าเล่ห์!พวกเขาวางกับดักไว้นานแล้ว รอให้พวกหวังชี่ติดกับเท่านั้น!จะปล่อยให้พวกหวังชี่มีโอกาสได้ชดใช้ได้เช่นไร!หากพวกหวังชี่ต้องชดใช้หนึ่งแสนห้าหมื่นตำลึงเงินได้จริง ศีรษะของหวังชี่คงรักษาไว้ไม่ได้แล้วถึงเช่นไร หวังชี่ก็เป็นแค่แม่ทัพขั้นห้าเท่านั้นได้แค่พึ่งพาเบี้ยหวัดจากราชสำนัก หวังชี่เริ่มเก็บเงินตั้งแต่เขาอยู่ในครรภ
รอจนหวังชี่เข้ามาในห้อง เมี่ยวอินปิดประตู“นั่งเถอะ!”หยุนเจิงนั่งอยู่หน้าโต๊ะ จากนั้นก็เรียกหวังชี่นั่งลงหวังชี่ก้มหน้า “ข้าดูแลลูกน้องไม่เข้มงวด ตัวมีความผิด ละอายที่จะนั่ง!”“เขาก็คือเขา เจ้าก็คือเจ้า!”หยุนเจิงกล่าวเสียงเรียบ “คนในค่ายทหารซับซ้อนวุ่นวาย ยากหลีกเลี่ยงที่จะมีแกะดำ! แม้เจ้าจะมีความผิดที่ดูแลลูกน้องไม่ดีจริง แต่ความผิดของเจ้าก็ไม่ใช่หน้าที่ข้าตัดสิน!”“ขอบคุณท่านอ๋อง”หวังชี่ลังเล จากนั้นก็ค่อยๆ นั่งลงเมี่ยวอินส่ายหน้ายิ้ม แล้วนั่งลงตามหยุนเจิงเช็ดแก้วสุราตรงหน้า จากนั้นก็รินสุราหนึ่งแก้วให้ตัวเอง ดื่มรวดเดียวหมด วางแก้วสุราลงแล้วมองไปยังหวังชี่ “ตอนนี้ข้าอยากรู้คือ เรื่องนี้ เจ้ามีส่วนเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่? กัวไคพาคนไปปล้นสุราของสหายข้า เป็นคำแนะนำจากเจ้า?”“ไม่ใช่! ไม่ใช่เด็ดขาด!”หวังชี่สีหน้าเปลี่ยนไป กล่าวอย่างตื่นตระหนก “หากข้ารู้ว่าเหล้าพวกนั้นพวกเขาปล้นมา ไม่จำเป็นต้องให้ท่านอ๋องมาถึงนี่ ข้าก็จะขังพวกเขาแล้วไปขอรับโทษจากซั่วฟาง!”“ก็ได้ ตอนนี้ข้าจะเชื่อเจ้า!” หยุนเจิงพยักหน้า “แต่ว่า ข้าก็จะส่งคนไปตรวจสอบ! หากเจ้ากล้าโกหกข้า ข้าก็ไม่ถือสาที่จะประ
“นี่...”หวังชี่ลังเล เวลานี้ไม่รู้ควรกล่าวสิ่งใดเขาไม่ถือสาที่จะฟังคำสั่งของหยุนเจิงแต่เขากลัวว่าหยุนเจิงจะก่อกบฏ!“พวกเจ้านี่นะ ล้วนโง่เขลา!”หยุนเจิงส่ายหน้าเบาๆ “จงรักภักดีต่อแคว้นเป็นเรื่องดี แต่ในฐานะผู้นำทัพ หากแม้แต่รักษาความสงบสุขยังทำไมได้ ยังจะพูดถึงความจงรักภักดีต่อแคว้นอะไรได้อีกหรือ?”หวังชี่เมื่อได้ฟัง พลันเป็นใบ้พูดไม่ออกครุ่นคิดชั่วครู่ หวังชี่ตัดสินใจ คุกเข่าข้างเดียว “ข้ายินดีทำงานอย่างเต็มที่เพื่อท่านอ๋อง!”“ลุกขึ้นเถอะ!”หยุนเจิงโบกมือ “อย่าคิดเรื่องข้าก่อกบฏหรือไม่ก่อกบฏเลย ตอนนี้คิดว่าจะตีแตกเป่ยหวนเช่นไรก่อนเถอะ! หลังเป่ยหวนสงบลง เจ้าจะจากไป ข้าไม่ขวางเด็ดขาด!”“ขอบคุณท่านอ๋องมาก!”หวังชี่ลุกขึ้นยืนใหม่อีกครั้ง“เอาล่ะ เรื่องนี้ก็เอาตามนี้แล้ว!”หยุนเจิงยิ้มเล็กน้อย “พวกเรามาพูดกันต่อเรื่องกัวไค”หวังชี่ชะงักเล็กน้อย “ห๊า? นี่...”“นี่อะไรเล่า?”หยุนเจิงกล่าว “ข้าสามารถไม่เอาผิดเขาต่อหน้าข้าได้ แต่พาคนไปปล้นนั้นเป็นความจริง! โทษตายละเว้นได้ โทษเป็นยากละเว้น! หากแม้แต่เรื่องนี้เจ้ายังไม่เข้าใจ เจ้าคิดจะทำงานแทนข้า ข้าก็ไม่ต้องการ!”“ข้าเข้าใจแ
เช้าวันที่สอง พวกหยุนเจิงไปจากสู้ฉวีหยุนเจิงเพิ่งจากไป หวังชี่เรียกรวมพลทหารทุกคน เมื่ออยู่ต่อหน้าทหาร ก็ลงโทษพวกกัวไคต่อหน้าทุกคน และถอดถอนพวกเขาออกจากกองทัพอย่างถาวร“เหล้าพวกนั้น พวกเจ้าทุกคนก็ดื่มเช่นกัน!”“แม้กัวไคสารเลวนี่เป็นตัวต้นคิด แต่พวกเราทุกคนก็มีส่วนผิด!”“เมื่อคืนข้าขอร้องตั้งนาน ท่านอ๋องจึงตกลงใจกว้างกับข้า!”“ปิดปากตัวเองให้สนิท หากเรื่องภายในวันนี้ลอยไปถึงหูของแม่ทัพใหญ่เว่ย ไม่ต้องให้ข้าพูด พวกเจ้าก็คงรู้ผลที่จะตามมา!”“จำเอาไว้ กัวไคไม่เคยพาคนไปปล้นสุรา ท่านอ๋องไม่เคยมาที่นี่!”“อีกอย่าง ตั้งแต่วันนี้ไป ห้ามดื่มสุราภายในค่ายทหาร!”“ข้าจะใช้เบี้ยหวัดของข้าซื้อถ่านเพื่อความอบอุ่นให้ทุกคน!”“ต่อไปใครกล้าดื่มสุราภายในค่าย ข้าจะให้ผู้ที่ดื่มสุราย้ายบ้านไปซะ!”หวังชี่ใช้เมตาผสมกับข่มขู่ กดดันทหารได้สำเร็จหลังจบเรื่อง หวังชี่มาพบตัวต้นคิดอย่างพวกกัวไค กำชับอีกครั้ง ห้ามไม่ให้ผู้ใดเอ่ยถึงเรื่องเมื่อคืนก่อน มิฉะนั้น ตอนที่เว่ยเหวินจงต้องการประหารพวกเขา อย่าหาว่าเขาไม่นึกถึงมิตรภาพเก่าทุกคนถูกหวังชี่ข่มขู่ พากันพยักหน้า แสดงเจตนาว่าต่อให้ตายก็จะไม่พูดเรื่องนี้อ
หยุนเจิงครั้งนี้ทำอย่างเป็นความลับขั้นสุดยอดเป็นความลับยิ่งกว่าแผนการรบก่อนหน้านี้มาก!“เลิกมองได้แล้ว”หยุนเจิงเงยหน้ามอง “เรื่องนี้ ดีที่สุดพวกเจ้าอย่าให้คนอื่นรู้! บอกพวกเจ้าตามตรง ผู้ที่มีส่วนร่วมทำสิ่งนี้ ข้าจะส่งคนจับตาดูอย่างเข้มงวด! หากพวกเจ้าไม่อยากถูกจับตาดู ก็อย่าสอดรู้สอดเห็น!”ได้ฟังคำพูดของหยุนเจิง ในใจทุกคนพลันไหววูบ พากันพยักหน้ามิน่าเล่าหยุนเจิงไม่ให้พวกเขาเข้าไป!ที่แท้ก็เพราะหวังดีกับพวกเขาเมื่อรู้ความคิดที่แท้จริงของหยุนเจิง ทุกคนแม้จะแปลกใจ แต่ก็ไม่มีใครกล้าถามพวกเขาไม่อยากถูกคนจับตาดูตลอดเวลา!เวลาผ่านไปอีกสองวัน ในที่สุดหยุนเจิงก็พาทหารชาวนาอาวุโสสี่คนทำสิ่งควรที่ควรทำสำเร็จแล้วต่อมา หยุนเจิงเรียกนักรบภูตหมายเลขหนึ่งถึงแปดมา สั่งงานพวกเขาบางอย่างวันถัดไป ทั้งแปดคนพกอาหารแห้งเพียงพอสำหรับพวกเขาแปดคนอยู่ได้ยี่สิบวันจากไปนอกจากคนจำนวนกำกัดเหล่านี้ ไม่มีผู้อื่นรู้แล้วว่าคนเหล่านี้ไปที่ใดงานยุ่งมาตั้งหลายวัน ในที่สุดหยุนเจิงก็สามารถกลับมาพักผ่อนที่จวนได้แล้วเขาเพิ่งถึงประตูจวน ก็ได้ยินเสียงโหวกแหวกโครมครามลอยมาเดินเข้ามาภายในจวน กลับเห็นเยี่ยจ
ชายแดนเว่ย ค่ายใหญ่เป่ยหวนสายลับที่ปานปู้และอู้เลี่ยส่งไปกลับมาเรียบร้อยแล้วเป้าหมายที่พวกเขาส่งคนพวกนี้ออกไป เดิมก็เพื่อปั่นประสาทหยุนเจิงหากสามารถสืบสถานการณ์ของซั่วฟางได้จะดีมาก แต่หากสืบไม่ได้ ก็ไม่เป็นไรทว่า ต่อให้พวกเขาไม่ได้ข่าวที่เป็นประโยชน์กลับมา ปานปู้ก็ยังได้เบาะแสอยู่ดีปานปู้ถามเสียงเข้ม “สายลับของพวกเราเพิ่งจะข้ามไปก็ถูกสังเกตเห็นแล้ว เท่ากับว่าหยุนเจิงป้องกันพวกเราลอบข้ามแม่น้ำไป๋สุ่ยอีกครั้ง!”“ถูกต้อง!”อู้เลี่ยพยักหน้าหนักแน่น “กำลังหลักของเขา ต้องวางไว้อยู่ใกล้แนวแม่น้ำไป๋สุ่ย! ถ้ำทหารที่หยุนเจิงสร้างขึ้นอย่างลับๆ ก็เพื่อซ่อนกำลังทหาร เขาต้องคิดจะล่อพวกเราให้ลอบโจมตีจากปากเขาเขี้ยวหมาป่า จากนั้นค่อยซุ่มโจมตีพวกเราอีกครั้ง!”พวกเขาเสียเปรียบหยุนเจิงมามากเกินพอแล้วตอนนี้ พวกเขาก็ได้บทเรียนจนฉลาดแล้วปานปู้พยักหน้าเห็นด้วย จากนั้นก็ขมวดคิ้วถาม “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเราต้องระวังเอาไว้!”อู้เลี่ยปรายตามองปานปู้ “ทำไม ราชครูกลัวแผนลวงของหยุนเจิงอีกแล้ว?”นี่คงไม่อาจเป็นแผนลองของหยุนเจิงได้กระมัง?ไม่ว่าจะเป็นชาวต้าเฉียนหรือว่าชาวเป่ยหวน ทุกคนกลัวหุบเขาม
ปานปู้ “พวกเรายังต้องส่งสายสืบข้ามแม่น้ำไป๋สุ่ยเพื่อสำรวจต่อไป ทำให้หยุนเจิงคิดว่าพวกเราจะจู่โจมซั่วฟางจากทางด้านหน้า ดึงกำลังหลักของพวกเขามาที่แนวหน้าของแม่น้ำไป๋สุ่ย!”“เวลาจำเป็น พลีชีพคนเหล่านั้นก็ยังได้!”“อีกอย่าง พวกเราเองก็ต้องเพิ่มการป้องกัน ป้องกันการลอบโจมตีของหยุนเจิงหลังจากเสียเปรียบมาหลายรอบ ปานปู้ระวังรอบครอบ ทำงานก็ยิ่งระวังรอบครอบเช่นกันหาได้ยากที่อู้เลี่ยจะไม่รำคาญความจุกจิกของปานปู้ กล่าวอย่างเคร่งขรึม “ราชครูวางใจ ข้ารู้ควรทำเช่นไร!”“เช่นนั้นข้าไปก่อนแล้ว!”ปานปู้ไม่กล่าวมากความ บอกลาแล้วจากไปอย่างรวดเร็วครั้งนี้ ต้องระมัดระวังให้มากขึ้น!เขาเชื่อ หยุนเจิงไม่มีทางนึกได้ว่าพวกเขาจะกล้าลอบโจมตีจากทางหุบเขามรณะ!หากกองทัพของพวกเขาผ่านเข้าไปในหุบเขามรณะได้อย่างราบรื่น ก็เท่ากับบุกเข้าข้างหลังของหยุนเจิงได้แล้วทันทีที่หยุนเจิงวางกำลังหลักไว้ที่แนวแม่น้ำไป๋สุ่ย ข้างหลังก็จะว่างเปล่า เหลือคนเฝ้าซั่วฟางเพียงไม่เท่าไหร่อีกทั้ง ด้านหลังของสู้ฉวีก็ย่อมไม่มีคนเฝ้ารักษาการณ์มากมายเช่นกันหากแผนการนี้สำเร็จ พวกเขาอาจจะยึดซั่วฟางและสู้ฉวีได้ในคราวเดียว!ผ่านทางห
เวลานี้ เสิ่นลั่วเยี่ยนอยากจะเลียนแบบชายหยาบช้าด่ามารดาพวกนั้นในกองทัพมารดาเขาสิ!ไอสารเลวหยุนเจิง!นางนึกว่าเขาเดาแผนการก้าวต่อไปของเป่ยหวนออกแล้ว!สุดท้าย นึกไม่ถึงว่าเขาจะพูดเรื่องน้ำพุร้อนกับนาง!ตอนนี้สายลับของเป่ยหวนมาสอดแนมสถานการณ์ของพวกเขา ทุกคนล้วนเครียดกันอย่างมาก แต่ไอสารเลวนี่กลับมีแก่ใจอยากแช่น้ำร้อน?เห็นเสิ่นลั่วเยี่ยนโมโหสุดขีด เยี่ยจื่อและเมี่ยวอินอดไม่ได้ที่จะส่ายหน้าหัวเราะปฏิกิริยาของเสิ่นลั่วเยี่ยน ล้วนถูกพวกนางคาดการณ์ไว้แล้วอย่าว่าเสิ่นลั่วเยี่ยนที่อารมณ์ร้อนเลย ก่อนหน้านั้นที่หยุนเจิงบอกเรื่องน้ำพุร้อนกับพวกนาง พวกนางก็เกือบจะชกหยุนเจิงสักหมัดให้ร่วงไปกับพื้นเลย หากไม่ใช่หยุนเจิงนำพาชัยชนะความใหญ่สองครั้งมาให้พวกนาง พวกนางคงคิดว่าหยุนเจิงเป็นแค่ท่านอ๋องเสเพลผู้หนึ่งเท่านั้น“ดูเจ้าสิ นี่มันสีหน้าอะไรกัน?”หยุนเจิงโอบเอวเสิ่นลั่วเยี่ยน กล่าวด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “ซั่วฟางอากาศเหน็บหนาว ลมพัดรุนแรง เจ้าดูสิ ใบหน้าของเจ้าหยาบกร้านหมดแล้ว แช่น้ำพุร้อนมากหน่อย ดีต่อผิวพรรณ!”กล่าวจบ หยุนเจิงยกมือลูบใบหน้าของเสิ่นลั่วเยี่ยนเสิ่นลั่วเยี่ยนจับมือของหยุนเจ