“ไม่ต้องพิธีรีตรอง!”หยุนเจิงโบกมือให้หวังชี่ “ขอบคุณท่านอ๋อง!”หวังชี่ลุกขึ้นยืน กวาดตามองพวกกัวไค จากนั้นก็ถาม “ไม่รู้พวกเขาล่วงเกินท่านอ๋องที่ใด ขอให้ท่านอ๋องโปรดบอกกล่าว หากมีที่ใดที่พวกเขาทำไม่ถูก...” “เจ้าถามพวกเขาเองเถอะ!”หยุนเจิงยิ้มนิ่งๆหวังชี่สงสัย จากนั้นก็มาหากัวไค ตะคอกถาม “พูดมา มันเรื่องใดกัน?”เผชิญหน้ากับคำถามของหวังชี่ กัวไคตกใจจนพูดไม่ออก กระอึกกระอักอยู่นานสองนาน สุดท้ายก็บอกไม่ได้ว่าเหตุใดเขาย่อมรู้อยู่แล้วหยุนเจิงมาด้วยเหตุใดตอนที่เห็นจางซูนาทีนั้น เขาก็เข้าใจแล้วคิดถึงผลที่เขาจะต้องเผชิญ กัวไคตกใจกลัวจนวิญญาณแทบหลุดลอยไปเห็นทั้งสามคนตกใจจนพูดไม่ออก จากซูอดไม่ได้ที่จะส่ายหน้า “ช่างเถอะ ข้าพูดเองดีกว่า!”กล่าวจบ จางซูก็บอกเล่าความจริงเรื่องที่พวกเขาปล้นสุราเมื่อฟังคำของจางซูจบ สีหน้าของหวังชี่พลันยุ่งเหยิงไม่น่ามองขึ้นเรื่อยๆ สายตาที่เขามองกัวไคก็เฉียบคมมาก เกลียดจนอยากจะสับไอสารเลวนี่เป็นหมื่นชิ้น“สิ่งที่เขาพูดจริงหรือไม่?”หวังชี่มองสามคนที่คุกเข่าอยู่ที่พื้น ตะโกนด้วยความอาฆาตเขารู้เรื่องสุรานั่นอีกอย่าง เขาเองก็เคยดื่ม ตอนนี้ภายในบ้
ไม่จำเป็นต้องให้หยุนเจิงพูดเยอะ จางซูนำสมุดบัญชีที่เตรียมไว้นานแล้วมอบให้หวังชี่หวังชี่ตัวสั่นรับสมุดบัญชีมาพลิกดูจางซูหัวเราะ “หากพวกเจ้าคิดว่าสมุดบัญชีเล่มนี้ไม่น่าเชื่อถือ สามารถไปถามที่หม่าอี้และด่านเป่ยลู่ได้ ร้านค้าเหล่านี้นำเหล้าเข้าไปในด่าน ตามท้องถนนน่าจะมีสองแห่งขายเหล้าเหล่านี้...”หวังชี่ใจกระตุก มือที่ถือสมุดบัญชียิ่งสั่นไม่หยุดหากนับตามที่บันทึกไว้ในสมุดบัญชี สุราห้าพันชั่งทั้งหมดหนึ่งแสนห้าหมื่นตำลึงเงินยังน้อยไปด้วยซ้ำ!ราคาขายปลีกของพวกเขา ขายหนึ่งชั่งสี่สิบตำลึงเงินหนึ่งแสนห้าหมื่นตำลึงเงิน!พวกเขาจะไปเอาหนึ่งแสนห้าหมื่นตำลึงเงินมาจากที่ใดเล่า!เห็นหวังชี่ตัวสั่นไม่หยุด เมี่ยวอินและหมิงเย่ว์อดไม่ได้ที่จะมองตากันแล้วยิ้มไอสองคนจอมเจ้าเล่ห์!พวกเขาวางกับดักไว้นานแล้ว รอให้พวกหวังชี่ติดกับเท่านั้น!จะปล่อยให้พวกหวังชี่มีโอกาสได้ชดใช้ได้เช่นไร!หากพวกหวังชี่ต้องชดใช้หนึ่งแสนห้าหมื่นตำลึงเงินได้จริง ศีรษะของหวังชี่คงรักษาไว้ไม่ได้แล้วถึงเช่นไร หวังชี่ก็เป็นแค่แม่ทัพขั้นห้าเท่านั้นได้แค่พึ่งพาเบี้ยหวัดจากราชสำนัก หวังชี่เริ่มเก็บเงินตั้งแต่เขาอยู่ในครรภ
รอจนหวังชี่เข้ามาในห้อง เมี่ยวอินปิดประตู“นั่งเถอะ!”หยุนเจิงนั่งอยู่หน้าโต๊ะ จากนั้นก็เรียกหวังชี่นั่งลงหวังชี่ก้มหน้า “ข้าดูแลลูกน้องไม่เข้มงวด ตัวมีความผิด ละอายที่จะนั่ง!”“เขาก็คือเขา เจ้าก็คือเจ้า!”หยุนเจิงกล่าวเสียงเรียบ “คนในค่ายทหารซับซ้อนวุ่นวาย ยากหลีกเลี่ยงที่จะมีแกะดำ! แม้เจ้าจะมีความผิดที่ดูแลลูกน้องไม่ดีจริง แต่ความผิดของเจ้าก็ไม่ใช่หน้าที่ข้าตัดสิน!”“ขอบคุณท่านอ๋อง”หวังชี่ลังเล จากนั้นก็ค่อยๆ นั่งลงเมี่ยวอินส่ายหน้ายิ้ม แล้วนั่งลงตามหยุนเจิงเช็ดแก้วสุราตรงหน้า จากนั้นก็รินสุราหนึ่งแก้วให้ตัวเอง ดื่มรวดเดียวหมด วางแก้วสุราลงแล้วมองไปยังหวังชี่ “ตอนนี้ข้าอยากรู้คือ เรื่องนี้ เจ้ามีส่วนเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่? กัวไคพาคนไปปล้นสุราของสหายข้า เป็นคำแนะนำจากเจ้า?”“ไม่ใช่! ไม่ใช่เด็ดขาด!”หวังชี่สีหน้าเปลี่ยนไป กล่าวอย่างตื่นตระหนก “หากข้ารู้ว่าเหล้าพวกนั้นพวกเขาปล้นมา ไม่จำเป็นต้องให้ท่านอ๋องมาถึงนี่ ข้าก็จะขังพวกเขาแล้วไปขอรับโทษจากซั่วฟาง!”“ก็ได้ ตอนนี้ข้าจะเชื่อเจ้า!” หยุนเจิงพยักหน้า “แต่ว่า ข้าก็จะส่งคนไปตรวจสอบ! หากเจ้ากล้าโกหกข้า ข้าก็ไม่ถือสาที่จะประ
“นี่...”หวังชี่ลังเล เวลานี้ไม่รู้ควรกล่าวสิ่งใดเขาไม่ถือสาที่จะฟังคำสั่งของหยุนเจิงแต่เขากลัวว่าหยุนเจิงจะก่อกบฏ!“พวกเจ้านี่นะ ล้วนโง่เขลา!”หยุนเจิงส่ายหน้าเบาๆ “จงรักภักดีต่อแคว้นเป็นเรื่องดี แต่ในฐานะผู้นำทัพ หากแม้แต่รักษาความสงบสุขยังทำไมได้ ยังจะพูดถึงความจงรักภักดีต่อแคว้นอะไรได้อีกหรือ?”หวังชี่เมื่อได้ฟัง พลันเป็นใบ้พูดไม่ออกครุ่นคิดชั่วครู่ หวังชี่ตัดสินใจ คุกเข่าข้างเดียว “ข้ายินดีทำงานอย่างเต็มที่เพื่อท่านอ๋อง!”“ลุกขึ้นเถอะ!”หยุนเจิงโบกมือ “อย่าคิดเรื่องข้าก่อกบฏหรือไม่ก่อกบฏเลย ตอนนี้คิดว่าจะตีแตกเป่ยหวนเช่นไรก่อนเถอะ! หลังเป่ยหวนสงบลง เจ้าจะจากไป ข้าไม่ขวางเด็ดขาด!”“ขอบคุณท่านอ๋องมาก!”หวังชี่ลุกขึ้นยืนใหม่อีกครั้ง“เอาล่ะ เรื่องนี้ก็เอาตามนี้แล้ว!”หยุนเจิงยิ้มเล็กน้อย “พวกเรามาพูดกันต่อเรื่องกัวไค”หวังชี่ชะงักเล็กน้อย “ห๊า? นี่...”“นี่อะไรเล่า?”หยุนเจิงกล่าว “ข้าสามารถไม่เอาผิดเขาต่อหน้าข้าได้ แต่พาคนไปปล้นนั้นเป็นความจริง! โทษตายละเว้นได้ โทษเป็นยากละเว้น! หากแม้แต่เรื่องนี้เจ้ายังไม่เข้าใจ เจ้าคิดจะทำงานแทนข้า ข้าก็ไม่ต้องการ!”“ข้าเข้าใจแ
เช้าวันที่สอง พวกหยุนเจิงไปจากสู้ฉวีหยุนเจิงเพิ่งจากไป หวังชี่เรียกรวมพลทหารทุกคน เมื่ออยู่ต่อหน้าทหาร ก็ลงโทษพวกกัวไคต่อหน้าทุกคน และถอดถอนพวกเขาออกจากกองทัพอย่างถาวร“เหล้าพวกนั้น พวกเจ้าทุกคนก็ดื่มเช่นกัน!”“แม้กัวไคสารเลวนี่เป็นตัวต้นคิด แต่พวกเราทุกคนก็มีส่วนผิด!”“เมื่อคืนข้าขอร้องตั้งนาน ท่านอ๋องจึงตกลงใจกว้างกับข้า!”“ปิดปากตัวเองให้สนิท หากเรื่องภายในวันนี้ลอยไปถึงหูของแม่ทัพใหญ่เว่ย ไม่ต้องให้ข้าพูด พวกเจ้าก็คงรู้ผลที่จะตามมา!”“จำเอาไว้ กัวไคไม่เคยพาคนไปปล้นสุรา ท่านอ๋องไม่เคยมาที่นี่!”“อีกอย่าง ตั้งแต่วันนี้ไป ห้ามดื่มสุราภายในค่ายทหาร!”“ข้าจะใช้เบี้ยหวัดของข้าซื้อถ่านเพื่อความอบอุ่นให้ทุกคน!”“ต่อไปใครกล้าดื่มสุราภายในค่าย ข้าจะให้ผู้ที่ดื่มสุราย้ายบ้านไปซะ!”หวังชี่ใช้เมตาผสมกับข่มขู่ กดดันทหารได้สำเร็จหลังจบเรื่อง หวังชี่มาพบตัวต้นคิดอย่างพวกกัวไค กำชับอีกครั้ง ห้ามไม่ให้ผู้ใดเอ่ยถึงเรื่องเมื่อคืนก่อน มิฉะนั้น ตอนที่เว่ยเหวินจงต้องการประหารพวกเขา อย่าหาว่าเขาไม่นึกถึงมิตรภาพเก่าทุกคนถูกหวังชี่ข่มขู่ พากันพยักหน้า แสดงเจตนาว่าต่อให้ตายก็จะไม่พูดเรื่องนี้อ
หยุนเจิงครั้งนี้ทำอย่างเป็นความลับขั้นสุดยอดเป็นความลับยิ่งกว่าแผนการรบก่อนหน้านี้มาก!“เลิกมองได้แล้ว”หยุนเจิงเงยหน้ามอง “เรื่องนี้ ดีที่สุดพวกเจ้าอย่าให้คนอื่นรู้! บอกพวกเจ้าตามตรง ผู้ที่มีส่วนร่วมทำสิ่งนี้ ข้าจะส่งคนจับตาดูอย่างเข้มงวด! หากพวกเจ้าไม่อยากถูกจับตาดู ก็อย่าสอดรู้สอดเห็น!”ได้ฟังคำพูดของหยุนเจิง ในใจทุกคนพลันไหววูบ พากันพยักหน้ามิน่าเล่าหยุนเจิงไม่ให้พวกเขาเข้าไป!ที่แท้ก็เพราะหวังดีกับพวกเขาเมื่อรู้ความคิดที่แท้จริงของหยุนเจิง ทุกคนแม้จะแปลกใจ แต่ก็ไม่มีใครกล้าถามพวกเขาไม่อยากถูกคนจับตาดูตลอดเวลา!เวลาผ่านไปอีกสองวัน ในที่สุดหยุนเจิงก็พาทหารชาวนาอาวุโสสี่คนทำสิ่งควรที่ควรทำสำเร็จแล้วต่อมา หยุนเจิงเรียกนักรบภูตหมายเลขหนึ่งถึงแปดมา สั่งงานพวกเขาบางอย่างวันถัดไป ทั้งแปดคนพกอาหารแห้งเพียงพอสำหรับพวกเขาแปดคนอยู่ได้ยี่สิบวันจากไปนอกจากคนจำนวนกำกัดเหล่านี้ ไม่มีผู้อื่นรู้แล้วว่าคนเหล่านี้ไปที่ใดงานยุ่งมาตั้งหลายวัน ในที่สุดหยุนเจิงก็สามารถกลับมาพักผ่อนที่จวนได้แล้วเขาเพิ่งถึงประตูจวน ก็ได้ยินเสียงโหวกแหวกโครมครามลอยมาเดินเข้ามาภายในจวน กลับเห็นเยี่ยจ
ชายแดนเว่ย ค่ายใหญ่เป่ยหวนสายลับที่ปานปู้และอู้เลี่ยส่งไปกลับมาเรียบร้อยแล้วเป้าหมายที่พวกเขาส่งคนพวกนี้ออกไป เดิมก็เพื่อปั่นประสาทหยุนเจิงหากสามารถสืบสถานการณ์ของซั่วฟางได้จะดีมาก แต่หากสืบไม่ได้ ก็ไม่เป็นไรทว่า ต่อให้พวกเขาไม่ได้ข่าวที่เป็นประโยชน์กลับมา ปานปู้ก็ยังได้เบาะแสอยู่ดีปานปู้ถามเสียงเข้ม “สายลับของพวกเราเพิ่งจะข้ามไปก็ถูกสังเกตเห็นแล้ว เท่ากับว่าหยุนเจิงป้องกันพวกเราลอบข้ามแม่น้ำไป๋สุ่ยอีกครั้ง!”“ถูกต้อง!”อู้เลี่ยพยักหน้าหนักแน่น “กำลังหลักของเขา ต้องวางไว้อยู่ใกล้แนวแม่น้ำไป๋สุ่ย! ถ้ำทหารที่หยุนเจิงสร้างขึ้นอย่างลับๆ ก็เพื่อซ่อนกำลังทหาร เขาต้องคิดจะล่อพวกเราให้ลอบโจมตีจากปากเขาเขี้ยวหมาป่า จากนั้นค่อยซุ่มโจมตีพวกเราอีกครั้ง!”พวกเขาเสียเปรียบหยุนเจิงมามากเกินพอแล้วตอนนี้ พวกเขาก็ได้บทเรียนจนฉลาดแล้วปานปู้พยักหน้าเห็นด้วย จากนั้นก็ขมวดคิ้วถาม “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเราต้องระวังเอาไว้!”อู้เลี่ยปรายตามองปานปู้ “ทำไม ราชครูกลัวแผนลวงของหยุนเจิงอีกแล้ว?”นี่คงไม่อาจเป็นแผนลองของหยุนเจิงได้กระมัง?ไม่ว่าจะเป็นชาวต้าเฉียนหรือว่าชาวเป่ยหวน ทุกคนกลัวหุบเขาม
ปานปู้ “พวกเรายังต้องส่งสายสืบข้ามแม่น้ำไป๋สุ่ยเพื่อสำรวจต่อไป ทำให้หยุนเจิงคิดว่าพวกเราจะจู่โจมซั่วฟางจากทางด้านหน้า ดึงกำลังหลักของพวกเขามาที่แนวหน้าของแม่น้ำไป๋สุ่ย!”“เวลาจำเป็น พลีชีพคนเหล่านั้นก็ยังได้!”“อีกอย่าง พวกเราเองก็ต้องเพิ่มการป้องกัน ป้องกันการลอบโจมตีของหยุนเจิงหลังจากเสียเปรียบมาหลายรอบ ปานปู้ระวังรอบครอบ ทำงานก็ยิ่งระวังรอบครอบเช่นกันหาได้ยากที่อู้เลี่ยจะไม่รำคาญความจุกจิกของปานปู้ กล่าวอย่างเคร่งขรึม “ราชครูวางใจ ข้ารู้ควรทำเช่นไร!”“เช่นนั้นข้าไปก่อนแล้ว!”ปานปู้ไม่กล่าวมากความ บอกลาแล้วจากไปอย่างรวดเร็วครั้งนี้ ต้องระมัดระวังให้มากขึ้น!เขาเชื่อ หยุนเจิงไม่มีทางนึกได้ว่าพวกเขาจะกล้าลอบโจมตีจากทางหุบเขามรณะ!หากกองทัพของพวกเขาผ่านเข้าไปในหุบเขามรณะได้อย่างราบรื่น ก็เท่ากับบุกเข้าข้างหลังของหยุนเจิงได้แล้วทันทีที่หยุนเจิงวางกำลังหลักไว้ที่แนวแม่น้ำไป๋สุ่ย ข้างหลังก็จะว่างเปล่า เหลือคนเฝ้าซั่วฟางเพียงไม่เท่าไหร่อีกทั้ง ด้านหลังของสู้ฉวีก็ย่อมไม่มีคนเฝ้ารักษาการณ์มากมายเช่นกันหากแผนการนี้สำเร็จ พวกเขาอาจจะยึดซั่วฟางและสู้ฉวีได้ในคราวเดียว!ผ่านทางห
เมื่อเห็นว่าจักรพรรดิเหวินทรงตัดสินพระทัยได้แล้ว หยุนลี่ถึงกับดีใจจนแทบกลั้นไว้ไม่อยู่ พยายามเก็บอาการตื่นเต้นไว้ หยุนลี่กล่าวขึ้นว่า “ขอเสด็จพ่อโปรดมีพระบัญชา ให้โจวเต้ากงนำกองกำลังเตรียมพร้อม และเมื่อเจ้าหกมาถึงหัวเมืองสี่ทิศ ให้เข้าควบคุมตัวเจ้าหกทันที! อีกทั้ง ขอพระบัญชาให้จ้าวจี้ทางตะวันตกเฉียงเหนือ นำทัพทหาร 30,000 นายที่ฝีมือเยี่ยม เข้าประจำการในหุบเขาทางตะวันตกเฉียงเหนือของหัวเมืองสี่ทิศอย่างลับๆ” เมื่อได้ฟังคำพูดของหยุนลี่ หัวใจของจักรพรรดิเหวินพลันเย็นเยือก เจ้าลูกทรพี! คิดจะระดมกองทัพจากตะวันตกเฉียงเหนือเพื่อจัดการเจ้าหกอย่างนั้นหรือ? เขาคิดจะจุดชนวนสงครามกลางเมืองในต้าเฉียนหรืออย่างไร? “การระดมพลจากตะวันตกเฉียงเหนือในตอนนี้ เกรงว่าจะไม่ทันการ” จักรพรรดิเหวินทรงพยายามระงับพระอารมณ์ ก่อนตรัสว่า “กองกำลังจากตะวันตกเฉียงเหนือส่วนใหญ่เป็นทหารราบ ต่อให้รีบเร่งเดินทัพมา คงต้องใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งเดือนครึ่ง” หยุนลี่ถึงกับพูดไม่ออก หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง หยุนลี่จึงกล่าวต่อ “เช่นนั้น ขอพระบัญชาให้จ้าวจี้นำทัพทหารม้าชั้นยอดหนึ่งหมื่นนายมาแทนพ่ะย่ะค่ะ!
“ลูก…ไม่ทราบพ่ะย่ะค่ะ” หยุนลี่ตอบอย่างตะกุกตะกัก เขาไม่รู้จริงๆ ว่าหยุนเจิงมีกำลังทหารในมือมากเพียงใด คนที่เขาส่งไปซั่วเป่ยแทบไม่ได้รับข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องในกองทัพเลย “ข้าจะบอกเจ้าเอง!” จักรพรรดิเหวินทรงลูบพระนลาฏเบาๆ พระพักตร์เต็มไปด้วยความกังวล “น้องหกของเจ้ามีกำลังพลในมือมากกว่าสองแสนนาย และหากเขาต้องการ ก็สามารถรวบรวมทหารเพิ่มได้อีกหนึ่งแสนนายทันที! ยิ่งไปกว่านั้น กองทัพของชนเผ่าเป่ยหวนและเป่ยหมัวถัวยังอยู่ภายใต้การควบคุมของเขา! ข้ากระทั่งสงสัยว่า หากเขาต้องการ เขาสามารถเรียกกองทัพห้าแสนนายมาได้ทันที!” “ห้า…ห้าแสน?” หยุนลี่อ้าปากค้าง แทบไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน กองทัพห้าแสน? เจ้าหก เจ้าคนเลวนั่นสามารถเรียกกองทัพห้าแสนได้ตลอดเวลา? นี่…เป็นไปได้อย่างไร! เจ้าหกจะเลี้ยงกองทัพห้าแสนไหวหรือ? จักรพรรดิเหวินทรงถอนหายใจยาว “เจ้าต้องการนำเจ้าหกกลับเมืองหลวง ข้าไม่ขัดข้อง! แต่เจ้าต้องพิจารณาดู หากเจ้าไม่ประสบความสำเร็จ และยังทำให้เจ้าหก เจ้าลูกทรพีนั่นโกรธขึ้นมา เจ้าจะรับมือกับสถานการณ์นั้นอย่างไร?” “นี่…” หยุนลี่ไม่รู้จะตอบคำถามของจักรพรรดิเหวินอย่าง
ไม่นาน มู่ซุ่นก็พาหยุนลี่เข้ามา “ลูกขอคารวะเสด็จพ่อพ่ะย่ะค่ะ” ทันทีที่หยุนลี่เข้ามา เขาก็คำนับอย่างนอบน้อม จักรพรรดิเหวินทรงพยักหน้าให้หยุนลี่นั่งลง พลางตรัสยิ้มๆ ว่า “ครั้งหน้า หากมีธุระก็ให้มู่ซุ่นปลุกข้าเถิด อย่ายืนรออยู่ด้านนอกนานนัก” “เสด็จพ่อทรงเหนื่อยจากการเดินทาง ลูกยืนรออีกสักหน่อยก็ไม่เป็นไรพ่ะย่ะค่ะ” “ตอนนี้เจ้าก็เริ่มเหมือนรัชทายาทแล้วล่ะ” จักรพรรดิเหวินทรงมองหยุนลี่ด้วยความพอพระทัย “พูดมาเถอะ เจ้าจะมีเรื่องอันใด? บอกมาให้จบก่อน แล้วข้าจะได้สั่งงานเจ้าบ้าง” “ขอเสด็จพ่อทรงบัญชาลูกก่อนเถิดพ่ะย่ะค่ะ” จักรพรรดิเหวินทรงนิ่งตรองเล็กน้อย ก่อนจะทรงโบกพระหัตถ์ให้มู่ซุ่นและนางกำนัลที่คอยรับใช้ในห้องออกไป เมื่อไม่มีผู้ใดเหลืออยู่ จักรพรรดิเหวินจึงตรัสว่า “ครั้งนี้ที่ข้าไปซั่วเป่ย ข้าตั้งใจไปดูมันเทศที่จางซูพูดถึง ข้าถามผู้คนหลายคนแล้ว และมั่นใจว่ามันเทศนั้นให้ผลผลิตสูงมาก! ข้าตั้งใจจะนำมันเทศนั้นเข้ามาปลูกในเขตใน แต่เจ้าหก เจ้าลูกทรพีนั่นกลับบอกว่าต้องมาคุยเรื่องนี้กับเจ้า…” ต้องมาคุยกับตนเอง? เปลือกตาของหยุนลี่กระตุกทันที เขารับรู้ได้ในทันทีว่า เจ้าหก
ในขณะที่หยุนเจิงกำลังยุ่งอยู่กับการอุทิศตนเพื่อสุขภาพของสตรีทั่วหล้า จักรพรรดิเหวินก็กลับมาถึงหัวเมืองสี่ทิศ มู่ซุ่นเดินทางกลับมาพร้อมกับจักรพรรดิเหวิน เมื่อหยุนลี่ทราบข่าว เขาก็นำคณะขุนนางมารับเสด็จทันที “จากราชสำนักมีใครส่งรายงานมาไหม?” จักรพรรดิเหวินทรงถามถึงเรื่องสำคัญทันทีที่เสด็จกลับมา “มีพ่ะย่ะค่ะ” หยุนลี่รีบรายงาน “เซียวว่านโฉวนำทัพไปช่วยเจียวลู่อ๋องซื่อจื่อปราบปรามกบฏสำเร็จแล้ว แต่พวกเขาช้าก้าวหนึ่ง กัวซื่อนำกองกำลังหลายพันคนหลบหนีไปยังเผ่าต่างๆ ทางหมอซี เจียวลู่อ๋องซื่อจื่อได้ถวายฎีกาต่อราชสำนัก ขอพระราชทานพระราชโองการแต่งตั้งให้เขาสืบตำแหน่งเจียวลู่อ๋อง…” หลังจากการปราบกบฏของกัวซื่อสำเร็จ หนานจ้าวและอวี้หนานในปีนี้ก็แสดงความจงรักภักดีได้ดีขึ้นมาก ทั้งสองแคว้นได้ส่งบรรณาการเข้ามา โดยจำนวนสิ่งของบรรณาการมากกว่าปีก่อนถึงสามส่วน ราชาหนานจ้าวยังได้กราบทูลขอส่งองค์ชายรัชทายาทมายังเมืองหลวงต้าเฉียนเพื่อศึกษาเล่าเรียน การฟื้นฟูหลังภัยพิบัติในทางใต้กำลังดำเนินไปอย่างเป็นระเบียบ เพียงแต่มีกลุ่มผู้ประสบภัยบางคนจุดไฟในหุบเขาเพื่อให้ความอบอุ่น จนเกิดไฟป่าครั
แต่ที่น่าเสียดายคือ เจียเหยาไม่ใช่สตรีแบบนั้น! ทุกความยินยอมและการประนีประนอมของเจียเหยาต่อเขาล้วนเกิดจากสถานการณ์บีบบังคับ เยี่ยจื่อย่อมชื่นชมเจียเหยาอย่างแน่นอน เรื่องนี้ไม่มีข้อสงสัยใดๆ แต่หากเจียเหยาเป็นสตรีที่หลงใหลในความรักอย่างเดียว เยี่ยจื่ออาจไม่รู้สึกชื่นชมนาง และคงไม่ต้องคิดถึงเรื่องที่ว่านางกับหยุนเจิงจะได้อยู่ด้วยกันหรือไม่ "ไม่แน่หรอก" เยี่ยจื่อยิ้มบาง "เรื่องของความรัก ไม่มีใครในโลกนี้สามารถอธิบายได้ชัดเจน! เช่นเดียวกับข้า ข้าไม่เคยคิดเลยว่าวันหนึ่งข้าจะไม่สนใจสายตาของผู้คนในแผ่นดิน และรักชายคนหนึ่งอย่างไม่ลังเล พร้อมทั้งให้กำเนิดบุตรธิดาแก่เขา..." "เรื่องของพวกเจ้ามันไม่เหมือนกัน" หยุนเจิงบีบเบาๆ ที่ตัวเยี่ยจื่อ "พอแล้ว อย่าคิดถึงเรื่องพวกนี้เลย! รีบลุกขึ้นเถิด ไม่เช่นนั้นพอคนในจวนมาเรียกเราไปกินข้าวเย็น เจ้าคงอายอีกแน่" "ก็เพราะเจ้านั่นแหละ!" เยี่ยจื่อเอ่ยตำหนิด้วยความอาย ก่อนจะค่อยๆ ลุกขึ้นและสวมเสื้อผ้า เมื่อเห็นเยี่ยจื่อสวมชุดชั้นใน หยุนเจิงก็เกิดความคิดบางอย่างขึ้นมาอีก "ยังมองอยู่อีกหรือ?" เยี่ยจื่อปรายตามองหยุนเจิงด้วยความเข
เนื่องจากเยี่ยจื่อกำลังตั้งครรภ์ หยุนเจิงจึงไม่กล้าทำอะไรรุนแรงเกินไป อย่างไรก็ตาม พายุที่โหมกระหน่ำมีเสน่ห์ในแบบของมัน และสายฝนที่โปรยปรายก็มีเสน่ห์ไปอีกแบบ หลังจากหยุดยั้งความเร่าร้อน เยี่ยจื่อซบอยู่ในอ้อมอกของหยุนเจิงอย่างแมวน้อยเชื่องๆ "คืนนี้ข้าจะนอนที่ห้องของเจ้า" หยุนเจิงกอดร่างอ่อนนุ่มของเยี่ยจื่อไว้ ด้วยท่าทีที่ดูยังไม่พอใจ "อย่าเลย!" เยี่ยจื่อเอื้อมมือมาตบหน้าอกของหยุนเจิงเบาๆ "หากเจ้ามาอยู่ที่นี่ ข้าก็ต้องโดนเจ้ารังแกอีก หากเกิดอะไรขึ้นกับลูก เราคงร้องไห้ไม่ออก เจ้าไปห้องเมี่ยวอินเถิด!" จากนิสัยของหยุนเจิง ต่อให้ใช้ปลายเท้าคิด นางก็รู้ว่าเขาต้องรังแกนางอีกสักหนึ่งหรือสองรอบหากเขาอยู่ในห้องนี้ แม้ว่าช่วงตั้งครรภ์จะไม่ใช่ว่าจะใกล้ชิดกันไม่ได้ แต่ก็ไม่ควรทำบ่อยเกินไป "ลูกของข้าหยุนเจิง จะอ่อนแอขนาดนั้นได้อย่างไร?" หยุนเจิงหัวเราะเสียงดัง ก่อนจะวางมือลงบนหน้าท้องของเยี่ยจื่อโดยไม่รู้ตัว "เจ้ายังมีหน้ามาพูดอีก!" เยี่ยจื่อเอ่ยตำหนิอย่างเขินอาย "เมื่อสองวันก่อน ลั่วเยี่ยนยังแอบมาบอกข้าเลยว่าเจ้าไปรังแกนางอีก จวนนี้มิใช่มีเพียงข้ากับลั่วเยี่ยนสองค
ชุดนี่มันชั้นแล้วชั้นเล่า ถอดออกแต่ละครั้งช่างเสียเวลาเสียจริง หยุนเจิงบ่นในใจพลางจัดการอยู่นาน กว่าจะถอดอาภรณ์ออกหมด แล้วรีบก้าวลงไปในถังอาบน้ำขนาดใหญ่ด้วยความกระตือรือร้น "ดูท่าทางเจ้าสิ!" เยี่ยจื่อจ้องมองหยุนเจิงด้วยความเขินอาย พลางหัวเราะเบาๆ "หากคนอื่นมาเห็นเข้า คงคิดว่าเจ้าคือโจรขโมยดอกไม้จริงๆ!" "ต่อหน้าเจ้า ข้าก็เป็นโจรขโมยดอกไม้ดีๆ นี่เอง!" หยุนเจิงหัวเราะเสียงดัง แล้วดึงเยี่ยจื่อเข้ามาในอ้อมกอด เกรงว่าเยี่ยจื่อจะหนาว หยุนเจิงจึงราดน้ำอุ่นลงบนตัวนาง แน่นอนว่า ระหว่างนี้มือเจ้าเล่ห์ของหยุนเจิงก็ไม่วายลวนลามบนตัวเยี่ยจื่อ เยี่ยจื่อปล่อยให้หยุนเจิงทำตามใจ พลางยื่นนิ้วเรียวขาวลูบไล้รอยแผลเป็นที่เอวของเขา นางจำได้ว่ารอยแผลนี้เกิดขึ้นจากศึกที่หยุนเจิงสังหารฮูเจี๋ยฉานอวี่ นั่นน่าจะเป็นการบาดเจ็บที่หนักที่สุดของหยุนเจิงนับตั้งแต่คุมทัพมา โชคดีที่เป็นเพียงบาดแผล ไม่ได้ถึงแก่ชีวิต ตอนนี้บาดแผลนั้นสมานแล้ว แต่รอยแผลเป็นยังคงปรากฏอย่างชัดเจน "ข้าหวังว่าเจ้าจะเป็นแบบนี้ตลอดไป" เยี่ยจื่อก้มหน้าพลางพึมพำ "หากวันใดเจ้ามิได้เป็นเช่นนี้ คงเพราะเราชราและห
หลังจากส่งสาวรับใช้หน้าประตูไปแล้ว หยุนเจิงเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ทันที ก่อนจะผลักประตูเข้าไป "อิงเถา ข้าเหมือนจะได้ยินเสียงใครผลักประตูเข้ามา" เสียงของเยี่ยจื่อดังมาจากหลังฉากกั้น "บ่าวก็เหมือนจะได้ยินเหมือนกัน บ่าวจะไปดูเจ้าค่ะ" อิงเถาตอบรับแล้วรีบวิ่งออกมาจากหลังฉากกั้น นางเพิ่งจะออกมาก็เห็นหยุนเจิงยืนอยู่ในห้อง เมื่อแน่ใจว่าไม่ใช่คนอื่นที่บังอาจบุกรุกเข้ามา อิงเถาถึงได้คลายความกังวลก่อนจะรีบคำนับ แต่ก่อนที่อิงเถาจะทันได้พูดอะไร หยุนเจิงก็ทำท่าทางให้เงียบ และโบกมือเบาๆ ส่งสัญญาณให้อิงเถาออกไป ดูเหมือนอิงเถาจะเดาได้ว่าหยุนเจิงตั้งใจจะทำอะไร ใบหน้าของนางพลันขึ้นสีแดงเล็กน้อย ก่อนจะก้าวเท้าออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว หยุนเจิงปิดกลอนประตูจากด้านใน แล้วค่อยๆ ย่องไปทางหลังฉากกั้น "อิงเถา มีคนผลักประตูหรือไม่?" เยี่ยจื่อเอ่ยถาม ความคิดซุกซนของหยุนเจิงเริ่มเล่นงาน เดิมทีเขาตั้งใจจะจู่โจมเยี่ยจื่ออย่างไม่ให้ทันตั้งตัว แต่คิดได้ว่านางกำลังตั้งครรภ์ เกรงว่าจะทำให้นางตกใจจนเกิดเรื่องไม่คาดคิด จึงเอ่ยขึ้นว่า "มีสิ มีโจรขโมยดอกไม้คนหนึ่ง" เมื่อได้ยิน เยี่ยจื่อหน้าถ
หยุนเจิงกลับมาจากโรงงานผลิตอาวุธ เพียงแค่เดินมาถึงหน้าจวนอ๋อง ก็ได้ยินเสียงโหวกเหวกวุ่นวายดังมาจากในจวน พอเข้าไปในจวนตามคาด เขาเห็นเหล่าเด็กซนกำลังเล่นกันอย่างสนุกสนานอยู่ในลานหน้า ลูกชายสองคนกับลูกสาวหนึ่งคนของฉินชีหู่ รวมถึงลูกชายของอดีตรัชทายาท มาที่จวน และกำลังเล่นปาหิมะกับเสิ่นเนี่ยนฉือและฉีเหยียน เด็กๆ เหล่านั้นต่างสวมเสื้อผ้าหนาเตอะเหมือนหมี แม้จะล้มลงบนพื้นหิมะก็ไม่รู้สึกเจ็บ “คารวะฝ่าบาท!” เมื่อเห็นหยุนเจิงกลับมา อาจารย์ที่คอยดูแลเด็กๆ รีบเข้ามาคารวะ “พอเถอะ ข้าบอกกี่ครั้งแล้วว่าอยู่ในจวนไม่ต้องเคร่งขนาดนั้น” หยุนเจิงโบกมือพลางถามว่า “พี่สะใภ้ตระกูลฉินมาที่นี่แล้วหรือ?” “เจ้าค่ะ” ซินเซิงยิ้มบางๆ ขณะช่วยปัดหิมะออกจากเสื้อหยุนเจิง พลางตอบว่า “ช่วงบ่ายฮูหยินฉินก็มากับเด็กๆ ตอนนี้คงเล่นไพ่นกกระจอกกับเหล่าพระชายาอยู่” หยุนเจิงว่า “เช่นนั้นข้าไปดูสักหน่อย เจ้าเฝ้าเด็กๆ ไว้ อย่าให้พวกเขาเล่นจนเหงื่อออกมากนัก” “บ่าวทราบแล้วเจ้าค่ะ” ซินเซิงพยักหน้าเบาๆ หยุนเจิงมองดูเด็กซนที่กำลังเล่นอย่างบ้าคลั่ง และครุ่นคิดในใจว่าจะให้พวกเขาทำ “การบ้านช่วงปิดเทอม