“อืม ใช่ๆ!”หยุนเจิงกล่าวไม่จริงจัง “บอกความจริงกับเจ้าก็ได้ ข้าคือแม่ทัพอันดับหนึ่งในใต้หล้ากลับชาติมาเกิดน่ะ!”“…”ได้ยินคำพูดของหยุนเจิงแล้ว ใบหน้าของปานปู้พลันกระตุกเล็กน้อยแม่ทัพอันดับหนึ่งในใต้หล้ากลับชาติมาเกิดนั้นร?บอกว่าเขาเป็นดาวบู๊เข็กกลับชาติมาเกิดยังน่าเชื่อถือกว่า!ปานปู้ครุ่นคิดในใจอย่างขบขัน พลางเอ่ยเยาะเย้ยว่า “บางที อนาคตองค์ชายหกอาจกลายเป็นแม่ทัพอันดับหนึ่งในใต้หล้าก็เป็นได้! แต่ข้าจะบีบคอสังหารเจ้าให้ตายอยู่ในเปล!”ปานปู้ไม่เก็บซ่อนความรู้สึกอยากสังหารหยุนเจิงเลยแม้แต่น้อยทว่าเรื่องนี้ก็ไม่มีอะไรน่าเก็บซ่อนนักเพียงแค่หยุนเจิงไม่โง่เขลา ก็ย่อมสามารถคาดเดาได้ว่าตนอยากสังหารเขา“เช่นนั้นก็ต้องดูว่าเจ้ามีความสามารถนั้นหรือไม่!”หยุนเจิงเย้ยหยัน “ราชครู ไหนๆ ก็มาแล้ว ข้าอยากถามว่าร่างศพพวกนี้ พวกเจ้าจะแลกหรือไม่? หากไม่แลก ข้าจะได้ลำบากสั่งให้คนนำศพพวกนี้ไปส่งที่ป้อมเมืองสุยหนิง”“แลก! จะไม่แลกได้อย่างไร?”ปานปู้กวาดมองร่างศพเหล่านั้น แล้วกัดฟันเอ่ยว่า “คนพวกนี้ล้วนแต่เป็นวีรบุรุษแห่งเป่ยหวน! ใช้ม้ารบเพียงสองพันตัวแลกร่างศพของพวกเขากลับมา เป่ยหวนของข้าไม
ณ หุบผาชันช่องลมเวลานี้ท้องฟ้าได้มืดลงแล้วท่ามกลางท้องฟ้าที่มืดมิด ทหารต้าเฉียนแต่ละฝ่ายต่างกำลังทุบเปิดชั้นน้ำแข็งของแม่น้ำออก แล้วตักน้ำจากแม่น้ำไปรดบนร่างศพเหล่านั้นหยุนเจิงและคนอื่นๆ รวมตัวกันอยู่ในกระโจมใหญ่ของหยุนเจิง พลางย่างเนื้อม้าพลางพูดคุยเรื่องหลังจากนี้เทียบกับการซุ่มโจมตีก่อนหน้านั้นแล้ว ตอนนี้พวกเขามีชีวิตสุขสบายกว่ามากครั้งนี้พวกเขาไม่ได้ซุ่มโจมตี แต่เป็นการใช้ร่างศพแลกม้ารบพวกเขาไม่จำเป็นต้องหลบซ่อน ดังนั้นจึงสามารถตั้งค่ายและจุดไฟเพิ่มความอุ่นได้ตามใจถึงแม้ข้างนอกจะหนาวเหน็บเพียงใด แต่ภายในค่ายถือว่าอบอุ่นพอสมควร“ท่านคิดว่าเป่ยหวนจะแลกม้ารบกับท่านจริงหรือ?”เสิ่นลั่วเยี่ยนกังวลใจเล็กน้อยพวกเขาขนย้ายร่างศพพวกนี้ไปมา ก็ลำบากมากเช่นกันไม่ใช่ว่าเสียแรงไปมากเพียงนี้ แต่ถึงครานั้นคนเป่ยหวนกลับไม่โผล่หัวมา เช่นนั้นก็เสียแรงไปเปล่าๆ แล้ว“เรื่องนี้ข้าไม่กังวลนัก!”หยุนเจิงกล่าวยิ้มแย้ม “สิ่งที่ข้ากังวลในตอนนี้คือ เป่ยหวนจะเล่นตุกติกอะไรระหว่างที่แลกร่างศพหรือไม่”เล่นตุกติก?ได้ยินคำพูดของหยุนเจิงแล้ว แต่ละคนพลันเผยสีหน้าเรียบนิ่งแม้แต่ท่านเองยังรู้
หากพวกเขาซุ่มโจมตีเป่ยหวนจากปากเขาเขี้ยวหมาป่าจริง แล้วถูกเป่ยหวนกวาดล้างแทน ถึงครานั้นใครจะคุ้มกันซั่วฟาง?เมื่อใดที่กองทัพใหญ่เป่ยหวนฆ่าเข้ามา เว่ยเหวินจงจะเอาอะไรมาป้องกัน?ไอ้สุนัข!เพื่อที่จะฆ่าตน ถึงขนาดไม่สนใจความปลอดภัยของซั่วเป่ยเลย!ขณะที่หยุนเจิงกำลังโมโหฉุนเฉียวอยู่นั้น ภูตสามและภูตห้าก็เข้ามารายงานว่ากองทัพใหญ่เป่ยหวนเคลื่อนไหวแล้ว!เป่ยหวนคิดจะเล่นตุกติกจริงหรือ?หยุนเจิงขมวดคิ้ว แล้วถาม “กองทัพใหญ่เป่ยหวนไปรวมตัวกันที่ใด?”“เหมือนจะไปทางปากเขาเขี้ยวหมาป่าขอรับ!”ภูตสามตอบ“ปากเขาเขี้ยวหมาป่า?”หยุนเจิงขมวดคิ้วมุ่น สัมผัสได้ถึงความไม่ชอบมาพากลเป่ยหวนส่งคนไปที่ปากเขาเขี้ยวหมาป่ามากมายเพียงนั้นแล้วยังจะไปเสริมทัพที่ปากเขาเขี้ยวหมาป่าอีก?เป่ยหวนต้องคิดซุ่มโจมตีพวกเขาที่ปากเขาเขี้ยวหมาป่าครั้งหนึ่งแน่เพียงแค่ซุ่มโจมตีต้องใช้กำลังคนมากเพียงนี้เชียวหรือ?“สอดแนมต่อไป!”หยุนเจิงสั่งการทั้งสอง แล้วรีบลุกขึ้นดูภาพแผนที่ทันทีเป่ยหวนส่งคนมาซุ่มโจมตีทหารทั่วไปของพวกเขามากมายเพียงนี้เลยหรือ?ประเมินพวกเขาสูงเกินไปแล้วกระมัง?“เป็นไปได้หรือไม่ที่ปานปู้จะมองแผนการข
ไม่นาน จั่วเริ่นและคนอื่นๆ ก็มาถึงกระโจมของหยุนเจิง“โจมตีค่าย?”เมื่อได้ยินถึงการวิเคราะห์ของหยุนเจิง ฝูงชนพลันอ้ำอึ้งในบัดดล“พวกเขาจะโจมตีค่ายจากที่ใดกัน?”เสิ่นลั่วเยี่ยนตามไม่ทันจึงถามต่อว่า “พวกเขาเป็นทหารม้าเชียวนะ! นอกจากปากเขาเขี้ยวหมาป่าและหุบผาชันช่องลมแล้ว ยังมีที่ใดที่พวกเขาจะ…”“พวกเขาสามารถละทิ้งม้ารบได้!”หลูซิ่งได้สติก่อน “ทหารม้าเปลี่ยนมาเป็นทหารราบง่ายมาก! ทว่าทหารราบจะเปลี่ยนไปเป็นทหารม้านั้นยากมาก!”หลูซิ่งเอ่ยคำนี้ออกไป ฝูงชนพลันทุบศีรษะของตนทันใดนั่นน่ะสิ!ทหารม้าลงจากม้าก็กลายเป็นทหารราบแล้วนี่!ปัญหาง่ายๆ เช่นนี้ พวกเขากลับนึกไม่ออกสถานที่ที่ทหารม้าไม่สามารถปีนขึ้นไปได้ แต่ทหารราบทำได้!ทันใดนั้นพวกเขาก็ตระหนักได้ว่าความคิดพวกเขาเริ่มเปลี่ยนไปพวกเขาคอยคิดมาตลอดว่าทหารม้าของเป่ยหวนเก่งกาจแค่ไหน แต่กลับละเลยปัญหาที่ง่ายที่สุดไปได้“ดังนั้น จุดประสงค์ของพวกเขาคือซุ่มโจมตีหุบผาชันช่องลม และครอบครองหุบผาทั้งสองฝั่ง จากนั้นค่อบนำทหารม้าใหญ่เดินทางผ่านหุบผาชันช่องลมตรงมาที่ซั่วฟาง! พวกเขาคิดจะใช้ซั่วฟางเป็นฐานที่มั่นในการเอาชนะกองทหารมณฑลฝ่ายเหนือ!”
นั่นน่ะสิ!พวกเขากำลังคนเพียงเท่านี้ในเมื่อเป่ยหวนคิดจะโจมตีค่ายแล้ว อย่างไรก็ต้องส่งคนนับหมื่นมาแน่นอนพูดถึงความสามารถในการสู้รบแล้ว ทหารทั่วไปของพวกเขาสู้ของเป่ยหวนไม่ได้แน่นอนถึงแม้พวกเขาจะสู้ไม่ถอยจนกำจัดคนของเป่ยหวนที่ถูกส่งมาซุ่มโจมตีได้ทั้งหมด คนสองหมื่นกว่าคนของพวกเขาก็คงเหลือรอดอยู่ไม่มากแล้ว!นี่คือทุกอย่างของหยุนเจิง!ห้ามทำให้สูญเสียไปทั้งหมดภายในสงครามเดียว!สิ่งสำคัญคือ แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่พวกเขาจะไม่ทำให้คนของเป่ยหวนหลุดไปได้!หากกองกำลังของพวกเขาสู้จนหมดแล้ว ทหารม้าใหญ่ของเป่ยหวนฆ่าผ่านหุบผาชันช่องลมมา เช่นนั้นก็จะคุ้มกันซั่วฟางไม่ได้อีกต่อไป!เช่นนี้ดูเสี่ยงมากจริงๆ!หยุนเจิงกล่าวยิ้มๆ “ข้าพอมีวิธีที่จะกำจัดพวกมันทั้งหมด แต่ทำได้เพียงกำจัดพวกมันทั้งหมด ไม่สามารถทำเงียบๆ ได้ และไม่สามารถซุ่มโจมตีพวกมันเป็นครั้งที่สองได้ด้วย…”“วิธีอะไร?”เสิ่นลั่วเยี่ยนถามทันที“ข้าเองก็มีวิธีเช่นกัน!”อวี๋ซื่อจงกล่าว “เพียงแต่ว่า เราอาจจะต้องสูญเสียของบางอย่างไป”“ใช่!”หยุนเจิงพยักหน้าเบาๆ “แต่ทว่า สูญเสียสิ่งของย่อมดีกว่าสูญเสียคน!”ทั้งสองพลางกล่าวพลางสบตากันย
ในช่วงเวลานี้ น้ำแข็งบนแม่น้ำไป๋สุ่ยมีความหนาเกือบหนึ่งเมตรแล้ว!แม้ว่าจะเป็นกองทหารหลายพันคน น้ำแข็งก็สามารถรับน้ำหนักได้!เมื่อเห็นความดุเดือดในการนำกองทัพลงสู่หุบผาแม่น้ำ ในที่สุดปานปู้ก็แสดงรอยยิ้มโล่งใจบนใบหน้าของเขาชนะแล้ว!พวกเขาไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ที่ปากเขาเขี้ยวหมาป่าอีกต่อไปไม่ว่ากองกำลังหลักของหยุนเจิงจะอยู่ที่นี่หรือที่ปากเขาเขี้ยวหมาป่าล้วนไม่สำคัญอีกต่อไป!ไม่ว่ากองกำลังหลักของหยุนเจิงจะอยู่ที่ไหน พวกเขาก็หนีไม่พ้นชะตากรรมที่จะถูกกวาดล้างไปได้!ทหารราบหมื่นนาย และทหารม้าสามหมื่นนาย!ขอเพียงแค่ผ่านหุบผาชันช่องลมไปได้ ทหารสนามที่แก่ชราอ่อนแอ ป่วย และพิการเหล่านั้นไม่มีทางหยุดพวกเขาได้เลย!ตอนนี้ พวกเขาสามารถประกาศได้แล้วว่าเมืองซั่วฟางเป็นของพวกเขา!ขอเพียงพวกเขายึดครองซั่วฟางได้สำเร็จ ต่อจากนี้ก็เป็นกองทหารมณฑลฝ่ายเหนือที่ต้องตื่นตระหนกแล้ว!“เหล่าสหาย! ตามข้าไปโจมตี!”ปานปู้คำรามอย่างตื่นเต้นและพุ่งเข้าไปในหุบผาแม่น้ำตามไปด้วยทั้งสองฝั่งของหุบผาอูถูเป็นผู้นำทหารข้างกายหลายคนตรงไปที่ค่ายด้วยจิตสังหารพวยพุ่งเมื่อเห็นทหารเป่ยหวนที่พุ่งเข้า
เวลานี้ ทหารของเป่ยหวนโกลาหลวุ่นวายกันพลันทุกคนต่างแย่งกันวิ่งหนีจากทะเลเพลิงบางคนวิ่งไปถึงชายขอบของหุบผา ก็กระโดดลงไปในหุบผาด้วยความตื่นตระหนก โดยไม่สนว่าหน้าผาจะสูงชันหรือไม่ เพียงเพื่อจะหนีจากทะเลเพลิงที่อยู่ข้างหลังแต่หลังจากที่กระโดดลงไป พวกเขาก็รู้สึกเสียใจทันทีเพราะในหุบเขา มีทหารต้าเฉียนจำนวนมากรออยู่ก่อนแล้วทันทีที่พวกเขากระโดดลงไป ก็ถูกทหารต้าเฉียนปิดล้อมบางคนก็วิ่งออกไปนอกค่ายด้วยความตื่นตระหนกทว่าทันทีที่พวกเขารอดพ้นจากทะเลเพลิง ก็มีธนูอันแหลมคมมาต้อนรับพวกเขาทหารม้าที่นำโดยอวี๋ซื่อจงไม่รู้โผล่มาตอนไหน"รักษาระยะห่าง!"“อย่าสู้ระยะประชิด!”“ยิงได้!”อวี๋ซื่อจงงอคันธนูและตั้งศรธนูพร้อมตะโกนใส่ทหารม้าที่ต้องการต่อสู้ระยะประชิดกับศัตรูจนตาแดงตาดำหลังจากที่อวี๋ซื่อจงตะโกนใส่ คนเหล่านั้นก็รู้สึกตัวและรีบถอยห่างจากศัตรู แล้วเริ่มยิ่งธนูใหม่อีกครั้งเสียงคำรามปลุกชายหนุ่มที่กำลังตกตะลึงอยู่ อวี๋ซื่อจงรีบงอคันธนูและตั้งศรธนูอย่างรวดเร็วอวี๋ซื่อจงเคยเป็นหนึ่งในสมาชิกของกองทหารโลหิตมาก่อน ดังนั้นจึงไม่ต้องพูดถึงทักษะการยิงธนูของเขาเขายิงธนูออกไปถูกคอของทหาร
ทหารม้าเป่ยหวนที่นำโดยอู้เลี่ยและปานปู้จ้องมองที่ด้านบนของหุบเขาอย่างว่างเปล่าใบหน้าของทุกคนเต็มไปด้วยความโศกเศร้าและความโกรธแต่กลับทำอะไรไม่ได้เลยถึงพวกเขาจะพุ่งเข้าไปในตอนนี้ ก็ไม่มีความหมายอะไรนอกจากรนหาที่ตายยิ่งไปกว่านั้น กำแพงไฟที่ปากหุบเขายังขวางทางพวกเขาอยู่ ทำให้พวกเขาไม่สามารถเร่งผ่านเข้าไปได้!“ทิ้งม้า! แล้วปีนขึ้นไปซะ!”“เรายังไม่แพ้!”“ปีนขึ้นไปและฆ่าคนต้าเฉียนไอ้เวรพวกนี้ให้หมด!”อู้เลี่ยตะโกนอย่างบ้าคลั่ง“องค์ชายใหญ่ ไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ!คนที่อยู่ข้างๆ กดมือของอู้เลี่ย และพูดอย่างกังวลว่า "ในเมื่อศัตรูรู้แล้วว่าเราจะโจมตีค่าย ดังนั้นพวกเขาย่อมต้องเตรียมการซุ่มโจมตีอย่างแน่นอน หากเราปีนขึ้นไปตอนนี้ก็มีแต่ตายเท่านั้น!"หากพวกเขาทิ้งม้าแล้วปีนขึ้นไปบนหุบเขา เกรงว่ายังขึ้นไปไม่ถึงครึ่งทาง ฝนธนูคงจะตกลงมาก่อนแล้ว!ถึงครานั้น คนของพวกเขาไม่ก็ตกผาตาย ไม่ก็ถูกยิงตาย!ในเวลานี้ ห้ามทำให้สูญกองกำลังทหารไปเปล่าๆ อีกต่อไป“แล้วจะดูพวกเขาตายอยู่อย่างนี้หรือ?”ดวงตาสีแดงเลือดของอู้เลี่ยดุร้ายราวกับสัตว์ร้ายกินคน"ถอยทัพเถอะ!"คนข้างๆ หันหน้าไปด้านข้างอย่างเจ็บปวดใจแล